จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
เย็นวันนั้น คนงานในคฤหาสน์เดินไปมาขวักไขว่เตรียมการเพื่อส่งศพคุณนายอากิโกะไปเชิงตะกอน พวกเราคณะพรรคที่เหลืออยู่เกาะกลุ่มกันเดินไปวัดโซรินจิ ทางวัดเคลื่อนศพคุณนายจากห้องชันสูตรศพมายังโบสถ์และจัดพิธีสวดศพกันอย่างฉุกละหุก เราฟังสวดเสร็จและเฝ้าดูรถขนศพคุณนายไปเชิงตะกอนจนลับตาจึงกลับคฤหาสน์ก่อนเวลาอาหารเย็นนิดหน่อย คาซูมะกับคุณนายยุ่งอยู่การสั่งโน่นสั่งนี่จนกระทั่งได้เวลารับประทานอาหาร หลังจากนั้นยังต้องให้ปากคำแก่ตำรวจด้วยจึงดูเหมือนว่าจะไม่มีเวลากลับห้องส่วนตัว
ส่วนผมกับเคียวโกะพอเสร็จจากการสอบปากคำของตำรวจก็พากันกลับห้องส่วนตัวด้วยความเหนื่อยหน่ายเต็มที นึกว่าจะหมดเรื่องแล้วสำหรับวันนี้ แต่ที่ไหนได้ยังไม่ทันจะได้นั่งพักคาซูมะกับคุณนายอายากะก็มาเคาะประตูห้องหน้าซีดกันทั้งสองคน ระล่ำระลักบอกว่าพอกลับเข้าห้องที่ก่อนออกไปใส่กุญแจไว้แล้วนั้น ก็พบกระดาษเขียนจดหมายที่ใช้กันในตระกูล อูตางาวะแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือมีข้อความเขียนด้วยปากกาว่า
9 สิงหาคม วันแห่งชะตาลิขิต
ผมจึงพาสองผัวเมียไปที่ห้องดอกเตอร์โคเซ ดอกเตอร์กำลังง่วนอยู่กับการค้นหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าเดินทางไม่มีทีท่าว่าสนใจฟังเรื่องของเรา
“อ้อ งั้นรึ”
แล้วก็ยิ่งคุ้ยกระเป๋ากระจุยกระจายยิ่งขึ้นอีกเมื่อไม่พบสิ่งที่ต้องการ อยู่เป็นนานจนในที่สุดก็ถอนใจยืดยาวเมื่อหาพบ โธ่...นึกว่าอะไร สิ่งที่เขาชูขึ้นมาให้เราดูที่แท้ก็คือถุงเท้าข้างหนึ่งเท่านั้นเอง
“อะไรน่ะดอกเตอร์ ถุงเท้าข้างนั้นเป็นหลักฐานสำคัญของคดีรึ” ดอกเตอร์หัวเราะเจื่อน ๆ เมื่อถูกผมประชดให้
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับเซ็นเซ ผมก็แค่จะออกเดินทางสักหน่อย คิดว่าจะไปทางโตเกียวเพราะอยากแวะหาแฟนสักหน่อย แฟนผมเขาชอบความสะอาด บอกว่าอย่างน้อยผมก็ควรใส่ถุงเท้า ผมพยายามทำตามคำสั่งของเธอเสมอ ก็แค่นั้นแหละครับ” ดอกเตอร์ดูมีความสุขเมื่อพูดถึงแฟน
“พอแพ้ก็จะตีจากละซี”
“มองผมผิดไปแล้วเซ็นเซ ผมจะไปสู่เส้นทางแห่งชัยชนะต่างหาก”
ดอกเตอร์ยืดอกเชิดหน้าแสดงให้เห็นว่าเอาจริง
“เซ็นเซกับคุณคาซูมะคงจะคิดว่าอุตส่าห์เรยกตัวมาทั้งทีไม่เห็นทำอะไรให้เป็นประโยชน์ ก็ต้องยอมรับละว่าแย่มากเพราะมัวแต่เอาเป็นเอาตายอยู่กับบิลเลียด แต่ท่านทั้งสองครับ เห็นอย่างนั้นผมเองก็เฝ้าระวังอยู่ ไม่ได้นิ่งดูดายปล่อยให้คนร้ายหนีหายไปต่อหน้าต่อตาได้หรอก ไหน...ไหน อ้อ... 9 สิงหาคม วันแห่งชะตาลิขิต ผมจะกลับมาก่อนถึงวันนั้น ขอให้คุณคาซูมะกับคุณนายระวังตัวกันให้ดี ๆ ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนร้ายมันมีกุญแจไขทุกห้องอยู่ทั้งพวง คุณก็เอาเชือกยาว ๆ ล่ามกุญแจห้องตัวเองเอาไว้ แล้วตอนนอนก็ล็อกห้องให้เรียบร้อย เผื่อคนร้ายไขกุญแจเข้ามาจะได้รู้สึกตัว อาหารการกินก็ต้องระวังให้ดีด้วยนะครับ พยายามเกาะกลุ่มอยู่กันหลาย ๆ คนไม่ว่าจะในหรือนอกคฤหาสน์ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวแม้แต่ตอนกลางวัน ที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่าจะเห็นใครสงสัยไว้ก่อนเลยว่านั่นคือฆาตกร”
คราวนี้ดอกเตอร์โคเซหยิบเนคไทใหม่เอี่ยมขึ้นมาแล้วเผลอยิ้ม
“อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาเก็บข้าวเก็บของ จะไปทำอะไรที่ไหนรึ”
“ผมจะไปหาวัตถุพยาน”
“อ้าว วัตถุพยานมันก็ต้องอยู่ที่นี่ซิ”
“ที่นี่ไม่มีหรอกครับ ทั้งหมดมันอยู่ที่ว่าฆาตกรเคลื่อนไหวของฆาตกรได้ทั้งในความเกี่ยวข้องกับเวลาและสถานที่ แล้วก็สภาพจิตของมัน คือยังไม่มีหลักฐานพยานอะไรที่ชัดเจน ผมถึงต้องออกไปค้นหาไงครับ”
“หมายความว่าดอกเตอร์รู้แล้วรึว่าใครคือฆาตกรตัวจริง”
“ก็...ประมาณนั้น คือแน่ใจว่าจะต้องเป็นคนนี้แหละ แต่ในเมื่อมันเป็นแค่การคำนวณเอาจากเวลาและสถานที่ที่ฆาตกรปรากฏตัวจึงเอาไปใช้เป็นหลักฐานพยานในศาลไม่ได้ เราต้องมีพยานวัตถุครับ ไม่อย่างนั้นก็มีทางจับตัวมันขึ้นศาลได้ เห็นไหมครับว่าผมต้องปวดหัวแค่ไหน เห็นมันเดินลอยนวลไปมาแต่ทำอะไรไม่ได้”
ดอกเตอร์เกาหัวยุ่ง ๆ ของเขาพลางสบถหยาบคาย ผมซักต่อ
“แล้วดอกเตอร์จะไปไหน”
