ในที่สุดซีตรองก็ต้องจำใจเปิดตัวซี3 ใหม่ก่อนเวลา เพราะหลังจากโดนมือดีนำภาพคันจริงที่ถูกบันทึกในงานประชุมดีลเลอร์ออกมาเผยแพร่ตามอินเตอร์เน็ต ตรงนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีกต่อไป ซึ่งแบรนด์ดังของแดนน้ำหอมก็เลยตัดสินใจนำภาพพร้อมรายละเอียดคราวๆ ของซี3 ใหม่ออกมาเปิดเผยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวทันที
C3 ถือเป็นรถยนต์ขนาดเล็กในกลุ่มซับคอมแพ็กต์ที่ซีตรองเปิดตัวในปี 2003 พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่โดยใช้คำว่า C นำหน้าด้วยตัวเลขเพื่อระบุถึงกลุ่มตลาด ซึ่งซีตรองนำแนวคิดนี้มาใช้ครั้งแรกกับ C5 ตัวแทนรุ่นซองเทีย ส่วน C3 เข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่น Saxo
และด้วยงานออกแบบที่สวยและสะดุดตา สามารถกวาดยอดขายไปได้มากกว่า 2 ล้านคันทั่วโลก ทั้งที่มีตัวถังแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตูแบบเดียวเท่านั้น ส่วน C3 Pluriel และ C3 Picasso แม้ว่าจะใช้ชื่อและพื้นฐานเดียวกัน แต่ทว่างานออกแบบรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในแตกต่างจาก C3 รุ่นมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่ารุ่นใหม่ยังยืนพื้นอยู่กับตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู แต่มาพร้อมกับจุดเด่นที่น่าจะเป็นจุดขายของตัวรถ ซึ่งก็คือการออกแบบกระจกบังลมหน้าที่เรียกว่า VisioDrive ซึ่งตัวกระจกบังลมหน้ามีพื้นที่ใหญ่ขึ้น และกินพื้นที่เข้ามาถึงหลังคาในส่วนของเบาะคู่หน้า ทำให้แทบไม่ต้องติดตั้งซันรูฟสำหรับพื้นที่ส่วนนี้เลย โดยแนวคิดนี้ทางโอเปิลก็เคยนำมาใช้กับแอสตรารุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบัน แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นออพชั่นที่ต้องสั่งทำจากโรงงาน
ตัวรถมาพร้อมกับความกะทัดรัดด้วยความยาว 3,940 มิลลิเมตร กว้าง 1,710 มิลลิเมตร พร้อมความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน-Cd 0.30 ขณะที่ในห้องโดยสารมาพร้อมกับความอเนกประสงค์ระดับหนึ่งด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายซึ่งมีความจุในระดับ 300 ลิตรแต่จะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้เมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด
ใครที่อยากจะรู้ว่าเครื่องยนต์ที่ขายมีอะไรบ้าง คงต้องรอกันไปก่อน เพราะซีตรองไม่ได้เผยอะไรมากนอกจากบอกว่าจะเน้นหนักไปที่เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลที่มีค่ามลพิษต่ำ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ HDi90 ซึ่งจะกลายเป็นเครื่องยนต์รุ่นแรกของซีตรองที่มีระดับการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียต่ำกว่า 100 กรัมต่อการใช้งาน 1 กิโลเมตร โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 99 กรัมเท่านั้น ขณะที่รุ่นเบนซินก็จะเริ่มกับขุมพลังแบบ 3 สูบ 1,000 ซีซีรุ่นใหม่ และก็น่าจะมีทางเลือกอื่นๆ เช่น 1,400 และ 1,600 ซีซี ตามออกมาด้วย
ส่วนรุ่นพิเศษที่ติดตั้งระบบ Start/Stop ซึ่งดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดติดอยู่กับที่เหมือนกับรถยนต์ไฮบริดจะมีขายตามมาอย่างแน่นอน แต่ต้องรอปี 2011 และซีตรองบอกว่าเป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 จึงมั่นใจได้ในเรื่องความนุ่มนวลและฉับไวในการทำงาน
