เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 10
วิษธรเดินออกมาหน้าห้อง กดรับสายโทรศัพท์จากดนัยที่โทร.มาจากสุโขทัย ด้วยสีหน้าร้อนอกร้อนใจ
“ครับพี่ดนัย...ว่าไงนะครับ” วิษธรมีสีหน้าตกใจมาก “โอเคครับ ผมจะรีบจองตั๋วกลับไปเดี๋ยวนี้…ครับ ๆ ขอบคุณมากครับ”
วิษธรวางสายด้วยสีหน้าเครียดจัด โดยไม่รู้ว่าหลังประตูที่เปิดแง้มอยู่นั้น จิรดาแอบฟังด้วยความสงสัย
เมื่อวิษธรกลับเข้ามาในห้อง จิรดายิ้มหวานให้แล้วเก็บของต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนวิษธรเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
“คุณดาครับ วันนี้ผมรบกวนคุณดามามากแล้ว พอแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ”
“ทำไมล่ะคะ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว”
“พอดีวันนี้ผมมีธุระต้องรีบเดินทางด่วนน่ะครับ คงอยู่เก็บของต่อไม่ได้”
“จริงเหรอคะ คงเป็นธุระสำคัญ แล้วคุณธรทำธุระแถวไหนเหรอคะ”
วิษธรชะงัก “เอ่อ สุโขทัยครับ พอดีมีคนติดต่อให้ไปดูที่ดินที่นั่น”
“สุโขทัยเลยเหรอคะ”
“ครับ เห็นว่าที่ดินแปลงนี้สวยมาก ถ้าผมไม่รีบไปอาจจะถูกตัดหน้าได้” เขาดูนาฬิกา “ยังไงผมคงต้องไปก่อน ส่วนของเดี๋ยวผมให้คนมาเก็บทีหลัง”
“ของมีไม่เยอะเท่าไหร่ ดาเก็บแป๊บเดียวก็เสร็จค่ะ คุณธรรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน ไม่ต้องห่วงของพวกนี้นะคะ เดี๋ยวดาเก็บให้”
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้ดาได้ช่วยคุณธรบ้างนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ ขอบคุณมากครับ ผมไปก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
วิษธรรีบเดินออกไป จิรดาโบกมือพร้อมส่งยิ้มหวานให้ รอจนวิษธรพ้นประตูออกไปก็หุบยิ้มใช้ความคิด
ภัทร์ธีราเข็นรถพานรินทร์ชมโรงแรม ในบรรยากาศแสนอึมครึมระหว่างนรินทร์และพรพจีที่เดินตามมาห่างๆ ภัทร์ธีราพูดทำลายความเงียบขึ้นในจังหวะหนึ่ง
“อารินหิวรึยังคะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า เดี๋ยวน้องจ๋าให้เชฟเตรียมให้ มีเมนูใหม่ๆเยอะเลยนะคะ”
“หยุดก่อนน้องจ๋า”
ภัทร์ธีราหยุดรถเข็นอย่างสงสัย จนเห็นวิษธรเดินผ่านมาด้วยท่าทางรีบเร่ง นรินทร์เรียกด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“คุณวิษธรของเรา ทำไมไม่เก็บของอยู่บนห้องทำงานนะ”
วิษธรหยุดกึก เดินเข้ามาหาพยายามเก็บอาการ
“ฉันมีเรื่องสงสัย”
“ครับ” วิษธรรอฟัง
“การเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ในโรงแรมควรมาจากการตัดสินใจของเจ้าของ แต่ฉันจำได้ว่า ไม่เคยมีใครมาบอกฉัน เรื่องจะเปลี่ยนไอ้นั่นไอ้นี่ในโรงแรมเลยซักครั้ง แปลกดีนะว่าไหม มันทำให้ฉันสงสัยว่าไอ้คนที่อนุมัติให้เปลี่ยนโดยที่ไม่บอกฉันซักคำนี่ มันต้องการจะฮุบโรงแรมของฉันหรือเปล่า”
พรพจีไม่พอใจ “การปรับปรุงโรงแรมให้ดีขึ้นเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร และธรก็ทำหน้าที่นั้นได้อย่างเต็มที่ ฉันว่าเจ้าของโรงแรมที่ดี คงไม่สงสัยการทำงานอย่างทุ่มเทของพนักงานหรอกนะคะ”
“แต่ยังไงก็ต้องผ่านฉันก่อน! ไม่ใช่ทำเหมือนฉันเป็นหัวหลักหัวตออย่างนี้”
“ที่ผ่านมา ถ้าการบริหารของผมทำอะไรให้คุณรินไม่พอใจ ผมก็ขอโทษด้วยครับ ยังไงตอนนี้ผมก็ลาออกแล้ว คงไม่ได้มาเกี่ยวข้องอะไรกับการบริหารโรงแรมนี้อีก ถ้าพวกคุณไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
วิษธรยกมือไหว้นรินทร์แล้วกำลังจะเดินออกไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“โอเคๆ ผมมีธุระด่วนต้องรีบไป ยังไงเจอกันที่หน้าลิฟต์ตรงลานจอดรถชั้นหนึ่งแล้วกัน”
พูดจบวิษธรก็เดินออกไปเลย พรพจีมองฉงน
“ฉันมีงานค้างอยู่ ขอตัวไปทำงานก่อนแล้วกัน”
พรพจีเดินจากไปทิ้งให้นรินทร์และภัทร์ธีรามองด้วยความสงสัย
พรพจีเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาด้วยความรีบร้อนจนลืมปิดประตู หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.ออกโดยเร็ว
เธอโทร.หาวิษธร รอสายอยู่นานแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย พรพจีเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ จิรดาเดินมาเห็น จึงทำเป็นเคาะประตูที่เปิดอยู่พลางแกล้งถาม
“คุณจีคงไม่ได้กำลังโทรหาคุณธรอยู่ใช่ไหมคะ”
พรพจีขึงตาใส่ โกรธที่จิรดาล้ำเส้น พูดเตือนสติด้วยด้วยความไม่พอใจ
“ฉันจะโทรหาผู้ร่วมงาน คนสนิทของฉัน มันแปลกตรงไหน”
“ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะโทร.หา ที่แปลกก็คือ เป็นผู้ร่วมงานคนสนิทแท้ๆ แต่ไม่รู้ว่าเขาไปไหน คนที่รู้ กลับเป็นดาซะเอง”
พรพจีอึ้งไป
“ดาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าคุณธรไปไหน เป็นคนเดียวที่ สนิท กันจริงๆ เพราะคุณธรบอกดาทุกเรื่อง”
พรพจีโกรธมาก แต่ร้อนใจเรื่องวิษธรมากกว่า
“เขาไปไหน”
“คุณธรบอกว่าจะไป...” จิรดาทำเป็นคิด “อืม บอกพร้อมกันดีกว่าค่ะ มีอีกคนที่น่าจะอยากรู้ด้วย” จิรดาเดินออกจากห้องไปไม่สนที่พรพจีเรียกไว้
“เดี๋ยว”
ไม่นานนักจิรดาก็เข็นรถพานรินทร์เข้ามาในห้อง
“ว่ามาสิคุณดา ไอ้ธรมันจะไปไหน”
“คุณธรบอกว่าจะไปดูที่ดินที่สุโขทัยค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ ไปเมื่อไหร่”
“วันนี้ค่ะ คุณธรไม่ได้บอกใครเลย นอกจากดาคนเดียว”
พรพจีสูดหายใจอย่างข่มอารมณ์
“หรือว่าเขาอยากให้คุณไปด้วย เอาอย่างนี้ผมให้คุณหยุดงานวันหนึ่งแล้วกัน ไปช่วยเขาเก็บกระเป๋า ถ้าเขาชวนไปสุโขทัยด้วยกันก็ไปได้เลยผมอนุญาต ผมชอบสนับสนุนให้คนรักกันเสียด้วยสิ” นรินทร์พูดกับจิรดาแต่จ้องหน้าพรพจีตาเป๋ง “เผื่อผลบุญมันจะทำให้เมียฉันตาสว่างได้บ้าง”
