เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 8
ทุกคนยืนอยู่ตรงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ฟร้อนต์ในล็อบบีรอเปิดห้องพัก พนักงานเช็คห้องให้ ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวเชิญแขกที่ห้องเลยนะคะ”
พนักงานคนนั้นยื่นกุญแจห้องให้ นรินทร์สะดุดหูกับคำว่า “แขก” เหลียวขวับไปมองตาขวาง
“เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ”
พนักงานอึ้งไป “เอ่อ...แขก...ค่ะ”
นรินทร์โมโหมากวางอำนาจใส่ “แขก เธอเห็นฉันเป็นแค่ลูกค้าเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร”
พนักงานงงใหญ่ “ขอประทานโทษค่ะ คือ...ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณเป็นใคร”
นรินทร์หันมาทางภัทร์ธีรา “อาว่า สงสัยจะต้องอบรมพนักงานที่นี่ใหม่หมดแล้วล่ะมั้ง”
พนักงานมองมายังภัทร์ธีราเชิงขอให้ช่วย ภัทร์ธีราหันไปทางนรินทร์
“อารินคะ พนักงานคนนี้อาจจะเข้ามาใหม่เลยไม่รู้ก็ได้นะคะ”
“ไม่รู้” นรินทร์โกรธหันมาเอาเรื่องพนักงาน “แล้วไม่มีใครแจ้งไว้เลยหรือไง ใครเป็นคนรับเธอเข้ามา”
พนักงานอึกอัก “คุณวิษธรค่ะ”
นรินทร์หน้าตึง ไม่พอใจมากขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ตอบฉันอีกคำถาม ใครคือหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่”
“เอ่อ...คุณวิษธรกับคุณพรพจีค่ะ”
นรินทร์อึ้งไป เข็นรถเข้าไปใกล้พนักงานชะตาขาดคนนั้นตวาดลั่น
“ไม่ใช่! ฉันต่างหากเป็นเจ้าของตัวจริง แล้วก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่นี่”
พนักงานเหวอสุดขีด “ขอโทษค่ะ ด…ดิฉันไม่ทราบจริงๆ”
“พนักงานที่ดีต้องจำรายละเอียดของแขกคนสำคัญได้ ยิ่งเจ้าของโรงแรมยิ่งต้องจำได้ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังไม่รู้ แล้วจะทำงานได้ยังไง”
พนักงานใจเสีย น้ำตาคลอ จะร้องไห้ ภัทร์ธีราเข้ามาปรามนรินทร์
“อาริน ใจเย็นก่อนค่ะ”
“จะเย็นได้ยังไง! รับพนักงานแบบนี้มาทำงาน แสดงว่าคนรับก็ไม่มีคุณภาพด้วย อย่างนี้ต้องไล่ออกให้หมด”
สรัชช่วยพูดอีกแรง “คุณอาครับ ผมว่าหาทางลงโทษอย่างอื่นก็ได้นะครับ อาจไม่ต้องถึงไล่ออก”
“ถ้ารับมาแล้วเป็นแบบนี้ แสดงว่าเลือกแต่พวกแย่ๆ เข้ามาน่ะสิ อาไม่ยอมแน่ ไปเรียกผู้จัดการมา อาจะไล่พนักงานคนนี้ออก”
พนักงานหน้าเสียเหลือไม่ถึงขีด ภัทร์ธีรากับสรัชอึ้งไป
ทางฝ่ายวิษธรกับพรพจีเดินเล่นคุยกันมาสองคนตามทางริมลำธารสวย พรพจีดูอารมณ์ดีขึ้นมาก
“ยิ้มได้แล้วสินะครับ”
“คะ”
“ผมกลัวคุณคิดมาก แต่เห็นคุณยิ้มได้ค่อยสบายใจหน่อย”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ยากกว่านี้ฉันก็เจอมาแล้ว ห่วงแต่คุณมากกว่า”
“ห่วงผมทำไมครับ”
“ฉันห่วงว่า วันนึงคุณจะทนไม่ไหวแล้วทิ้งฉันไปน่ะสิ”
พรพจีพูดสัพยอกทีเล่นทีจริง วิษธรเดินไปดักหน้าเธอไว้
“ทำไมพูดแบบนี้อีกแล้ว”
“ฉันกลัวนี่คะ อุปสรรคมันเยอะไปหมด”
พรพจีหน้าเศร้า วิษธรเลยจับมือพรพจีขึ้นมากุม
“อย่ากลัวเลยจี ถ้ามีอุปสรรคก็แค่จับมือแล้วสู้ไปด้วยกัน จะไม่มีอะไรแยกเราจากกันได้ทั้งนั้น เชื่อผมนะ”
พรพจีมองสบตาวิษธรลึกซึ้ง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือวิษธรก็ดังขัดขึ้นทำลายบรรยากาศโรแมนซ์ วิษธรกดรับสาย
“ครับ วิษธรพูด” เขาชะงักนิ่งฟังด้วยสีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจ “ว่าไงนะครับ”
วิษธรตัดสายไป หน้าเครียดขึ้นมาทันควัน
พรพจีพลอยตกใจไปด้วย “มีอะไรรึเปล่าคะธร”
“เราต้องกลับโรงแรมด่วน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
วิษธรหน้าเครียด พรพจีตกใจว่าเรื่องอะไรกัน
วิษธกับพรพจีเดินลิ่วๆ เข้ามาในล็อบบี วิษธรเดินนำเข้ามาไกล่เกลี่ย ปกป้องพนักนางชะตาขาดนางนั้น
“ผมต้องขอโทษแทนจอยด้วยครับ เขาเป็นพนักงานใหม่ยังไม่รู้ข้อมูลอะไรมาก”
นรินทร์ไม่สน “ไม่ต้องมาแก้ตัวแทน เป็นพนักงานใหม่ยิ่งต้องอบรม จะได้รู้ว่าอะไรสำคัญ”
“เป็นความผิดผมเองครับ ที่ไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นต้องให้พนักงานออกนี่ครับ”
นรินทร์ได้ฟังก็ยิ่งโกรธและเริ่มพาล “ถ้าเกิดว่าคนนั้นเป็นแขกสำคัญ ไม่ใช่ฉันล่ะ เธอจะรับผิดชอบไหวเหรอ”
“ผมยอมรับความผิดครั้งนี้และผมจะรับผิดชอบเองครับ”
นรินทร์สบช่องยื่นข้อเสนอไปว่า “งั้นก็ลาออกไปแทนพนักงานคนนั้นสิ”
วิษธรและทุกคนตรงนั้นอึ้งทั้งแถบ พรพจีฉุนขาดออกโรงปกป้องวิษธรทันที
“ว่าไงนะ”
นรินทร์ยิ้มเยาะ “ฟังไม่ชัดรึไง มันบอกจะรับผิดชอบเอง”
“เกินไปแล้วนะคุณริน เรื่องแค่นี้ทำไมคุณต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย”
“ฉันสร้างโรงแรมนี้มากับมือ แต่กลับถูกปฏิบัติเหมือนไม่เห็นหัว แค่ให้ออกนี่ถือว่าฉันปรานีมากแล้ว”
พรพจีเริ่มโกรธ กำมือแน่นจนเกร็ง นรินทร์มองออก
“ทำไม โกรธเหรอ ถ้าคิดว่าทำเกินไปล่ะก็ การที่เธอพาชู้มากกที่นี่มันก็ไม่ได้ดีกว่ากันนักหรอก”
วิษธรเอ่ยขึ้นเสียงดัง “พอเถอะครับคุณริน”
ทุกคนหันไปมองทางเขาเป็นตาเดียว วิษธรเดินเข้าไปหยุดตรงหน้ารถเข็นนรินทร์
“ผมลาออกก็ได้ครับ แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคนของผม”
“ได้ แต่แกต้องกราบขอโทษฉันด้วย”
วิษธรอึ้งไป นรินทร์ยิ้มเยาะ ภัทร์ธีรามองอย่างนึกไม่ถึง
นรินทร์เร่งวิษธรใหญ่ “รออะไรล่ะ หรือว่าไม่กล้า ฉันจะได้เฉดหัวคนของแกออกไปจากที่นี่ให้หมดทีเดียว”
“คุณริน มันชักจะมากไปแล้วนะ”
“ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ ฉันมีสิทธิ์ขาดทุกอย่าง คนที่อาศัยเงินคนอื่นชุบตัวอย่างเธอไม่มีสิทธิ์ห้ามฉัน”
“คุณริน”
พรพจีคุมแค้นกัดฟันแน่นพยายามข่มอารมณ์ แขกกับพนักงานตรงนั้นหันไปซุบซิบกัน
นรินทร์มองพรพจีอย่างท้าทาย พรพจีจะเถียงต่อ แต่จู่ๆวิษธรก็คุกเข่าลง พรพจีตกใจสุดขีด
“ธร...จะทำอะไร”
วิษธรคล้ายทำใจสักพัก ก่อนจะพนมมือขึ้นแล้วก้มกราบนรินทร์ต่อหน้าทุกคนตรงนั้น เรียกเสียงฮือฮาเกิดขึ้น นรินทร์มองเหยียดหยันสะใจเหลือ พรพจีเบือนหน้าหนีไม่อยากมอง