“ก็ไปมันทั่วแหละครับ ผมสู้ไม่ถอยแล้ว จะต้องพลิกแผ่นดินหรือต้องดำน้ำลงไปก็เอาแล้วคราวนี้ ขอให้ได้วัตถุพยานติดมือกลับมาเป็นพอ”
ว่าแล้วก็ยิ้มเจื่อน ๆ แบบของเขา
ที่โต๊ะอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเพราะจะต้องอยู่คอยรับกระดูกคุณนายอากิโกะ ที่ว่าพร้อมหน้านั้นหลังจากที่นายวานิ คุณทามาโอะ คุณชิงูซะ นายอุตสึมิ และคุณนายอากิโกะถูกฆ่า และหมอเอบิสึกะที่ไปกินในครัวแล้ว ก็มีอยู่แค่ 12 คน และเมื่อดอกเตอร์โคเซออกเดินทางก็จะเหลือ 11 คน
ทนายคามิยามะหันไปทางดอกเตอร์แล้วเอ่ยเชิงเย้าว่า
“ได้ยินมาว่าคุณโคเซจะออกเดินทางไปหาพยานหลักฐานมาประกอบการสืบสวนคดีฆาตกรรม ผมเลยอยากฟังคำสันนิษฐานของคุณขึ้นมาเสียแล้วซี พอจะแย้มให้ฟังสักนิดหนึ่งได้ไหม ส่วนตัวของผมนั้นคิดว่ากุญแจดอกสำคัญที่จะไขปริศนาลึกลับทั้งหมดนี้อยู่ที่คดีฆาตกรรมคุณคาโยโกะเมื่อวันที่ 26 กรกฎา ถ้าคนที่ฆาตกรตั้งใจฆ่าคือคุณปิก้าจิตรกรเอกแต่เผอิญคุณคาโยโกะมารับเคราะห์แทน มันก็จะต้องเป็นปีศาจฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า แต่ถ้าเป้าสังหารคือคุณคาโยโกะจริง ๆ มันก็ง่าย เพราะแสดงให้เห็นแรงจูงใจของฆาตกรชัดเจน”
ดอกเตอร์ไม่ตอบได้แต่ยิ้มน้อย ๆ ปิก้าจึงสอดขึ้น
“ว่าไงนะ ถ้าคนร้ายตั้งใจฆ่าผมละก็มันคือปีศาจฆาตกรโรคจิต แต่ถ้าเป้าหมายอยู่ที่คุณคาโยกะละก็ง่ายขึ้นรึ ทำมาพูดดีคุณทนายจอมปลอม รู้แล้วรึว่าฆาตกรคือใคร”
“ผมยังไม่แน่ใจขนาดนั้นหรอกท่านกวีเอก แค่บอกว่ามองแรงจูงใจให้ฆ่าได้ง่ายและชัดเจนเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้น กรณีของคุณนายอากิโกะ นายวานิ และนายอุตสึมิ กวีหลังค่อมล่ะคุณทนายจะว่ายังไง” นายทังโงะยิ้มเยาะ
“คือ...ผมคิดว่า เรื่องนี้เราคงต้องคิดแยกกัน”
ทนายคามิยามะนั้นแม้จะได้ชื่อว่าทนายปากเอกแก้ต่างไหลลื่นราวปลาไหล แต่เมื่อต้องตีฝีปากกับนักอักษรศาสตร์ก็รู้ตัวดีว่าต้องตั้งหลักให้มั่นอย่าให้พลาดท่าเสียทีได้
“อะไรทำให้ต้องคิดแยกกันครับ” นายทังโงะรุก แต่ทนายคามิยามะไม่แสดงทีท่าว่าหวั่นไหวเลยสักนิด
“ครับ ผมว่าเรื่องทั้งหมดนี้คงต้องฟังเจ้าหน้าที่สืบสวนวินิจฉัยคดีสรุปในขั้นสุดท้ายจึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราทำได้ก็แค่สันนิษฐานจากภาวะแวดล้อมรอบ ๆ ตัวนี่เอง และผมคิดว่าเราสามารถแบ่งคดีฆาตกรรมเจ็ดรายตามภาวะแวดล้อมได้กว้าง ๆ เป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือคดีนายนายวานิ คดีคุณทามาโอะ และคดีท่านทามอน ซึ่งผู้ตายอยู่ในภาวะที่อาจถูกใครก็ได้ที่ประสงค์ร้ายฆ่าได้โดยง่าย อย่างเช่น ท่านทามอนที่ตายเพราะถูกวางยาพิษ คนที่เอามอร์ฟีนไปผสมในน้ำตาลที่ท่านต้องกินเป็นประจำจะเป็นใครก็ได้ที่รู้เรื่องนั้นดี และกลุ่มที่สองคือคดีคุณชิงูซะ คดีคุณอุตสึมิ คดีคุณคาโยโกะ และคดีคุณนายอากิโกะ ซึ่งเป็นการฆ่าที่ต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถฆ่าได้ในแง่ของเวลาและสถานที่ ผมคิดว่าเรามาหาความเป็นไปของกรณีนี้กันดีกว่า พิจารณาคัดกรองออกไปทีละคนจนเหลือคนที่น่าสงสัยที่สุดแล้วค่อยมาว่ากัน”
เมื่อไม่มีใครออกความเห็นว่าอย่างไร ทนายคามิยามะจึงสาธยายต่อไป
“กรณีแรกที่ผมจะยกขึ้นมาให้พิจารณากันก็คือเหตุฆาตกรรมคุณชิงูซะ ระหว่างทางกลับจากเชิงตะกอน เราไม่อาจคัดใครออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินกลับมาคนเดียวหรือเดินกลับมาด้วยกันสองสามคน อย่างคุณ คาซูมะที่บอกว่ากลับมาคฤหาสน์ก่อนแล้วจึงออกไปที่วัดโซรินจิ ก็ไม่มีพยานรู้เห็นว่าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนในช่วงสามสิบนาทีนั้นจึงตัดออกไปไม่ได้ สุดท้ายคนที่สามารถตัดออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยในกรณีนี้ได้คือ ดอกเตอร์โคเซที่กลับมากับคุณ โคโรกุ และผมกับพระคุณเจ้าที่กลับมาพร้อมคุณคาซูมะซึ่งยังไม่มีพยานหลักฐาน ส่วนคุณปิก้ากวีเอกที่มาถึงเป็นคนแรก คุณอุตสึมิที่มาถึงเป็นคนที่สอง และอีกห้าคนคือ คุณโมคูเบ คุณทังโงะ คุณยาชิโระ และคุณคาซูมะ ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุ”
ไม่มีใครพูดอะไรอีกเช่นเคน คิโซโนะเมียทนายจึงสอดขึ้นว่า
“แต่คุณปิก้าที่มาถึงเป็นคนแรกกับคุณอุตสึมิที่มาถึงเป็นคนที่สองไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานพยานอะไรไม่ใช่หรือคุณ เพราะใช้เวลาเดินจากเชิงตะกอนกลับถึงคฤหาสน์ตามปกติไม่ได้ช้าหรือเร็วอะไร”
