บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
ตอนที่ 10
1
“รุริ คืนนี้ดูเหมือนลูกจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว อย่าหุนหันพลันแล่นอย่างนั้น เราสองคนพ่อลูกค่อย ๆ ช่วยกันคิดหาทางออกอย่างสุขุมรอบคอบจะดีกว่า พ่อรับความคิดของลูกไม่ได้ สมัยนี้ไม่มีใครคิดบ้า ๆ แบบนี้กันแล้ว”
“แต่ว่าท่านพ่อเจ้าคะ” รุริโกะไม่หวั่นไหวสักนิดกับคำของบิดา “รุริอยากล้างพิษร้ายด้วยพิษของลูกที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน อยากพิชิตแผนชั่วร้ายด้วยแผนที่ลึกล้ำและเฉียบคมกว่ามากนัก ลูกคิดว่าเราต้องปราบศัตรูให้อยู่มือด้วยการโต้ตอบอย่างทันควันอย่างที่มันคิดไม่ถึงและไม่ทันตั้งตัว การที่จะต่อสู้กับการคุกคามด้วยอำนาจเงินที่มีพลังครอบจักรวาลในสังคมปัจจุบันนี้ เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตั้งรับภาวะวิกฤติด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและรุกกลับอย่างฉับพลัน รุริมั่นใจว่ามีพลังเหลือเฟือที่จะจัดการกับผู้ชายโง่ ๆ คนเดียวอย่างนั้น ขอให้ท่านพ่อเชื่อรุริสักครั้ง ท่านพ่อวางใจได้ว่าที่รุริพูดไปทั้งหมดนั้นไม่ใช่ด้วยอารมณ์ร้อนแรงชั่ววูบ ลูกตริตรองรอบคอบเตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้พร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
บิดานิ่งเงียบ หมดถ้อยคำที่จะมาถกเถียงกับคำพูดที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่กร้าวแกร่งเกินวัยและเต็มไปด้วยความมั่นใจของรุริโกะ ขอบฟ้าเริ่มขาวจาง ๆ เมื่อค่ำคืนฤดูร้อนกำลังจะสิ้นสุดลง
2
“ฮะ ฮะ ฮะ ไม่นึกเลยว่าท่านคะระซะวะผู้ยิ่งใหญ่จะบ้อท่าถึงขนาดนั้น ฮะ ฮะ ฮะ”
นายโชดะ โชเฮ หัวเราะงอหายด้วยความสะใจอยู่บนเก้าอี้หวายมีท้าวแขนตัวใหญ่
“คุณเองก็ร้ายที่ไปแกล้งท่านแรงเหลือเกิน คุณวางแผนให้ผมเอาม้วนภาพของแท้ล้ำค่านั่นไปผมก็เอาไป แต่กลับมานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะท่านคะระซะวะเคยมีบุญคุณกับผมมามาก”
นายคิโนะชิตะพูดเสียงขื่น ๆ อย่างคนมีชะนักติดหลัง
“เอาเถอะผมเข้าใจคุณ ผมเองก็ไม่ใช่ว่าเคียดแค้นชิงชังท่านคะระซะวะอะไรนักหนา แต่ที่ทำไปก็เพราะมันเกิดความสะเทือนใจที่ทำให้ทรนงในศักดิ์ศรีขึ้นมา และนิสัยของผมคือพอเริ่มทำอะไรก็หยุดไม่ได้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย คุณอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้ตั้งใจแกล้งบิดาของเจ้าหล่อนสักนิดเดียว และก็ไม่ได้หลงเสน่ห์สาวน้อยโฉมงามคนนั้นเลยด้วย ฮะ ฮะ ฮะ”
นายโชดะหัวเราะเสียงดังอยู่อีกนานจนหน้าใหญ่แดงระเรื่อยับยู่ยี่เหมือนนักเก็งกำไรในตลาดหุ้นที่ประสบความสำเร็จเมื่อราคาหุ้นตัวเด็ดทะยานตัวพุ่งสูงขึ้นบนกระดาน
“เห็นไหมล่ะผมบอกแล้ว คุณไม่ใช่รึที่ค้านว่าคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่อย่างท่านคะระซะวะจะไม่มีวันแอบเอาม้วนภาพของแท้ล้ำค่านั่นไปออกตัวแบบขายผ้าเอาหน้ารอด เห็นไหม...คนเราเมื่อขัดสนเงินทองเข้าตาจนเมื่อไรก็ทำอะไรได้ทุกอย่าง ผมจะบอกให้...คนที่จะพูดว่าตนเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมได้นั้นจะต้องมีฐานะการเงินเป็นหลักประกันที่มั่นคงพอ คนจนอย่างนั้นจะมาชูคอว่าซื่อสัตย์สุจริตมีคุณธรรมได้ยังไง ไม่มีทาง...ฮะ ฮะ ฮะ “
นายโชดะพูดอย่างมั่นใจในแนวคิดของตนเอง
“แต่ผมกลัวว่าท่านคะระซะวะจะฆ่าตัวตายนะคุณ ท่าทางท่านจะทำอย่างนั้นได้จริง ๆ “
นายคิโนะชิตะขมวดคิ้วด้วยความกังวลจากใจจริง
“อือม์ ฆ่าตัวตายนะ”
นายโชดะพลอยขมวดคิ้วไปด้วยนิดหนึ่ง แต่ก็ลบเลือนสิ้นไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างคนทะนงตน
“ฮะ ฮะ ฮะ อย่าไปคิดอะไรมาก คนเราไม่ตายง่าย ๆ หรอกคุณ คอยดูดีกว่า อีกไม่กี่วันก็จะต้องซมซานมาหาผม และถ้าซมซานมาผมก็จะได้เลิกแกล้งเสียที เพราะจริง ๆ แล้วที่ทำไปก็เพราะหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ต้องการให้ใครมาเหยียดหยามเอาง่าย ๆ เท่านั้นเอง ถ้าฝ่ายนั้นเขาคิดได้ก็จะมาเอาอะไรกันอีก ผมไม่ติดใจหรอกนะ”
“แต่ถ้าท่านเกิดบอกว่าจะยกคุณหนูให้ล่ะ คุณจะแต่งงานกับเธอไหม”
“นั่นน่ะซี ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็มาสะดุดอยู่ที่ว่าอายุมันห่างกันตั้งยี่สิบห้าปี ต้องตกเป็นขี้ปากของชาวสังคมแน่ ๆ เพราะคอยจ้องนินทากันอยู่แล้ว ขนาดตอนนี้ยังเหยียดผมว่าเป็นไอ้เศรษฐีใหม่ไม่มีสกุลรุนชาติบ้างอะไรบ้างกันอยู่แล้ว หากมาแต่งงานกับสาวสูงศักดิ์คนละชั้นอย่างนี้คงนินทากันแหลก ผมถึงได้เลิกคิดที่จะเป็นเจ้าบ่าวของเจ้าหล่อนและให้คนไปสู่ขอเจ้าหล่อนให้ลูกชายที่อายุพอ ๆ กัน ซึ่งทางโน้นเขาคงรู้กันแล้ว”
“สู่ขอให้ลูกชายคุณ...”
