xs
xsm
sm
md
lg

ต่อเนื่องที่เซปัง / เด็กปั๊ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ ON TRACK โดย เด็กปั๊ม

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา คอกีฬาความเร็วทางเรียบคงได้สัมผัสบรรยากาศกันอย่างเต็มอิ่มกันไปแล้ว สำหรับเอฟวันสนามแรกของฤดูกาล 2009 ที่อัลเบิร์ต พาร์ค ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งหลายคนรวมถึงผมเองเห็นกับตาจริงๆว่า "บรอว์นจีพี" แรงสมราคาเต็งหนึ่งจากพูลทุกสำนักจริงๆ

หลายคนคงสงสัยว่า เพราะเหตุใดทีมของ รอสส์ บรอว์น ที่เริ่มต้นทดสอบรถช้ากว่าทีมอื่นเป็นเดือนๆ กลับทำความเร็วได้อย่างสุดยอด ชนิดที่เฟอร์รารี และแม็คลาเรน 2 ทีมยักษ์ใหญ่ ต้องอายม้วนไปตามๆกัน กับผลงานของ เจนสัน บัตตัน และรูเบน บาร์ริเคลโล ที่ออสเตรเลีย

จริงๆแล้วในช่วงเวลาที่ ฮอนด้า ตัดสินใจถอนตัวไปด้วยพิษเศรษฐกิจนั้น ทั้งรอสส์ บรอว์น รวมถึง นิค ฟราย 2 ผู้บริหาร พร้อมด้วยทีมงานในโรงงานที่เบิร์คเลย์ ประเทศอังกฤษ ยังคงทำงานกันตามปกติครับในนามทีมแข่งที่ยังคงอยู่ รวมถึงตัวรถก็ยังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาล 2009 อยู่ตลอดเวลา ด้วยความหวังที่จะมีนายทุนรายใหม่เข้ามาซื้อทีมได้ทันเวลา

ซึ่งที่สุดแล้วผมคิดว่า บรอว์น ผู้เคยทำหน้าที่ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของเฟอร์รารี ในยุคของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ รู้ดีว่าศักยภาพของทีมตนเองอยู่ระดับไหน ยิ่งได้เครื่องยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ วี 8 ที่ทีมงานอ้างว่ามีแรงม้าเพิ่งจากเครื่องฮอนด้าตัวเดิมร่วม 10 ตัว ทำให้เขามั่นใจพอที่จะควักเงินส่วนตัวซื้อทีม และลงทะเบียนส่งแข่งในที่สุด

ต้องบอกว่าศึกออสซีกรังด์ปรีซ์ 2009 เป็นเวทีแห่งการประเดิมอย่างแท้จริงครับ เพราะนอกจาก "บรอว์นจีพี" ทีมแข่งที่มีอายุ 23 วัน จะคว้าชัยชนะแบบ วัน-ทู ได้แล้ว ยังมีนักขับรุกกีที่เปิดซิงเอฟวันเป็นครั้งแรก อย่าง เซบาสเตียน บูเอมี นักซิ่งเลือดสวิส จากโตโรรอสโซ ที่ประเดิม 2 แต้มแรกในชีวิตได้อย่างน่าชื่นชม นับเป็นนักแข่งรายที่ 69 ในประวัติศาสตร์ ที่เก็บได้แต้มในสนามแรกที่ลงแข่ง

พูดถึงสถิติกันแล้ว มีข้อมูลที่น่าสนใจจากสนามแรกมาฝากกันอีกเล็กน้อยครับ โดย ออสซีจีพี 2009 เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่รถแข่งทุกคันต้องพาเหรดรับธงหมากรุกภายใต้เซฟตีคาร์ ขณะที่รถ BGP 001 ถือเป็นรถที่ใช้เครื่องเมอร์เซเดสคันแรกในรอบ 54 ปี ที่ไม่ได้สังกัดทีมแม็คลาเรน แล้วคว้าแชมป์สนามได้ หลังจาก ฮวน มานูเอล ฟานจิโอ ตำนานเอฟวัน เคยคว้าแชมป์ในนาม เมอร์เซเดส ทีม ในปี 1955

นอกจากนี้บัตตัน ยังถือเป็นนักขับคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ต่อจากมิชาเอล ชูมัคเกอร์ ที่ทำสถิติคว้าแชมป์โดยที่เป็นผู้นำครบทั้ง 58 รอบสนาม ในการแข่งขันที่เมลเบิร์นอีกด้วย และสุดท้ายจะไม่พูดถึงคงไม่ได้ เมื่อ ลูอิส แฮมิลตัน ทำสติถิสุดหรู ขึ้นโพเดียมได้เป็นครั้งที่ 23 จาก การออกสตาร์ท 36 ครั้ง คิดเป็น 63.9 เปอร์เซนต์ เหนือกว่า อดีตแชมป์โลก 7 สมัย อย่างชูมัคเกอร์ (154 โพเดียมจาก 249 เรซ ,61.8 เปอร์เซ็นต์) ไปแล้ว

เอฟวันสนามแรกทำทีมใหญ่อย่างเฟอร์รารี เสียรังวัดไปพอสมควร น่าสนใจครับว่าศึกมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเซปัง วันอาทิตย์นี้ (5 เม.ย.) บรอว์นจีพี จะรักษาพื้นที่แถวหน้าเหนือเฟอร์รารี และแม็คลาเรนได้อีกหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น