ทนายคามิยามะพยักหน้า
“ก็ใช่นะ คุณอุตสึมิไปที่ศาลเจ้ามิวะตามที่นัดหมายไว้กับคุณชิงูซะแต่ไม่พบก็เลยกลับมา แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนั้นเขาอาจฆ่าคุณชิงูซะหมกป่าเอาไว้ก่อนกลับก็ได้ ผมอยากให้ทุกคนนึกย้อนกลับไปที่สภาพศพของคุณชิงูซะ ฆาตกรเอาผืนผ้าคลุมหัวเธอจนมิดมองอะไรเห็นแล้วใช้เชือดคาดโอบิรัดคอเธอทับลงบนผืนผ้านั้นจนตาย ไม่ใช่วิธีฆ่าที่ธรรมดานะครับ จากการที่ไม่มีร่อยรอยการต่อสู้ขัดขืน แสดงให้เห็นว่าฆาตกรต้องเป็นคนสนิทชิดเชื้อกันกับผู้ตายถึงได้ยอมให้เอาผ้ามาคลุมหัวอย่างนั้นเพราะนึกว่าเล่นกัน ทุกท่านคงพอจะวาดภาพเหตุการณ์ได้นะครับ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยากที่จะคัดคุณอุตสึมิออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัย ระหว่างนั้นคุณปิก้ากวีเอกกลับถึงคฤหาสน์ก่อนคุณอุตสึมิ มาถึงจุดนี้ทุกท่านคงคิดว่าคุณปิก้าน่าจะพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในกรณีนี้ แต่ผมยังไม่ฟันธงหรอกครับเพราะตราบใดที่คุณปิก้าเดินกลับมาคนเดียวโดยไม่มีพยานรู้เห็นท่านก็ยังเป็นคนที่ควรแก่การสงสัยอยู่ ทำไมหรือครับ...ผมรู้จักภูมิประเทศของหมู่บ้านนี้ดีราวกับมีแผนที่อยู่บนฝ่ามือ จากเชิงตระกอนเราต้องเดินขึ้นมาที่ทางเลียบหุบเขาใช่ไหมครับ จากตรงนั้นไปราวสองสามเมตรจะมีทางเล็ก ๆ แทบจะมองไม่เห็นลัดไปศาลเจ้ามิวะ จะเรียกว่าทางได้หรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะนาน ๆ ทีจะมีนายพรานเดินบุกพงหญ้าลัดเข้าไป หญ้าแถวนั้นจึงถูกเหยียบเป็นแนวอยู่เท่านั้น ทางลัดนั้นไปจะไปโผล่ที่ภูเขามิวะและเดินอ้อมภูเขาไปก็จะถึงประตูหลังคฤหาสน์อูตางาวะ ใช้เวลาต่างจากทางปกติราวสิบหรือสิบห้านาที เพราะมีทางลัดที่ว่านี้ ทุกคนที่เดินกลับมาคนเดียวจึงเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยหมด ไม่เป็นไรครับถ้าจะลงความเห็นว่าคุณปิก้าไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยเพราะกลับมาถึงก่อนคุณอุตสึมิ แต่ท่านอื่น ๆ ไม่ได้ครับ มีทางเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ยังมีปัญหาอยู่อีกประการหนึ่ง”
ทนายปากเอกชายตามองทุกคนในที่นั้นด้วยสายตาเหยียด ๆ
“ปกติผมมีมติประจำใจอยู่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงคนที่ไปได้อยู่ด้วยในที่ ๆ มีการสนทนากันอยู่ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถึงเพราะประเด็นที่ผมจะพูดถึงนี้เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้น ซึ่งก็คือเรื่องที่คุณพยาบาลโมโรอิบอกว่าคุณชิงูซะออกออกจากบ้านเพื่อไปพบกับคู่นัดเมื่อราวหกโมงเย็น ทว่าไม่มีคนอื่นสักคนเดียวที่เห็นคุณคิงูซะออกไปเมื่อหกโมงเย็น ประเด็นก็คือคุณชิงูซะอยู่ในคฤหาสน์ถึงกี่โมงกันแน่ มีคนเห็นเธอตอนราวห้าโมงแต่หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นไม่มีใครรู้ชัดว่าเธออยู่ที่ไหน คุณพยาบาลมีพยานหลักฐานยืนยันว่าอยู่ที่ไหนในช่วงหกโมงถึงสองทุ่ม แต่ในความเป็นจริงคุณชิงูซะถูกฆ่าก่อนหกโมงครับ”
พอมาถึงตรงนี้คณะพรรคที่นั่งเก๊กหน้าทำทีว่าคำสันนิษฐานของทนายคามิยามะไม่เห็นมีอะไรน่าเชื่อถือมาตลอดนั้น ดูเครียดขึ้นมาจนเก็บไว้ไม่มิด แต่ทนายปากเอกทำเป็นไม่สนใจ
“แต่ก็นั่นแหละครับ ได้ชื่อว่าคนร้าย ไม่ว่าจะบ้านนอกคอกนาแค่ไหนต่างมีกลอุบายหาทางรอดกันทั้งนั้น ให้การเท็จบ้างอะไรบ้าง บางคนก็สติปัญญาหลักแหลมอย่างน่าตกใจเลยทีเดียว”
ทนายทิ้งท้ายชวนให้อยากรู้กันไว้เพียงเท่านั้น แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
“คราวนี้เรามาดูกรณีฆาตกรรมคุณอุตสึมิกันบ้าง ตอนนั้นคุณปิก้าจิตรกรเอกนั่งเบิ่งตาอยู่บนระเบียงทางเดินชั้นบนตรงจุดที่จะมองเห็นใครก็ตามที่เดินผ่านไปมาได้ถนัดชัดเจน ดังนั้นจึงสรุปกันโดยทั่วไปว่าที่ชั้นบนไม่มีฆาตกร แต่เราต้องไม่ลืมว่าคุณปิก้าอยู่ในภาวะเมามาย คนที่อยู่ห้องใกล้กับตำแหน่งที่ท่านกวียึดเป็นที่มั่น อย่างคุณคาซูมะและดอกเตอร์โคเซ ถ้าเห็นเข้าท่านก็อาจตะเพิดเอา ส่วนคุณทังโงะหรือคนอื่นที่อยู่ห่างออกไปพอดูนั้น ผมคิดว่าถึงจะออกมาห้องสุขาหรืออะไรท่านกวีเอกก็คงไม่ได้ใส่ใจ และห้องสุขาก็อยู่ไกลออกไปทางบันไดลงไปชั้นล่าง”