นายคิโนะชิตะอุทานแล้วอึ้งไป เขานึกถึงลูกชายของนายโชดะที่ชื่อคะสึฮิโกะ อายุราวยี่สิบสองยี่สิบสามแต่ยังดูเหมือนเด็ก ใช่...คะสึฮิโกะมีอาการใกล้กับที่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนปัญญาอ่อน ถึงอายุจะใกล้เคียงกันก็จริงแต่การจะจับคู่ให้แต่งงานกับคุณหนูรุริโกะนั้น เป็นเรื่องผิดฝาผิดตัว ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง แม้คนอย่างนาย คิโนะชิตะที่ถูกอำนาจเงินโน้มน้าวจนยอมขายผู้มีบุญคุณท่วมหัว ยังรู้สึกขยะแขยงความกำเริบเสิบสานของนายโชดะ เศรษฐีใหม่ผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก
“ผมไม่มีความจำเป็นอะไรสักนิดเดียวที่จะต้องแต่งงานกับคุณหนูของคุณ เพียงแต่ได้ใช้อำนาจเงินบังคับแม่โฉมงามให้ไปทางซ้ายทางขวาดังใจได้ผมก็พอใจแล้ว ได้ทำให้คุณหนูของคุณกับคู่รักของเจ้าหล่อนรู้ซึ้งว่าเงินมีอำนาจเพียงใด แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรมาก”
นายโชดะพูดทิ้งท้ายอย่างไม่หวั่นเกรงกับสิ่งใดด้วยความทะนงในอำนาจเงิน
พอดีกับนาทีนั้นเอง ที่มีเสียงใครคนหนึ่งทุบประตูด้วยกำลังแรง ตามมาด้วยเสียงตะโกนก้อง
“โทรเลขครับ โทรเลข”
2
“โทรเลข โทรเลข”
ประตูห้องถูกทุบแรงรัวราวกับจะพังทะลายลงมา นายโชดะที่พูดจาด้วยท่าทีทะนงองอาจมาตลอดดูจ๋อยลงทันที เขายิ้มเจื่อน ๆ ก่อนหันไปทางประตูห้อง
“คะสึฮิโกะ หยุดได้ไหม พ่อกำลังมีแขก คะสึฮิโกะ...หยุดได้แล้ว”
อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ได้ยินเพราะนายโชดะร้องปรามเสียงไม่ดังนักด้วยความเกรงใจแขก จึงแผดเสียงดังและทุบประตูแรงขึ้นอีก
“โทรเลข โทรเลข”
“พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นหรือคะ มาทางนี้ดีกว่า มากับน้อง” เสียงปลอบด้วยคำอ่อนโยนดังแว่วเข้ามาในห้อง
“โทรเลข มีคนส่งโทรเลขมาจริง ๆ นี่มินะโกะ” คนทุบประตูเถียง
“ไหนคะ โธ่...นามบัตรของแขกคุณพ่อต่างหากไม่ใช่โทรเลขสักหน่อย เราต้องไปบอกคุณพ่อแล้วรีบเชิญเขาเข้ามานะคะ”
พอสิ้นเสียงสนทนา ประตูห้องก็เปิดออกเงียบ ๆ เด็กสาววัยสิบหกสิบเจ็ด ผิวคล้ำ ดวงตาเป็นประกายสุกใสน่าเอ็นดูเดินเข้ามาหาบิดา แก้มแดงเรื่อด้วยความอายที่พี่ชายทำเอะอะต่อหน้าแขก
“คุณพ่อคะ มีแขกมาขอพบเจ้าค่ะ”
เด็กสาวน้อมตัวทำความเคารพนายคิโนะชิตะก่อนส่งนามบัตรให้บิดาด้วยกิริยามารยาทชดช้อยงดงามเจริญตาเจริญใจ ไม่สมกับที่เป็นลูกสาวของชายที่ทะนงตนจนดูกักขฬะและน้องสาวของชายหนุ่มที่ใกล้การเป็นคนปัญญาอ่อน ราวกับลูกแกะตัวน้อยที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาในฝูงหมาป่า
“คุณคิโนะชิตะ นี่ลูกสาวของผม”
นายโชดะยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจในลูกสาวอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มทันควันเมื่อเบนสายตาไปที่ลูกชายที่ยืนตาลอยอยู่กลางช่องประตู อ้าปากหวอมองเข้ามาในห้อง
“มินะ หนูรีบพาพี่ชายหลบไปทางโน้น แล้วไปเชิญท่านซุงิโนะเข้ามาที่นี่”
นายโชเฮสั่งลูกสาวด้วยเสียงอ่อนโยน แล้วหันมาบอกแขกของเขาด้วยท่าทีทะนงตนตามเดิมว่า
“ลูกชายผมเป็นอย่างนี้คุณก็เห็น ผมถึงอยากได้คุณหนูคนสวยฉลาดหลักแหลมและหยิ่งผยองมาเป็นลูกสะใภ้ และเฝ้าดูเจ้าหล่อนทุกข์ทรมานให้สะใจเลยทีเดียว ฮะ ฮะ ฮะ”
ไม่นานคนรับใช้ก็เดินนำท่านซุงิโนะ สมาชิกสภาขุนนางผู้สูงศักดิ์เข้ามาในห้องรับแขก
