xs
xsm
sm
md
lg

เงาเสน่หา ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เงาเสน่หา ตอนที่ 6

เช้าวันหยุดวันนี้ คนางค์ถามลูกชายขึ้นเบาๆ เชิงตัดพ้อ

“ไม่ไปไม่ได้เหรอตี้”
“ผมต้องเข้ากะน่ะครับ ไม่มีคนแทนซะด้วย”
คนางค์หน้าไม่ดี “แม่ไม่อยากให้ตี้ไปเลย”
ธีรภาพจับมือแม่กุมไว้ “ผมไปทำงานที่ผมรักนะครับ แม่น่าจะดีใจกับผมนะ”
คนางค์รำพัน พูดเป็นนัย “เหมือนเวรเหมือนกรรม ทำให้ตี้ต้องมารักมาชอบเครื่องบินพวกนี้”
“เวรกรรมที่ไหนกันล่ะครับ ผมมีงานที่ชอบ มีเงินเดือนเลี้ยงดูแม่ได้ ผมว่ามันน่าจะเป็นบุญมากกว่านะครับ” ธีรภาพยิ้มบางๆ ให้ผู้เป็นมารดา
คนางค์อึ้งไปด้วยสีหน้าเครียด
“แม่อย่าเครียดสิครับ พักผ่อนเยอะๆ พอแม่หายดีแล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ โอเคมั้ยครับ”
คนางค์พยักหน้ารับ หน้าตายังเครียดๆ
“ผมไปก่อนนะครับ เสร็จงานแล้วผมจะรีบกลับ”
ธีรภาพหอมแก้มมารดาแล้วออกไป คนางค์มองตามลูกชายหน้าเศร้า
“ขออย่าให้ฝันเป็นจริงเลย”

อีกฟาก เปรมจิตนั่งหยิบจับดูเพชรสีหน้าเบิกบานอยู่ในโถงคฤหาสน์ คุยโทรศัพท์จ๊ะจ๋าเรื่องเพชรพลอยในกรุกับเพื่อนก๊วนไฮโซไปด้วย
“ของเก่าของเก็บทั้งนั้นแหละค่ะคุณหญิง เห็นทีต้องเอาไปขึ้นเรือนใหม่ ให้มันเข้ายุคเข้าสมัย นักออกแบบจิเอลรีสมัยนี้ฝีมือดีนะคะ คนรุ่นใหม่ช่างคิดช่างทำ เอาไว้เสร็จแล้วจะยกไปให้คุณหญิงชมนะคะ แล้วจะนัดเข้าไปนะคะ ค่า...แล้วเจอกันนะคะ...สวัสดีค่ะ”
เปรมจิตกดวางสาย มองไปเห็นวิริยาแต่งตัวสวยงามเดินลงบันไดมาท่าทีเหมือนจะออกจากบ้าน
“ไม่คิดว่าจะขยันถึงขั้นไปทำงานวันหยุด”
“วิวนัดคุณพงศธรไว้น่ะค่ะ”
“ว่าอะไรนะ” เปรมจิตลุกพรวด เดินมาหาถามเสียงขุ่นรัวเป็นชุด “นัดมันไว้ นัดทำไม มีธุระอะไรกับมันกันนักกันหนาถึงกับต้องแล่นออกไปหามันอย่างนี้”
วิริยาไม่ยี่หระ แถมเหน็บกลับ “เรื่องงานค่ะคุณแม่ ปกติคุณแม่ไม่ยุ่งเรื่องงานของบริษัทไม่ใช่เหรอคะ”
“แต่แกไม่ได้ไปหามันเพราะเรื่องงาน” ผู้เป็นมารดารู้เท่าทันธิดาคนเดียว
“คุณแม่ดูถูกวิวมากไปแล้วล่ะค่ะ คนอย่างวิวมีสมองนะคะ แล้วสมองวิวก็เอาไว้ทำงาน ไม่ได้เอาไว้แสดงความเอ๋อเวลาออกงานเซเลบกับคุณแม่”
เจอวิริยาย้อนแรงเบอร์นี้ เล่นเอาคุณเปรมจิตแทบเต้น “ยายวิว”
“วิวไปล่ะค่ะ ไม่อยากทะเลาะกับคุณแม่ เพราะถึงยังไงคุณแม่ก็ไม่เคยฟังเหตุผลวิวอยู่แล้วนี่คะ”
วิริยาเดินนวยนาดออกไปในท่าท่าอันอวดดี
“อวดดี อย่าคิดนะว่าชั้นจะรู้ไม่ทันแก” เปรมจิตด่าตามหลังไป แล้วหยิบเพชรขึ้นมาชิ้นหนึ่ง “เพชรใหม่ใครมีเงินก็ซื้อกันได้ แต่เพชรเก่ามันต้องมาจากกำพืดเท่านั้น เงินมากแค่ไหนก็ซื้อกันไม่ได้”

วิริยาเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน ก็เจอพงศธรนั่งรออยู่แล้ว อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนรับ
“ขอโทษที่ให้คุณรอนะคะ”
พงศธรยิ้มๆ “รอเจ้านาย ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ครับ”
“วันนี้วันหยุด เราเลิกทำตัวเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันซักวันได้มั้ยคะ” วิริยายิ้มบางๆ
“ผมมองไม่เห็นว่าเราจะเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเจ้านายกับลูกน้อง”
“ก็เป็นเพื่อนกันยังไงล่ะคะ เป็นเพื่อนกันสักวัน จะเป็นไรไป จริงมั้ยคะ”
พงศธรจำต้องยิ้มรับเอาคำดังกล่าว
“พร้อมจะทัวร์รอยัลแอร์ไลน์รึยังครับ”

ธีรภาพเข้ามาในออฟฟิศวิศวกรและช่าง เดินมายังโต๊ะทำงาน แปลกใจที่เจอมีนานั่งอยู่คนเดียว
“อ้าว ไม่ใช่กะนี่”
“อื้อ แลกกับเฮียเจนมา” สาวหวานมาดทอมบอก
“คิดยังไงอยากมาทำงานวันหยุด”
“อยากมาเจอ”
ธีรภาพงงสิ รออะไร “เจอ?”
มีนาไม่ตอบแต่ชี้ไปที่ธีรภาพ
“เจอตัวเองน่ะแหละ”
ธีรภาพยิ้มขำ “เจอกันทุกวัน ไม่เบื่อรึไง”
“ยังไม่เบื่อ” มีนายิ้มตอบ
“ไป เจอแล้วก็ไปทำงาน อย่าอู้ๆ”
ธีรภาพหยิบหมวกเซฟฟตี้มาใส่ให้มีนาอย่างที่ชอบทำให้ เลยเกิดโมเมนต์ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง ส่งผลให้มีนาหน้าแดง ใจเต้นโครมครามเข้าให้
“ไป”
ธีรภาพเดินนำออกไป มีนานัยน์ตาเป็นประกายเจิดจ้า ตามไปเขินๆ

ฝ่ายนิสากำลังทำสวนเล็กๆ น้อยๆ ของนางอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ข้างบ้านอย่างร่าเริง ศักดิ์ชายเข็นรถเข็นออกมาหา
นิสาหันไปมอง “พ่อคะ ออกมาทำไม แดดมันร้อน”
“ต้นไม้มันยังอยากได้รับแสงเลย พ่อก็อยากจะได้รับแดดบ้าง”
“แหมพ่อ พ่อไม่ได้สังเคราะห์แสงเหมือนต้นไม้สักหน่อย” นิสายิ้มแย้มให้พ่อแล้วหันไปพรวนดินต่อ หยิบที่รดน้ำเล็กๆ พบว่าน้ำหมดพอดี ศักดิ์ชายมองเห็นอยากช่วย เลยเข็นรถไปยังที่วางบัวรดน้ำ ยื่นจะหยิบแต่ไม่ถึง จำต้องลุกจากเก้าอี้ พยายามสุดกำลังที่จะยันกายลุกให้ได้ แต่ก็ล้มโครมใหญ่
นิสาเหลียวขับมามองอย่างตกใจ “พ่อ”

