จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
หลังอาหารเช้า ผมออกไปที่อนเซ็น เจ้าของบ้านพักแรมทักทายด้วยสีหน้าที่แสดงความประหวั่นพรั่นพรึง
“เมื่อวานเกิดเหตุฆาตกรรมอีกแล้ว”
“อ้อ รู้เหมือนกันรึ”
“ครับ ตำรวจมาที่นี่ถึงสองครั้ง”
“ยุ่งเลยละซี”
ผมซักไซ้ไล่เลียงได้ความว่าครั้งแรกเป็นคณะสืบสวนของสารวัตรเหยี่ยว ส่วนคนที่มาครั้งหลังบอกว่าเป็นชายร่างใหญ่ประมาณแชมป์ซูโม่งานวัด ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากทนายคามิยามะ เจ้าของบ้านพักแรมบอกว่าทนายไปที่เรือนเล็กที่ผมอาศัยเป็นที่ทำงานอยู่ ออกทางหน้าต่างลงไปที่หุบเขาพร้อมกับดูนาฬิกาจับเวลาไปด้วย แล้วเดินหายลับไปทางด้านโน้นและไม่กลับมาอีก
ความจริงเมื่อเช้านี้ก็เหมือนกัน พอดอกเตอร์โคเซผลุนผลันออกจากบ้านเพื่อให้ทันรถเมล์ นายทนายปากเอกก็ลุกตามไป ติด ๆ คิดว่าคงจะไปสืบหาหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุของโมกูเบที่เมือง N ช่างเป็นคนสอดรู้สอดเห็นประเภทที่เรียกว่าแส่ได้ถึงใจจริง ๆ ทนายคนนี้ร้ายกาจนักเราจะประมาทไม่ได้เลย
เจ้าของบ้านพักแรมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การมีตำรวจนักสืบมาสอบปากคำและตรวจดูสถานที่ถึงสองครั้งสองครา จึงทำให้เขามองผมอย่างหวาด ๆ ผมเองก็หวั่นใจไม่น้อยเพราะนายคนนี้อาจให้การอะไรไปด้วยความตื่นตระหนักซึ่งผูกมัดตัวผมให้ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรตัวจริงไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ผมคิดฟุ้งซ่านมากมายเดี๋ยวก็กลับมาคิดว่าใครเป็นฆาตกรกันแน่วนเวียนอยู่อย่างนั้น จนไม่มีสมาธิที่จะทำงานและไม่แปลกที่ผมจะเขียนอะไรไม่ได้สักตัว
วันนั้นทนายคามิยามะไม่กลับมาที่คฤหาสน์ จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็นวันรุ่งขึ้นก็ยังไม่กลับมา ขณะที่เราเข้าไปนั่งล้อมวงที่โต๊ะกินข้าวเพื่อลงมือรับประทานอาหารเย็น หมอเอบิสึกะก็เดินหน้าซีดดวงตาเป็นประกายวาวเข้ามาในห้องกินข้าว
หมอขาพิการลากขาเขยกเสียงดังกุบกับไม่เกรงใจใครอ้อมไปครึ่งโต๊ะมาทางฝั่งตรงข้ามกับที่นั่งของผมพอดี นายโมกูเบนั่งอยู่ตรงนั้น
“มิยาเกะ โมกูเบ ไอ้คนลวงโลก”
หมอเอบิสึกะแผดเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ยกมือขึ้นเหยียดแขนสุดแรงชี้หน้าด้านข้างของนายโมกูเบตั้งท่าคล้ายจะแทงทะลุเข้าไป เหมือนกรรมการเบสบอลที่ออกท่าทางมากเกินจำเป็น เหมือนนักดาบที่กำลังพุ่งปลายดาบเข้าเป้า ซึ่งในความเป็นจริงคือนิ้วที่เกร็งออกไปชี้วนตรงล่างติ่งหูของนายโมกูเบ
“มิยาเกะ โมกูเบ ไอ้คนลวงโลก” หมอเอบิสึกะแผดเสียงเกรี้ยวกราดสำทับกิริยาก้าวร้าวนั้นอีกครั้ง