“สวัสดีคุณโชดะ คุณต้องให้รางวัลผมจริง ๆ ทางโน้นเขายกธงขาวแล้วนะครับ”
“ยกธงขาวหรือครับ ฮะ ฮะ ฮะ” นายโชดะแหงนหน้าขึ้นระเบิดหัวเราะกึกก้องราวจอมทัพผู้มีชัยเหนือกองทัพของอริราชศัตรู
“ยอมแพ้ง่ายเกินคาดเลยนะขอรับ” นายคิโนะชิตะสอดขึ้น
“ลูกสาวท่านคะระซะวะดูเหมือนจะกลัวมากเมื่อได้ยินว่าท่านพ่อของหล่อนอาจถูกจับเข้าคุก มันก็ไม่แปลกเพราะบ้านนั้นตอนนี้เหลือกันอยู่แค่สองคนพ่อลูก จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ฉันได้รับจดหมายจากแม่สาวน้อย แจ้งมาว่าหล่อนตกลงรับการสู่ขอของนายโชดะ ในกรณีที่นายโชดะยกฟ้องและยกหนี้สินทั้งหมดให้แก่ครอบครัวคะระซะวะ เรื่องมันเป็นเช่นนี้แหละ”
“อย่างนั้นหรือครับ”
นายโชดะพยักหน้าพลางยิ้มย่อง ดวงตาเป็นประกายวาวด้วยความพึงพอใจราวกับผีดิบได้กลิ่นเลือดมนุษย์
“แต่ช้าก่อนคุณโชดะ หล่อนมีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่ง ที่ฉันคิดว่าคุณต้องดีใจมากและต้องเพิ่มรางวัลให้ฉันเป็นสองเท่า คำขอของลูกสาวท่านคะระซะวะมีอยู่ว่า ถ้าจะให้ออกเรือนไปเป็นเจ้าสาวของตระกูลโชดะละก็หล่อนขอเป็นเจ้าสาวของพ่อมากกว่าลูกชาย เพราะอยากเข้าไปมีหน้ามีตาในสังคมในฐานะภริยานักธุรกิจชั้นนำที่มีความเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว คุณจะอ่านจดหมายของหล่อนดูเองก็ได้นะ นี่ยังไง”
ท่านซุงิโนะว่าพลางหยิบจดหมายของรุริโกะจากกระเป๋าเสื้อนอกออกมาส่งให้ ด้วยท่าทีราวกับขุนศึกผู้เก่งกล้ายื่นสารขอยอมแพ้ของข้าศึกให้แก่จอมทัพ
4
นายโชดะยื่นมือไปรับจดหมายของรุริโกะ ด้วยท่าทีราวกับจอมทัพรับศีรษะของแม่ทัพฝ่ายข้าศึกที่ถูกตัดมาสังเวยเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ใบหน้ากว้างที่แดงเรื่ออยู่เป็นนิจปริ่มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันระคนความพึงพอใจล้นเหลือ
“หล่อนว่าอย่างนั้นรึ ไหนดูซิ”
นายโชดะอ่านจดหมายฉบับนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจทุกตัวอักษรตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว แล้วหัวเราะงอหายอยู่เป็นนานกว่าจะค่อยสงบลงได้
“ฮะ ฮะ ฮะ ถึงจะดูเก่งกล้าสามารถแต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ฮะ ฮะ ฮะ ให้ตายเถอะ กระผมไม่ได้คิดได้ฝันที่จะสู่ขอเอาคุณหนูคนนี้มาเป็นภริยาเลยนะนี่ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก่อนอื่นเห็นจะต้องปรับปรุงตัวให้กลับเป็นหนุ่มใหม่อีกครั้งเสียแล้ว ฮะ ฮะ ฮะ ท่านซุงิโนะขอรับ ใต้เท้าช่วยจัดการอะไร ๆ ให้เรียบร้อยด้วยเถิด กระผมขอยกสัญญาหนี้สินทั้งหมดเป็นสินสอดทองหมั้นสำหรับการแต่งงานครั้งนี้ ใช่...ใช่ บอกหล่อนด้วยว่ากระผมจะมอบให้ในวันวิวาห์นะขอรับ ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับเตรียมตัวเข้าพิธี กระผมจะจัดให้อีกเล็กน้อยประมาณสองหมื่นเยน เอ...แล้วกระผมยังต้องสมนาคุณใต้เท้าอีกใช่ไหม”
นายโชดะ นักธุรกิจเศรษฐีใหม่ผู้มั่งคั่งปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก จิตใจเพริดแพร้วราวโลดลิ่วสู่สรวงสวรรค์เมื่อรู้ว่าจะได้เป็นเจ้าของหญิงพรหมจารีย์ผู้สูงศักดิ์ราวเจ้าหญิง รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตคับหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก เขาเอื้อมมือไปสั่นกระดิ่งเรียกหญิงรับใช้เข้ามาสั่งว่า
