ข่าวต่างประเทศ - แม็กลาเรนเตรียมลุยตลาดรถยนต์อย่างเต็มตัวด้วยการแยกหน่วยงานผลิตรถยนต์ออกมาเป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อแม็กลาเรน ออโต้โมทิฟ ปลายปีนี้สำหรับทำหน้าที่ผลิตรถสปอร์ตเพื่อขายโดยเฉพาะ และคาดว่าผลผลิตใหม่เพื่อเปิดชิงการทำงานของบริษัทและจะมาแทนที่แม็กลาเรน F1 จะเตรียมเปิดตัวออกมาภายในปี 2011
แต่เดิมหน้าที่ในการผลิตรถยนต์เป็นของบริษัทแม็กลาเรน คาร์โดยเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่อยู่ในเครือแม็กลาเรน แต่สำหรับคราวนี้ ทางบริษัทจะมีการประกาศแยกเป็นบริษัทอิสระอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อใหม่สำหรับลุยธุรกิจรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบ
บริษัทใหม่แห่งนี้ใช้เวลามากว่า 2 ปีในการพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ของแม็กลาเรน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในตลาด และเป็นการสานต่อตำนานความแรงที่แม็กลาเรนเคยสร้างเอาไว้ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ด้วยรุ่นแม็กลาเรน F1 รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการผลิตซูเปอร์คาร์รุ่นเอสแอลอาร์ แม็กลาเรน ที่กำลังจะยุติไลน์การผลิตในเดือนพฤษภาคมนี้
รอน เดนนิส ซึ่งเป็นซีอีโอของแม็กลาเรน เรซิง และเคยเป็นผู้ควบคุมทีมของแม็กลาเรนในการแข่งขัน F1 ตั้งแต่ปี 1981-2008 จะก้าวขึ้นมาเป็นประธานบริหารของแม็กลาเรน ออโต้โมทิฟ ขณะที่มาร์ติน วิทมาร์ช ซึ่งมีข่าวลือว่ากำลังจะลาออกจากทีมแม็กลาเรน ก็ยุติข่าวชิ้นนี้ด้วยการรับหน้าที่ในด้านมอเตอร์สปอร์ตจากเดนนิสอย่างเต็มตัว
จากการลงทุนเพิ่มเติมที่มีมูลค่ามากกว่า 250 ล้านปอนด์ หรือ 12,500 ล้านบาท เป้าหมายของเราคือ การสร้างฐานการผลิตรถสปอร์ตรุ่นใหม่ให้กับแม็กลาเรนในประเทศอังกฤษ และเชื่อว่าจะสามารถสร้างงานให้กับคนในพื้นที่มากกว่า 800 ตำแหน่ง และการขยายตัวของแม็กลาเรน ออโต้โมทิฟจะแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในการลงทุนที่มีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศอังกฤษได้เป็นอย่างดี เดนนิสกล่าว
แม็กลาเรน กรุ๊ป บริษัทแม่ของแม็กลาเรน ออโต้โมทิฟ มีทางด้านเดมเลอร์ถือหุ้นอยู่ในบริษัท 40% ตามด้วย กลุ่มธุรกิจบาห์เรนอีก 30% และเดนนิส กับ TAG Group ถือคนละอีก 15%
สำหรับรถสปอร์ตรุ่นใหม่ของค่ายแม็กลาเรนนั้น ใช้รหัสการพัฒนาว่า P11 เชื่อว่าจะทำตลาดในระดับเดียวกับเฟอร์รารี่ เอฟ430 โดยใช้เครื่องยนต์วี8 550 แรงม้าที่อิงพื้นฐานมาจากเครื่องยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์แต่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาโดยทาง Mahle จากนั้นในปี 2012 ก็จะเปิดตัวทางเลือกที่ 2 ออกมาเพื่อเจาะตลาดในระดับที่สูงกว่าภายใต้รหัส P12 และคาดว่าจะเป็นตัวแทนของแม็กลาเรน F1 โดยใช้เครื่องยนต์วี10 ที่มีกำลังกว่า 600 แรงม้า
แต่เดิมหน้าที่ในการผลิตรถยนต์เป็นของบริษัทแม็กลาเรน คาร์โดยเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่อยู่ในเครือแม็กลาเรน แต่สำหรับคราวนี้ ทางบริษัทจะมีการประกาศแยกเป็นบริษัทอิสระอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อใหม่สำหรับลุยธุรกิจรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบ
บริษัทใหม่แห่งนี้ใช้เวลามากว่า 2 ปีในการพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ของแม็กลาเรน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในตลาด และเป็นการสานต่อตำนานความแรงที่แม็กลาเรนเคยสร้างเอาไว้ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ด้วยรุ่นแม็กลาเรน F1 รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการผลิตซูเปอร์คาร์รุ่นเอสแอลอาร์ แม็กลาเรน ที่กำลังจะยุติไลน์การผลิตในเดือนพฤษภาคมนี้
รอน เดนนิส ซึ่งเป็นซีอีโอของแม็กลาเรน เรซิง และเคยเป็นผู้ควบคุมทีมของแม็กลาเรนในการแข่งขัน F1 ตั้งแต่ปี 1981-2008 จะก้าวขึ้นมาเป็นประธานบริหารของแม็กลาเรน ออโต้โมทิฟ ขณะที่มาร์ติน วิทมาร์ช ซึ่งมีข่าวลือว่ากำลังจะลาออกจากทีมแม็กลาเรน ก็ยุติข่าวชิ้นนี้ด้วยการรับหน้าที่ในด้านมอเตอร์สปอร์ตจากเดนนิสอย่างเต็มตัว
จากการลงทุนเพิ่มเติมที่มีมูลค่ามากกว่า 250 ล้านปอนด์ หรือ 12,500 ล้านบาท เป้าหมายของเราคือ การสร้างฐานการผลิตรถสปอร์ตรุ่นใหม่ให้กับแม็กลาเรนในประเทศอังกฤษ และเชื่อว่าจะสามารถสร้างงานให้กับคนในพื้นที่มากกว่า 800 ตำแหน่ง และการขยายตัวของแม็กลาเรน ออโต้โมทิฟจะแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในการลงทุนที่มีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศอังกฤษได้เป็นอย่างดี เดนนิสกล่าว
แม็กลาเรน กรุ๊ป บริษัทแม่ของแม็กลาเรน ออโต้โมทิฟ มีทางด้านเดมเลอร์ถือหุ้นอยู่ในบริษัท 40% ตามด้วย กลุ่มธุรกิจบาห์เรนอีก 30% และเดนนิส กับ TAG Group ถือคนละอีก 15%
สำหรับรถสปอร์ตรุ่นใหม่ของค่ายแม็กลาเรนนั้น ใช้รหัสการพัฒนาว่า P11 เชื่อว่าจะทำตลาดในระดับเดียวกับเฟอร์รารี่ เอฟ430 โดยใช้เครื่องยนต์วี8 550 แรงม้าที่อิงพื้นฐานมาจากเครื่องยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์แต่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาโดยทาง Mahle จากนั้นในปี 2012 ก็จะเปิดตัวทางเลือกที่ 2 ออกมาเพื่อเจาะตลาดในระดับที่สูงกว่าภายใต้รหัส P12 และคาดว่าจะเป็นตัวแทนของแม็กลาเรน F1 โดยใช้เครื่องยนต์วี10 ที่มีกำลังกว่า 600 แรงม้า