ออดี้ไม่ปล่อยให้แฟนขาประจำต้องรอกันนาน เพราะทิ้งระยะแค่ไม่ถึงครึ่งปีนับจากการเปิดตัวของเอ4 ซีดานแบบไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งมีขึ้นที่แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ เดือนกันยายน 2007 ทางค่าย 4 ห่วงแห่งเยอรมนีจัดการเผยโฉมทางเลือกที่ 2 จากรถยนต์สายพันธุ์นี้ เอาใจคนรักความอเนกประสงค์ด้วยตัวถังแวกอน หรือที่ออดี้ใช้ชื่อในการทำตลาดว่าอวันต์ (Avant)
เอ4 เป็นรถยนต์ขนาดกลางระดับหรูของออดี้ที่ได้รับการพัฒนาต่อจากสายพันธุ์ 80 และถือเป็นคู่ปรับโดยตรงกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส และเล็กซัส ไอเอส ซีรีส์ โดยรุ่นปัจจุบันเปิดตัวครั้งแรกที่งานโชว์ในเยอรมนี และประเดิมตลาดตามธรรมเนียมปฏิบัติด้วยตัวถังซีดาน 4 ประตู ก่อนที่จะเปิดตัวแวกอนออกมาเป็นอีกทางเลือก
ความจริงแล้วออดี้จัดการปรับการตลาดของเอ4 ตัวถังนี้ให้เดินไปแนวเดียวกับที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ทำกับซี-คลาส โดยถ้าเป็นตัวถังซีดานและแวกอนจะขายขื่อซี-คลาส แต่พอเปลี่ยนมาเป็นคูเป้และเปิดประทุนที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกันจะใช้ชื่อซีแอลเค ซึ่งในเคสของออดี้นั้น ก็เป็นไปตามนี้ โดยรุ่นคูเป้และเปิดประทุน (ที่คาดว่าจะเปิดตัวตามหลัง) ถูกเปลี่ยนมาใช้รหัสเอ5 แทนที่จะเป็นเอ4 คูเป้ หรือเปิดประทุน
ตัวถังแวกอนของเอ4 ใหม่มีคิวเปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-16 มีนาคมนี้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของตัวถังด้านท้ายซึ่งได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้ผสมผสานความหรูและความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว โดยที่ตัวถังช่วงหน้าจนถึงเสากลางใช้ร่วมกับรุ่นซีดาน ซึ่งน้ำหนักของรุ่นใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับเอ4 อวันต์รุ่นเดิมแล้ว เบาขึ้น 10% และมีระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 120 มิลลิเมตร
ออดี้เปิดเผยว่าห้องเก็บสัมภาระของเอ4 อวันต์มีความกว้างขวางและเพียบพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอย ซึ่งเมื่ออยู่ในสภาพปกติแล้ว ด้านท้ายจะมีความจุตามมาตรฐานการวัดของ VDA อยู่ที่ 490 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 1,430 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลงทั้งแถว ทำให้เพิ่มขีดความสามารถใข้ในการใช้งานได้มากขึ้น
ทางเลือกของเครื่องยนต์มีให้สัมผัสหลากหลายและครอบคลุมกับทุกความต้องการ เริ่มจากเบนซินไดเร็กต์อินเจ็กชัน FSI 4 สูบ 1,800 ซีซี เทอร์โบ 160 แรงม้า ตามด้วยวี6 แบบ FSI เช่นกัน แต่มีความจุกระบอกสูบ 3,200 ซีซี และรีดกำลังออกมาได้ 265 แรงม้า แต่ถ้าต้องการความประหยัด ออดี้ก็มีถึง 3 ทางเลือกกับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล TDI รุ่นใหม่ คือ 4 สูบ 2,000 ซีซี 143 แรงม้า ตามด้วยวี6 ทั้งแบบ 2,700 ซีซี 190 แรงม้า และ 3,000 ซีซี 240 แรงม้า
สำหรับระบบส่งกำลังก็มีทั้งแบบธรรมดา หรืออัตโนมัติ 6 จังหวะ ซึ่งได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้เน้นความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์จนมีระดับใกล้เคียงกับเกียร์แบบ CVT ส่วนระบบขับเคลื่อนก็เลือกได้ทั้งแบบล้อหน้า หรือ 4 ล้อตลอดเวลาแบบ Quattro
หลังเปิดตัวแล้ว ออดี้พร้อมส่งขายในตลาดแบบไม่ร้อกันนาน เพราะมีคิวส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าทั้งรุ่นพวงมาลัยซ้ายและขวาในยุโรปไม่เกินกลางปีนี้ กับราคาในอังกฤษ 22,590-30,290 ปอนด์ หรือ 1.6-2.1 ล้านบาท แพงกว่ารุ่นซีดานประมาณ 1,200 ปอนด์ หรือ 84,000 บาท