ทนายคามิยามะยิ้มย่องอย่างนึกสนุกพลางชำเลืองมองทุกคนในที่นั้น
“ห้องคุณทังโงะอยู่ตรงข้ามกับห้องคุณโคโรกุกับคุณนาย ส่วนผมอยู่ห้องข้างคุณทังโงะ ถัดไปเป็นห้องคุณโมคุเบและคุณนายอากิโกะ ถัดจากห้องตรงข้ามที่ว่างอยู่เป็นห้องคุณยาชิโระ ห้องสุขาชั้นบนอยู่ในตำแหน่งที่ใครก็ตามสามารถลอบลงบันไดไปชั้นล่างได้โดยทำทีเป็นไปห้องสุขา คนธรรมดาที่ไม่ต้องเมาแอ๋อย่างคุณปิก้าตอนนั้นก็ไม่มีทางสังเกตเห็นได้จากจุดที่ท่านยึดหัวหาดอยู่”
ทุกคนหน้าตึงขึ้นมาทันที ความจริงมันก็แค่การใช้วาทกรรมในฐานะทนายปากเอก เป็นเพียงคำสันนิษฐานโดยส่วนตัวของทนายไม่ได้ถึงขนาดว่ามีหลักฐานมาตีแตก แต่มันก็ทำให้ผมเดือดขึ้นมาได้เหมือนกัน
“คุณพูดแบบนั้น ฟังดูเหมือนว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่อาจลงบันไดไปฆ่านายอุตสึมิเมื่อไรก็ได้ แต่ประเด็นที่เป็นปัญหามากกว่านั้นคือ ผมไปห้องสุขาหรือไม่ และคุณปิก้าเห็นผมไปห้องสุขาหรือไม่ต่างหาก”
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยว คุณยาชิโระ ที่ผมพูดทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่ผมคิดว่าอาจเป็นไปได้เท่านั้น น่าเสียดายที่คุณปิก้าเมามายไม่ได้สติ ผลเลยออกมาว่าจำอะไรไม่ได้ชัดเจน ผมก็แค่ขยายความคิดจากมุมมองของตนเองว่าถ้านั่งอยู่ตรงนั้นควรจะเห็นอะไรบ้างให้ทุกท่านฟังเท่านั้นเองครับ”
“ก็นั่นแหละ ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณยกเรื่องนายปิก้าเมามายไม่ได้สติขึ้นมา และโยนข้อสงสัยไปที่นายทังโงะคนเดียวเพียงเพราะห้องของเขาอยู่ห่างจากตำแหน่งที่นายปิก้านั่งอยู่ มันไม่ถูกนะ คาซูมะกับดอกเตอร์ก็อาจไปห้องสุขาได้เหมือนกัน คนที่ออกจากห้องไม่ได้ที่แน่ ๆ คือคุณนายอายากะคนเดียว”
“แย่จริง ผมพลาดประเด็นนี้ไปได้ยังไง ผมยอมรับว่าตลกครับที่ไปว่าคุณทังโงะอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่คุณคาซูมะและดอกเตอร์ก็อาจออกไปห้องสุขาได้เหมือนกัน แต่คุณยาชิโระครับ สภาพการณ์ของคืนนั้นมันไม่เอื้อให้คุณทั้งสองทำอย่างนั้นได้เลยนะครับ เพราะไม่ว่าคุณคาซูมะหรือดอกเตอร์เปิดประตูห้องที่อยู่ใกล้มากนั้นออกมา เป็นต้องถูกคุณปิก้าแยกเขี้ยวใส่และด่าทอเอ็ดตะโรให้ได้ยินกันแน่ ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าเมาไม่ได้สติจึงจำอะไรจนรุ่งเช้า แต่พวกเราที่อยู่ในห้องรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นที่ระเบียงทางเดินจากเสียงเอะอะของท่าน นอกจากกรณีที่เกิดความเคลื่อนไหวไกลออกไปเกินสายตาที่ท่านจิตรกรเอกจะสังเกตเห็นจึงไม่เอะอะขึ้น”
เมื่อเห็นว่าทุกคนในที่นั้นมีทีท่าว่าพอจะเข้าใจคำอธิบายของเขาแล้ว ทนายคามิยามะก็เปลี่ยนเรื่องทันที
“คราวนี้ก็มาถึงกรณีฆาตกรรมคุณคาโยโกะ ที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับกรณีฆาตกรรมท่านทามอนและด้วยวิธีเดียวกันคือวางยาพิษ แต่มีภาวะแวดล้อมการฆ่าที่แตกต่างกัน กรณีของท่านทามอนใครสักคนในกลุ่มเราสามารถฉวยโอกาสที่ไม่มีใครอยู่ในห้องครัวช่วงบ่ายโมงครึ่งถึงสามโมง เอามอร์ฟีนใส่ลงไปในโถน้ำตาลที่ใช้ปรุงอาหารสำหรับท่านโดยเฉพาะ ตอนนั้นคุณคาโยโกะนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องใหญ่ จึงอาจเห็นคน ๆ นั้นเดินออกมาจากห้องครัวก็ได้ แต่ถึงจะเห็นคน ๆ นั้นก็ไม่แคร์เลยครับ เพราะรู้ว่าคุณคาโยโกะจะต้องตายไปพร้อมกับคุณพ่อของเธอ”
เมื่อได้ยินทนายคามิยามะตัดข้อสันนิษฐานที่ว่าคุณคาโยโกะตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมแทนตนออกไปอย่างสิ้นเชิง นายปิก้าก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แสดงทีท่าว่าไม่อยากฟังต่อไปให้เสียหูและไม่อยากโต้เถียงให้เมื่อยปาก
[ตัวละครในเรื่องที่ตายไปแล้ว 7 คน]
วานิ โมจิซึกิ แขกรับเชิญของทามาโอะ
อูตางาวะ ทามาโอะ ลูกสาวอุตางาวะ ทามอน น้องของคาซุมะ
อากิระ อุตสึมิ กวีหลังค่อมแขกรับเชิญของทามาโอะ
ชิงูซะ หญิงขี้ริ้วลูกสาวนางยูระ นางุโมะอาของคาซุมะ
คาโยโกะลูกสาวอุตางาวะ ทามอนเกิดจากหญิงรับใช้
อูตางาวะ ทามอน
อุตสึงิ อากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซูมะ อยู่กับโมคูเบ