“หล่อนไปบอกให้คุณหนูไปหยิบสมุดเช็กในเซฟของฉันมาเดี๋ยวนี้เลย”
นายคิโนะชิตะกับท่านซุงิโนะผู้สูงศักดิ์ที่ขายวิญญาณอันดีงามให้แก่ปีศาจ ต่างคนต่างวาดภาพค่าวิญญาณของตนที่จะปรากฏเป็นตัวเลขจากปลายปากกาของนายโชดะด้วยความกระหาย ขณะรอให้มินะโกะนำสมุดเช็กเข้ามาให้บิดาของหล่อน
“การผูกประโยคและการใช้ถ้อยคำสำบัดสำนวนเป็นเยี่ยมสำหรับสาววัยสิบแปด ลายมือก็สวยมาก”
นายโชดะชมไม่หยุดปาก จิตใจของเขาปั่นป่วนไปหมดขณะอ่านจดหมายของรุริโกะอย่างฝังจิตฝังใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้เบื่อ
ทว่า จดหมายของรุริโกะไม่ได้ป่วนใจนายโชดะเพียงคนเดียว เพราะ ณ วินาทีเดียวกันนั้นเอง จิตใจของบุรุษอีกผู้หนึ่งก็กำลังปั่นป่วนอยู่กับจดหมายอีกฉบับหนึ่งของเจ้าหล่อน
นอกจากจดหมายที่เขียนจากจิตใจอันแข็งแกร่งราวเหล็กไหลแฝงรอยยิ้มอันเย็นเยียบซึ่งขณะนี้อยู่ในมือของนายโชดะแล้ว รุริโกะยังส่งจดหมายอีกฉบับหนึ่งไปยังนะโอะยะคู่รักของเจ้าหล่อนซึ่งเป็นบุตรชายของท่านซุงิโนะผู้สูงศักดิ์ด้วย จดหมายถึงนะโอะยะฉบับนี้เขียนจากใจอันแข็งแกร่งราวเหล็กไหลเคล้าน้ำตาอันร้อนระอุ
นายโชดะอ่านจดหมายของรุริโกะด้วยความปลื้มปิติ จิตใจเพริดแพร้วราวโลดลิ่วสู่สรวงสวรรค์ ส่วนนะโอะยะอ่านจดหมายที่รุริโกะเขียนถึงเขาด้วยความรู้สึกราวกับกำลังตกดิ่งลงสู่ห้วงอเวจีชั้นลึกล้ำที่สุด
นะโอะยะที่รัก...รุริต้องทำเช่นนั้นเพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่จะช่วยให้ท่านพ่อรอดพ้นจากความอับอายขายหน้าเป็นที่ดูถูกดูหมิ่นของผู้คนในสังคม และช่วยให้ตระกูลคะระซะวะรอดพ้นจากการล่มสลาย...
การที่ปีศาจร้ายใช้อำนาจกฎหมายคุกคามคนดีมีศีลธรรมให้ต้องทุกข์ทรมานนั้นเป็นวิธีชั่วช้าเลวทรามที่สุด อย่าหัวเราะที่รุริทำสิ่งที่คุณอาจคิดว่าเป็นเรื่องน่าขัน อย่าหัวเราะเพราะคิดว่ารุริทำไปเพราะอารมณ์โรแมนติกราวกับตนเองเป็นตัวละครในนิยาย ขอให้เข้าใจว่า ณ เวลานี้ นี่เป็นทางเดียวสำหรับรุริที่จะต่อสู้กับอำนาจเงิน...
ภริยาแต่ในนาม ใช่ค่ะ...รุริตั้งใจที่จะพยายามปกป้องพรหมจรรย์ไม่ให้แปดเปื้อนมัวหมองด้วยน้ำมืออันสกปรกโสมมของปีศาจร้ายตนนั้นจนถึงที่สุดด้วยแผนการและวิธีมากมายหลายอย่างที่รุริคิดเตรียมเอาไว้อย่างรอบคอบ เขาเล่ากันว่ามีการจัดให้วัวกับหมีต่อสู้กันที่ฟาร์มปศุสัตว์บางแห่งในฮอกไกโด การต่อสู้ระหว่างรุริกับนายโชดะก็จะเป็นเช่นนั้น คือพอหมียกเท้าหน้าขึ้นเพื่อตะปบด้วยกำลังแรง แล้ววัวก้มหัวลงใช้เขาแข็งแกร่งราวเหล็กกล้าขวิดเข้าที่ท้องได้ก่อน วัวก็จะเป็นฝ่ายชนะ รุริตั้งใจที่จะทำลายปีศาจร้ายตนนั้นให้ย่อยยับลงกับมือโดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์อันเป็นที่รักยิ่งชีวิต
รุริไม่ได้ตกลงใจแต่งงานด้วยความรักแต่ด้วยความเกลียดชังอย่างสุดแสนจะพรรณนา ชีวิตแต่งงานของรุริจากนี้ต่อไปคือการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งทุกวันคืน...
ขอให้นะโอะยะเชื่อใจในตัวรุริเถิด รุริมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะทรมานจิตใจและฆ่าชายชั่วคนนั้นให้ตายทั้งเป็นในชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งปี ขอให้นะโอะยะช่วยภาวนาให้รุริทำสำเร็จด้วยเถิด...
