บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
4
“ขับรถฝ่าพายุพัดจัดตอนกลางคืนแบบนี้อันตรายมากนะเจ้าคะ คุณท่านน่าจะพักเสียที่โรงแรมแถวสถานีรถไฟจะดีกว่า”
สาวใช้เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงนายของหล่อนขณะที่รุริโกะภาวนาในใจขอให้นายโชดะหาทางกลับมาให้ได้เพราะหวังที่จะได้คนแข็งแรงมีพลังวังชาอย่างเขาเป็นที่พึ่งในยามคับขันเช่นนี้ แม้ว่าตามปกติแค่เห็นหน้าก็รู้สึกปวดมวนในท้องเสียแล้วก็ตาม
หลังอาทิตย์ตกดินพายุยิ่งโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีก ทะเลปั่นปวนเสียงคลื่นสูงซัดฝั่งดังครืนครานประสานกับเสียงฟ้าคะนองไม่ขาดสาย บางคราวซัดเข้ามาจนถึงโคนฐานดินของบ้านพัก
“พอน้ำทะเลขึ้นเต็มที่ คลื่นอาจสูงกว่านี้อีกก็ได้นะขอรับ”
พ่อเฒ่าคนเฝ้าบ้านที่ออกไปดูลาดเลากลับเข้ามารายงานด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“อย่าบอกนะลุงว่าจะเป็นเหมือนคราวที่โดนพายุใหญ่คราวที่แล้ว”
หญิงรับใช้ถามเสียงสั่น ทุกคนยังไม่ลืมความร้ายกาจของพายุใหญ่เมื่อวันที่หนึ่งตุลาคมซึ่งผ่านมายังไม่ถึงเดือน พายุครั้งนั้นจู่โจมเข้ามาที่บริเวณร่องน้ำเขตฟุคะงะวะฮนโจของโตเกียวคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก อีกทั้งบ้านพักตากอากาศบนฝั่งทะเลหลายจุดของหาดโชนันพังทะลายเสียหายไปหลายหลังคาเรือน
“ฉันก็ไม่อยากให้มันร้ายแรงถึงขนาดนั้นหรอกนะ แต่ดูโมงยามที่เกิดพายุกับทิศทางลมแล้วออกจะคล้ายกันมากอยู่”
พ่อเฒ่าพูดพลางเอียงคอนิด เหมือนขู่ให้รุริโกะกับสาวใช้กลัว
ฝนที่เริ่มลงเม็ดเมื่อหัวค่ำเทลงมาห่าใหญ่จนราวกับหมดฟ้า รุริโกะยิ่งใจฝ่อลงไปอีก พายุโหมกระหน่ำจนบ้านสั่นสะเทือนราวกับจะถอนรากถอนโคนไปในนาทีใดนาทีหนึ่ง แล้วทันใดนั้นเองไฟฟ้าก็ดับวูบลง ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีอะไรจะทำให้ใจเสียมากไปกว่าไฟดับอีกแล้ว สาวใช้ใช้มือคลำไปในความมืดมิดจนได้ตะเกียงแบบฝรั่งมาดวงหนึ่งจึงจุดไฟให้สว่างขึ้น แต่ความสลัวลางของตะเกียงทำให้รุริโกะยิ่งรู้สึกหมดกำลังใจ
รุริโกะกับสาวใช้นั่งจับเจ่าอยู่ในแสงสลัวของตะเกียง ขณะที่ลมแรงปั่นป่วนราวบ้าคลั่งอยู่บนฟ้าและคลื่นใหญ่ในทะเลโหมตัวเข้ากระทบฝั่งด้วยพลังมหาศาล
นานเท่านาน ลมพายุที่ไม่แสดงทีท่าว่าจะสงบลงเลยนั้นกลับหึกเหิมขึ้นอีกเมื่อได้ฝนที่กระหน่ำลงมาเพิ่มพลังจนแทบจะหมดฟ้า ยามนี้ดูเหมือนลม ฝน ฟ้าจะรวมพลังกันถล่มทำลายทุกสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากีดขวางธรรมชาติ ถล่มทำลายบ้านหลังนี้ให้สิ้นซาก
ทุกคนได้ยินเสียงอะไรตรงไหนสักแห่งที่นอกบ้านตกลงแตกกระจาย ตามมาด้วยเสียงที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงกันสาดด้านที่หันออกไปทางทะเลถูกพายุตีกระเจิงอยู่กับที่ ตัวบ้านสั่นสะเทือนส่งเสียงเอียดอาดไปทั้งหลัง รุริโกะผลุดลุกขึ้นยืนเพราะหมดความอดทนที่จะนั่งวางท่าสงบสติอารมณ์อยู่ต่อไป
“เราจะทำยังไงกันดีเธอ ไม่ต้องรีบอพยพหนีภัยรึ”
รุริโกะถามสาวใช้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะเป็นผู้หญิงที่กล้าต่อปากต่อคำกับผู้คนอย่างอาจหาญปานใด เมื่อต้องเผชิญกับความโหดร้ายของธรรมชาติเช่นนี้ ไม่ใครก็ใครเป็นต้องกลายเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอเปราะบางคนหนึ่งเท่านั้น
สาวใช้หน้าซีดไปอีกคน หล่อนตะโกนเรียกพ่อเฒ่าคนเฝ้าบ้านเสียงดังลั่น แต่ก็ไม่ได้ยินไปถึงบ้านพักคนเฝ้าบ้านเพราะถูกเสียงลมและฝนกลบเสียหมด
เสียงกันสาดถูกลมพัดกระเจิงยังดังอยู่เป็นระยะ ๆ และทุกครั้งบ้านก็จะไหวเยือกเหมือนกับจะถูกลมหอบไปในวินาทีนั้น
