เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 6
ค่ำคืนนี้ ภัทร์ธีรานั่งเหม่ออยู่บนเตียงในห้องนอน สักครู่จึงมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้ค่ะ”
สวาทเปิดเข้ามาพร้อมแก้วเครื่องดื่ม วางตรงโต๊ะหัวเตียง ลงนั่งด้วย
“ป้าเห็นคุณจ๋ากินข้าวเย็นได้น้อยกลัวว่าจะหิว เลยเอาน้ำเต้าหู้อุ่นๆ มาให้ดื่มน่ะค่ะ”
“น้องจ๋าไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ”
พูดจบหญิงสาวก็นิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักอกหนักใจ สวาทมองอย่างเข้าใจ
“น้ำเต้าหู้ของป้าช่วยให้หายเครียดได้นะคะ กินแล้วนอนหลับฝันดี”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ ก็ดีสิคะ ตอนนี้จ๋ารู้สึกเหมือนฝันร้ายอยู่เลย อาจีกับอารินทะเลาะกันแทบทุกวัน บ้านกำลังจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว เป็นเพราะนายงูพิษนั่นคนเดียว”
“ไฟกองนี้มันลุกมานานแล้วล่ะค่ะ แต่คุณจ๋าอาจจะยังไม่เคยรู้เท่านั้น” สวาทพูดเป็นนัย
ภัทร์ธีรามองหน้าผู้พูดอย่างแปลกใจ
“ตั้งแต่ตอนที่จ๋าไม่อยู่เมืองไทยเหรอคะ”
“ก่อนหน้านั้นอีกค่ะ และเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้คุณจีส่งคุณจ๋าไปเรียนต่อ”
สีหน้าสวาทรำลึกจดจำเรื่องราวแต่หนหลังได้แม่นยำ
เมื่อ 7 ปี ก่อน นรินทร์ยังหนุ่มแน่นแข็งแรงดี นอนหลับอุตุอย่างสบายอยู่ในห้องนอน ทั้งที่นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงแล้ว พรพจีเปิดประตูเข้าห้องมาด้วยความโมโห ปาเอกสารและแฟ้มใส่นรินทร์บนที่นอนอยู่อย่างแรง
นรินทร์งัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ท่าทางเหมือนแฮงก์ๆ อยู่
“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าคุณทำบ้าอะไร”
“ผมนอนของผมอยู่ดีๆ คุณก็...”
พรพจีหยิบเอกสารบนเตียงมาปาใส่หน้าไม่ยั้ง “งั้นอ่านนี่ นี่ แล้วก็นี่ อ่าน! แล้วตอบฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับโรงแรมเรา คุณไม่ยอมไปทำงานจนโรงแรมจะเจ๊งอยู่แล้ว คุณเอาเวลาไปกกอีตัว อีหนูของคุณหมดใช่ไหม ตอบสิ ตอบ”
พรพจีหยิบเอกสารที่กระจายอยู่รอบเตียงมาใส่โยนนรินทร์ใหม่ นรินทร์ลุกหนีลงเตียงพยายามปัดป้องแต่พรพจีไม่ยอมหยุด
“จี หยุด! หยุด! ฉันบอกให้หยุด”
“ฉันไม่หยุด! ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
นรินทร์บันดาลโทสะ ตบพรพจีล้มคว่ำไปกองที่พื้น
“โถ่เว้ย จะอะไรกันนักกันหนาวะ โรงแรมนี้พ่อฉันเป็นคนสร้างมา ฉันไม่ปล่อยให้มันเจ๊งง่ายๆหรอก กะอีแค่ไม่ไปทำงานวันสองวัน ทำเป็นโวยวาย เสียอารมณ์จริงๆ เว้ย”
พรพจีจับหน้าข้างที่โดนตบยันกายลุกขึ้น เหลียวมองนรินทร์ด้วยสายตาเย็นชา
“ถ้าคุณยังไม่ไปทำงาน และแก้ปัญหาที่คุณสร้างไว้ไม่ได้ ฉันจะจ้างมืออาชีพมาทำงานแทนคุณ แล้วคุณก็จะได้อยู่เฉยๆ สมใจ”
“ก็ตามใจซี่ อยากรู้ว่าจะทำไปได้สักกี่น้ำ”
นรินทร์มองจ้องด้วยท่าทีเยาะหยัน พรพจีเดินปึงปังออกไป
เล่าถึงตอนนี้สวาทจ้องหน้าภัทร์ธีรานิ่ง บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณจีต้องทนอะไรหลายอย่างมานานแล้วล่ะค่ะ ที่เธอกับคุณรินยอมสร้างภาพรักกันเป็นครอบครัวอบอุ่น เพราะพวกเขาสงสารคุณจ๋า คุณจีกลัวคุณจะรู้สึกขาด เธอยอมทนทุกอย่างก็เพื่อคุณ เธอรักคุณมากนะคะ”
“น้องจ๋ารู้ค่ะ ว่าอาจีรักน้องจ๋า แล้วก็เข้าใจด้วยว่าเรื่องของคนสองคน อยู่ด้วยกันมันต้องมีทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้อารินก็ป่วยอยู่ นิสัยแบบเมื่อก่อนน่าจะไม่มีแล้ว”
“แต่ป้าว่า นิสัยบางอย่างมันเปลี่ยนกันยาก คุณจ๋าก็เห็นนี่คะว่าตอนนี้คุณรินอารมณ์เป็นยังไง”
“จ๋าว่าจ๋าพอจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่อารินต้องการก็แค่ความรักความเอาใจใส่เท่านั้น ถ้าไม่มีนายวิษธร อาจีคงหันมาใส่ใจดูแลอารินบ้าง อารินก็จะไม่น้อยใจ ไม่ต้องหึงอาจี ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น”
“ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงดีกว่าค่ะ”
สวาทลูบหลังภัทร์อย่างจนคำพูด
รุ่งเช้า สวยและเต่ากำลังกำลังเก็บจานชามอยู่ในครัว ส่วนเกลี้ยงนั่งดูสาวๆ พร้อมกับกินขนมไปด้วย
เต่าถอนหายใจ “เฮ้อ”
สวยก็ถอนหายใจ “เฮ้อ”
สองคนถอนหายใจพร้อมกัน “เฮ้อ”
“เป็นอะไรของพวกแกวะ สลับกันถอนหายใจ เฮ้อๆ อยู่ได้ หรือเหงาใจไม่มีแฟนจ๊ะ” เกลี้ยงถาม
เต่าหยุดทำงาน มานั่งคุยด้วย “แหม พี่เกลี้ยง จะไม่ให้พวกฉันถอนหายใจได้ยังไง เดี๋ยวนี้พวกคุณๆ น่ะมีเรื่องกันบ๊อยบ่อย”
สวยหยุดทำงานตามมานั่งคุยอีกคน “ใช่ เวลาอยู่ในบ้านพวกฉันเนี่ยอึดอั๊ดอึดอัด อย่างกับอยู่ในสงคราม”