วิษธรเงยขึ้นมองหน้านรินทร์ “ผมทำตามที่คุณขอแล้ว หวังว่าคุณจะรักษาคำพูดนะครับ”
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง แกจะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้า ไป”
วิษธรลุกขึ้นแล้วเดินออกไป พรพจีมองจ้องหน้านรินทร์อย่างชิงชัง ไม่พอใจมาก รีบตามวิษธรไป
ภัทร์ธีรามองอย่างอดกลั้นนึกไม่ถึง เช่นเดียวกับสรัช มีแต่เพียงนรินทร์ที่หัวเราะร่าสะอกสะใจอยู่คนเดียว
วิษธรเข้าห้องมา เก็บของลงกระเป๋า พรพจีตามเข้ามาขวางไว้
“ธร อย่าทำแบบนี้ได้ไหม”
วิษธรไม่ฟัง เก็บของต่อ พรพจีเข้าไปขวางไว้
“หยุดนะ อย่าทำแบบนี้ หยุด”
วิษธรถอนหายใจ อย่างเหนื่อยล้า
“ผมรับปากเขาแล้ว”
“ไม่ คุณไปไม่ได้นะคะธร ถ้าคุณไปแล้วฉันจะอยู่ยังไง”
“ผมต้องไปเพื่อให้ที่นี่อยู่ต่อได้ ผมต้องรักษาคำพูด”
“แล้วฉันล่ะ คุณไม่รักษาคำพูดกับฉันเหรอ ไหนว่าคุณจะไม่ทิ้งฉันไปไงคะ”
“ผมไม่อยากทิ้งคุณนะจี แต่คุณเห็นแล้วว่าผมยิ่งอยู่ยิ่งมีปัญหา”
“ปัญหามันไม่ได้เกิดจากคุณเลยธร คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ”
พรพจีน้ำตาคลอเดินเข้าไปกอดวิษธรไว้
“อย่าทำแบบนี้เลยจี คุณกำลังทำให้ผมไม่อยากไป”
“ถ้าไม่อยากไปก็อยู่ต่อสิ ฉันขอล่ะธร ฉันยอมทิ้งได้หมด จะชื่อเสียงเงินทองอะไรก็ได้ แต่ขอร้อง อย่าไปจากฉัน”
พรพจีร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดวิษธรแน่น
“ไม่เป็นไรนะจี ผมไม่ไปไหนแล้ว”
พรพจีส่ายหน้า สะอื้นไห้ น้ำตาเต็มตา วิษธรกอดตอบด้วยแววตาเศร้าสีหน้าเครียดไม่หาย
ภัทร์ธีรา สรัช จิรดาพานรินทร์มาพักที่ศาลาในสวนสวยด้านหน้า สักครู่หนึ่งผู้จัดการโรงแรมเดินเข้ามาหาทุกคนหน้าเครียด
“ผมว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้วล่ะครับ ตอนนี้พนักงานมาขอลาออกตามคุณธรกันใหญ่เลย”
“เยอะเลยเหรอคะผู้จัดการ”
“เกือบครึ่งของพนักงานทั้งหมดครับ ส่วนใหญ่เป็นคนของคุณธรทั้งนั้น”
นรินทร์ได้ยินก็โมโหโกรธาขึ้นมาอีก
“ดี อยากออกก็ออกไป ฉันจะได้รับคนใหม่มาแทนให้หมด”
ภัทร์ธีรากลุ้มใจ หันไปพูดกับนรินทร์ดีๆ
“อารินคะ ถ้าเรารับคนใหม่จ๋าว่ามันจะเสียเวลามากนะคะ แล้วคนเป็นงานก็หาไม่ได้ง่ายๆ”
นรินทร์ไม่แคร์ “ก็เสนอค่าจ้างให้มันสูงๆ สิ เดี๋ยวก็แห่มาสมัครกันเอง”
“เอาเงินทุ่มก็ใช่ว่าจะได้คนเก่ง มีประสบการณ์นี่คะ แรงงานเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ถูกๆ ด้วย ถ้าเงินไปลงส่วนนี้หมด เราจะเอางบส่วนไหนไปหมุนในกิจการอื่นล่ะคะ”
“แล้วจะให้อาทำยังไงไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ได้บอกสิว่าอาควรทำยังไง”
นรินทร์เอาแต่โวยวายไม่ฟังเหตุผลท่าเดียว ภัทร์ธีราพยายามคิดคลี่คลายเหตุการณ์
“เอาแบบนี้ดีไหมคะ จ๋าขอไปคุยกับพนักงานดูก่อน ถ้าพวกเขาเข้าใจ เราอาจจะไม่เสียอะไรเลยก็ได้”
“น้องจ๋าคิดว่าได้ผลเหรอ ที่นี่มีแต่คนของไอ้วิษธรทั้งนั้น” นรินทร์ฮึดฮัด
สรัชเสริมว่า “เดี๋ยวผมจะไปช่วยน้องจ๋าคุยด้วยนะครับคุณอา ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว”
นรินทร์มองหน้าทุกคนด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ภัทร์ธีราตามมาดูพนักงานกับสรัช มีตัวแทนพนักงานชื่อ นิว และ อ๋อม มาคุยด้วย และทุกคนยืนกรานจะลาออกท่าเดียว
“ให้คุณธรออกอย่างไม่ยุติธรรม พวกเราทำงานต่อไม่ได้หรอกค่ะ” นิวบอก
ภัทร์ธีราพูดด้วยดีๆ “จ๋าเข้าใจพวกคุณนะคะ แต่อาจจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ก็ได้ จ๋าจะคุยกับคุณอาเอง”
อ๋อมเสริมว่า “คุณเป็นตัวแทนฝั่งนั้นคงไม่เข้าใจหรอกค่ะ ถ้าต้องอยู่กับเจ้านายใช้แต่อารมณ์ พวกเราก็ไม่ไหวเหมือนกัน”
“แต่จ๋าเป็นหลานของอาจีกับอาริน จ๋าเชื่อว่าจะคุยให้ท่านเข้าใจพวกคุณกับคุณวิษธรได้ ให้โอกาสจ๋าหน่อยนะคะ”
พนักงานหันไปซุบซิบกัน อาการเหมือนไม่เชื่อมั่นในตัวภัทร์ธีรา
“แน่รึเปล่า…เด็กขนาดนี้จะไหวเหรอ…ไม่มั้ง” พนักงานอีกคนว่า
ภัทร์ธีราหน้าเจื่อนไป ผู้จัดการเข้ามาช่วยพูด
“พอเลยไม่ต้องซุบซิบ ถ้าไม่เชื่อใจกันก็พูดมาตรงๆ แต่ฉันจะบอกให้ว่าไม่มีใครที่คุณนรินทร์เชื่อใจมากกว่าคุณจ๋าอีกแล้ว”
ถึงกระนั้นพนักงานก็มองอย่างคลางแคลง ไม่แน่ใจ สรัชช่วยพูดการันตีให้อีกแรง
“ผมยืนยันอีกคนครับ ผมรู้จักกับที่บ้านคุณนรินทร์มานาน ผมรับรองว่าทุกอย่างที่คุณจ๋าพูดเชื่อใจได้ พวกคุณให้โอกาสเถอะนะครับ”
ภัทร์ธีรามองทุกคนด้วยแววตาขอร้อง พนักงานเริ่มอ่อนลง
“ก็ได้ค่ะ เราขอดูก่อนว่าพวกคุณจะจัดการยังไงกันต่อไป” นิวบอก
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับเอาคำ มีความหวังขึ้น
“ค่ะ ขอบคุณพวกคุณมากนะคะ ขอบคุณมาก”
ภัทร์ธีรายกมือไหว้ทุกคนในฐานะผู้น้อยอาวุโส
“เอ้า แยกย้ายกันกลับไปทำงานก่อน”
พนักงานแยกย้าย ภัทร์ธีราขอตัวออกไป สรัชตาม
ที่ศาลาในสวน นรินทร์นั่งมองไปมาอย่างรอเวลา จิรดาอยู่ด้วยเห็นวิษธรหายไปก็กระวนกระวาย
“คุณรินจะไล่คุณธรออกจริงเหรอคะ”
“เธอก็ได้ยินแล้วนี่ มันบอกว่าจะรับผิดชอบเอง”
“แต่คุณธรเขาดูแลที่นี่มานาน ถ้าไปกะทันหันแบบนี้ แล้วใครจะดูแลต่อละคะ”
นรินทร์หงุดหงิด “นี่เธอก็เข้าข้างมันอีกคนงั้นเหรอ”
“ดาเปล่าเข้าข้างค่ะ แต่คุณรินอย่าลืมที่เราคุยกันไว้สิคะ เรื่องของดากับคุณธร…”
นรินทร์นึกออก แต่ชักเริ่มไม่แน่ใจ
“ฉันไม่ได้ลืมแต่ตอนนี้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่เธอพูดมันจริงหรือเปล่า เธอไม่เห็นตอนที่เมียฉันวิ่งโร่ไปปลอบใจมันรึไง”
“เรื่องนั้นดาว่าไม่แปลกค่ะ คุณจีเป็นฝ่ายตามคุณธรไปเอง”
“นั่นแหละ ฉันถึงปล่อยไอ้เด็กเมื่อวานซืนให้อยู่ต่อไปไม่ได้ ไม่งั้นอีกหน่อยเมียฉันคงหนีตามมันไปแน่”
จิรดาอึกอัก พูดไม่ออก จนเสียงพรพจีดังขึ้น
“ถ้าฉันจะหนี ฉันก็หนีไปนานแล้ว”
สองคนหันไป เห็นพรพจีเดินเข้ามากับวิษธร
“แต่ฉันไม่ทำเพราะเห็นแก่คุณเห็นแก่ส่วนรวม ไม่เหมือนคุณที่เอาแต่อารมณ์ตัวเอง ทำให้งานเสียหายตลอด”