ขณะที่หัวอกหัวใจของรุริโกะกำลังดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความหวาดกลัวพยายามตะเกียกตะกายคิดหาฟางเส้นสุดท้ายที่จะคว้าไว้เป็นที่พึ่งนั้นเอง หูของเธอก็แว่วเสียงแหลมของแตรรถยนต์ดังกังวานแหวกเสียงลมและฝนที่กำลังกระหน่ำฝ่าความมืดมิดใกล้เข้ามา
“อ๊ะ กลับมาแล้ว”
รุริโกะลืมตัวอุทานออกมาเสียงดังด้วยความดีใจ ใครที่ได้ยินได้ฟังเสียงของเธอจำปฏิเสธไม่ได้เลยว่านั่นเป็นเสียงของภรรยาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและเชื่อถือที่มีต่อสามี
5
เสียงแตรรถยนต์ดังกังวานไม่แพ้เสียงลมและฝนดังใกล้เข้ามาทุกที จนกระทั่งมาถึงหน้าประตูรั้วแสงไฟหน้ารถส่องสว่างเป็นลำจับสายฝนสะท้อนแสงระยิบระยับราวเส้นด้ายสีเงินทิ้งตัวลิ่วๆตามกันลงมาเป็นสาย
รุริโกะกับสาวใช้วิ่งปราดไปที่ห้องโถงทางเข้าบ้านราวกับถูกลำแสงจากไฟหน้ารถยนต์คันนั้นดึงดูด
ใบหน้ากว้างใหญ่แดงเรื่อของนายโชะเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มขณะก้าวลงจากรถอย่างไม่ใส่ใจกับพายุฝนที่กระหน่ำไม่ขาดสาย ท่าทางของเขาดูเหมือนจะเมานิด ๆ
“กลับมาแล้วหรือคะคุณ พายุหนักแบบนี้ถนนหนทางคงจะลำบากหน้าดู”
สำเนียงของรุริโกะไม่ได้ราบเรียบเย็นชาอย่างเคย แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง
“อะไรกัน ลมพายุแค่นี้เองไม่เห็นจะเป็นไร ห่วงแต่ว่าเธอคงจะตกใจกลัวจนหน้าซีดไปเท่านั้น ก็พายุใหญ่เมื่อเดือนที่แล้วมักรุนแรงเหลือเกิดนจนทำให้ใคร ๆ ตกใจกลัวกันไปหมดนึกว่าจะโดนซ้ำอีกในคราวนี้ เพื่อนที่ขึ้นรถไฟมาด้วยกันแล้วแยกลงที่คะมะคุระ ยังชวนให้ค้างที่นั่นสักคืนเพราะพายุจัดอย่างนี้ขับรถถนนจากสถานีกลับบ้านคงจะขับรถลำบาก แต่ฉันก็ห่วงทางนี้ก็เลยบอกเขาว่ายัง ๆ ก็ต้องกลับฮะยะมะให้ได้ ก็เลยโดยแซวว่ามีเมียสาวสวยก็อย่างนี้แหละ ฮะ ฮะ ฮะ...”
นายโชดะหัวเราะเสียงลั่นอย่างอารมณ์ดีแข่งกับเสียงพายุฝน เมื่อเห็นท่าทีอันห้าวหาญของชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนกำลังท้าทายการคุกคามของธรรมชาติที่กำลังพิโรธอย่างไม่พรั่นพรึง รุริโกะก็ใจชื้นขึ้นด้วยความรู้สึกเชื่อถือเขาขึ้นมาอย่างจับใจโดยไม่รู้ตัวใจ นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกถึงความเข้มแข็งของผู้ชาย
“ดิฉันกำลังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี กันสาดถูกพายุพัดกระเจิงไปหมด”
ตาคู่งามของรุริโกะยังฉายแววกังวลอยู่เต็มเปี่ยม
“อะไรกัน ไม่เอาละ เลิกกลัวได้แล้ว ตอนเกิดพายุใหญ่เมื่อวันที่หนึ่งตุลาคมนั่น เขื่อนกั้นน้ำทะเลพังไปนิดเดียวเอง แล้วก็พายุใหญ่ขนาดนั้นไม่เข้ามาสองหาสามหนติดต่อกันหรอก ไม่ต้องกลัว”
นายโชดะเดินตามรุริโกะเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงอย่างแรงบนโซฟา พายุโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีกราวกับจะหักล้างคำพูดอันอหังการของชายร่างใหญ่ คราวนี้พัดเข้ามากระทบบานหน้าต่างกันฝนที่ปิดสนิทอยู่อย่างจังจนเกิดเสียงไม้กระทบกันดังสนั่นเหมือนกับจะปลิวกระเด็นออกไปในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ช่วยเตรียมสาเกให้หน่อยได้ไหม คืนอย่างนี้ต้องดื่มย้อมใจเพื่อจะได้สู้กับพายุฝนให้อยู่หมัด ฮะ ฮะ ฮะ...”
นายโชดะบอกกับรุริโกะที่กำลังปิดหูให้ไม่ได้ยินเสียงพายุฝนที่บ้าคลั่งขึ้นอีก
พอรุริโกะเตรียมเหล้าสาเกมาให้พร้อมแล้วนายโชดะก็รินใส่จอกเล็ก ๆ จิบไปพลางเงี่ยหูฟังเสียงพายุฝน
“ดิฉันอยากให้คุณกลับมาเร็ว ๆ เพราะใจไม่ดีเลยที่ไม่มีผู้ชายคอยช่วยเหลือ จริง ๆ นะคะ”
“ฮะ ฮะ ฮะ นี่คงเป็นคืนแรกซินะที่รุริโกะคอยฉันด้วยใจจริง”
ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างคนที่กำลังอารมณ์ดี”
“แหม ดิฉันคอยคุณด้วยใจจริงทุกวันนะคะ”
ความโล่งใจทำให้รุริโกะพูดอะไร ๆ แบบนั้นออกมาได้คล่องปาก
“ไม่รู้เหมือนกันนะ เธอน่าจะคิดว่า...ตาลุงไม่ต้องรีบ กลับช้าเท่าไรได้เป็นดี มากกว่าละมัง ฮะ ฮะ ฮะ...”