“สงสารก็แต่คุณจ๋า ต้องมาเป็นคนกลาง ดูอาที่รักมากทั้งสองคนทะเลาะกัน” เต่าบอก
“แต่ฉันว่าเรื่องนี้ คุณธรน่าสงสารสุด” สวยว่า
เกลี้ยงงง “ทำไมถึงเป็นคุณธรวะ”
เต่าก็งงด้วย “นั่นสิ”
“ก็คุณธรน่ะโดนใส่ร้ายนะพี่ เขาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย กลับโดนหาว่าเป็นต้นเหตุ เขาคงเสียใจมาก เดี๋ยวนี้ฉันเจอทีไรก็หน้านิ่วคิ้วขมวด คงจะเครียดมาก น่าสงสารเนอะ ฉันเห็นแล้วอยากเข้าไปช่วยปลอบเลยอะ” สวยพูดเองก็เขินเอง
เกลี้ยงส่ายหัว “พูดเหตุผลเยอะแยะ ลงท้ายก็บ้าผู้ชายล่ะวะ”
“หล่ออย่างคุณวิษธร ใครไม่บ้าก็บ้าแล้ว” สวยว่า
สวาทเดินมาทางข้างหลัง โดยทั้งสามคนไม่เห็น
“ใครจะเป็นบ้าเหรอ”
ทั้งสามคนลุกพรวดขึ้นพร้อมกัน กระเจิงไปคนละทาง
เต่ารีบบอก “ฉันลืมเก็บผ้า”
“อ๊ะ เดี๋ยวฉันไปช่วย” สวยว่า
“พี่ไปด้วย จะไปล้างรถซะหน่อย”
ทั้งสามคนรีบเดินออกไปด้วยหน้าตาขึงขัง ตั้งใจทำงานมาก สวาทส่ายหัวมองตามด้วยสายตารู้ทัน
ภัทร์ธีรานั่งหน้าเครียด คิดทบทวนคำพูดของพรพจีเรื่องการเข้ามาในเดอะธาราของวิษธร
“เขาบอกว่าทำรีสอร์ตมันนิ่ง ไม่ท้าทาย สู้เอาเงินไปลงทุนธุรกิจอย่างอื่นดีกว่าเลยลองมาจับด้านอสังหาฯ จนรุ่ง”
ภัทร์ธีรายิ่งคิดยิ่งสงสัย
“ส่วนรีสอร์ตก็ให้ลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อดนัยดูแลไป”
เช้าวันรุ่งขึ้น สามคนนั่งทานอาหารมื้อด้วยกัน มีสาวใช้ยืนคอยดูแลอยู่ สรัชคอยตักอาการให้บิดามารดาเป็นระยะ
“ขอบใจลูก” คุณหญิงยิ้มปลื้ม
“ครับ คุณแม่กินนี่สิครับ”
“ขอบใจจ้ะ” คุณหญิงเลียบๆ เคียงถามเรื่องพรพจี “เออ...เอ้ แม่เห็นเอ้ไปบ้านหนูจ๋าประจำ เอ้คงเจอกับอาของหนูจ๋าบ่อยๆ ใช่ไหม”
“ครับ เอ้เจอกับอาจีบ่อยๆ แม่มีอะไรหรือเปล่า”
“แม่ได้ยินข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณพรพจีมา ไม่รู้เอ้รู้หรือยัง”
นายพลสุทธิส่งเสียงปรามคุณหญิงภริยา “คุณ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องพรพจีชอบกินเด็กน่ะสิ เห็นว่าคบกับหุ้นส่วนอยู่ ชื่อวิษธร”
“คุณ! เรายังไม่มีหลักฐานอะไรเลย จะไปเจาะจงว่าเขาเป็นแบบนั้นได้ที่ไหน” นายพลสุทธิไม่พอใจนิดๆ
“นี่คุณ ฉันก็ยังไม่ได้เจาะจงอะไรนี่คะ ฉันแค่จะถามเอ้ ว่าจริงหรือเปล่าแค่นั้น”
“ผมไม่เห็นคุณจะถามซักคำ”
“เอ๊ะ คุณ ฉันก็กำลังจะถามอยู่นี่ไง ถ้าคุณไม่...”
สรัชต้องห้ามทัพ “เอาละครับๆ พ่อกับแม่ไม่ต้องทะเลาะกันครับ เอ้ไม่รู้ว่าแม่ไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน แต่เอ้ว่ามันเป็นแค่ข่าวซุบซิบจากคนไม่หวังดีแค่นั้น เท่าที่เอ้เห็น คุณธรกับอาจีก็ดูเป็นหุ้นส่วนปกติไม่ได้มีอะไรพิเศษอะไรนะครับ”
“เห็นไหมล่ะคุณ” ท่านนายพลว่า
“แม่ว่าเอ้เพิ่งจะกลับมา แล้วก็เห็นอะไรแค่ผิวเผิน ตอนนี้ยังตัดสินอะไรไม่ได้หรอกจ้ะ แม่จะยังไม่เชื่อจนกว่าเอ้จะพาคุณพรพจีมาพบแม่ แม่จะได้ตัดสินด้วยตัวเอง ว่าครอบครัวน้องจ๋าเหมาะจะดองกับเราหรือเปล่า”
นายพลสุทธิหันไปพยักหน้าให้ลูกชายอย่างเห็นใจ
“เอ้จะรีบเชิญอาจีมาพบแม่ครับ”
คุณหญิงทอศรีพยักหน้ารับเยื้อนยิ้มอย่างพอใจ
พรพจีในชุดทำงานเดินลงบันได มาหยุดทักภัทร์ธีราที่รออยู่แล้วในห้องโถง
“ไปกันเถอะจ้ะ”
“เออ อาจีคะ เห็นว่ามีผู้ชายมาบ้านคุณวิษธร ไม่รู้ว่าใช่คนที่อาจีบอกหรือเปล่า ชื่ออะไรน้า”
“คุณดนัย ลูกพี่ลูกน้องของธรใช่ไหมจ๊ะ เขามาเรื่องโอนที่ดินที่ราชบุรีน่ะจ้ะ”
“อ้าว นี่เขาคนเดียวไม่พอยังให้ลูกพี่ลูกน้องมาฮั้วกันซื้อที่ด้วยเหรอคะ”
พรพจีไม่พอใจนิดๆ พูดกับภัทร์ธีราอย่างจริงจัง
“น้องจ๋า อาเคยบอกแล้วไงว่าเวลาธรทำงานเขามีเอกสารรับรองทุกอย่าง แล้วอีกอย่างน้องจ๋าก็เห็นว่าเวลาซื้อที่อาก็ไปดูด้วยตลอด รับรองไม่มีเรื่องไม่โปร่งใส น้องจ๋าไม่มีอะไรต้องกังวลเลย”
“แต่น้องจ๋าว่า...”
ภัทร์ธีราไม่ทันได้ทักท้วงอีก เพราะวิษธรเดินเข้ามาพร้อมกับดนัยพอดี
“นั่นธรมาแล้ว เอ๊ะ ดูเหมือนคุณดนัยจะมาด้วย”
วิษธรกับดนัยยิ้มทักทายพรพจี
ภัทร์ธีราบ่นงึมงำเบาๆ กับตัวเอง “มาทำไม”
“น้องจ๋า นี่คุณดนัยพี่ชายของธรจ้ะ”
ภัทร์ธีรายกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ”
ดนัยรับไหว้ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“มาครบแล้ว เราไปกันเลยดีไหมคะ”
ภัทร์ธีราชะงัก ถามพรพจีงงๆ “เขาไปโรงแรมกับเราด้วยเหรอคะ”
“วันนี้ผมมีประชุมฝ่ายขาย คงต้องให้คุณจีไปกับพี่นัยน่ะครับ” วิษธรว่า
ภัทร์ธีราถามพรพจีอีก “แล้วจ๋าล่ะคะ”
“คุณจ๋าไปโรงแรมพร้อมผมก็ได้” วิษธรบอก
“ฝากน้องจ๋าด้วยนะคะ ไปกันค่ะคุณนัย”
“ครับ”
ภัทร์ธีราพยายามจะทักท้วง “แต่อาจีคะ...”
