ไม่ต้องรอกันนานอย่างที่คาด เพราะทิ้งระยะจากการเปิดตัวต้นแบบในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมกราคมมาได้ยังไม่ถึง 3 เดือน ทางด้านฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสตรี้ ผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อซูบารุ ก็จัดการเผยโฉมรุ่นจำหน่ายจริงของรถยนต์ครอบครัวรุ่นยอดนิยมอย่างเลกาซี่ออกมาแล้ว โดยมีคิวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2009 และมาพร้อมกันทั้งรุ่นซีดาน และสเตชันแวกอนยกสูงในชื่อเอาท์แบ็ก
นอกจากอิมเพรซาแล้ว เลกาซี่ถือเป็นรถยนต์ยอดนิยมที่คนทั่วโลกต่างรู้จัก และทำตลาดในกลุ่ม D-Segment มานานนับตั้งแต่ปี 1989 และในรุ่นใหม่แบบโมเดลเชนจ์ที่กำลังจะเปิดตัวนี้ถือเป็นเจนเนอเรชันที่ 5 เพื่อเข้ามาแทนที่รุ่นเดิมซึ่งมีรหัส BL/BP พร้อมกับการคงแนวคิดของการเป็นรถยนต์ครอบครัวที่สวยสปอร์ตและเพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่เร้าใจในการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์สูบนอนบ็อกเซอร์ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่เลกาซี่ยึดถือมาตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน
จริงอยู่ที่การเปิดตัวจะมีเฉพาะตัวถังซีดาน 4 ประตูให้สัมผัส แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วเลกาซี่ใหม่จะยังยึดแนวทางเดิมในการเจาะตลาดด้วยทางเลือกครบทั้งตัวถังซีดาน และสเตชันแวกอน รวมถึงเวอร์ชันแวกอนยกสูงเอาใจคนชอบลุยนิดๆ ในชื่อ เอาท์แบ็ค ส่วนรูปลักษณ์ภายนอก เรียกว่าแทบจะถอดแบบมาจากรุ่นต้นแบบ โดยมีการปรับปรุงในบางรายละเอียดเท่านั้นเพื่อให้เหมาะสมกับการทำตลาดจริง
ซูบารุเผยว่าในรุ่นซีดานของเลกาซี่ใหม่ได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถังรุ่นใหม่ มาพร้อมกับระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นอีก 81 มิลลิเมตรเป็น 2,750 มิลลิเมตร ซึ่งจุดที่เพิ่มเข้ามานั้นส่งผลต่อความกว้างขวางของพื้นที่วางขาสำหรับเบาะหลัง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 4 นิ้ว ขณะที่ความกว้างและความสูงของตัวเองเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 81 และ 91 มิลลิเมตรตามลำดับเป็น
สำหรับเครื่องยนต์ที่มีการเปิดเผยเป็นสเปกสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งจะมีทางเลือกแตกต่างจากรุ่นที่ขายในญี่ปุ่น ในรุ่นซีดานมีหลากหลายทางเลือกของขุมพลัง เริ่มกับแบบ 4 สูบนอน บ็อกเซอร์ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,500 ซีซี ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมติดตั้งระบบวาล์วแปรผันรุ่นใหม่ i-AVLS หรือ i-Active Lift System ให้มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 170 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 23.5 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
ตามด้วยรุ่นเทอร์โบที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับรุ่น 2,500 ซีซีแบบ NA แต่มีกำลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นเทอร์โบแบบเดิมอีก 22 แรงม้าเป็น 265 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 33.2 กก.-ม. และปิดท้ายด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบนอนในรหัส H6 แบบใหม่ 3,600 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน AVCS ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ซึ่งมาแทนที่รุ่นเดิมที่มีความจุ 3,000 ซีซี และขยับกำลังขับเคลื่อนเป็น 256 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 34.0 กก.-ม. ขณะที่ตัวลุยยกสูงเอาท์แบ็กมากับ 4 สูบ 2,500 ซีซี แบบหายใจเอง และรุ่นใหญ่ 6 สูบ 3,600 ซีซี
สิ่งที่แปลกไปในรุ่นนี้คือ การนำเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT มาใช้เป็นครั้งแรก และซูบารุบอกว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่ CVT ซึ่งมีรูปแบบของเสื้อเกียร์แบบวางตามยาวเหมือนเกียร์ขับเคลื่อนล้อหลังมาจับคู่กับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมระบบ Lineartronic ซึ่งสามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้ โดยเกียร์ CVT จะขายเฉพาะกับรุ่น 2.5i รุ่นธรรมดา ส่วนเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะจะมีขายทั้ง 2.5i และ 2.5GT รุ่นเทอร์โบ ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะมีขายเฉพาะรุ่น 3.6i
ในเรื่องความปลอดภัยมาครบครัน นอกจากโครงสร้างตัวถังที่ได้รับการพัฒนาตามแนวคิด Ring-Shaped Reinforcement Frame แล้ว ยังติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบพองตัวได้ 2 ระดับ เช่นเดียวกับถุงลมนิรภัยป้องกันการกระแทกสำหรับเบาะหน้า และม่านถุงลมนิรภัยซึ่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน
แน่นอนว่า แนวทางการเปิดตัวของรถยนต์รุ่นนี้ก็คงจะเหมือนกับรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นหลายต่อหลายรุ่นที่มีขายทั่วโลก ที่แม้ว่าคนต่างแดนจะได้เห็นโฉมก่อนใคร แต่กลับเป็นญี่ปุ่นซึ่งมักจะเป็นตลาดแห่งแรกที่ลูกค้าสามารถซื้อหามาขับ โดยคาดว่าจะเริ่มขายในญี่ปุ่นกลางปีนี้ ส่วนสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นอีก 2 ตลาดใหญ่จะเริ่มขายในช่วงปลายปีเดียวกัน ด้วยรูปร่างหน้าตาหลักๆ ที่เหมือนกัน จะต่างกันก็แค่รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เหมือนกับคู่แข่งอย่างโตโยต้า คัมรี่ และฮอนด้า แอคคอร์ด ซึ่งมีหลายเวอร์ชันเหลือเกิน