คืนนี้ดูเหมือนนายโชดะจะให้ความอบอุ่นและอ่อนโยนต่อรุริโกะเป็นพิเศษ
“ก็ไม่แปลกหรอกน่ะที่ใจจริงของรุริโกะจะเกลียดฉัน ไม่แปลกอะไรเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ธรรมดาจริง ๆ...แต่แรกฉันเองก็ไม่อยากผูกมัดคนที่เกลียดฉันเอาไว้เป็นเมียแต่ในนามนักหรอกนะ เพราะรู้ว่าการทำอย่างนั้นมันเป็นบาปเป็นกรรมที่น่ากลัวแค่ไหน แต่ว่าพอได้แต่งงานกับเธอแล้วมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแม้ว่าจะเพียงในนาม...พอได้เธอมาอยู่ใกล้ ๆ เท่านั้นแหละ ฉันก็ไม่อยากห่างเธอเลยจนวันตาย ใช่ไม่อยากจากเธอจนวันตายเลยทีเดียวนะ”
นายโชดะพร่ำพรรณนา ดูเหมือนว่าจะด้วยฤทธิ์เหล้าสาเกที่ดื่มเข้าไปมากพอดู
6
พายุไม่คลายความคึกคะนองขณะที่ฝนกระหน่ำรุนแรงขึ้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่นายโชดะไม่ใส่ใจกับเสียงอื้ออึงภายนอกเลยแม้แต่น้อย เขาจิบเหล้าสาเกที่รุริโกะคอยรินเติมให้พลางพูดต่อไปด้วยอารมณ์ที่กำลังเพริดแพร้ว
“พูดง่าย ๆ ก็คือ ฉันหลงรักเธอจนสุดหัวใจแล้วรุริโกะ ปีนี้ฉันอายุ 45 แล้วแต่ขอบอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยทำให้ใจฉันหวั่นไหวอย่างนี้มาก่อน แม่ของคะสึฮิโกะกับมินะโกะก็ไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับฉันตามประเพณีที่ผู้ใหญ่จัดแจงให้เท่านั้น แล้วยังพวกผู้หญิงในบ้านที่ฉันถือว่าจ้างมาก็ไม่ได้ใจฉันไปเลยสักคน ฉันยอมรับว่าพอมีเงินขึ้นมา ฉันก็ใช้เงินไปกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่ทุกคนไม่มีความหมายเกินไปกว่าของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว สำหรับฉัน ผู้หญิงไม่ผิดอะไรกับเหล้าหรือไม่ก็บุหรี่ที่ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของพวกผู้ชายอย่างเราที่ต้องทำงานมาทั้งวัน แต่ความคิดทั้งหมดของฉันแหลกสลายไปสิ้นในวินาทีแรกที่ได้พบกับเธอ...รุริโกะ และเมื่อได้ใกล้ชิดก็รู้สึกได้มันทีว่าเธอไม่ใช่เป็นผู้หญิงที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับผู้ชาย แต่เป็นผู้หญิงที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นตัวของเธอเอง รุริโกะไม่ใช่ผู้หญิงที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นของเล่นของผู้ชาย แต่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีอำนาจเหนือผู้ชาย ฉันคิดเช่นนั้นจริง ๆ นะรุริโกะ
พร้อมกันนั้น ความที่เคยดูหมิ่นดูแคลนเธอในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หมดไป ตรงกันข้ามกลับมีอะไรอย่างหนึ่งที่เหมือนกับความเคารพนับถือเริ่มหยั่งรากลงไปในใจของฉัน
ตอนแต่งงาน ฉันบอกตรง ๆ เลยว่าฉันรู้สึกเคียดแค้นอยู่ในใจ...นางเด็กเมื่อวานซืน อยากเกลียดฉันได้ก็เกลียดไป วันหนึ่งเถอะจะเอาคืนให้สมแค้น....ฉันคิดเช่นนั้นจริง ๆ แต่มาถึงตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว และจะให้ฉันก้มหัวให้ รุริโกะกี่ครั้งก็จะยอม ฉันเริ่มคิดได้แล้วว่า จะต้องก้มหัวกี่ครั้งก็ยอมเพื่อให้ได้ความรักจากรุริโกะ ว่ายังไงรุริโกะ...เธอเข้าใจความรู้สึกของฉันมากขึ้นสักนิดหนึ่งแล้วหรือยัง”
นายโชดะหยุดนิดหนึ่ง แม้ว่าจะเมาแต่สีหน้าของเขาแสดงความจริงจังอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รุริโกะคิดว่าที่ชายร่างใหญ่ผู้นี้ต้องอาศัยสุราย้อมใจให้มีความกล้าสารภาพรักกับเธอ
“ฉันคิดมาตลอดว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะมีอำนาจเหนือกว่าเงิน ถ้ามีเงินแล้วฉันจะทำทุกอย่างได้ดังใจ และคิดว่าการที่ได้เธอมาเป็นภรรยาก็เพราะเงินตัวเดียว คิดว่าที่ได้สาวสวยสูงศักดิ์อย่างเธอมาเป็นคู่ครองสมใจก็เพราะฉันมีเงิน แต่ฉันคิดผิดไปถนัด ฉันคิดผิดที่ว่าฉันซื้อรุริโกะได้ด้วยเงิน เพราะเงินของฉันซื้อได้แต่ภรรยาในนาม ซึ่งมันทำให้ฉันต้องทุกข์ทรมานที่แม้จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เป็นเจ้าของตัวเธออย่างที่สามีควรจะเป็น