“สู้ๆ นะจ๊ะ”
พรพจียิ้มให้ แล้วเดินออกไปกับดนัย วิษธรเดินตามไป เห็นภัทร์ธีรายืนงงไม่ขยับจึงถามกวนๆ
“ไม่ไปเหรอคุณ”
ภัทร์ธีรามองค้อน หน้าบูดหน้าบึ้ง
“แค่ฝึกงานก็ไปสายซะแล้ว เป็นหลานเจ้าของโรงแรมนี่ดีจริงๆ นะ”
“ไม่ใช่ซักหน่อย ฉันจะให้น้าเกลี้ยงขับไปส่ง แป๊บเดียวก็ถึง ไม่สายแน่นอนย่ะ”
“ไปทางเดียวกันแท้ๆ ยังขับรถแยกกันไปอีก” เขาแกล้งส่ายหน้ากับความคิดของเธอ “ผมรู้แล้วกรุงเทพฯ รถติดเพราะใคร”
“นี่นาย”
ภัทร์ธีราเดินกระฟัดกระเพียดตามวิษธรไปอย่างจำใจ
รถวิษธรเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรม เขาลงจากรถไป ขณะที่ภัทร์ธีรานั่งรอให้คนมาเปิดประตูให้ด้วยความเคยชิน แต่วิษธรเดินเข้าล็อบบีโรงแรมไปแล้ว ภัทร์ธีรามองตามหน้าเหวอ เปิดประตูตามลงไป รีบเดินนำหน้าวิษธรไปอย่างหงุดหงิด
“จะไปไหน”
“ก็ไปฝึกงานปูเตียงไง”
“วันนี้คุณไม่ต้องปูเตียงหรอก”
“แล้วจะให้ฉันทำอะไร”
วิษธรยิ้มน้อยๆ
ภายในครัวของห้องอาหารโรงแรมเดอะธารา ภัทร์ธีรายืนอยู่หน้าโต๊ะที่มีอาหารวางเรียงรายเต็มไปหมด
“จะให้เสิร์ฟอาหารเนี่ยนะ”
“หรือว่าคุณทำไม่ได้” วิษธรมองท้าทาย
“ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้”
“ดีครับ หวังว่าจะไม่ใช่แค่ทำได้ แต่ทำให้ดีสมกับมาตรฐานของโรงแรมเราด้วยนะครับ”
“นายไม่ต้องสั่งฉันก็ตั้งใจทำอยู่แล้ว อ้อ แล้วนายก็ต้องจำไว้ด้วยว่า ที่ฉันยอมทำเพราะต้องการให้อาจียอมรับในความสามารถของฉัน ไม่ได้เป็นเพราะนายสั่ง” คุณหนูจ๋าหันไปถามพนักงาน “ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ”
วิษธรมองคุณหนูคู่ปรับแล้วยิ้มขำๆ
พรพจีเดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานวิษธร เคาะประตูเบาๆ วิษธรที่กำลังอ่านเอกสารท่าทางจริงจังเงยหน้าขึ้น
“เข้ามาได้”
เมื่อวิษธรเห็นเป็นพรพจีที่เดินเข้ามาก็ยิ้มให้
“กลับมาเร็วจังครับ”
“ไม่ดีเหรอคะ”
“ดีสิครับ ผมไม่ชอบให้จีห่างผมนานๆ”
พรพจียิ้มปลื้ม “ฉันถึงได้รีบกลับมานี่ไงคะ เรื่องที่ฉันโอนเรียบร้อยแล้วนะคะ แล้วน้องจ๋าเป็นไงบ้าง”
“ผมให้เขาลองงานเสิร์ฟที่ห้องอาหารน่ะครับ มีโวยนิดหน่อยตอนแรก แต่สุดท้ายก็ยอมทำ งานในห้องอาหารค่อนข้างหนัก หวังว่าจีคงไม่ว่าที่ผมใช้งานคุณจ๋าหนักเกินไป”
“ฉันจะไปว่าธรได้ยังไงล่ะคะ น้องจ๋าน่ะค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเอง หัวแข็งไม่เชื่อใครง่ายๆ แต่ฉันเชื่อว่าธรจะสามารถฝึกน้องจ๋าได้ ฉันเชื่อมือคุณค่ะ”
วิษธรมองสบตาหวานซึ้ง “เพราะจีเป็นแบบนี้ไง ผมถึงไม่อยากห่างจากคุณเลย”
พรพจีหัวเราะ “พูดอย่างกับธรจะไปไหนอย่างนั้นแหละ”
วิษธรมองหน้าพรพจีเงียบๆ แล้วลุกขึ้น เดินไปกอดอกมองวิวริมหน้าต่าง พรพจีมองตามเริ่มเครียด
“ธร หรือธรจะไปไหนจริงๆ”
“ผมไม่ได้ไปไหนหรอกครับ แต่ผมอยากให้ห่างกันซักพัก รอให้เรื่องมันซาๆ ก่อน ผมกลัวถ้าผมกับคุณเจอกันบ่อยๆช่วงนี้ คนจะยิ่งสงสัย โดยเฉพาะคุณจ๋า”
“ฉันเข้าใจค่ะ แต่ไม่รู้ว่าฉันจะทนได้รึเปล่า” สาวใหญ่นักธุรกิจคนดังเดินมาสวมกอดวิษธรจากด้านหลัง “ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว”
“ผมรู้มันยาก ยากสำหรับผมด้วย แต่เราต้องอดทนนะครับ ผมก็จะอดทนรอจีเหมือนกัน ผมทำทุกอย่างเพื่อจีนะครับ”
วิษธรหันมากอดตอบ สีหน้าพรพจีโอนอ่อนยอมรับสิ่งที่เขาบอก
เห็นความวุ่นวายโกลาหลภายในห้องอาหารโรงแรมเดอะธารา แขกกินดื่มกันอย่างเลิศรสอยู่ในนั้น ภัทร์ธีราในชุดพนักงานห้องอาหารรับออเดอร์เสร็จ ก็ต้องเดินเร็วรี่หายเข้าครัวไป ยกเอาอาหารมาเสิร์ฟลูกค้า
ระหว่างนี้มีผู้ชายคนหนึ่งใส่แว่นดำปิดบังหน้าตา สักครู่หนึ่งเขายกมือเรียกภัทร์ธีราเพื่อสั่งอาหาร ภัทร์ธีราเดินมาอย่างเหนื่อยล้า แต่ก็ฝืนยิ้มทักทาย ก้มหน้าก้มตารับออเดอร์
“รับอะไรดีคะ”
ชายผู้นั้นยกเมนูขึ้นมาบังหน้า เปิดเมนูดูอยู่นาน ก่อนจะดัดเสียงถามว่า
“นั่นก็น่ากิน นี่ก็น่ากิน น่ากินไปหมด จะกินอะไรดีน้า”
“ชอบทานอะไรคะ”
“ชอบหลายอย่าง มีอะไรแนะนำบ้าง”
“ที่ขึ้นชื่อของเราจะเป็นสเต็กวากิวค่ะ”
“ผมไม่กินเนื้อวัว” ลูกค้าบอก
“ถ้าเป็นเนื้อหมู”
“ผมไม่กินหมู”
“ไก่ห่อใบเตยของเราก็...”
ชายคนดังกล่าวขัดขึ้นว่า
“กินไก่ไม่ได้ เป็นเก๊า”
ภัทร์ธีราชักเริ่มไม่พอใจ แต่ก็อดทนไว้
“ถ้าอย่างนั้น...”
“ผมเอาซูชิแล้วกัน” เขาบอก
“ถ้าเมนูอาหารญี่ปุ่นต้องรบกวนคุณลูกค้าไปที่ห้องอาหารญี่ปุ่นนะคะ”
“ผมจะกินที่นี่ คุณไปสั่งพ่อครัวทำเลย” ภัทร์ธีราโมโหที่อีกฝ่ายวางอำนาจใส่ “ไม่รู้เหรอว่าผมเป็นใคร”
ภัทร์ธีราหมดความอดทน เงยหน้ามอง
“คุณคะ ฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าคุณเป็นใคร แต่คุณจะมา...”
