xs
xsm
sm
md
lg

คุณนายไข่มุก ตอนที่ 14 ฝ่าพายุสวาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"

1

“รุริโกะ เธอก็เช่นกัน ฉันกำลังก้มหัววิงวอน ขอให้เธอลบล้างความขุ่นข้องหมองใจที่ฉันก่อไว้เสียให้หมดแล้วมาเป็นภรรยาที่แม้จริงของฉันเสียทีจะได้ไหม เธอต้องไม่มีความสุขแน่นอนกับการฝืนใจมาเป็นภรรยาฉันอย่างนี้ แต่ตราบใดที่เราได้แต่งงานกันเป็นงานเป็นการใหญ่โตให้ผู้คนในสังคมรับรู้กันขนาดนั้นแล้ว ถึงเธอจะหวงเนื้อหวงตัวตั้งเงื่อนไขขึ้นมาไม่ยอมเป็นภรรยาของฉันตามพฤตินัยและฉันก็ตามใจเธอมาจนแทบจะคลั่งก็ตามที ไม่มีใครเขาเชื่อหรอกว่าเธอยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่จนทุกวันนี้ จะยังไงก็ตามทีในสายตาของสังคมเธอเป็นภรรยาของนาย โชดะ โชเฮวันยังค่ำ เลิกคิดเสียทีว่าตนเองโชคร้ายที่ต้องมาตกที่นั่งเช่นนี้ ขอให้เข้าใจว่าฉันรักเธอจนหมดใจ และปรารถนาเหลือเกินที่จะให้เธอละทิ้งทิฐิมานะมาเป็นภรรยาฉันด้วยความเต็มใจ”

ขณะพูด ดวงตาของนายโชดะเป็นประกายวาววามด้วยความรู้สึกจากใจจริง ยิ่งฟังจิตใจของรุริโกะก็พลอยหวั่นไหวตามไปด้วย แต่ยังไม่ทันไร...ความตั้งใจแน่วแน่ที่มาแต่เดิมก็แทรกเข้ามาบังคับให้จิตใต้สำนึกของเธอคงความเย็นชาไว้อย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยว

...ศัตรูไม่ได้พ่ายแพ้เพราะจิตใจของเขาอ่อนไหว หล่อนต่างหากรุริโกะที่เปราะบางเกินไปและกำลังจะแตกสลาย ลืมการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่ไม่มีใครแม้แค่ท่านพ่อสามารถทำให้สั่นคลอนได้เสียแล้วรึ ลืมความตั้งใจมั่นคงที่จะโค่นล้มศัตรูให้ราบคาบไม่ใช่เพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแต่ว่าเพื่อสังคมโดยรวมเสียแล้วหรือ คิดดีแล้วรึที่จะมาใจอ่อนทิ้งการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเสียก็เพราะคำพร่ำพรรณนาแต่ฝีปากของนายโชดะ หล่อนไม่สงสัยท่าทีของนายโชดะบ้างหรืออย่างไร ชายเจ้าเล่ห์คนนี้มุ่งที่จะพิชิตความสาวของหล่อนอย่างเดียว ทำเป็นว่าละพยศหมดสิ้น ถอดเสื้อเกราะกำบังกายเผยใจรักอย่างนั้นอย่างนี้ก็เพื่อคอยจังหวะที่จะกระโจนเข้าใส่...หล่อนไม่นึกหรอกหรือว่านั่นมันโกหกทั้งเพ รุริโกะ...หล่อนกำลังสะเทือนใจกับคำสารภาพรักของนายโชดะ...ลองยื่นมือออกไปให้ซี แรก ๆ ก็จะทำเป็นสุภาพนุ่มนวลแต่พอได้จังหวะก็จะย่ำยีหล่อนด้วยกำลัง สำนึกเอาไว้เลยว่าศึกหนักครั้งนี้ หล่อนไม่ได้ต่อสู้กับพละกำลังของศัตรูเจ้าเล่ห์ผู้นี้อย่างเดียว แต่ต้องต่อสู้กับคำหวานของเขาด้วย ศัตรูกำลังหยามศักดิ์ศรีของหล่อนและกำลังได้ทีกู้กลับขึ้นมาอยู่เหนือมือหล่อน อย่าเข้าใจผิดว่าศัตรูกำลังพ่ายแพ้เพราะอ่อนแอ หล่อนต่างห่วงที่เปราะบางและกำลังจะแหลกสลาย...