“ขอบคุณนะคะคุณริน ถ้าอย่างนั้นดาขอตัวก่อน เดี๋ยวจะไม่ทันคุณธร” จิรดายิ้มหวานให้พรพจี “ขอบคุณนะคะคุณจี”
จิรดาเดินอารมณ์ดีออกไป พรพจีมองตามอย่างเจ็บแค้น
“ทำไม อยากไปบ้างเหรอ”
“อย่ามาหาเรื่องกันหน่อยเลย น้องจ๋าไปไหนทำไมไม่อยู่ดูแลคุณ”
“ผมให้น้องจ๋าไปหาคนมาจัดการขยะที่ห้องทำงานไอ้วิษธร เอ..แต่จริงๆ แล้วมันก็คือห้องเก่าของผมที่คุณอัญเชิญมันเขาไปอยู่ มีแต่เศษสวะของมันรกเต็มไปหมด ผมทำงานไม่ได้หรอก”
“ถ้าทำไม่ได้ คุณก็กลับไปพักที่บ้านสิ จะฝืนอยู่ทำไม”
“ผมบอกว่าผมทำงานไม่ได้ที่ห้องนั้น ไม่ได้บอกว่าทำงานไม่ได้ที่ห้องนี้นี่ ผมจะใช้ห้องนี้ไปพลางๆ ก่อน ห้องเมียก็เหมือนห้องผัวนั่นแหละ คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม มีอะไรให้ผมเซ็นอีกไหม ผมอยากทำงานแล้ว”
นรินทร์ยิ้มเยาะ พรพจีมองหน้าสามีอย่างเจ็บใจ
วิษธรเคลียร์เอกสารสำคัญกับพนักงานโรงแรมเสร็จเรียบร้อย พนักงานยกมือไหว้ลา วิษธรเดินออกไปทางประตู จิรดาพุ่งออกจากลิฟต์ วิ่งเข้ามาเรียกไว้
“คุณธรคะ”
วิษธรหันกลับมาหา “คุณดา มีอะไรเหรอครับ”
“คุณธรจะกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านก่อนใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“ให้ดาไปด้วยนะคะ ให้ดาช่วยคุณเตรียมของ คุณจะได้มีเวลาดูเอกสารหรือทำอะไรอย่างอื่น คุณธรรอดาที่นี่แป๊บเดียวนะคะ ดาขอไปเอากระเป๋าก่อน”
จิรดาจะออกไปด้วยให้ได้ วิษธรทักไว้
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดเองได้ ผมไม่ได้เอาอะไรไปเยอะอยู่แล้ว ขอบคุณมาก ขอตัวก่อนนะครับ”
วิษธรหันหลังกำลังจะเดินไป เสียงอรดีดังขึ้น “ธรคะ”
วิษธรถอนหายใจอย่างอึดอัด หันหลังกลับไปเจออรดีที่รีบวิ่งเข้ามาเกาะแขน
“ธรจะไปไหนเหรอคะ คือบังเอิญดี้ผ่านมาแถวนี้ เห็นโรงแรมแล้วคิดถึงธรเลยแวะมาหา ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ ดี้หิ๊วหิว”
จิรดามองตาขวาง “ดูท่าทางจะหิวมากนะคะ แต่ไม่รู้ว่าหิวข้าว หรือหิวอย่างอื่น”
“นี่จะหาเรื่องใช่ไหม”
จิรดาเข้าเกาะวิษธรอีกข้าง “คุณธรช่วยดาด้วยค่ะ”
“ผมไม่มีเวลาแล้วจริงๆ ขอตัวนะครับ”
วิษธรเดินออกไป สองสาวเดินตาม วิษธรหยุดเดินหันกลับมาหาบอกด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม
“ผมขอร้อง อย่าตามมานะครับ”
วิษธรรีบเดินหนีไป ทิ้งให้อรดีและจิรดายืนงงกันอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเปิดสงครามน้ำลายขึ้น
“เพราะเธอคนเดียวคุณธรถึงได้หนีไป”
“เพราะแกนั่นแหละ ธรรีบไปเพราะทนความแอ๊บของแกไม่ได้”
“ก็ยังดีกว่าแกแล้วกัน กระโจนเข้าใส่ผู้ชาย ทำท่าเหมือนช้างตกมันในฤดูผสมพันธุ์อย่างนั้นแหละ เอ๊ะ ไม่น่าใช่ช้างนะ น่าจะเป็นแรดมากกว่า”
อรดีเงื้อมือจะตบ “แก”
“เอาสิ! ถ้าตบฉันคราวนี้ ฉันเอาตำรวจมาจับแกเข้าคุกแน่”
เห็นอรดีชะงักค้าง จิรดานึกว่าอีกฝ่ายกลัว
“อ้าว แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ นึกว่าแน่”
จิรดายิ้มเยาะ แล้วหันหลังกลับเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยความสะใจ โดยที่จิรดาไม่ทันระวังตัว อรดีตามเข้าไปด้วยโดยเร็ว แล้วผลักจิรดาออกจากลิฟต์จนหน้าคะมำไปไกล หัวเราะเยาะกลับ
“ฉันเก่งแต่ปากไหมล่ะ จำใส่สมองอันน้อยนิดของแกไว้เลยนะ อย่าคิดมาแข่งกับฉันอีก”
อรดีด่าไปด้วยกดลิฟต์เร่งให้ปิดไปด้วยประตูลิฟต์ปิดลง ทิ้งให้จิรดาร้องกรี๊ดๆ ด้วยความโมโหอยู่ลำพัง
พนักงานช่วยกันเก็บของและทำความสะอาดห้องทำงานเก่าของวิษธร มีภัทร์ธีรายืนคุมงานอยู่ที่มุมหนึ่ง พนักงานขนของออกไปบางส่วน
“เอ่อ ของพวกนั้นจะไปเก็บไว้ที่ไหนเหรอคะ”
“เอาไปทิ้งที่ทิ้งขยะโรงแรมครับ” พนักงานชายบอก
“เก็บไว้ในห้องเก็บของก่อนแล้วกันค่ะ อย่าเพิ่งทิ้งเลย”
“แต่คุณนรินทร์” พนักงานทักท้วง
“อารินไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง เก็บเอาไว้ก่อนเผื่อมีอะไรใช้ได้”
พนักงานพยักหน้ารับเอาคำ แล้วขนของออกไป พนักงานหญิงอีกคนถามขึ้น
“แล้วเอกสารส่วนตัวของคุณวิษธรล่ะคะ ทำลายทิ้งเลยไหมคะ”
“เอกสารส่วนตัวเหรอ” ภัทร์ธีราคิดบางอย่างได้ “เก็บไว้ตรงนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจ๋าจัดการเองตรงนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
รอจนพนักงานออกไปจนหมดแล้ว ภัทร์ธีราเดินมาที่กล่องใส่เอกสาร พบเอกสารเกี่ยวกับการถือหุ้นของวิษธรในโรงแรมธารา สำเนาทะเบียนบ้าน และเอกสารการโอนที่ดินต่างๆ ภัทร์ธีรามีสีหน้าครุ่นคิด แล้วตัดสินใจใส่ซองเอกสารแยกเอาไว้ต่างหาก
ทางฝ่ายนรินทร์นั่งเปิดเอกสารไปมา มีพรพจีนั่งมองอย่างอึดอัด ทั้งคู่มองกันไปมาแต่ไม่มีใครพูดอะไร
พรพจีตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ และลุกขึ้น จะเดินออกจากห้อง
“อยู่กับผัวได้แป๊บเดียวก็ทนไม่ไหว ต้องออกไปตามชู้เลยรึไง ร้อนใจมากสิท่า”
“จะคิดยังไงก็เชิญ ฉันพูดอะไรคุณก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว”
“คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” พรพจีไม่สนใจยังเดินต่อไปที่ประตู “หยุดนะ”
พรพจีหยุดนิ่งเหมือนยอมทำตาม
“ผมห้ามคุณไปไหนทั้งนั้น คุณต้องอยู่ที่นี่”
แต่แล้วพรพจีกลับเปิดประตูออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่สนใจนรินทร์อีก
“จี...จี หยุดนะ”
นรินทร์หยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทร.ออก
“น้องจ๋ามาหาอาหน่อย”
พรพจีกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามโถงทางเดินด้วยสายตามุ่งมั่น มีนรินทร์เข็นรถตามมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
“จี...จีหยุดนะ ผมบอกให้หยุด!”
พรพจีเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้นจนลับสายตาไป นรินทร์กระเสือกกระสนเข็นรถให้เร็วขึ้นแต่ก็ตามไม่ทัน เขาส่งเสียงเรียกไว้อย่างเหนื่อยล้า
“หยุดนะ หยุด คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จี”
ภัทร์ธีราตามมาเห็นเข้ารีบวิ่งมาหานรินทร์
“อารินคะ อารินจะไปไหนคะ”
นรินทร์ดึงมือภัทร์ธีรามาพูดขอร้องด้วยท่าทางอันน่าสงสาร
“น้องจ๋า น้องจ๋าไปตามอาจีเร็ว อาจีเขาไปแล้ว อาตามไม่ทัน เร็วลูก ไปสิ”
ภัทร์ธีรานั่งลงข้างๆ จับมือนรินทร์ไว้ “อารินใจเย็นๆ ก่อนนะคะ หายใจลึกๆ”
นรินทร์ทำตาม
“น้องจ๋าไปตามอาจีให้อาที”
“จ๋าว่าปล่อยอาจีไปก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าเราไปห้ามตอนนี้จะยิ่งไปกันใหญ่นะคะ”
“แต่อาจีกำลังจะไปหาไอ้ธรนะ ถ้าเขาหนีไปด้วยกันล่ะ ถ้า ถ้าจีหนีไป...”
“ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวจ๋าคุยกับอาจีเอง ส่วนเรื่องนายวิษธร ปล่อยให้เป็นหน้าที่จ๋า จ๋าจะหาหลักฐานมากระชากหน้ากากนายนั่นให้ได้ เราจะได้รู้กันซักทีว่านายนั่นเป็นใครกันแน่” ภัทร์ธีราลูบแขนนรินทร์ปลอบให้เย็นลง “อารินทำใจสบายๆ ไว้ใจจ๋านะคะ”
นรินทร์พยักหน้ารับเอาคำ ท่าทีสงบลง
วิษธรถือกระเป๋าออกมายืนรอแท็กซี่อยู่หน้าบ้าน ก้มมองนาฬิกาไปด้วย ระหว่างนี้รถของพรพจีจะเลี้ยวเข้าบ้านรมย์ฤดี เห็นวิษธรยืนอยู่จึงจอดรถ แล้วลงไปหา
“ธรคะ”
“จี”
“คุณกำลังจะไปไหน”
“ผมต้องไปดูที่ที่สุโขทัยด่วนน่ะ”
“ดูที่ แค่ดูที่ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยคะ”
“ไว้ผมค่อยเล่ารายละเอียดตอนนี้ผมต้องรีบไป”
มีเสียงบีบแตรจากรถแท็กซี่ที่วิษธรเรียกไว้ดังขึ้น
“ผมไปก่อนนะ”
พรพจีดึงแขนวิษธรไว้อย่างอาลัยอาวรณ์ “คุณต้องไปจริงๆ เหรอ คุณจะทิ้งฉันไปจริงๆ เหรอ”
วิษธรมองซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็ดึงมือพรพจีมากุม “ผมยังไม่มีเวลาอธิบายอะไรตอนนี้ แต่ขอให้คุณเชื่อผม ผมจะกลับมาเล่าให้คุณฟัง”
แท็กซี่รอนานบีบแตรเรียกอีกครั้ง
วิษธรหันไปมองแท็กซี่บีบมือพรพจีแน่น “ผมต้องไปแล้ว ผมไม่ทิ้งคุณหรอก อย่าห่วงเลย รอผมก่อนนะ เดี๋ยวผมก็กลับมา”
วิษธรปล่อยมือพรพจี แล้วขึ้นรถแท็กซี่ไป
วิษธรพาตัวเองมาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดสุโขทัย วิ่งเข้ามาด้านในโรงพยาบาลอย่างรีบร้อน จนมาถึงหน้าห้องประภาผู้เป็นมารดา ดนัย และม่านแก้วที่นั่งคอยอยู่ ต่างก็ลุกขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นเขา
“พี่ธร”
“พี่ดนัย น้องม่าน แม่เป็นยังไงบ้างครับ”
“อย่างที่พี่โทรไปบอกแกนั่นหละ อยู่ดีๆ น้าภาก็ร้องไห้โวยวายจนช็อกหมดสติไป คำผายเข้าไปเจอแล้วก็โทรบอกฉันให้รีบพามาโรงพยาบาลนี่แหละ แต่ตอนนี้ฟื้นแล้วนะ แกเข้าไปดูอาการน้าภาก่อนก็ได้”
วิษธรรีบเข้าห้องไป ม่านแก้วมองตามอย่างห่วงใย ดนัยลอบมองม่านแก้วหน้าเศร้า
“น่าสงสารพี่ธรนะคะ สงสารน้าภาด้วย ถ้ามีคนช่วยดูแลน้าภาตลอดเวลาได้ก็คงไม่เกิดเรื่อง”
“นั่นสินะ แต่ก็หาคนที่น้าภายอมให้ดูแลยากอยู่ ถ้าคนไม่คุ้นเคยแกไม่ยอมเลย เรียกหาแต่เจ้าธรนี่แหละ”
“ถ้าอย่างนั้นม่านจะช่วยเองค่ะ ม่านจะช่วยดูแลน้าภา น้าภาพอที่จะคุ้นเคยกับม่านอยู่ น่าจะยอมให้ช่วยดูแล ถ้าได้ช่วยแบ่งเบาภาระพี่ธรบ้างก็คงดี”
ดนัยยิ้มให้ม่านแก้วด้วยแววตาเศร้าโดยที่อีกฝ่ายไม่สังเกต
“ถ้าเป็นน้องม่าน น้าภาต้องยอมแน่”
ม่านแก้วยิ้มสดใสมาให้ ดนัยฝืนยิ้มตอบ
วิษธรค่อยๆ เดินไปลงนั่งๆ ข้างเตียงที่ประภานอนหลับตาอยู่ ส่งเสียงเรียกเบาๆ
“แม่ครับ”
ประภา หญิงวัยกลางคนหน้าตามีเค้าความสวย ค่อยๆ ลืมตา หันมามองวิษธรด้วยแววตาล่องลอย
วิษธรยิ้มให้ “ธรมาแล้วครับแม่”
ประภาเอื้อมมือมาจะจับใบหน้าของวิษธร เขาคว้ามือนั้นมาแนบแก้ม น้ำตาไหลริน
“แม่ไม่เป็นไรแล้วนะครับ แม่ไม่เป็นไรแล้ว ธรอยู่นี่ ขอโทษนะครับที่ปล่อยให้แม่อยู่คนเดียว ธรขอโทษ”
ประภามองฉงนเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“ใคร”
วิษธรมองหน้าแม่อย่างเศร้าใจ พยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลอยู่ แล้วฝืนยิ้มให้
“ผมชื่อธรครับ วิษธร เป็นลูกของแม่ประภาไงครับ”
“ธร วิษธร”
“ครับ” วิษธรชี้ที่ตัวเอง “วิษธร เป็นลูกของ” แล้วชี้ที่ประภา “แม่...ประภา”
ประภาท่องตามวิษธรพร้อมทั้งชี้มือตามไปด้วย
“วิษธร เป็นลูกของ ประภา”
“ใช่ครับ ใช่แล้ว”
ประภาชี้วิษธรแล้วชี้ตัวเองพร้อมท่องซ้ำไปซ้ำมา
“วิษธรเป็นลูกของประภาๆๆ” ในดวงตาอันเหม่อลอย มีชื่อหนึ่งวาบขึ้นมาในห้วงคิดนั้น “วราห์...วราห์” ประภาหันมาถามวิษธรอย่างสงสัย “วราห์...ใคร...”
