ข่าวต่างประเทศ - หลังจากทำท่าว่าจะสูญพันธุ์ไปจากตลาดเพราะว่ากระแสราคาน้ำมันอันดุเดือด บวกกับทางดอดจ์ทำท่าว่าจะขายสิทธิ์ในการผลิตไวเปอร์ไปให้กับบริษัทเอกชนรายอื่น แต่ในที่สุดเฟียตก็ระงับเอาไว้ได้ทัน และตั้งเป้าปลุกกระแสเจ้าอสรพิษตัวร้ายให้กลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง โดยตั้งเป้าจะเปิดตัวรุ่นใหม่แกะกล่องภายในปี 2013 และปรับบุคลิกของตัวรถให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าในระดับเดียวกับปอร์เช่ 911 รวมถึงยังหวังฉกกลุ่มคนรักรถคู่แข่งจากค่ายจีเอ็มอย่างเชฟโรเลต คอร์เว็ตต์อีกด้วย
ในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ ราล์ฟ จิลล์ หัวหน้าทีมออกแบบของไครสเลอร์เปิดเผยว่าตอนนี้โปรเจ็กต์การออกแบบและพัฒนาไวเปอร์รุ่นใหม่เดินหน้าไปแล้ว พร้อมกับบอกว่ารูปร่างและสไตล์การออกแบบของไวเปอร์ใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘สาวๆ ยามเมื่อเปลือยอยู่บนชายหาด’ ดังนั้น ‘ไวเปอร์ใหม่สวยและสามารถดึงดูดสายตาทุกคู่อย่างแน่นอน’ จิลล์กล่าว
นอกจากนั้น จิลล์ ซึ่งนั่นแท่นหัวหน้าทีมออกแบบของดอดจ์อีกตำแหน่ง ยังกล่าวอีกว่า ในฐานะที่รถสปอร์ตรุ่นนี้เปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ และเป็นสิ่งที่สื่อให้เห็นถึงความแรงภายใต้แบรนด์ที่เน้นความเร้าใจ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับเขาในการที่จะต้องปรับปรุงและสร้างสรรค์รถสปอร์ตรุ่นนี้ให้มีความโดดเด่น
ไครสเลอร์ ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้การจัดการและดูแลโดยทางเฟียตแห่งอิตาลีนั้น ต้องการสร้างไวเปอร์ใหม่ให้มีความสวยและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมมากพอที่จะสามารถดึงดูดใจลูกค้าของทั้งปอร์เช และเชฟโรเลต คอร์เว็ตตให้หันมาสนใจ และแน่นอนจิลล์ต่อท้ายอีกนิดว่า จำนวนการขายไม่ใช้ประเด็นสำคัญ แต่เชื่อว่าไวเปอร์รุ่นนี้จะสามารถทำกำไรให้หกับดอดจ์ และไครสเลอร์อย่างแน่นอน
ไวเปอร์เป็นรถสปอร์ตที่ดอดจ์เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 1992 และทำตลาดเรื่อยมาจนถึงรุ่นที่เพิ่งเลิกผลิตไปเมื่อกลางปี 2010 ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 โดยในปีที่แล้วไวเปอร์มียอดขาย 392 คัน ซึ่งลดลงจาก 482 คันในปี 2009 และ 1,172 คันในปี 2008
รีเบคก้า ลินด์แลนด์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของ IHS Automotive เปิดเผยว่า ดอดจ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างไวเปอร์ให้เกิดแรงบันดาลใจและพลังที่จะดึงดูดใจให้กับลูกค้า ซึ่งการเปิดตัวรุ่นใหม่จะถือว่าเป็นการพลิกโฉมและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตลาดรถสปอร์ตเลยทีเดียว
‘ตอนนี้ลูกค้าที่เป็นคนวัยหนุ่มมีไม่เยอะเท่าไร ซึ่งหมายถึงคนที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปี และกลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็นลูกค้าหลักของตลาดมัสเซิลคาร์ เพราะพวกเขาต่างมีตัวเลือกอยู่ในใจอยู่แล้วระหว่างคอร์เว็ตต์ กับไวเปอร์ และนี่คืออีกงานที่ท้าทายของดอดจ์’ ลินด์แลนด์กล่าว
