xs
xsm
sm
md
lg

Nissan Qashqai+2 ยืดตัวถังเพื่อเพื่อนร่วมทาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในขณะที่ตลาดบางแห่งอย่างจีนเพิ่งจะได้มีโอกาสสัมผัสกับความอเนกประสงค์ของเอสยูวีรุ่นใหม่อย่างแคชไคได้ไม่นาน ทางนิสสันก็จัดการขยับขยายเพิ่มทางเลือกเพื่อกระตุ้นตลาดให้กับแคชไคในยุโรปแล้วกับทางเลือกใหม่อย่างรุ่นฐานล้อยาวพร้อมกับการปรับโฉมด้านหน้าและด้านหลังให้แตกต่างจากรุ่นฐานล้อปกติ

นิสสันเปิดตัวและทำตลาดให้กับแคชไคในยุโรปครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2007 และมีการส่งไปขายในญี่ปุ่นในชื่อดูอัลลิสอีกด้วย โดยนิสสันพัฒนาเอสยูวีรุ่นนี้ขึ้นมาในช่วงที่ยังเกิดช่องว่างของผลิตภัณฑ์ที่มีขายอยู่ในตลาดยุโรป เพราะว่าไม่มีรถยนต์ขนาดคอมแพ็กต์ในกลุ่มซี-เซ็กเมนต์ทำตลาด

โดยกลุ่มตลาดที่นิสสันคาดหวังจะให้แคชไคเข้าไปแชร์ยอดขายนั้นก็คือ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ หรือออดี้ เอ3 ด้วยเหตุที่ว่าลูกค้ากลุ่มนี้เริ่มเบื่อรถยนต์แฮทช์แบ็กแบบเดิมๆ และกำลังมีแนวโน้มว่าจะเริ่มหันมามองรถยนต์ประเภทครอสโอเวอร์กันมากขึ้น และยอดขายกว่า 170,000 คันทั่วยุโรปในช่วงปีเดียวของการทำตลาดก็น่าจะพิสูจน์ถึงความคิดที่ถูกต้องของนิสสัน

สำหรับเวอร์ชันพลัสทู หรือ +2 ของแคชไคมีคิวเปิดตัวในงานบริติช อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ กลางเดือนกรกฎาคมนี้ และถือเป็นการขยับตัวเพื่อกระตุ้นตลาดระลอกแรกให้กับแคชไคในยุโรป โดยประเด็นหลักของการเปลี่ยนแปลงคือ การขยายระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 135 มิลลิเมตร เป็น 2,765 มิลลิเมตร และทำให้ความยาวของตัวถังโดยรวมเพิ่มขึ้นอีก 211 มิลลิเมตรเป็น 4,526 มิลลิเมตรจากรุ่นดั้งเดิมแบบ 5 ที่นั่ง

ผลของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ ทำให้ห้องโดยสารของแคชไค+2 มีความกว้างขวางเพิ่มขึ้น และสามารถติดตั้งเบาะนั่งแถวที่ 3 แบบพับเก็บได้เพื่อรองรับกับการบรรทุกผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 2 คนรวมเป็น 7 ที่นั่ง ขณะที่เบาะนั่งแถว 2 สามารถแยกพับในอัตราส่วน 40/20/40 แถมพื้นที่บรรทุกสัมภาระยังเพิ่มขึ้นอีก 90 ลิตรเป็น 500 ลิตร โดยที่ตัวรถมีน้ำหนักรวมเพิ่มขึ้นจากรุ่นธรรมดาเพียง 100 กิโลกรัมเท่านั้น

แต่นั่นไม่ใช่เพียงแค่จุดเดียวของการเปลี่ยนแปลง เพราะว่านิสสันเผยออกมาว่านอกจากตัวถังช่วงหน้าจนถึงเสากระจกบังลมหน้าแล้ว ตัวถังที่เหลือไล่ไปจนถึงช่วงท้ายได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดและใช้ร่วมกับรุ่น 5 ประตู อย่างประตูทั้งด้านหน้าและหลังดูผ่านๆ แล้วคล้าย แต่ Nissan Design Europe แห่งกรุงลอนดอนที่รับผิดชอบงานนี้บอกว่ามีการปรับปรุงให้โค้งมนขึ้นเพื่อรับกับแนวของเส้นหลังคาที่ได้มีการออกแบบใหม่

ขณะที่ช่วงเสาหลัง หรือ C-pillar แตกต่างอย่างชัดเจนด้วยช่องกระจกที่ใหญ่ขึ้น ขณะที่รูปลักษณ์ด้านหน้าจะต่างออกไปก็แค่ลายกระจังหน้าแบบใหม่เท่านั้นเอง

ในเรื่องของพื้นฐานทางวิศวกรรมใช้ร่วมกันทั้งระบบกันสะเทือนหน้าหลังแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และมัลติลิงก์ ส่วนทางเลือกของเครื่องยนต์มาทั้งหมด 4 รุ่นแบ่งเป็นเบนซินและเทอร์โบดีเซลอย่างละ 2 รุ่นบนพื้นฐานแบบ 4 สูบเรียงวางขวางและมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าอย่างเดียว และ 4 ล้อในแบบ ALL-MODE สามารถเลือกปรับระบบขับเคลื่อนได้ทั้งแบบล้อหน้าสำหรับสภาพปกติ หรือแบบ 4 ล้อตลอดเวลาที่มีการกระจายแรงบิดสู่ล้อหน้า-หลังในอัตราส่วน 57-43%

ส่วนเครื่องยนต์เป็นแบบเดียวกับรุ่น 5 ที่นั่ง เริ่มกับเบนซิน 1,600 ซีซี 115 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 16.3 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบต่อนาที ตามด้วย 2,000 ซีซี 140 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบต่อนาที

โดยที่เทอร์โบดีเซลเป็นรุ่น 1,500 ซีซี 106 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24.4 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที และปิดท้ายกับรุ่น 2,000 ซีซี 150 แรงม้า 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที

หลังเปิดตัวแล้วนิสสันวางแผนทำตลาดเวอร์ชันฐานล้อยาวของแคชไคแบบไม่ต้องรอกันนาน โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในยุโรปได้ในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเพิ่มขึ้นจากรุ่น 5 ที่นั่งมากเท่าไร


กำลังโหลดความคิดเห็น