เมื่อเร็วๆ นี้ เอไอเอ ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว ซาลูน แธม นั่งตำแหน่งซีอีโออย่างเป็นทางการ เผยแนวทางหลักในการบริหารธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2556 เน้นการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงลูกค้า ผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิต พร้อมขยายการมอบความคุ้มครองผ่านผลิตภัณฑ์ และพัฒนาเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวก
“6 เดือนหลังของปีนี้ เราจะเน้นที่การให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer centric) ผ่านการปรับเปลี่ยนจุดยืนของแบรนด์เอไอเอให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นภายใต้แนวคิด “เข้าใจชีวิต เข้าใจคุณ” ซึ่งจะทำให้เอไอเอสามารถดูแลลูกค้าในทุกช่วงชีวิตได้อย่างแท้จริง ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายที่พัฒนาขึ้นโดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก” ซาลูน แธม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจหลังได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่มบริษัทเอไอเออย่างเป็นทางการ
พร้อมกันนี้ เอไอเอ ตั้งเป้าขยายการมอบความคุ้มครองแก่ลูกค้าชาวไทย ด้วยการต่อยอดจุดแข็งของแบรนด์ด้านผลิตภัณฑ์และช่องทางตัวแทนประกันชีวิต โดยจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อมอบความคุ้มครองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด นอกจากนี้ กลยุทธ์ด้านตัวแทนฯ ก็จะเดินหน้าสานต่อโครงการพรีเมียร์ เอเจนซี่ เพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของตัวแทนฯ รวมถึงระบบการรับสมัครตัวแทนฯ ใหม่ที่มีประสิทธิภาพ อันเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีแรก
เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ทันสมัยของลูกค้าชาวไทย ซีอีโอคนใหม่เอไอเอ บอกว่า “จะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการให้บริการมากขึ้น ล่าสุดได้นำแอพพลิเคชั่นภายใต้ชื่อ iPOS เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับตัวแทนประกันชีวิตของเอไอเอในการให้บริการแก่ลูกค้าผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ซึ่งมีจุดเด่น ใช้งานง่าย รองรับระบบปฏิบัติการหลักทั้ง ไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ และมีความปลอดภัยสูง ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ตัวแทนฯ สามารถนำเสนอ และอธิบายรายละเอียดกรมธรรม์แก่ลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากบรรดาตัวแทนฯ เป็นอย่างดี ด้วยจำนวนผู้ใช้งานในไทยกว่า 3,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
ทั้งนี้ เอไอเอ ยังประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ประจำปี 2556 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าของธุรกิจใหม่ (VoNB) คิดเป็นมูลค่า 146 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และเบี้ยประกันภัยใหม่รับปีแรก (ANP) เท่ากับ 265 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ในระยะเวลาที่ผ่านมา กว่าครึ่งหนึ่งของผู้เอาประกันในประเทศไทย เป็นลูกค้าของ เอไอเอ ผมจึงมีความคาดหวังว่า ด้วยความยึดมั่นในคำสัญญาของเรา รวมถึงการลงทุนในช่องทางการขาย การพัฒนาด้านเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เอไอเอ ประเทศไทย จะสามารถคงสัดส่วนนั้นไว้ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน” ซีอีโอ เอไอเอ กล่าวย้ำ
“6 เดือนหลังของปีนี้ เราจะเน้นที่การให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer centric) ผ่านการปรับเปลี่ยนจุดยืนของแบรนด์เอไอเอให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นภายใต้แนวคิด “เข้าใจชีวิต เข้าใจคุณ” ซึ่งจะทำให้เอไอเอสามารถดูแลลูกค้าในทุกช่วงชีวิตได้อย่างแท้จริง ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายที่พัฒนาขึ้นโดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก” ซาลูน แธม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจหลังได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่มบริษัทเอไอเออย่างเป็นทางการ
พร้อมกันนี้ เอไอเอ ตั้งเป้าขยายการมอบความคุ้มครองแก่ลูกค้าชาวไทย ด้วยการต่อยอดจุดแข็งของแบรนด์ด้านผลิตภัณฑ์และช่องทางตัวแทนประกันชีวิต โดยจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อมอบความคุ้มครองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด นอกจากนี้ กลยุทธ์ด้านตัวแทนฯ ก็จะเดินหน้าสานต่อโครงการพรีเมียร์ เอเจนซี่ เพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของตัวแทนฯ รวมถึงระบบการรับสมัครตัวแทนฯ ใหม่ที่มีประสิทธิภาพ อันเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีแรก
เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ทันสมัยของลูกค้าชาวไทย ซีอีโอคนใหม่เอไอเอ บอกว่า “จะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการให้บริการมากขึ้น ล่าสุดได้นำแอพพลิเคชั่นภายใต้ชื่อ iPOS เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับตัวแทนประกันชีวิตของเอไอเอในการให้บริการแก่ลูกค้าผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ซึ่งมีจุดเด่น ใช้งานง่าย รองรับระบบปฏิบัติการหลักทั้ง ไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ และมีความปลอดภัยสูง ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ตัวแทนฯ สามารถนำเสนอ และอธิบายรายละเอียดกรมธรรม์แก่ลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากบรรดาตัวแทนฯ เป็นอย่างดี ด้วยจำนวนผู้ใช้งานในไทยกว่า 3,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
ทั้งนี้ เอไอเอ ยังประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ประจำปี 2556 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าของธุรกิจใหม่ (VoNB) คิดเป็นมูลค่า 146 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และเบี้ยประกันภัยใหม่รับปีแรก (ANP) เท่ากับ 265 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ในระยะเวลาที่ผ่านมา กว่าครึ่งหนึ่งของผู้เอาประกันในประเทศไทย เป็นลูกค้าของ เอไอเอ ผมจึงมีความคาดหวังว่า ด้วยความยึดมั่นในคำสัญญาของเรา รวมถึงการลงทุนในช่องทางการขาย การพัฒนาด้านเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เอไอเอ ประเทศไทย จะสามารถคงสัดส่วนนั้นไว้ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน” ซีอีโอ เอไอเอ กล่าวย้ำ