คนที่อยากขับไม่ต้องรอกันนาน เพราะหลังจากเผยโฉมคันจริงที่แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 เดือนกันยายนนี้แล้ว ทางซีตรองจะส่งบุกตลาดพวงมาลัยซ้ายทันทีในเดือนพฤศจิกายน ส่วนตลาดพวงมาลัยขวาอย่างอังกฤษต้องรอจนถึงต้นปี 2010
C3 ถือเป็นรถยนต์ขนาดเล็กในกลุ่มซับคอมแพ็กต์ที่ซีตรองเปิดตัวในปี 2003 พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่โดยใช้คำว่า C นำหน้าด้วยตัวเลขเพื่อระบุถึงกลุ่มตลาด ซึ่งซีตรองนำแนวคิดนี้มาใช้ครั้งแรกกับ C5 ตัวแทนรุ่นซองเทีย ส่วน C3 เข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่น Saxo
และด้วยงานออกแบบที่สวยและสะดุดตา สามารถกวาดยอดขายไปได้มากกว่า 2 ล้านคันทั่วโลก ทั้งที่มีตัวถังแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตูแบบเดียวเท่านั้น ส่วน C3 Pluriel และ C3 Picasso แม้ว่าจะใช้ชื่อและพื้นฐานเดียวกัน แต่ทว่างานออกแบบรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในแตกต่างจาก C3 รุ่นมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่ารุ่นใหม่ยังยืนพื้นอยู่กับตัวถังแฮทช์แบ็ก 5 ประตู แต่มาพร้อมกับจุดเด่นที่น่าจะเป็นจุดขายของตัวรถ ซึ่งก็คือการออกแบบกระจกบังลมหน้าที่เรียกว่า VisioDrive ซึ่งตัวกระจกบังลมหน้ามีพื้นที่ใหญ่ขึ้น และกินพื้นที่เข้ามาถึงหลังคาในส่วนของเบาะคู่หน้า ทำให้แทบไม่ต้องติดตั้งซันรูฟสำหรับพื้นที่ส่วนนี้เลย โดยแนวคิดนี้ทางโอเปิลก็เคยนำมาใช้กับแอสตรารุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบัน แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นออพชั่นที่ต้องสั่งทำจากโรงงาน
ตัวรถมาพร้อมกับความกะทัดรัดด้วยความยาว 3,940 มิลลิเมตร กว้าง 1,710 มิลลิเมตร พร้อมความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน-Cd 0.30 ขณะที่ในห้องโดยสารมาพร้อมกับความอเนกประสงค์ระดับหนึ่งด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายซึ่งมีความจุในระดับ 300 ลิตรแต่จะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้เมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด
ใครที่อยากจะรู้ว่าเครื่องยนต์ที่ขายมีอะไรบ้าง คงต้องรอกันไปก่อน เพราะซีตรองไม่ได้เผยอะไรมากนอกจากบอกว่าจะเน้นหนักไปที่เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลที่มีค่ามลพิษต่ำ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ HDi90 ซึ่งจะกลายเป็นเครื่องยนต์รุ่นแรกของซีตรองที่มีระดับการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียต่ำกว่า 100 กรัมต่อการใช้งาน 1 กิโลเมตร โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 99 กรัมเท่านั้น ขณะที่รุ่นเบนซินก็จะเริ่มกับขุมพลังแบบ 3 สูบ 1,000 ซีซีรุ่นใหม่ และก็น่าจะมีทางเลือกอื่นๆ เช่น 1,400 และ 1,600 ซีซี ตามออกมาด้วย
ส่วนรุ่นพิเศษที่ติดตั้งระบบ Start/Stop ซึ่งดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอดติดอยู่กับที่เหมือนกับรถยนต์ไฮบริดจะมีขายตามมาอย่างแน่นอน แต่ต้องรอปี 2011 และซีตรองบอกว่าเป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 จึงมั่นใจได้ในเรื่องความนุ่มนวลและฉับไวในการทำงาน
คนที่อยากขับไม่ต้องรอกันนาน เพราะหลังจากเผยโฉมคันจริงที่แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 เดือนกันยายนนี้แล้ว ทางซีตรองจะส่งบุกตลาดพวงมาลัยซ้ายทันทีในเดือนพฤศจิกายน ส่วนตลาดพวงมาลัยขวาอย่างอังกฤษต้องรอจนถึงต้นปี 2010