BOI เผยยุทธศาสตร์ใหม่ เน้นการปรับโครสร้างเศรษฐกิจไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เผย100 บัญชีกิจการลุ้นได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และ30 กิจการได้รับความสะดวกผ่านสิทธิประโยชน์ด้านเครื่องจักร วัตถุดิบที่ไม่ใช่ภาษี ขณะที่ 80 บัญชีกิจการที่จะยกเลิกให้การส่งเสริม
BOI เตรียมประกาศใช้ร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี ช่วงปี 2556-2560โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศในไทยรวม 5 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถรวบรวมความเห็นภาคเอกชนทั่วประเทศแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจะเสนอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาประกาศใช้ในเดือนมีนาคม และมีผลบังคับใช้เดือนมิถุนายน 2556
ยุทธศาสตร์ใหม่จะเน้นการส่งเสริมแบบมีเป้าหมายมากขึ้นจากเดิมที่ส่งเสริมครอบคลมทุกกิจการ โดยภาพรวมแล้วจะให้ความสำคัญกับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีน้อยลง โดยมุ่งเน้นส่งเสริมกิจการที่มีความสำคัญสูงสำหรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน คือกิจการที่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว การก่อให้เกิดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ๆ ในภูมิภาคและมีการรวมตัวใหม่ของการลงทุน รวมไปถึงการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประทศ ส่งผลให้กิจการที่มีความซับซ้อนมากและใช้เทคโนโลยีสูง จะมีแนวโน้มได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่า โดยตามยุทธศาสตร์ใหม่จะมี 100 บัญชีกิจการที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และประมาณ 30 กิจการที่ได้รับการส่งเสริมในรูปแบบของการอำนวยความสะดวกผ่านสิทธิประโยชน์ด้านเครื่องจักร วัตถุดิบและอื่น ๆ ที่มิใช่ภาษี ในขณะที่จะมีประมาณ 80 บัญชีกิจการที่จะ
ยกเลิกให้การส่งเสริม
บทวิเคราะห์ SCB EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า มีเพียง 2 หมวดบัญชีประเภทกิจการทีมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้สูงสุด 8 ปีโดยไม่จำกัดวงเงิน โดยมีข้อสังเกตที่สำคัญคือมีลักษณะเป็นกิจการที่เน้นการออแบบ วิจัยและพัฒนาซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมในอนาคต ได้แก่ หมวด 5: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวม 2 กิจการ คือ 1. ออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ micro electronic design และ embedded system design และ2. ผลิต embedded software หมวด 7: กิจการบริการและสาธารณูปโภค รวม 8 กิจการ คือ 1. เทคโนโลยีชีวภาพ 2. บริการด้านจัดการพลังงาน 3. วิจัยและพัฒนา 4. บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ 5. บริการสอบเทียบมาตรฐาน (calibration) 6. ออกแบบทางวิศวกรรม 7. นิคม/เขตอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยี และ 8. สถานฝึกฝนวิชาชีพ นอกจากนี้ ข้อสังเกตุที่แสดงให้เห็นว่ายุทธศาสตร์มีการมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่ชัดเจน คือ สำหรับกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นั้น จากสัดส่วน R&D ต่อยอดขายเกิน 3% จะสามารถปลดล๊อคจำกัดวงเงินที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้อีกด้วย
กิจการที่อยู่ในหมวด 3: อุตสาหกรรมเบาถูกยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดรวม ประมาณ 20 ประเภทกิจการจากทั้งหมดราว 80 กิจการที่ถูกยกเลิก โดยส่วนมากพบว่าเป็นกิจการที่ใช้แรงงานค่อนข้างมากและใช้เทคโนโลยีไม่ซับซ้อนมากนัก เช่น กิจการผลิตผ้า ผลิตเครื่องนุ่งห่ม พรม รองเท้า กระเป๋า เครื่องกีฬา เป็นต้น
ความสำเร็จของยุทธศาสตร์ใหม่ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความชัดเจนของการดำเนินการด้านต่าง ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดการลงทุน ที่จะมาชดเชยสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้ลดลง โดยเฉพาะเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบและลดอุปสรรคในการลงทุน และการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาต่างๆ
ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบต่อการขอเข้ารับส่งเสริมการลงทุนจะไม่มากนัก เพราะกิจการที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่คือราว 60% ของเงินลงทุน[1] อยู่ในหมวด 4: ผลิตภัฑณ์โลหะ เรื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง และ หมวด 5: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งกิจการส่วนใหญ่ในสองหมวดนี้ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเงินได้ 5 ปีขึ้นไป
โดยจะเป็นกลไกผลักดันให้กิจการยกระดับไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตผ่านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยยุทธศาสตร์ใหม่จะเสมือนการสร้างข้อได้เปรียบให้กับธุรกิจที่เน้นการวิจัยและพัฒนาที่จะกลายเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้นเป็นหล้ก ซึ่งจะกลายเป็นกลไกผลักดันให้ธุรกิจอื่นๆ พัฒนาไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันในอนาคตต่อไป