ข้อความในจดหมายมิได้จบลงเพียงเท่านี้
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
ตอนที่ 10
1
“รุริ คืนนี้ดูเหมือนลูกจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว อย่าหุนหันพลันแล่นอย่างนั้น เราสองคนพ่อลูกค่อย ๆ ช่วยกันคิดหาทางออกอย่างสุขุมรอบคอบจะดีกว่า พ่อรับความคิดของลูกไม่ได้ สมัยนี้ไม่มีใครคิดบ้า ๆ แบบนี้กันแล้ว”
“แต่ว่าท่านพ่อเจ้าคะ” รุริโกะไม่หวั่นไหวสักนิดกับคำของบิดา “รุริอยากล้างพิษร้ายด้วยพิษของลูกที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน อยากพิชิตแผนชั่วร้ายด้วยแผนที่ลึกล้ำและเฉียบคมกว่ามากนัก ลูกคิดว่าเราต้องปราบศัตรูให้อยู่มือด้วยการโต้ตอบอย่างทันควันอย่างที่มันคิดไม่ถึงและไม่ทันตั้งตัว การที่จะต่อสู้กับการคุกคามด้วยอำนาจเงินที่มีพลังครอบจักรวาลในสังคมปัจจุบันนี้ เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตั้งรับภาวะวิกฤติด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและรุกกลับอย่างฉับพลัน รุริมั่นใจว่ามีพลังเหลือเฟือที่จะจัดการกับผู้ชายโง่ ๆ คนเดียวอย่างนั้น ขอให้ท่านพ่อเชื่อรุริสักครั้ง ท่านพ่อวางใจได้ว่าที่รุริพูดไปทั้งหมดนั้นไม่ใช่ด้วยอารมณ์ร้อนแรงชั่ววูบ ลูกตริตรองรอบคอบเตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้พร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
บิดานิ่งเงียบ หมดถ้อยคำที่จะมาถกเถียงกับคำพูดที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่กร้าวแกร่งเกินวัยและเต็มไปด้วยความมั่นใจของรุริโกะ ขอบฟ้าเริ่มขาวจาง ๆ เมื่อค่ำคืนฤดูร้อนกำลังจะสิ้นสุดลง
2
“ฮะ ฮะ ฮะ ไม่นึกเลยว่าท่านคะระซะวะผู้ยิ่งใหญ่จะบ้อท่าถึงขนาดนั้น ฮะ ฮะ ฮะ”
นายโชดะ โชเฮ หัวเราะงอหายด้วยความสะใจอยู่บนเก้าอี้หวายมีท้าวแขนตัวใหญ่
“คุณเองก็ร้ายที่ไปแกล้งท่านแรงเหลือเกิน คุณวางแผนให้ผมเอาม้วนภาพของแท้ล้ำค่านั่นไปผมก็เอาไป แต่กลับมานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะท่านคะระซะวะเคยมีบุญคุณกับผมมามาก”
นายคิโนะชิตะพูดเสียงขื่น ๆ อย่างคนมีชะนักติดหลัง
“เอาเถอะผมเข้าใจคุณ ผมเองก็ไม่ใช่ว่าเคียดแค้นชิงชังท่านคะระซะวะอะไรนักหนา แต่ที่ทำไปก็เพราะมันเกิดความสะเทือนใจที่ทำให้ทรนงในศักดิ์ศรีขึ้นมา และนิสัยของผมคือพอเริ่มทำอะไรก็หยุดไม่ได้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย คุณอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้ตั้งใจแกล้งบิดาของเจ้าหล่อนสักนิดเดียว และก็ไม่ได้หลงเสน่ห์สาวน้อยโฉมงามคนนั้นเลยด้วย ฮะ ฮะ ฮะ”
นายโชดะหัวเราะเสียงดังอยู่อีกนานจนหน้าใหญ่แดงระเรื่อยับยู่ยี่เหมือนนักเก็งกำไรในตลาดหุ้นที่ประสบความสำเร็จเมื่อราคาหุ้นตัวเด็ดทะยานตัวพุ่งสูงขึ้นบนกระดาน
“เห็นไหมล่ะผมบอกแล้ว คุณไม่ใช่รึที่ค้านว่าคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่อย่างท่านคะระซะวะจะไม่มีวันแอบเอาม้วนภาพของแท้ล้ำค่านั่นไปออกตัวแบบขายผ้าเอาหน้ารอด เห็นไหม...คนเราเมื่อขัดสนเงินทองเข้าตาจนเมื่อไรก็ทำอะไรได้ทุกอย่าง ผมจะบอกให้...คนที่จะพูดว่าตนเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมได้นั้นจะต้องมีฐานะการเงินเป็นหลักประกันที่มั่นคงพอ คนจนอย่างนั้นจะมาชูคอว่าซื่อสัตย์สุจริตมีคุณธรรมได้ยังไง ไม่มีทาง...ฮะ ฮะ ฮะ “
นายโชดะพูดอย่างมั่นใจในแนวคิดของตนเอง
“แต่ผมกลัวว่าท่านคะระซะวะจะฆ่าตัวตายนะคุณ ท่าทางท่านจะทำอย่างนั้นได้จริง ๆ “
นายคิโนะชิตะขมวดคิ้วด้วยความกังวลจากใจจริง
“อือม์ ฆ่าตัวตายนะ”
นายโชดะพลอยขมวดคิ้วไปด้วยนิดหนึ่ง แต่ก็ลบเลือนสิ้นไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างคนทะนงตน
“ฮะ ฮะ ฮะ อย่าไปคิดอะไรมาก คนเราไม่ตายง่าย ๆ หรอกคุณ คอยดูดีกว่า อีกไม่กี่วันก็จะต้องซมซานมาหาผม และถ้าซมซานมาผมก็จะได้เลิกแกล้งเสียที เพราะจริง ๆ แล้วที่ทำไปก็เพราะหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ต้องการให้ใครมาเหยียดหยามเอาง่าย ๆ เท่านั้นเอง ถ้าฝ่ายนั้นเขาคิดได้ก็จะมาเอาอะไรกันอีก ผมไม่ติดใจหรอกนะ”
“แต่ถ้าท่านเกิดบอกว่าจะยกคุณหนูให้ล่ะ คุณจะแต่งงานกับเธอไหม”
“นั่นน่ะซี ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็มาสะดุดอยู่ที่ว่าอายุมันห่างกันตั้งยี่สิบห้าปี ต้องตกเป็นขี้ปากของชาวสังคมแน่ ๆ เพราะคอยจ้องนินทากันอยู่แล้ว ขนาดตอนนี้ยังเหยียดผมว่าเป็นไอ้เศรษฐีใหม่ไม่มีสกุลรุนชาติบ้างอะไรบ้างกันอยู่แล้ว หากมาแต่งงานกับสาวสูงศักดิ์คนละชั้นอย่างนี้คงนินทากันแหลก ผมถึงได้เลิกคิดที่จะเป็นเจ้าบ่าวของเจ้าหล่อนและให้คนไปสู่ขอเจ้าหล่อนให้ลูกชายที่อายุพอ ๆ กัน ซึ่งทางโน้นเขาคงรู้กันแล้ว”
“สู่ขอให้ลูกชายคุณ...”
