ดูเหมือนจะกลายเป็นวิถีที่สวนกระแสเศรษฐกิจโลก เพราะขณะที่สถานการณ์ในเรื่องนี้ยังมีแต่ข่าวร้ายมากกว่าดี แต่ดูเหมือนว่าตลาดรถสปอร์ตในกลุ่มซูเปอร์คาร์ โดยเฉพาะพวกที่เป็น Niche Market จริงๆ กลับมีความเคลื่อนไหวออกมาให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องเพื่อยั่วน้ำลายบรรดาเศรษฐีที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้จนลงอย่างที่คิด เพราะหลายต่อหลายค่ายต่างผลัดกันออกมานำเสนอทางเลือกใหม่ของความเร้าใจเพื่อยั่วน้ำลายบรรดาแฟนๆ ที่ชื่นชอบความแรง
เล็กซัสควงเบนซ์เตรียมเปิดตัวสปอร์ตใหม่
เริ่มกับเล็กซัสกับโปรเจ็กต์ LF-A ที่ในตอนแรกมีข่าวว่าโดนพิษของราคาน้ำมันเล่นงานจนหล่นจากชาร์จการเปิดตัวไปแล้ว แต่สุดท้ายเรื่องนี้กลับเป็นข่าวลวงเสียแล้ว เพราะโตโยต้านำรถสปอร์ตต้นแบบที่เปิดตัวในปี 2005 มาสานต่อเพื่อทำเป็นตัวแข่งภายใต้ชื่อ Gazoo Racing Team เพื่อเข้าร่วมรายการแข่ง 24 ชั่วโมงที่สนามนูร์บูร์กริง ประเทศเยอรมนีเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (แม้จะไฟไหม้ไป 1 คัน และอีกคันจบการแข่งขันในอันดับที่ 87 โอเวอร์ออลล์ หรือที่ 8 สำหรับคลาสตัวเอง) พร้อมกับมีข่าวว่าคันจริงเตรียมเปิดตัวให้เห็นแน่นอนในโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2009 เดือนตุลาคมนี้
เหตุที่ข่าวนี้น่าจะมีใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากก็เพราะว่าหน้าตาของตัวแข่งแตกต่างจากตัวต้นแบบอย่างมากและถูกฟันธงว่าจะเป็นรูปลักษณ์สำหรับใช้ในการผลิตจริง เช่นเดียวกับคลาสที่ลงแข่ง คือ SP8 ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับรถยนต์ที่มีสเปกใกล้เคียงกับรถยนต์สำหรับขายจริงในตลาด ขณะที่เครื่องยนต์ของตัวแข่ง (และรุ่นจำหน่ายจริง) ก็เป็นแบบวี10 บล็อกใหม่ที่มีความจุ 4,800 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 550 แรงม้า และทำความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด LF-A จะถูกส่งขายผ่านแบรนด์เล็กซัสทั้งในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นช่วงต้นปี 2010 และราคาจะแรงเอาเรื่อง โดยตั้งเอาไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 200,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 7 ล้านบาท
ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เอง ก็เปิดเผยความเคลื่อนไหวอีกระลอกของโปรเจ็กต์ ซูเปอร์คาร์รุ่นเล็กในรหัส SLS AMG ซึ่งในตอนนี้มีการเผยภาพจริงของห้องโดยสารออกมาแล้ว พร้อมกับบางเสี้ยวของตัวถัง ซึ่งทำให้เชื่อได้เลยว่า SLS จะมากับประตูแบบปีกนก หรือ Gullwing เหมือนกับ 300SL ส่วนการเปิดตัวจริงจะมีขึ้นในปี 2010
เช่นเดียวกับโครงสร้างตัวถัง ทีมงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์จัดการนำวัสดุที่มีน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ และอะลูมิเนียมมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยู่ภายใน ขณะที่งานออกแบบอิงแนวทางของการออกแบบแผงหน้าปัดในคอกพิตเครื่องบินเจ็ตภายใต้แนวคิด Aviation Engineering พร้อมระบบเสียงแบบไฮเอนด์จาก Bang&Olufsen