เสียงจากจิตใต้สำนึกเย็นเยียบขึ้นทุกทีจนรุริโกะแทบจะหนาวสั่น และกระแสเสียงสุดท้ายที่แหลมสูงราวกับกรีดตะโกนปลุกให้เธอตื่นขึ้นจากภวังค์ ขยับท่านั่งให้รัดกุมก่อนกล่าวขึ้นว่า

“แหมคุณก็ พูดอะไรอย่างนั้น ดิฉันก็เป็นภรรยาของคุณมาแต่ต้น เป็นภรรยาด้วยใจจริงนะคะ”

ใบหน้าของรุริโกะงดงามเปล่งปลั่งไปด้วยยิ้มที่หวานชดช้อยที่เคลือบความเย็นชาเอาไว้ภายใน

ทว่ามารยานั้นไม่ได้รอดสายตาเจนโลกของชายร่างใหญ่ไปได้ แม้รุริโกะจะพูดทำนองว่าเปิดใจ แต่นั่นก็แค่คำพูด นายโชดะเห็นสีหน้าเย็นชาของหญิงสาวที่เขารักถึงขั้นบูชาแล้วใจหาย คำพูดของเขาจึงแฝงไว้ด้วยความน้อยใจและผิดหวัง

“รุริโกะ ไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันเลย เธอไม่ให้อภัยความผิดตั้งแต่แรกของฉัน เธอปั่นหัวฉันกับคะสึฮิโกะเล่นเป็นของสนุก ปั่นหัวฉันให้อนรนทุกข์ทรมานราวกับสัตว์นรกตัวหนึ่ง ดี...เธอจะทำอย่างนั้นก็ได้ ถ้ายังเห็นฉันเป็นศัตรู ฉันก็ทำตัวเป็นศัตรูของเธอได้ เมื่อฉันอุตส่าห์ลดตัวลงคุกเข่าก้มหัวขอร้องขนาดนี้แล้วเธอยังไม่เปิดใจรับใจจริงของฉันเลยสักนิด ฉันก็คงทำได้แค่นั้น”

นายโชดะดื่มเหล้าสาเกหมดไปกว่าหนึ่งขวดใหญ่ ตาของเขาเริ่มหรี่ปรือและทำท่าจะเข้ามาคุกคามรุริโกะ หญิงสาวที่เกือบใจอ่อนเมื่ออีกฝ่ายอ่อนเข้ามานั้น ขยับตัวตั้งรับเพราะบอกตนเองว่าถ้าจะเล่นกันซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ก็คงต้องเห็นกัน เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะถอยให้ง่าย ๆ แม้แต่ก้าวเดียว

พอเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของฝ่ายตรงข้าม รุริโกะก็ยิ่งเห็นชัดว่ากิริยาประหลาด ๆ ของนายโชดะในตอนต้นนั้นเป็นการเสแสร้งแกล้งทำ เป็นกลลวงเพื่อให้ตนคลายทิฐิมานะต่างหาก มิได้มาจากใจจริงใด ๆ ทั้งสิ้น
“ตายจริง...ทำไมพูดอย่างนั้น คุณไม่รู้เลยหรือว่าดิฉันซึ้งกับใจจริงของคุณมาตั้งแต่ต้น”