ขณะเดียวกันพงศธรเดินคุยมากับวิริยาตามทางในออฟฟิศ พงศธรเป็นฝ่ายให้ข้อมูลองค์กร
“ที่นี่เราใช้ระบบวิศวกรรมการบินที่ทันสมัยที่สุดเชื่อมโยงทุกส่วนเข้าไว้ด้วยกัน ระบบที่ดีสร้างสายการบินที่ดีครับ”
“ชั้นโตมากับเครื่องบินของคุณพ่อ แต่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมัน เหมือนที่คุณรู้เลย น่าขายหน้าจริงๆ”
“อีกไม่นานก็ทราบครับ คุณมาเพื่อบริหาร ยังไงคุณก็ต้องทราบทุกเรื่องอยู่แล้ว”
“แล้วถ้าชั้นอยากทราบเรื่องอื่นบ้างล่ะคะ”
“ถ้าเป็นเรื่องงานผมก็จะพยายามหาคำตอบมาให้คุณครับ”
“แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องงาน”
พงศธรยังไม่มันตอบอะไร กระทั่งมือถือดังขัดขึ้น เห็นชื่อนิสาโทร.เข้า
“ขอตัวสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มขอตัวอย่างสุภาพ ขยับเดินห่างออกไปรับสายคนรัก “ครับนิสา”
น้ำเสียงร้อนรนใจของนิสาดังลอดออกมา “คุณพงศ์คะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”
“มีอะไรครับ”

พงศธรเดินลิ่วๆ ตรงไปยังรถที่จอดไว้ วิริยาตามมายื้อด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ผมจำเป็นต้องไปจริงๆ ครับ ขอโทษด้วย”
“แต่เราทำงานกันอยู่นะคะ”
“เอาเป็นว่าถ้าเสร็จธุระเมื่อไหร่ ผมจะรีบกลับมา” เขาเน้นคำตอนท้ายว่า “ถ้าคุณจะกรุณารอ”
วิริยายื่นคำขาดเสียงขุ่นออกไปทันที “แต่ชั้นไม่รอค่ะ”
พงศธรถึงกับชะงัก
“ตัวคุณแก้ปัญหานั้นได้เอง หรือ มันต้องการการแก้ปัญหาจากตัวคุณกันแน่ คิดให้ดีก่อนนะคะ”
พงศธรอึ้ง นิ่งงันไป

อีกฟาก รถพยาบาลคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่ประตูหน้าบ้าน นิสาประคองพ่อที่ล้มอยู่ที่พื้น มองด้วยความรู้สึกแปลกใจที่เห็นคนขับรถลงมาหา
“บ้านคุณนิสาใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ”
“คุณพงศธรให้มารับคนไข้ครับ”
“คุณพงศธร” นิสาอึ้งไปเลย
“ครับ”
คนขับพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ช่วยกันประคองศักดิ์ชายขึ้นเปลแล้วพาไปขึ้นด้านหลังรถ นิสามองตามไป นัยน์ตาหมองเศร้าฉายแววน้อยใจพงศธรให้เห็น ในจังหวะที่พงศธรโทร.เข้ามาพอดิบพอดี
“ค่ะคุณพงศ์”
เสียงอาทรของพงศธรดังออกมา “รถไปถึงรึยังครับ”
“สาคิดว่าคุณจะมาเอง รถพยาบาลน่ะสาเรียกเองได้ แต่สาอยากมีมือใครสักคนให้จับ แล้วบอกกับสาว่าทุกอย่างมันจะโอเค” นิสาตัดพ้อเสียงสะท้าน
“สา”
“ขอบคุณนะคะ”
นิสากดวางสายแล้วขึ้นรถไปนั่งข้างเตียงกุมมือพ่อ สักครู่รถก็แล่นฉิวออกไป พร้อมเสียงไซเรนขอทางดังเสียดทรวง

พงศธรปิดมือถือ ถอนใจเฮือกใหญ่กังวลและไม่สบายใจ
“คุณเลือกถูกแล้วล่ะค่ะ ถูกสำหรับทุกฝ่าย” วิริยายิ้มพรายอย่างผู้ชนะ
พงศธรไม่แน่ใจกับการตัดสินใจครั้งนี้

