สปอร์ตรุ่นเล็กเครื่องยนต์วางกลางแบบวี8 อย่าง 430 ของค่ายเฟอร์รารี่เตรียมนับถอยหลังในการตกรุ่นได้แล้ว เพราะในตอนนี้ค่ายม้าป่าผยองจัดการเผยโฉมสปอร์ตใหม่ในชื่อ 458 Italia ออกมาแล้ว เตรียมเผยโฉมคันจริงให้สัมผัสในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 หรือ IAA2009 เดือนกันยายนนี้

ประเดิมตลาดกันด้วยตัวถังคูเป้ 2 ที่นั่ง หรือ Berlinetta กันก่อน เพื่อแทนที่ 430 ซึ่งวางขายมาตั้งแต่ปี 2004 และมีการเปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคมนี้จะมีการปิดไลน์ผลิตที่มาราเนลโลซึ่ง 430 คันสุดท้ายจะถูกผลิตเป็นเวอร์ชขันพิเศษเพื่อมอบให้กับผู้ที่ประมูลได้ในระหว่างงานการกุศลระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวในอิตาลีเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
สำหรับ 458 Italia มากับตัวถังทีค่มีความยาวในระดับ 4,527 มิลลิเมตร กว้าง 1,937 มิลลิเมต สูง 1,213 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร เสริมสวยล้อล้อแม็กขนาด 20 นิ้วทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลัง 42:58% โดยยึดเลย์เอาท์ในรูปแบบสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางขับเคลื่อนล้อหลัง จากการที่ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมบวกกับวัสดุที่มีน้ำหนักเบาในการผลิตตัวถัง ทำให้มีน้ำหนักรถเปล่า (Dry Weight) อยู่ที่ 1,380 กิโลกรัม

เฟอร์รารี่เผยว่า 458 Italia เป็นผลผลิตที่ตกผลึกมาจากเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่เฟอร์รารี่สั่งสมในฟอร์มูล่า วันมามากกว่า 50 ปี โดยรูปลักษณ์ภายนอกได้รับการสร้างสรรค์จากพินินฟารินา ซึ่งเน้นทั้งความสวยและประโยชน์ใช้สอย เพราะว่ารูปทรงของตัวรถสามารถสร้างแรงกดเพื่อการทรงตัวที่ดีในขณะขับด้วยความเร็วสูง ซึ่งเมื่อขับด้วยความเร็วในระดับ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมงจะมีน้ำหนักกดลงมาบนตัวถังในระดับ 140 กิโลกรัม
ขณะที่ภายในห้องโดยสารเป็นผลงานความร่วมมือระหว่างทีมออกแบบของพินินฟารินากับมิชาเอล ชูมัคเกอร์ แชมป์โลกฟอร์มูลา วัน ที่มาโด่งดังอย่างมากกับเฟอร์รารี่ เพราะแชมป์โลก 5 จาก 7 สมัยของเขาทำได้ขณะที่สวมชุดสีแดงเพลิง โดยเฉพาะพวงมาลัยที่ได้รับการออกแบบโดยอิงจากรถแข่ง F1
เครื่องยนต์วี8 ทวินแคม 32 วาล์ว ที่วางอยู่ด้านหลังห้องโดยสาร ถือเป็นอีกจุดเด่นของตัวรถ เพราะได้รับการพัฒนาให้มีความทันสมัยขึ้น มี่ทั้งแรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้นจากบล็อกวี8 ที่วางอยู่ใน 430 แถมยังเป็นเครื่องยนต์บล็อกแรกของเฟอร์รารี่ที่มากับระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน Di แบบจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง

ตัวเลขความจุอยู่ที่ 4,499 ซีซี มีกำลังสูงสุด 570 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 55.0 กก.-ม. ที่ 6,000 รอบ/นาที แม้จะเป็นเครื่องยนต์รอบจัด ซึ่งทั้งแรงม้ากับแรงบิดมาในรอบที่ค่อนข้างสูง แต่เฟอร์รารี่ก็ออกแบบให้เน้นการขับที่สบายแบบแรงไม่ตกสำหรับการคลานท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่นในเมืองโดย 80% ของแรงบิดจะถูกถ่ายทอดออกมาตั้งแต่ 3,250 รอบ/นาที โดยเมื่อเปรียบเทียบแรงม้าและแรงบิดต่อลิตรแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยตัวเลข 127 แรงม้าต่อลิตร และแรงบิด 12.2 กก.-ม. ต่อลิตร
จากน้ำหนักตัวที่เบา ซึ่งทำให้ม้า 1 ตัวแบกน้ำหนักเพียง 2.42 กิโลกรัม ทำให้สมรรถนะทั้งตีนต้นและตีนปลายจัดจ้านเอาเรื่อง ด้วยตัวเลข 3.4 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 325 กิโลเมตร/ชั่วโมงสำหรับความเร็วปลาย โดยระบบช่วงล่างหน้าเป็นปีกนก 2 ชั้น และด้านหลังแบบมัลติลิงก์ พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ Dual Clutch F1 Shift 7 จังหวะ

ในเรื่องความปลอดภัยก็มากันครบทั้งเอบีเอสที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับรถสปอร์ต ระบบ E-Diff and F1-Trac ซึ่งทั้งหมดใช้กล่อง ECU ของเครื่องยนต์ ควบคุมการทำงานทั้งหมด ส่วนเบรกมั่นใจได้ว่าสามารถสยบม้าฝูงโต เพราะการเบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงจนหยุดสนิทใช้ระยะทาง 32.5 เมตร
หลังการเปิดตัวแล้วคงต้องรอกันสักระยะ เศรษฐีที่สนใจก็ต้องเก็บเงินรอกันไปก่อน เพราะกว่าจะเริ่มขายและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ต้องรอจนถึงประมาณเดือนมีนาคม 2010 โดยที่ราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้