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
เย็นวันนั้น คนงานในคฤหาสน์เดินไปมาขวักไขว่เตรียมการเพื่อส่งศพคุณนายอากิโกะไปเชิงตะกอน พวกเราคณะพรรคที่เหลืออยู่เกาะกลุ่มกันเดินไปวัดโซรินจิ ทางวัดเคลื่อนศพคุณนายจากห้องชันสูตรศพมายังโบสถ์และจัดพิธีสวดศพกันอย่างฉุกละหุก เราฟังสวดเสร็จและเฝ้าดูรถขนศพคุณนายไปเชิงตะกอนจนลับตาจึงกลับคฤหาสน์ก่อนเวลาอาหารเย็นนิดหน่อย คาซูมะกับคุณนายยุ่งอยู่การสั่งโน่นสั่งนี่จนกระทั่งได้เวลารับประทานอาหาร หลังจากนั้นยังต้องให้ปากคำแก่ตำรวจด้วยจึงดูเหมือนว่าจะไม่มีเวลากลับห้องส่วนตัว
ส่วนผมกับเคียวโกะพอเสร็จจากการสอบปากคำของตำรวจก็พากันกลับห้องส่วนตัวด้วยความเหนื่อยหน่ายเต็มที นึกว่าจะหมดเรื่องแล้วสำหรับวันนี้ แต่ที่ไหนได้ยังไม่ทันจะได้นั่งพักคาซูมะกับคุณนายอายากะก็มาเคาะประตูห้องหน้าซีดกันทั้งสองคน ระล่ำระลักบอกว่าพอกลับเข้าห้องที่ก่อนออกไปใส่กุญแจไว้แล้วนั้น ก็พบกระดาษเขียนจดหมายที่ใช้กันในตระกูล อูตางาวะแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือมีข้อความเขียนด้วยปากกาว่า
9 สิงหาคม วันแห่งชะตาลิขิต
ผมจึงพาสองผัวเมียไปที่ห้องดอกเตอร์โคเซ ดอกเตอร์กำลังง่วนอยู่กับการค้นหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าเดินทางไม่มีทีท่าว่าสนใจฟังเรื่องของเรา
“อ้อ งั้นรึ”
แล้วก็ยิ่งคุ้ยกระเป๋ากระจุยกระจายยิ่งขึ้นอีกเมื่อไม่พบสิ่งที่ต้องการ อยู่เป็นนานจนในที่สุดก็ถอนใจยืดยาวเมื่อหาพบ โธ่...นึกว่าอะไร สิ่งที่เขาชูขึ้นมาให้เราดูที่แท้ก็คือถุงเท้าข้างหนึ่งเท่านั้นเอง
“อะไรน่ะดอกเตอร์ ถุงเท้าข้างนั้นเป็นหลักฐานสำคัญของคดีรึ” ดอกเตอร์หัวเราะเจื่อน ๆ เมื่อถูกผมประชดให้
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับเซ็นเซ ผมก็แค่จะออกเดินทางสักหน่อย คิดว่าจะไปทางโตเกียวเพราะอยากแวะหาแฟนสักหน่อย แฟนผมเขาชอบความสะอาด บอกว่าอย่างน้อยผมก็ควรใส่ถุงเท้า ผมพยายามทำตามคำสั่งของเธอเสมอ ก็แค่นั้นแหละครับ” ดอกเตอร์ดูมีความสุขเมื่อพูดถึงแฟน
“พอแพ้ก็จะตีจากละซี”
“มองผมผิดไปแล้วเซ็นเซ ผมจะไปสู่เส้นทางแห่งชัยชนะต่างหาก”
ดอกเตอร์ยืดอกเชิดหน้าแสดงให้เห็นว่าเอาจริง
“เซ็นเซกับคุณคาซูมะคงจะคิดว่าอุตส่าห์เรยกตัวมาทั้งทีไม่เห็นทำอะไรให้เป็นประโยชน์ ก็ต้องยอมรับละว่าแย่มากเพราะมัวแต่เอาเป็นเอาตายอยู่กับบิลเลียด แต่ท่านทั้งสองครับ เห็นอย่างนั้นผมเองก็เฝ้าระวังอยู่ ไม่ได้นิ่งดูดายปล่อยให้คนร้ายหนีหายไปต่อหน้าต่อตาได้หรอก ไหน...ไหน อ้อ... 9 สิงหาคม วันแห่งชะตาลิขิต ผมจะกลับมาก่อนถึงวันนั้น ขอให้คุณคาซูมะกับคุณนายระวังตัวกันให้ดี ๆ ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนร้ายมันมีกุญแจไขทุกห้องอยู่ทั้งพวง คุณก็เอาเชือกยาว ๆ ล่ามกุญแจห้องตัวเองเอาไว้ แล้วตอนนอนก็ล็อกห้องให้เรียบร้อย เผื่อคนร้ายไขกุญแจเข้ามาจะได้รู้สึกตัว อาหารการกินก็ต้องระวังให้ดีด้วยนะครับ พยายามเกาะกลุ่มอยู่กันหลาย ๆ คนไม่ว่าจะในหรือนอกคฤหาสน์ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวแม้แต่ตอนกลางวัน ที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่าจะเห็นใครสงสัยไว้ก่อนเลยว่านั่นคือฆาตกร”
คราวนี้ดอกเตอร์โคเซหยิบเนคไทใหม่เอี่ยมขึ้นมาแล้วเผลอยิ้ม
“อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาเก็บข้าวเก็บของ จะไปทำอะไรที่ไหนรึ”
“ผมจะไปหาวัตถุพยาน”
“อ้าว วัตถุพยานมันก็ต้องอยู่ที่นี่ซิ”
“ที่นี่ไม่มีหรอกครับ ทั้งหมดมันอยู่ที่ว่าฆาตกรเคลื่อนไหวของฆาตกรได้ทั้งในความเกี่ยวข้องกับเวลาและสถานที่ แล้วก็สภาพจิตของมัน คือยังไม่มีหลักฐานพยานอะไรที่ชัดเจน ผมถึงต้องออกไปค้นหาไงครับ”
“หมายความว่าดอกเตอร์รู้แล้วรึว่าใครคือฆาตกรตัวจริง”
“ก็...ประมาณนั้น คือแน่ใจว่าจะต้องเป็นคนนี้แหละ แต่ในเมื่อมันเป็นแค่การคำนวณเอาจากเวลาและสถานที่ที่ฆาตกรปรากฏตัวจึงเอาไปใช้เป็นหลักฐานพยานในศาลไม่ได้ เราต้องมีพยานวัตถุครับ ไม่อย่างนั้นก็มีทางจับตัวมันขึ้นศาลได้ เห็นไหมครับว่าผมต้องปวดหัวแค่ไหน เห็นมันเดินลอยนวลไปมาแต่ทำอะไรไม่ได้”
ดอกเตอร์เกาหัวยุ่ง ๆ ของเขาพลางสบถหยาบคาย ผมซักต่อ
“แล้วดอกเตอร์จะไปไหน”