ต่อมาวิริยากับพงศธรเดินมาบริเวณอู่ซ่อมและจอดเครื่องบิน พงศธรทำหน้าไกด์ต่อ
“จะเรียกที่นี่ว่าโรงพยาบาลก็ได้นะครับ คอยดูแลรักษาเครื่องทุกรุ่นทุกลำของเรา”
“คุณพ่อทุ่มงบไม่อั้นแลกกับเครื่องบินใหม่ๆ ชั้นว่ามันคุ้มนะคะ เพราะอย่างน้อยเราก็การันตีได้ว่าคุณได้บินเครื่องใหม่ทุกครั้ง”
“เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครับ”
มีนาเดินก้มหน้าออกมาจากมุมหนึ่งไม่ทันระวังเลยชนกับวิริยา
“ว้าย”
มีนาร้องตกใจ มือที่ถืออุปกรณ์เครื่องมือมาตกหล่นกระจายพื้น วิริยาเสียหลักจะล้ม แต่พงศธรจับรับตัวไว้ได้ทัน
“ขอบคุณค่ะ”
มีนามองหน้าวิริยาอย่างไม่พอใจ
“จะไม่ขอโทษกันสักคำเลยรึไงคะ”
“คุณชนชั้น ชั้นชนคุณ ความผิดเท่ากัน ทำไมต้องขอโทษล่ะคะ” วิริยาสวนกลับ
พงศธรอึกอัก “เอ่อ...”
มีนาหันมามองพงศธรตาเขียว “ชั้นรู้ว่าเค้าเป็นใคร แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ชั้นจะต้องขอโทษ”
“ผมแค่จะบอกคุณให้ขอโทษในฐานะที่เค้าอาวุโสกว่าคุณ ไม่ใช่เพราะเค้าคือคุณวิริยา ลูกสาวท่านประธาน”
มีนานิ่งทบทวน “ถ้าชั้นยอมขอโทษคุณ คุณก็ต้องขอโทษชั้นด้วย”
“มากไปนะคะ” วิริยายิ้มเยาะ
“ที่นี่เป็นที่ทำงานของชั้น คุณมาเดินเกะกะเอง จะมาโทษว่าเป็นความผิดของชั้นได้ยังไง”
บรรยากาศมาคุ ค่อนไปทางน่าสะพรึงกลัว พงศธรพยายามประนีประนอม
“ใจเย็นๆ ก่อนครับ บริษัทเดียวกันทั้งนั้น”
วิริยาจ้องหน้า “คุณชื่ออะไรคะ”
“ถ้าจะถามชื่อไปเพื่อไล่ออก ชั้นชื่อ มีนา อัศวเดชา” มีนาไม่ครั่นคร้ามใดๆ
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ อย่าเข้าใจผิดไปใหญ่โต” พงศธรว่า
“ตกลงคุณจะขอโทษชั้นมั้ยคะ”
วิริยาจ้องหน้ากับมีนานิ่ง อีกฝ่ายจ้องกลับ ยากจะไม่มีใครยอมใคร
“ว่ายังไงคะ ชั้นถามไม่ได้ยินรึไง”
มีเสียงดังขัดขึ้นว่า “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก”
ทุกคนหันไปมอง เห็นธีรภาพในชุดฟอร์มทีมช่างเดินเข้ามายืนข้างมีนา
“ไม่ผิดก็ไม่ต้องขอโทษ ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น”
วิริยาอึ้งไปเลย แววตากร้าวขึ้น มีนารู้สึกดีที่มีธีรภาพคอยเข้าข้าง
“ถ้าคุณจะสังเกตบ้าง คงเห็นป้ายนั่น”
พร้อมกับว่าธีรภาพชี้ไปทางหนึ่ง มีป้ายบอก “เขตใช้เครื่องจักรกล โปรดระวัง” ชัดแจ้ง
ธีรภาพเสริมเชิงเหน็บอีกว่า “มองจากรอยัลอายส์คงจะไม่เห็นสินะครับ”
วิริยาหน้าตึงเปรี๊ยะ “สรุปว่าชั้นผิด”
“ผมว่าไม่สำคัญแล้วล่ะครับ ไปเถอะครับ”
พงศธรเกรงเรื่องจะบานปลาย รีบตัดบทพาวิริยาออกไปจากที่เกิดเหตุ
“ทำงานแบบนี้ อีกหน่อยคงได้เป็นใหญ่กว่าผู้ช่วยผอ.แน่” มีนาแดกดันตามหลังไป
มีความโกรธกรุ่นๆ พงศธรหยุดกึกหันกลับมา “ท่าทางที่นี่จะมีแต่ป้ายให้ระวังเครื่องจักร ไม่มีป้ายให้ระวังคำพูด คงต้องหามาติดเพิ่มซะแล้วล่ะมัง”
“ไม่ต้องหรอกครับ พวกเราระวังกันมากพออยู่แล้ว บางคนซะอีกที่ไม่ระวัง ประเจิดประเจ้อจนถูกจับได้”
พงศธรอึ้งไป
วิริยาเดินกลับมาเผชิญหน้ากับธีรภาพ ยิ้มร้ายในน้ำเสียงอันเยียบเย็น
“จะพูดอะไรก็คิดบ้างนะคะคุณเป็นใคร แล้วชั้นเป็นใคร”
“คุณเป็นลูกสาวท่านประธาน ส่วนผมมันก็ไม่ต่างจากน็อตตัวหนึ่งในเครื่องบินของคุณ ถึงจะเล็กแต่ก็สำคัญ ขาดไปแค่แม้แต่ตัวเดียว ก็ปล่อยเครื่องขึ้นบินไม่ได้” ธีรภาพสวนกลับ
“ตอบได้ดีนี่ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นแค่ช่าง”
ธีรภาพใส่อีกดอก “วิเคราะห์ได้ห่วยมาก ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเจ้าของ”
วิริยาใบ้กิน
“ไปเถอะครับ”
พงศธีรีบดึงตัววิริยาออกไปทันที วิริยายังคงหันมามองจดจำหน้าธีรภาพจนขึ้นใจ
มีนาตบไหล่ธีรภาพอย่างสนิทสนม
“เยี่ยมไปเลยพี่ชาย”