ชายคนนั้นวางเมนูลง ถอดแว่นออกบอกเสียงหวาน “ไม่รู้จริงๆ เหรอครับน้องจ๋า”
ภัทร์ธีราอุทานเสียงดังลั่นเมื่อเห็นเป็นสรัช “พี่เอ้”
สรัชยิ้มกว้างให้ คนเริ่มหันมามองเพราะเสียงของภัทร์ธีราจนเธอเริ่มรู้ตัว จึงลดเสียงลง
“มาทำอะไรคะ”
“พี่ต้องถามน้องจ๋ามากกว่าค่ะ ว่าทำไมถึงมาเสิร์ฟอาหารได้”
“จ๋ามาฝึกงานน่ะค่ะ”
“ฝึกงาน งานบริหารต้องฝึกเสิร์ฟอาหารด้วยเหรอ”
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะ”
“พี่มีเวลาฟังเรื่องของน้องจ๋าเสมอแหละค่ะ อีกอย่างพี่มีเรื่องจะคุยกับน้องจ๋าด้วย น้องจ๋าจะเสร็จงานเมื่อไหร่คะ”
ภัทร์ธีราดูนาฬิกาข้อมือ “อีก 5 นาทีก็หมดกะของจ๋าพอดี พี่เอ้รอจ๋าแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวจ๋าขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”
ภัทร์ธีรารีบวิ่งกลับเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ สรัชมองตามยิ้มๆ
ภัทร์ธีราเดินเคียงคู่สรัชอยู่ในสวนสวยข้างโรงแรม เล่าเรื่องวิษธรให้ฟังจบแล้ว พลางบีบนวดแขนไปด้วย
“โอย... ปวดแขนไปหมด”
“แล้วอย่างนี้จะไหวเหรอคะ”
“ไหวสิคะ พี่เอ้ก็รู้ว่าตอนเรียนจ๋าก็ทำงานเสิร์ฟเป็นพาร์ทไทม์ เหนื่อยกายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เจ็บใจนี่สิ”
สรัชแปลกใจ “ใครทำน้องจ๋าเจ็บใจคะ”
“ก็นายวิษธรนะสิคะ อาจีให้นายนั่นเป็นคนฝึกงานจ๋า นายนั่นจงใจแกล้งจ๋าชัดๆ คงคิดว่าจ๋าจะทำไม่ได้ ฮึ คิดผิดแล้ว”
“คุณธรเป็นคนฝึกงานน้องจ๋าเองเลยเหรอ พี่ว่าคุณธรคงไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งน้องจ๋าหรอกครับ คงเป็นวิธีฝึกงานบริหารแบบให้เข้าใจการทำงานทุกระดับ พี่ว่าดีแล้วนะที่ได้มีโอกาสฝึกกับคนเก่งๆ แบบคุณธร”
“พี่เอ้! พี่เอ้เข้าข้างนายนั่นเหรอ บ้านจ๋ากำลังจะแตกเพราะนายนั่นนะคะ”
ภัทร์ธีราค้อนขวับ เดินหนีมาลงที่ม้านั่งแถวนั้น งอนใส่หนุ่มไฮโซคนสนิท
“พี่ไม่ได้เข้าข้างนะ” เห็นภัทร์ธีราเอาแต่เงียบ สรัชรีบขอโทษ “โอเคค่ะๆ พี่ขอโทษ”
“ช่างมันเถอะค่ะ ว่าแต่พี่เอ้มีอะไรจะคุยกับจ๋าเหรอคะ”
สรัชยิ้มดีใจที่น้องจ๋าไม่โกรธ “คือคุณแม่พี่ถามถึงอาจีน่ะค่ะ ท่านอยากนัดกินข้าวด้วย พรุ่งนี้เลย พี่ก็อยากให้ทั้งสองคนได้เจอกัน”
“พรุ่งนี้เลยเหรอคะ” ภัทร์ธีรานิ่งคิด “แต่ช่วงนี้อาจีมีเรื่องเครียดเยอะ จ๋ายังไม่อยากรบกวนอาจี”
“แต่พี่กลัวว่า ถ้าเราปฏิเสธคุณแม่ไปคราวนี้ คุณแม่จะเข้าใจผิดว่าเราไม่เคารพท่านอีกน่ะสิครับ”
วิษธรเดินผ่านมาในสวนเห็นสองคนเข้า จึงเดินเตร่มาหา
“ดูเหมือนจะมีคนอู้งานอยู่ตรงนี้คนหนึ่งนะครับ สวัสดีครับ คุณเอ้”
“อ้าว คุณธร สวัสดีครับ”
ภัทร์ธีราหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน “ว่าใครอู้งานไม่ทราบ”
สรัชรีบแก้ตัวให้ “ผมเป็นคนชวนน้องจ๋าออกมาเองแหละครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“มันถึงเวลาพักของจ๋าแล้วต่างหาก เราไม่ผิดซักหน่อย พี่เอ้จะขอโทษทำไมคะ”
วิษธรยิ้มขำกับท่าทีปั้นปึ่งของอีกฝ่าย “ผมแซวเล่นน่ะครับ คุณเอ้คงไม่คิดมากนะครับ”
สรัชหัวเราะออก “ไม่หรอกครับ”
ภัทร์ธีราหน้าบึ้งที่เห็นวิษธรคุยกับสรัชอย่างสนิทสนม
“แล้วนี่คุณเอ้ มาชวนคุณจ๋าทานข้าวเหรอครับ”
“ครับ พอดีจะชวนน้องจ๋ากับอาจีไปกินข้าวกับคุณพ่อคุณแม่วันพรุ่งนี้ด้วย แต่น้องจ๋าบอกว่าอาจีเครียดๆ อยู่”
“พี่เอ้” ภัทร์ธีราเซ็ง กระซิบตำหนิ “ไปบอกเขาทำไมคะ”
วิษธรทำเป็นไม่สนใจคุณหนูจ๋า “ดีเลยครับ ให้ผู้ใหญ่ได้เจอกันก่อน เผื่อท่านจะคุยเรื่องแต่งงาน ผมจะช่วยพูดกับคุณจีให้อีกทาง”
“ดีเลยครั...”
สรัชไม่ทันพูดจบ ภัทร์ธีราสวนขึ้นว่า “นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวฉัน ฉันจะพูดกับอาจีเอง คงไม่ต้องให้ คนนอก ช่วยพูดให้หรอกค่ะ”
สรัชมองหน้าภัทร์ธีราอึ้งๆ ก่อนจะหันไปมองวิษธรเชิงขอโทษ วิษธรยิ้มไม่ถือสา
ภัทร์ธีราเคาะประตูห้องเบาๆ แล้วเปิดประตูเข้ามาเลย
“อาจีขา”
คุณหนูจ๋าเดินอ้อมไปกอดพรพจีที่นั่งอยู่เก้าอี้โต๊ะทำงานอย่างออดอ้อน
“น้องจ๋า เป็นไงบ้างลูกวันนี้ เหนื่อยไหม”
“เมื่อยแขนนิดหน่อย แต่แค่นี้สบายมากค่ะ”
“เก่งมากจ้ะ อาคิดอยู่แล้วว่าน้องจ๋าของอาต้องทำได้ แล้วนี่เลิกงานแล้วเหรอ”
ภัทร์ธีราค่ะ นาย เอ่อ คุณวิษธร ให้เลิกได้ค่ะ
พรพจีมองออกว่าหลานสาวเหมือนมีเรื่องจะพูดกับตน “มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
“วันนี้พี่เอ้ มาหาจ๋าน่ะค่ะ พี่เอ้บอกว่าคุณหญิงแม่อยากนัดกินข้าวกับอาจี”
“งั้นเหรอ สงสัยคุณหญิงจะถูกใจหลานอามาก ที่นัดไปเนี่ยจะพูดเรื่องสู่ขอรึเปล่าน้า”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ คุณหญิงเคยบอกจ๋าว่า อาจีของจ๋าเป็นผู้หญิงเก่งที่ดูแลกิจการคนเดียวได้ทั้งหมด ท่านเลยอยากรู้จักน่ะค่ะ”
“”อาทำคนเดียวที่ไหนล่ะ มีคุณวิษธรช่วยด้วย”
ภัทร์ธีรากลอกตามอง เซ็งๆ พรพจีเห็นท่าทีนั้น จึงพูดโน้มน้าวเพื่อลดความคิดอคติของหลานรัก
“อารู้นะว่าน้องจ๋าไม่ค่อยชอบธร อาไม่รู้ว่าน้องจ๋าไปฟังอะไรมา แต่ความจริงที่น้องจ๋าต้องรู้ไว้คือ ธรนี่แหละที่ช่วยอาไว้ในวันที่ธุรกิจเกือบจะล้ม ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ถอนหุ้นออกไปเกือบหมด แต่ธรกลับมาช่วยซื้อหุ้นเอาไว้ แถมยังมาช่วยบริหารจนกิจการเรารุ่งเรืองมากกว่าเดิม”
ภัทร์ธีราแทบไม่เชื่อ “เขาซื้อหุ้นเราตอนที่กิจการเรากำลังแย่เนี่ยนะคะ”
“ใช่แล้วจ้ะ ทีนี้น้องจ๋าเห็นรึยังว่าธรดีกับเราแค่ไหน แต่ถ้าน้องจ๋าไม่เชื่ออา น้องจ๋าไปถามใครก็ได้ แม้แต่อารินถ้าเขากล้ายอมรับความจริงนะ ใครๆ ก็รู้ว่าธรทำเพื่อพวกเรามากขนาดไหน อาอยากให้น้องจ๋ามองธรในแง่ดีบ้าง ได้ไหมลูก”
ภัทร์ธีรานิ่งงันไป สายตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
อีกฟากหนึ่ง สวยฮัมเพลงอารมณ์ดีเดินออกจากคฤหาสน์ไปทางประตูหน้าบ้าน จิรดาเห็นก็เรียกไว้
“จะไปบ้านคุณธรเหรอจ๊ะ”
สวยหยุด หันกลับมาตอบ สีหน้าดูออกว่าเซ็ง
“ค่ะ”
จิรดายิ้มหวาน “งั้นไปพร้อมกันเลย”
“คุณดาจะไปบ้านคุณธรเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ”
สวยงง “ไปทำไมคะ”
“ไปทำแผลน่ะ ฉันเป็นพยาบาล มีหน้าที่ต้องดูแลความเจ็บป่วยของคนในบ้าน จนกว่าจะหาย”
“นึกว่าคุณดามีหน้าที่ดูแลคุณรินคนเดียวซะอีก” สวยเหน็บในที
“มันเป็นจรรยาบรรณของพยาบาลน่ะจ้ะ เห็นคนเจ็บไม่ได้ ของแบบนี้ช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกันไปเนอะ”
“แล้วคุณดาไม่อยู่แบบนี้คุณรินไม่ว่าเอาเหรอคะ” สวยทักท้วง
แต่จิรดาเตรียมคำตอบไว้แล้ว “คุณรินหลับอยู่ แต่ถ้าเขาตื่นแล้วไม่เห็นฉัน เขาก็ไลน์หรือโทร.ตามเองล่ะจ้ะไม่ต้องห่วง เราไปกันเลยไหม”
สวยกลอกตามองบน เซ็งโครตๆ เดินนำไป
วิษธรเปลือยท่อนบน วิ่งออกกำลังกายอยู่บนลู่วิ่ง เหงื่อท่วมตัว แลเห็นหนั่นเนื้อและหุ่นล่ำสันแสนเซ็กซี่
สวยเดินนำจิรดาเข้ามา แล้วต้องหยุดกึก ตะลึงตะไลกับภาพที่เห็น เป็นผลให้จิรดาชนโครม
“โอ๊ย อะไรเนี่ย นึกหยุดก็หยุ...”