BOI เตรียมประกาศใช้ร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี ช่วงปี 2556-2560โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศในไทยรวม 5 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถรวบรวมความเห็นภาคเอกชนทั่วประเทศแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจะเสนอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาประกาศใช้ในเดือนมีนาคม และมีผลบังคับใช้เดือนมิถุนายน 2556
ยุทธศาสตร์ใหม่จะเน้นการส่งเสริมแบบมีเป้าหมายมากขึ้นจากเดิมที่ส่งเสริมครอบคลมทุกกิจการ โดยภาพรวมแล้วจะให้ความสำคัญกับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีน้อยลง โดยมุ่งเน้นส่งเสริมกิจการที่มีความสำคัญสูงสำหรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน คือกิจการที่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว การก่อให้เกิดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ๆ ในภูมิภาคและมีการรวมตัวใหม่ของการลงทุน รวมไปถึงการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประทศ ส่งผลให้กิจการที่มีความซับซ้อนมากและใช้เทคโนโลยีสูง จะมีแนวโน้มได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่า โดยตามยุทธศาสตร์ใหม่จะมี 100 บัญชีกิจการที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และประมาณ 30 กิจการที่ได้รับการส่งเสริมในรูปแบบของการอำนวยความสะดวกผ่านสิทธิประโยชน์ด้านเครื่องจักร วัตถุดิบและอื่น ๆ ที่มิใช่ภาษี ในขณะที่จะมีประมาณ 80 บัญชีกิจการที่จะ
ยกเลิกให้การส่งเสริม
บทวิเคราะห์ SCB EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า มีเพียง 2 หมวดบัญชีประเภทกิจการทีมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้สูงสุด 8 ปีโดยไม่จำกัดวงเงิน โดยมีข้อสังเกตที่สำคัญคือมีลักษณะเป็นกิจการที่เน้นการออแบบ วิจัยและพัฒนาซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุตสาหกรรมในอนาคต ได้แก่ หมวด 5: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวม 2 กิจการ คือ 1. ออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ micro electronic design และ embedded system design และ2. ผลิต embedded software หมวด 7: กิจการบริการและสาธารณูปโภค รวม 8 กิจการ คือ 1. เทคโนโลยีชีวภาพ 2. บริการด้านจัดการพลังงาน 3. วิจัยและพัฒนา 4. บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ 5. บริการสอบเทียบมาตรฐาน (calibration) 6. ออกแบบทางวิศวกรรม 7. นิคม/เขตอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยี และ 8. สถานฝึกฝนวิชาชีพ นอกจากนี้ ข้อสังเกตุที่แสดงให้เห็นว่ายุทธศาสตร์มีการมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่ชัดเจน คือ สำหรับกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นั้น จากสัดส่วน R&D ต่อยอดขายเกิน 3% จะสามารถปลดล๊อคจำกัดวงเงินที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้อีกด้วย
กิจการที่อยู่ในหมวด 3: อุตสาหกรรมเบาถูกยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดรวม ประมาณ 20 ประเภทกิจการจากทั้งหมดราว 80 กิจการที่ถูกยกเลิก โดยส่วนมากพบว่าเป็นกิจการที่ใช้แรงงานค่อนข้างมากและใช้เทคโนโลยีไม่ซับซ้อนมากนัก เช่น กิจการผลิตผ้า ผลิตเครื่องนุ่งห่ม พรม รองเท้า กระเป๋า เครื่องกีฬา เป็นต้น
ความสำเร็จของยุทธศาสตร์ใหม่ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความชัดเจนของการดำเนินการด้านต่าง ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดการลงทุน ที่จะมาชดเชยสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้ลดลง โดยเฉพาะเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบและลดอุปสรรคในการลงทุน และการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาต่างๆ
ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบต่อการขอเข้ารับส่งเสริมการลงทุนจะไม่มากนัก เพราะกิจการที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่คือราว 60% ของเงินลงทุน[1] อยู่ในหมวด 4: ผลิตภัฑณ์โลหะ เรื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง และ หมวด 5: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งกิจการส่วนใหญ่ในสองหมวดนี้ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเงินได้ 5 ปีขึ้นไป
โดยจะเป็นกลไกผลักดันให้กิจการยกระดับไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตผ่านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยยุทธศาสตร์ใหม่จะเสมือนการสร้างข้อได้เปรียบให้กับธุรกิจที่เน้นการวิจัยและพัฒนาที่จะกลายเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้นเป็นหล้ก ซึ่งจะกลายเป็นกลไกผลักดันให้ธุรกิจอื่นๆ พัฒนาไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันในอนาคตต่อไป