รุริโกะ หัวเราะเบา ๆ เหมือนกับไม่สนใจจริงจังกับคำขู่ของอีกฝ่าย

“อย่ามาทำหัวเราะดีไปเลย ยิ้มแบบนี้ของเธอมันทรมานใจฉัน และดูเหมือนมันติดตามเยาะเย้ยฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันทนดูหน้าระรื่นของเธอต่อไปไม่ไหวแล้ว...รุริโกะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันมีความสุขสุดใจเพียงไรที่ได้เห็นยิ้มของเธอ ได้ยินเสียงหัวเราะของเธอเป็นครั้งแรก แต่พอมองไปฟังไปนานเข้าฉันก็เริ่มเห็นความเย้ยหยัน ความเกลียดชังที่มีต่อฉันแฝงอยู่เต็มเปี่ยมภายใต้ผิวหน้างามผ่องที่เคลือบรอยยิ้มเอาไว้ ไม่มีอะไรจะเสียดแทงใจฉันได้เจ็บปวดรวดร้าวเท่ากับยิ้มของเธอ...รุริโกะ ยิ้มของเธอ เสียงหัวเราะของเธอกำลังทรมานฉัน กำลังจะฆ่าฉันให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่...ไม่ใช่ฉันคนเดียว แต่คะสึฮิโกะ ลูกชายซื่อบื้อของฉันก็จะพลอยทุกข์ทรมานเจียนตายไปอีกคน”

เสียงและท่าทีของนายโชดะแสดงให้เห็นเป็นลางว่าความมึนเมาจากสุรากำลังจะแผลงฤทธิ์ ดวงตาทั้งคู่จ้องเขม็งมาที่รุริโกะเป็นประกายน่ากลัวราวกับคนเสียสติ

เสียงลมที่ยิ่งโหมกระหน่ำ เสียงฝนที่ยิ่งเทลงมาราวฟ้ารั่ว ประสานกับเสียงครืนครานของคลื่นในทะเลที่ปั่นป่วนบ้าคลั่ง แต่รุริโกะไม่ได้ยินทั้งนั้นเพราะพลังทั้งใจและกายทั้งหมดของเธอถูกระดมไปที่การคุมเชิงเตรียมรับมือปรปักษ์ที่ไม่รู้ว่าจะจู่โจมเข้ามาเมื่อไรระหว่างนาทีวิกฤติเช่นในขณะนี้

“ไม่นึกเลยว่าคุณจะขี้ระแวงถึงขนาดนี้ เพราะคุณสงสัยไม่เชื่อใจดิฉันอย่างนี้นี่เอง ถึงได้เห็นว่าฉันยิ้มไม่จริงใจเหมือนใส่หน้ากากตบตากัน”

ถึงจะกล่าวเป็นเชิงตัดพ้อเช่นนั้น แต่ใบหน้าของหญิงสาวก็ยังไม่คลายรอยยิ้มหวานที่ดูเยือกเย็นสำหรับฝ่ายตรงข้าม นายโชดะโน้มตัวเข้ามาใกล้พลางกัดกรามขู่เสียงกร้าวว่า

“เธอดูถูกฉัน เห็นฉันเป็นคนงี่เง่าอยู่ตลอด ไม่เคยเชื่อถือ ไม่เคยให้เกียรติฉันในฐานะที่เป็นคน ๆ หนึ่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยเชื่อว่าฉันก็มีหัวใจเหมือนอื่น ๆ ก็ดี...ในเมื่อเธอไม่เห็นฉันเป็นมนุษย์เหมือนคนอื่นเขา ฉันก็จะเป็นสัตว์ป่าอย่างที่เธอคิด จะตะปบขบกัดเธอไม่ปล่อยให้สมกับสัตว์ป่าเลยทีเดียว”

ตาทั้งคู่ของนายโชดะวาวโรจน์ขึ้นราวกับดวงตาของสัตว์ป่าเมื่อเห็นเหยื่ออันโอชาอยู่ตรงหน้า

“ใช่ ฉันจะต้องทำตัวเป็นสัตว์ป่าไล่ตะครุบหล่อนให้อยู่มือ”

พอพูดจบชายร่างใหญ่ก็ผลุดลุกขึ้นยืนตระหง่านราวกับหมีใหญ่ที่พร้อมกระโจนเข้าใส่เหยื่อ รุริโกะลุกขึ้นยืนตามไปด้วยราวกับมีแรงส่งขึ้นมาจากเบื้องล่าง