“ก็ไปมันทั่วแหละครับ ผมสู้ไม่ถอยแล้ว จะต้องพลิกแผ่นดินหรือต้องดำน้ำลงไปก็เอาแล้วคราวนี้ ขอให้ได้วัตถุพยานติดมือกลับมาเป็นพอ”
ว่าแล้วก็ยิ้มเจื่อน ๆ แบบของเขา
ที่โต๊ะอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเพราะจะต้องอยู่คอยรับกระดูกคุณนายอากิโกะ ที่ว่าพร้อมหน้านั้นหลังจากที่นายวานิ คุณทามาโอะ คุณชิงูซะ นายอุตสึมิ และคุณนายอากิโกะถูกฆ่า และหมอเอบิสึกะที่ไปกินในครัวแล้ว ก็มีอยู่แค่ 12 คน และเมื่อดอกเตอร์โคเซออกเดินทางก็จะเหลือ 11 คน
ทนายคามิยามะหันไปทางดอกเตอร์แล้วเอ่ยเชิงเย้าว่า
“ได้ยินมาว่าคุณโคเซจะออกเดินทางไปหาพยานหลักฐานมาประกอบการสืบสวนคดีฆาตกรรม ผมเลยอยากฟังคำสันนิษฐานของคุณขึ้นมาเสียแล้วซี พอจะแย้มให้ฟังสักนิดหนึ่งได้ไหม ส่วนตัวของผมนั้นคิดว่ากุญแจดอกสำคัญที่จะไขปริศนาลึกลับทั้งหมดนี้อยู่ที่คดีฆาตกรรมคุณคาโยโกะเมื่อวันที่ 26 กรกฎา ถ้าคนที่ฆาตกรตั้งใจฆ่าคือคุณปิก้าจิตรกรเอกแต่เผอิญคุณคาโยโกะมารับเคราะห์แทน มันก็จะต้องเป็นปีศาจฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า แต่ถ้าเป้าสังหารคือคุณคาโยโกะจริง ๆ มันก็ง่าย เพราะแสดงให้เห็นแรงจูงใจของฆาตกรชัดเจน”
ดอกเตอร์ไม่ตอบได้แต่ยิ้มน้อย ๆ ปิก้าจึงสอดขึ้น
“ว่าไงนะ ถ้าคนร้ายตั้งใจฆ่าผมละก็มันคือปีศาจฆาตกรโรคจิต แต่ถ้าเป้าหมายอยู่ที่คุณคาโยกะละก็ง่ายขึ้นรึ ทำมาพูดดีคุณทนายจอมปลอม รู้แล้วรึว่าฆาตกรคือใคร”
“ผมยังไม่แน่ใจขนาดนั้นหรอกท่านกวีเอก แค่บอกว่ามองแรงจูงใจให้ฆ่าได้ง่ายและชัดเจนเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้น กรณีของคุณนายอากิโกะ นายวานิ และนายอุตสึมิ กวีหลังค่อมล่ะคุณทนายจะว่ายังไง” นายทังโงะยิ้มเยาะ
“คือ...ผมคิดว่า เรื่องนี้เราคงต้องคิดแยกกัน”
ทนายคามิยามะนั้นแม้จะได้ชื่อว่าทนายปากเอกแก้ต่างไหลลื่นราวปลาไหล แต่เมื่อต้องตีฝีปากกับนักอักษรศาสตร์ก็รู้ตัวดีว่าต้องตั้งหลักให้มั่นอย่าให้พลาดท่าเสียทีได้
“อะไรทำให้ต้องคิดแยกกันครับ” นายทังโงะรุก แต่ทนายคามิยามะไม่แสดงทีท่าว่าหวั่นไหวเลยสักนิด
“ครับ ผมว่าเรื่องทั้งหมดนี้คงต้องฟังเจ้าหน้าที่สืบสวนวินิจฉัยคดีสรุปในขั้นสุดท้ายจึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราทำได้ก็แค่สันนิษฐานจากภาวะแวดล้อมรอบ ๆ ตัวนี่เอง และผมคิดว่าเราสามารถแบ่งคดีฆาตกรรมเจ็ดรายตามภาวะแวดล้อมได้กว้าง ๆ เป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือคดีนายนายวานิ คดีคุณทามาโอะ และคดีท่านทามอน ซึ่งผู้ตายอยู่ในภาวะที่อาจถูกใครก็ได้ที่ประสงค์ร้ายฆ่าได้โดยง่าย อย่างเช่น ท่านทามอนที่ตายเพราะถูกวางยาพิษ คนที่เอามอร์ฟีนไปผสมในน้ำตาลที่ท่านต้องกินเป็นประจำจะเป็นใครก็ได้ที่รู้เรื่องนั้นดี และกลุ่มที่สองคือคดีคุณชิงูซะ คดีคุณอุตสึมิ คดีคุณคาโยโกะ และคดีคุณนายอากิโกะ ซึ่งเป็นการฆ่าที่ต้องเป็นใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถฆ่าได้ในแง่ของเวลาและสถานที่ ผมคิดว่าเรามาหาความเป็นไปของกรณีนี้กันดีกว่า พิจารณาคัดกรองออกไปทีละคนจนเหลือคนที่น่าสงสัยที่สุดแล้วค่อยมาว่ากัน”
เมื่อไม่มีใครออกความเห็นว่าอย่างไร ทนายคามิยามะจึงสาธยายต่อไป
“กรณีแรกที่ผมจะยกขึ้นมาให้พิจารณากันก็คือเหตุฆาตกรรมคุณชิงูซะ ระหว่างทางกลับจากเชิงตะกอน เราไม่อาจคัดใครออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินกลับมาคนเดียวหรือเดินกลับมาด้วยกันสองสามคน อย่างคุณ คาซูมะที่บอกว่ากลับมาคฤหาสน์ก่อนแล้วจึงออกไปที่วัดโซรินจิ ก็ไม่มีพยานรู้เห็นว่าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนในช่วงสามสิบนาทีนั้นจึงตัดออกไปไม่ได้ สุดท้ายคนที่สามารถตัดออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยในกรณีนี้ได้คือ ดอกเตอร์โคเซที่กลับมากับคุณ โคโรกุ และผมกับพระคุณเจ้าที่กลับมาพร้อมคุณคาซูมะซึ่งยังไม่มีพยานหลักฐาน ส่วนคุณปิก้ากวีเอกที่มาถึงเป็นคนแรก คุณอุตสึมิที่มาถึงเป็นคนที่สอง และอีกห้าคนคือ คุณโมคูเบ คุณทังโงะ คุณยาชิโระ และคุณคาซูมะ ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุ”
ไม่มีใครพูดอะไรอีกเช่นเคน คิโซโนะเมียทนายจึงสอดขึ้นว่า
“แต่คุณปิก้าที่มาถึงเป็นคนแรกกับคุณอุตสึมิที่มาถึงเป็นคนที่สองไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานพยานอะไรไม่ใช่หรือคุณ เพราะใช้เวลาเดินจากเชิงตะกอนกลับถึงคฤหาสน์ตามปกติไม่ได้ช้าหรือเร็วอะไร”