“ทุกคนฟังทางนี้ วันที่สามสิงหา วันอาทิตย์ นายมิยาเกะ โมกูเบคนนี้ลอบนัดพบกันลับ ๆ กับแม่นางพยาบาลตัวดี โมโรอิ โคโตมิ ที่เมือง N คนที่เมื่อวันก่อนพูดจาเหยียดหยามเมียตัวเองว่าคบชู้สู่ชายคนนี้แหละ ที่แท้ก็ใส่หน้ากากนักบุญปิดบังความชั่วของตัวเองเอาไว้ ทุกคนรู้ไหมนายคนนี้ลอบนัดพบกับแม่นางพยาบาลตัวดี ใช่ไหม บอกมาซิ บอกให้ใคร ๆ รู้ให้หมดว่านายเป็นคนโกหกหลอกหลวงแค่ไหน มิยาเกะ โมกูเบ ไอ้คนลวงโลก”
ตอนนั้นเองที่ทนายคามิยามะ เปิดประตูเข้ามาในห้องกินข้าว ซึ่งเห็นได้ว่าเขาเดินตรงมาที่นี่โดยไม่ผ่านมาทางเรือนใหญ่ เขาเข้ามาทันได้ยินคำบริภาษด้วยความโกรธจัดของหมอสติเฟื่อง จึงชะงักไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็หัวเราะออกมา
“มิยาเกะ โมกูเบ ไอ้คนลวงโลก อะ ฮะ ฮะ ฮะ เยี่ยม เยี่ยมที่สุด แล้วยังไงต่อไปครับคุณหมอเอบิสึกะ ถ้าไม่รังเกียจจะให้ผมเป็นคนเล่าต่อก็ได้นะ คือน่าเสียดายที่ความจริงกลายเป็นว่านัดลับกลายเป็นนัดล้มเหลว และฝ่ายชายก็ต้องอกหักไปตามธรรมเนียม อะ ฮะ ฮะ ฮะ”
คำพูดเชิงอวดรู้ของทนายคามิยามะที่แทรกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาหมอเอบิสึกะตะลึงไปอึดใจหนึ่ง แต่ก็ไม่ติดใจซักถามรายละเอียด ยกมือขึ้นชี้หน้านายโมกูเบอีกครั้งพร้อมจ้องหน้าด้วยดวงตาแข็งกร้าวเป็นประกาย
“ตอบมาเดี๋ยวนี้ มิยาเกะ โมกูเบ ไอ้คนลวงโลก”
เสียงแตรรถยนต์แปลกหูดังก้องบริเวณหน้าประตูเรือนฝรั่ง ยังไม่ทันจะคิดว่าใครมาถึงได้เอะอะอย่างนั้น สารวัตรเหยี่ยวก็เดินกึงกังนำทีมตำรวจนักสืบเข้ามาในห้องกินข้าว พอหมอเอบิสึกะเห็นตำรวจก็ยิ่งได้ใจ ชี้หน้าโมกูเบอย่างเอาไปเอาตายแล้วแผดเสียงลั่นขึ้นไปอีก
“ทุกคน ดูให้ดี ดูหน้ามิยาเกะ โมกูเบ ไอ้คนลวงโลกคนนี้ให้ดี ๆ มันสวมหน้ากากนักบุญประณามเมียตัวเองว่าคบชู้สู่ชาย แต่ตัวมันเอง ทุกคนรู้ไหมว่าตัวมันเองแอบนัดลับกับโมโรอิ โคโตมินางพยาบาลตัวดี แอบนัดกันลับ ๆ นะครับ”
หมอเอบิสึกะฟ้องตำรวจพลางชี้หน้าประณามโมกูเบว่าเป็นคนลวงโลกซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยอารมณ์ร้อนแรงถึงขีดสุด แต่คนที่ตำรวจเข้าไปขนาบข้างซ้ายขวากลับไม่ใช่คนลวงโลก แต่เป็นตัวหมอเอง
“อะไร เฮ้ย...พวกคุณจะทำอะไร บ้าหรือเปล่า ดูนั่นซิ ดูนั่น คนลวงโลกอยู่นั่น มันสวมหน้ากากนักบุญ”
นักสืบจมูกมดกับจ่ามินามิงาวะ ยูอิจิโรจับแขนหมอเอบิสึกะที่เป็นคนร่างเล็กคนละข้างเอาไว้จนแทบจะลอยขึ้นเพื่อควบคุมไม่ให้อาละวาด
สารวัตรเหยี่ยวก้าวเข้ามาใกล้แล้วบอกว่า
“หมอเอบิสึกะ ขอโทษนะครับ แต่วันนี้เราต้องขอให้หมอไปกับเราก่อน”
หมอเอบิสึกะที่ถูกยึดแขนไว้ทั้งสองข้างดิ้นขลุกขลัก
“คุณจะทำอะไรผม งงอะไรกันรึเปล่า ไอ้นั่นต่างหาก มิยาเกะ โมกูเบ คนบาป คนหลอกลวง พวกคุณบ้าไปรึเปล่า”
“ไม่ได้หรอกหมอเอบิสึกะ ตำรวจทำอะไรกับคนบาปไม่ได้หรอก นั่นมันเรื่องของพุทธศาสนาหรือไม่ก็ศาสนาคริสต์”
สารวัตรเหยี่ยวหัวเราะ
