หลังประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับโปรเจ็กต์ FXX และ FXX Evoluzione ที่เกิดขึ้นในปี 2005 และ 2008 เฟอร์รารี่ยังเดินหน้าสานต่อโปรแกรมสนองความต้องการของบรรดาลูกค้าเศรษฐีที่พร้อมทุ่มไม่อั้นเพื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนารถสปอร์ตจากค่ายเฟอร์รารี่ โดยในคราวนี้เผยโปรเจ็กต์ใหม่แต่ยังมีเป้าหมายเหมือนเดิมอย่าง 599XX ออกมาแล้ว และจะมีการรับสมัครด้วยจำนวนจำกัดกับค่าสมัครที่มีจำนวนเกิน 1 ล้านยูโร หรือ 47 ล้านบาทเหมือนเดิม
FXX เป็นโปรเจ็กต์ที่เฟอร์รารี่คิดค้นขึ้นมาเพื่อดึงเงินในกระเป๋าของลูกค้าด้วยการนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ของการสัมผัสความเร้าใจด้วยตัวแรงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะซึ่งในตอนนั้น นำยอดซูเปอร์คาร์แบบ LE อย่างเอ็นโซ่ เฟอร์รารี่มาทำเป็นตัวแข่ง โดยลูกค้าจะได้เรียนรู้การขับรถแข่ง พร้อมกับมีโอกาสนำข้อมูลที่ได้ในระหว่างการเข้าร่วมโปรแกรมนี้มาใช้ในการพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่ๆ ของเฟอร์รารี่
จากการที่มีการรับสมัครจำนวนจำกัดเพียงไม่เกิน 30 คน ลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์นี้นอกจากจะต้องมีเงินค่าสมัครในระดับ 1.3 ล้านยูโร หรือกว่า 61 ล้านบาทแล้ว ยังจะต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ดีพอในการโน้มน้าวให้คณะกรรมการคัดเลือกอีกด้วย เรียกว่าแค่มีเงินอย่างเดียวยังไม่พอ
นอกจากนั้น เงินที่จ่ายไปก็เป็นค่าสมัครเท่านั้น ลูกค้าไม่สามารถถือสิทธิ์ครองรถแข่งของโปรแกรมนี้ นอกจากว่าจะยอมจ่ายเงินอีกประมาณ 1.5 ล้านยูโร หรือ 70.5 ล้านบาทเพื่อแลกสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของที่มีข้อจำกัดหยุมหยิม โดยเฉพาะประเด็นสำคัญอย่าง FXX จะต้องจอดอยู่ที่โรงงานของเฟอร์รารี่ ไม่สามารถนำไปขับบนถนนได้ ถ้าอยากซิ่งก็มาที่สนามแข่งเท่านั้น
ว่ากันว่ารถแข่ง FXX ในโปรเจ็กต์แรกมีการผลิตเพียง 29 คัน แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องที่ว่าลูกค้าคนไหนยอมควักเงินอีกก้อนเพื่อซื้อสิทธิ์นี้ จะมีก็แค่มิชาเอล ชูมัคเกอร์ที่ได้รับสิทธิ์พิเศษ เมื่อทางเฟอร์รารี่ผลิต FXX คันที่ 30 มอบให้เพื่อเป็นของขวัญในปีที่เขาประกาศรีไทร์จากสนามแข่ง F1
สำหรับโปรเจ็กต์ใหม่นี้ถูกเปิดเผยออกมาในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนี้เฟอร์รารี่เผยเพียงแค่รายละเอียดคร่าวๆ ของโครงการ แถมยังไม่มีภาพของตัวแข่งออกมาแจกกับสื่อมวลชนจนกระทั่งเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา 599XX ตัวแข่งก็มาพร้อมกับภาพทุกมุม
แน่นอนว่างานนี้ยังรับจำนวนจำกัดเช่นเคย แต่ทางเฟอร์รารี่ไม่ได้ระบุมาว่าจะมีจำนวนเท่าไร ขณะที่ตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของ 599GTB Fiorano ซึ่งเป็นสปอร์ตเครื่องยนต์วางด้านหน้าและเป็นตัวตายตัวแทนของ 550M หรือเปลี่ยนมาเป็นชื่อ 575M ในเวลาต่อมา โดยตัวรถได้รับการดัดแปลงเพื่อการใช้งานในสนามแข่ง พร้อมกับมีการออกแบบชุดแอโรพาร์ตใหม่รอบคันเพื่อลดแรงฉุด และเพิ่มแรงกดบนตัวถังในขณะที่แล่นอยู่ในสนามแข่ง
ประสบการณ์ด้านสนามแข่งของเฟอร์รารี่ทั้งในรายการ GT และ F1 ถูกนำมาใช้ ตัวถังถูกลดน้ำหนักด้วยการใช้คาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมมาใช้ในการผลิต ตัวรถมีการติดตั้งชิ้นส่วนที่เรียกว่า ActiFlow T สำหรับเพิ่มแรงกดบนตัวถัง หรือลดแรงต้านในขณะแล่นด้วยความเร็วสูงในช่วงเข้าโค้ง และเมื่อมีการทดสอบในอุโมงค์ลมพบว่า ตัวรถจะมีแรงกดประมาณ 280 กิโลกรัมบนตัวถังด้านท้ายเมื่อขับด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจะเพิ่มเป็น 650 กิโลกรัมเมื่อขับด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบเบรกมีการใช้ดิสก์แบบคาร์บอนเซรามิกจับคู่กับคาลิเปอร์แบบใหม่ล่าสุดที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ และนำรูปทรงของท่อนำอากาศทรงโดนัทสำหรับเป่าระบายความร้อนให้กับดิสก์เบรกที่ปรับปรุงมาจากรถแข่ง F1 มาใช้กับตัวแข่งรุ่นนี้
เครื่องยนต์วางอยู่ด้านหน้าเป็นแบบวี12 6,000 ซีซีซึ่งได้รับการขยับตัวเลขกำลังสูงสุดจาก 611 แรงม้า ที่ 7,600 รอบ/นาที มาอยู่ที่ 700 แรงม้าที่ 9,000 รอบ/นาที ส่วนชุดเกียร์ยกชุดมาจาก FXX Evoluzione ซึ่งก็มีการปรับปรุงในเรื่องการทำงานด้วยการลดระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละตำแหน่งให้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาเพียงแค่ 0.06 วินาที
เฟอร์รารี่เผยว่าโปรแกรมใหม่นี้จะเริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปีหน้า และจะมีการรับสมัครบรรดาเจ้าของรถสปอร์ตค่ายม้าลำพองเข้ามาร่วมในจำนวนจำกัดเช่นเคย เพียงแต่ไม่เปิดเผยว่าจะมีจำนวนตัวเลขมากน้อยจาก 2 โปรแกรมที่ผ่านมาขนาดไหน และที่แน่ๆ ค่าสมัครสำหรับงานนี้ มี 7 หลักเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