นายโชดะย่างสามขุมเข้ามาใกล้รุริโกะด้วยฝีเท้าที่ไม่มั่นคงนักด้วยฤทธิ์สุรา หญิงสาวหน้าซีดเผือดพยายามระงับอาการตัวสั่นเอาไว้โดยไม่แสดงทีท่าว่าหวาดกลัวให้ออกนอกหน้า แต่คิ้วงามก็ไม่วานขมวดเข้าหากัน

พอดีกับตอนนั้นเองที่ลมกระโชกเอาฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนักซัดสาดเข้ามาที่ตัวบ้านอย่างรุนแรง
เมืองฮะยะมะสมัยไทโช (1912-1926)
2

ใกล้เที่ยงคืน

สาวใช้ที่รวมตัวกันอยู่ในครัวคงจะนอนหลับกันหมดแล้วเพราะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยอะไรกัน มีแต่นายโชดะกับ รุริโกะเพียงสองคนเท่านั้นที่ประจันหน้ากันอยู่ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของลมฝนและคลื่นในทะเลที่เหมือนกำลังต่อสู้กันอย่างเผ็ดร้อน

รุริโกะไม่มีทั้งกำลังและอาวุธที่จะใช้ต่อสู้กับชายร่างใหญ่อย่างนายโชดะ เธอมีแต่ความงามอันเฉิดโฉมที่พอจะมีพลังทำให้คู่ต่อสู้ลังเลใจไขว้เขวไปได้บ้างแต่นั่นจะใช้ได้ไปอีกสักกี่น้ำ ดวงตาของนายโชดะวาวโรจน์ขณะปราดเข้าเข้าใส่รุริโกะราวกับสัตว์ป่ากระหายเหยื่อ ริริโกะถอยกรูดแทบตั้งตัวไม่ติด

ความใจอ่อนเมื่อได้ยินคำสารภาพรักที่ดูเหมือนจากใจจริงของนายโชดะมลายหายไปราวกับหมอกควัน เมื่อชายร่างใหญ่เผยสันดานความเป็นคนกักขฬะออกมาเช่นนี้ รุริโกะขนลุกเกรียวด้วยความรังเกียจ เธอถอยออกมาตั้งหลักด้วยความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่ยอมให้ชายผู้นี้แตะต้องตัวได้เลยแม้แต่ปลายนิ้ว และนั่นคือพลังที่เสริมให้หัวใจของเธอแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า

ทว่าพลังใจนั้นหรือจะทัดทานพลังกายอันมหาศาลของนายโชดะได้ ในที่สุดเธอก็ถูกต้อนไปจนมุมอยู่ที่หน้าต่างกระจกด้านที่หันออกสู่ทะเล ไม่มีทางให้หนีต่อไปได้

ทั้งสองยืนประจันหน้ากันเหมือนสิงโตกับกวางตัวเมียอยู่ครู่หนึ่ง

พายุและฝนไม่ได้อ่อนกำลังลงแม้แต่น้อย เสียงคลื่นซัดสาดโขดหินดูเหมือนจะยิ่งรุนแรงหน้ากลัวขึ้นอีก แต่ไม่ว่าเสียงสะเทือนขวัญใด ๆ ก็ไม่ได้แว่วเข้าหูคู่ต่อสู้ทั้งสองเลยแม้แต่น้อย

“คุณจะทำอะไรฉัน”

รุริโกะตวาดเสียงแข็งกร้าวออกมาเป็นครั้งแรกเมื่อนายโชดะทำท่าจะยื่นมือใหญ่โตแข็งแรงเข้ามาที่เธอ

“ฉันจะทำอะไร มันเป็นเรื่องของฉัน ฉันเป็นผัวหล่อน จะให้อยู่หรือจะฆ่าให้ตายก็ได้ทั้งนั้น”

นายโชดะคำรามพลางกางมือยื่นตรงเข้ามาจะตะปบไหล่ที่ลาดเนียนนุมละมุนของเหยื่อโฉมงามตรงหน้า รุริโกะพลิ้วร่างหลบด้วยความว่องไว นายโชดะที่หลักไม่ดีอยู่แล้วด้วยฤทธิ์สุราจึงหน้าคะมำแทบจะล้มครืนลงไปกับพื้น