“พูดดีๆ นะ คนที่เอาแต่อารมณ์คือเธอต่างหาก” นรินทร์ชี้หน้าด่าพรพจี “ที่ดิ้นอยู่ตอนนี้ก็แค่อยากปกป้องชู้ตัวเองไม่ใช่รึไง”
“อย่ากล่าวหาฉันนะ แล้วก็หยุดพูดให้ร้ายคนอื่นซะที หัดมียางอายบ้าง”
“ทีอย่างนี้มาทำเป็นหน้าบาง รักมันมากทำไม่ออกไปพร้อมมันซะเลยล่ะ”
“ไม่ต้องท้าหรอก ฉันไปแน่ ถ้าคุณไล่ธรออก ฉันก็จะไปด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะดูแลทุกอย่างเองได้ยังไง”
พรพจีพจีจะเดินหนี นรินทร์โกรธมาก
“หยุดนะ จี เธอไปไหนไม่ได้! พรพจี”
พรพจีไม่สนใจ นรินทร์บันดาลโทสะเข็นรถเข้าชน พรพจีตกใจถอยหนีจนเซ ดีที่วิษธรเข้ามาประคองไว้ทัน นรินทร์เห็นก็ยิ่งโกรธ
“คุณริน ทำเกินไปแล้วนะครับ”
“แค่นี้มันไม่สาสมกับสิ่งที่พวกมึงทำหรอก สมใจมึงแล้วใช่ไหมที่แย่งทุกอย่างจากกูได้ ไปให้พ้นเลย ไป”
วิษธรพูดไม่ออก ภัทร์ธีรากับสรัชกลับมาพอดี รีบเข้ามาปลอบขอร้องนรินทร์
“อาริน ใจเย็นก่อนนะคะ อย่าเพิ่งไล่เขาออกเลยนะคะ”
“น้องจ๋าก็จะช่วยมันอีกคนรึไง” นรินทร์โกรธ
“ไม่ใช่คะ จ๋าอยากให้คุยดีๆกันก่อน อารินเชื่อจ๋าซักครั้งนะคะ”
นรินทร์จิกมือกับรถเข็นแน่น ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ และพาลพาโล
“ทุกคนเลือกมันกันหมด สุดท้ายฉันก็เป็นได้แค่ไอ้แก่พิการที่ไม่มีใครสนใจ”
“อารินคะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ในเมื่อไม่มีใครต้องการ อาจะเป็นฝ่ายไปเอง”
นรินทร์กดปุ่มเข็นรถออกไป ภัทร์ธีราตกใจ รีบตาม
นรินทร์เข็นรถมาถึงบริเวณบันไดในโรงแรม ภัทร์ธีรา สรัช พรพจี และวิษธร พร้อมกับคนที่เหลือตามมา ภัทร์ธีราตะโกนเรียกนรินทร์
“อาริน อารินคะ”
นรินทร์มองไปที่บันได ไม่สนใจเสียงเรียกของภัทร์ธีรา คิดจะทำอะไรบางอย่าง นรินทร์ยิ้มร้าย กดปุ่มเข็นรถไปด้านหน้ารถเคลื่อนไปจนเกือบจะตกบันได แต่นรินทร์ก็ยังไม่หยุด
“อาริน รอจ๋าก่อน”
ล้อรถค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าเรื่อยๆ นรินทร์หลับตาทำใจ
ภัทร์ธีราตามมาเกือบจะทัน เอื้อมมือไปคว้ารถไว้ แต่ไม่ทัน ร่างนรินทร์ตกจากรถลงไปนอนสลบอยู่กับพื้นตีนบันไดต่อหน้าต่อตา
“อาริน”
ภัทร์ธีราช็อกกระโจนลงไปประคองร่างนรินทร์ไว้ ร้องไห้ออกมาด้วยความตระหนกตกใจ
“อาริน อย่าเป็นอะไรนะคะ อาริน…พี่เอ้ ช่วยอารินด้วย”
สรัชเข้าไปช่วยภัทร์ธีรา พูดปลอบ
“ไม่เป็นไรนะน้องจ๋า”
ภัทร์ธีราร้องไห้ใหญ่ “ช่วยอารินด้วย ช่วยด้วย…ฮือๆๆ”
วิษธรกับพรพจีตามมาหลังจากนั้นไม่นาน ถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร วิษธรหันไปสั่งพนักงาน
“ใครก็ได้ เรียกรถพยาบาล ด่วน”
พนักงานแถวนั้นรีบทำตามคำสั่ง พรพจีพูดไม่ออก เบือนหน้าหนี ภัทร์ธีรากอดนรินทร์ไว้ร้องไห้ตัวโยน
ทุกคนมารออยู่หน้าห้องฉุนเฉิน ภัทร์ธีราเป็นห่วงนรินทร์มาก สรัชโอบไหล่คอยปลอบ สักพักหมอก็เดินออกมา ภัทร์ธีราเข้าไปหาหมอก่อนคนแรก
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ ผล ซีที ไม่มีความผิดปกติ มีฟกช้ำตามตัวนิดหน่อย แต่โดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
ภัทร์ธีราดีใจ “โล่งอกไปที แล้วตอนนี้หนูเข้าไปเยี่ยมได้รึยังคะ”
“เชิญครับ”
ภัทร์ธีราโล่งอก ยิ้มดีใจหันมาชวนพรพจี
“อาจี เข้าไปเยี่ยมอารินด้วยกันนะคะ”
พรพจีอึดอัดลำบากใจ ได้แต่ฝืนยิ้มไปให้ภัทร์ธีรา วิษธรพูดขึ้นว่า
“ผมขอเข้าไปด้วยนะครับ”
ภัทร์ธีราสวนขึ้นมาทันที “อย่าดีกว่าค่ะ”
วิษธรอึ้งไปนิดหนึ่ง
“อารินอาจไม่พร้อมจะเจอคุณ ขอโทษนะคะที่ต้องพูดแบบนี้”
“ได้ครับ…ผมเข้าใจ งั้นผมกลับโรงแรมก่อนดีกว่า”
พรพจีทำท่าจะทักท้วงไม่ให้กลับ วิษธรชิงตัดบทว่า
“ผมนึกได้ว่ามีหลายเรื่องต้องทำ คุณอยู่ที่นี่เถอะ จะได้ดูแลคุณนรินทร์ด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะครับ ผมจัดการให้เอง”
จิรดาสบช่องเห็นเป็นโอกาสดีจะได้ใกล้ชิดวิษธร
“ดากลับด้วยคนค่ะ”
“อ้าว คุณดาไม่อยู่ดูอารินที่นี่เหรอครับ” สรัชทัก
“ดาเหนื่อยๆ น่ะค่ะ แล้วดาคิดว่าตอนนี้คุณริน น่าจะอยากให้คนในครอบครัวอย่างคุณจ๋าหรือคุณจีดูแลมากกว่า”
จิรดามองมาที่พรพจี ภัทร์ธีราเห็นด้วย
“จ๋าว่าพี่ดาไปพักก็ดีค่ะ ทางนี้จ๋ากับอาจีดูแลเอง”
“ถ้างั้นขอดาติดรถกลับโรงแรมด้วยนะคะ”
“ครับ”
วิษธรยิ้มปลอบพรพจี แล้วเดินออกไปกับจิรดา พรพจีลอบมองพยาบาลจอมแอ๊บอย่างเจ็บใจ
ทุกคนเข้ามาเยี่ยมนรินทร์ที่นอนพักอยู่ในห้อง นรินทร์กวาดตามองหาใครบางคน
“ขาดใครไปคนนึงรึเปล่า”
“ใครเหรอคะ”
“ไอ้งูพิษสุดที่รักของอาจีไงล่ะ ไม่มาด้วยเหรอ”
ภัทร์ธีราพยายามแก้ไขสถานการณ์ เข้าไปจับมือนรินทร์ไว้
“เขากลับแล้วล่ะค่ะตอนนี้มีอาจีกับน้องจ๋า”
“อ้อ เหรอ นึกว่ามันจะอยากรู้ซะอีกว่าอาใกล้ตายรึยัง”
นรินทร์มองไปทางพรพจียิ้มเยาะให้ พรพจีหน้าเจื่อน คร้านจะทะเลาะด้วย พยายามข่มอารมณ์
“คุณพักผ่อนก่อนดีกว่าค่ะอย่าคิดมากเดี๋ยวอาการจะแย่ลง”
“เป็นห่วงฉันด้วยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ สาบานสิว่าที่พูดมันออกมาจากใจจริง”
นรินทร์แค่นหัวเราะ ภัทร์ธีราพยายามช่วย
“พวกเราไม่มีใครอยากให้อารินเป็นอะไรทั้งนั้นนะคะ อารินปลอดภัยแล้วพวกเราก็สบายใจ อาจีก็เป็นห่วงอารินมากค่ะ”
พรพจียิ้มฝืนๆ นรินทร์ยังไม่เชื่ออยู่ดี ภัทร์ธีราเลยดึงมือทั้งสองมาจับกัน
“จ๋าอยากให้อารินกับอาจีคุยกันดีๆ ค่อยๆปรับความเข้าใจกัน จ๋าเชื่อว่าเราจะเข้าใจกันได้เหมือนทุกครั้ง จ๋าขออาจีกับอารินได้ไหมคะ”
พรพจีกับนรินทร์ฝืนยิ้มให้กัน ภัทร์ธีราถอยออกมา
“เอาอย่างนี้ จ๋าขอไปส่งพี่เอ้ก่อน อารินกับอาจีจะได้มีเวลาคุยกัน พี่เอ้ก็จะกลับแล้วด้วย ใช่ไหมคะ”
สรัชทำหน้างงๆ ภัทร์ธีรามองเหมือนขอร้อง สรัชจำยอมพยักหน้ารับเอาคำ
“อ้อ อารินพักผ่อนนะครับ ผมไปละ
สรัชไหว้ลานรินทร์กับพรพจี ภัทร์ธีราดึงมือสรัชพาเดินออกไป ทิ้งพรพจีไว้กับนรินทร์
ภัทร์ธีราเดินออกมาส่งสรัชหน้าห้อง ท่าทีดูซึมๆ แต่ยังฝืนยิ้มให้สรัช
