จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
เมื่อได้ยินทนายคามิยามะตัดข้อสันนิษฐานที่ว่าคุณคาโยโกะตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมแทนตนออกไปอย่างสิ้นเชิง นายปิก้าก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แสดงทีท่าว่าไม่อยากฟังต่อไปให้เสียหูและไม่อยากโต้เถียงให้เมื่อยปาก
“ปัญหาที่ทำให้ต้องขบคิดอย่างหนักในกรณีคุณคาโยโกะก็คือ เวลาที่ใครจะใส่ยาพิษลงในกาแฟได้นั้นมีอยู่อย่างจำกัดเพียงไม่กี่นาที และคนที่จะสามารถใส่ยาพิษได้ก็คือคนที่อยู่ในห้องครัว ณ เวลานั้น ซึ่งได้แก่ สามีภรรยาร้านสึโบเฮ คิโซโนะ ยาเอะ หมอเอบิสึกะ และคนที่ขอตัวออกไปห้องสุขา ซึ่งได้แก่ คุณนานอายากะ คุณนายเคียวโกะ คุณคาซูมะ คุณยาชิโระ ดอกเตอร์โคเซ คุณโมคูเบ และผม ส่วนคุณปิก้าที่แลกถ้วยกาแฟกับคุณคาโยโกะนั้นเป็นคนน่าสงสัยที่สุด คือท่านจิตรกรเอกผู้นี้ตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยเป็นพิเศษครับ”
นายปิก้าไม่ต่อกรด้วยได้แต่เชิดหน้าคล้ายจะบอกว่าจะคิดจะพูดยังไงก็เชิญตามสบาย
“ปัญหาอยู่ที่ถ้วยกาแฟปากบิ่นถ้วยนั้นครับ สามีภรรยาร้านสึโบเฮ ยาเอะ และคิโซโนะที่ทำหน้าที่จัดถ้วยจัดชามในครัวอยู่เป็นประจำอาจแยกออก แต่สำหรับพวกเราซึ่งถึงรู้ว่าถ้วยกาแฟของคุณปิก้าปากบิ่น ก็ไม่เคยสังเกตว่ามันบิ่นแบบไหน ปัญหาที่ใหญ่ไปกว่านั้นก็คือถ้วยกาแฟของบ้านอูตางาวะถูกท่านเทพเจ้าปิก้าขว้างปาเสียไม่มีเหลือสำรองไว้รับแขก ทีนี้พอมีใครมาเป็นแขกดื่มกาแฟด้วย เขาคนนั้นก็จะตกที่นั่งต้องดื่มกาแฟจากถ้วยปากบิ่นเช่นเดียวกับคุณปิก้า ดังนั้นคนวางยาพิษคุณคาโยโกะจะต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีไม่งั้นคงฆ่าไม่สำเร็จ กรณีนี้ผมมองว่าคุณคาโยโกะคือเป้าหมายที่แท้จริงของฆาตกร ไม่ใช่คุณปิก้าจิตรกรเอกครับ ทีนี้เมื่อเป้าหมายที่แท้จริงคือคุณคาโยโกะ ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งก็คือคุณปิก้าผู้ขอแลกถ้วยกาแฟกับคุณคาโยโกะ
ทีนี้ลองมาพิจารณาในกรณีที่คนวางยาพิษไม่ใช่คุณปิก้ากันนะครับ เราสามารถสันนิษฐานจากการที่มียาพิษอยู่ในถ้วยกาแฟของคุณปิก้าตั้งแต่ต้นได้สองแนวคือ คนร้ายรู้ก่อนแล้วว่าถ้วยกาแฟของคุณคาโยโกะซึ่งเป็นแขกในวันนั้นจะต้องเป็นถ้วยปากบิ่น แต่แยกไม่ออกว่ารอยบิ่นที่ถ้วยของเธอต่างกับของคุณปิก้ายังไง และอีกแนวหนึ่งคือคนร้ายคาดว่าคุณ คาโยโกะผู้เป็นแขกจะได้ถ้วยกาแฟที่บิ่นน้อยซึ่งก็คือถ้วยที่คุณปิก้าดื่มเป็นประจำจึงใส่ยาพิษลงไปในถ้วยนั้น แต่ยาเอะคนชงกาแฟกลับเอาถ้วยกาแฟบิ่นน้อยนั้นไปเสิร์ฟคุณปิก้าตามความเคยชิน หรือไม่ก็เวลามันจวนแจมากรู้แต่ว่าคุณคาโยโกะจะต้องได้ถ้วยบิ่นก็ใส่ยาพิษลงไปอย่างรีบด่วนไม่มีเวลามาพิจารณาดูว่าบิ่นน้อยบิ่นมากยังไง
คนที่รู้ความเป็นไปของบ้านนี้เท่านั้นจึงจะรู้ว่าถ้าคุณคาโยโกะมาเป็นแขกรับประทานข้าวร่วมโต๊ะกับเราที่นี่ เธอจะต้องดื่มกาแฟจากถ้วยปากบิ่นเพราะไม่มีการซื้อถ้วยใหม่มาสำรองไว้ใช้ ดังนั้นคนที่ฆ่าคุณคาโยโกะจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของบ้านนี้เป็นอย่างดี”
ผมอดรนทนไม่ได้จึงขัดขึ้นว่า
“ฟังที่คุณทนายพูดแล้วดูเหมือนจะเชื่อว่าฆาตกรเป็นคนมีอะไรเกี่ยวข้องกับมรดกของตระกูลอูตางาวะอย่างไรไม่รู้ ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วกรณีของนายวานิ นายอุตสึมิและคุณนายอากิโกะล่ะจะว่ายังไง ถ้าเหตุจูงใจให้ฆ่าอยู่ที่ปัญหามรดก คนที่น่าสงสัยก็มีอยู่ไม่กี่คนในจำนวน 11 คนที่ชุมนุมกันอยู่ที่นี่ คือเรียกได้ว่าเกือบจะชี้ตัวได้เดี๋ยวนี้เลยไม่ใช่รึ”
“คุณยาชิโระครับ มันไม่ใช่เรื่องที่จะวินิจฉัยได้ง่าย ๆ อย่างนั้น คดีฆาตกรรมทั้งหมดอาจเกิดจากฝีมือของฆาตกรคนเดียว หรือหลายคนก็ได้ คนเดียวอาจฆ่าทั้งหมด หรือแต่ละคนต่างถูกใครคนหนึ่งฆ่า แยกกันไปในแต่ละคดี มันเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ เรื่องพวกนี้เราจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในภายหลัง ตอนนี้มาดูกรณีของคุณนายอากิโกะกันก่อน”