“ขอโทษด้วยนะที่เราต้องละคนบาปเอาไว้ และจับคนที่ทำร้ายคนอื่นให้ได้รับบาดเจ็บก่อน เราต้องจับคุณ นายเอบิสึกะ โคจิ ในข้อหาทรมานนางพยาบาลโมโรอิ โคโตมิ ทำให้มีบาดแผลถูกไฟลวกและแผลถูกแทงหลายแห่งทั่วตัว อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน”
ตำรวจนักสืบสองคนนำตัวหมอเอบิสึกะออกไปจากห้องเมื่อสิ้นเสียงสารวัตร
“ขอโทษนะครับที่เข้ามาเอะอะขัดจังหวะแบบนี้” สารวัตรออกตัวและทำท่าว่าจะเดินตามลูกน้องไปผมจึงถามขึ้นว่า
“นี่มันเรื่องอะไรกันหรือครับสารวัตร”
“เรื่องมันบ้าบอมาก คือพอปิดคลินิกเย็นวันนี้หมอเอบิสึกะก็ปิดประตูล็อกกุญแจแล้วจับนางพยาบาลโมโรอิเปลือยกายมัดมือแขวนไว้กับขื่อแล้วเริ่มทรมานหล่อนอย่างเหี้ยมโหดด้วย ตะเกียบเขี่ยถ่านในเตาผิง มีดและกรรไกรผ่าตัดที่เตรียมเอาไว้ บังคับให้บอกความจริงว่าแอบนัดกับใคร สุดท้ายเจ้าหล่อนก็สารภาพว่าคู่นัดคือนายโมกูเบคนบาปคนนี้ หมอก็เลยรีบรุดมาเอาเรื่องที่นี่ ชาวบ้านละแวกนั้นแจ้งตำรวจว่าได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากคลินิกผลก็เลยพาลูกน้องรีบรุดไปที่นั่น เห็นสภาพแล้วผงะเลยครับ มันเป็นการกระทำของคนเสียสติโดยแท้ เนื้อตัวไหม้เกรียมเป็นจุด ๆ เลือดนองไปทั่วห้อง ผมถูกกระชากกระจุย คนทำเป็นหมอแบบนี้เราดูแล้วไม่รู้จะช่วยเหลือยังไงเลยครับ โชคดีที่นักสืบคิดลึกเคยผ่านการอบรมพยาบาลภาคสนามมาบ้าง ถึงจะมือหนักหน่อยแต่ก็พอช่วยให้ไม่ถึงตาย”
“อย่างนี้ก็หมายความว่าหมอเอบิสึกะเป็นคนร้ายในทุกคดีที่เกิดขึ้นที่นี่หรือครับ” ผมถาม
“ไม่หรอกครับ เรื่องนี้ถ้าไม่สอบสวนให้ละเอียดก่อน ก็ยังพูดอะไรไม่ได้หรอกครับ” สารวัตรเหยี่ยวตอบผมแล้วกลับออกไป
ทนายคามิยามะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ได้ในที่สุด
“ตกใจหมดเลยครับ พอเข้ามาในห้องกินข้าวก็ได้ยินเสียงด่าทอ มิยาเกะ โมกูเบ ไอ้คนลวงโลกขรมถมเถ บอกตรง ๆ ว่าตกใจจริง ๆ จะบอกให้ว่าผมใช้เวลาเมื่อวานนี้และวันนี้ทั้งวันเดินสืบพฤติกรรมของนายโมคูเบคนลวงโลกคนนี้ไปรอบเมือง N ความจริงคำสารภาพของนางพยาบาลโมโรอินั้นผิดครับ คนที่นางพยาบาลตัวดีคนนี้ลักลอบนัดพบในวันที่สามสิงหาคือลุงชาวนาเศรษฐีใหม่ต่างหาก คุณโมกูเบกับหมอเอบิสึกะต่างคอยหล่อนอยู่คนละโรงแรม รอเท่าไรก็ไม่มาก็เลยอกหักเป็นโศกนาฏกรรมไปทั้งสองคน นางพยาบาลคนนี้เลือดเย็นอย่างน่าตกใจเพราะขนาดโดนทรมานด้วยเหล็กแหลมเผาไฟอย่างทารุณนั้น ก็ยังโกหกเอ่ยชื่อคุณโมกูเบออกมาได้ นี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใจเหี้ยมพอที่จะจะก่อคดีอาชญากรรมรายใหญ่ได้”
ระหว่างนั้นนายโมกูเบไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ใช่ซิ...ที่ผ่านมานายคนนี้แสดงความเกลียดชังหมอเอบิสึกะอย่างผิดสังเกตให้เห็นหลายครั้ง พอได้ยินเรื่องนางพยาบาลโมโรอิอย่างนี้แล้ว ก็พยักหน้าได้เลยว่า...อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง นายโบกูเบก็เป็นคนหนึ่งที่มีนิสัยแปลก ๆ อย่างเช่นมีความริษยาเหมือนผู้หญิง และมีความเลวร้ายอยู่ลึก ๆ