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็เหมือนกับที่เคยเปิดผยมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็รวมถึงเครื่องยนต์วี8 6,208 ซีซี 571 แรงม้า ที่ 6,800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 68.6 กก.-ม. ที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ SPEEDSHIFT 7 จังหวะพร้อมโหมด E-SELECT เลือกตำแหน่งเกียร์ P-R-N-D ผ่านคันเกียร์เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป แต่เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ผ่านทางแป้น +/- ด้านหลังพวงมาลัย แถมยังมีปุ่ม RACESTART ทำหน้าที่คล้าย LAUNCH CONTROL เพื่อช่วยในการออกตัวที่รวดเร็ว ทำให้ตัวรถมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.8 วินาที และความเร็วปลาย 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ยังมีอีกความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับรถจากค่ายดาว 3 แฉก แต่คราวนี้เป็นเรื่องการตัดหน้า เพราะขณะที่เวอร์ชัน AMG ยังเดินทางมาไม่ถึงตัวถังอี-คลาส คูเป้ใหม่ ทางบราบัสก็เลยตัดหน้าก่อนด้วยการออกอี-คบาส คูเป้ตัวแต่งที่โมดิฟายแบบเบาะๆ สำหรับรุ่น E500 (หรือ E550 สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา) และเสริมสวยด้วยชุดแต่งรอบคันรวมถึงล้อแม็กมาตรฐานขนาด 19 นิ้ว หรือ 20 นิ้วสำหรับออพชั่นที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
บราบัสจับเครื่องยนต์วี8 มาเพิ่มความจุขึ้นมาเป็น 6,100 ซีซีจากเดิม 5,500 ซีซี มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 62.6 กก.-ม. ที่ 3,100 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ตรงนี้คงเป็นโปรเจ็กต์แก้ขัดสำหรับเอาใจลูกค้าที่อยากได้อี-คลาส คูเป้แบบแรงพอประมาณ ใช้งานแบบชิลๆ ได้ทุกวัน เพราะเชื่อเลยว่าตัวโหดที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์แบบวี12 เหมือนกับพวกความหรูพลังแรงในรหัส EV12 จะต้องมีตามออกมาอย่างแน่นอน
ความแรงเพื่อเศรษฐีตัวจริงเท่านั้น
สำหรับตลาดซูเปอร์คาร์เฉพาะกลุ่มก็ใช่ย่อย เพราะหลายต่อหลายค่ายตบเท้าเปิดตัวผลผลิตใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละรุ่นแรงทั้งสมรรถนะและราคาขายเวลาจอดอยู่บนโชว์รูม
รุ่นแรก คือ GTA Spano ซูเปอร์คาร์จากสเปน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของวงการยานยนต์แดนกระทิงดุที่ไม่ได้มีดีแค่รถยนต์จ่ายกับข่าวอย่างเซียท โดยรุ่น Spano เป็นสปอร์ตคูเป้ แบบเครื่องยนต์วางกลางที่มีน้ำหนักเบาเพียง 1.35 ตันด้วยส่วนผสมของสุดยอดวัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์, เคฟลาร์, ไททาเนียม และอะลูมิเนียมที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ
สำหรับเครื่องยนต์เป็นการยกขุมพลังวี10 8,300 ซีซีของดอดจ์ ไวเปอร์มาเติมความแรงด้วยซูเปอร์ชาร์จ แถมยังเลือกแรงได้ตามน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ ซึ่งถ้าเติมเบนซินธรรมดาจะมีกำลังสูงสุด 780 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที และจะเพิ่มเป็น 840 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาทีเมื่อเติม E90 ส่วนแรงบิดสูงสุดเท่ากันที่ 93.7 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติ 7 จังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ในรูปแบบซีเควนเชียล ส่วนค่าตัวตั้งเอาไว้ที่ 670,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 23.4 ล้านบาท และมีการผลิตเพียง 99 คันเท่านั้น