ทนายคามิยามะวางท่าราวกับว่ารู้ตัวฆาตกรแล้ว
“คนที่มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนเมื่อวานซืน ซึ่งตรงกับวันที่ 3 กลุ่มแรกก็คือทีมบิลเลียดสามคนคือ คุณปิก้า ดอกเตอร์ และผม ซึ่งต่างเห็นหน้ากันและกันตลอดแม้เวลาไปห้องสุขาก็เร่งรีบจนแทบจะชนกัน กับอีกหนึ่งคู่คือคุณโคโรกุกับคุณนายโคโจซึ่งไปร่วมงานการบรรยายที่สมาคมสตรีและเยาวชน รวมเป็นห้าคนที่มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุอย่างพร้อมมูล
ส่วนพวกที่ไปเมือง N มีคุณนายเคียวโกะ นางพยาบาลโมโรอิ คิโซโนะ ขึ้นรถเที่ยวที่ 2 จากหมู่บ้าน N ที่ออกเมื่อเวลา 10.40 น. ซึ่งจะต้องออกจากคฤหาสน์ก่อนเวลารถออก 1 ชั่วโมงจึงจะทันขึ้นรถ ทั้งสามอยู่ในรถคันเดียวกันระหว่าง 10.40 น. ถึง 12.30 น.จึงนับได้ว่ามีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุอย่างมั่นคงเช่นกัน เพราะเวลาที่เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคุณนายอากิโกะถูกฆ่านั้นอยู่ระหว่าง 10.30 น.ถึง 11.00 น. ส่วนทางด้านคุณคาซูมะที่ไปเยี่ยมญาติในเมือง F ก็มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ดังนั้นจึงเหลืออีก 5 คน”
ทนายคามิยะมิหยุดเว้นจังหวะพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อย่างนี้ ผมก็เข้าข่ายผู้ต้องสังสัยน่ะซี”
ตาซึมกะทืออยู่เป็นนิจของนายทังโงะมีประกายวาวขึ้นเมื่อจับจ้องไปที่ผู้พูด
“วันนั้นนะคุณ ผมเดินออกจากป่าบุนะเรื่อยเปื่อยไปตามถนน พอดีรถเมล์เที่ยวสิบโมงห้าสิบผ่านมา ผมก็เลยขึ้นโบกขึ้นไปมีอะไรไหม”
“แต่ขอโทษทีครับคุณทังโงะ ที่บอกว่าเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนนั้นผมว่าคุณจะไม่รู้หรอกนะครับว่ามันเป็นเวลากี่โมงกี่ยามกันแน่เพราะไม่มีนาฬิกาติดตัว เท่าที่ผมรู้ดูเหมือนว่าในช่วงสิบหรือสิบห้าปีมานี้คุณจะอยู่มาโดยไม่พึ่งนาฬิกาเลย ดังนั้นรถเมล์ที่คุณคิดว่าเป็นเที่ยวที่ออกจากเมือง N 10.50 น.นั้นอาจเป็นเที่ยว 12.20 น.ก็ได้ ผมมีหลักฐานครับ ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่าขึ้นรถเที่ยว 12.20 น.มากับคุณ และก็อย่างที่คุณบอกนั่นแหละคือออกไปยืนกลางถนนโบกให้รถจอดรับ
เรื่องพวกนี้สารวัตรเหยี่ยวเขาสืบมาหมดแล้ว ความจริงเขารู้ความเคลื่อนไหวของเราทุกคนอย่างละเอียดก่อนที่จะมาขอสอบปากคำเสียอีก สารวัตรแค่อยากมาตรวจสอบว่าเราพูดความจริงหรือเปล่าและสังเกตสีหน้าเราเท่านั้นเอง เล่ห์เหลี่ยมของเขาสมชื่อสารวัตรเหยี่ยวแท้ ๆ”
นายทังโงะพูดไม่ออก
“เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรฆ่าคุณนายอากิโกะ ณ ขณะนี้มีคุณทังโงะ คุณยาชิโระกับคุณนาย อายากะที่ไปอนเซ็นด้วยกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่คิดว่าใครคนใดคนหนึ่งอาจใช้ทางลัดทางนั้นไปฆ่าคุณนายสำเร็จภายในเวลาอันสั้นเกิดคาดก็ได้ อีกคนหนึ่งก็คือคุณโมคูเบครับ จนถึงขณะนี้ยังไม่หลักฐานอะไรที่ยืนยันว่าเมื่อวันที่ 3 คุณโมคูเบขึ้นรถเมล์เที่ยวแรกไปเมือง N จริงหรือไม่ แม้ขึ้นไปจริงแต่ก็เป็นไปได้ที่จะย้อนกลับมาฆ่าแล้วกลับไปเมือง N อีกครั้ง เสร็จแล้วก็ตีหน้าตายขึ้นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายเมื่อ 17.00 กลับมาคฤหาสน์ คงไม่มีใครปฏิเสธนะครับว่าคำสันนิษฐานของผมนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คนสุดท้ายก็คือหมอเอบิสึกะ ทั้งหมด 5 คนนี้ไม่อาจตัดออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ครับ”
ทนายคามิยามะยิ้มพลางหยิบสมุดจดบันทึกออกมาจากอกเสื้อ
“ความจริงจะว่าผมแส่ไม่เข้าเรื่องก็ได้ แต่สายอาชีพทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องยื่นมือเข้ามาทำอะไร ๆ บ้างเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันวิกฤติมาก ผมได้สรุปรายชื่อผู้ต้องสงสัยในคดีทั้งสี่เอาไว้สำหรับประกอบการพิจารณาเหตุจูงใจและอื่น ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
คดีฆาตกรรมคุณชิงูซะคุณปิก้า คุณอุตสึมิ คุณคาซูมะ คุณยาชิโระ คุณโมกูเบ คุณทังโงะ นางพยาบาล