จิรดาหยุดคำพูดทันทีที่เห็นหุ่นแซบของวิษธร ทำหน้าเคลิ้ม สวยเคลิ้มนำหน้าไปไกลกว่า จิรดาเลยรีบไล่
“สวยมาทำความสะอาดไม่ใช่เหรอจ๊ะ รีบไปสิ”
“แต่ว่า...”
วิษธรเห็นทั้งสองจึงหยุดเครื่องวิ่งแล้วเดินมาหา
“อ้าว คุณดา มีธุระอะไรรึเปล่าครับ” เขาหันมาทางสวย “มาเร็วจัง ขอบคุณมาก”
สวยเคลิ้ม ฟินหนัก
“สวย รีบไปทำงานได้แล้วมั้งจ๊ะ ถ้าเสร็จไม่ทันกลับไปทำงานที่รมย์ฤดีต่อ น้าหวาดจะบ่นเอานะ”
“ค่ะ” สวยเดินเซ็งออกไปทางหลังบ้าน
วิษธรลงนั่งตรงมุมรับแขก
“คุณดามีธุระอะไรกับผมครับ”
จิรดาลงนั่งโซฟาตัวเดียวกัน เขยิบเข้าไปจนใกล้ ยื่นมือไปจับผ้าพันแผลดู
“พยาบาลก็มาดูแผลให้คนไข้ไงคะ อุ๊ย แผลใกล้แห้งแล้วนี่”
วิษธรจับมือออกอย่างสุภาพ “ขอบคุณครับ คุณดาไม่ต้องมาดูแผลให้ผมทุกวันก็ได้นะครับ มันใกล้จะหายแล้ว”
“ไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ดี”
จิรดาเขยิบเข้ามาใกล้กว่าเดิม เงยหน้าสบตาหวานซึ้ง
นรินทร์นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ภัทร์ธีราเดินเข้ามาพร้อมเคาะประตูลบอกเบาๆ
“อารินคะ”
นรินทร์หันมายิ้มทัก “น้องจ๋า ทำงานเป็นไงบ้างวันนี้ ไอ้นั่นมันใช้งานน้องจ๋าหนักรึเปล่า”
“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ จ๋าทนได้ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”
“ดีแล้ว น้องจ๋าต้องอย่ายอมให้มันกดขี่เราได้ง่ายๆ”
“ค่ะ อาริน จ๋าอยากถามอารินเกี่ยวกับนายวิษธรด้วย”
“น้องจ๋าอยากรู้อะไรล่ะ”
“จ๋าอยากรู้ว่า เขาเข้ามาได้ยังไง แล้วก็ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะค่ะ”
นรินทร์นัยน์ตาแข็งกร้าว “เข้ามาเมื่อไหร่นะเหรอ ถ้าอาจำไม่ผิด รู้สึกก่อนอาจะเป็นแบบนี้แค่สองปี ทำงานได้ไม่เท่าไรก็ยกย่องมันต่างๆ นานา มีอะไรก็ประเคนให้มันหมด นี่ดีนะที่น้องจ๋ามีเอ้อยู่แล้วไม่อย่างนั้น จีก็คงประเคนน้องจ๋าให้มันอีกคน”
“อาจีจะทำอย่างนั้นได้ยังไงคะ อารินบอกจ๋าเองว่าอาจีกับนายวิษธรกิ๊กกัน แล้วทำไมอาจีต้องอยากยกจ๋าให้นายนั่นด้วยล่ะคะ” ภัทร์ธีราไม่เชื่อ
“ก็เพราะจะได้ผูกมัดไอ้วิษธรไว้กับรมย์ฤดีตลอดไปไงล่ะ”
“อาจีไม่มีทางทำแบบนั้นกับจ๋าหรอกค่ะ”
นรินทร์ลอบมองหน้าน้องจ๋า พบว่าภัทร์ธีราหน้าเครียด
พรพจียืนฟังนรินทร์ใส่ร้ายตนอยู่ที่หน้าห้องนรินทร์
“ไม่เชื่อน้องจ๋าก็คอยดูสิ คนอย่างจีน่ะทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ ถ้าตัวเขาผูกไอ้ธรไว้ไม่ได้ จีก็คงใช้น้องจ๋านี่แหละเป็นตัวผูก น้องจ๋าก็ต้องระวังไว้ให้ดี”
พรพจีกำมือแน่นด้วยความโกรธ เปิดประตูเข้าไปอย่างแรง
ภัทร์ธีรากับนรินทร์หันมาเห็นพรพจีก็ตกใจ โดยเฉพาะน้องจ๋า
“อาจี”
“คุณนรินทร์ คุณจะใส่ร้ายฉันยังไงก็ได้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ดึงหลานของฉันมาเกี่ยวข้อง น้องจ๋าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นอย่าพูดแบบนั้นอีก”
“น้องจ๋าก็เป็นหลานของผมเหมือนกัน ผมจะพูดอะไรก็ได้ คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”
นรินทร์ตะโกนก้องจนเนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธถึงขีดสุด ภัทร์ธีราต้องเข้ากอดลูบปลอบ
“อารินใจเย็นๆ ค่ะ”
“ฉันไม่ได้สั่ง! ฉันขอร้อง ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง”
“มึงว่ากูเหรอ คนเล่นชู้อย่างมึงกล้าว่ากูเหรอ ถ้ากูไม่ใช่คน มึงมันก็ยิ่งกว่าสัตว์ ออกไปให้พ้นหน้ากูเลยนะ ออกไป ออกไป”
นรินทร์อาละวาด ตะโกนด่าหยาบๆ คายๆ พร้อมกับขว้างปาข้าวของใกล้มือใส่พรพจีพัลวัน
“อย่าค่ะอาริน อย่าทำอาจีเลยนะคะจ๋าขอร้อง”
ภัทร์ธีราต้องเอาตัวมารับของแทนแล้วรีบพาพรพจีออกไปโดยเร็ว
ภัทร์ธีราประคองพรพจีมานั่งที่เตียงในห้องนอน เนื้อตัวพรพจีเห็นเป็นรอยแดงช้ำเล็กน้อย
“อาจีเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”
“เจ็บกายน่ะอาชินแล้วล่ะ แต่ที่ใจอาเจ็บมากจนจะทนไม่ไหว น้องจ๋ารู้ไหมว่าเพราะอะไร”
