ถ้ายังจำกันได้ในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ปีที่แล้ว เปอโยต์เปิดตัวต้นแบบที่ชื่อ 308SW Prologue ออกมาอวดโฉมพร้อมกับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าพอสมควร ถึงตอนนี้ รถยนต์แวกอนคันนี้กลายมาเป็นความจริงสำหรับขายในตลาดแล้ว โดยทางค่ายสิงห์ผยองเตรียมเปิดตัวครั้งแรกในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2008 เดือนมีนาคมนี้ และจะมีเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยอีกด้วย
SW เป็นคำที่ย่อมาจาก Station Wagon และได้กลายเป็นมาตรฐานตัวถังแบบใหม่สำหรับรถยนต์หลายสายพันธุ์ของเปอโยต์ โดยถูกนำมาใช้แทนที่คำว่า Break ซึ่งเปอโยต์ใช้อยู่ก่อนหน้านี้ เพื่อสื่อถึงรถยนต์ตัวถังสเตชันแวกอน
308SW ถือเป็นตัวถังที่ 2 ของรถยนต์คอมแพ็กต์สายพันธุ์นี้ โดยก่อนหน้านี้เปอโยต์ประเดิมตลาดให้กับ 308 (ตัวแทนของ 307) ด้วยรุ่นแฮทช์แบ็ก 3 และ 5 ประตู ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในกลางปี 2007 ส่วนรุ่นใหม่นี้เข้ามาทำตลาดแทนที่ 307SW ที่เปิดตัวเมื่อปี 2002 พร้อมกับกวาดลูกค้าไปได้พอประมาณ โดยเฉพาะในตลาดพวงมาลัยขวาอย่างอังกฤษ มียอดขายอยู่ที่ 40,000 คัน
การพัฒนามีขึ้นบนพื้นตัวถัง Platform 2 ของกลุ่ม PSA และอยู่บนพื้นฐานเดียวกับรุ่นแฮทช์แบ็ก ซึ่งก็รวมถึงการใช้ชิ้นส่วนตัวถังส่วนหน้าร่วมกัน ดังนั้น เมื่อมองจากทางด้านหน้าแล้วอาจจะไม่เห็นถึงความแตกต่างระหว่างรุ่นแฮทช์แบ็กกับ SW เท่าไรนัก จนกว่าจะเดินมาทางด้านข้าง ซึ่งจะพบกับตัวถังที่ยาวขึ้นและอเนก ประสงค์ขึ้นตามแบบฉบับรถยนต์แวกอน 5 ประตู
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มิติตัวถังของรุ่น SW ทั้งใหญ่และยาวขึ้น โดยมีระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นถึง 100 มิลลิเมตรเป็น 2,708 มิลลิเมตร ส่วนความยาวอยู่ที่ 4,500 มิลลิเมตร กว้าง 1,815 มิลลิเมตร และสูง 1,555 มิลลิเมตร โดยความยาวที่เพิ่มขึ้นมาถูกใช้ไปกับการสร้างสรรค์ตัวถังด้านท้ายให้มีความอเนกประสงค์ รองรับกับการใช้งานอย่างเต็มที่
ห้องโดยสารด้านท้ายมีความจุ 674 ลิตรตามมาตรฐานการวัดของ VDA หรือเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 101 ลิตร และจะเพิ่มเป็ร 2,149 ลิตรเมื่อพับเบาะนั่งหลังลง ซึ่งมากกว่ารุ่นเดิมถึง 413 ลิตรเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังเพิ่มความหรูหราด้วยการขยายขนาดของออพชั่นที่เป็นหลังคากระจกที่เรียกว่า Panoramic Glass Roof ให้ใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ 1.68 ตารางเมตรครอบคลุมการรับแสงแดดทั้งเบาะหน้าและหลัง
หลากหลายทางเลือกของเครื่องยนต์ เปอโยต์ทำตลาดให้กับ 308SW โดยมีทั้งเบนซิน 1,400 ซีซี 95 แรงม้า, 1,600 ซีซี VTi แบบหายใจเอง 120 แรงม้า และแบบพึ่งระบบอัดอากาศอย่างเทอร์โบ ซึ่งมีให้เลือก 3 ระดับ ถ้าจับคู่กับเกียร์ออโต้จะอยู่ที่ 140 แรงม้า ตามด้วย 150 แรงม้าสำหรับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ 175 แรงม้ารุ่นสปอร์ตพิเศษกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะรุ่นใหม่ สำหรับเทอร์โบดีเซลมีให้เลือกมากมายเช่นกัน 1,600 ซีซี มี 90 และ 110 แรงม้า ส่วน 2,000 ซีซี 136 แรงม้ามีทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ
หลังจากเปิดตัวแล้ว เปอโยต์จะส่งขายในตลาดยุโรปที่ขับรุ่นพวงมาลัยซ้ายทันที ส่วนตลาดกลุ่มเล็กอย่างพวงมาลัยขวาต้องรออีกสักนิด เพราะจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในอังกฤษได้ก็ต้องเป็นเดือนมิถุนายน 2008