น้ำเสียงตำหนิพงศธรดังขึ้น ขณะวิริยาเดินนำพงศธรกลับเข้ามาในห้องทำงานในอารมณ์อันฉุนเฉียว
“คุณไม่ควรทำแบบนั้น”
“ดูเหมือนว่าชั้นทำอะไรก็ผิด”
“จิตวิทยาของผู้บริหาร คุณน่าจะรู้ดีกว่าผม”
วิริยาประชดแดกดันตัวเอง “นั่นเป็นอีกวิชาที่ชั้นสอบตก”
“ท่านประธานมีนโยบายในการซื้อใจพนักงานของท่านทุกคน ทุกระดับ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน และผมเห็นด้วยกับท่านในเรื่องนี้ ที่นี่เราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่” พงศธรเตือนสติกลายๆ
“ชั้นไม่ใช่แนวนั้น” วิริยาอวดดีอวดเก่งตามนิสัยเอาแต่ใจ
“คุณมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลง แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ให้เวลากับความเปลี่ยนแปลงบ้าง”
“ชั้นทำอะไร คุณก็ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ไม่เห็นด้วยซักอย่าง อยากรู้นักว่าแฟนคุณเค้าทำยังไง คุณถึงรักนักรักหนา”
พร้อมกับว่าวิริยาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าใกล้ๆ พงศธรเห็นเจ้าหล่อนมาเบอร์นี้เลยตัดสินใจขอตัว
“เราคงเสร็จงานของวันนี้แล้ว ผมคงต้องขอตัว”
วิริยาไม่ยอม แถมดักหน้าไว้ แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามชั้น”
“ผมถือว่านั้นเป็นข้อสงสัยส่วนตัวของคุณ ไม่ใช่คำถามที่ผมต้องตอบขอตัวนะครับ”
พงศธรหนีออกไปเลย วิริยาลุกเดินมาที่ประตู มองตามไปด้วยความโกรธและเสียหน้า คำรามในลำคอ
“อวดดีกันทั้งนั้น คอยดูเถอะ ชั้นจะทำให้พวกเธอก้มหัวให้ชั้นให้ได้ โดยเฉพาะคุณ...คุณพงศธร”
ดันมีเสียงผอ. ฝ่ายการตลาดดังขึ้น
“คิดเป็นแต่จะใช้อำนาจสินะครับ”
วิริยาหันไปมอง เห็นภาคภูมิเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเหยียดหยามนิดๆ
“ผมอยู่กับเค้ามานาน มองออกว่าพงศธรโฟกัสแต่เรื่องงาน คิดเป็นแต่เรื่องงาน วัดคุณค่ามนุษย์ด้วยความสำเร็จในหน้าที่การงาน คิดถูกแล้วล่ะครับที่เลือกเอางานมาดึงเค้าไว้” ภาคภูมิมองอย่างรู้เท่าทัน
วิริยาเชิด “ทุกคนก็ควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอคะ”
“ชีวิตคนไม่เหมือนเครื่องบินที่มีหน้าที่บินเพียงอย่างเดียว ชีวิตยังมีด้านอื่นๆ นอกเหนือจากงาน คนรุ่นพวกคุณไฟแรง เลยพุ่งไปแต่เรื่องงานจนลืมใช้ชีวิต”
วิริยายัวะ “เก็บชีวิตไว้ใช้ตอนแก่ ตอนที่หมดฟังชั่นการใช้แล้วเถอะค่ะ”
“ผมพูดไปคุณก็คงไม่เข้าใจ”
“ไม่รับค่ะ ไม่อยากฟัง แต่เข้าใจค่ะ” เจ้าหล่อนเน้นคำตอนท้ายเช่นเคยเมื่อจะด่าใคร
“งั้นก็ช่วยเข้าใจตัวเองก่อนเถอะครับว่า ที่มาทำงานวันนี้เพราะงานหรือเพราะอะไรกันแน่” ภาคภูมิปิดจ๊อบอบรมสาวไฮโซทายาทรอยัลแอร์ไลน์
“คนแก่ สายตาอาจจะเลือนลางไม่บ้าง มองไม่ชัด แต่ มองออก นะครับ”
ภาคภูมิขยับเดินออกไปด้วยสีหน้าอันสะใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะมองออกนะคะว่าควรจะเป็นมิตรกับใคร เป็นศัตรูกับใคร”
ผอ.การตลาดหันกลับมาด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเยาะนิดๆ ในสีหน้า
“ข้อนั้นคงไม่ใช่แค่การมองของผมฝ่ายเดียว ต้องขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้มีอำนาจ ที่จะเลือกมองพนักงานที่อำนาจต้อยต่ำกว่าด้วยนะครับ”
“ชั้นเลือกแน่ค่ะ เมื่อถึงเวลา”
ผอ.มองหน้าวิริยานิ่งๆ วิริยามองกลับด้วยสีหน้าแววตาเลือดเย็นมาก