โมโรอิกรณีที่อ้างหลักฐานเท็จ
คดีฆาตกรรมคุณอุตสึมิคุณทังโงะ คุณโคโรกุกับคุณนายโคโจ คามิยามะกับเมีย คุณนายอากิโกะ คุณโมกูเบ คุณยาชิโระกับคุณนายเคียวโกะ และคนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่
คดีฆาตกรรมคุณคาโยโกะ คุณปิก้าจิตรกรเอก สามีภรรยาร้านสึโบเฮ คามิยามะกับเมีย คุณโมกูเบ คุณคาซูมะกับ
คุณนายอายากะ คุณยาชิโระกับคุณนายเคียวโกะ ดอกเตอร์โคเซ หมอเอบิสึกะ
คดีฆาตกรรมคุณนายอากิโกะ คุณทังโงะ คุณนายอายากะ คุณยาชิโระ คุณโมกูเบ หมอเอบิสึกะ
ผมสรุปไว้ประมาณนี้ และเมื่อมองโดยรวมแล้วผู้ที่น่าสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรทั้งหมด 4 คดี มีสองคือคุณยาชิโระกับคุณ โมกูเบสองคนเท่านั้น คนที่น่าสงสัยว่าเป็นฆาตกร 3 คดีมีสองคนคือหมอเอบิสึกะกับคุณทังโงะ
ทุกท่านรู้สึกไหมครับว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกมาก คือ 3 ใน 7 คดีฆาตกรรม ซึ่งได้แก่คดีท่านทามอน คดีคุณทามาโอะ และคดีคุณคาโยโกะนั้นมีความเกี่ยวข้องกันอย่างเห็นได้ชัดเพราะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าต้องมีเหตุจูงใจหลักให้ต้องฆ่าซึ่งอาจเป็นปัญหามรดกหรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนคดีอื่นอีก 4 คดีนั้นกระจัดกระจายมากหาอะไรที่จะเป็นสาเหตุจูงใจให้ฆ่าไม่ได้เลย ผมพยายามสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยทุกคนแล้วแต่ก็หาจุดเชื่อมต่อไม่ได้เลย”
คำอธิบายที่เริ่มเจาะลึกเข้าไปทุกทีของทนายคามิยามะ ดูเหมือนจะดึงดูดความสนใจของทุกคนมากขึ้นตามลำดับ
“เอาละ เรามาเข้าถึงตัวปัญหากันเสียที” ทนายปากเอกมองไปรอบ ๆ “ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้หมายความว่าอย่างไร ปัญหาข้อแรกคือ คดีฆาตกรรมทั้งเจ็ดที่ยังดูไม่ออกว่าเหตุจูงใจให้ฆ่าที่แท้จริงคืออะไรเหล่านี้ แต่ละคดีเป็นการกระทำของฆาตกรแต่ละคน หรือว่าฆาตกรคนเดียววางแผนฆ่าหมดทุกคน อย่างแรกพิจารณาตามสามัญสติแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คนกลุ่มหนึ่งจะมีเหตุผลกลใดถึงได้มาฆ่ากันและกันอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นโลกของศิลปินนักประพันธ์ที่ออกจากมีอะไรที่แปลกประหลาดหลุดโลกอย่างพวกท่าน ผมก็เห็นว่าเป็นไปไม่ได้
จะว่าไปแล้วคนในโลกวรรณศิลป์ก็เหมือนฆาตกรตัวเอก ที่กล่าวกันว่านักสืบเอกในนวนิยายนักสืบคือคนที่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังราวกับเป็นฆาตกรตัวจริงนั้นไม่ใช่นะครับ นักประพันธ์ที่เป็นคนเขียนเรื่องนั้นขึ้นมาต่างหากที่เป็นฆาตกรตัวจริงที่วางแผนฆ่าทั้งเรื่องไม่ใช่นักสืบ เพราะนักสืบไม่ใช่เป็นคนสร้างฆาตกรขึ้นมาแต่เป็นคนสืบหาฆาตกรต่างหาก คุณยาชิโระเคยบอกผมว่าดอกเตอร์โคเซเป็นคนที่เขียนนวนิยายไม่เป็น แต่มีคุณสมบัติของนักสืบอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งผมคิดว่าเป็นความจริง และในทางกลับกันพวกท่านที่เป็นนักประพันธ์ผู้มีคุณสมบัติของผู้สร้างสรรค์นั่นแหละคือฆาตกรตัวจริงที่มีเหตุจูงใจในการฆ่าและเล่ห์กลที่เป็นปริศนาซับซ้อน ทนายความก็เช่นกัน บอกเสียก่อนผมไม่ได้คิดที่จะเผยอหน้าขึ้นมาเทียมเท่ากับพวกท่าน แต่ทนายทำหน้าที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งใคร ๆ อาจคิดว่าเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้สติปัญญาอะไรมากมายเมื่อเทียบกับอัจฉริยภาพของบุคคลในวงการวรรณศิลป์ แต่ถึงจะไม่ฉลาดปราดเปรื่องแต่พวกเราก็มีความสามารถในการสืบสวนคดีไม่แพ้นักสืบอัจฉริยะ อย่างที่ปรมาจารย์ด้านวรรณศิลป์ไม่มี พวกท่านมีแต่ความเป็นฆาตกรผู้ชาญฉลาดเท่านั้น”
ทนายคามิยามะยิ้มได้อย่างกวนประสาทมาก มันเป็นยิ้มอ่อน ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันเสมอ
“กรณีที่มองว่าฆาตกรคนเดียววางแผนฆ่าเหยื่อทั้งเจ็ดคนอย่างเลือดเย็น เราก็ต้องพบกับเครื่องหมายคำถามอันใหญ่ คือทำไมการฆ่าแต่ละคดีจึงไม่มีอะไรเชื่อมโยงกัน ไม่มีความต่อเนื่อง ตรงนี้ผมขอตอบว่านั่นเป็นเพราะฆาตกรจงใจที่จะอำพรางเหตุจูงใจที่แท้จริง ในจำนวนเจ็ดคดีนี้อาจมีหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งคดีที่เป็นเป้าหมายฆาตกรรมที่แท้จริง ส่วนคดีอื่นไม่มีอะไรมากไปกว่าการก่อขึ้นเพื่ออำพรางเป้าหมายของมันเท่านั้นเอง ทำไมฆาตกรถึงต้องทำให้รูปคดีสับสนขนาดนี้ ครับ..ก็เพราะเมื่อใดที่เหตุจูงใจให้ฆ่าชัดเจนขึ้นมา ความก็จะแตกทันทีว่าใครคือฆาตกร”
ทนายสรุปเหมือนกับที่ดอกเตอร์โคเซเคยพูดเอาไว้ และพอผมถามขึ้นว่า “แล้วคุณทนายคิดว่าอะไรคือเหตุจูงใจให้ฆ่า” ทนายปากเอกก็ยิ้มกวนประสาทอีกก่อนตอบว่า
“เหตุจูงใจนั่นแหละครับที่เป็นปัญหา เมื่อมองจากข้อสันนิษฐานที่ว่าฆาตกรผู้ยิ่งใหญ่รายนี้เป็นคนที่ท่านทั้งหลายรู้จักกันดีด้วยแล้ว เหตุจูงใจย่อมไม่ใช่ระดับโจรกระจอก เหตุจูงใจที่เราเห็นว่าชัดเจนที่สุดไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเหตุจูงใจที่แท้จริงเสมอไป เหตุจูงใจที่เราเห็นว่าจะเป็นผลประโยชน์ที่สุดของฆาตกรก็อาจไม่ใช่เหตุจูงใจที่แท้จริงก็ได้ ดอกเตอร์คิดว่ายังไงครับ”
เมื่อเห็นดอกเตอร์ไม่ตอบ นายทังโงะจึงเอ่ยขึ้น
“คุณทนายยกสี่คดีขึ้นมาแล้วระบุชื่อผู้ต้องสงสัยที่มีความเกี่ยวข้องพ้องกันในคดีนั้น ๆ เห็นมีนายยาชิโระกับนาย โมกูเบสองคนเท่านั้นที่เกี่ยวพันอยู่ในทั้งสี่คดี และพูดทำนองว่าไม่เห็นคนที่ควรแก่การสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรในความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติของตระกูลอูตางาวะที่เป็นประเด็นสำคัญที่สุด แต่คุณทนายอย่าลืมว่ายังมีคนที่อาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ด้วยก็ได้ มองทีละคนอาจไม่เห็นว่ามีอะไรที่เชื่อมโยงถึงกัน แต่บางกรณีถ้ามองเป็นกลุ่มอาจพบเส้นใยอะไรที่เชื่อมถึงกันก็ได้ใช่ไหม ผมว่าไม่มีใครสามารถฆ่าคนตายติด ๆ กันถึงเจ็ดศพภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่ครึ่งเดือน ขณะที่มีตำรวจมาเฝ้าระวังอยู่อย่างเคร่งครัดเข้มงวดขนาดนี้ได้โดยไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิด”
“เฉียบคมมากครับ”
ทนายคามิยามะพยักหน้าแล้วว่า
“แต่ทว่า ถ้ามองคดีทั้งหมดนี้ในรูปที่ว่าเป็นปัญหาของตระกูลอูตางาวะ และสมมติว่าคุณคาซูมะกับคุณนายอายากะร่วมมือกันฆ่า เราก็จะมาสะดุดอยู่ที่กรณีของคุณอุตสึมิ ซึ่งภาวะแวดล้อมในความเป็นจริงปรากฏชัดแล้วว่าทั้งสองท่านไม่มีทางที่จะฆ่าเขาได้ หรือคุณจะบอกว่ามีคนอื่นอีกที่สมรู้ร่วมคิดกับท่านทั้งสอง”
ได้ยินดังนั้นคาซูมะที่นั่งฟังอยู่นานแล้วก็พูดขึ้นด้วยเสียงโกรธจัด
“ผมยอมรับการถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง เพราะช่วยไม่ได้ที่ภาวะแวดล้อมทำให้เป็นอย่างนั้น แต่ขอบอกว่าผมไม่ได้ใส่ใจคำกล่าวหาพวกนั้นเลย เพราะรู้ตัวดีว่าไม่ได้ทำอะไรอย่างที่สงสัยกันสักอย่างเดียว สิ่งที่ผมห่วงกังวลมากก็คือวันที่ 9 สิงหาคม ใครวางแผนจะทำอะไรครับ ถ้าวันที่ 9 สิงหาคมเป็นวันที่ผมจะถูกฆ่าเป็นรายต่อไป ใครรู้บ้างว่าผลของมันจะเป็นยังไงใครรู้บ้าง”
ขณะพูดไปความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าที่บูดบึ้งของคาซูมะ ค่อย ๆ กลายเป็นความหวั่นใจและหวาดกลัว
ดอกเตอร์โคเซดูนาฬิกาแล้วลุกขึ้นบอกว่า
“ได้เวลาแล้ว ผมขอตัวก่อน และจะกลับมาภายในวันที่ 9 สิงหาคมแน่นอน ขอให้ทุกท่านรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ผมมัวแต่เพลิดเพลินกับการฟังคำสันนิษฐานของคุณทนายจนสายมากแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันรถ”
ว่าแล้วก็คำนับทุกคนอย่างรวดเร็วและเร่งรีบจนแทบจะกระโจนออกไปจากห้องกินข้าว
[ตัวละครในเรื่องที่ตายไปแล้ว 7 คน]
วานิ โมจิซึกิ แขกรับเชิญของทามาโอะ
อูตางาวะ ทามาโอะ ลูกสาวอุตางาวะ ทามอน น้องของคาซุมะ
อากิระ อุตสึมิ กวีหลังค่อมแขกรับเชิญของทามาโอะ
ชิงูซะ หญิงขี้ริ้วลูกสาวนางยูระ นางุโมะ อาของคาซุมะ
คาโยโกะลูกสาวอุตางาวะ ทามอนเกิดจากหญิงรับใช้
อูตางาวะ ทามอน
อุตสึงิ อากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซูมะ อยู่กับโมคูเบ