ภัทร์ธีราเสียงอ่อนอย่างคนสำนึกผิด “อาจี”
“ทำไมน้องจ๋าถึงทนฟังเรื่องไร้สาระพวกนั้นจากเขาได้ อาไม่เคยคิดจะใช้น้องจ๋าเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม อาไม่อยากให้น้องจ๋าฟังเขาเลย แต่อาก็ห้ามความคิดของน้องจ๋าไม่ได้”
ภัทร์ธีราใจหาย “อาจีโกรธจ๋าเหรอคะ”
“อาไม่โกรธน้องจ๋าหรอก เพราะอาเข้าใจ แต่อาน้อยใจที่น้องจ๋าไม่พยายามเข้าใจอาบ้าง ไม่อย่างนั้นน้องจ๋าคงไม่เอาเรื่องอากับธรไปพูดกับอารินหรอก จริงไหม”
ภัทร์ธีราน้ำตาคลอกอดพรพจี “จ๋าขอโทษค่ะ จ๋าเสียใจ ต่อไปจ๋าจะไม่ทำให้อาจีเสียใจ ไม่เอาเรื่องอาจีกับคุณวิษธรไปพูดกับอารินอีก”
พรพจีลูบหัวหลานเบาๆ “เรื่องมันแล้วไปแล้วก็ช่างมันเถอะจ้ะ”
“อาจียกโทษให้จ๋าแล้วใช่ไหมคะ” ภัทร์ธีราเงยหน้าขึ้นยิ้มอ้อน
“อาไม่เคยโกรธน้องจ๋าเลยจ้ะ”
ภัทร์ยิ้มโล่ง สบายใจขึ้น แต่สีหน้าก็ยังไม่คลายกังวล
จากหน้าประตู ได้ยินเสียงวิษธรคุยกับจิรดาดังจากในโถงบ้าน
“ใกล้เสร็จรึยังครับคุณดา”
“ใกล้แล้วค่ะ อีกนิด ทนเจ็บหน่อยนะคะ”
วิษธรร้อง “โอ๊ย”
“อุ๊ย อ๊ะ เสร็จแล้วค่ะ”
จิรดาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้วิษธรเสร็จเรียบร้อย
“เมื่อกี๊ ทำแรงไปหน่อย ขอโทษนะคะ มา เดี๋ยวดาเป่าให้จะหายได้ไวๆ”
จิรดาทำแบ๊ว ยื่นหน้าไปใกล้ๆ วิษธรทำปากจู๋เป่าแผล แต่หลับตาพริ้มเหมือนจะจูบ แต่มีเสียงไลน์ดังขัดขึ้นจิรดาสะดุ้งนิดๆ ยิ้มหวานกับวิษธรแล้วทำเป็นไม่สนใจ แต่กลับมีเสียงไลน์ดังขึ้นอีกรัวๆ
“ผมว่าน่าจะมีธุระด่วนนะครับ คุณดาไม่ดูหน่อยเหรอครับ”
จิรดาหน้าเจื่อนๆ หยิบมือถือมากดดูอย่างหงุดหงิด เป็นนรินทร์ส่งข้อความบอกให้จิรดากลับมาเดี๋ยวนี้รัวๆ
“คุณนรินทร์น่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณดารีบกลับเถอะครับ ถ้าคุณรินรู้ว่าคุณดาอยู่กับผมคงไม่ดี ผมไม่อยากให้คุณรินเข้าใจผิดอีก”
“ให้คุณรินเข้าใจผิดเรื่องคุณกับดา ดีกว่ากับคุณจีนะคะ”
จิรดามองตาหวานซึ้ง จนมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากนรินทร์ พยาบาลสาวกลอกตาทำหน้าเซ็ง
จิรดายืนทำหน้าเซ็ง มองนรินทร์อาละวาด ขว้างปาข้าวของระบายอารมณ์อยู่ในห้อง
“โธ่ เว้ย เป็นเพราะมัน เพราะมันคนเดียว”
จิรดาแสร้งถามด้วยเสียงอ่อนโยน “คุณรินคะ มีอะไรบอกดาได้นะคะ ดาจะได้ช่วยจัดการให้”
“ฉันอยากจะฆ่าไอ้วิษธร ก่อนที่มันจะแย่งเมียฉันสำเร็จ เธอจัดการให้ได้ไหมล่ะ”
“อย่าทำถึงขนาดนั้นเลยค่ะ คุณธรน่ะคงไม่ต้องการแย่งคุณจีไปจากคุณรินหรอกค่ะ ในเมื่อเขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว อายุก็ใกล้ๆ กัน ไม่ได้แก่กว่าเป็นสิบๆ ปีเหมือนคุณจี คุณรินอย่ากังวลไปเลยนะคะ”
“ใครกัน หรือคุณหมายถึงน้องจ๋า”
“ไม่ใช่คุณจ๋าหรอกค่ะ คือ...คือดาก็ยังไม่อยากพูดอะไรหรอกนะคะ ถ้าฝ่ายชายยังไม่เปิดเผย” จิรดาเพ้อ ทำท่าเขินอาย
“อ้า หรือว่าคุณดา จริงเหรอนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ดีนะสิ” นรินทร์หัวเราะร่า “ดีๆๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่”
จิรดายิ้มเขินไปมา
“ก็สักพักแล้วล่ะค่ะ เรา...คุยๆ กันอยู่”
นรินทร์เริ่มอารมณ์ดี หัวเราะได้
“คุณยังสาวยังใส ใช้ข้อได้เปรียบนี่แย่งไอ้ธรมันมาให้ได้ ต้องการอะไรขอให้บอก ผมยินดีช่วยทุกอย่าง ขอแค่ทำให้ไอ้ธรมันอยู่ห่างๆ จากครอบครัวผมก็พอ ถ้าคุณทำสำเร็จผมอนุญาตให้คุณลาออกไปแต่งงานเลยเอ้า”
นรินทร์ชอบอกชอบใจหัวเราะเสียงดังลั่น จิรดายิ้มปลื้มฝันหวาน
ดนัยเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่วิษธรนั่งหน้าเคร่งอยู่ ตบบ่าอย่างแรง ก่อนจะลงนั่งคุยด้วย
“เป็นไง ไอ้เสือ”
“สงเสืออะไรกันพี่”
“ก็ตอนฉันขับรถเข้ามา เห็นคุณพยาบาลสาวสวย เดินออกไปจากบ้านแกนี่หว่า สงสัยเวลาฉันเดินขึ้นบันไดคงต้องระวังหน่อยแล้ว หัวกระไดไม่แห้งแบบนี้ ไม่ระวังมีหวังลื่นหัวแตก คุณพยาบาลก็คงจะไม่สนใจเย็บให้ฉันแบบแกแน่ๆ”
วิษธรขำ “พี่ก็พูดเกินไป พี่ก็รู้ว่าผมไม่ได้สนใจใคร”
“ยกเว้น...”