ยิ่งกว่านั้น การรักเธอข้างเดียวไม่ได้ช่วยให้ฉันทำอะไรได้อย่างอิสระ ฉันเห็นท่าทีที่รุริโกะปฏิบัติต่อฉันแล้วก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่า ถึงจะเอาทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดมากองให้ ก็ไม่สามารถซื้อใจรุริโกะได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว แต่ถึงจะเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วเช่นนั้นฉันก็ยังไม่อาจตัดใจจากรุริโกะได้ แต่ฉันคิดได้แล้วว่าฉันจะใช้ใจจริงของฉันซื้อสิ่งที่เงินของฉันซื้อไม่ได้...ไม่เอาละฉันจะไม่ใช้คำว่าซื้ออีกแล้ว ฉันคิดถึงขนาดที่จะคุกเข่าลงตรงหน้าเธอและอ้อนวอนขอสิ่งที่ฉันซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ใช่ฉันจะต้องทำอย่างนั้น เพราะฉันจะอยู่ต่อไปไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวถ้าไม่มีรุริโกะ”
คำพูดของชายร่างใหญ่ร้อนแรงราวกับชายหนุ่มกำลังสารภาพรักหญิงสาว บนใบหน้าใหญ่แดงเรื่อของเขาเปี่ยมไปด้วยความจริงใจไม่แฝงร่องรอยของความหลอกลวงให้ตายใจแม้แต่นิดเดียว ตาใหญ่ของนายโชดะจับจ้องมาที่ใบหน้าของรุริโกะไม่เว้นวาง ถ้าเป็นสายตาที่แสดงความเป็นปรปักษ์แล้วละก็รุริโกะจะต้องจ้องตอบอย่างไม่มีวันยอมแพ้ แต่คราวนี้รุริโกะคงทนความร้อนแรงไปด้วยไฟรักของดวงตาใหญ่คู่นั้นไม่ได้ จึงต้องก้มหน้าหลบลงไป
“รุริโกะ เข้าใจความรู้สึกของฉันขึ้นมาสักนิดหนึ่งไหม”
นายโชดะส่งเสียงหนักแน่นทรงพลังเข้าไปถามถึงใจของรุริโกะ
7
เมื่อฟังคำพูดที่เหมือนคำสารภาพจากใจจริงของนายโชดะซึ่งแม้จะต้องยืมพลังจากสุราแล้ว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าชายร่างใหญ่ผู้เคยมีแต่ความกักขฬะหยาบช้า ชายผู้ไร้ซึ่งศีลธรรมจรรยา ชายผู้มีจิตใจต่ำช้าที่หมดหนทางที่จะเยียวยาผู้นี้ ก็มีความดีและมีความอ่อนแอที่มนุษย์คนหนึ่งพึงมีเช่นกัน
นายโชดะผู้มีความมั่นใจเด็ดเดี่ยวว่าเงินมีอำนาจเหนือทุกสิ่งนั้น บัดนี้ต้องยอมรับแล้วว่าในโลกนี้มีสิ่งที่เงินไม่อาจซื้อได้ เขาสารภาพว่าเงินไม่สามารถซื้อความรักของคน ๆ หนึ่งได้แม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่ง บัดนี้เขาสำนึกผิดแล้วและก้มศีรษะขอความรักต่อหน้ารุริโกะ
ศัตรูยอมแพ้แล้ว ศัตรูยอมแพ้ง่ายดายเหลือเกิน
รุริโกะอดที่จะตะโกนดัง ๆ อยู่ในใจไม่ได้
“รุริโกะ ฉันขอร้อง ฉันเสียใจที่ทำบาปมาตั้งแต่ต้นแต่ฉันอยากขอร้อง ขอร้องให้เธอเป็นภรรยาของฉันด้วยใจจะได้ไหม เธอจะลบล้างการแต่งงานหลอก ๆ ที่ผ่านมาด้วยใจจริงของฉันได้ไหม ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อชำระล้างการแต่งงานของเราให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง จะให้ฉันสละทรัพย์สมบัติจนหมดสิ้น สละร่างกายหรือแม้แต่ชีวิตก็ได้ ฉันยอมสละทุกอย่างหากเธอมอบความรักและความเชื่อถือให้ฉันในฐานะที่เป็นสามีของเธอ
ตอนที่ฉันลงจากรถเมื่อกี้และเห็นหน้ารุริโกะ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกมีความสุขตั้งแต่แต่งงานกันมา เพราะวันนี้เธอออกมาต้อนรับฉันด้วยใจจริง ฉันมีความสุขกับการแต่งงานเป็นครั้งแรกเมื่อเห็นยิ้มของเธอที่เป็นยิ้มจากใจจริงแต่พอมาคิดอีกที ก็เข้าใจว่าการที่รุริโกะออกมาต้อนรับฉันด้วยความดีใจนั้นไม่ได้ดีใจในฐานะที่ฉันเป็นสามี แต่ดีใจในฐานะที่ฉันเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งจำเป็นสำหรับค่ำคืนที่ฝนฟ้าน่ากลัวเช่นนี้ต่างหาก พอคิดเช่นนั้นฉันรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที ฉันทำบาปหนักที่ใช้อุบายชั่วร้ายเพื่อให้เธอมาเป็นภรรยา รุริโกะ...เธอช่วยให้โอกาสฉันใช้ใจจริงล้างบาปที่ทำไว้กับเธอให้หมดด้วยเถิด”
นายโชดะยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนฤทธิ์สุราทำให้บ้าคลั่ง แต่ก็พอที่จะทำให้จิตใจของรุริโกะหวั่นไหวไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
4
“ขับรถฝ่าพายุพัดจัดตอนกลางคืนแบบนี้อันตรายมากนะเจ้าคะ คุณท่านน่าจะพักเสียที่โรงแรมแถวสถานีรถไฟจะดีกว่า”
สาวใช้เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงนายของหล่อนขณะที่รุริโกะภาวนาในใจขอให้นายโชดะหาทางกลับมาให้ได้เพราะหวังที่จะได้คนแข็งแรงมีพลังวังชาอย่างเขาเป็นที่พึ่งในยามคับขันเช่นนี้ แม้ว่าตามปกติแค่เห็นหน้าก็รู้สึกปวดมวนในท้องเสียแล้วก็ตาม
หลังอาทิตย์ตกดินพายุยิ่งโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีก ทะเลปั่นปวนเสียงคลื่นสูงซัดฝั่งดังครืนครานประสานกับเสียงฟ้าคะนองไม่ขาดสาย บางคราวซัดเข้ามาจนถึงโคนฐานดินของบ้านพัก
“พอน้ำทะเลขึ้นเต็มที่ คลื่นอาจสูงกว่านี้อีกก็ได้นะขอรับ”
พ่อเฒ่าคนเฝ้าบ้านที่ออกไปดูลาดเลากลับเข้ามารายงานด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“อย่าบอกนะลุงว่าจะเป็นเหมือนคราวที่โดนพายุใหญ่คราวที่แล้ว”
หญิงรับใช้ถามเสียงสั่น ทุกคนยังไม่ลืมความร้ายกาจของพายุใหญ่เมื่อวันที่หนึ่งตุลาคมซึ่งผ่านมายังไม่ถึงเดือน พายุครั้งนั้นจู่โจมเข้ามาที่บริเวณร่องน้ำเขตฟุคะงะวะฮนโจของโตเกียวคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก อีกทั้งบ้านพักตากอากาศบนฝั่งทะเลหลายจุดของหาดโชนันพังทะลายเสียหายไปหลายหลังคาเรือน
“ฉันก็ไม่อยากให้มันร้ายแรงถึงขนาดนั้นหรอกนะ แต่ดูโมงยามที่เกิดพายุกับทิศทางลมแล้วออกจะคล้ายกันมากอยู่”
พ่อเฒ่าพูดพลางเอียงคอนิด เหมือนขู่ให้รุริโกะกับสาวใช้กลัว
ฝนที่เริ่มลงเม็ดเมื่อหัวค่ำเทลงมาห่าใหญ่จนราวกับหมดฟ้า รุริโกะยิ่งใจฝ่อลงไปอีก พายุโหมกระหน่ำจนบ้านสั่นสะเทือนราวกับจะถอนรากถอนโคนไปในนาทีใดนาทีหนึ่ง แล้วทันใดนั้นเองไฟฟ้าก็ดับวูบลง ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีอะไรจะทำให้ใจเสียมากไปกว่าไฟดับอีกแล้ว สาวใช้ใช้มือคลำไปในความมืดมิดจนได้ตะเกียงแบบฝรั่งมาดวงหนึ่งจึงจุดไฟให้สว่างขึ้น แต่ความสลัวลางของตะเกียงทำให้รุริโกะยิ่งรู้สึกหมดกำลังใจ
รุริโกะกับสาวใช้นั่งจับเจ่าอยู่ในแสงสลัวของตะเกียง ขณะที่ลมแรงปั่นป่วนราวบ้าคลั่งอยู่บนฟ้าและคลื่นใหญ่ในทะเลโหมตัวเข้ากระทบฝั่งด้วยพลังมหาศาล
นานเท่านาน ลมพายุที่ไม่แสดงทีท่าว่าจะสงบลงเลยนั้นกลับหึกเหิมขึ้นอีกเมื่อได้ฝนที่กระหน่ำลงมาเพิ่มพลังจนแทบจะหมดฟ้า ยามนี้ดูเหมือนลม ฝน ฟ้าจะรวมพลังกันถล่มทำลายทุกสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากีดขวางธรรมชาติ ถล่มทำลายบ้านหลังนี้ให้สิ้นซาก
ทุกคนได้ยินเสียงอะไรตรงไหนสักแห่งที่นอกบ้านตกลงแตกกระจาย ตามมาด้วยเสียงที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงกันสาดด้านที่หันออกไปทางทะเลถูกพายุตีกระเจิงอยู่กับที่ ตัวบ้านสั่นสะเทือนส่งเสียงเอียดอาดไปทั้งหลัง รุริโกะผลุดลุกขึ้นยืนเพราะหมดความอดทนที่จะนั่งวางท่าสงบสติอารมณ์อยู่ต่อไป
“เราจะทำยังไงกันดีเธอ ไม่ต้องรีบอพยพหนีภัยรึ”
รุริโกะถามสาวใช้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะเป็นผู้หญิงที่กล้าต่อปากต่อคำกับผู้คนอย่างอาจหาญปานใด เมื่อต้องเผชิญกับความโหดร้ายของธรรมชาติเช่นนี้ ไม่ใครก็ใครเป็นต้องกลายเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอเปราะบางคนหนึ่งเท่านั้น
สาวใช้หน้าซีดไปอีกคน หล่อนตะโกนเรียกพ่อเฒ่าคนเฝ้าบ้านเสียงดังลั่น แต่ก็ไม่ได้ยินไปถึงบ้านพักคนเฝ้าบ้านเพราะถูกเสียงลมและฝนกลบเสียหมด
เสียงกันสาดถูกลมพัดกระเจิงยังดังอยู่เป็นระยะ ๆ และทุกครั้งบ้านก็จะไหวเยือกเหมือนกับจะถูกลมหอบไปในวินาทีนั้น