ตามติดความเร้าใจของ Ariel Atom กับโปรเจ็กต์ใหม่ 500 ซึ่งเป็นการนำในรูปแบบคิตคาร์ 2 ที่นั่งตัวแรงซึ่งขายในตลาดมาตั้งแต่ปี 2005 มาเพิ่มฤทธิ์เดช ด้วยการวางเครื่องยนต์วี8 แบบ 5 วาล์วต่อสูบ ที่มีความจุเพียง 2,400 ซีซี ของ RS หรือ Russel Savory แต่รีดกำลังออกมาได้ 500 แรงม้า ที่รอบสูงสะใจถึง 10,000 รอบ/นาทีขณะที่ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 509 กิโลกรัมเท่านั้น จึงใช้เวลาต่ำกว่า 3 วินาทีสำหรับ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 7 วินาทีสำหรับ 0-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การทำตลาดจะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้หลังจากที่ทีมงานซุ่มพัฒนากันมานานตั้งแต่ปี 2008 โดยมีราคาประมาณ 160,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 5.6 ล้านบาทและจะมีการผลิตออกมาในปีนี้เพียง 25 คันเท่านั้น ส่วนปีหน้ายังไม่เปิดเผยว่าจะขายกี่คัน
อีกหนึ่งน้องใหม่ในวงการซูเปอร์คาร์เฉพาะกลุ่ม คือ ค่าย Novitec ซึ่งที่ผ่านมาคนทั่วไปรู้จักในฐานะที่เป็นสำนักแต่งซึ่งเน้นแบรนด์หรูอย่างจากัวร์ และเฟอร์รารี่ โดยสปอร์ตรุ่นใหม่ของพวกเขามีชื่อว่า TuLesto และเมื่อเห็นหน้าตาก็อย่าเพิ่งตกใจว่าเป็นงานรีเมกจากตัวถังของเฟอร์รารี่ เพราะจากการที่คลุกคลีกับการโมดิฟายม้าป่าผยองมานาน ก็เลยได้รับอิทธิพลในการออกแบบมาพอสมควร และใช้คาร์บอนไฟเบอร์บวกกับอะลูมิเนียมในการผลิตโครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถัง
ตัวรถเป็นสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำที่มีน้ำหนักตัวเพียง 1,260 กิโลกรัมบนตัวถังซึ่งยาว 4,620 มิลลิเมตร กว้าง 2,040 มิลลิเมตร และสูง 1,400 มิลลิเมตร เลือกสวยด้วยล้อแม็กขนาด 20 หรือ 21 นิ้วจากโรงงาน แรงเร้าใจกับเครื่องยนต์วี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 4,400 ซีซี ซูเปอร์ชาร์จ 777 แรงม้า ที่ 8,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 74.0 กก.-ม. ที่ 6,300 รอบ/นาทีส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ
งานนี้ผลิตเพียง 11 คันหมดแล้วหมดเลย แต่ราคายังไม่เปิดเผย แต่คงไม่ถูกอย่างแน่นอน ความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
ส่วนอีกคันที่แม้จะมีเงินมากแค่ไหนคงเป็นเรื่องยากที่จะได้ครอบครอง ก็คือ เฟอร์รารี่ F430 รุ่นพิเศษ ซึ่งมีตัวถังสีเงินคาดแถบกลางด้วยสีทอง และล้อแม็กสีทอง เพราะมีการผลิตเพียงคันเดียวเท่านั้นสำหรับใช้ในการประมูลเพื่อนำเงินมาสมทบช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่แคว้น Abruzzo ประเทศอิตาลี
ที่สำคัญนี่คือสปอร์ตคันสุดท้ายในไลน์ผลิตของ F430 นับจากเปิดตัวในตลาดมาตั้งแต่ปี 2004 โดยในปีหน้า เฟอร์รารี่จะเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่มาแทนที่ 430 อย่างแน่นอน