“อย่านะ รู้จักอายบ้างซิ มียางอายเสียบ้าง เมียไม่ใช่ทาส อย่ามาให้กำลังรุนแรงนะจะบอกให้”

รุริโกะ ตวาดเสียงแข็งอย่างคนมีอำนาจราวกับอีกฝ่ายเป็นคนชั่วช้าสามาน แม้ว่าหางเสียงจะสั่นพลิ้ว

“อะไรนะ อายรึ จะอายไปทำไม ในเมื่อฉันสวมวิญญาณของสัตว์ป่าแล้วอย่างนี้”

ว่าแล้วรวบรวมกำลังก็ถลาเข้าใส่รุริโกะด้วยพลังแรงกว่าเมื่อครู่ก่อนเป็นเท่าตัว เสียงลม ฝนและคลื่นอื้ออึงราวเสียงเชียร์คู่ต่อสู้บนสังเวียน

วินาทีนั้นเองที่รุริโกะนึกถึงมีดสั้นป้องกันตัวขึ้นมาได้ และในยามคับขันเช่นนี้จึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องใช้มัน ทว่ามีดสั้นเล่มนั้นเธอซุกมันไว้ในซอกลึกก้นกระเป๋าเดินทาง แล้วมันจะมีประโยชน์อันใดเล่า

เธอใช้วิธีสุดท้ายคือเค้นเสียงเรียกหญิงรับใช้ให้ดังเท่าที่จะทำได้ แต่เสียงที่รุริโกะคิดว่าได้แผดออกไปดังที่สุดแล้วนั้นกลับถูกเสียงลมและพายุกลบเสียสิ้น ไม่มีเสียงขานรับใด ๆ ดังมาจากห้องครัว

เมื่อเห็นรุริโกะอับจนหนทางนายโชดะก็ยิ่งฮึกเหิมแสดงสันดานที่แท้จริงของสัตว์ร้ายออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ดวงตาทั้งคู่ของชายร่างใหญ่ลุกโชนอยู่ในแสงสลัวของตะเกียง

“อย่านะ” พอรุริโกะเบี่ยงตัวหลบ มือใหญ่โตของนายโชดะก็คว้ามับเข้าที่ข้อมือบอบบางของเธอแล้วบีบแน่นราวกับคีมเหล็ก

“ทำอะไรน่ะ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”

รุริโกะสะบัดมือพลางผลักนายโชดะออกไปสุดกำลังราวบ้าคลั่งจนหลุดจากการเกาะกุม แต่ชายร่างใหญ่ที่ถูกผลักออกไปกลับกระโจนเข้าเหยื่อของเขาอีกด้วยกำลังแรงยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว

ทันใดนั้นเอง บานเลื่อนกั้นฝนกับหน้าต่างกระจกก็กระทบกันอย่างแรงจนหลุดออกจากรางเลื่อนเสียงดังโครมคราม เปิดให้ลมแรงระลอกใหญ่ซัดเข้ามาในห้องเสียงหวีดหวิวน่ากลัว ตะเกียงดับวูบลงทันที

เงาดำของร่าง ๆ หนึ่งกระโจนเข้ามาในห้องพร้อมกับลมแรงระลอกนั้น พุ่งเข้าชนร่างของนายโชดะที่กำลังกระโจนเข้าใส่รุริโกะกระเด็นออกไปในวินาทีเดียวกันกับที่แสงไฟดับมืดลงนั้นเอง

3

ลมกับฝนซัดซ่าผ่านหน้าต่างกระจกที่หลุดออกจากรางเลื่อนเข้ามาหมุนเป็นลมหอบอยู่กลางห้องญี่ปุ่นใหญ่ขนาดยี่สิบเสื่อ ภาพเขียนที่ห้อยอยู่ในเวิ้งประดับงานศิลปะถูกลมตีปลิวตกลงไปม้วนแล้วกระดอนตลบไปมาอยู่กับพื้นห้อง กรอบรูปที่แขวนไว้กับขื่อตกลงมาเสียงดังเปรื่องปร่างน่ากลัว ฉากบานพับฉาบทองหกบานล้มระเนระนาด ลมแรงที่พัดโหมไม่มีทางออกจึงพัดหวนปั่นป่วนไปมาอยู่ในห้องที่มืดมิดอย่างไม่รู้จบสิ้น