นายคิโนะชิตะอุทานแล้วอึ้งไป เขานึกถึงลูกชายของนายโชดะที่ชื่อคะสึฮิโกะ อายุราวยี่สิบสองยี่สิบสามแต่ยังดูเหมือนเด็ก ใช่...คะสึฮิโกะมีอาการใกล้กับที่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนปัญญาอ่อน ถึงอายุจะใกล้เคียงกันก็จริงแต่การจะจับคู่ให้แต่งงานกับคุณหนูรุริโกะนั้น เป็นเรื่องผิดฝาผิดตัว ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง แม้คนอย่างนาย คิโนะชิตะที่ถูกอำนาจเงินโน้มน้าวจนยอมขายผู้มีบุญคุณท่วมหัว ยังรู้สึกขยะแขยงความกำเริบเสิบสานของนายโชดะ เศรษฐีใหม่ผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก
“ผมไม่มีความจำเป็นอะไรสักนิดเดียวที่จะต้องแต่งงานกับคุณหนูของคุณ เพียงแต่ได้ใช้อำนาจเงินบังคับแม่โฉมงามให้ไปทางซ้ายทางขวาดังใจได้ผมก็พอใจแล้ว ได้ทำให้คุณหนูของคุณกับคู่รักของเจ้าหล่อนรู้ซึ้งว่าเงินมีอำนาจเพียงใด แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรมาก”
นายโชดะพูดทิ้งท้ายอย่างไม่หวั่นเกรงกับสิ่งใดด้วยความทะนงในอำนาจเงิน
พอดีกับนาทีนั้นเอง ที่มีเสียงใครคนหนึ่งทุบประตูด้วยกำลังแรง ตามมาด้วยเสียงตะโกนก้อง
“โทรเลขครับ โทรเลข”
2
“โทรเลข โทรเลข”
ประตูห้องถูกทุบแรงรัวราวกับจะพังทะลายลงมา นายโชดะที่พูดจาด้วยท่าทีทะนงองอาจมาตลอดดูจ๋อยลงทันที เขายิ้มเจื่อน ๆ ก่อนหันไปทางประตูห้อง
“คะสึฮิโกะ หยุดได้ไหม พ่อกำลังมีแขก คะสึฮิโกะ...หยุดได้แล้ว”
อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ได้ยินเพราะนายโชดะร้องปรามเสียงไม่ดังนักด้วยความเกรงใจแขก จึงแผดเสียงดังและทุบประตูแรงขึ้นอีก
“โทรเลข โทรเลข”
“พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นหรือคะ มาทางนี้ดีกว่า มากับน้อง” เสียงปลอบด้วยคำอ่อนโยนดังแว่วเข้ามาในห้อง
“โทรเลข มีคนส่งโทรเลขมาจริง ๆ นี่มินะโกะ” คนทุบประตูเถียง
“ไหนคะ โธ่...นามบัตรของแขกคุณพ่อต่างหากไม่ใช่โทรเลขสักหน่อย เราต้องไปบอกคุณพ่อแล้วรีบเชิญเขาเข้ามานะคะ”
พอสิ้นเสียงสนทนา ประตูห้องก็เปิดออกเงียบ ๆ เด็กสาววัยสิบหกสิบเจ็ด ผิวคล้ำ ดวงตาเป็นประกายสุกใสน่าเอ็นดูเดินเข้ามาหาบิดา แก้มแดงเรื่อด้วยความอายที่พี่ชายทำเอะอะต่อหน้าแขก
“คุณพ่อคะ มีแขกมาขอพบเจ้าค่ะ”
เด็กสาวน้อมตัวทำความเคารพนายคิโนะชิตะก่อนส่งนามบัตรให้บิดาด้วยกิริยามารยาทชดช้อยงดงามเจริญตาเจริญใจ ไม่สมกับที่เป็นลูกสาวของชายที่ทะนงตนจนดูกักขฬะและน้องสาวของชายหนุ่มที่ใกล้การเป็นคนปัญญาอ่อน ราวกับลูกแกะตัวน้อยที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาในฝูงหมาป่า
“คุณคิโนะชิตะ นี่ลูกสาวของผม”
นายโชดะยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจในลูกสาวอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มทันควันเมื่อเบนสายตาไปที่ลูกชายที่ยืนตาลอยอยู่กลางช่องประตู อ้าปากหวอมองเข้ามาในห้อง
“มินะ หนูรีบพาพี่ชายหลบไปทางโน้น แล้วไปเชิญท่านซุงิโนะเข้ามาที่นี่”
นายโชเฮสั่งลูกสาวด้วยเสียงอ่อนโยน แล้วหันมาบอกแขกของเขาด้วยท่าทีทะนงตนตามเดิมว่า
“ลูกชายผมเป็นอย่างนี้คุณก็เห็น ผมถึงอยากได้คุณหนูคนสวยฉลาดหลักแหลมและหยิ่งผยองมาเป็นลูกสะใภ้ และเฝ้าดูเจ้าหล่อนทุกข์ทรมานให้สะใจเลยทีเดียว ฮะ ฮะ ฮะ”
ไม่นานคนรับใช้ก็เดินนำท่านซุงิโนะ สมาชิกสภาขุนนางผู้สูงศักดิ์เข้ามาในห้องรับแขก