ประเดิมตลาดกันด้วยตัวถังคูเป้ 2 ที่นั่ง หรือ Berlinetta กันก่อน เพื่อแทนที่ 430 ซึ่งวางขายมาตั้งแต่ปี 2004 และมีการเปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคมนี้จะมีการปิดไลน์ผลิตที่มาราเนลโลซึ่ง 430 คันสุดท้ายจะถูกผลิตเป็นเวอร์ชขันพิเศษเพื่อมอบให้กับผู้ที่ประมูลได้ในระหว่างงานการกุศลระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวในอิตาลีเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
สำหรับ 458 Italia มากับตัวถังทีค่มีความยาวในระดับ 4,527 มิลลิเมตร กว้าง 1,937 มิลลิเมต สูง 1,213 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร เสริมสวยล้อล้อแม็กขนาด 20 นิ้วทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลัง 42:58% โดยยึดเลย์เอาท์ในรูปแบบสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางขับเคลื่อนล้อหลัง จากการที่ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมบวกกับวัสดุที่มีน้ำหนักเบาในการผลิตตัวถัง ทำให้มีน้ำหนักรถเปล่า (Dry Weight) อยู่ที่ 1,380 กิโลกรัม
เฟอร์รารี่เผยว่า 458 Italia เป็นผลผลิตที่ตกผลึกมาจากเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่เฟอร์รารี่สั่งสมในฟอร์มูล่า วันมามากกว่า 50 ปี โดยรูปลักษณ์ภายนอกได้รับการสร้างสรรค์จากพินินฟารินา ซึ่งเน้นทั้งความสวยและประโยชน์ใช้สอย เพราะว่ารูปทรงของตัวรถสามารถสร้างแรงกดเพื่อการทรงตัวที่ดีในขณะขับด้วยความเร็วสูง ซึ่งเมื่อขับด้วยความเร็วในระดับ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมงจะมีน้ำหนักกดลงมาบนตัวถังในระดับ 140 กิโลกรัม
ขณะที่ภายในห้องโดยสารเป็นผลงานความร่วมมือระหว่างทีมออกแบบของพินินฟารินากับมิชาเอล ชูมัคเกอร์ แชมป์โลกฟอร์มูลา วัน ที่มาโด่งดังอย่างมากกับเฟอร์รารี่ เพราะแชมป์โลก 5 จาก 7 สมัยของเขาทำได้ขณะที่สวมชุดสีแดงเพลิง โดยเฉพาะพวงมาลัยที่ได้รับการออกแบบโดยอิงจากรถแข่ง F1
เครื่องยนต์วี8 ทวินแคม 32 วาล์ว ที่วางอยู่ด้านหลังห้องโดยสาร ถือเป็นอีกจุดเด่นของตัวรถ เพราะได้รับการพัฒนาให้มีความทันสมัยขึ้น มี่ทั้งแรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้นจากบล็อกวี8 ที่วางอยู่ใน 430 แถมยังเป็นเครื่องยนต์บล็อกแรกของเฟอร์รารี่ที่มากับระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน Di แบบจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง
ตัวเลขความจุอยู่ที่ 4,499 ซีซี มีกำลังสูงสุด 570 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 55.0 กก.-ม. ที่ 6,000 รอบ/นาที แม้จะเป็นเครื่องยนต์รอบจัด ซึ่งทั้งแรงม้ากับแรงบิดมาในรอบที่ค่อนข้างสูง แต่เฟอร์รารี่ก็ออกแบบให้เน้นการขับที่สบายแบบแรงไม่ตกสำหรับการคลานท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่นในเมืองโดย 80% ของแรงบิดจะถูกถ่ายทอดออกมาตั้งแต่ 3,250 รอบ/นาที โดยเมื่อเปรียบเทียบแรงม้าและแรงบิดต่อลิตรแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยตัวเลข 127 แรงม้าต่อลิตร และแรงบิด 12.2 กก.-ม. ต่อลิตร
จากน้ำหนักตัวที่เบา ซึ่งทำให้ม้า 1 ตัวแบกน้ำหนักเพียง 2.42 กิโลกรัม ทำให้สมรรถนะทั้งตีนต้นและตีนปลายจัดจ้านเอาเรื่อง ด้วยตัวเลข 3.4 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 325 กิโลเมตร/ชั่วโมงสำหรับความเร็วปลาย โดยระบบช่วงล่างหน้าเป็นปีกนก 2 ชั้น และด้านหลังแบบมัลติลิงก์ พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ Dual Clutch F1 Shift 7 จังหวะ
ในเรื่องความปลอดภัยก็มากันครบทั้งเอบีเอสที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับรถสปอร์ต ระบบ E-Diff and F1-Trac ซึ่งทั้งหมดใช้กล่อง ECU ของเครื่องยนต์ ควบคุมการทำงานทั้งหมด ส่วนเบรกมั่นใจได้ว่าสามารถสยบม้าฝูงโต เพราะการเบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงจนหยุดสนิทใช้ระยะทาง 32.5 เมตร
หลังการเปิดตัวแล้วคงต้องรอกันสักระยะ เศรษฐีที่สนใจก็ต้องเก็บเงินรอกันไปก่อน เพราะกว่าจะเริ่มขายและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ต้องรอจนถึงประมาณเดือนมีนาคม 2010 โดยที่ราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้