“วราห์เป็นพ่อของวิษธร” วิษธรชี้ตัวเอง “เป็นสามีของแม่ไงครับ”
“สามี...วราห์...วราห์”
จู่ๆ ประภาก็กรีดร้องเสียงดังลั่นจากอาการวิกลจริต วิษธรรีบกดเรียกพยาบาล และพยายามจับตัวแม่ไว้
“แม่ครับ แม่...แม่ใจเย็นๆ ก่อน แม่”
“วราห์...ไม่...อ๊าย.......”
ประภาร้องกรีดร้องสุดเสียง พยาบาลสองคนวิ่งกรูเข้ามาช่วยกันจับอย่างอลหม่าน
“คุณคะ...คุณประภาอย่าดิ้นนะคะ”
หมอตามมาด้วยรีบเข้ามาฉีดยาให้ วิษธรเบือนหน้าหนีอย่างทนดูไม่ได้ น้ำตาไหลด้วยความสงสารแม่
ไม่นานต่อมาวิษธรเดินอ่อนแรงมาหาดนัยและม่านแก้ว ทั้งสองรีบเดินเข้าไปหาอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น น้าภาเป็นอะไร”
วิษธรทรุดตัวลงนั่งตรงเก้าอี้หน้าห้องผู้ป่วย กุมขมับ
“แม่อาการไม่ค่อยดี หมอเลยฉีดยาให้ ตอนนี้หลับไปแล้ว”
ม่านแก้วนั่งลงข้างๆ จับบ่าเบาๆ “น้าภาจะต้องดีขึ้น พี่ธรต้องเข้มแข็งนะคะ”
วิษธรเงยหน้ามองม่านแก้ว “ขอบคุณครับ”
ดนัยเข้ามานั่งอีกข้าง ตบบ่าวิษธรปลอบ “ไม่ต้องคิดมากนะ เอ้อ แม่ฉันบอกว่าถ้าแกเสร็จธุระทาง
นี้ ให้ไปหาที่บ้านด้วย”
“แต่ผมอยากอยู่เฝ้าแม่ก่อน พี่นัยกับน้องม่านกลับกันไปก่อนก็ได้ครับ ฝากบอกป้าวลัยด้วยว่าผมจะรีบไปกราบท่านให้เร็วที่สุด”
“ได้ไงล่ะ ขืนแกไม่ไปตอนนี้ฉันจะโดนแม่ด่าเอาน่ะสิ ไปเถอะ ไปตอนนี้แหละตอนนี้น้าภาหลับอยู่ แกกลับมาอีกทีก็คงตื่นพอดี”
“พี่ธรไปหาคุณป้าวลัยก่อนเถอะค่ะ ม่านจะดูน้าภาให้เอง”
“พี่ก็จะอยู่นี่ ช่วยน้องม่านอีกแรง” ดนัยยื่นกุญแจรถให้ “เอ้า เอารถคันนี้ไปใช้ก่อน”
วิษธรถอนหายใจอย่างจำนน “ก็ได้ครับ” เขามองหน้าม่านแก้วและดนัยอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ”
วิษธรลุกขึ้น
“เดี๋ยวผมมานะครับ ฝากแม่ด้วย มีอะไรฉุกเฉินรีบโทร.มานะครับ”
รถแล่นเข้ามาจอดในบ้านวลัย วิษธรลงจากรถกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน วลัยนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงโต๊ะสนามหน้าหญ้า เห็นวิษธรก็วางหนังสือลงแล้วยิ้มทักอย่างใจดี
“มาแล้วเหรอลูก”
วิษธรนั่งลงก้มกราบแทบตักวลัย “สวัสดีครับคุณป้า”
“ไหว้พระเถอะลูก ลุกขึ้นเถอะ ไปหาแม่เขามาแล้วใช่ไหม แม่เขาเป็นไงบ้างแล้วเราล่ะเป็นยังไง กินอะไรมารึยัง”
วิษธรยิ้มแย้ม “คุณป้าถามเสียเยอะ ผมจะตอบคำถามไหนก่อนดีครับ”
“คำถามไหนก็ได้จ้ะ” วลัยลูบบ่าวิษธรเบาๆ “เห็นธรยิ้มได้อยู่ป้าก็สบายใจ”
“ผมไปเยี่ยมแม่มาแล้วครับ อาการแม่ ยังไม่ค่อยดี” เขาไม่อยากให้ป้าไม่สบายใจเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง “ส่วนผมสบายดี ยังไม่ได้กินอะไรมาเลยครับ”
“ว่าแล้วเชียว ถ้าอย่างนั้นเข้าบ้านก่อนเถอะ ป้าให้แม่ตลับเขาเตรียมของโปรดไว้ให้ธรหลายอย่าง ไปลูก”
“ครับคุณป้า”
วลัยพาวิษธรเข้าบ้านไป
วลัยนั่งมองวิษธรด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะรอสาวใช้ชื่อ ตลับ เสิร์ฟขนมให้จนเสร็จ
“โห มีแต่ของโปรดผมทั้งนั้นจริงๆ ด้วย น่ากินทั้งนั้นเลยครับ”
“ถ้าโปรดก็กินเยอะๆ สิจ๊ะ เราซูบลงไปนิดนะ”
วิษธรตักขนมกิน “อร่อยเหมือนเดิมเลยครับ”
“แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
วิษธรมีสีหน้าเครียดขึ้นมา “มีปัญหานิดหน่อย แต่ยังพอรับมือได้อยู่ครับ”
“ไหวใช่ไหมลูก”
วิษธรบอกด้วยแววตาแน่วนิ่ง “ไหวครับ”
“แล้วมาคราวนี้เราจะอยู่กี่วัน”
“คงต้องขึ้นอยู่กับอาการของแม่น่ะครับ ถ้าหากแม่ดีขึ้นแล้วผมก็คงต้องรีบกลับ ต้องไปสะสางเรื่องทางโน้นให้เรียบร้อยด้วย”
วลัยหน้าเครียดไปเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ก่อนกลับแวะไปหาคุณสร้อยแก้วแม่หนูม่านบ้างสิ เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ว่าขึ้นมาแล้วไม่ไปทักทายเขาบ้าง”
“ผมว่าจะไปอยู่แล้วครับ”
“ดีแล้วล่ะลูก ป้าบอกตรงๆ นะ ว่าอยากได้หนูม่านมาเป็นสะใภ้ ถ้าธรยังไม่ได้รักใคร”
วิษธรกินขนมไปเงียบๆ
“ธร ผู้หญิงแบบหนูม่านน่ะ เดี๋ยวนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะลูก แต่ธรก็เงียบกับน้องเหลือเกินช่วงนี้ ไม่ชอบน้องตรงไหนเหรอ หรือว่าธรมีคนรักแล้ว”
วิษธรสับสน “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมกับน้องรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผมก็รู้สึกดีกับน้อง แต่แค่ยังไม่ต้องการมีพันธะผูกพันกับใคร ระหว่างที่ผมยังทำงาน สำคัญ ไม่เสร็จ คุณป้าเข้าใจผมใช่ไหมครับ”
วลัยถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจ
ที่โรงแรมธารา กรุงเทพฯ ภัทร์ธีราเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานส่วนตัว มองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีคนมองจึงค่อยๆดึงเอกสารของวิษธรออกจากแฟ้มมาอ่าน
ภัทร์ธีราดูเอกสารทีละใบ ทั้งใบถือหุ้น โฉนดที่ดิน แล้วก็หยุดอ่านอย่างจริงจังที่เอกสารใบหนึ่ง เป็นสำเนาทะเบียนบ้านระบุที่อยู่ปัจจุบันคือบ้านที่กรุงเทพฯ ข้างบ้านรมย์ฤดีนั่นเอง แต่ภูมิลำเนาอยู่ที่สุโขทัย