ไวเปอร์เลิกผลิตไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และภายใต้แผนการฟื้นฟูกิจการของไครสเลอร์จำนวน 5 ปีภายใต้การบริหารของเฟียตทำให้โครงการนี้ต้องชะลอไปพักหนึ่ง และจะเริ่มกลับมาทำตลาดอีกครั้งในปี 2013 โดยทางจิลล์เผยว่าไวเปอร์ใหม่จะไม่ได้ข้องเกี่ยวทางด้านวิศวกรรมของเฟอร์รารี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทของเฟียต โดยนอกจากจะขายในสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังจะมีการส่งไปขายในยุโรปอีกด้วย
ในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ ราล์ฟ จิลล์ หัวหน้าทีมออกแบบของไครสเลอร์เปิดเผยว่าตอนนี้โปรเจ็กต์การออกแบบและพัฒนาไวเปอร์รุ่นใหม่เดินหน้าไปแล้ว พร้อมกับบอกว่ารูปร่างและสไตล์การออกแบบของไวเปอร์ใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘สาวๆ ยามเมื่อเปลือยอยู่บนชายหาด’ ดังนั้น ‘ไวเปอร์ใหม่สวยและสามารถดึงดูดสายตาทุกคู่อย่างแน่นอน’ จิลล์กล่าว
นอกจากนั้น จิลล์ ซึ่งนั่นแท่นหัวหน้าทีมออกแบบของดอดจ์อีกตำแหน่ง ยังกล่าวอีกว่า ในฐานะที่รถสปอร์ตรุ่นนี้เปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ และเป็นสิ่งที่สื่อให้เห็นถึงความแรงภายใต้แบรนด์ที่เน้นความเร้าใจ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับเขาในการที่จะต้องปรับปรุงและสร้างสรรค์รถสปอร์ตรุ่นนี้ให้มีความโดดเด่น
ไครสเลอร์ ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้การจัดการและดูแลโดยทางเฟียตแห่งอิตาลีนั้น ต้องการสร้างไวเปอร์ใหม่ให้มีความสวยและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมมากพอที่จะสามารถดึงดูดใจลูกค้าของทั้งปอร์เช และเชฟโรเลต คอร์เว็ตตให้หันมาสนใจ และแน่นอนจิลล์ต่อท้ายอีกนิดว่า จำนวนการขายไม่ใช้ประเด็นสำคัญ แต่เชื่อว่าไวเปอร์รุ่นนี้จะสามารถทำกำไรให้หกับดอดจ์ และไครสเลอร์อย่างแน่นอน
ไวเปอร์เป็นรถสปอร์ตที่ดอดจ์เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 1992 และทำตลาดเรื่อยมาจนถึงรุ่นที่เพิ่งเลิกผลิตไปเมื่อกลางปี 2010 ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 โดยในปีที่แล้วไวเปอร์มียอดขาย 392 คัน ซึ่งลดลงจาก 482 คันในปี 2009 และ 1,172 คันในปี 2008
รีเบคก้า ลินด์แลนด์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของ IHS Automotive เปิดเผยว่า ดอดจ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างไวเปอร์ให้เกิดแรงบันดาลใจและพลังที่จะดึงดูดใจให้กับลูกค้า ซึ่งการเปิดตัวรุ่นใหม่จะถือว่าเป็นการพลิกโฉมและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับตลาดรถสปอร์ตเลยทีเดียว
‘ตอนนี้ลูกค้าที่เป็นคนวัยหนุ่มมีไม่เยอะเท่าไร ซึ่งหมายถึงคนที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปี และกลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็นลูกค้าหลักของตลาดมัสเซิลคาร์ เพราะพวกเขาต่างมีตัวเลือกอยู่ในใจอยู่แล้วระหว่างคอร์เว็ตต์ กับไวเปอร์ และนี่คืออีกงานที่ท้าทายของดอดจ์’ ลินด์แลนด์กล่าว
ไวเปอร์เลิกผลิตไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และภายใต้แผนการฟื้นฟูกิจการของไครสเลอร์จำนวน 5 ปีภายใต้การบริหารของเฟียตทำให้โครงการนี้ต้องชะลอไปพักหนึ่ง และจะเริ่มกลับมาทำตลาดอีกครั้งในปี 2013 โดยทางจิลล์เผยว่าไวเปอร์ใหม่จะไม่ได้ข้องเกี่ยวทางด้านวิศวกรรมของเฟอร์รารี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทของเฟียต โดยนอกจากจะขายในสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังจะมีการส่งไปขายในยุโรปอีกด้วย