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
เมื่อได้ยินทนายคามิยามะตัดข้อสันนิษฐานที่ว่าคุณคาโยโกะตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมแทนตนออกไปอย่างสิ้นเชิง นายปิก้าก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แสดงทีท่าว่าไม่อยากฟังต่อไปให้เสียหูและไม่อยากโต้เถียงให้เมื่อยปาก
“ปัญหาที่ทำให้ต้องขบคิดอย่างหนักในกรณีคุณคาโยโกะก็คือ เวลาที่ใครจะใส่ยาพิษลงในกาแฟได้นั้นมีอยู่อย่างจำกัดเพียงไม่กี่นาที และคนที่จะสามารถใส่ยาพิษได้ก็คือคนที่อยู่ในห้องครัว ณ เวลานั้น ซึ่งได้แก่ สามีภรรยาร้านสึโบเฮ คิโซโนะ ยาเอะ หมอเอบิสึกะ และคนที่ขอตัวออกไปห้องสุขา ซึ่งได้แก่ คุณนานอายากะ คุณนายเคียวโกะ คุณคาซูมะ คุณยาชิโระ ดอกเตอร์โคเซ คุณโมคูเบ และผม ส่วนคุณปิก้าที่แลกถ้วยกาแฟกับคุณคาโยโกะนั้นเป็นคนน่าสงสัยที่สุด คือท่านจิตรกรเอกผู้นี้ตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยเป็นพิเศษครับ”
นายปิก้าไม่ต่อกรด้วยได้แต่เชิดหน้าคล้ายจะบอกว่าจะคิดจะพูดยังไงก็เชิญตามสบาย
“ปัญหาอยู่ที่ถ้วยกาแฟปากบิ่นถ้วยนั้นครับ สามีภรรยาร้านสึโบเฮ ยาเอะ และคิโซโนะที่ทำหน้าที่จัดถ้วยจัดชามในครัวอยู่เป็นประจำอาจแยกออก แต่สำหรับพวกเราซึ่งถึงรู้ว่าถ้วยกาแฟของคุณปิก้าปากบิ่น ก็ไม่เคยสังเกตว่ามันบิ่นแบบไหน ปัญหาที่ใหญ่ไปกว่านั้นก็คือถ้วยกาแฟของบ้านอูตางาวะถูกท่านเทพเจ้าปิก้าขว้างปาเสียไม่มีเหลือสำรองไว้รับแขก ทีนี้พอมีใครมาเป็นแขกดื่มกาแฟด้วย เขาคนนั้นก็จะตกที่นั่งต้องดื่มกาแฟจากถ้วยปากบิ่นเช่นเดียวกับคุณปิก้า ดังนั้นคนวางยาพิษคุณคาโยโกะจะต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีไม่งั้นคงฆ่าไม่สำเร็จ กรณีนี้ผมมองว่าคุณคาโยโกะคือเป้าหมายที่แท้จริงของฆาตกร ไม่ใช่คุณปิก้าจิตรกรเอกครับ ทีนี้เมื่อเป้าหมายที่แท้จริงคือคุณคาโยโกะ ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งก็คือคุณปิก้าผู้ขอแลกถ้วยกาแฟกับคุณคาโยโกะ
ทีนี้ลองมาพิจารณาในกรณีที่คนวางยาพิษไม่ใช่คุณปิก้ากันนะครับ เราสามารถสันนิษฐานจากการที่มียาพิษอยู่ในถ้วยกาแฟของคุณปิก้าตั้งแต่ต้นได้สองแนวคือ คนร้ายรู้ก่อนแล้วว่าถ้วยกาแฟของคุณคาโยโกะซึ่งเป็นแขกในวันนั้นจะต้องเป็นถ้วยปากบิ่น แต่แยกไม่ออกว่ารอยบิ่นที่ถ้วยของเธอต่างกับของคุณปิก้ายังไง และอีกแนวหนึ่งคือคนร้ายคาดว่าคุณ คาโยโกะผู้เป็นแขกจะได้ถ้วยกาแฟที่บิ่นน้อยซึ่งก็คือถ้วยที่คุณปิก้าดื่มเป็นประจำจึงใส่ยาพิษลงไปในถ้วยนั้น แต่ยาเอะคนชงกาแฟกลับเอาถ้วยกาแฟบิ่นน้อยนั้นไปเสิร์ฟคุณปิก้าตามความเคยชิน หรือไม่ก็เวลามันจวนแจมากรู้แต่ว่าคุณคาโยโกะจะต้องได้ถ้วยบิ่นก็ใส่ยาพิษลงไปอย่างรีบด่วนไม่มีเวลามาพิจารณาดูว่าบิ่นน้อยบิ่นมากยังไง
คนที่รู้ความเป็นไปของบ้านนี้เท่านั้นจึงจะรู้ว่าถ้าคุณคาโยโกะมาเป็นแขกรับประทานข้าวร่วมโต๊ะกับเราที่นี่ เธอจะต้องดื่มกาแฟจากถ้วยปากบิ่นเพราะไม่มีการซื้อถ้วยใหม่มาสำรองไว้ใช้ ดังนั้นคนที่ฆ่าคุณคาโยโกะจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของบ้านนี้เป็นอย่างดี”
ผมอดรนทนไม่ได้จึงขัดขึ้นว่า
“ฟังที่คุณทนายพูดแล้วดูเหมือนจะเชื่อว่าฆาตกรเป็นคนมีอะไรเกี่ยวข้องกับมรดกของตระกูลอูตางาวะอย่างไรไม่รู้ ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วกรณีของนายวานิ นายอุตสึมิและคุณนายอากิโกะล่ะจะว่ายังไง ถ้าเหตุจูงใจให้ฆ่าอยู่ที่ปัญหามรดก คนที่น่าสงสัยก็มีอยู่ไม่กี่คนในจำนวน 11 คนที่ชุมนุมกันอยู่ที่นี่ คือเรียกได้ว่าเกือบจะชี้ตัวได้เดี๋ยวนี้เลยไม่ใช่รึ”
“คุณยาชิโระครับ มันไม่ใช่เรื่องที่จะวินิจฉัยได้ง่าย ๆ อย่างนั้น คดีฆาตกรรมทั้งหมดอาจเกิดจากฝีมือของฆาตกรคนเดียว หรือหลายคนก็ได้ คนเดียวอาจฆ่าทั้งหมด หรือแต่ละคนต่างถูกใครคนหนึ่งฆ่า แยกกันไปในแต่ละคดี มันเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ เรื่องพวกนี้เราจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในภายหลัง ตอนนี้มาดูกรณีของคุณนายอากิโกะกันก่อน”