สำหรับผู้ที่ชนะการประมูลจะได้รับใบรับรองความใจบุญที่มีลายเซ็นของลูก้า ดิ มอนเตเซโมโล ประธานของเฟียตและเฟอร์รารี่ พร้อมกับได้รับเชิญมาที่โรงงานในมาราเนลโลเพื่อเลือกสเปกในการตกแต่งรายละเอียดภายในของเฟอร์รารี่คันนี้ด้วย
อีกคันเป็นการนำซูเปอร์คาร์ที่เลิกผลิตแล้วมาทำใหม่สำหรับเอาใจแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งพอร์ช คาร์เรรา จีที ถูกสำนักแต่งอย่าง GEMBALLA Automobiltechnik GmbH & Co. KG ในเยอรมนีกวาดเอาซูเปอร์คาร์รุ่นนี้มาดัดแปลงใหม่ด้วยการใช้โครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถังที่ผลิตโดยคาร์บอนไฟเบอร์ และตั้งชื่อรุ่นเอาไว้ว่า GEMBALLA MIRAGE GT Carbon Edition และมีการผลิตออกมาเพียง 5 คันเท่านั้น
เคริ่องยนต์วี10 ถูกเพิ่มกำลังขึ้นมาอยู่ที่ 670 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 64.2 กก.-ม. ที่ 5,700 รอบ/นาที ใช้เวลา 3.7 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วสูงสุด 335 กิโลเมตร/ชั่วโมงซึ่งทาง GEMBALLA อ้างว่าเร็วกว่าคาร์เรรา จีทีรุ่นมาตรฐานจากโรงงานอย่างแน่นอน
นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงระบบช่วงล่างให้เป็นแบบยกสูงได้ด้วยการกดปุ่มในห้องโดยสาร ซึ่งระบบจะยกความสูงทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวรถขึ้นจากระดับปกติ 45 มิลลิเมตรเพื่อความสะดวกเวลาข้ามตัวหนอนบนถนน หรือขึ้นที่จอดรถซึ่งมีทางลาดชัน และกดปุ่มเดิมเพื่อปรับสู่ระดับปกติ หรือถ้าลืม ระบบก็จะทำงานเองเมื่อตัวรถใช้ความเร็วเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5 คันเท่านั้นในโลก แพงแน่สำหรับคนธรรมดา
แต่สำหรับเศรษฐีที่กำลังมองหาซูเปอร์คาร์แบบพิเศษ ตัวเลขที่เปิดเผยออกมากลับไม่แพงอย่างที่คิด เพราะทาง GEMBALLA ตั้งเอาไว้ที่ 298,000 ยูโร หรือ 13.41 ล้านบาทเท่านั้นเอง
เล็กซัสควงเบนซ์เตรียมเปิดตัวสปอร์ตใหม่
เริ่มกับเล็กซัสกับโปรเจ็กต์ LF-A ที่ในตอนแรกมีข่าวว่าโดนพิษของราคาน้ำมันเล่นงานจนหล่นจากชาร์จการเปิดตัวไปแล้ว แต่สุดท้ายเรื่องนี้กลับเป็นข่าวลวงเสียแล้ว เพราะโตโยต้านำรถสปอร์ตต้นแบบที่เปิดตัวในปี 2005 มาสานต่อเพื่อทำเป็นตัวแข่งภายใต้ชื่อ Gazoo Racing Team เพื่อเข้าร่วมรายการแข่ง 24 ชั่วโมงที่สนามนูร์บูร์กริง ประเทศเยอรมนีเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (แม้จะไฟไหม้ไป 1 คัน และอีกคันจบการแข่งขันในอันดับที่ 87 โอเวอร์ออลล์ หรือที่ 8 สำหรับคลาสตัวเอง) พร้อมกับมีข่าวว่าคันจริงเตรียมเปิดตัวให้เห็นแน่นอนในโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2009 เดือนตุลาคมนี้
เหตุที่ข่าวนี้น่าจะมีใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากก็เพราะว่าหน้าตาของตัวแข่งแตกต่างจากตัวต้นแบบอย่างมากและถูกฟันธงว่าจะเป็นรูปลักษณ์สำหรับใช้ในการผลิตจริง เช่นเดียวกับคลาสที่ลงแข่ง คือ SP8 ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับรถยนต์ที่มีสเปกใกล้เคียงกับรถยนต์สำหรับขายจริงในตลาด ขณะที่เครื่องยนต์ของตัวแข่ง (และรุ่นจำหน่ายจริง) ก็เป็นแบบวี10 บล็อกใหม่ที่มีความจุ 4,800 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 550 แรงม้า และทำความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด LF-A จะถูกส่งขายผ่านแบรนด์เล็กซัสทั้งในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นช่วงต้นปี 2010 และราคาจะแรงเอาเรื่อง โดยตั้งเอาไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 200,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 7 ล้านบาท
ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เอง ก็เปิดเผยความเคลื่อนไหวอีกระลอกของโปรเจ็กต์ ซูเปอร์คาร์รุ่นเล็กในรหัส SLS AMG ซึ่งในตอนนี้มีการเผยภาพจริงของห้องโดยสารออกมาแล้ว พร้อมกับบางเสี้ยวของตัวถัง ซึ่งทำให้เชื่อได้เลยว่า SLS จะมากับประตูแบบปีกนก หรือ Gullwing เหมือนกับ 300SL ส่วนการเปิดตัวจริงจะมีขึ้นในปี 2010
เช่นเดียวกับโครงสร้างตัวถัง ทีมงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์จัดการนำวัสดุที่มีน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ และอะลูมิเนียมมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยู่ภายใน ขณะที่งานออกแบบอิงแนวทางของการออกแบบแผงหน้าปัดในคอกพิตเครื่องบินเจ็ตภายใต้แนวคิด Aviation Engineering พร้อมระบบเสียงแบบไฮเอนด์จาก Bang&Olufsen
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็เหมือนกับที่เคยเปิดผยมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็รวมถึงเครื่องยนต์วี8 6,208 ซีซี 571 แรงม้า ที่ 6,800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 68.6 กก.-ม. ที่ 4,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ SPEEDSHIFT 7 จังหวะพร้อมโหมด E-SELECT เลือกตำแหน่งเกียร์ P-R-N-D ผ่านคันเกียร์เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป แต่เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ผ่านทางแป้น +/- ด้านหลังพวงมาลัย แถมยังมีปุ่ม RACESTART ทำหน้าที่คล้าย LAUNCH CONTROL เพื่อช่วยในการออกตัวที่รวดเร็ว ทำให้ตัวรถมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.8 วินาที และความเร็วปลาย 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ยังมีอีกความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับรถจากค่ายดาว 3 แฉก แต่คราวนี้เป็นเรื่องการตัดหน้า เพราะขณะที่เวอร์ชัน AMG ยังเดินทางมาไม่ถึงตัวถังอี-คลาส คูเป้ใหม่ ทางบราบัสก็เลยตัดหน้าก่อนด้วยการออกอี-คบาส คูเป้ตัวแต่งที่โมดิฟายแบบเบาะๆ สำหรับรุ่น E500 (หรือ E550 สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา) และเสริมสวยด้วยชุดแต่งรอบคันรวมถึงล้อแม็กมาตรฐานขนาด 19 นิ้ว หรือ 20 นิ้วสำหรับออพชั่นที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
บราบัสจับเครื่องยนต์วี8 มาเพิ่มความจุขึ้นมาเป็น 6,100 ซีซีจากเดิม 5,500 ซีซี มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 62.6 กก.-ม. ที่ 3,100 รอบ/นาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ตรงนี้คงเป็นโปรเจ็กต์แก้ขัดสำหรับเอาใจลูกค้าที่อยากได้อี-คลาส คูเป้แบบแรงพอประมาณ ใช้งานแบบชิลๆ ได้ทุกวัน เพราะเชื่อเลยว่าตัวโหดที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์แบบวี12 เหมือนกับพวกความหรูพลังแรงในรหัส EV12 จะต้องมีตามออกมาอย่างแน่นอน
