การเยือนสนามแข่ง เลอ มังส์ ด้วยการเชื้อเชิญของ “เชลล์” ครั้งนี้ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ริชาร์ด คาร์สเตทเลอร์ ผู้จัดการด้านเทคโนโลยีระดับโลก-เชื้อเพลิง ถึงที่มาที่ไปของน้ำมันที่ใช้ในการแข่งขัน เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง รวมถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นจนทำให้ทีมออดี้คว้าชัยชนะมาครอบครองอย่างไม่มีข้อกังขา และแน่นอนความสำเร็จที่เกิดขึ้นปฎิเสธไม่ได้ว่า “เชลล์” เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
-อยากให้พูดถึงน้ำมันที่ใช้ในการแข่ง เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง
เชลล์ทำงานร่วมกับ CHOREN Industries GmbH ประเทศเยอรมนี ในการพัฒนาเชื้อเพลิงสังเคราะห์จากก๊าซชีวภาพ BTL (Biomass-To-Liquid) ซึ่ง CHOREN Industries GmbH จะทำหน้าที่ผลิต Biomass-To-Liquid เพื่อนำมาใช้กับน้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล ในการแข่งขัน เลอ มังส์ ครั้งนี้ ส่วนเชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซลเป็นน้ำมันที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงที่ได้มาจากกระบวนการสังเคราะห์จากก๊าซธรรมชาติไปเป็นของเหลว GTL (Gas-To-Liquids) ซึ่งช่วยให้มีประสิทธิภาพในการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์และช่วยทำความสะอาดชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องยนต์ด้วย
-ทำไมเลือก “เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง”
เชลล์เห็นว่า มอเตอร์สปอร์ตเป็นเวทีสำคัญสำหรับการทดสอบที่ดีที่สุด สามารถทำการทดสอบได้อย่างเร่งรัด โดยเฉพาะการแข่งขันเลอร์ มังส์ 24 ชั่วโมง รถในทีมวิ่งแข่งรวมกันกว่า 1 หมื่นกิโลเมตรเทียบเท่าการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน ทั้งปี และด้วยความเร็วสูงตลอดเวลาจึงเป็นการทดสอบขั้นสุดยอด และเรามีความยินดีที่จะแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะน้ำมันดีเซลซึ่งมีส่วนผสมของทั้ง GTL และเชื้อเพลิงสังเคราะห์จากก๊าซชีวภาพสำหรับใช้ในการแข่งขัน
-BTL ผลิตจากอะไร
BTL (Biomass-To-Liquid) เป็นเชื้อเพลิงสังเคราะห์สมรรถนะสูงจากก๊าซชีวภาพที่ผลิตจากชีวมวลสารของพืชที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของอาหารเช่น เศษซากของพืชหรือกากไม้ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลงถึง 90 % เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันดีเซลทั่วไป และสามารถลดเขม่าควันดำได้เกือบ 50 % และCO2 50 %
-คุณสมบัติ จีทีแอล และ บีทีแอล แตกต่างกันไหม
คุณสมบัติของ GTL และ BTL เหมือนกัน ต่างกันเพียงวัตถุดิบเท่านั้น และจากการทดสอบในเครื่องยนต์แข่งของออดี้ไม่พบความแตกต่างระหว่างดีเซลที่ผสม GTL อย่างเดียว กับสูตรที่ผสมทั้ง GTL และ BTL แต่น้ำมันดีเซลที่ผสม GTL และ BTL จะมีคุณภาพสูงกว่าดีเซลธรรมดา เพราะนอกจากการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ หมดจรดกว่า ยังวิ่งได้ไกลว่าด้วยปริมาณเท่าเดิม และยังมีประสิทธิภาพในการชะล้างหัวฉีดของเครื่องยนต์ดีเซลสมัยใหม่ได้ดี แถมยังช่วยให้กำลังเครื่องยนต์ไม่ตกและให้อัตราการบริโภคน้ำมันดีขึ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่รถแข่งเลอมังส์ต้องการอย่างมาก เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำมันบ่อย ๆ และกำลังเครื่องยนต์ก็ดีตั้งแต่รอบแรกถึงรอบสุดท้าย
-น้ำมันทั้ง 2 ประเภทสามารถใช้ได้ 100 % หรือต้องผสมกับดีเซล
GTL และ BTL สามารถใช้แทนดีเซลธรรมดาได้ 100 % แต่เนื่องจากมันยังมีต้นทุนสูง ดังนั้นการนำมาผสมกับดีเซลธรรมดาจึงเป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคยอมรับได้ แต่ในบางเมืองที่มีปัญหาหมอก ควันพิษ การใช้ดีเซลสังเคราะห์จะช่วยมาก เพราะมันจะลดเขม่า ควันดำ มากกว่าปกติ