ทั้งสองหนุ่มมองหน้าอย่างรู้กัน
“แล้วม่านแก้วเป็นยังไงบ้าง”
สีหน้าดนัยมีแววขมขื่นใจนิดๆ วาบขึ้น แต่เขารีบกลบเกลื่อนไว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ก็รอแกกลับไปหาเหมือนเดิม แกน่าจะโทร.หาแก้วบ้างนะ ผู้หญิงที่สวยและดี แถมยังรอแกแค่คนเดียวน่ะ หายากนะเว้ย”
“ผมรู้ แต่ตอนนี้ ผมยังจริงจังกับใครไม่ได้”
ดนัยตบบ่าวิษธรอีกครั้งอย่างเข้าใจ
เย็นนั้น เกลี้ยงนั่งกินขนมอยู่ในครัว เต่ายืนตูดบิดล้างผักอยู่แถวซิงค์ สวยเดินเข้ามาท่าทางหงุดหงิด หยิบนู้น นี้ เสียงโครมคราม จนเต่าหันมาเอ็ด
“เอ้าๆ เป็นอะไรของแกวะ นังสวย ไปบ้านคุณธรมานึกว่าจะอารมณ์ดีกลับมา”
“โอ๊ย ก็ใช่น่ะสิ วันนี้ควรจะเป็นวันดีๆ แท้ๆ แทนที่ฉันจะได้อยู่กับคุณธรในบ้านกันสองต่อสองกราจุ๊งกราจิ๊ง แต่ยัยคุณพยาบาลแอ๊บใสนั่น ดั๊นขอตามไปทำแผลให้คุณธรด้วย ฉันละเซ็ง”
“เขาก็แค่ขอไปทำแผลให้เฉยๆ เอง ไม่มีอะไรหรอกมั้ง” เต่าว่า
สวยขึ้นอีก “หนอย นังเต่าอย่ามาโลกสวย ฉันนอนยันเลยว่า คุณพยาบาลหวังคุณธรของฉันแน่ๆ ฟันธง! ไม่อย่างนั้นไม่ออกตัวแรงขนาดนั้นร้อก หึ แข่งกับใครไม่แข่งจะมาแข่งกับอีสวย แค่ชื่อฉันก็ชนะแล้วปะ”
เต่าหมั่นไส้ “น้อยๆ หน่อยแก เจียมตัวซะบ้างเฮอะ”
เกลี้ยงเอ่ยขึ้นหลังฟังอยู่นาน “จริงของนังเต่ามัน น้องสวยควรจะมองหาคนที่เหมาะกับน้องสวยนะจ๊ะ เริ่มจากใกล้ๆ ตัวนี่”
สวยไม่สนใจเกลี้ยง “คอยดูเถอะนังเต่า รักแท้แพ้ใกล้ชิดโว้ย ฉันจะหาทางไปทำงานบ้านคุณธรทุกวัน เดี๋ยวคุณธรก็หวั่นไหวตกหลุมรักฉัน แบบเรื่องปัญญาชนก้นครัวไง ที่นางเอกเป็นคนใช้น่ะ
เต่าหัวเราะเยาะ “นั่นเขาเป็นคนรวย ปลอมตัวมาเว้ย”
“ฉันไม่รวยแต่สวยโว้ย” สวยว่า
“แหวะ ฉันอยากจะอ้วกความสวยของแก”
สวย เต่า และเกลี้ยง เถียงกันเรื่องละครต่อ ไม่มีใครยอมใคร เสียงดังลั่นครัว
สวาทยืนแอบฟังอยู่ตั้งแต่แรก ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ขณะที่พรพจีนั่งเล่นไอแผดอยู่ในห้องนั่งเล่น สวาทเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มก่อนนอนให้
“น้ำเต้าหู้งาดำค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เห็นสวาทไม่ยอมไปไหน ท่าทีอึกอักอ้ำอึ้ง แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา พรพจีดูออก
“มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ น้าหวาด”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น้าแค่อยากรู้ว่าคุณจ๋าไปฝึกงานกับคุณธรเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็ราบรื่นดีนะ น้องจ๋าก็มีบ่นๆ ธรนิดหน่อย แต่ก็ยอมทำงาน ตั้งใจดีด้วย”
พรพจีหยิบแก้วน้ำเต้าหู้มาดื่ม
“น้าว่าแล้ว คุณธรนี่แหละที่จะปราบคุณจ๋าได้”
พรพจีสะดุดหู “น้าหวาดหมายความว่ายังไง”
“ก็คุณธรแกดูเป็นผู้ใหญ่ ดูนำคุณจ๋าได้ จะมีซักกี่คนเชียวคะที่ทำให้คุณจ๋ายอมทำตามได้ ยิ่งคุณเอ้นะไม่ต้องพูดถึง รายนั้นยอมคุณจ๋าตลอด เป็นช้างเท้าหน้าให้คุณจ๋าไม่ได้หรอกค่ะ”
“ที่น้องจ๋ายอมคงเป็นเพราะอยากพิสูจน์ตัวเองกับจีมากกว่าค่ะ น้าหวาดพูดอย่างกับจะจับคู่ให้น้องจ๋าอย่างนั้นแหละ” พรพจีแกล้งหัวเราะกลบความกังวลในใจ
“น้าว่าเหมาะสมกันออกนะคะ ทั้งรูปร่างหน้าตาทั้งนิสัยใจคอ เรื่องอายุก็ด้วย น้าอยากให้คุณธรมีแฟนเด็กจะได้ดูแลกันไปนานๆ แล้วเวลาอยู่ด้วยกันเถียงกันน่ารักดีนะคะ”
พรพจีหน้าตึง ลืมตัววางแก้วปึงปัง “น้าหวาดอย่าลืมสิจ๊ะว่าน้องจ๋าไม่ชอบธร แล้วน้องจ๋าก็มีเอ้อยู่แล้ว เอ้จริงจังกับน้องจ๋าของเรามากนะ นี่พรุ่งนี้จีก็กำลังจะไปกินข้าวกับคุณหญิงทอศรี ท่าทางเอ้คงอยากให้จ๋าแต่งงานกับเขาเร็วๆ นี้”
“น่าเสียดายนะคะ”
พรพจีลอบถอนใจ ไม่อยากได้ยินวิษธรถูกจับคู่กับใคร
เช้าวันต่อมา อิชยานั่งถ่ายรูปตัวเองกับกาแฟลงอินสตราแกรมอยู่ อรดีเดินลงมาในชุดสวยงาม
“ไปไหนแต่เช้าเหรอพี่ดี้ กาแฟก่อนไหม”
“ไม่ล่ะ ขอบใจ พี่จะไปแวะร้านทำผมก่อน พอดีว่าต้องไปกินข้าวกับคุณหญิงต่อ”
อิชยาแปลกใจ “อ้าว เห็นจ๋าบอกว่า นัดกับคุณหญิงไว้ไม่ใช่เหรอ หรือยาจำผิด”
“ไม่ผิดหรอก แต่พี่จะไปด้วย”
“ไปทำไมคะ มันเป็นนัดในครอบครัวเขากับจ๋า เราไปด้วยมันจะดีเหรอ” น้องสาวท้วงติง
“พี่เป็นอดีตสะใภ้ ก็เป็นคนในครอบครัวเหมือนกันนั่นแหละ ไปดีกว่า เดี๋ยวร้านทำผมคนเยอะ”
อรดีเดินนวยนาดออกไป อิชยาส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย
ทุกคนนั่งทานมื้อเที่ยงร่วมกันในบรรยากาศดีงามของร้านอาหารหรู คุณหญิงทอศรีคอยมองประเมินพรพจีด้วยแววตาลึกล้ำ สรัชกับภัทร์ธีรามองหน้ากันอย่างลุ้นๆ อรดีนั่งหน้าเชิดอยู่ข้างๆ แม่สามีผู้วายชนม์
“เอ้เล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับคุณจีเยอะเชียว นอกจากเป็นผู้หญิงเก่งแบบที่เอ้เล่าแล้ว คุณจียังเลี้ยงหลานได้ดีมาก หนูจ๋าเป็นเด็กดีมีมารยาท และก็น่ารักมาก ผมต้องขอชม” นายพลคนดังบอก
“ต้องขอบคุณท่านนะคะ ที่เอ็นดูน้องจ๋า แต่ถ้าท่านจะชม จีก็ขอยกให้เป็นความดีของแกเองมากกว่าค่ะ จีทำหน้าที่แค่คอยชี้แนะเท่านั้น น้องจ๋าเป็นเด็กมีความคิด และก็ดีได้ด้วยตัวเองค่ะ”
ท่านนายพลเยื้อนยิ้มพอใจ อรดีเห็นท่าไม่ดีเลยหาเรื่อง
“ใช่ค่ะ ดี้ว่าน้องจ๋าคงดีได้ด้วยตัวเองแหละค่ะ เท่าที่ดูน้องจ๋ากับอาจีก็นิสัยไม่ ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่นะคะ”
คุณหญิงเอ่ยแทรกขึ้นว่า “ได้ยินว่างานโรงแรม คุณเป็นคนบริหารเองทั้งหมด หลังจากสามีประสบอุบัติเหตุ ฉันเสียใจกับสามีคุณด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง”
“อาจีเก่งจังเลยนะคะ โรงแรมใหญ่โตตั้งหลายสาขา บริหารเองคนเดียวได้ด้วยแต่ได้ยินว่าผู้ช่วยเก่งมากเลยนี่คะ” อรดีเปิดประเด็น
