ขณะที่ลูกค้าของคา (Ford KA)ต้องรอกันนาน แต่ทางด้านลูกค้าของกอล์ฟกลับตรงกันข้าม เพราะด้วยเหตุที่สายพันธุ์ที่ 5 หรือ Mk V ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากลูกค้าและมียอดขายไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำให้แบรนด์ดังของเยอรมนีที่กำลังจ่อคิวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์หมายเลข 3 ของโลกแทนที่ฟอร์ด ตัดสินใจเปิดตัวโมเดลเชนจ์ของกอล์ฟออกมาแล้ว และพร้อมขายในช่วงปลายปีนี้
เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมที่เร็วเอาเรื่อง เพราะตามปกติแล้วอายุในการทำตลาดของกอล์ฟทั้ง 4 รุ่นที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 6-10 ปี แต่สำหรับรุ่นที่ 5 อยู่ในตลาดไม่ครบ 5 ปีดี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดขายไม่ค่อยแล่นอันเนื่องมาจากการออกแบบรูปลักษณ์ที่ไม่ค่อยโดนใจ
กอล์ฟถือเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากรุ่นหนึ่งของโฟล์คสวาเกน และนับจากรุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1974 มาจนถึงรุ่นที่ 5 ซึ่งเปิดตัวในปี 2003 คอมแพ็กต์คาร์รุ่นนี้มียอดผลิตสะสมรวม 34 ปีของการทำตลาดอยู่ที่ 26 ล้านคัน ซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์ที่มียอดการผลิตรวมสูงที่สุดของโฟล์คสวาเกน มากกว่ารถยนต์ของประชาชนอย่างบีเทิล หรือโฟล์คเต่าเสียอีก
ในรุ่นใหม่ยังใช้พื้นฐานที่ปรับปรุงจากกอล์ฟรุ่นที่แล้วเพื่อเป็นการลดต้นทุน ส่วนในเรื่องการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นจุดด้อยของรุ่นที่แล้วก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ภายใต้การดูแลของวอลเตอร์ เดอ ซิลวา ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบคนใหม่ของโฟล์คสวาเกน และเคลาส์ บิสชอฟฟ์ หัวหน้าทีมออกแบบของโปรเจ็กต์นี้ เพื่อให้กอล์ฟใหม่ออกมาโดยมีหน้าตาที่ตรงใจกับลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด
ตัวถังที่ทำตลาดในช่วงแรกจะมีแค่แฮทช์แบ็กกับ 2 ทางเลือกทั้งแบบ 3 และ 5 ประตู ส่วนรุ่นอื่นๆ เช่น สเตชันแวกอน หรือซีดานที่ขายในชื่อบอร่าจะตามออกมาในอนาคต โดยรูปลักษณ์ภายนอกได้รับอิทธิพลในการสร้างสรรค์เส้นสายมาจากซิร็อคโค่ รถสปอร์ตที่ใช้พื้นฐานเดียวกับกอล์ฟและเพิ่งเปิดตัวขายเมื่อไม่นานมานี้
เครื่องยนต์ที่จะเปิดตัวขาย มีทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลรุ่นใหม่ 2,000 ซีซี 110 แรงม้าซึ่งมีระดับการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพีนยง 119 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนทางเลือกอื่นๆ ของเครื่องยนต์ดีเซลก็มีทั้งรุ่น 90, 140 และ 170 แรงม้า ส่วนเบนซินเน้นไปที่เทคโนโลยี TSI และมีกำลังขับเคลื่อยให้เลือกหลากหลายทั้ง 80, 102, 122 และ 160 แรงม้า โดยระบบเกียร์มีทั้งแบบธรรมดา และแบบ DSG ให้เลือกสัมผัส
นอกจากนั้นยังถือเป็นครั้งแรกที่โฟล์คสวาเกนนำระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า ACC-Adaptive Chassis Control มาใช้กับกอล์ฟ ซึ่งในปัจจุบันระบบนี้เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในรุ่นพัสสาท CC และซิร็อคโค่ โดยสามารถเลือกระดับการปรับเซ็ตของช่วงล่างได้ 3 แบบ คือ Normal, Comfort และ Sport
ส่วนอีกระบบที่ถือเป็นของใหม่สำหรับกอล์ฟ คือ ADC หรือ Automatic Distance Control ช่วยรักษาระยะห่างจากรถยนต์คันหน้าโดยใช้เรดาร์ที่ติดตั้งด้านหน้าตรวจวัดระยะห่างเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในกรณีที่คนขับเกิดหลับใน หรือเบนสายตาไปทางอื่นในระหว่างขับรถ ซึ่งถ้าหากระบบตรวจจับว่าระยะห่างมีน้อยเกินไป ก็จะสั่งให้ตัวรถลดระดับความเร็วและแต้งเตือนให้ผู้ขับทราบโดยอัตโนมัติ
กอล์ฟใหม่มีคิวเปิดตัวในปารีส มอเตอร์โชว์ 2008 และจะบุกตลาดพวงมาลัยซ้ายทันที ส่วนรุ่นพวงมาลัยขวาจะเริ่มขายในอังกฤษต้นปีหน้า โดยที่ยังไม่มีการเปิดเผยราคาออกมาในตอนนี้