“วันนี้ขอบคุณพี่เอ้มากนะคะ ถ้าไม่ได้พี่เอ้จ๋าคงแย่”
สรัชมองเป็นห่วงภัทร์ธีรา
“ไม่เป็นไรค่ะ อาของน้องจ๋าก็เหมือนอาพี่นั่นแหละ”
“อุตส่าห์ชวนมาพักผ่อนแต่กลับมาเจอเรื่องวุ่นวาย จ๋าขอโทษนะคะ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะพี่โอเค จริงๆ จ๋าให้พี่อยู่เป็นเพื่อนเฝ้าอารินต่อยังได้เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ จ๋าอยากให้พี่เอ้พักมากกว่า เรื่องในบ้านจ๋า จ๋าจะจัดการเอง”
สรัชตัดพ้อ “น้องจ๋าพูดเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกลกัน”
“จ๋าไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะ จ๋าเกรงใจพี่เอ้จริงๆ”
ภัทร์ธีราหน้าหงอยเศร้าลง สรัชชักใจอ่อน
“เอาเถอะอะไรที่ทำให้จ๋าสบายใจพี่จะทำ แค่พี่ได้อยู่กับจ๋าในสถานการณ์แบบนี้พี่ก็ดีใจแล้ว”
“ขอบคุณพี่เอ้มากนะคะ พี่เอ้ดีกับจ๋ามากเลย”
สรัชยิ้มอ่อนโยนให้ ภัทร์ธีรายิ้มตอบ
“พี่กลับก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ ไว้คืนนี้พี่โทร.หานะคะ”
สรัชลูบผมภัทร์ธีรายิ้มให้แล้วเดินออกไป ภัทร์ธีรายิ้มตอบแต่พอพ้นสายตาแฟนหนุ่มแล้วก็กลับมาซึมลงอีก
พรพจีกับนรินทร์ไม่ได้จับมือกันแล้ว พรพจียังนั่งกดมือถือไม่สนใจนรินทร์ด้วย นรินทร์หัวเราะขื่นๆ พูดประชดพรพจี
“จากกันแค่ไม่กี่นาที ก็ทนไม่ได้คอยตามจิกตลอด”
พรพจีรำคาญลุกพรวดขึ้น ทำท่าจะเดินหนีออกไป
“อ๋อ...พูดแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้”
“ฉันจะออกไปสูดอากาศข้างนอก”
นรินทร์หมั่นไส้ “อยู่ในนี้มันอึดอัดมากสินะ ไม่เหมือนอยู่กับไอ้งูพิษนั่น”
“อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวอีกได้ไหม”
“พอพูดชื่อมันก็พร้อมจะกางปีกปกป้องทันทีเลยนะ ไม่น่าเชื่อ เมื่อก่อนเธอเคยบอกว่ารักฉัน จะดูแลฉันจนวันตาย แล้วดูตอนนี้สิ แค่จะหายใจร่วมกันเธอยังรังเกียจเลย”
“อย่าหาเรื่องกันดีกว่า ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะทะเลาะกับคุณนะ”
“ฉันไม่ได้อยากทะเลาะ คิดให้ดีๆ…ว่าใครทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ วันนี้ฉันโชคดีที่รอด แต่ถ้าฉันตายไปได้ เธอคงมีความสุขกว่าใช่ไหม”
พรพจีจะเถียงอีก แต่มีเสียงคนเปิดประตูห้องเข้ามาเสียก่อน เมื่อหันไปดู ปรากฏว่าเป็นภัทร์ธีราเดินเข้ามาพร้อมถุงในมือส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“อาจี อาริน จ๋ากลับมาแล้วค่ะ”
พรพจีขยับเข้าไปใกล้นรินทร์ พูดกลบเกลื่อน
“อ้าว... น้องจ๋าซื้ออะไรมาจ๊ะ”
“ผลไม้กับขนมค่ะ จ๋าเห็นขายอยู่ข้างล่างเลยซื้อขึ้นมาด้วย”
พรพจีมองหน้านรินทร์นิ่งๆ นรินทร์เลยเออออตามน้ำไปก่อน
“ดีเลยลูก ขอบใจน้องจ๋ามากนะ”
“น้องจ๋าเอาพวกผลไม้มานี่สิจ๊ะ เดี๋ยวอาเอาไปปอกใส่จานให้”
นรินทร์ฝืนยิ้มพยักหน้าให้พรพจี แสร้งทำเป็นรักกันดี ภัทร์ธีรามองอาทั้งสอง แล้วยิ้มปลื้มดีใจที่เห็นสองคนคุยกันดีๆ อีกครั้ง
วิษธรเดินเข้าล็อบบีโรงแรมมาพร้อมจิรดา วิษธรจะกลับไปที่ห้อง จิรดาลอบมองอยู่สักพักแล้วก็เรียก
“คุณธรคะ”
วิษธรหันมา “ครับ”
“เรื่องวันนี้ คุณธรจะลาออกจริงๆ เหรอคะ”
“ครับผมรับปากแล้วว่าจะรับผิดชอบ”
จิรดาตีหน้าเศร้า เห็นใจวิษธร
“ถ้าคุณออก ดาคงเสียดายคนเก่งๆ แบบคุณแย่”
“เก่งแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าความรับผิดชอบหรอกครับ งานใหม่น่ะหาไม่ยากแต่ผมห่วงที่นี่จะเป็นยังไงมากกว่า”
จิรดาเข้ามาจับมือวิษธรกุมไว้ ช้อนตามองอ่อยๆ
“ดาเป็นกำลังใจให้คุณเสมอนะคะ”
จู่ๆ มีเสียงอรดีดังขัดขึ้น
“คุณธร คุณธรใช่ไหมคะ”
จิรดาปล่อยมือวิษธรอย่างเสียดาย นึกหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ
วิษธรหันไปเจออรดีปราดเข้ามาหาก็แปลกใจ มีอิชยาตามมาด้วย
“คุณดี้มาได้ยังไงครับ”
“ดี้มาพักผ่อนกับน้องสาวน่ะค่ะ เอ่อ คุณธรเคยเจอไหมคะ อิชยาที่เป็นเพื่อนยัยจ๋า”
“เคยเจอที่บ้านรมย์ฤดีครับ ดีใจที่ได้เจออีกครั้งนะครับ”
วิชยายิ้มแย้มทักตอบ “ยาก็ดีใจค่ะ คุณธรไปไหนมาคะเนี่ย”
“ผมไปโรงพยาบาลมาครับ เกิดเรื่องกับคุณรินนิดหน่อย เลยเพิ่งกลับมา”
อิชยาตกใจ “อารินเป็นอะไรคะ”
“คุณรินตกบันไดที่โรงแรมค่ะ เลยต้องพาส่งโรงพยาบาล แต่ไม่เป็นไรแล้ว”
จิรดาจงใจพูดขัดจังหวะ แล้วทำเป็นยิ้มใสซื่อใส่อรดี
“เหรอคะ ว่าแต่คุณเป็นใครคะเนี่ย”
“ผมลืมแนะนำเลย นี่คุณดาพยาบาลส่วนตัวคุณริน ส่วนนี่คุณยาเพื่อนคุณจ๋ากับคุณดี้พี่สาวคุณยา”
อรดีไม่ใส่ใจจิรดาเลยสักนิด “ธรคะ ดี้เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก พาดี้เดินดูรอบๆโรงแรมหน่อยสิค่ะ ดูเสร็จจะได้หาอะไรกินกันต่อเลย”
“ได้ครับ” วิษธรหันมาขอตัวกับจิรดา “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
อรดีเชิดใส่จิรดาควงแขนวิษธรไป อิชยาเดินตามเซ็งๆ จิรดามองหมั่นไส้อรดี เดินตามไปด้วย
อรดีควงแขนวิษธร เดินคุยกันมาตามทางในสวนสวยของโรงแรม ม่ายสาวอารมณ์ดีเวอร์
“อากาศที่นี่ดี๊ดีนะคะธร ดี้น่ะอยากมาตั้งนานแล้ว พอว่างเลยชวนยามาด้วย ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณ สงสัยใจเราจะสื่อถึงกัน”
อรดียิ้มเขินอยู่คนเดียว วิษธรยิ้มให้ตามมารยาท
“ผมดีใจที่คุณดี้เลือกใช้บริการโรงแรมธารานะครับ”
“ดี้เจาะจงเลือกที่นี่อยู่แล้วค่ะ บรรยากาศดี บริการก็ดี มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น”
อรดีมองวิษธรตาเชื่อม อิชยาทำหน้าไม่ถูก จิรดาเดินเข้ามาดึงวิษธรมาจากอรดี
“ดาก็ว่าที่นี่สวยสงบดีค่ะ เหมาะกับการพักผ่อนมากๆ”
อรดีมองจิรดาอึ้งๆ
“ตามมาทำไมคะคุณพยาบาล”
“แหม ดาก็อยากดูอะไรดีๆ เหมือนคุณดี้บ้างนี่ค่ะ”
พร้อมกับว่าจิรดาแสร้งส่งยิ้มหวานมาให้ อรดีหน้าตึงแต่ยังแสร้งยิ้มให้จิรดากลับไป อิชยามองเซ็งๆ กับศึกชิงผู้ของสองคน จนกระทั่งเห็นใครบางคนเดินมาพอดี
“พี่เอ้”
สรัชเดินมาทางนี้ เขายิ้มกว้างดีใจที่เจออิชยา ตรงเข้ามาสมทบ
“ยากับพี่ดี้มาเที่ยวเหรอ มาไม่บอกเลยนะครับ”