ภายในความปั่นป่วน กระเจิดกระเจิงและมืดสนิทจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนั้นเอง นายโชดะกำลังฟัดกันกับเงาดำที่พุ่งเข้ามากับลมแรงอย่างเอาเป็นเอาตาย

“แก...แกคือใคร”

นายโชดะแผดเสียงกึกก้องด้วยความโกรธและตกใจเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่รู้ตัว แต่ไม่มีคำตอบ

เสียงเนื้อกับเนื้อ กล้ามเนื้อกับกล้ามเนื้อกระทบกันรุนแรง ฝ่ายหนึ่งทุ่มอีกฝ่ายลงกับพื้นจนพื้นบ้านสั่นสะเทือน เสียงจากการต่อสู้ดุเดือดน่ากลัวไม่แพ้เสียงลมและฝนที่กระหน่ำลงมา

“ขโมย...ขโมยขึ้นบ้าน เรียกลุงคนเฝ้าบ้านมาเร็ว รุริโกะ...รุริโกะ”

นายโชดะคงใกล้จะเสียเปรียบคู่ต่อสู้ จึงตะโกนสั่งเสียงหลง

รุริโกยังจับต้นชนปลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันไม่ถูกจึงได้แต่ยืนตะลึงอยู่กลางห้องในความมืดมิด ความรู้สึกของเธอสับสนเพราะกำลังโล่งใจที่หลุดรอดจากอันตรายมาได้อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาเผชิญกับอันตรายอีกครั้งโดยคราวนี้ยิ่งหวาดผวาขึ้นไปอีกเพราะไม่รู้เลยว่ามันคืออะไรกันแน่

พอได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากนายโชดะ สำนึกแรกของรุริโกะคือต้องช่วย แต่เพียงอึดใจหนึ่งต่อมาเธอกลับรู้สึกสะใจที่อยู่ ๆ ก็มีคนลึกลับเข้ามาช่วยให้เธอรอดพ้นเงื้อมมือสัตว์ป่าที่จู่โจมเข้าขย้ำเธอมาได้อย่างหวุดหวิด

การต่อสู้ยังยืดเยื้อ เสียงดังตึงตังโครมครามอย่างดุเดือด

“รุริโกะ...รุริโกะ เรียกคนมาช่วยที เร็วเข้า”

เสียงของนายโชดะที่เรียกให้ช่วย แหบพร่าขึ้นเหมือนคนที่กำลังหายใจไม่ออก การต่อสู้ภายในใจของรุริโกะก็รุนแรงเกือบไม่แพ้กัน ระหว่างความเกลียดชังซึ่งทำให้อยากเห็นนายโชดะทุกข์ทรมานยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป อยากใช้โอกาสที่ได้มาอย่างไม่คาดฝันนี้แก้แค้นให้ศัตรูของเธอทุกข์ทรมานยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป กับมโนธรรมของความเป็นมนุษย์ที่ต้องช่วยเหลือผู้ที่กำลังได้รับอันตราย

ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้นเอง รุริโกะก็ได้ยินเสียงนายโชดะหอบเหมือนคนถูกเค้นคอ

“หายใจไม่ออก โอ๊ย...มันกำลังจะฆ่าฉัน ช่วยด้วย”

เมื่อได้ยินเสียงนายโชดะร้องครวญครางอย่างคนสิ้นท่าเช่นนั้น รุริโกะก็อดที่จะรู้สึกเวทนาไม่ได้ เธอตั้งสติได้อีกครั้ง วิ่งไปที่ห้องครัวแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่น

“ลุง...ลุง ช่วยด้วย ขโมยขึ้นบ้าน มาเร็ว ๆ ช่วยด้วย”