ขณะที่หัวอกหัวใจของรุริโกะกำลังดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความหวาดกลัวพยายามตะเกียกตะกายคิดหาฟางเส้นสุดท้ายที่จะคว้าไว้เป็นที่พึ่งนั้นเอง หูของเธอก็แว่วเสียงแหลมของแตรรถยนต์ดังกังวานแหวกเสียงลมและฝนที่กำลังกระหน่ำฝ่าความมืดมิดใกล้เข้ามา
“อ๊ะ กลับมาแล้ว”
รุริโกะลืมตัวอุทานออกมาเสียงดังด้วยความดีใจ ใครที่ได้ยินได้ฟังเสียงของเธอจำปฏิเสธไม่ได้เลยว่านั่นเป็นเสียงของภรรยาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและเชื่อถือที่มีต่อสามี
5
เสียงแตรรถยนต์ดังกังวานไม่แพ้เสียงลมและฝนดังใกล้เข้ามาทุกที จนกระทั่งมาถึงหน้าประตูรั้วแสงไฟหน้ารถส่องสว่างเป็นลำจับสายฝนสะท้อนแสงระยิบระยับราวเส้นด้ายสีเงินทิ้งตัวลิ่วๆตามกันลงมาเป็นสาย
รุริโกะกับสาวใช้วิ่งปราดไปที่ห้องโถงทางเข้าบ้านราวกับถูกลำแสงจากไฟหน้ารถยนต์คันนั้นดึงดูด
ใบหน้ากว้างใหญ่แดงเรื่อของนายโชะเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มขณะก้าวลงจากรถอย่างไม่ใส่ใจกับพายุฝนที่กระหน่ำไม่ขาดสาย ท่าทางของเขาดูเหมือนจะเมานิด ๆ
“กลับมาแล้วหรือคะคุณ พายุหนักแบบนี้ถนนหนทางคงจะลำบากหน้าดู”
สำเนียงของรุริโกะไม่ได้ราบเรียบเย็นชาอย่างเคย แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง
“อะไรกัน ลมพายุแค่นี้เองไม่เห็นจะเป็นไร ห่วงแต่ว่าเธอคงจะตกใจกลัวจนหน้าซีดไปเท่านั้น ก็พายุใหญ่เมื่อเดือนที่แล้วมักรุนแรงเหลือเกิดนจนทำให้ใคร ๆ ตกใจกลัวกันไปหมดนึกว่าจะโดนซ้ำอีกในคราวนี้ เพื่อนที่ขึ้นรถไฟมาด้วยกันแล้วแยกลงที่คะมะคุระ ยังชวนให้ค้างที่นั่นสักคืนเพราะพายุจัดอย่างนี้ขับรถถนนจากสถานีกลับบ้านคงจะขับรถลำบาก แต่ฉันก็ห่วงทางนี้ก็เลยบอกเขาว่ายัง ๆ ก็ต้องกลับฮะยะมะให้ได้ ก็เลยโดยแซวว่ามีเมียสาวสวยก็อย่างนี้แหละ ฮะ ฮะ ฮะ...”
นายโชดะหัวเราะเสียงลั่นอย่างอารมณ์ดีแข่งกับเสียงพายุฝน เมื่อเห็นท่าทีอันห้าวหาญของชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนกำลังท้าทายการคุกคามของธรรมชาติที่กำลังพิโรธอย่างไม่พรั่นพรึง รุริโกะก็ใจชื้นขึ้นด้วยความรู้สึกเชื่อถือเขาขึ้นมาอย่างจับใจโดยไม่รู้ตัวใจ นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกถึงความเข้มแข็งของผู้ชาย
“ดิฉันกำลังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี กันสาดถูกพายุพัดกระเจิงไปหมด”
ตาคู่งามของรุริโกะยังฉายแววกังวลอยู่เต็มเปี่ยม
“อะไรกัน ไม่เอาละ เลิกกลัวได้แล้ว ตอนเกิดพายุใหญ่เมื่อวันที่หนึ่งตุลาคมนั่น เขื่อนกั้นน้ำทะเลพังไปนิดเดียวเอง แล้วก็พายุใหญ่ขนาดนั้นไม่เข้ามาสองหาสามหนติดต่อกันหรอก ไม่ต้องกลัว”
นายโชดะเดินตามรุริโกะเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงอย่างแรงบนโซฟา พายุโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีกราวกับจะหักล้างคำพูดอันอหังการของชายร่างใหญ่ คราวนี้พัดเข้ามากระทบบานหน้าต่างกันฝนที่ปิดสนิทอยู่อย่างจังจนเกิดเสียงไม้กระทบกันดังสนั่นเหมือนกับจะปลิวกระเด็นออกไปในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ช่วยเตรียมสาเกให้หน่อยได้ไหม คืนอย่างนี้ต้องดื่มย้อมใจเพื่อจะได้สู้กับพายุฝนให้อยู่หมัด ฮะ ฮะ ฮะ...”
นายโชดะบอกกับรุริโกะที่กำลังปิดหูให้ไม่ได้ยินเสียงพายุฝนที่บ้าคลั่งขึ้นอีก
พอรุริโกะเตรียมเหล้าสาเกมาให้พร้อมแล้วนายโชดะก็รินใส่จอกเล็ก ๆ จิบไปพลางเงี่ยหูฟังเสียงพายุฝน
“ดิฉันอยากให้คุณกลับมาเร็ว ๆ เพราะใจไม่ดีเลยที่ไม่มีผู้ชายคอยช่วยเหลือ จริง ๆ นะคะ”
“ฮะ ฮะ ฮะ นี่คงเป็นคืนแรกซินะที่รุริโกะคอยฉันด้วยใจจริง”
ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างคนที่กำลังอารมณ์ดี”
“แหม ดิฉันคอยคุณด้วยใจจริงทุกวันนะคะ”
ความโล่งใจทำให้รุริโกะพูดอะไร ๆ แบบนั้นออกมาได้คล่องปาก
“ไม่รู้เหมือนกันนะ เธอน่าจะคิดว่า...ตาลุงไม่ต้องรีบ กลับช้าเท่าไรได้เป็นดี มากกว่าละมัง ฮะ ฮะ ฮะ...”