อิชยาเห็นเอ้นึกอะไรได้ รีบชวนไปทานข้าวก่อนอรดีกับจิรดาจะตีกัน
“พี่เอ้มาก็ดีเลย ยากับพี่ดี้เพิ่งมาถึง กำลังจะไปกินข้าว พี่เอ้ไปด้วยกันนะ”
สรัชกังวลใจ “จะดีเหรอ พี่รบกวนรึเปล่า”
“คุณเอ้ไปได้สิครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ถือซะว่าต้อนรับลูกค้าอย่างคุณดี้ คุณยา”
“ดีเลยครับ ผมไปด้วย ผมสั่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจใช่ไหม”
สรัชพูดติดตลก อิชยาขำ บรรยากาศเลยดีขึ้น
นรินทร์นอนหลับไปแล้ว พรพจียังนั่งเฝ้าอยู่ เอามือนวดขมับท่าทางเพลียๆ ภัทร์ธีราจัดแจงห่มผ้าให้นรินทร์เรียบร้อยหันมาเห็นพอดี
“อาจีเวียนหัวเหรอคะ ไปหาหมอดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ อาแค่เพลียๆ น่ะ”
ภัทร์ธีราเดินมาดูพรพจีใกล้ๆ
“แต่จ๋าว่าอาจีหน้าซีดมากเลยนะคะ”
“อาไม่เป็นไรจ้ะ แค่พักหน่อยคงหาย”
พรพจีเอนหลังพิงไปกับโซฟามองเหม่อ ภัทร์ธีรานั่งลงข้างๆ
“แย่เลยนะ แทนที่จะช่วยอะไรได้ กลับจะกลายเป็นภาระให้อีกคน”
“ไม่หรอกค่ะอาจี เกิดเรื่องเยอะแยะอาจีจะเหนื่อยเป็นธรรมดา”
พรพจีหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ภัทร์ธีราเริ่มเห็นใจ
“ถ้าอาจีไม่ไหว เดี๋ยวจ๋าเฝ้าเองได้นะคะอาจีจะได้กลับไปพัก”
“น้องจ๋ากลับด้วยกันสิ เดี๋ยวอาจ้างพยาบาลมาเฝ้าก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ จ๋าเฝ้าเองดีกว่า เดี๋ยวอารินตื่นมาเจอแต่พยาบาลอาจจะตกใจ”
ภัทร์ธีราบอกอย่างจริงใจ พรพจีเลยยอมจำนน
“ก็ได้จ้ะ อาฝากด้วยนะ พรุ่งนี้เอ้เขาจะมาอีกใช่ไหม อาจะได้ฝากเอาพวกเสื้อผ้ามาให้”
“ค่ะ เดี๋ยวจ๋าโทร.ย้ำพี่เอ้อีกรอบด้วย จะได้ไม่ลืม”
“อากลับก่อน มีอะไรขาดเหลือโทร.ไปบอกนะจ๊ะ”
พรพจีลุกขึ้นเก็บของแล้วเดินออกไป ภัทร์ธีรามองตามด้วยความเห็นใจ
ทุกคนทานข้าวด้วยกันอยู่ในร้านอาหารของโรงแรม จิรดากับอรดีนั่งประกบวิษธรซ้ายขวา อิชยากับสรัชนั่งอีกฝั่ง อรดีกับจิรดามองหน้าแล้วยิ้มให้กันแต่ดูเฟกๆ สักพักบริกรทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟ อรดีเล็งอาหารตรงหน้าแล้วชิงตักอาหารให้วิษธรเอาใจ
“ธร ลองไก่ย่างสมุนไพรนี่สิคะ สีสันสวยงามดูดีมากๆ”
จิรดาพูดถึงไก่แต่มองอรดีไม่วางตา “ที่สีสวยเนี้ยอาจจะเป็นเพราะใส่สารสังเคราะห์เยอะ กินเข้าไปมากๆเดี๋ยวเป็นโรคไม่รู้ตัว” จากนั้นพยาบาลจอมแอ๊บหันไปเอาใจวิษธร “คุณธรชิมนี่ดีกว่า แกงไหลบัวกะทิ ที่กรุงเทพหากินยาก”
จิรดาไม่ยอมแพ้ ตักอีกเมนูใส่จานวิษธร อรดีขึงตาใส่จิรดาอย่างไม่ยอม
“แกงอะไรไม่รู้หน้าตาจืดชืดมาก ยำผังบุ้งกรอบดีกว่าค่ะ น้ำยำแซบสุดๆ”
“อะไรที่จัดจ้านมากไปก็ไม่ดีกับท้องเรานะคะคุณธร ดีไม่ดีมีเชื้อโรคอยู่ด้วย ได้ท้องเสียกันพอดี ปลาช่อนลุยสวนดีกว่านะคะ กลมกล่อมกำลังดี เดี๋ยวดาแกะให้”
วิษธรนั่งนิ่งมองสองสาวผลัดกันตักกับให้จนพูนจาน อิชยาหันไปกระซิบกับสรัช
“ผลัดกันตักอยู่นั่น วันนี้คุณธรจะได้กินข้าวไหมคะเนี่ย”
“นั่นสิ ทั้งจานรวมกันจะครบห้าหมู่แล้วมั้ง”
สรัชกระซิบตอบ หัวเราะตามกัน
อรดีกับจิรดายังแข่งกันเอาใจวิษธรไม่เลิก
จนเสียงพรพจีดังขึ้น “กำลังอร่อยกันเลยนะ”
วิษธรยิ้มกว้าง มองไป “คุณจี กลับมาคนเดียวเหรอครับ”
ทุกคนหันไปมองตาม เห็นพรพจีเดินเข้ามา
“ฉันเพลียๆ เลยให้น้องจ๋าอยู่เฝ้าคุณรินแทนน่ะค่ะ ว่าจะกลับมาคุยกับคุณเรื่องงาน แต่เลขาบอกว่าคุณมีแขก นึกว่าใคร ที่แท้คนคุ้นเคยทั้งนั้น”
อรดีกับจิรดาเซ็งที่พรพจีมาขวางลำ อิชยาไหว้พรพจีนอบน้อม อรดีไหว้อย่างเสียไม่ได้
“อาจีสวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ ยามาพักผ่อนกับคุณดี้เหรอ”
“ค่ะ ยามาเป็นเพื่อนพี่ดี้ พี่ดี้เขา…อยากมาเที่ยวที่นี่”
พรพจีแปลกใจ “ไม่ยักรู้ว่าดี้ชอบเที่ยวแบบนี้ บังเอิญจังนะจ๊ะ มาเจอพวกเราพอดีเลย”
“ดี้ชอบเที่ยวธรรมชาติค่ะ แต่ที่เลือกมาวันนี้สงสัยใจจะตรงกับคุณธร”
“อ้อ...ดีจ้ะ ใจตรงกันดี ตรงอย่างกับรู้ว่าเราอยู่ที่นี่แล้วตามมาเลย”
อรดีหน้าตึง อิชยาสบช่องชวนพรพจีทานด้วย
“ไหนๆ อาจีก็มาแล้ว ทานข้าวด้วยกันเลยสิคะ”
“ไม่ล่ะจ้ะ อาว่าจะไปพักสักหน่อย ไม่อยากกวน ทุกคนตามสบายนะ”
พรพจีเดินออกไป วิษธรมองตามด้วยสีหน้าเรียบเฉยดูไม่ออกว่าคิดอะไร
เย็นวันเดียวกันนี้ นรินทร์นอนพักอยู่บนเตียงในห้องพัก ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มองไปเห็นภัทร์ธีรานั่งเล่นมือถืออยู่ แต่ไม่เห็นพรพจีแล้ว ภัทร์ธีราเงยหน้าขึ้นมาเห็นรีบลุกไปหา
“อาริน ตื่นแล้วเหรอคะ หิวน้ำไหม เดี๋ยวน้องจ๋ารินให้”
นรินทร์ยันตัวลุกขึ้นจะพิงหัวเตียง ภัทร์ธีราเข้ามาช่วยประคอง นรินทร์มองไปรอบห้อง
“เขา…ไปแล้วเหรอ”
“อาจีเหรอคะ กลับไปซักพักแล้วล่ะค่ะ”
นรินทร์เอนหลังพิงหัวเตียง เหยียดยิ้ม อย่างขมขื่นใจ
“นึกแล้วเชียว…ฝืนใจอยู่ได้ไม่นานหรอก”
ภัทร์ธีราแก้ให้ “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ จ๋าแค่เห็นอาจีเหนื่อยเลยขอเฝ้าแทน”
“ไม่ต้องปลอบใจหรอกอารู้จักเขาดี เขาต้องรีบกลับไปเอาใจเด็ก เขาไม่มีวันอยากอยู่กับคนแก่พิการหรอก”
นรินทร์กัดฟัน มือกำผ้าห่มแน่น ทั้งเสียใจและแค้นใจ
“โธ่ อารินขา…อาจีไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะคะ”
นรินทร์น้ำตาซึม เจ็บปวดจนไม่รู้จะทำยังไง
“ทำไมนะ ทั้งที่อาเป็นขนาดนี้เขายังกล้าทิ้งอาได้ ทำไมนะ ทำไม…”
นรินทร์เอามือทุบตีขาตัวเองร้องไห้ออกมา ภัทร์ธีรากอดปลอบด้วยความสงสาร
“อารินคะ อย่าค่ะ อาริน”
อีกฟากหนึ่ง แต่ละคนทุกคนแยกย้ายเข้าห้องพักตัวเอง อรดีหยุดหน้าห้อง ชะเง้อคอมองหาใครบางคน อิชยาถือกระเป๋าตามมา เห็นท่าทางแปลกๆ เลยทักถาม
“พี่ดี้มองหาอะไรคะ”
“คุณธรไง ฉันว่าอยู่แถวนี้แน่ๆ แต่ไม่รู้อยู่ห้องไหน”
“พี่ดี้จะหาห้องเขาไปทำไม”
“ก็หาไว้เผื่อจะ…”
ประตูห้องพักห้องหนึ่งเปิดออก เป็นจิรดาเดินออกมา อรดีเบะปากใส่ จิรดาเดินออกไปทางหนึ่ง อรดีสงสัย หันมาบอกอิชยา
“เดี๋ยวพี่มานะ ยาเข้าห้องไปก่อนเลย”
