xs
xsm
sm
md
lg

Mercedes-Benz SLK : โฉมใหม่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุ่นเครื่องกันอยู่พักใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว ถึงตอนนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ฤกษ์เผยเจนเนอเรชันที่ 3 ของโรดสเตอร์สุดหรูหลังคาแข็งพับได้อย่าง SLK-Class ออกมาแล้ว พลิกโฉมใหม่ทั้งคันเพิ่มความสวยและความสปอร์ต และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมกับ 3 ทางเลือกของเครื่องยนต์เบนซินสำหรับช่วงแรก ส่วนใครที่ต้องการความเร้าใจกับเครื่องยนต์วี8 รหัส SLK63AMG ต้องรอกันอีกสักระยะ


ชื่อของ SLK เป็นที่รู้จักในตลาดโลกเมื่อปี 1996 โดยนอกจากจะเป็นการบุกตลาดโรดสเตอร์ไซส์เล็กด้วยสายพันธุ์ใหม่เพื่อแข่งกับบีเอ็มดับเบิลยู แซด3, ปอร์เช่ บ็อกสเตอร์ และออดี้ ทีทีแล้ว ค่ายดาว 3 แฉกยังเปิดตลาดด้วยความโดดเด่นของชุดหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรถสปอร์ตเปิดประทุนไม่ว่าจะระดับหรูหรา หรือระดับบ้านๆ

สำหรับโฉมใหม่นี้เป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ของ SLK มาพร้อมรหัส R172 ซึ่งทันทีที่เผยโฉมให้เห็นหน้าตากัน ฝ่ายค่ายดาว 3 แฉกก็เริ่มรับจองและส่งขายในยุโรปทันที โดยในแง่ของรายละเอียดแล้วทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเปิดเผยออกมาไม่มากนัก แต่ที่แน่ๆ SLK ใหม่จะสร้างมาตรฐานใหม่ของสปอร์ตเปิดประทุนอีกครั้ง โดยรุ่นนี้จะมีการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย


แต่ที่เด่นสุดคือ หลังคากระจกแบบพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า MAGIC SKY CONTROL ซึ่งกระจกรุ่นนี้จะมีลักษณะโปร่งใส ทำให้สามารถผู้ขับสามารถรับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเปิดประทุน แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็จะมีปุ่มกดเพิ่มความเข้มของกระจกได้โดยอัตโนมัติ ส่วนอีกอันคือ AIRGUIDE ซึ่งจะเป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันสภาพลมหมุนวนที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารขณะแล่นเปิดประทุน

ในด้านการออกแบบของตัวรถนั้น รูปลักษณ์ภายนอกถูกผสมผสานสไตล์มาจากสปอร์ตรุ่นใหญ่อย่าง SLS AMG บวกกับ CLS ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะที่ในด้านความเพรียวลมของตัวรถมั่นใจได้ว่าดีขึ้นแน่นอน เพราะค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทาน หรือ CD ลดลงจากรุ่นเดิมซึ่งอยู่ที่ 0.32 มาอยู่ที่ 0.30


3 ทางเลือกของเครื่องยนต์เพื่อตอบสนองความเร้าใจในการขับเคลื่อน แบ่งเป็น 4 สูบ 2 รุ่น และอีก 1 รุ่นเป็นวี6 โดยเป็นขุมพลังเบนซินล้วนๆ เริ่มจากรุ่น SLK200BlueEFFICIENCY สวมเครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,800 ซีซี เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อน มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 7 วินาที และความเร็วปลาย 237 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อีกรุ่นเป็นรหัส SLK250BlueEFFICIENCY ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน แต่เพิ่มเรี่ยวแรงมาเป็น 204 แรงม้า ทำให้ฝีเท้าจัดจ้านขึ้นด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 6.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 243 กิโลเมตร/ชั่วโมง และปิดท้ายในช่วงนี้กับเครื่องยนต์วี6 3,500 ซีซี รหัส SLK350BlueEFFICIENCY ทะยานด้วยกำลังขับเคลื่อน 306 แรงม้า ใช้เวลา 5.6 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง


ในรุ่น 4 สูบติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ก็มีเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะรุ่น 7G-Tronic ติดตั้งมาให้เป็นออพชั่น ส่วนรุ่นเครื่องยนต์วี6 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

สำหรับระบบช่วงล่าง นอกจากแบบมาตรฐานแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเพิ่มอีกทางเลือกสำหรับลูกค้าที่มีงบเหลือ และต้องการระบบช่วงล่างที่หนึบและตอบสนองการขับได้อย่างเร้าใจกับชุดแพ็คเกจที่เรียกว่า Dynamic Handling Package ติดตั้งระบบช่วงล่างแบบปรับระดับความหนืดได้ รวมถึงระบบใหม่อย่าง Direct-Steer ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการบังคับควบคุม และ Torque Vectors Break ลดความเสี่ยงของการเกิดอาการท้ายปัดเพราะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ช่วยเพิ่มการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง


ส่วนระบบความปลอดภัยติดตั้งครบครันตามมาตรฐาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งระบบ PRE-SAFE ตามด้วยระบบใหม่ที่นำมาใช้กับอี-คลาสเป็นครั้งแรกอย่าง ATTENTION ASSIST ช่วยตรวจสอบอาการหลับในของคนขับและแจ้งเตือนเพื่อความปลอดภัย

การรับจองเริ่มในยุโรปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา โดยตั้งราคาเอาไว้ที่ 38,675 ยูโร หรือ 1.55 ล้านบาทสำหรับรุ่น SLK200BlueEFFICIENCY ตามด้วยรุ่น SLK250BlueEFFICIENCY ในราคา 44,256 ยูโร หรือ 1.77 ล้านบาท และปิดท้ายกับรุ่น SLK350BlueEFFICIENCY ในราคา 52,300 ยูโร หรือ 2.09 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น