ภัทร์ธีราสงสัยอะไรบางอย่าง จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.ออกหาสรัช
“ฮัลโหล พี่เอ้คะ”
สรัชกำลังเลือกซื้อของตกแต่งร้านอาหารอยู่ในห้างสรรพสินค้า รับสายคนรักด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ครับผม มีอะไรคะ อย่าบอกนะว่าคิดถึงพี่”
“คือจ๋ามีเรื่องรบกวนให้พี่เอ้ช่วยน่ะค่ะ จ๋าอยากให้พี่เอ้ช่วยหานักสืบให้จ๋าซักคน”
สรัชตกใจ “นักสืบ! อย่าบอกนะว่าน้องจ๋า” เขาหัวเราะอารมณ์ดี “นี่น้องจ๋าจะให้นักสืบมาสืบว่าพี่มีกิ๊กหรือเปล่าเหรอ” สรัชฟังคำอธิบายสีหน้าเริ่มเครียด “แล้วมันแบบไหนล่ะคะ เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง น้องจ๋าถึงอยากให้หานักสืบ”
“จ๋าแค่อยากรู้ประวัติของใครบางคน...พนักงานที่นี่แหละค่ะ จ๋าแค่กลัวเขาจะไม่ซื่อสัตย์ พี่เอ้ถามเยอะจัง ตกลงจะช่วยจ๋าไหมคะเนี่ย”
“ช่วยสิครับ เดี๋ยวพี่จะลองถามพ่อให้ ท่านรู้จักนักสืบเก่งๆ อยู่ ว่าแต่ทำไมน้องจ๋าถึงคิดว่าพนักงานคนนั้นไม่ซื่อสัตย์ล่ะ”
“เซนส์มันบอกค่ะ แล้วจ๋าก็มั่นใจว่ามันถูกแน่ๆ ที่เหลือก็แค่หาหลักฐานให้ได้”
ภัทร์ธีรามองดูเอกสารของวิษธรในมืออีกครั้งด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาดหมาย
ฝ่ายวิษธรยังนั่งกินขนมและพูดคุยกับวลัยอยู่ในโถงชั้นล่าง
“กินขนมด้วยสิลูก กินไปนิดเดียวเองนะ”
“พอแล้วล่ะครับคุณป้า ขอบคุณครับ แต่ผมอิ่มแล้ว” ชายหนุ่มดูนาฬิกา “ผมออกจากโรงพยาบาลมานานแล้ว คงต้องขอตัวกลับไปดูแลแม่ก่อน ไม่อยากรบกวนน้องม่านกับพี่ดนัยนานเกินไป”
“ก็ได้จ้ะ เอาขนมไปฝากแม่เรากับหนูม่านด้วยสิ ป้าเตรียมไว้ให้แล้ว”
วลัยหันไปพยักหน้าให้ตลับนำถุงขนมมายื่นให้ วิษธรรับมา
“ขอบคุณครับ”
“ภาน่ะเขาดีใจทุกครั้งที่เห็นธรอยู่ใกล้ๆ นะลูก ถึงเขาจะลืมอะไรหลายๆ อย่างไป แต่ธรอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ”
วิษธรหน้าเศร้าลง “ครับ”
“แล้วคนที่นี่ก็มีแต่คนที่รักธร แล้วก็จริงใจกับธรเสมอ”
“ครับผมรู้”
“ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรสำคัญแค่ไหนก็ตาม ป้าอยากให้ธรกลับบ้านให้บ่อยขึ้นหน่อย” วลัยนิ่งไปสักพัก “ธรต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะลูก อย่าให้อะไรๆ มันสายเกินไป”
วิษธรจุกกับคำพูดของวลัย
“ผมวางแผนจะกลับมาอยู่บ้านถาวรอยู่แล้วครับ ผมเป็นห่วงแม่ แล้วก็ทุกคนที่นี่ แต่ ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน แล้วผมจะกลับมา ผมสัญญาครับ”
วลัยพยักหน้ารับอย่างจนใจ
“ผมคงต้องไปจริงๆแล้ว ขอบคุณนะครับคุณป้า”
วิษธรไหว้ลาป้าอย่างนอบน้อม วลัยลูบหัวหลานอย่างรักใคร่ มองส่งวิษธรเดินออกไปจนลับตาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ตกตอนค่ำ ประภานั่งเอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยโดยมีม่านแก้วนั่งป้อนอาหารอยู่ข้างๆ ดนัยนั่งมองอย่างปลาบปลื้ม
“อีกคำนะคะคุณน้า”
ประภาพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“กินเยอะๆ เลยนะคะ จะได้แข็งแรงเร็วๆ”
วิษธรเข้ามาในห้อง เห็นประภาทานอาหารได้ก็ยิ้มอย่างดีใจ เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ประภาเห็นวิษธรก็มีสีหน้าประหลาดใจ
“กินอีกคำนะคะ”
ประภาเบือนหน้าหนีจากม่านแก้ว ดวงตาจ้องมองวิษธรอย่างตื้นตัน เรียกลูกชายเบาๆ น้ำตาคลอ
“ธร”
ม่านแก้ว และดนัยหันไปมองวิษธรด้วยความดีใจที่เห็นประภาจำวิษธรได้แล้ว
“แม่ว่าอะไรนะครับ”
“ธร ธรลูก”
“แม่...แม่จำผมได้แล้วเหรอครับ”
“ธร” ประภายื่นมือมาหา “ธรกลับมาแล้วเหรอลูก”
วิษธรจับมือแม่ยิ้มทั้งน้ำตา “ครับ ธรกลับมาแล้วครับ”
สองแม่ลูกสวมกอดกันด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ
“แม่...คิดถึงธรเหลือเกิน”
“ผมก็คิดถึงแม่มาก ผมรักแม่นะครับ”
ดนัยมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มสุขใจ ม่านแก้วถึงกับน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง
วิษธรนึกขึ้นได้ว่ามีม่านแก้วอยู่ด้วย เลยเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของตน
“แม่ยังกินข้าวไม่หมดเลย กินต่อนะครับ เดี๋ยวผมป้อนเอง”
ม่านแก้วส่งอาหารให้วิษธรป้อนประภา แต่เสียงมือถือวิษธรดังขัดขึ้น ม่านแก้วเห็นวิษธรมองชื่อที่หน้าจอแล้วกดปิดเสียงไป
“มากินข้าวต่อดีกว่านะครับ”
มือถือของวิษธรสั่นเสียงดัง ม่านแก้วมองสงสัย วิษธรกดตัดสายไปเลย
“ถ้าพี่ธรมีธุระด่วนไปคุยก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวม่านดูแลคุณป้าให้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้พี่ก็รบกวนน้องม่านมามากแล้ว น้องม่านกับพี่นัยกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าแม่เอง”
“แต่ม่านไม่เหนื่อยเลยนะคะ ม่าน...”