ทนายคามิยามะวางท่าราวกับว่ารู้ตัวฆาตกรแล้ว
“คนที่มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนเมื่อวานซืน ซึ่งตรงกับวันที่ 3 กลุ่มแรกก็คือทีมบิลเลียดสามคนคือ คุณปิก้า ดอกเตอร์ และผม ซึ่งต่างเห็นหน้ากันและกันตลอดแม้เวลาไปห้องสุขาก็เร่งรีบจนแทบจะชนกัน กับอีกหนึ่งคู่คือคุณโคโรกุกับคุณนายโคโจซึ่งไปร่วมงานการบรรยายที่สมาคมสตรีและเยาวชน รวมเป็นห้าคนที่มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุอย่างพร้อมมูล
ส่วนพวกที่ไปเมือง N มีคุณนายเคียวโกะ นางพยาบาลโมโรอิ คิโซโนะ ขึ้นรถเที่ยวที่ 2 จากหมู่บ้าน N ที่ออกเมื่อเวลา 10.40 น. ซึ่งจะต้องออกจากคฤหาสน์ก่อนเวลารถออก 1 ชั่วโมงจึงจะทันขึ้นรถ ทั้งสามอยู่ในรถคันเดียวกันระหว่าง 10.40 น. ถึง 12.30 น.จึงนับได้ว่ามีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุอย่างมั่นคงเช่นกัน เพราะเวลาที่เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคุณนายอากิโกะถูกฆ่านั้นอยู่ระหว่าง 10.30 น.ถึง 11.00 น. ส่วนทางด้านคุณคาซูมะที่ไปเยี่ยมญาติในเมือง F ก็มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ดังนั้นจึงเหลืออีก 5 คน”
ทนายคามิยะมิหยุดเว้นจังหวะพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อย่างนี้ ผมก็เข้าข่ายผู้ต้องสังสัยน่ะซี”
ตาซึมกะทืออยู่เป็นนิจของนายทังโงะมีประกายวาวขึ้นเมื่อจับจ้องไปที่ผู้พูด
“วันนั้นนะคุณ ผมเดินออกจากป่าบุนะเรื่อยเปื่อยไปตามถนน พอดีรถเมล์เที่ยวสิบโมงห้าสิบผ่านมา ผมก็เลยขึ้นโบกขึ้นไปมีอะไรไหม”
“แต่ขอโทษทีครับคุณทังโงะ ที่บอกว่าเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนนั้นผมว่าคุณจะไม่รู้หรอกนะครับว่ามันเป็นเวลากี่โมงกี่ยามกันแน่เพราะไม่มีนาฬิกาติดตัว เท่าที่ผมรู้ดูเหมือนว่าในช่วงสิบหรือสิบห้าปีมานี้คุณจะอยู่มาโดยไม่พึ่งนาฬิกาเลย ดังนั้นรถเมล์ที่คุณคิดว่าเป็นเที่ยวที่ออกจากเมือง N 10.50 น.นั้นอาจเป็นเที่ยว 12.20 น.ก็ได้ ผมมีหลักฐานครับ ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่าขึ้นรถเที่ยว 12.20 น.มากับคุณ และก็อย่างที่คุณบอกนั่นแหละคือออกไปยืนกลางถนนโบกให้รถจอดรับ
เรื่องพวกนี้สารวัตรเหยี่ยวเขาสืบมาหมดแล้ว ความจริงเขารู้ความเคลื่อนไหวของเราทุกคนอย่างละเอียดก่อนที่จะมาขอสอบปากคำเสียอีก สารวัตรแค่อยากมาตรวจสอบว่าเราพูดความจริงหรือเปล่าและสังเกตสีหน้าเราเท่านั้นเอง เล่ห์เหลี่ยมของเขาสมชื่อสารวัตรเหยี่ยวแท้ ๆ”
นายทังโงะพูดไม่ออก
“เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรฆ่าคุณนายอากิโกะ ณ ขณะนี้มีคุณทังโงะ คุณยาชิโระกับคุณนาย อายากะที่ไปอนเซ็นด้วยกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่คิดว่าใครคนใดคนหนึ่งอาจใช้ทางลัดทางนั้นไปฆ่าคุณนายสำเร็จภายในเวลาอันสั้นเกิดคาดก็ได้ อีกคนหนึ่งก็คือคุณโมคูเบครับ จนถึงขณะนี้ยังไม่หลักฐานอะไรที่ยืนยันว่าเมื่อวันที่ 3 คุณโมคูเบขึ้นรถเมล์เที่ยวแรกไปเมือง N จริงหรือไม่ แม้ขึ้นไปจริงแต่ก็เป็นไปได้ที่จะย้อนกลับมาฆ่าแล้วกลับไปเมือง N อีกครั้ง เสร็จแล้วก็ตีหน้าตายขึ้นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายเมื่อ 17.00 กลับมาคฤหาสน์ คงไม่มีใครปฏิเสธนะครับว่าคำสันนิษฐานของผมนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คนสุดท้ายก็คือหมอเอบิสึกะ ทั้งหมด 5 คนนี้ไม่อาจตัดออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ครับ”
ทนายคามิยามะยิ้มพลางหยิบสมุดจดบันทึกออกมาจากอกเสื้อ
“ความจริงจะว่าผมแส่ไม่เข้าเรื่องก็ได้ แต่สายอาชีพทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องยื่นมือเข้ามาทำอะไร ๆ บ้างเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันวิกฤติมาก ผมได้สรุปรายชื่อผู้ต้องสงสัยในคดีทั้งสี่เอาไว้สำหรับประกอบการพิจารณาเหตุจูงใจและอื่น ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
คดีฆาตกรรมคุณชิงูซะคุณปิก้า คุณอุตสึมิ คุณคาซูมะ คุณยาชิโระ คุณโมกูเบ คุณทังโงะ นางพยาบาล