รุริโกะกรีดเสียงก้องไปในความมืด แต่ทันทีที่กรีดเสียงออกไปนั้นเองจิตของเธอก็กระหวัดไปถึงนะโอะยะชายคนรัก นะโอะยะตั้งใจมายิงนายโชดะแต่กระสุนพลาดไปโดนมินะโกะ แต่ก็รอดพ้นจากการตกเป็นจำเลยข้อหาพยายามฆ่าคนตายมาได้ ก็เพราะนายโชดะไม่เอาเรื่องฟ้องร้องเพราะเห็นแก่ท่านบิดาของชายหนุ่ม นะโอะยะอับอายที่ต้องยอมให้ศัตรูมามีบุญคุณกับตนเช่นนั้นจนอยากตายไปเสียให้พ้น ๆ

รุริโกะได้ยินข่าวลือว่าคนรักของเธอตัดสินใจทิ้งการเรียนและเตรียมตัวออกเดินทางไปทำงานที่สวนยางของญาติห่าง ๆ ที่เกาะบอร์เนียว แต่จะเป็นไปได้ไหมที่คนมุทะลุอย่างคนรักของเธอคนนี้จะเปลี่ยนใจจากการหนีหน้าไปให้พ้นปัญหา หวนกลับมาล้างแค้นศัตรูในคืนวันพายุใหญ่เช่นนี้

การจู่โจมเช่นนั้นไม่น่าเป็นการกระทำของโจรหรือขโมย และถ้าคน ๆ นั้นเป็นนะโอะยะจริง ๆ แม้เขาจะปราบนายโชดะลงได้ดังใจ ชีวิตที่เขายอมสละให้เธอแล้วครึ่งหนึ่งนั้น คราวนี้มันจะไม่เหลืออะไรเลยไปตลอดชีวิต

พอคิดได้เช่นนี้ รุริโกะก็หมดเสียงที่จะตะโกนเรียกคนมาช่วย และยืนนิ่งขึงอยู่ตรงนั้นเอง

หญิงคนใช้ได้ยินเสียงเอะอะของรุริโกะ และพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ช่วยกันตะเบ็งเสียงเรียกพ่อเฒ่าคนเฝ้าบ้านกันขรม
ชายหาดฮะยะมะยามเย็น
4

พอพ่อเฒ่าคนเฝ้าบ้านได้ยินเสียงตะโกนขรมถมเถของสาวใช้แกก็ตกใจรีบวิ่งมาที่เรือนใหญ่ พร้อมกับฉวยปืนล่าสัตว์เก่าแก่ติดมือมาด้วยเพราะจับความได้ว่ามีขโมยขึ้นบ้าน พอมาถึงห้องครัวแกก็รีบหยิบตะเกียงบนชั้นมาจุดให้สว่างขึ้น แล้วเดินนำด้วยท่าทางองอาจไปที่ห้องใหญ่ที่ถูกลมและฝนพัดกระหน่ำจนอยู่ในสภาพเหมือนกลางแจ้ง พ่อเฒ่าแม้จะอายุเลยหกสิบแล้วแต่ความที่เป็นชาวทะเลมาตั้งแต่เกิดร่างกายจึงยังแข็งแรงอยู่มาก

รุริโกะหวั่นใจขึ้นมาทันทีว่าถ้าคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับนายโชดะเป็นนะโอะยะจริง คู่รักของเธออาจถูกพ่อเฒ่าใจเด็ดคนนี้ยิงเอาได้ จะพูดจาเป็นเชิงไม่ให้พ่อเฒ่าใช้ปืนก็ไม่ได้เพราะคน ๆ นั้นอาจเป็นโจรจริง ๆ เธอก็เลยพูดอะไรไม่ออกนอกจากเดินตามผู้เฒ่าไป โดยทิ้งหญิงรับใช้ยืนตัวสั่นอยู่ในครัว

ห้องใหญ่ถูกลมและฝนทำลายจนอยู่ในสภาพย่อยยับไปทั่ว หน้าตากระจกถูกลมหอบแตกกระจายไปสามบาน พื้นเสื่อทาทามิเปียกน้ำเป็นประกายสะท้อนแสงตะเกียงอยู่วาววาม ไม้บุเพดานห้องเสียดสีกันดังน่ากลัวราวกับว่าจะถูกลมพัดกระเจิงไปในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