“อ้าว จะไปไหนอีกเนี่ย”
อรดีเดินตามจิรดาไป อยากรู้ว่าศัตรูหัวใจจอมแอ๊บจะไปทำอะไร
“ต้องไปอ่อยคุณธรแน่ๆ นังจอมแอ๊บ”
ขณะที่วิษธรนั่งอยู่ในสวนสวยยามค่ำ มองเหม่อไปข้างหน้า คิดอะไรหลายอย่างในหัว ก่อนจะถอนหายใจออกมา จิรดาแกล้งเดินมาหยุดข้างๆ วิษธร ทำเป็นมองไปข้างหน้าเหมือนชื่นชมวิว เหมือนไม่เห็นเขา จนวิษธรหันมาเห็น
“คุณดา ผมนึกว่าเข้าห้องพักไปแล้วซะอีก”
“อ้าว...คุณธร ดายังไม่ง่วงค่ะ เลยออกมาเดินเล่น คุณธรก็เหมือนกันเหรอคะ”
“ผมนอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ”
วิษธรพูดแล้วก็หันกลับไปมองข้างหน้า ไม่ได้สนใจจิรดานัก จิรดาลงนั่งด้วยชวนคุย
“วันนี้อาการคุณรินเป็นยังไงบ้างคะ เห็นทุกคนวุ่นๆ เลยไม่ได้เข้าไปด้วย”
“แค่ฟกช้ำนิดหน่อยครับ ถึงมือหมอแล้วแถมมีคนดูแลใกล้ชิดเดี๋ยวก็คงหาย”
“ค่ะ…โล่งไปที” พยาบาลสาวเขยิบเข้าใกล้ “เรื่องวันนี้ คุณธรอย่าคิดมานะคะ”
พร้อมกับว่าจิรดาเอื้อมจะจับมือวิษธรกุมไว้ให้กำลังใจ กระทั่งเสียงอรดีดังขึ้น
“คุณธร คุณดา”
อรดีเดินเข้ามาแสร้งทำเป็นว่าบังเอิญมาเจอเหมือนกัน จิรดากลอกตาเซ็ง รู้ทันม่ายสาวคู่ปรับ
“ออกมาข้างนอกกันหมดเลยเหรอคะ บังเอิญจัง”
จิรดาอึกอัก “ดานอนไม่หลับน่ะค่ะ สงสัยจะเครียดเรื่องคุณริน”
“เหรอคะ ถ้าเป็นห่วงคุณรินทำไมไม่ไปเฝ้าที่โรงพยาบาลล่ะ”
จิรดาเงียบ นิ่งงันไป อรดีปั้นหน้ายิ้มแย้ม บรรยากาศเริ่มอึดอัด สองสาวเปิดฉากเชือดเฉือนกันไปมา
“ตอนนี้คุณรินต้องการกำลังใจจากที่คนที่เขารัก ดาเป็นแค่ลูกจ้าง ให้ไปเฝ้าคงไม่เหมาะหรอกค่ะ”
“อ้อ…แล้วการที่คุณดามาอยู่ที่นี่ดีกว่าตรงไหนเหรอคะ”
“ไม่ดีกว่าหรอกค่ะ แต่ดาคิดว่าการให้กำลังใจกันในเวลาแบบนี้ น่าจะมีประโยชน์กว่ามาคอยแขวะเรื่องคนอื่น”
จิรดาทำเป็นยิ้มใสซื่อตอบกลับมา ต่างคนต่างมองหน้า ไม่มีใครยอม วิษธรอึดอัดเต็มทน จึงหาทางเลี่ยงออกไป
“คุณดี้คุณดาครับผมนึกได้ว่ามีงานค้างอยู่ คงต้องขอตัว”
อรดีเสียดาย “อ้าวจะไปแล้วเหรอคะ ดี้เพิ่งมาเอง”
“ครับ ขอโทษด้วยนะครับ คุณดี้คุณดาอยู่คุยกันไปก่อน กู๊ดไนท์ครับ”
วิษธรลุกเดินออกไปเลย อรดีกับจิรดามองตามอย่างเสียดาย
จิรดาเดินมาตามโถงจะกลับห้องพัก อรดีตามมาหาเรื่อง
“จะไปไหนล่ะ ทิ้งงานมาตามเกาะผู้ชายเป็นปลิงได้สมใจแล้วก็จะหนีเลยเหรอ”
จิรดายังยิ้มอยู่ “คุณพูดเรื่องอะไร ดาไม่เข้าใจ”
“โอ๊ย เลิกแอ๊บได้แล้วย่ะ ฉันน่ะมองออกแต่แรกแล้วว่าเธอเป็นคนยังไง”
“ยังไงคะ” จิรดาจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ
“ใสๆ แต่ง่าย แบให้กินฟรีก็ได้ไงล่ะ”
“พูดแรงไปไหม ฉันกับคุณธรสนิทใจ ไม่ได้คิดสกปรกเหมือนเธอ”
“เหรอ สาบานสิว่าเธอไม่ได้จ้องจะงาบเขาน่ะ แค่มองตาก็เห็นทะลุถึงไส้ติ่งแล้ว”
“ทำไมต้องสาบานด้วย ในเมื่อสิ่งที่เธอพูดมันไม่จริง”
“งั้นก็เลิกยุ่งกับคุณธรซักทีสิ ตั้งแต่มานี่ ฉันเห็นเธอวนเวียนรอบตัวเขาไม่เลิกยังกับสัมภเวสี ไม่คิดรึไงว่ามันทุเรศ”
“เรื่องอะไรต้องเลิก ฉันมาทำงาน เธอต่างหากที่ไล่ตามเขาต้อยๆ เหมือนกับ…อะไรดีล่ะ ฮะๆๆ”
จิรดาเหยียดยิ้มมองอรดี แล้วหัวเราะเยาะ อรดีโกรธแทบเต้น
“นี่เธอว่าฉันเป็นหมาเหรอ”
“พูดเองนะ ฉันยังไม่ได้พูดซักคำ แต่ถ้าคิดว่าใช่ก็ตามใจ เพราะดูจากแต่ละคำที่พูดออกมา ถ้าไม่ใช่…ก็คงเลี้ยงไว้ในปาก”
“แอร๊ย อีนี่”
ในที่สุดอรดีก็ทนไม่ได้ ตบหน้าจิรดาอย่างแรง
พยาบาลจอมแอ๊บอึ้งไปนิดๆ แต่พอตั้งสติได้ก็หันมามองตาขวาง พุ่งเข้าไปจิกหัวอรดีตบกลับเอาคืน อรดีกรี๊ดลั่นไม่คิดว่าจิรดาจะสู้ เลยพยายามยื้อ แล้วทั้งคู่ก็เริ่มตบกันเสียงดังลั่น
สรัชอยู่ในห้องพัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว โทร.หาภัทร์ธีราจากโรงแรมเพราะเป็นห่วง
“ทางนั้นเรียบร้อยดีใช่ไหมคะ”
ภัทร์ธีรารับสาย ยังเฝ้านรินทร์อยู่ที่โรงพยาบาล
“ค่ะพี่เอ้ อารินเพิ่งหลับไป จ๋าว่าจะอาบน้ำนอนแล้ว”
“ดีแล้วค่ะ รีบนอนเถอะ ไว้พรุ่งนี้พี่ไปหาแต่เช้า”
“ค่ะ พี่เอ้อยู่ที่นั่นพักผ่อนให้เต็มที่นะคะ จ๋าอยู่ได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ไม่ได้หรอก ยังไงพี่ก็ห่วง คิดถึงจ๋าด้วย นี่ก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับรึเปล่า…”
ภัทร์ธีราฟังแล้วขำคิก “เวอร์จัง”
“ไม่ได้เวอร์นะ พี่พูดจริง แล้วนี่…”
สรัชพูดไม่ทันจบคำ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังจากด้านนอก
“พี่เอ้คะ ยังอยู่รึเปล่าคะ”
“อยู่ค่ะ แต่มีเสียงเอะอะอะไรไม่รู้ด้านนอก”
“เสียงอะไรคะ”
“ไม่แน่ใจ เดี๋ยวพี่ออกไปดูก่อน ไว้พี่โทรหาจ๋าอีกที แค่นี้นะคะ”
สรัชตัดสายแล้วรีบออกไปดู ส่วนภัทร์ธีราวางสายลงด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
อรดีกับจิรดายังตบกันไม่เลิก จิรดาทั้งจิกทั้งทึ้งหัวอรดีจนเยินไปหมด แถมจับล็อคคอไว้ไม่ให้ดิ้น อรดีโวยวายเสียงดังลั่น บอกให้จิรดาปล่อย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะอีบ้า”
“ปล่อยให้โง่สิ”
จิรดาไม่ยอมใช้แขนล็อคไว้จนอรดีเริ่มหายใจไม่ออก แต่อรดีไม่ยอมฮึดสู้ดันมือออกแล้วกัดแขนเต็มแรงจนจิรดายอมปล่อย อรดีเอาเท้าถีบจิรดาจนกระเด็นล้มลง ตามไปหมายจะตบซ้ำ
ทว่าจิรดาไวกว่าลุกขึ้นได้ก่อน พุ่งเข้าใส่อรดีแล้วก็ยื้อกันอยู่แบบนั้นไม่มีใครยอม พนักงานโรงแรมยืนเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก พอจะเข้าไปแยกออกก็โดนผลักออกมาจนล้มไม่เป็นท่า
สรัชออกมาเห็นเข้าพอดีก็ตกใจ ถามกับพนักงานว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้ครับ ผมมาถึงก็ชุลมุนแล้ว”
จิรดาไม่ยอม จิกมือกับตัวอรดีแน่น อรดีก็ไม่ยอม เหตุการณ์ชุลมุนมากขึ้น อิชยาตามออกมาดูอีกคนหน้าเหวอไปเลยเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร และหันมาเห็นสรัช
“เฮ้ย พี่เอ้”
สรัชยืนคิดว่าจะทำยังไงดี หันไปหาอิชยา
“ยา ช่วยกันแยกเร็ว”