ทนายคามิยามะพยักหน้า
“ก็ใช่นะ คุณอุตสึมิไปที่ศาลเจ้ามิวะตามที่นัดหมายไว้กับคุณชิงูซะแต่ไม่พบก็เลยกลับมา แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนั้นเขาอาจฆ่าคุณชิงูซะหมกป่าเอาไว้ก่อนกลับก็ได้ ผมอยากให้ทุกคนนึกย้อนกลับไปที่สภาพศพของคุณชิงูซะ ฆาตกรเอาผืนผ้าคลุมหัวเธอจนมิดมองอะไรเห็นแล้วใช้เชือดคาดโอบิรัดคอเธอทับลงบนผืนผ้านั้นจนตาย ไม่ใช่วิธีฆ่าที่ธรรมดานะครับ จากการที่ไม่มีร่อยรอยการต่อสู้ขัดขืน แสดงให้เห็นว่าฆาตกรต้องเป็นคนสนิทชิดเชื้อกันกับผู้ตายถึงได้ยอมให้เอาผ้ามาคลุมหัวอย่างนั้นเพราะนึกว่าเล่นกัน ทุกท่านคงพอจะวาดภาพเหตุการณ์ได้นะครับ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยากที่จะคัดคุณอุตสึมิออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัย ระหว่างนั้นคุณปิก้ากวีเอกกลับถึงคฤหาสน์ก่อนคุณอุตสึมิ มาถึงจุดนี้ทุกท่านคงคิดว่าคุณปิก้าน่าจะพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในกรณีนี้ แต่ผมยังไม่ฟันธงหรอกครับเพราะตราบใดที่คุณปิก้าเดินกลับมาคนเดียวโดยไม่มีพยานรู้เห็นท่านก็ยังเป็นคนที่ควรแก่การสงสัยอยู่ ทำไมหรือครับ...ผมรู้จักภูมิประเทศของหมู่บ้านนี้ดีราวกับมีแผนที่อยู่บนฝ่ามือ จากเชิงตระกอนเราต้องเดินขึ้นมาที่ทางเลียบหุบเขาใช่ไหมครับ จากตรงนั้นไปราวสองสามเมตรจะมีทางเล็ก ๆ แทบจะมองไม่เห็นลัดไปศาลเจ้ามิวะ จะเรียกว่าทางได้หรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะนาน ๆ ทีจะมีนายพรานเดินบุกพงหญ้าลัดเข้าไป หญ้าแถวนั้นจึงถูกเหยียบเป็นแนวอยู่เท่านั้น ทางลัดนั้นไปจะไปโผล่ที่ภูเขามิวะและเดินอ้อมภูเขาไปก็จะถึงประตูหลังคฤหาสน์อูตางาวะ ใช้เวลาต่างจากทางปกติราวสิบหรือสิบห้านาที เพราะมีทางลัดที่ว่านี้ ทุกคนที่เดินกลับมาคนเดียวจึงเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยหมด ไม่เป็นไรครับถ้าจะลงความเห็นว่าคุณปิก้าไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยเพราะกลับมาถึงก่อนคุณอุตสึมิ แต่ท่านอื่น ๆ ไม่ได้ครับ มีทางเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ยังมีปัญหาอยู่อีกประการหนึ่ง”
ทนายปากเอกชายตามองทุกคนในที่นั้นด้วยสายตาเหยียด ๆ
“ปกติผมมีมติประจำใจอยู่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงคนที่ไปได้อยู่ด้วยในที่ ๆ มีการสนทนากันอยู่ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถึงเพราะประเด็นที่ผมจะพูดถึงนี้เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้น ซึ่งก็คือเรื่องที่คุณพยาบาลโมโรอิบอกว่าคุณชิงูซะออกออกจากบ้านเพื่อไปพบกับคู่นัดเมื่อราวหกโมงเย็น ทว่าไม่มีคนอื่นสักคนเดียวที่เห็นคุณคิงูซะออกไปเมื่อหกโมงเย็น ประเด็นก็คือคุณชิงูซะอยู่ในคฤหาสน์ถึงกี่โมงกันแน่ มีคนเห็นเธอตอนราวห้าโมงแต่หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นไม่มีใครรู้ชัดว่าเธออยู่ที่ไหน คุณพยาบาลมีพยานหลักฐานยืนยันว่าอยู่ที่ไหนในช่วงหกโมงถึงสองทุ่ม แต่ในความเป็นจริงคุณชิงูซะถูกฆ่าก่อนหกโมงครับ”
พอมาถึงตรงนี้คณะพรรคที่นั่งเก๊กหน้าทำทีว่าคำสันนิษฐานของทนายคามิยามะไม่เห็นมีอะไรน่าเชื่อถือมาตลอดนั้น ดูเครียดขึ้นมาจนเก็บไว้ไม่มิด แต่ทนายปากเอกทำเป็นไม่สนใจ
“แต่ก็นั่นแหละครับ ได้ชื่อว่าคนร้าย ไม่ว่าจะบ้านนอกคอกนาแค่ไหนต่างมีกลอุบายหาทางรอดกันทั้งนั้น ให้การเท็จบ้างอะไรบ้าง บางคนก็สติปัญญาหลักแหลมอย่างน่าตกใจเลยทีเดียว”
ทนายทิ้งท้ายชวนให้อยากรู้กันไว้เพียงเท่านั้น แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
“คราวนี้เรามาดูกรณีฆาตกรรมคุณอุตสึมิกันบ้าง ตอนนั้นคุณปิก้าจิตรกรเอกนั่งเบิ่งตาอยู่บนระเบียงทางเดินชั้นบนตรงจุดที่จะมองเห็นใครก็ตามที่เดินผ่านไปมาได้ถนัดชัดเจน ดังนั้นจึงสรุปกันโดยทั่วไปว่าที่ชั้นบนไม่มีฆาตกร แต่เราต้องไม่ลืมว่าคุณปิก้าอยู่ในภาวะเมามาย คนที่อยู่ห้องใกล้กับตำแหน่งที่ท่านกวียึดเป็นที่มั่น อย่างคุณคาซูมะและดอกเตอร์โคเซ ถ้าเห็นเข้าท่านก็อาจตะเพิดเอา ส่วนคุณทังโงะหรือคนอื่นที่อยู่ห่างออกไปพอดูนั้น ผมคิดว่าถึงจะออกมาห้องสุขาหรืออะไรท่านกวีเอกก็คงไม่ได้ใส่ใจ และห้องสุขาก็อยู่ไกลออกไปทางบันไดลงไปชั้นล่าง”