คืนนี้ดูเหมือนนายโชดะจะให้ความอบอุ่นและอ่อนโยนต่อรุริโกะเป็นพิเศษ
“ก็ไม่แปลกหรอกน่ะที่ใจจริงของรุริโกะจะเกลียดฉัน ไม่แปลกอะไรเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ธรรมดาจริง ๆ...แต่แรกฉันเองก็ไม่อยากผูกมัดคนที่เกลียดฉันเอาไว้เป็นเมียแต่ในนามนักหรอกนะ เพราะรู้ว่าการทำอย่างนั้นมันเป็นบาปเป็นกรรมที่น่ากลัวแค่ไหน แต่ว่าพอได้แต่งงานกับเธอแล้วมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแม้ว่าจะเพียงในนาม...พอได้เธอมาอยู่ใกล้ ๆ เท่านั้นแหละ ฉันก็ไม่อยากห่างเธอเลยจนวันตาย ใช่ไม่อยากจากเธอจนวันตายเลยทีเดียวนะ”
นายโชดะพร่ำพรรณนา ดูเหมือนว่าจะด้วยฤทธิ์เหล้าสาเกที่ดื่มเข้าไปมากพอดู
6
พายุไม่คลายความคึกคะนองขณะที่ฝนกระหน่ำรุนแรงขึ้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่นายโชดะไม่ใส่ใจกับเสียงอื้ออึงภายนอกเลยแม้แต่น้อย เขาจิบเหล้าสาเกที่รุริโกะคอยรินเติมให้พลางพูดต่อไปด้วยอารมณ์ที่กำลังเพริดแพร้ว
“พูดง่าย ๆ ก็คือ ฉันหลงรักเธอจนสุดหัวใจแล้วรุริโกะ ปีนี้ฉันอายุ 45 แล้วแต่ขอบอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยทำให้ใจฉันหวั่นไหวอย่างนี้มาก่อน แม่ของคะสึฮิโกะกับมินะโกะก็ไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับฉันตามประเพณีที่ผู้ใหญ่จัดแจงให้เท่านั้น แล้วยังพวกผู้หญิงในบ้านที่ฉันถือว่าจ้างมาก็ไม่ได้ใจฉันไปเลยสักคน ฉันยอมรับว่าพอมีเงินขึ้นมา ฉันก็ใช้เงินไปกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่ทุกคนไม่มีความหมายเกินไปกว่าของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว สำหรับฉัน ผู้หญิงไม่ผิดอะไรกับเหล้าหรือไม่ก็บุหรี่ที่ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของพวกผู้ชายอย่างเราที่ต้องทำงานมาทั้งวัน แต่ความคิดทั้งหมดของฉันแหลกสลายไปสิ้นในวินาทีแรกที่ได้พบกับเธอ...รุริโกะ และเมื่อได้ใกล้ชิดก็รู้สึกได้มันทีว่าเธอไม่ใช่เป็นผู้หญิงที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับผู้ชาย แต่เป็นผู้หญิงที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นตัวของเธอเอง รุริโกะไม่ใช่ผู้หญิงที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นของเล่นของผู้ชาย แต่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีอำนาจเหนือผู้ชาย ฉันคิดเช่นนั้นจริง ๆ นะรุริโกะ
พร้อมกันนั้น ความที่เคยดูหมิ่นดูแคลนเธอในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หมดไป ตรงกันข้ามกลับมีอะไรอย่างหนึ่งที่เหมือนกับความเคารพนับถือเริ่มหยั่งรากลงไปในใจของฉัน
ตอนแต่งงาน ฉันบอกตรง ๆ เลยว่าฉันรู้สึกเคียดแค้นอยู่ในใจ...นางเด็กเมื่อวานซืน อยากเกลียดฉันได้ก็เกลียดไป วันหนึ่งเถอะจะเอาคืนให้สมแค้น....ฉันคิดเช่นนั้นจริง ๆ แต่มาถึงตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว และจะให้ฉันก้มหัวให้ รุริโกะกี่ครั้งก็จะยอม ฉันเริ่มคิดได้แล้วว่า จะต้องก้มหัวกี่ครั้งก็ยอมเพื่อให้ได้ความรักจากรุริโกะ ว่ายังไงรุริโกะ...เธอเข้าใจความรู้สึกของฉันมากขึ้นสักนิดหนึ่งแล้วหรือยัง”
นายโชดะหยุดนิดหนึ่ง แม้ว่าจะเมาแต่สีหน้าของเขาแสดงความจริงจังอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รุริโกะคิดว่าที่ชายร่างใหญ่ผู้นี้ต้องอาศัยสุราย้อมใจให้มีความกล้าสารภาพรักกับเธอ
“ฉันคิดมาตลอดว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะมีอำนาจเหนือกว่าเงิน ถ้ามีเงินแล้วฉันจะทำทุกอย่างได้ดังใจ และคิดว่าการที่ได้เธอมาเป็นภรรยาก็เพราะเงินตัวเดียว คิดว่าที่ได้สาวสวยสูงศักดิ์อย่างเธอมาเป็นคู่ครองสมใจก็เพราะฉันมีเงิน แต่ฉันคิดผิดไปถนัด ฉันคิดผิดที่ว่าฉันซื้อรุริโกะได้ด้วยเงิน เพราะเงินของฉันซื้อได้แต่ภรรยาในนาม ซึ่งมันทำให้ฉันต้องทุกข์ทรมานที่แม้จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เป็นเจ้าของตัวเธออย่างที่สามีควรจะเป็น