ทั้งสรัชทั้งอิชยาพุ่งเข้าไปช่วยกันดึงอรดีกับจิรดาแยกออกคนละฝั่ง ดึงกันไปมาจนในที่สุดสองคนนั้นก็ยอมปล่อยมือออกจากกัน อรดีกับจิรดาล้มกันไปคนละทาง สภาพสะบักสะบอมทั้งคู่
จิรดาเอามือแตะปากรู้สึกว่าเลือดไหลแล้วก็ร้องโวยวาย
“แย่แล้ว ช่วยด้วยๆ ฮือ…”
จิรดาทำเป็นร้องไห้โฮต่อหน้าทุกคนเรียกคะแนนสงสาร อรดีเห็นก็โมโห
“หน็อย…นังสะตอ…”
อรดีโผนทะยานจะเข้าไปตบอีก อิชยาคว้าตัวไว้ทัน ลากออกไป และล็อคแขนไว้
“โอ๊ยจะทำอะไร ปล่อยฉัน”
“พอแล้วพี่ดี้”
อิชยาดึงอรดีออกไปอรดีดิ้นไม่หยุดโวยวายหนัก /จิรดาเอาแต่สะอื้น สรัชส่ายหัวกลุ้มๆ
อรดีที่ถูกอิชยาลากมาตามทางเดินในโรงแรม ร้องโวยวายไม่หยุด
“แกไม่น่าห้ามฉันเลย ดูสิ ดู!ดูสิ่งที่มันทำกับฉัน อีพยาบาลบ้าทำเป็นแอ๊บใส แต่ข้างในนี่นางมารร้ายชัดๆ ฉันไม่จบแค่นี้แน่ คอยดู”
อิชยาหยุดเดิน
“พี่ดี้จะทำอะไรอีก นี่ยังเจ็บตัวไม่พอหรือไง”
อรดีดูรอยข่วนตามตัวแล้วถอนหายใจ กัดฟันพูดเจ็บใจมาก
“ไม่พอ ตั้งแต่เกิดมาแม่ยังไม่เคยตีเลย แล้วนังนั่นมันเป็นใครมาตบฉัน ฉันจะเอาคืน”
“ยาว่าพี่ดี้อยู่เฉยๆ ดีกว่า”
“ไม่มีทาง มันจะได้เยาะเย้ยฉันน่ะสิว่าทำอะไรมันไม่ได้”
“จะกลับไปให้เขาตบซ้ำให้ขายขี้หน้าอีกเหรอ ทำไมไม่อยู่สวยๆ ให้คุณธรเขาเห็นคุณค่า แถมดูน่าสงสารดีกว่า”
อรดีคิดตาม ชักเห็นด้วย
วิษธรอยู่ในห้องพัก เพิ่งอาบน้ำเสร็จ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้อง วิษธรแปลกใจว่าใครมาหาเอาป่านนี้ พอเปิดประตูก็เจอจิรดายืนร้องไห้อยู่วิษธรตกใจ
“คุณดา เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไม่ถึง...”
“คุณธรช่วยดาด้วยค่ะ...มีคนทำร้ายดา”
จิรดาจงใจยกมือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น วิษธรมองเห็นรอยฟกช้ำเต็มไปหมด
“ใครทำอะไรคุณดาครับ”
“ดา...ดาไม่อยากพูดเลยค่ะ เดี๋ยวคุณธรจะตกใจ”
“ถ้าคุณดาไม่บอกผมก็ช่วยอะไรคุณดาไม่ได้นะครับ”
“ดาไม่อยากให้เขาเสียหายนี่คะ คนเพิ่งรู้จักกัน แถมเป็นแขกสำคัญของคุณด้วย”
วิษธรเอะใจ “ใครเหรอครับ”
จิรดาทำเป็นอ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากพูด จนวิษธรต้องพูดจี้
“บอกผมมาเถอะครับ”
จิรดาอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง “คุณ...ดี้ค่ะ”
วิษธรตกใจ “คุณดี้”
ว่าแล้วจิรดาก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
“คุณธรนึกไม่ถึงใช่ไหมล่ะคะ ดาก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงเกลียดอะไรดานัก ถึงได้ทำร้ายดาขนาดนี้ ฮือ...”
วิษธรกลุ้มใจ หาทางปลอบจิรดาก่อน
“ไม่เป็นไรนะครับ ไว้ผมจะหาทางเคลียร์เองแต่ตอนนี้คุณดาไปทำแผลก่อนดีกว่า”
วิษธรพาจิรดาเดินไป กลุ้มใจว่าวันนี้มีแต่เรื่องร้ายๆ โดยไม่เห็นว่าจิรดาลอบยิ้มสะใจสมใจออกมา
วิษธรพาจิรดาเดินมาถึงล็อบบี จิรดาทำท่าโอดโอยซบวิษธร พรพจีสั่งงานพนักงานอยู่แถวนั้นหันมาเห็นเข้าจึงรีบเข้าไปหา
“มีอะไรคะธร”
วิษธรเงยหน้ามาเจอพรพจี จิรดาหงุดหงิดว่าโดนขัดจังหวะอีกแล้ว
“ผมจะพาคุณดาไปทำแผลน่ะครับ”
พรพจีแปลกใจ “ทำแผล ดาไปโดนอะไรมา”
“คุณดาเขามีเรื่องกับคุณดี้น่ะครับ”
“มิน่าฉันถึงได้ยินเสียงเอะอะอยู่เมื่อกี้ แล้วทางนั้นเป็นยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ เจอแต่คุณดา”
พรพจีมองสภาพจิรดา “แผลขนาดนี้ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม”
จิรดาตกใจกลัวโดนจับได้ รีบปฏิเสธ
“ฉัน…ฉันไม่…”
“ดีครับ ผมว่าคุณดี้ก็น่าจะแย่เหมือนกัน เราพาทั้งคู่ไปพร้อมกันเลยดีไหม”
จิรดากลัววิษธรไปหาอรดีอีกคน เลยทำเป็นหมดแรง ทรุดลงไปกองตรงนั้น
“โอ๊ย”
“คุณดาเป็นอะไรครับ”
“ช่วยด้วยค่ะ ดาเดินไม่ไหว”
จิรดาเข้าไปซบวิษธร กะจะให้ช่วยพยุง แต่พรพจีรู้ทัน เข้ามาจับแขนจิรดา
“คุณจี จะทำอะไรคะ”
“เธอเดินไม่ไหวไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะช่วยพยุงไง”
“เอ่อ คือ”
“ไม่ต้องเกรงใจ มาเถอะ ธร พาดาไปโรงพยาบาลกัน เดี๋ยวคุณดี้ฉันส่งพนักงานไปดู”
พรพจีเข้ามาช่วยพยุง จิรดาไม่ชอบ แต่ต้องแอ๊บต่อให้สมบทบาท
จิรดานอนอยู่บนเตียงรอทำแผล สีหน้าเซ็งสุดขีดพรพจีคอยปลอบ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ เดี๋ยวหมอก็มา”
บุรุษพยาบาลเข็นคนไข้อีกคนมาอีกเตียง แต่มีม่านกั้นเลยไม่เห็นว่าเป็นใคร หมอเวรเดินเข้ามาดูจิรดากับคนไข้อีกคน หันไปถามจิรดาก่อน
“คนไข้เป็นอะไรมาคะ”
จิรดานึกถึงอรดีเลยตอบประชดไป
“โดนคน...บ้า ทำร้ายมาค่ะ”
“คนบ้าเหรอครับ ไปโดนได้ยังไงครับ”
“คนบ้าแถวโรงแรมค่ะ ฉันอยู่ของฉันดีๆ จู่ๆ ก็มีคนบ้ามาบอกว่าไปแย่งผัวเขา แล้วก็…เข้ามาทำร้ายเลย”
จิรดาทำเป็นร้องไห้คร่ำครวญราวกับเจ็บปวดมากมาย อรดีฟังอยู่นานจำเสียงได้ แอบแง้มม่านดู จนเห็นว่าเป็นพยาบาลคู่ปรับ
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวทำแผลก่อนค่ะ”
อรดีกัดฟันด้วยความเจ็บใจ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นวิษธรเดินเข้ามา หมอจะหันไปบอกพยาบาล อรดีคิดแผนอะไรได้เลยร้องขึ้นมา
“โอ๊ย…คุณหมอ ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
อรดีจงใจให้ม่านกั้นเตียงเปิดออก จิรดาเห็นอรดีตามมาก็ตกใจ อรดีแกล้งร้องโอดโอยเรียกร้องความสนใจจากวิษธร หมอรีบวิ่งไปดูเตียงอรดี
“คุณหมอคะ ฉันเจ็บค่ะ ฉันก็โดนคนบ้า ทำร้ายมาเหมือนกัน”
หมอแปลกใจ “คนบ้าอีกแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ คนบ้าที่ชอบมโนเป็นตุเป็นตะว่าคนอื่นเป็นสามีตัวเอง พอฉันว่าก็ทนไม่ได้ เลยทำร้ายฉัน”
อรดีทำเป็นร้องไห้เจ็บปวดน่าสงสาร วิษธรหันไปบอกพรพจี
“ผมไปดูดี้เขาหน่อยนะ”
พรพจีพยักหน้า วิษธรเดินไปหาอรดี จิรดาเห็นก็ไม่ยอม ร้องขึ้นอีก
“โอ๊ยคุณธร ช่วยดาด้วยโอ๊ย”
จิรดาแกล้งลงไปนอนคุ้ดคู้กับเตียงทรมานมาก อรดีรู้ว่าจิรตาแกล้งก็ทำบ้าง
“โอ๊ย ฉันเจ็บไม่ไหวแล้ว ฮือ”
วิษธรหันกลับมาหาจิรดา อรดีก็ไม่ยอมอีก ต่างคนต่างส่งเสียงวุ่นวาย วิษธรทำอะไรไม่ถูก จนหมอเดินมาหาพรพจีกับวิษธร
“เดี๋ยวหมอขอดูแผลก่อน รบกวนญาติออกไปก่อนสักครู่นะครับ”