“สวัสดีคุณโชดะ คุณต้องให้รางวัลผมจริง ๆ ทางโน้นเขายกธงขาวแล้วนะครับ”
“ยกธงขาวหรือครับ ฮะ ฮะ ฮะ” นายโชดะแหงนหน้าขึ้นระเบิดหัวเราะกึกก้องราวจอมทัพผู้มีชัยเหนือกองทัพของอริราชศัตรู
“ยอมแพ้ง่ายเกินคาดเลยนะขอรับ” นายคิโนะชิตะสอดขึ้น
“ลูกสาวท่านคะระซะวะดูเหมือนจะกลัวมากเมื่อได้ยินว่าท่านพ่อของหล่อนอาจถูกจับเข้าคุก มันก็ไม่แปลกเพราะบ้านนั้นตอนนี้เหลือกันอยู่แค่สองคนพ่อลูก จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ฉันได้รับจดหมายจากแม่สาวน้อย แจ้งมาว่าหล่อนตกลงรับการสู่ขอของนายโชดะ ในกรณีที่นายโชดะยกฟ้องและยกหนี้สินทั้งหมดให้แก่ครอบครัวคะระซะวะ เรื่องมันเป็นเช่นนี้แหละ”
“อย่างนั้นหรือครับ”
นายโชดะพยักหน้าพลางยิ้มย่อง ดวงตาเป็นประกายวาวด้วยความพึงพอใจราวกับผีดิบได้กลิ่นเลือดมนุษย์
“แต่ช้าก่อนคุณโชดะ หล่อนมีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่ง ที่ฉันคิดว่าคุณต้องดีใจมากและต้องเพิ่มรางวัลให้ฉันเป็นสองเท่า คำขอของลูกสาวท่านคะระซะวะมีอยู่ว่า ถ้าจะให้ออกเรือนไปเป็นเจ้าสาวของตระกูลโชดะละก็หล่อนขอเป็นเจ้าสาวของพ่อมากกว่าลูกชาย เพราะอยากเข้าไปมีหน้ามีตาในสังคมในฐานะภริยานักธุรกิจชั้นนำที่มีความเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว คุณจะอ่านจดหมายของหล่อนดูเองก็ได้นะ นี่ยังไง”
ท่านซุงิโนะว่าพลางหยิบจดหมายของรุริโกะจากกระเป๋าเสื้อนอกออกมาส่งให้ ด้วยท่าทีราวกับขุนศึกผู้เก่งกล้ายื่นสารขอยอมแพ้ของข้าศึกให้แก่จอมทัพ
4
นายโชดะยื่นมือไปรับจดหมายของรุริโกะ ด้วยท่าทีราวกับจอมทัพรับศีรษะของแม่ทัพฝ่ายข้าศึกที่ถูกตัดมาสังเวยเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ใบหน้ากว้างที่แดงเรื่ออยู่เป็นนิจปริ่มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันระคนความพึงพอใจล้นเหลือ
“หล่อนว่าอย่างนั้นรึ ไหนดูซิ”
นายโชดะอ่านจดหมายฉบับนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจทุกตัวอักษรตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว แล้วหัวเราะงอหายอยู่เป็นนานกว่าจะค่อยสงบลงได้
“ฮะ ฮะ ฮะ ถึงจะดูเก่งกล้าสามารถแต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ฮะ ฮะ ฮะ ให้ตายเถอะ กระผมไม่ได้คิดได้ฝันที่จะสู่ขอเอาคุณหนูคนนี้มาเป็นภริยาเลยนะนี่ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก่อนอื่นเห็นจะต้องปรับปรุงตัวให้กลับเป็นหนุ่มใหม่อีกครั้งเสียแล้ว ฮะ ฮะ ฮะ ท่านซุงิโนะขอรับ ใต้เท้าช่วยจัดการอะไร ๆ ให้เรียบร้อยด้วยเถิด กระผมขอยกสัญญาหนี้สินทั้งหมดเป็นสินสอดทองหมั้นสำหรับการแต่งงานครั้งนี้ ใช่...ใช่ บอกหล่อนด้วยว่ากระผมจะมอบให้ในวันวิวาห์นะขอรับ ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับเตรียมตัวเข้าพิธี กระผมจะจัดให้อีกเล็กน้อยประมาณสองหมื่นเยน เอ...แล้วกระผมยังต้องสมนาคุณใต้เท้าอีกใช่ไหม”
นายโชดะ นักธุรกิจเศรษฐีใหม่ผู้มั่งคั่งปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก จิตใจเพริดแพร้วราวโลดลิ่วสู่สรวงสวรรค์เมื่อรู้ว่าจะได้เป็นเจ้าของหญิงพรหมจารีย์ผู้สูงศักดิ์ราวเจ้าหญิง รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตคับหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก เขาเอื้อมมือไปสั่นกระดิ่งเรียกหญิงรับใช้เข้ามาสั่งว่า