“ไม่มีใครทำงานคนเดียวได้หรอกคะ ถ้าเป็นเรื่องงานบริหาร จีขอยกความชอบให้คุณวิษธร ท่านกับคุณหญิงคงเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง” พรพจีถามสองท่านแล้วหันมามองหน้าอรดีอย่างรู้ทัน “เขาเป็นคนมีความสามารถ จีโชคดีที่ได้เขามาช่วยไว้งานก็เลยไหลลื่น”
คุณหญิงและท่านนายพลพยักหน้ารับรู้
“โชคดีจังเลยนะคะ ที่ได้ผู้ช่วยดีขนาดนี้ แบบนี้อาจีคงต้องขอบคุณเขาเป็น พิเศษ เลยสิคะ” อรดีเหน็บ
พรพจียิ้มบางๆ “ค่ะ แต่นอกจากจะขอบคุณวิษธร ที่เป็น เพื่อนร่วมงานที่ดี คอยช่วยเหลือจีเสมอ จียังต้องขอบคุณพนักงานทุกคนที่ร่วมต่อสู้กับจีในเวลาที่บริษัทกำลังแย่ และร่วมพัฒนามันไปด้วยกัน จีไม่ถือว่าเป็นฝีมือของตัวเองหรอกค่ะ จีถือว่าเป็นฝีมือของทุกคน”
นายพลสุทธิกับคุณหญิงทอศรีเยื้อนยิ้มพอใจ สรัชและภัทร์ธีรายิ้มให้กัน มีอรดีหงุดหงิดอยู่คนเดียว
สองฝ่ายร่ำลากันที่หน้าร้านอาหาร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เอาไว้มากินข้าวด้วยกันใหม่นะจ๊ะคุณจี” คุณหญิงจ๊ะจ๋า
พรพจี “เป็นเกียรติมากเลยค่ะคุณหญิง ขอบคุณมากนะคะ”
“ฉันจะรอนะ เอ้ ไปส่งน้องจ๋ากับคุณจีให้เรียบร้อยล่ะ”
สรัชตะเบ๊ะรับเอาคำด้วยท่าทีเริงร่า “ครับผม”
“จีกับน้องจ๋าลานะคะ สวัสดีค่ะ”
พรพจีไหว้ลาผู้ใหญ่สองท่าน ภัทร์ธีราไหว้ลาด้วย
“สวัสดีค่ะ”
สองอาหลานเดินไปยังที่จอดรถโดยมีสรัชเดินไปส่ง คุยกระหนุงกระหนิงไปกับภัทร์ธีรา
รอจนสามคนพ้นตัวไป อรดีก็ใส่ไฟพรพจีกับคุณหญิงทันที
“อาจีเอาแต่พูดถึงคุณธรแบบที่ดี้บอกจริงๆ เห็นไหมคะคุณแม่”
“ฉันก็ไม่เห็นว่าคุณจี เขาจะพูดถึงผู้ช่วยเขาเป็นพิเศษตรงไหน นอกจากชื่นชมเรื่องงาน ฉันว่าเขาเป็นคนเก่งด้วยซ้ำ แล้วยังรู้จักถ่อมตัว ยกย่องผู้ร่วมงานด้วย ไม่เห็นจะเหมือนที่เธอว่าเลย คราวหลังจะว่าอะไรใครน่ะ ให้มีหลักฐานก่อนนะ”
คุณหญิงทอศรีออกอาการไม่พอใจนิดๆ ก่อนจะเดินตามท่านนายพลสุทธิที่เดินนำไปช้าๆ
ทิ้งอรดีให้ยืนคุมแค้น พูดกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด
“หลักฐานเหรอ ได้”
อรดีเดินปึงปังเข้าบ้านมา ถอดเสื้อคลุม โยนกระเป๋าถือไปคนละทาง แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอารมณ์เสีย อิชยาเดินมาเห็น เก็บกระเป๋ากับเสื้อวางให้เป็นที่ลงนั่งด้วยพลางถาม
“หงุดหงิดอะไรมาอีกล่ะคะ พี่ดี้”
“จะใครล่ะ ก็อาของเพื่อนรักเธอนั่นแหละ”
“อาจี ทำไมเหรอพี่ดี้”
“คนอะไรเจ้าเล่ห์ มารยา ประจบสอพลอคุณหญิงแม่อยู่ได้”
“อาจีแค่เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีก็ผิดด้วยเหรอคะ อาจีทำงานโรงแรมต้องติดต่อกับคนเยอะแยะ ไม่แปลกหรอกค่ะที่เข้าหาคนเก่ง”
“ตอแหลเก่งสิไม่ว่า นี่แกก็เข้าข้างมันอีกคนเหรอ แกเป็นน้องฉันนะ”
“ยาไม่ได้เข้าข้างใคร ใครดีใครไม่ดีก็ว่าไปตามนั้น”
“โอ๊ย ยัยโลกสวยแสนดี น่ารำคาญ”
อรดีสะบัดตัวเดินฉับๆ หนีไป อิชยาถอนหายใจอย่างเอือมระอา
โรงแรมเดอะธาราตระหง่านท้าแดดสวยท้องฟ้าสดใสยามเช้าวันใหม่ แขก ลูกค้า เดินไปมาตามทางเดินและล็อบบี
ส่วนในห้องทำงานพรพจี สาวใหญ่นั่งเซ็นเอกสารอยู่ที่โต๊ะอย่างอารมณ์ดี วิษธรนั่งมองยิ้มๆ ที่หน้าโต๊ะ
“โอเค เรื่องรับฟรอนต์คนใหม่ฉันอนุมัติ ธรจัดการต่อได้เลยนะคะ”
พรพจียื่นเอกสารให้ วิษธรรับมาพร้อมจับมือพรพจีไว้นิ่งๆ มองสบตาหวานฉ่ำ
“ครับ”
พรพจียิ้มเขิน ดึงมือออก “อะไรคะ ทำไมมองจีแบบนั้น
“ผมต้องถามจีมากกว่า ว่ามีเรื่องอะไรดีๆ หรือเปล่า ถึงทำงานไปยิ้มไปหรือไปกินข้าวกับคุณหญิงทอศรีมาแล้วมีข่าวดี”
“เก่งมากค่ะ นายพลกับคุณหญิงดูปลื้มน้องจ๋ามาก อีกไม่นานก็คงจะคุยเรื่องแต่งงานกัน”
“หลานสาวจะแต่งงาน ดีใจขนาดนี้เลยเหรอครับ” เขาแซวขำๆ
“ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิคะ ถ้าน้องจ๋าแต่งงานไปก็จะไม่มีคนอยู่กับคุณริน แล้วเขาก็จะยิ่งร้ายมากขึ้น และยิ่งเขาร้ายกับฉันมากเท่าไหร่ฉันก็จะยิ่งหย่ากับเข้าได้ง่ายขึ้นเท่านั้น”
พรพจีลุกเดินมาหา จับมือวิษธรมากุม มองตาซึ้งๆ
“แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกันซักที”
วิษธรกุมมือตอบ “ผมดีใจนะ แต่ก็รู้สึกผิดต่อคุณรินด้วย ผมอยากให้เรื่องจบลงด้วยดี ไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาเลย”
พรพจีลูบหน้าวิษธรอย่างรักใคร่ “คนดีของฉัน คุณรินไม่เคยสนด้วยซ้ำว่าเคยทำร้ายจิตใจฉันแค่ไหน ที่ผ่านมาเขาไม่เห็นค่าฉัน ต่อไปเขาก็จะไม่มีฉันอยู่ในชีวิตเขา เขาจะไม่เหลือใครเลย”
พรพจีโน้มหน้าเข้าไปใกล้วิษธรเหมือนจะจูบในไม่ช้า
ภายในห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง ผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่ อิชยากับภัทร์ธีราเลือกเสื้อผ้าอยู่ที่ช็อปในห้างนั้น
“ตกลงพาอาจีไปกินข้าวกับคุณพ่อคุณแม่พี่เอ้มาเป็นไงบ้าง สู่ขอกันเรียบร้อยยัง”
อิชยาหัวเราะเย้าหยอกคิกคัก
“ไม่ตลก”
“แซวเล่นน่า”
“อาจีอยากให้แต่งเลยน่ะสิ พี่เอ้ก็รบเร้าอยากให้ฉันรีบตัดสินใจ”
“เอาจริงดิ รีบไปไหมเนี่ย แล้วแกว่าไง”
“บอกให้รอก่อนนะสิ ฉันเพิ่งเรียนจบเองอยากทำงานก่อน อีกอย่างช่วงนี้มีหน้าที่สำคัญต้องทำด้วย”
“หน้าที่สำคัญอะไรของแก”
“ปกป้องอาจีกับอารินจากนายงูพิษไง”
อิชยาหัวเราะขำ เสียงดัง “พูดอย่างกับเป็นบอดี้การ์ด”
“เป็นได้ก็เป็นไปแล้ว ฉันกลัวจริงๆ นะยา กลัวว่านายนั่นจะหวังผลประโยชน์จากอาของฉัน ทำให้อาของฉันต้องเสียใจ แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
ภัทร์ธีราบอกกับเพื่อนรักด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาดหมาย
อ่านต่อ ตอนที่ 7
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์