พ่อเฒ่ายกตะเกียงส่องไปข้างหน้า ส่งเสียงเรียกนำเข้าไปก่อนว่า

“นายขอรับ นาย คิทะโรมาแล้วขอรับ”

ไม่มีเสียงตอบจากนายโชดะ นอกจากเสียงครางเบา ๆ ที่น่าจะเป็นเสียงของเขาเท่านั้น

“นายขอรับ ทำใจดี ๆ ไว้”

พ่อเฒ่าผลุนผลันเข้าไปในห้องทันที แสงจากตะเกียงส่องให้เห็นนายโชดะนอนหงาย ครวญครางอยู่กลางห้อง

“นายขอรับ ทำใจดี ๆ ไว้ คิทะโรมาแล้ว ไอ้หัวขโมยอยู่ไหนขอรับ”

พ่อเฒ่าคิทะโรปราดเข้าไปตะโกนถามเสียงดังที่ข้างหู แต่นายโชดะได้แต่ครางเสียงต่ำเหมือนคนกำลังหอบหืด

“นายได้รับบาดเจ็บตรงไหน ตรงไหน ขอรับ”

พ่อเฒ่าว่าพลางใช้มือใหญ่กร้านหนาคลำไปตามตัวเจ้านายของแกจนทั่วแต่ก็ไม่พบบาดแผลอะไร ทว่าตาของนายโชดะเปิดอยู่เพียงครึ่ง ๆ และเหลือกขึ้นไปเห็นแต่ตาขาว

“แย่แล้วขอรับ คุณนาย แย่แล้ว”

แกร้องพร้อมกับพยุงร่างของนายโชดะให้ลุกขึ้นนั่ง ซึ่งทำได้ยากมากเพราะร่างใหญ่โตนั้นดูไม่มีเรี่ยวแรงเอาเลย จนทำให้หนักราวกับก้อนหิน รุริโกะตกใจร้องเรียกเสียงสั่น

“คุณ คุณ เป็นอะไรไป คุณ”

เธอก้มหน้าลงไปที่หน้าอกของสามีแต่ในนามแล้วร้องเรียกเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าลมหายใจของนายโชดะจะ ค่อย ๆ ขาดหายไป

รุริโกะหันไปสั่งหญิงรับใช้ที่เดินเข้ามาใกล้อย่างกลัว ๆ กล้า ๆ ด้วยเสียงที่มั่นคงชัดเจน

“รีบไปหยิบขวดบรั่นดีมาเดี๋ยวนี้เลย ส่วนเธอไปโทรศัพท์เรียกคุณโยะชิคะวะให้มาที่นี่โดยด่วน บอกว่านายท่านอาการหนัก ไปเร็วเลย”

 หญิงรับใช้คนหนึ่งหยิบขวดบรั่นดีมาให้ทันใจ รุริกีบรินใส่ถ้วยแล้วกรอกเข้าปากนายโชดะอย่างตั้งอกตั้งใจ หน้า
ซีดขาวของชายร่างใหญ่ค่อยแดงเรื่อขึ้น ตาเหลือกกลับลงมาดูมีแววขึ้นบ้าง

“นายขอรับ นาย มันเป็นใคร หัวขโมยหรือขอรับ แล้วมันหนีไปทางไหน”

พ่อเฒ่าคาดคั้นด้วยความตั้งใจที่จะออกไปจับศัตรูของเจ้านายมาให้ได้

นายโชดะดูเหมือนจะได้ยินเสียงตะโกนถามดังลั่นนั้นด้วยสติที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เขาขยับริมฝีปากเหมือนต้องการบอกอะไรสักอย่าง

“อะไรคะ คุณอยากบอกอะไรหรือ”

รุริโกะร้องถามเสียงดัง

ตอนนั้นเอง ที่ทุกคนในห้องได้ยินเสียงใครคนหนึ่งหัวเราะเสียงแหลมสูงราวกับปีศาจ ดังมาจากมุมห้องที่มืดสลัวทางด้านโน้นของห้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น