ดนัยแทรกขึ้นว่า “พี่เห็นด้วยกับธรนะ น้องม่านกลับไปพักก่อนเถอะจ้ะ ธรมันคงอยากดูแลน้าภา
เอง”
“อย่างงั้นก็ได้ค่ะ ม่านกลับก่อนนะคะพี่ธร”
“ครับ ขอบคุณน้องม่านอีกครั้งนะครับ พี่นัยด้วยนะพี่”
“เล็กน้อยน่ะ ไปนะ พักผ่อนด้วยล่ะ”
วิษธรหันมาป้อนข้าวแม่ต่อ ตาเหลือบมองหน้าจอมือถือ เห็นชื่อพรพจีโทร.มา แต่เขาไม่ยอมรับจนสายตัดไปอีกรอบ
ด้านพรพจีโทรศัพท์พร้อมกับเดินไปเดินมาในห้องนั่งเล่นบ้านรมย์ฤดี เมื่อวิษธรไม่รับสาย เธอโทร.หาอีกครั้ง
“รับสิๆ รับสิ ธร ได้โปรด”
เขาไม่รับ พรพจีทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิด ทำท่าจะกดหาอีกครั้งแต่สุดท้ายก็ตัดใจไม่โทร. ขว้างมือถือลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิด มือกุมขมับด้วยความเครียด
“โอ๊ย! ไปอยู่ที่ไหนนะธร ทำอะไรอยู่นะ”
จิรดายืนแอบดูอยู่ริมประตูตั้งแต่แรก ยิ้มเยาะด้วยความสะใจ
นรินทร์นั่งหน้าเครียดอยู่บนรถเข็นมองออกไปนอกหน้าต่าง จนจิรดาเดินเขามาหา
“ทำไมทำหน้าเครียดจัง คุณรินน่าจะมีความสุขได้แล้วนะคะ”
“จะมีได้ยังไง ถ้าจีกับไอ้ธรยังไม่ตัดขาดกันแน่นอน ฉันก็ไม่มีวันมีความสุขได้หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงใกล้กับสิ่งที่คุณต้องการมากๆ แล้วล่ะค่ะ”
น้ำเสียงเริงร่าของพยาบาลส่วนตัว เรียกให้นรินทร์หันมามองอย่างสนใจ
“ทำไม มีอะไรอย่างนั้นเหรอ”
“ดาเห็นคุณจีโทรหาคุณธร แต่คุณธรไม่ยอมรับโทรศัพท์เลยค่ะ”
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะ ดูเหมือนว่าคุณจีจะเสียใจมากด้วยนะคะ”
จิรดายิ้มอย่างผู้ชนะ
“โดนทิ้งเข้าแล้วสินะ สมน้ำหน้า พอหมดประโยชน์แล้วเด็กมันก็ถีบหัวส่ง ตอนนี้เธอคงเจ็บเหมือนที่ฉันเจ็บ แล้วสุดท้ายก็ต้องคลานกลับมาหาฉัน”
นรินทร์พูดด้วยแววตาเจ็บปวดปนสมเพช
ค่ำคืนนั้น วิษธรนั่งจับมือจนประภาหลับไป เขาจัดผ้าห่มให้เรียบร้อย หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไปที่ระเบียง หน้าจอมือถือ พบว่าพรพจียังคงส่งไลน์มาไม่หยุด วิษธรตัดสินใจกดโทร.หาเธอ
ในห้องนั่งเล่นบ้านรมย์ฤดี พรพจีพิมพ์ไลน์หาวิษธรอยู่ในนั้นยังไม่ยอมขึ้นนอน
"ธร ฉันขอร้องตอบฉันที อย่างน้อยฉันจะได้รู้ว่าคุณไม่ได้เป็นอะไร"
มีเสียงสายเรียกเข้าดังขึ้น หน้าจอขึ้นชื่อวิษธร พรพจีดีใจมากรีบกดรับสายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สองคนคุยสายกัน
“ธร ธรคุณอยู่ไหนกันคะ ทำไมคุณไม่รับโทรศัพท์ฉันเลยฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว”
“ผมขอโทษครับ ผมติดธุระทั้งวันเลย จนตอนนี้เพิ่งจะปลีกตัวได้ ผมคิดถึงคุณนะครับ”
“จริงเหรอ คุณคิดถึงฉันจริงๆ เหรอ” พรพจีร้องไห้ “ถ้าคุณคิดถึงฉัน กลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เลยได้ไหมคะ”
“ไม่ได้จริงๆ ครับ ตอนนี้เรื่องที่ดินยังไม่เรียบร้อย” วิษธรเหลียวไปมองที่ประภาบนเตียงในห้อง “คงต่ออยู่อีกหน่อย เสร็จธุระทุกอย่างแล้ว ผมจะรีบกลับไปทันที รอผมได้ไหม”
“ถ้าคุณให้รอฉันก็จะรอ รีบกลับมานะคะ ฉัน...”
จู่ๆ ประภาเรียกหาวิษธร
“ธร...ลูก...”