ยิ่งกว่านั้น การรักเธอข้างเดียวไม่ได้ช่วยให้ฉันทำอะไรได้อย่างอิสระ ฉันเห็นท่าทีที่รุริโกะปฏิบัติต่อฉันแล้วก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่า ถึงจะเอาทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดมากองให้ ก็ไม่สามารถซื้อใจรุริโกะได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว แต่ถึงจะเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วเช่นนั้นฉันก็ยังไม่อาจตัดใจจากรุริโกะได้ แต่ฉันคิดได้แล้วว่าฉันจะใช้ใจจริงของฉันซื้อสิ่งที่เงินของฉันซื้อไม่ได้...ไม่เอาละฉันจะไม่ใช้คำว่าซื้ออีกแล้ว ฉันคิดถึงขนาดที่จะคุกเข่าลงตรงหน้าเธอและอ้อนวอนขอสิ่งที่ฉันซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ใช่ฉันจะต้องทำอย่างนั้น เพราะฉันจะอยู่ต่อไปไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวถ้าไม่มีรุริโกะ”
คำพูดของชายร่างใหญ่ร้อนแรงราวกับชายหนุ่มกำลังสารภาพรักหญิงสาว บนใบหน้าใหญ่แดงเรื่อของเขาเปี่ยมไปด้วยความจริงใจไม่แฝงร่องรอยของความหลอกลวงให้ตายใจแม้แต่นิดเดียว ตาใหญ่ของนายโชดะจับจ้องมาที่ใบหน้าของรุริโกะไม่เว้นวาง ถ้าเป็นสายตาที่แสดงความเป็นปรปักษ์แล้วละก็รุริโกะจะต้องจ้องตอบอย่างไม่มีวันยอมแพ้ แต่คราวนี้รุริโกะคงทนความร้อนแรงไปด้วยไฟรักของดวงตาใหญ่คู่นั้นไม่ได้ จึงต้องก้มหน้าหลบลงไป
“รุริโกะ เข้าใจความรู้สึกของฉันขึ้นมาสักนิดหนึ่งไหม”
นายโชดะส่งเสียงหนักแน่นทรงพลังเข้าไปถามถึงใจของรุริโกะ
7
เมื่อฟังคำพูดที่เหมือนคำสารภาพจากใจจริงของนายโชดะซึ่งแม้จะต้องยืมพลังจากสุราแล้ว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าชายร่างใหญ่ผู้เคยมีแต่ความกักขฬะหยาบช้า ชายผู้ไร้ซึ่งศีลธรรมจรรยา ชายผู้มีจิตใจต่ำช้าที่หมดหนทางที่จะเยียวยาผู้นี้ ก็มีความดีและมีความอ่อนแอที่มนุษย์คนหนึ่งพึงมีเช่นกัน
นายโชดะผู้มีความมั่นใจเด็ดเดี่ยวว่าเงินมีอำนาจเหนือทุกสิ่งนั้น บัดนี้ต้องยอมรับแล้วว่าในโลกนี้มีสิ่งที่เงินไม่อาจซื้อได้ เขาสารภาพว่าเงินไม่สามารถซื้อความรักของคน ๆ หนึ่งได้แม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่ง บัดนี้เขาสำนึกผิดแล้วและก้มศีรษะขอความรักต่อหน้ารุริโกะ
ศัตรูยอมแพ้แล้ว ศัตรูยอมแพ้ง่ายดายเหลือเกิน
รุริโกะอดที่จะตะโกนดัง ๆ อยู่ในใจไม่ได้
“รุริโกะ ฉันขอร้อง ฉันเสียใจที่ทำบาปมาตั้งแต่ต้นแต่ฉันอยากขอร้อง ขอร้องให้เธอเป็นภรรยาของฉันด้วยใจจะได้ไหม เธอจะลบล้างการแต่งงานหลอก ๆ ที่ผ่านมาด้วยใจจริงของฉันได้ไหม ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อชำระล้างการแต่งงานของเราให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง จะให้ฉันสละทรัพย์สมบัติจนหมดสิ้น สละร่างกายหรือแม้แต่ชีวิตก็ได้ ฉันยอมสละทุกอย่างหากเธอมอบความรักและความเชื่อถือให้ฉันในฐานะที่เป็นสามีของเธอ
ตอนที่ฉันลงจากรถเมื่อกี้และเห็นหน้ารุริโกะ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกมีความสุขตั้งแต่แต่งงานกันมา เพราะวันนี้เธอออกมาต้อนรับฉันด้วยใจจริง ฉันมีความสุขกับการแต่งงานเป็นครั้งแรกเมื่อเห็นยิ้มของเธอที่เป็นยิ้มจากใจจริงแต่พอมาคิดอีกที ก็เข้าใจว่าการที่รุริโกะออกมาต้อนรับฉันด้วยความดีใจนั้นไม่ได้ดีใจในฐานะที่ฉันเป็นสามี แต่ดีใจในฐานะที่ฉันเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งจำเป็นสำหรับค่ำคืนที่ฝนฟ้าน่ากลัวเช่นนี้ต่างหาก พอคิดเช่นนั้นฉันรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที ฉันทำบาปหนักที่ใช้อุบายชั่วร้ายเพื่อให้เธอมาเป็นภรรยา รุริโกะ...เธอช่วยให้โอกาสฉันใช้ใจจริงล้างบาปที่ทำไว้กับเธอให้หมดด้วยเถิด”
นายโชดะยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนฤทธิ์สุราทำให้บ้าคลั่ง แต่ก็พอที่จะทำให้จิตใจของรุริโกะหวั่นไหวไปด้วยโดยไม่รู้ตัว