-ใช้เวลาพัฒนาเท่าไร
น้อยกว่า 12 เดือน นับจากการแข่งขันเลอ มังส์ ปีที่แล้ว ก็ตกลงกันว่าจะใช้น้ำมันตัวใหม่ที่สะอาดกว่าเดิม
-อยากให้พูดถึงน้ำมันที่ใช้ในการแข่ง เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง
เชลล์ทำงานร่วมกับ CHOREN Industries GmbH ประเทศเยอรมนี ในการพัฒนาเชื้อเพลิงสังเคราะห์จากก๊าซชีวภาพ BTL (Biomass-To-Liquid) ซึ่ง CHOREN Industries GmbH จะทำหน้าที่ผลิต Biomass-To-Liquid เพื่อนำมาใช้กับน้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล ในการแข่งขัน เลอ มังส์ ครั้งนี้ ส่วนเชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซลเป็นน้ำมันที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงที่ได้มาจากกระบวนการสังเคราะห์จากก๊าซธรรมชาติไปเป็นของเหลว GTL (Gas-To-Liquids) ซึ่งช่วยให้มีประสิทธิภาพในการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์และช่วยทำความสะอาดชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องยนต์ด้วย
-ทำไมเลือก “เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง”
เชลล์เห็นว่า มอเตอร์สปอร์ตเป็นเวทีสำคัญสำหรับการทดสอบที่ดีที่สุด สามารถทำการทดสอบได้อย่างเร่งรัด โดยเฉพาะการแข่งขันเลอร์ มังส์ 24 ชั่วโมง รถในทีมวิ่งแข่งรวมกันกว่า 1 หมื่นกิโลเมตรเทียบเท่าการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน ทั้งปี และด้วยความเร็วสูงตลอดเวลาจึงเป็นการทดสอบขั้นสุดยอด และเรามีความยินดีที่จะแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะน้ำมันดีเซลซึ่งมีส่วนผสมของทั้ง GTL และเชื้อเพลิงสังเคราะห์จากก๊าซชีวภาพสำหรับใช้ในการแข่งขัน
-BTL ผลิตจากอะไร
BTL (Biomass-To-Liquid) เป็นเชื้อเพลิงสังเคราะห์สมรรถนะสูงจากก๊าซชีวภาพที่ผลิตจากชีวมวลสารของพืชที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของอาหารเช่น เศษซากของพืชหรือกากไม้ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลงถึง 90 % เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันดีเซลทั่วไป และสามารถลดเขม่าควันดำได้เกือบ 50 % และCO2 50 %
-คุณสมบัติ จีทีแอล และ บีทีแอล แตกต่างกันไหม
คุณสมบัติของ GTL และ BTL เหมือนกัน ต่างกันเพียงวัตถุดิบเท่านั้น และจากการทดสอบในเครื่องยนต์แข่งของออดี้ไม่พบความแตกต่างระหว่างดีเซลที่ผสม GTL อย่างเดียว กับสูตรที่ผสมทั้ง GTL และ BTL แต่น้ำมันดีเซลที่ผสม GTL และ BTL จะมีคุณภาพสูงกว่าดีเซลธรรมดา เพราะนอกจากการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ หมดจรดกว่า ยังวิ่งได้ไกลว่าด้วยปริมาณเท่าเดิม และยังมีประสิทธิภาพในการชะล้างหัวฉีดของเครื่องยนต์ดีเซลสมัยใหม่ได้ดี แถมยังช่วยให้กำลังเครื่องยนต์ไม่ตกและให้อัตราการบริโภคน้ำมันดีขึ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่รถแข่งเลอมังส์ต้องการอย่างมาก เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำมันบ่อย ๆ และกำลังเครื่องยนต์ก็ดีตั้งแต่รอบแรกถึงรอบสุดท้าย
-น้ำมันทั้ง 2 ประเภทสามารถใช้ได้ 100 % หรือต้องผสมกับดีเซล
GTL และ BTL สามารถใช้แทนดีเซลธรรมดาได้ 100 % แต่เนื่องจากมันยังมีต้นทุนสูง ดังนั้นการนำมาผสมกับดีเซลธรรมดาจึงเป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคยอมรับได้ แต่ในบางเมืองที่มีปัญหาหมอก ควันพิษ การใช้ดีเซลสังเคราะห์จะช่วยมาก เพราะมันจะลดเขม่า ควันดำ มากกว่าปกติ
-ใช้เวลาพัฒนาเท่าไร
น้อยกว่า 12 เดือน นับจากการแข่งขันเลอ มังส์ ปีที่แล้ว ก็ตกลงกันว่าจะใช้น้ำมันตัวใหม่ที่สะอาดกว่าเดิม