“ครับ เอ้อ แค่นี้ก่อนนะครับ พอดีเจ้าของที่โทร.มา”
วิษธรกดตัดสาย แล้วรีบเดินไปหาแม่
“ธร น้ำ แม่ขอน้ำ”
วิษธรรินน้ำใส่แก้วยื่นให้ดื่ม “ครับแม่ นี่ครับค่อยๆ กินนะครับ”
“ธร ธรคะ”
พรพจีหน้าเศร้าลง จะร้องไห้อีก ภัทร์ธีราเดินมาเห็นเข้า
“อาจี โทรหานายวิษธรอยู่เหรอคะ”
พรพจีรีบสงบอารมณ์
“เปล่านี่จ๊ะ”
ภัทร์ธีราเดินนั่งด้วยจับมืออ้อนวอน “อาจีอย่าติดต่อกับเขาอีกเลยนะคะ นับวันนายนั่นยิ่งทำตัวน่าสงสัยขึ้นเรื่อยๆ จ๋าไม่ไว้ใจเขาเลย อาจีอย่าไปยุ่งกับเขาอีกเลยนะคะ ปล่อยเขาไป ไม่ต้องเจอกันอีก”
พรพจีโกรธจนลืมตัว ตวาดออกไป
“อาเคยบอกแล้วไงว่าตราบใดที่เราไม่มีหลักฐาน ก็ไม่ควรจะปรักปรำใคร อย่าว่าเขาให้อาได้ยินอีกนะ”
พรพจีลุกเดินหนีขึ้นห้องไปเลย
ภัทร์ธีราอึ้ง ผิดหวังที่ถูกพรพจีตวาดใส่เพราะเรื่องวิษธร ก่อนจะมุ่งมั่นขึ้น
“ถ้าอาจีอยากได้หลักฐาน จ๋าก็จะหามาให้ได้ค่ะ”
รุ่งเช้า รถเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน วิษธรประคองประภาลงจากรถ วลัยมีสีหน้าดีใจ เดินออกมาต้อนรับ
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะภา”
ประภายิ้มทัก
“หมอบอกว่าดีขึ้นมาก ให้กลับมาพักที่บ้านได้แล้วครับ”
“ดีแล้ว โล่งใจไปที แล้วนี่กินอะไรกันมาหรือยังจ๊ะ ป้าซื้อกับข้าวมาเยอะเลย กินกันเลยไหม”
“ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมกับแม่กินมาเรียบร้อยแล้ว หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็พาแม่ไปฉลองที่ร้านโปรดมาเรียบร้อยครับ”
“แล้ววันนี้เราต้องไปไหนอีกหรือเปล่า”
“คงอยู่ดูแลแม่ทั้งวันครับ”
“ถ้าอย่างนั้น แวะไปหาน้าสร้อยกับหนูม่านเขาหน่อยสิลูก ไปกับป้า”
“แต่แม่”
วลัยหันมาทางประภา “ประภา เธอว่าให้ธรไปหาหนูม่านดีไหม หนูม่านที่น่ารักๆ น่ะ เธอก็ชอบหนูม่านใช่ไหม”
“หนูม่าน...ม่านแก้ว น่ารัก... ชอบๆ” ประภาว่า
วลัยยิ้มกริ่ม “เห็นไหม เดี๋ยวธรก็พาแม่ไปนอนพักเสียหน่อย แล้วให้คำผายคอยดู ส่วนธรก็ไปกับป้า แป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับ”
วิษธรมองหน้าประภาเชิงถาม ประภายิ้มให้พร้อมพยักหน้าอนุญาต
“ก็ได้ครับ”
“แล้วอย่าลืมทำตามที่ป้าบอกด้วยล่ะ”
วิษธรพยักหน้ารับ วลัยยิ้มอย่างดีใจ
สรัชพาภัทร์ธีราเดินสำรวจร้านอาหารของตัวเองที่ยังอยู่ในระหว่างการตกแต่ง ยิ้มยืดอย่างภาคภูมิใจ
“เป็นยังไงคะ ร้านของพี่สวยไหม”
ภัทร์ธีรายิ้มตอบ “สวยค่ะ”
“น้องจ๋าว่าพี่ควรจะสลับโต๊ะตัวนี้ไปไว้ตรงนั้นจะดีกว่าไหมคะ พี่ว่าน่าจะทำให้ร้านดูโล่งขึ้นอีก”
ภัทร์ธีรามองเหม่อ ไม่ยอมตอบ สรัชจึงยื่นหน้าเข้าไปหา
“คะ พี่เอ้ว่าไงนะคะ”
“น้องจ๋าเป็นอะไรคะ ทำไมดูเหม่อๆเครียดๆ”
“จ๋ามีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ เอ่อ พี่เอ้คะ เรื่องนักสืบที่จ๋าให้พี่เอ้ช่วยหา...”
“อ้อ ลืมไปเลย” สรัชหยิบนามบัตรให้ “นี่ค่ะ ชื่อแล้วก็เบอร์โทร. บอกเขาว่ารู้จากพี่นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
สรัชลังเล ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดออกไปไหม
“พี่รู้ว่าถ้าถามตรงๆ ก็คงไม่ได้คำตอบ พี่จะรอให้น้องจ๋าสบายใจแล้วเล่าให้พี่ฟังเองนะคะ”
“พี่เอ้”
“พร้อมเมื่อไรค่อยเล่าให้พี่ฟัง ระหว่างนี้ถ้าอยากให้พี่ช่วยอะไรก็บอกได้เลยนะ”
“ขอบคุณมากนะคะพี่เอ้”
ภัทร์ธีรายิ้มขอบคุณ สรัชยิ้มตอบกลับมา
ม่านแก้วกำลังจัดจานอาหารเหนืออย่างมีความสุข สร้อยแก้วเดินเข้ามาเรียก
“พร้อมหรือยังลูก พี่ธรกับคุณป้าวลัยมาถึงแล้ว”
ม่านแก้วหยุดตกแต่งจานอย่างตื่นเต้น
“พร้อมแล้วค่ะ”
สร้อยแก้วยิ้มให้กำลังใจลูกสาว สักครู่หนึ่งวิษธรและวลัยเดินเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับคุณน้า สวัสดีครับ น้องม่าน”
“นั่งกันก่อนสิ รับของว่างกันก่อน น้องม่านเขาเตรียมอย่างสุดฝีมือเลยนะ”
“จริงเหรอลูก ไหนดูซิ เอ นี่มีแต่ของชอบของเราทั้งนั้นเลยนี่ธร”
“มีของโปรดคุณป้าด้วยค่ะ” ม่านแก้วว่า
“โอ๊ย หนูช่างรู้ใจจริงๆ เลย ของที่หนูทำน่ะอร่อยทุกอย่างป้าชอบหมดนั่นแหละ ธร ลองชิมสิ ของโปรดเรานี่”
วิษธรตักไส้อั่วมากิน ม่านแก้วมองลุ้นๆ ว่าเขาจะชอบไหม
“อร่อยเหมือนเดิม ไม่สิ อร่อยกว่าเดิมอีกครับ”
ม่านแก้วยิ้มปลื้ม สร้อยแก้วกับวลัยยิ้มให้กันอย่างพอใจ
“อาหารอร่อยมากเลยหนูม่าน แต่เมื่อเช้าป้ากินที่บ้านมาเยอะยังไม่ค่อยหิว” วลัยหันมาทางสร้อยแก้ว “เออ สร้อยเธอว่าจะอวดกล้วยไม้ที่เธอเลี้ยงไว้ไม่ใช่เหรอ พาฉันไปดูหน่อยสิ จะได้เดินย่อยด้วย
“กล้วยไม้” สร้อยแก้วงง
“หรือว่ากุหลาบ”
วลัยส่งสัญญาณเชิงบอกให้สร้อยแก้วออกไปด้วยกัน เพื่อเปิดโอกาสให้วิษธรอยู่กับม่านแก้วสองต่อสอง
“อ้อใช่ กุหลาบ! ไปสิๆ” สร้อยแก้วบอกกับวิษธรว่า “ธรจ๊ะ คุยกับน้องม่านไปก่อนนะ”
“ครับคุณน้า”
วลัยพยักหน้าให้สร้อยแก้วแล้วเดินออกไป ม่านแก้วนั่งมองหน้าวิษธรอย่างเขินๆ
วลัย และสร้อยแก้วเดินชมสวนสวยมาด้วยกัน สร้อยแก้วเอ่ยขึ้นว่า
“เธอนี่มันเจ้าแผนการดีจริง”
“แผนกงแผนการอะไร เขาเรียกว่าตามน้ำจ้ะ เห็นชัดว่าเด็กสองคนนั้นเขาอยากจะใช้เวลาพูดคุยกันส่วนตัวตามประสาหนุ่มสาวมากกว่า”
สร้อยแก้วยิ้มชื่นสุขใจ
“ฉันล่ะอยากให้พวกเขาได้ลงเอยกันเสียที ถ้าเธอไม่รังเกียจธร”
“ฉันจะไปรังเกียจธรได้ยัง ฉันยินดีเสียอีกถ้าจะได้เขาเป็นลูกเขย เพราะม่านก็คงจะมีความสุขมาก รายนั้นน่ะ หายใจเข้าออกก็เป็นพี่ธรตลอดเวลา แล้วธรล่ะคิดยังไง เขาหายไปกรุงเทพฯ เสียนาน ยังรู้สึกกับม่านแก้วเหมือนเดิมไหม”
“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องห่วง ฉันรับรองได้ว่าธรไม่มองผู้หญิงคนไหน หนูม่านเป็นคนเดียวที่ธรอยากจะแต่งงานด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็โล่งใจ แต่ยังไงฉันก็คงต้องไปคุยกับลูกอีกทีให้แน่นอน” สร้อยแก้วบอก
“ได้จ้ะ ฉันแทบจะรอวันที่ทุกอย่างจบลงอย่างมีความสุขไม่ไหวแล้วสิ” วลัยเผลอหลุดปาก
สร้อยแก้วงง “อะไรจบกันจ๊ะ”
“เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”
วลัยกับสร้อยแก้วชมสวนกันต่ออย่างเบิกบานอารมณ์ดี
วิษธรนั่งทานของว่างอย่างเอร็ดอร่อย ม่านแก้วนั่งมองนั่งเขินอยู่ข้างๆ
“ไม่กินด้วยกันเหรอครับ”
“ม่านเห็นพี่ธรกินก็อิ่มแล้วล่ะค่ะ เอ่อ หมายถึงม่านยังไม่ค่อยหิวค่ะ พี่ธรทานเถอะ”
“อาหารอร่อยมากจริงๆ” วิษธรจ้องหน้าม่านแก้ว “ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ม่านชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว แค่นี้สบายมาก”
“ไม่ใช่แค่เรื่องกับข้าวนะครับ พี่ขอบคุณที่ม่านช่วยดูแลแม่ และคนในครอบครัวของพี่อย่างดี ตลอดมา”
“ม่านเต็มใจทำค่ะ ม่านรักน้าภา ป้าวลัย และก็พี่นัยเหมือนคนในครอบครัว”
วิษธรยิ้มหวาน “พรุ่งนี้น้องม่านว่างไหมครับ”
“พี่ธรมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่อยากจะตอบแทนม่าน ก็เลยว่าจะชวนไปเที่ยวน้ำตกด้วยกัน ม่านเคยบอกว่าชอบที่นั่นมาก”
ม่านแก้วอึกอัก “เอ่อ...”