“ได้ค่ะ ไปรอข้างนอกกันเถอะค่ะ”
“ครับ”
พรพจีกับวิษธรออกไป พยาบาลเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล อรดีกับจิรดาหน้าเหวอ เซ็งที่วิษธรไม่สนใจเลย
ภัทร์ธีราออกมาเดินเล่นผ่านหน้าห้องฉุกเฉิน เห็นคนท่าทางคุ้นๆ นั่งอยู่ อิชยากับสรัชนั่งอยู่ด้านหน้า มองเห็นภัทร์ทีราเช่นกัน
“น้องจ๋า”
ภัทร์ธีราแปลกใจ “พี่เอ้ มาทำอะไรที่นี่คะ ยา แกด้วย ทำไมกลับมาอีก”
อิชยากับสรัชมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะขำ
“ถ้าแกรู้ว่าทำไมฉันต้องมาที่นี่ รับรองแกจะอึ้ง”
ภัทร์ธีรางงใหญ่ “เรื่องอะไร มีใครเป็นอะไรรึเปล่า”
“มีสิคะ มีเพียบเลยล่ะ” สรัชบอกยิ้มๆ
อิชยาเป็นคนเล่า “คืองี้ พี่สาวฉันนึกอะไรไม่รู้ เปิดศึกแย่งคุณธรกลางโรงแรมกับพี่ดา ฉันกับพี่เอ้ต้องไปช่วยกันแยก กว่าจะหลุดมาได้ก็แทบแย่”
“นายวิษธรอีกแล้วเหรอ”
ภัทร์ธีราหงุดหงิดขึ้นมาทันที หันไปเห็นพรพจีกับวิษธรเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดี เลยบ่นบ้าเบาๆด้วยความหมั่นไส้
“เฮี้ยนจริงๆ พูดถึงก็มาเลย”
“อ้าว น้องจ๋า ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะจ๊ะ” พรพจียิ้มทักถาม
“จ๋านอนไม่หลับน่ะค่ะเลยออกมาเดินเล่น ไม่คิดว่าจะบังเอิญมาเจอทุกคน”
“รู้เรื่องแล้วสินะ อาขอโทษที่ไม่ได้บอก พอดีวุ่นๆ อยู่”
“ไม่เป็นไรค่ะ จ๋าเข้าใจ”
“แล้วคุณจ๋าเป็นยังไงบ้างครับ ดูแลคุณรินเหนื่อยไหม” วิษธรถาม
“ก็นิดหน่อยค่ะ แต่คงไม่เหนื่อยเท่าบางคนที่สับรางไม่ทันจนสับสน อยากรู้จริงๆ ว่าทำเสน่ห์กับหมอผีที่ไหน”
อิชยากับสรัชฟังแล้วเกือบหลุดขำออกมา พรพจีมองดุแต่ภัทร์ธีราทำลอยหน้าลอยตาไม่สน วิษธรยิ้มขำไม่ถือสา
หลังวิษธรกับพรพจีออกไป อรดีก็หันมาด่าว่าจิรดาทันที
“หยุดแอ๊บได้แล้ว แผลแค่นั้นร้องอยู่ได้ ใกล้ตายแล้วเหรอยะ”
“ฉันน่ะยัง แต่คนใกล้ตายน่าจะเป็นเธอมากกว่ามั้ง เห็นครางหงิงๆ เป็นหมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ใครหมา เธอสิหมาแถมหน้าไม่อายด้วย”
หมอสุดทน “คนไข้ครับ พอได้แล้วครับ”
จิรดากับอรดีหยุดเถียงกัน
“เถียงกันได้แบบนี้แสดงว่าหายแล้วใช่ไหมครับ หมอจะได้ให้กลับบ้าน”
จิรดามองอรดีแล้วเชิดใส่อีก อรดีเชิดด้วยไม่ยอมกลับ บอกออกมาพร้อมๆ กันว่า
“ขอโทษค่ะหมอ” / “ขอโทษค่ะ”
ทั้งคู่หันมาจิกตาใส่กันอีก
“นี่เธอ” / “เธอ”
จิรดาแหวใส่ “พูดพร้อมฉันทำไม”
“ฉันพูดก่อน แกนั่นแหละที่พูดตามฉัน” จิรดาโต้ สองคนทุ่มเถียงไม่ยอมกัน
“ฉันไม่ได้พูดตามเธอ อย่ามามั่วนะ”
“แกสิมั่ว คิดจะหาเรื่องฉันรึไง”
“เธอต่างหาก หาเรื่องตั้งแต่ที่โรงแรมแล้ว พูดไม่คิด”
“โอ๊ย อีบ้า! อยากโดนอีกใช่ไหม”
อรดีเริ่มอารมณ์ขึ้น จิรดาก็ไม่ยอม ทำท่าจะสู้กันอีก อิชยากับสรัชเข้ามาพอดีรีบเข้าไปห้ามทั้งสองคนไว้
“พอเลยค่ะ พอ นี่พี่สองคนเลิกทะเลาะกันได้ไหม ตีกันอยู่ได้ ไม่อายหรือไง”
“ยัยยา แกดูมันสิ”
จิรดายิ้มเยาะใส่อรดี สรัชส่ายหัวเอือมระอา วิษธรกับพรพจีตามเข้ามาพร้อมภัทร์ธีรา
“เป็นไงบ้าง เรียบร้อยแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
อรดีอ้าปากจะบอกว่ายัง อิชยาชิงพูดก่อนว่า
“เรียบร้อยแล้วค่ะอาจี”
“เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วงนะ เกิดเรื่องในโรงแรมอา อารับผิดชอบเอง”
“ขอบคุณค่ะอาจี”
ภัทร์ธีรามองวิษธรตาขวาง ไม่ชอบใจที่วิษธรทำให้เกิดเรื่อง
วิษธรกับพรพจีเดินไปที่ลานจอดรถด้วยความเหนื่อยอ่อน วิษธรเผลอหาวออกมาจนพรพจีขำ
“กลับไปโรงแรมคุณคงหลับเป็นตาย เจอเรื่องทั้งวันเหนื่อยแย่เลย”
“นิดหน่อยครับ เหนื่อยไปนั่นมานี่มากกว่า”
“ไม่ใช่ว่าเหนื่อยเรื่องรถไฟชนกันดังโครมหรอกเหรอ” พรพจีเย้า
“โธ่…รถไฟอะไรกันล่ะครับ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาตีกันเรื่องผม”
“ล้อเล่นน่ะค่ะ ฉันแค่ไม่อยากให้คุณคิดมาก”
วิษธรจับมือพรพจีมากุมไว้ มองสบตาเธอยิ้มๆ
“ผมชอบเวลาคุณเป็นห่วงผมจัง”
“ฉันก็ต้องเป็นห่วงสิคะ ถ้าไม่มีคุณฉันจะอยู่ยังไง”
พรพจีเขิน ยกมือวิษธรขึ้นมาแนบแก้ม วิษธรมองตาลึกซึ้ง
“ฉันกลัวเหลือเกินธร กลัวว่าจะต้องเสียคุณไป”
“อย่ากลัวเลย ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่”
“แต่ฉันไม่รู้เลยว่าคุณนรินทร์จะสร้างเรื่องอะไรอีก”
“อย่ากลัวปัญหาที่มันยังไม่เกิดเลยจี”
“ฉันต้องกลัวค่ะปัญหามันเกิดมาตลอดอยู่แล้ว ดูเหมือนจะยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆด้วย ยิ่งถ้าคุณลาออกไป ฉันจะทำยังไงต่อไป ฉันดูธาราคนเดียวไม่ไหวแน่”
วิษธรกอดปลอบพรพจี ยิ้มอย่างมีแผน
“ไม่ต้องห่วงนะจี ผมจะหาทางออกเรื่องนี้เอง”
พรพจีสงสัย
รุ่งเช้า บุรุษพยาบาลเข้ามาในห้อง ช่วยพยุงนรินทร์ลงจากเตียงขึ้นนั่งรถเข็น นรินทร์งงว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่ ทำอะไรน่ะ จะพาฉันไปไหน”
ภัทร์ธีราและพรพจีเข้ามาในห้อง นรินทร์โวยวายใส่
“เป็นฝีมือเธอใช่ไหมจี คิดจะทำอะไรกันแน่”
ภัทร์ธีราเข้ามาปลอบ
“ใจเย็นๆ นะคะอาริน จ๋ากับอาจีจะพาอารินไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ”
“ทำไมต้องย้ายด้วย อยากไล่ให้ฉันไปไกลๆ รึไง” นรินทร์โวยไม่หยุด
“แต่พวกเราต้องกลับกันแล้ว ที่กรุงเทพฯ เครื่องไม้เครื่องมือก็ทันสมัยกว่าที่นี่ คุณจะได้ตรวจอย่างละเอียดด้วยไงคะ” พรพจีบอก
“แล้วไอ้วิษธรล่ะ กลับด้วยหรือเปล่า”
พรพจีแปลกใจ “พูดถึงเขาทำไม”
“ทำไมล่ะ คุณน่าจะชอบไม่ใช่เหรอ อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย”
นรินทร์นิ่งขึงไม่พอใจ
“ธรเขาต้องกลับไปแน่ เขาต้องกลับไปเคลียร์งานให้เสร็จ ก่อนจะไปจากธารา”
“พูดอย่างนี้ หมายความว่ามันจะลาออกแน่แล้วใช่ไหม”
“ใช่ คุณพอใจแล้วใช่ไหม”
นรินทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“พอใจสิ พอใจมาก”
พรพจีพยายามอดกลั้นถึงขีดสุด
อ่านต่อ ตอนที่ 9
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์