โมโรอิกรณีที่อ้างหลักฐานเท็จ
คดีฆาตกรรมคุณอุตสึมิคุณทังโงะ คุณโคโรกุกับคุณนายโคโจ คามิยามะกับเมีย คุณนายอากิโกะ คุณโมกูเบ คุณยาชิโระกับคุณนายเคียวโกะ และคนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่
คดีฆาตกรรมคุณคาโยโกะ คุณปิก้าจิตรกรเอก สามีภรรยาร้านสึโบเฮ คามิยามะกับเมีย คุณโมกูเบ คุณคาซูมะกับ
คุณนายอายากะ คุณยาชิโระกับคุณนายเคียวโกะ ดอกเตอร์โคเซ หมอเอบิสึกะ
คดีฆาตกรรมคุณนายอากิโกะ คุณทังโงะ คุณนายอายากะ คุณยาชิโระ คุณโมกูเบ หมอเอบิสึกะ
ผมสรุปไว้ประมาณนี้ และเมื่อมองโดยรวมแล้วผู้ที่น่าสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรทั้งหมด 4 คดี มีสองคือคุณยาชิโระกับคุณ โมกูเบสองคนเท่านั้น คนที่น่าสงสัยว่าเป็นฆาตกร 3 คดีมีสองคนคือหมอเอบิสึกะกับคุณทังโงะ
ทุกท่านรู้สึกไหมครับว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกมาก คือ 3 ใน 7 คดีฆาตกรรม ซึ่งได้แก่คดีท่านทามอน คดีคุณทามาโอะ และคดีคุณคาโยโกะนั้นมีความเกี่ยวข้องกันอย่างเห็นได้ชัดเพราะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าต้องมีเหตุจูงใจหลักให้ต้องฆ่าซึ่งอาจเป็นปัญหามรดกหรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนคดีอื่นอีก 4 คดีนั้นกระจัดกระจายมากหาอะไรที่จะเป็นสาเหตุจูงใจให้ฆ่าไม่ได้เลย ผมพยายามสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยทุกคนแล้วแต่ก็หาจุดเชื่อมต่อไม่ได้เลย”
คำอธิบายที่เริ่มเจาะลึกเข้าไปทุกทีของทนายคามิยามะ ดูเหมือนจะดึงดูดความสนใจของทุกคนมากขึ้นตามลำดับ
“เอาละ เรามาเข้าถึงตัวปัญหากันเสียที” ทนายปากเอกมองไปรอบ ๆ “ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้หมายความว่าอย่างไร ปัญหาข้อแรกคือ คดีฆาตกรรมทั้งเจ็ดที่ยังดูไม่ออกว่าเหตุจูงใจให้ฆ่าที่แท้จริงคืออะไรเหล่านี้ แต่ละคดีเป็นการกระทำของฆาตกรแต่ละคน หรือว่าฆาตกรคนเดียววางแผนฆ่าหมดทุกคน อย่างแรกพิจารณาตามสามัญสติแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คนกลุ่มหนึ่งจะมีเหตุผลกลใดถึงได้มาฆ่ากันและกันอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นโลกของศิลปินนักประพันธ์ที่ออกจากมีอะไรที่แปลกประหลาดหลุดโลกอย่างพวกท่าน ผมก็เห็นว่าเป็นไปไม่ได้
จะว่าไปแล้วคนในโลกวรรณศิลป์ก็เหมือนฆาตกรตัวเอก ที่กล่าวกันว่านักสืบเอกในนวนิยายนักสืบคือคนที่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังราวกับเป็นฆาตกรตัวจริงนั้นไม่ใช่นะครับ นักประพันธ์ที่เป็นคนเขียนเรื่องนั้นขึ้นมาต่างหากที่เป็นฆาตกรตัวจริงที่วางแผนฆ่าทั้งเรื่องไม่ใช่นักสืบ เพราะนักสืบไม่ใช่เป็นคนสร้างฆาตกรขึ้นมาแต่เป็นคนสืบหาฆาตกรต่างหาก คุณยาชิโระเคยบอกผมว่าดอกเตอร์โคเซเป็นคนที่เขียนนวนิยายไม่เป็น แต่มีคุณสมบัติของนักสืบอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งผมคิดว่าเป็นความจริง และในทางกลับกันพวกท่านที่เป็นนักประพันธ์ผู้มีคุณสมบัติของผู้สร้างสรรค์นั่นแหละคือฆาตกรตัวจริงที่มีเหตุจูงใจในการฆ่าและเล่ห์กลที่เป็นปริศนาซับซ้อน ทนายความก็เช่นกัน บอกเสียก่อนผมไม่ได้คิดที่จะเผยอหน้าขึ้นมาเทียมเท่ากับพวกท่าน แต่ทนายทำหน้าที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งใคร ๆ อาจคิดว่าเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้สติปัญญาอะไรมากมายเมื่อเทียบกับอัจฉริยภาพของบุคคลในวงการวรรณศิลป์ แต่ถึงจะไม่ฉลาดปราดเปรื่องแต่พวกเราก็มีความสามารถในการสืบสวนคดีไม่แพ้นักสืบอัจฉริยะ อย่างที่ปรมาจารย์ด้านวรรณศิลป์ไม่มี พวกท่านมีแต่ความเป็นฆาตกรผู้ชาญฉลาดเท่านั้น”
ทนายคามิยามะยิ้มได้อย่างกวนประสาทมาก มันเป็นยิ้มอ่อน ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันเสมอ
