พลังจากญี่ปุ่นลุยแดนผู้ดี
นอกจากความเหมือนในเรื่องของตำแหน่งพวงมาลัยที่อยู่ทางฝั่งขวาแล้ว อังกฤษยังถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญกับผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นหลายราย เช่น นิสสันซึ่งมีทั้งโรงงานและศูนย์ออกแบบ เช่นเดียวกับ ฮอนด้า ซึ่งมีโรงงานแห่งใหญ่อยู่ในเมืองสวินดอน งานนี้จึงได้เห็นผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นหลายรายและจากเอเชียอย่างเกาหลีใต้เข้ามาสร้างสีสันให้กับงาน
อย่างฮอนด้าเปิดตัวสปอร์ตต้นแบบในชื่อ OSM ซึ่งย่อมาจาก Open Study Model แม้ฮอนด้าระบุว่ายังไม่มีแผนผลิตแต่หลายคนก็เชื่อว่าสปอร์ตรุ่นนี้อาจจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้กลายมาเป็นโฉมใหม่ของ S2000 ก็ได้ เพราะความสวยและสปอร์ตในสไตล์เปิดประทุน ส่วนตัวต้นแบบรุ่นนี้ จริงๆ แล้วได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของความห่วงใยในสภาพแวดล้อมโดยอาศัยตัวถังในแบบสปอร์ตเปิดประทุนเข้ามาเรียกความสนใจ
ทางด้าน นิสสัน เผยโฉมเวอร์ชันฐานล้อยาวของ แคชไค เอสยูวีขนาด 5 ประตูที่ขายในญี่ปุ่นในชื่อดูอัลลิส เช่นเดียวกับการเปิดตัวเอสยูวีทางเลือกอื่นๆ ออกสู่ตลาด เช่น มูราโนใหม่ ขณะที่ โตโยต้า เอาใจความคนรักความแรงด้วยต้นแบบรุ่น Aygo Crazy จับซิตี้คาร์รุ่นอายโก้มาแปลงร่างด้วยการยกท่อนหลังทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่างของสปอร์ตรุ่น MR2 มาวาง เปลี่ยนบุคลิกจากรถยนต์จ่ายกับข้าวมาเป็นแฮทช์แบ็กสุดสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง
สำหรับซูบารุในงานนี้ เจาะตลาดด้วยเวอร์ชัน 255 หรือการอัพเกรดเครื่องยนต์เทอร์โบให้มีเรี่ยวแรงขยับขึ้นมาเป็น 255 แรงม้ามีอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 6 วินาที พร้อมการตกแต่งภายนอกจาก Sti เช่นเดียวกับรุ่น 330 ที่ได้รับความร่วมมือจาก Prodrive กับชุดอัพเกรด PPP หรือ Prodrive Performance Package ทำให้มีอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงอยู่ที่ 4.4 วินาที
ส่วนต้นแบบที่ยังรีๆ รอๆ ว่าจะขายดีหรือไม่นั้นมากับ 380S ซึ่งเป็นการรีดพิษจากเครื่องยนต์สูบนอนให้มีกำลังขยับขึ้นเป็น 380 แรงม้า ถ้าอยากขับลูกค้าชาวอังกฤษคงต้องออกความเห็นและแสดงความสนใจกันมากๆ ซูบารุอาจใจอ่อนผลิตออกมาขาย
ข้ามแอตแลนติกเจาะตลาดพวงมาลัยขวา
แต่ไหนแต่ไร ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากเอาการที่จะได้เห็นรถยนต์จากค่าย แคดิลแล็ก หันมาเจาะตลาดพวงมาลัยขวา แต่คราวนี้ดูเหมือนจะเอาจริงแล้ว เพราะแบรนด์หรูในเครือจีเอ็มเข้ามายึดพื้นที่จัดงานและนำรถยนต์มากมายหลายรุ่นมาจัดแสดงทั้ง CTS ซีดาน และ CTS คูเป้ที่ยังเป็นต้นแบบรอวันผลิตขาย เช่น เดียวกับฮัมเมอร์ที่มีต้นแบบรุ่น H3X ขณะที่เชฟโรเลตไม่มีเงาของคามาโร คันจริงที่เพิ่งเปิดตัวในฝั่งอเมริกา แต่นำต้นแบบของรุ่นเปิดประทุนมาจัดแสดงอุ่นเครื่องไปพลางๆ ก่อน
นอกจากนั้น จีเอ็มยังรุกตลาดอังกฤษด้วยชื่อ วอกซ์ฮอลล์ กับการเปิดตัวซีดานขนาดกลางรุ่นใหม่ในชื่อ อินซิกเนีย ซึ่งจะเข้ามาแทนที่รุ่นเวคตรา ส่วนตลาดยุโรปที่อยู่นอกอังกฤษจะขายด้วยชื่อโอเปิล และมีข่าวว่าจะส่งไปขายในสหรัฐอเมริกาโดยใช้แบรนด์แซทเทิร์นด้วยเช่นกัน
สำหรับ ฟอร์ด แม้ชื่อจะมาจากอเมริกา แต่จากการคลุกคลีอยู่ที่นี่มานานถึงขนาดมีแผนกฟอร์ด ยุโรป ถือว่าให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มนี้อย่างมาก ซึ่งงานนี้มีการเปิดตัวเวอร์ชันสุดแรงในรหัส RS ของโฟกัส ซึ่งเป็นการพัฒนาบนตัวถัง 3 ประตูด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีความแรงจากสนามแข่งแรลลี่โลก WRC
สำหรับขุมพลังที่วางอยู่ใต้ฝากระโปรงเป็นการต่อยอดความแรงจากรหัส ST ด้วยการรีดกำลังให้กับเครื่องยนต์ 5 สูบ 2,500 ซีซี เทอร์โบจากเดิมมีแรงม้าอยู่ในระดับ 225 ตัวขยับขึ้นมาเป็น 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 41.8 กก.-ม. ซึ่งงานนี้ทีมงานที่รับผิดชอบไม่ได้แค่ปรับบูสต์เทอร์โบเพื่อให้มีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังจัดการรายละเอียดที่อยู่ข้างในด้วย เช่น ออกแบบแคมชาฟต์ใหม่ เช่นเดียวกับการออกแบบหัวลูกสูบใหม่ และเปลี่ยนท่อร่วมทั้งไอดีและไอเสียใหม่เพื่อให้สามารถสร้างพลังในการขับเคลื่อนตามที่ต้องการ ผลต่อเมสื่อทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ใช้เวลาต่ำกว่า 6 วินาทีในการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การผลิตขายเชื่อว่าน่าจะมีขึ้นไม่เกินต้นปีหน้า เพราะรหัส RS รุ่นเดิมที่เปิดตัวในปี 2002 ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ของฟอร์ดเป็นอย่างดีในช่วงเวลา 3 ปีที่อยู่ในตลาด