“ไปกับพี่นะครับ”
ม่านแก้วเขินใหญ่ “ค่ะ เอ่อ แต่ม่านคงต้องถามแม่ก่อน”
“ได้ครับ”
วิษธรกินของว่างต่อ ม่านแก้วกินไปเขินไป ดูออกว่ามีความสุข
ขณะที่พรพจีนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ มีภัทร์ธีรานั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องด้วย จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พรพจีออกปากอนุญาตโดยที่ยังก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่
“เข้ามา”
เป็นผู้จัดการโรงแรมเดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจ
“คุณจีครับ เกิดเรื่องแล้วครับ ลูกค้าโวยวายเรื่องที่เราไม่ให้พาผู้หญิงขายบริการขึ้นห้อง ผมไปคุยแล้ว แต่เขาไม่ยอม ตอนนี้กำลังจะขึ้นไปบนห้องแล้วครับ”
พรพจีก้มหน้าอ่านเอกสารไป “ให้ธรจัดการสิ”
ภัทร์ธีรามองพรพจีอย่างแปลกใจ
“เอ่อ คุณธรออกไปแล้วนะครับ” ผู้จัดการว่า
พรพจีเงยหน้ามามอง นึกขึ้นได้
“จริงสิ ธรออกไปแล้ว”
พรพจีถอนหายใจ วางงานในมือลง กุมขมับท่าทางเครียดจัด
“โอเค ฉันจะลงไปเอง”
พรพจีลุกขึ้น ภัทร์ธีราลุกตาม
“เดี๋ยวค่ะอาจี ให้จ๋าจัดการเถอะค่ะ”
“แต่...”
ภัทร์ธีราขอร้อง “นะคะ”
“ก็ได้จ้ะ แต่อาขอลงไปด้วย ถ้ามีอะไรผิดพลาดอาจะได้ช่วยได้ โอเคไหม”
“ค่ะ”
แขกของโรงแรมยืนอยู่กับหญิงบริการที่บริเวณหน้าลิฟต์ กำลังโวยวายใส่พนักงานเสียงดังจะขึ้นห้องให้ได้
“ทำไมจะไม่ได้ ใครๆ เขาก็ทำกัน ถ้ามีปัญหาไปเรียกเจ้าของมาคุยเลย”
พนักงานยืนหน้าเครียด ไม่รู้จะทำอย่างไร
จนกระทั่งภัทร์ธีราเดินเข้ามา “มีอะไรคุณสามารถคุยกับฉันได้ค่ะ”
แขกหันมาหา “คุณเป็นเจ้าของเหรอ งั้นช่วยพูดให้พนักงานของคุณรู้เรื่องหน่อยสิว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผมแค่ต้องการผ่อนคลาย และมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่พนักงานของคุณไม่ควรมายุ่ง”
“คุณต้องการผ่อนคลายเหรอคะ”
“ใช่ ผมต้องการพาน้องคนนี้ขึ้นไปบนห้องกับผม มันเป็นห้องที่ผมจ่ายเงินทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์นอน”
ภัทร์ธีราพูดด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย
“คุณมีสิทธิ์ค่ะ แต่เรามีกฎของโรงแรม ซึ่งกฎทุกข้อของเราตั้งขึ้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกค้า ยังไงถ้าคุณต้องการผ่อนคลาย เรามีบริการอื่นที่รับรองได้ว่าจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง นี่เป็นบัตรกำนัลนวดสปา แทนคำขอโทษที่เราจำเป็นต้องทำตามกฎ เพื่อความปลอดภัยของคุณค่ะ”
แขกไม่ยอม “หมายความว่าคุณจะไม่ยอมให้ผมพาน้องขึ้นไปบนห้องของผมจริงๆ เหรอ”
ภัทร์ธีราบอกด้วยท่าทีอันนอบน้อม “ด้วยความเสียใจอย่างมาก แต่ใช่ค่ะ เราต้องทำตามกฎ ได้โปรดรับบัตรกำนัลแทนความเสียใจของเราด้วยนะคะ”
แขกโกรธจัด พรพจี และพนักงานที่เหลือกากันลุ้นระทึก
สุดท้ายแขกยอมรับมา “ก็ได้”
ภัทร์ธีราดีใจ “ขอบคุณจริงๆค่ะ”
พนักงานเข้าไปขอบคุณภัทร์ธีราอย่างโล่งใจ ภัทร์ธีราหันมายิ้มให้พรพจี ผู้เป็นอายิ้มตอบด้วยความชื่นชม
ทางด้านสร้อยแก้วกับม่านแก้วเดินมาส่งวิษธรกับวลัยที่หน้าบ้าน สร้อยแก้วเอ่ยขึ้นว่า
“ถ้ามีโอกาสมากินอาหารเย็นที่บ้านน้าบ้างนะจ๊ะ ม่านน่ะมีอาหารอีกหลายอย่างที่อยากลองทำให้เราชิม ใช่ไหมลูก”
ม่านแก้วเขิน
“ตาธรต้องมาแน่ ก็ติดใจรสมือหนูม่านขนาดนี้ ใช่ไหมลูก” วลัยหันมาเย้าวิษธร
วิษธรยิ้มรับ
“ครับ ส่วนเรื่องที่ผมขออนุญาตไปเที่ยวน้ำตกกับน้องม่าน”
สร้อยแก้วยิ้มเย้าลูกสาว “ดูท่าทางจะไม่ปฏิเสธนะ หรือยังไงลูก”
“ม่านแล้วแต่แม่ค่ะ”
“แล้วแม่จะห้ามได้ยังไงล่ะ ใช่ไหม”
วลัยยิ้มให้สร้อยแก้วอย่างชอบใจ
“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อน สวัสดีครับคุณน้า ไปก่อนนะน้องม่าน”
“สวัสดีค่ะพี่ธร สวัสดีค่ะคุณป้าวลัย”
วิษธรกับวลัยเดินจากไป ม่านแก้วมองตามอย่างเป็นปลื้ม
อ่านต่อ ตอนที่ 11
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์