ทนายคามิยามะยิ้มย่องอย่างนึกสนุกพลางชำเลืองมองทุกคนในที่นั้น
“ห้องคุณทังโงะอยู่ตรงข้ามกับห้องคุณโคโรกุกับคุณนาย ส่วนผมอยู่ห้องข้างคุณทังโงะ ถัดไปเป็นห้องคุณโมคุเบและคุณนายอากิโกะ ถัดจากห้องตรงข้ามที่ว่างอยู่เป็นห้องคุณยาชิโระ ห้องสุขาชั้นบนอยู่ในตำแหน่งที่ใครก็ตามสามารถลอบลงบันไดไปชั้นล่างได้โดยทำทีเป็นไปห้องสุขา คนธรรมดาที่ไม่ต้องเมาแอ๋อย่างคุณปิก้าตอนนั้นก็ไม่มีทางสังเกตเห็นได้จากจุดที่ท่านยึดหัวหาดอยู่”
ทุกคนหน้าตึงขึ้นมาทันที ความจริงมันก็แค่การใช้วาทกรรมในฐานะทนายปากเอก เป็นเพียงคำสันนิษฐานโดยส่วนตัวของทนายไม่ได้ถึงขนาดว่ามีหลักฐานมาตีแตก แต่มันก็ทำให้ผมเดือดขึ้นมาได้เหมือนกัน
“คุณพูดแบบนั้น ฟังดูเหมือนว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่อาจลงบันไดไปฆ่านายอุตสึมิเมื่อไรก็ได้ แต่ประเด็นที่เป็นปัญหามากกว่านั้นคือ ผมไปห้องสุขาหรือไม่ และคุณปิก้าเห็นผมไปห้องสุขาหรือไม่ต่างหาก”
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยว คุณยาชิโระ ที่ผมพูดทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่ผมคิดว่าอาจเป็นไปได้เท่านั้น น่าเสียดายที่คุณปิก้าเมามายไม่ได้สติ ผลเลยออกมาว่าจำอะไรไม่ได้ชัดเจน ผมก็แค่ขยายความคิดจากมุมมองของตนเองว่าถ้านั่งอยู่ตรงนั้นควรจะเห็นอะไรบ้างให้ทุกท่านฟังเท่านั้นเองครับ”
“ก็นั่นแหละ ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณยกเรื่องนายปิก้าเมามายไม่ได้สติขึ้นมา และโยนข้อสงสัยไปที่นายทังโงะคนเดียวเพียงเพราะห้องของเขาอยู่ห่างจากตำแหน่งที่นายปิก้านั่งอยู่ มันไม่ถูกนะ คาซูมะกับดอกเตอร์ก็อาจไปห้องสุขาได้เหมือนกัน คนที่ออกจากห้องไม่ได้ที่แน่ ๆ คือคุณนายอายากะคนเดียว”
“แย่จริง ผมพลาดประเด็นนี้ไปได้ยังไง ผมยอมรับว่าตลกครับที่ไปว่าคุณทังโงะอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่คุณคาซูมะและดอกเตอร์ก็อาจออกไปห้องสุขาได้เหมือนกัน แต่คุณยาชิโระครับ สภาพการณ์ของคืนนั้นมันไม่เอื้อให้คุณทั้งสองทำอย่างนั้นได้เลยนะครับ เพราะไม่ว่าคุณคาซูมะหรือดอกเตอร์เปิดประตูห้องที่อยู่ใกล้มากนั้นออกมา เป็นต้องถูกคุณปิก้าแยกเขี้ยวใส่และด่าทอเอ็ดตะโรให้ได้ยินกันแน่ ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าเมาไม่ได้สติจึงจำอะไรจนรุ่งเช้า แต่พวกเราที่อยู่ในห้องรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นที่ระเบียงทางเดินจากเสียงเอะอะของท่าน นอกจากกรณีที่เกิดความเคลื่อนไหวไกลออกไปเกินสายตาที่ท่านจิตรกรเอกจะสังเกตเห็นจึงไม่เอะอะขึ้น”
เมื่อเห็นว่าทุกคนในที่นั้นมีทีท่าว่าพอจะเข้าใจคำอธิบายของเขาแล้ว ทนายคามิยามะก็เปลี่ยนเรื่องทันที
“คราวนี้ก็มาถึงกรณีฆาตกรรมคุณคาโยโกะ ที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับกรณีฆาตกรรมท่านทามอนและด้วยวิธีเดียวกันคือวางยาพิษ แต่มีภาวะแวดล้อมการฆ่าที่แตกต่างกัน กรณีของท่านทามอนใครสักคนในกลุ่มเราสามารถฉวยโอกาสที่ไม่มีใครอยู่ในห้องครัวช่วงบ่ายโมงครึ่งถึงสามโมง เอามอร์ฟีนใส่ลงไปในโถน้ำตาลที่ใช้ปรุงอาหารสำหรับท่านโดยเฉพาะ ตอนนั้นคุณคาโยโกะนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องใหญ่ จึงอาจเห็นคน ๆ นั้นเดินออกมาจากห้องครัวก็ได้ แต่ถึงจะเห็นคน ๆ นั้นก็ไม่แคร์เลยครับ เพราะรู้ว่าคุณคาโยโกะจะต้องตายไปพร้อมกับคุณพ่อของเธอ”
เมื่อได้ยินทนายคามิยามะตัดข้อสันนิษฐานที่ว่าคุณคาโยโกะตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมแทนตนออกไปอย่างสิ้นเชิง นายปิก้าก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แสดงทีท่าว่าไม่อยากฟังต่อไปให้เสียหูและไม่อยากโต้เถียงให้เมื่อยปาก
[ตัวละครในเรื่องที่ตายไปแล้ว 7 คน]
วานิ โมจิซึกิ แขกรับเชิญของทามาโอะ
อูตางาวะ ทามาโอะ ลูกสาวอุตางาวะ ทามอน น้องของคาซุมะ
อากิระ อุตสึมิ กวีหลังค่อมแขกรับเชิญของทามาโอะ
ชิงูซะ หญิงขี้ริ้วลูกสาวนางยูระ นางุโมะอาของคาซุมะ
คาโยโกะลูกสาวอุตางาวะ ทามอนเกิดจากหญิงรับใช้
อูตางาวะ ทามอน
อุตสึงิ อากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซูมะ อยู่กับโมคูเบ