xs
xsm
sm
md
lg

เจาะลึกธุรกิจครอบครัวเอเชีย ยอมรับต้องพึ่งคนนอก ระบุมีแผนควบรวมกิจการใน 5-10 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดีลอยท์เจาะลึกธุรกิจครอบครัวในเอเชีย เผยผลสำรวจให้ความสำคัญกับการสืบทอดกิจการกับคนใน แต่เห็นตรงกันว่าอายุที่เหมาะสมคือ 30-40 ปี พร้อมยอมรับต้องพึ่งพาองค์ความรู้จากบุคคลภายนอกที่ไว้ใจได้เพื่ออุดช่องว่างการสืบทอดกิจการ

ดีลอยท์ร่วมกับสถาบันธุรกิจครอบครัวแห่งมหาวิทยาลัยการจัดการของสิงคโปร์ (Business Family Institute, Singapore Management University ) ได้ทำการสำรวจหาแนวทางของธุรกิจครอบครัวในภูมิภาคเอเชียเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในหัวข้อ "Asian Business Families Succession - Going the Distance with the Next Generation" หรือ "การสืบทอดธุรกิจครอบครัวเอเชีย และสืบต่อความสำเร็จในรุ่นต่อไป" โดยการศึกษาเชิงเปรียบเทียบครั้งนี้ดำเนินการระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม 2556 ครอบคลุมประเทศสำคัญๆ ทั่วเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็นต้น

“เมื่อเปรียบเทียบกับกิจการครอบครัวในสหรัฐอเมริกาและในยุโรป กิจการครอบครัวในเอเชียจัดว่ายังอยู่ในยุคเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลหรือองค์ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวในเอเชียก็มีอยู่จำกัด ดังนั้น ผลการสำรวจครั้งนี้จึงมีคุณค่าและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวในเอเชีย และยังเผยให้เห็นแง่มุมสำคัญที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน รวมทั้ง ก่อให้เกิดการเรียนรู้ รวมถึง วิธีการในการพัฒนา ซึ่งจะช่วยให้การสืบทอดธุรกิจประสบความสำเร็จต่อเนื่องยิ่งๆ ขึ้นไป” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แอนนี โกะ รองอธิการบดี ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและสื่อสารภายนอกองค์กรของ มหาวิทยาลัยการจัดการของสิงคโปร์ และผู้อำนวยการ ฝ่ายวิชาการของสถาบันธุรกิจครอบครัว แห่งมหาวิทยาลัยการจัดการของสิงคโปร์ กล่าว

ผลการสำรวจพบว่า 89% ของธุรกิจครอบครัวที่เป็นกลุ่มตัวอย่างลงความเห็นว่า การสืบทอดกิจการภายในครอบครัวมีความสำคัญ นอกจากนี้ 81% มั่นใจว่าคนรุ่นต่อไปมีความรู้ความสามารถที่จะสามารถสืบทอดกิจการต่อไปได้ และยังมีความเห็นตรงกันว่าอายุที่เหมาะสำหรับการเข้ามามีบทบาทในการบริหารธุรกิจครอบครัวคือ ในวัย 30 ถึง 40 ปี

สำหรับเรื่องที่มีความสำคัญต่อกิจการในระยะสั้น (3-5ปี) กลุ่มตัวอย่างระบุว่า การขยายตลาดใหม่ (80%) เพิ่มไลน์สินค้าใหม่ (70%) เน้นเรื่องการวิจัยและพัฒนา (61%) ขณะเดียวกัน กว่าครึ่งหนึ่ง (51%) ยอมรับว่ามีแผนควบรวมกิจการในระยะยาว (5-10 ปี)

ยิ่งไปกว่านั้น ผลการวิจัยยังชี้ชัดว่า บรรดาเจ้าของกิจการในครอบครัวยอมรับว่า ที่ปรึกษาซึ่งเป็น บุคคลภายนอกที่ไว้ใจได้นั้น มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้การสืบทอดกิจการราบรื่นและประสบความสำเร็จ ตัวอย่างบทบาทของที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้คือ กรณีที่สมาชิกในครอบครัวขาดความรู้ ความชำนาญในบางเรื่องที่ปรึกษาก็สามารถเติมเต็มให้ได้ การช่วยลดหรือขจัดความขัดแย้งระหว่างสมาชิกในครอบครัว ตลอดจนช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบบริหารกิจการ

กลุ่มสำรวจส่วนใหญ่เห็นว่า การที่มีบุคคลภายนอกที่ไว้ใจได้มาดูแลการทำงานของสมาชิกครอบครัวรุ่นถัดไปที่มีตำแหน่งสำคัญต่อธุรกิจของครอบครัวนั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยการให้ความเห็นหรือตัดสินใจแบบตรงไปตรงมาโดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง การช่วยเหลือให้การสืบทอดกิจการเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความขัดแย้ง

กล่าวโดยสรุปคือ 77% ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่า เปิดกว้างและยอมรับให้บุคคลภายนอกเข้ามามีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดกิจการ โดยสมาชิกครอบครัวรุ่นถัดไป และบุคคลภายนอกที่ไว้ใจได้ควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาแผนการสืบทอดกิจการที่ชัดเจน เพื่อทำให้กระบวนการถ่ายทอดกิจการประสบความสำเร็จได้สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น

“หลายปีที่ผ่านมา ดีลอยท์มีโอกาสร่วมงานกับกิจการในครอบครัวจำนวนมาก ไม่เพียงให้บริการด้านภาษีและการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น แต่ยังดำเนินบทบาทของบุคคลภายนอก ที่กิจการภายในครอบครัวสามารถไว้วางใจได้ ด้วยความเข้าใจถึงอุปสรรคและเป้าหมายของธุรกิจครอบครัว” แทม ชี ชอง กรรมการผู้จัดการของ บริการที่ปรึกษาทางการเงิน ดีลอยท์ เซาท์อีสต์เอเชีย กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น