“กรณีที่มองว่าฆาตกรคนเดียววางแผนฆ่าเหยื่อทั้งเจ็ดคนอย่างเลือดเย็น เราก็ต้องพบกับเครื่องหมายคำถามอันใหญ่ คือทำไมการฆ่าแต่ละคดีจึงไม่มีอะไรเชื่อมโยงกัน ไม่มีความต่อเนื่อง ตรงนี้ผมขอตอบว่านั่นเป็นเพราะฆาตกรจงใจที่จะอำพรางเหตุจูงใจที่แท้จริง ในจำนวนเจ็ดคดีนี้อาจมีหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งคดีที่เป็นเป้าหมายฆาตกรรมที่แท้จริง ส่วนคดีอื่นไม่มีอะไรมากไปกว่าการก่อขึ้นเพื่ออำพรางเป้าหมายของมันเท่านั้นเอง ทำไมฆาตกรถึงต้องทำให้รูปคดีสับสนขนาดนี้ ครับ..ก็เพราะเมื่อใดที่เหตุจูงใจให้ฆ่าชัดเจนขึ้นมา ความก็จะแตกทันทีว่าใครคือฆาตกร”
ทนายสรุปเหมือนกับที่ดอกเตอร์โคเซเคยพูดเอาไว้ และพอผมถามขึ้นว่า “แล้วคุณทนายคิดว่าอะไรคือเหตุจูงใจให้ฆ่า” ทนายปากเอกก็ยิ้มกวนประสาทอีกก่อนตอบว่า
“เหตุจูงใจนั่นแหละครับที่เป็นปัญหา เมื่อมองจากข้อสันนิษฐานที่ว่าฆาตกรผู้ยิ่งใหญ่รายนี้เป็นคนที่ท่านทั้งหลายรู้จักกันดีด้วยแล้ว เหตุจูงใจย่อมไม่ใช่ระดับโจรกระจอก เหตุจูงใจที่เราเห็นว่าชัดเจนที่สุดไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเหตุจูงใจที่แท้จริงเสมอไป เหตุจูงใจที่เราเห็นว่าจะเป็นผลประโยชน์ที่สุดของฆาตกรก็อาจไม่ใช่เหตุจูงใจที่แท้จริงก็ได้ ดอกเตอร์คิดว่ายังไงครับ”
เมื่อเห็นดอกเตอร์ไม่ตอบ นายทังโงะจึงเอ่ยขึ้น
“คุณทนายยกสี่คดีขึ้นมาแล้วระบุชื่อผู้ต้องสงสัยที่มีความเกี่ยวข้องพ้องกันในคดีนั้น ๆ เห็นมีนายยาชิโระกับนาย โมกูเบสองคนเท่านั้นที่เกี่ยวพันอยู่ในทั้งสี่คดี และพูดทำนองว่าไม่เห็นคนที่ควรแก่การสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรในความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติของตระกูลอูตางาวะที่เป็นประเด็นสำคัญที่สุด แต่คุณทนายอย่าลืมว่ายังมีคนที่อาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ด้วยก็ได้ มองทีละคนอาจไม่เห็นว่ามีอะไรที่เชื่อมโยงถึงกัน แต่บางกรณีถ้ามองเป็นกลุ่มอาจพบเส้นใยอะไรที่เชื่อมถึงกันก็ได้ใช่ไหม ผมว่าไม่มีใครสามารถฆ่าคนตายติด ๆ กันถึงเจ็ดศพภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่ครึ่งเดือน ขณะที่มีตำรวจมาเฝ้าระวังอยู่อย่างเคร่งครัดเข้มงวดขนาดนี้ได้โดยไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิด”
“เฉียบคมมากครับ”
ทนายคามิยามะพยักหน้าแล้วว่า
“แต่ทว่า ถ้ามองคดีทั้งหมดนี้ในรูปที่ว่าเป็นปัญหาของตระกูลอูตางาวะ และสมมติว่าคุณคาซูมะกับคุณนายอายากะร่วมมือกันฆ่า เราก็จะมาสะดุดอยู่ที่กรณีของคุณอุตสึมิ ซึ่งภาวะแวดล้อมในความเป็นจริงปรากฏชัดแล้วว่าทั้งสองท่านไม่มีทางที่จะฆ่าเขาได้ หรือคุณจะบอกว่ามีคนอื่นอีกที่สมรู้ร่วมคิดกับท่านทั้งสอง”
ได้ยินดังนั้นคาซูมะที่นั่งฟังอยู่นานแล้วก็พูดขึ้นด้วยเสียงโกรธจัด
“ผมยอมรับการถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง เพราะช่วยไม่ได้ที่ภาวะแวดล้อมทำให้เป็นอย่างนั้น แต่ขอบอกว่าผมไม่ได้ใส่ใจคำกล่าวหาพวกนั้นเลย เพราะรู้ตัวดีว่าไม่ได้ทำอะไรอย่างที่สงสัยกันสักอย่างเดียว สิ่งที่ผมห่วงกังวลมากก็คือวันที่ 9 สิงหาคม ใครวางแผนจะทำอะไรครับ ถ้าวันที่ 9 สิงหาคมเป็นวันที่ผมจะถูกฆ่าเป็นรายต่อไป ใครรู้บ้างว่าผลของมันจะเป็นยังไงใครรู้บ้าง”
ขณะพูดไปความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าที่บูดบึ้งของคาซูมะ ค่อย ๆ กลายเป็นความหวั่นใจและหวาดกลัว
ดอกเตอร์โคเซดูนาฬิกาแล้วลุกขึ้นบอกว่า
“ได้เวลาแล้ว ผมขอตัวก่อน และจะกลับมาภายในวันที่ 9 สิงหาคมแน่นอน ขอให้ทุกท่านรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ผมมัวแต่เพลิดเพลินกับการฟังคำสันนิษฐานของคุณทนายจนสายมากแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันรถ”
ว่าแล้วก็คำนับทุกคนอย่างรวดเร็วและเร่งรีบจนแทบจะกระโจนออกไปจากห้องกินข้าว
[ตัวละครในเรื่องที่ตายไปแล้ว 7 คน]
วานิ โมจิซึกิ แขกรับเชิญของทามาโอะ
อูตางาวะ ทามาโอะ ลูกสาวอุตางาวะ ทามอน น้องของคาซุมะ
อากิระ อุตสึมิ กวีหลังค่อมแขกรับเชิญของทามาโอะ
ชิงูซะ หญิงขี้ริ้วลูกสาวนางยูระ นางุโมะ อาของคาซุมะ
คาโยโกะลูกสาวอุตางาวะ ทามอนเกิดจากหญิงรับใช้
อูตางาวะ ทามอน
อุตสึงิ อากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซูมะ อยู่กับโมคูเบ