ความแรงเพื่อเศรษฐีตัวจริงเท่านั้น
สำหรับตลาดซูเปอร์คาร์เฉพาะกลุ่มก็ใช่ย่อย เพราะหลายต่อหลายค่ายตบเท้าเปิดตัวผลผลิตใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละรุ่นแรงทั้งสมรรถนะและราคาขายเวลาจอดอยู่บนโชว์รูม
รุ่นแรก คือ GTA Spano ซูเปอร์คาร์จากสเปน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของวงการยานยนต์แดนกระทิงดุที่ไม่ได้มีดีแค่รถยนต์จ่ายกับข่าวอย่างเซียท โดยรุ่น Spano เป็นสปอร์ตคูเป้ แบบเครื่องยนต์วางกลางที่มีน้ำหนักเบาเพียง 1.35 ตันด้วยส่วนผสมของสุดยอดวัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์, เคฟลาร์, ไททาเนียม และอะลูมิเนียมที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ
สำหรับเครื่องยนต์เป็นการยกขุมพลังวี10 8,300 ซีซีของดอดจ์ ไวเปอร์มาเติมความแรงด้วยซูเปอร์ชาร์จ แถมยังเลือกแรงได้ตามน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ ซึ่งถ้าเติมเบนซินธรรมดาจะมีกำลังสูงสุด 780 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที และจะเพิ่มเป็น 840 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาทีเมื่อเติม E90 ส่วนแรงบิดสูงสุดเท่ากันที่ 93.7 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติ 7 จังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ในรูปแบบซีเควนเชียล ส่วนค่าตัวตั้งเอาไว้ที่ 670,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 23.4 ล้านบาท และมีการผลิตเพียง 99 คันเท่านั้น
ตามติดความเร้าใจของ Ariel Atom กับโปรเจ็กต์ใหม่ 500 ซึ่งเป็นการนำในรูปแบบคิตคาร์ 2 ที่นั่งตัวแรงซึ่งขายในตลาดมาตั้งแต่ปี 2005 มาเพิ่มฤทธิ์เดช ด้วยการวางเครื่องยนต์วี8 แบบ 5 วาล์วต่อสูบ ที่มีความจุเพียง 2,400 ซีซี ของ RS หรือ Russel Savory แต่รีดกำลังออกมาได้ 500 แรงม้า ที่รอบสูงสะใจถึง 10,000 รอบ/นาทีขณะที่ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 509 กิโลกรัมเท่านั้น จึงใช้เวลาต่ำกว่า 3 วินาทีสำหรับ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 7 วินาทีสำหรับ 0-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การทำตลาดจะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้หลังจากที่ทีมงานซุ่มพัฒนากันมานานตั้งแต่ปี 2008 โดยมีราคาประมาณ 160,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 5.6 ล้านบาทและจะมีการผลิตออกมาในปีนี้เพียง 25 คันเท่านั้น ส่วนปีหน้ายังไม่เปิดเผยว่าจะขายกี่คัน
อีกหนึ่งน้องใหม่ในวงการซูเปอร์คาร์เฉพาะกลุ่ม คือ ค่าย Novitec ซึ่งที่ผ่านมาคนทั่วไปรู้จักในฐานะที่เป็นสำนักแต่งซึ่งเน้นแบรนด์หรูอย่างจากัวร์ และเฟอร์รารี่ โดยสปอร์ตรุ่นใหม่ของพวกเขามีชื่อว่า TuLesto และเมื่อเห็นหน้าตาก็อย่าเพิ่งตกใจว่าเป็นงานรีเมกจากตัวถังของเฟอร์รารี่ เพราะจากการที่คลุกคลีกับการโมดิฟายม้าป่าผยองมานาน ก็เลยได้รับอิทธิพลในการออกแบบมาพอสมควร และใช้คาร์บอนไฟเบอร์บวกกับอะลูมิเนียมในการผลิตโครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถัง
ตัวรถเป็นสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำที่มีน้ำหนักตัวเพียง 1,260 กิโลกรัมบนตัวถังซึ่งยาว 4,620 มิลลิเมตร กว้าง 2,040 มิลลิเมตร และสูง 1,400 มิลลิเมตร เลือกสวยด้วยล้อแม็กขนาด 20 หรือ 21 นิ้วจากโรงงาน แรงเร้าใจกับเครื่องยนต์วี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 4,400 ซีซี ซูเปอร์ชาร์จ 777 แรงม้า ที่ 8,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 74.0 กก.-ม. ที่ 6,300 รอบ/นาทีส่งกำลังด้วยเกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ
งานนี้ผลิตเพียง 11 คันหมดแล้วหมดเลย แต่ราคายังไม่เปิดเผย แต่คงไม่ถูกอย่างแน่นอน ความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
ส่วนอีกคันที่แม้จะมีเงินมากแค่ไหนคงเป็นเรื่องยากที่จะได้ครอบครอง ก็คือ เฟอร์รารี่ F430 รุ่นพิเศษ ซึ่งมีตัวถังสีเงินคาดแถบกลางด้วยสีทอง และล้อแม็กสีทอง เพราะมีการผลิตเพียงคันเดียวเท่านั้นสำหรับใช้ในการประมูลเพื่อนำเงินมาสมทบช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่แคว้น Abruzzo ประเทศอิตาลี
ที่สำคัญนี่คือสปอร์ตคันสุดท้ายในไลน์ผลิตของ F430 นับจากเปิดตัวในตลาดมาตั้งแต่ปี 2004 โดยในปีหน้า เฟอร์รารี่จะเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่มาแทนที่ 430 อย่างแน่นอน
สำหรับผู้ที่ชนะการประมูลจะได้รับใบรับรองความใจบุญที่มีลายเซ็นของลูก้า ดิ มอนเตเซโมโล ประธานของเฟียตและเฟอร์รารี่ พร้อมกับได้รับเชิญมาที่โรงงานในมาราเนลโลเพื่อเลือกสเปกในการตกแต่งรายละเอียดภายในของเฟอร์รารี่คันนี้ด้วย
อีกคันเป็นการนำซูเปอร์คาร์ที่เลิกผลิตแล้วมาทำใหม่สำหรับเอาใจแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งพอร์ช คาร์เรรา จีที ถูกสำนักแต่งอย่าง GEMBALLA Automobiltechnik GmbH & Co. KG ในเยอรมนีกวาดเอาซูเปอร์คาร์รุ่นนี้มาดัดแปลงใหม่ด้วยการใช้โครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถังที่ผลิตโดยคาร์บอนไฟเบอร์ และตั้งชื่อรุ่นเอาไว้ว่า GEMBALLA MIRAGE GT Carbon Edition และมีการผลิตออกมาเพียง 5 คันเท่านั้น
เคริ่องยนต์วี10 ถูกเพิ่มกำลังขึ้นมาอยู่ที่ 670 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 64.2 กก.-ม. ที่ 5,700 รอบ/นาที ใช้เวลา 3.7 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วสูงสุด 335 กิโลเมตร/ชั่วโมงซึ่งทาง GEMBALLA อ้างว่าเร็วกว่าคาร์เรรา จีทีรุ่นมาตรฐานจากโรงงานอย่างแน่นอน
นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงระบบช่วงล่างให้เป็นแบบยกสูงได้ด้วยการกดปุ่มในห้องโดยสาร ซึ่งระบบจะยกความสูงทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวรถขึ้นจากระดับปกติ 45 มิลลิเมตรเพื่อความสะดวกเวลาข้ามตัวหนอนบนถนน หรือขึ้นที่จอดรถซึ่งมีทางลาดชัน และกดปุ่มเดิมเพื่อปรับสู่ระดับปกติ หรือถ้าลืม ระบบก็จะทำงานเองเมื่อตัวรถใช้ความเร็วเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5 คันเท่านั้นในโลก แพงแน่สำหรับคนธรรมดา
แต่สำหรับเศรษฐีที่กำลังมองหาซูเปอร์คาร์แบบพิเศษ ตัวเลขที่เปิดเผยออกมากลับไม่แพงอย่างที่คิด เพราะทาง GEMBALLA ตั้งเอาไว้ที่ 298,000 ยูโร หรือ 13.41 ล้านบาทเท่านั้นเอง