“หล่อนไปบอกให้คุณหนูไปหยิบสมุดเช็กในเซฟของฉันมาเดี๋ยวนี้เลย”
นายคิโนะชิตะกับท่านซุงิโนะผู้สูงศักดิ์ที่ขายวิญญาณอันดีงามให้แก่ปีศาจ ต่างคนต่างวาดภาพค่าวิญญาณของตนที่จะปรากฏเป็นตัวเลขจากปลายปากกาของนายโชดะด้วยความกระหาย ขณะรอให้มินะโกะนำสมุดเช็กเข้ามาให้บิดาของหล่อน
“การผูกประโยคและการใช้ถ้อยคำสำบัดสำนวนเป็นเยี่ยมสำหรับสาววัยสิบแปด ลายมือก็สวยมาก”
นายโชดะชมไม่หยุดปาก จิตใจของเขาปั่นป่วนไปหมดขณะอ่านจดหมายของรุริโกะอย่างฝังจิตฝังใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้เบื่อ
ทว่า จดหมายของรุริโกะไม่ได้ป่วนใจนายโชดะเพียงคนเดียว เพราะ ณ วินาทีเดียวกันนั้นเอง จิตใจของบุรุษอีกผู้หนึ่งก็กำลังปั่นป่วนอยู่กับจดหมายอีกฉบับหนึ่งของเจ้าหล่อน
นอกจากจดหมายที่เขียนจากจิตใจอันแข็งแกร่งราวเหล็กไหลแฝงรอยยิ้มอันเย็นเยียบซึ่งขณะนี้อยู่ในมือของนายโชดะแล้ว รุริโกะยังส่งจดหมายอีกฉบับหนึ่งไปยังนะโอะยะคู่รักของเจ้าหล่อนซึ่งเป็นบุตรชายของท่านซุงิโนะผู้สูงศักดิ์ด้วย จดหมายถึงนะโอะยะฉบับนี้เขียนจากใจอันแข็งแกร่งราวเหล็กไหลเคล้าน้ำตาอันร้อนระอุ
นายโชดะอ่านจดหมายของรุริโกะด้วยความปลื้มปิติ จิตใจเพริดแพร้วราวโลดลิ่วสู่สรวงสวรรค์ ส่วนนะโอะยะอ่านจดหมายที่รุริโกะเขียนถึงเขาด้วยความรู้สึกราวกับกำลังตกดิ่งลงสู่ห้วงอเวจีชั้นลึกล้ำที่สุด
นะโอะยะที่รัก...รุริต้องทำเช่นนั้นเพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่จะช่วยให้ท่านพ่อรอดพ้นจากความอับอายขายหน้าเป็นที่ดูถูกดูหมิ่นของผู้คนในสังคม และช่วยให้ตระกูลคะระซะวะรอดพ้นจากการล่มสลาย...
การที่ปีศาจร้ายใช้อำนาจกฎหมายคุกคามคนดีมีศีลธรรมให้ต้องทุกข์ทรมานนั้นเป็นวิธีชั่วช้าเลวทรามที่สุด อย่าหัวเราะที่รุริทำสิ่งที่คุณอาจคิดว่าเป็นเรื่องน่าขัน อย่าหัวเราะเพราะคิดว่ารุริทำไปเพราะอารมณ์โรแมนติกราวกับตนเองเป็นตัวละครในนิยาย ขอให้เข้าใจว่า ณ เวลานี้ นี่เป็นทางเดียวสำหรับรุริที่จะต่อสู้กับอำนาจเงิน...
ภริยาแต่ในนาม ใช่ค่ะ...รุริตั้งใจที่จะพยายามปกป้องพรหมจรรย์ไม่ให้แปดเปื้อนมัวหมองด้วยน้ำมืออันสกปรกโสมมของปีศาจร้ายตนนั้นจนถึงที่สุดด้วยแผนการและวิธีมากมายหลายอย่างที่รุริคิดเตรียมเอาไว้อย่างรอบคอบ เขาเล่ากันว่ามีการจัดให้วัวกับหมีต่อสู้กันที่ฟาร์มปศุสัตว์บางแห่งในฮอกไกโด การต่อสู้ระหว่างรุริกับนายโชดะก็จะเป็นเช่นนั้น คือพอหมียกเท้าหน้าขึ้นเพื่อตะปบด้วยกำลังแรง แล้ววัวก้มหัวลงใช้เขาแข็งแกร่งราวเหล็กกล้าขวิดเข้าที่ท้องได้ก่อน วัวก็จะเป็นฝ่ายชนะ รุริตั้งใจที่จะทำลายปีศาจร้ายตนนั้นให้ย่อยยับลงกับมือโดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์อันเป็นที่รักยิ่งชีวิต
รุริไม่ได้ตกลงใจแต่งงานด้วยความรักแต่ด้วยความเกลียดชังอย่างสุดแสนจะพรรณนา ชีวิตแต่งงานของรุริจากนี้ต่อไปคือการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งทุกวันคืน...
ขอให้นะโอะยะเชื่อใจในตัวรุริเถิด รุริมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะทรมานจิตใจและฆ่าชายชั่วคนนั้นให้ตายทั้งเป็นในชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งปี ขอให้นะโอะยะช่วยภาวนาให้รุริทำสำเร็จด้วยเถิด...
ข้อความในจดหมายมิได้จบลงเพียงเท่านี้