“ผมรู้ว่าคุณไปสืบหาหลักฐานเกี่ยวกับผมที่อนเซ็นด้วย นี่หมายความคุณเที่ยวไปสืบหาหลักฐานที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุของทุกคนเลยละซี” ผมถามทนาย
“ใช่ครับ ผมเป็นทนายอยู่ในกมลสันดาน คดีพวกนี้จึงเป็นสิ่งท้าทายมาก ผมไปสืบที่เมือง F คุณคาซูมะมีหลักฐานยืนยันมั่นคงครับ ส่วนคุณทังโงะ คุณทังโงะขึ้นรถเที่ยว 12.20 น.ครับ วิ่งมาโบกให้รถจอดรับ พนักงานประจำรถและคนขับรถเมล์บอกว่าจำได้ สำหรับคุณโมกูเบ เอาละผมจะไม่พูดถึงเรื่องนางพยาบาลโมโรอิ แต่คุณไม่ได้ขึ้นรถเที่ยวแรกนะ”
ทนายคามิยามะจ้องไปที่นายโมกูเบ แต่อีกฝ่ายไม่สนใจยังเงียบอยู่อย่างเดิม
“หมอเอบิสึกะสงสัยว่านางพยาบาลโมโรอิมีอะไร ๆ กับคุณโมคูเบ คือมันมีเหตุให้ต้องสงสัยอย่างนั้น เพราะคุณโมกูเบไม่ได้ขึ้นรถเข้าเมือง N เที่ยวแรกแต่ขึ้นเที่ยว 12.40 น.ซึ่งเป็นเที่ยวเดียวกับหมอเอบิสึกะ ดังนั้นปัญหาจึงอยู่ที่ว่าคุณโมคูเบไปทำอะไรอยู่ที่ไหนในหมู่บ้านระหว่างออกจากคฤหาสน์เมื่อ 7.30 น.จนถึง 12.40
นายโมคูเบไม่ตอบเช่นเคยเพราะไม่มีอะไรจะตอบ สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนเพราะไม่รู้จะเปลี่ยนอย่างไรอีกแล้ว เขานั่งหน้าซีด ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ดูเหมือนจะไม่ได้ยินว่าใครพูดอะไรกับใครด้วยซ้ำ
นายทังโงะพูดคล้ายประชด
“ทนายคามิยามะ รู้สึกว่าคุณจะสนุกมากเลยนะกับการสืบหาตัวคนร้ายโดยไม่มีใครขอร้องครั้งนี้”
ทนายปากเอกไม่แสดงทีท่าว่าสะดุ้งสะเทือน กลับหัวเราะชอบใจ
“อะ ฮะ ฮะ ฮะ ผมคิดว่าเมื่อมาตกอยู่กลางวังวนของคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันอย่างนี้แล้ว ถ้าไม่เกิดอารมณ์นักสืบขึ้นมานี่ซิแปลก”
คืนนั้น เรากำลังจะเข้านอนกันอยู่แล้ว แต่นักสืบจมูกมดกับจ่ามินามิงาวะ ยูอิจิโรยังยืนเฝ้าอยู่ตรงทางลงบรรไดจากชั้นบนทั้งสองด้าน ตามคำสั่งที่สารวัตรให้ไว้ตั้งแต่คืนวาน
คาซูมะบอกกับนักสืบมูกมดว่า
“ขอบใจนะครับที่ช่วยเฝ้าดูแล แต่ไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่รึ”
“อ้าว ทำไมหรือครับ”
“ก็ตำรวจจับหมอเอบิสึกะไปคุมขังไว้แล้วไม่ใช่รึ”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมาเฝ้าระวังก็ได้ ผมคิดว่าพอแล้วละครับ”
“ครับ แต่เราต้องทำตามคำสั่งของสารวัตร จนกว่าจะถึงวันที่ 9 สิงหา”
คาซูมะดูโล่งใจที่หมอเอบิสึกะถูกตำรวจจับตัวไป
[ตัวละครในเรื่องที่ตายไปแล้ว 7 คน]
วานิ โมจิซึกิ แขกรับเชิญของทามาโอะ
อูตางาวะ ทามาโอะ ลูกสาวอุตางาวะ ทามอน น้องของคาซุมะ
อากิระ อุตสึมิ กวีหลังค่อมแขกรับเชิญของทามาโอะ
ชิงูซะ หญิงขี้ริ้วลูกสาวนางยูระ นางุโมะ อาของคาซุมะ
คาโยโกะลูกสาวอุตางาวะ ทามอนเกิดจากหญิงรับใช้
อูตางาวะ ทามอน
อุตสึงิ อากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซูมะ อยู่กับโมคูเบ