ข่าวต่างประเทศ - เพียงแค่ 2 สัปดาห์หลังจากที่สภาครองเกรสส์ของสหรัฐอเมริกาผ่านร่างเห็นชอบให้เทเงินกู้ยืมจำนวน 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 825,000 ล้านบาทเพื่อให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันที่กำลังจะล้มครืน เพราะขาดทุนสะสมและโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน
ทางด้านบาแร็ค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาจากพรรคเดโมแครต ดำเนินนโยบายหาเสียงจากบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยการประกาศกระตุ้นให้สภาฯ เพิ่มเงินช่วยเหลืออีกเท่าตัว และแน่นอนว่าคำเรียกร้องนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม และสหภาพคนงาน หรือ UAW
โอบามาเรียกร้องให้สภาเพิ่มเงินช่วยเหลือเป็นจำนวน 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.65 ล้านล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการวิเคราะห์ของบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมรถยนต์ระบุว่า ในตอนนี้ทั้งไครสเลอร์และจีเอ็มกำลังประสบปัญหาในเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน และในปีหน้าทั้ง 2 ค่ายนี้จะอยู่ในสภาพวิกฤตมากขึ้นหากไม่ได้รับการช่วยเหลือ ในขณะที่ฟอร์ด แม้ว่าในปีนี้จะยังไม่เจอกับปัญหาในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าในปีหน้าจะมีสภาพไม่ต่างจากบริษัทร่วมชาติ
"ผู้ผลิตรถยนต์ของอเมริกันควรที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วนในเรื่องนี้ รวมถึงควรจะรีบเจรจากับทาง UAW ถึงทางออกที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่เกิดปัญหาล้มละลาย" Rod Lache นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank กล่าว
นอกจากนั้น บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายต่างระบุตรงกันว่า การดำเนินงานในเรื่องเงินช่วยเหลือในด้านการกู้ยืมครั้งนี้จะต้องรีบกระทำอย่างเร่งด่วน "ระยะเวลา 18 เดือนที่จะต้องรอความช่วยเหลือ มันเป็นช่วงเวลาที่นานเกินไป" Douglas Holtz-Eakin ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของจอห์น แม็คเคน ผู้ท้าชิงประธานาธิบดีของพรรครีพับรีกันซึ่งเป็นคู่แข่งของโอบามากล่าว
โดยทางแม็คเคนเห็นด้วยกับการที่สภาครอสเกรสส์ผ่านเงินอุดหนุนจำนวน 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะต้องรอเงินจำนวนนี้นานถึงปีครึ่งตามที่กระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาเปิดเผย และระบุว่า"แผนการนี้ควรเป็นมาตรการที่รีบเร่งและมีความสำคัญเป็นอันดับแรก"