อีกฟากที่ห้องตรวจของโรงพยาบาล นิสาเดินเข้ามาเพื่อสอบถามอาการพ่อ เห็นหมอเวรเจ้าของเคสกำลังดูฟิล์มเอ็กซเรย์อยู่
“มีอะไรซีเรียสรึเปล่ะคุณหมอ”
“หมอลำบากใจนะที่ต้องบอกความจริง” หมออึดอัด แต่จำต้องบอก
นิสาใจเสีย “ความจริงอะไรคะ”
“คนไข้น่าจะล้มกระแทกอย่างแรกจนทำให้กระดูกบริเวณนี้ร้าวและแตกไปหมด” หมอชี้จุดหนึ่งตรงฟิล์มให้ดู “อายุมากยิ่งทำให้ยากต่อการประสานกลับมาเหมือนเดิม คนไข้ไม่น่าจะกลับมาเดินได้แล้วล่ะครับ”
นิสาชะงัก ใจหล่นวูบ หมอปลอบ
“หมอเสียใจด้วยนะครับ”
นิสาซวนเซอย่างคนหมดเรี่ยวแรง จนต้องนั่งลงตรงหน้าหมอช้าๆ

พงศธรเข้ามาในห้องคนไข้ ยกมือไหว้ศักดิ์ชาย
“เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นบ้างมั้ย”
“ไม่มีวันดีขึ้นหรอกคุณ คุณพูดถูกแล้วล่ะ ผมไม่น่าอยู่เป็นภาระให้กับนิสาเลย”
สีหน้าพงศธรคิดไปถึงอดีตเรื่องพ่อขี้แพ้ของตัวเอง
พ่อทะเลาะกับแม่ เสียงดังโวยวาย แถมพ่อยังโดนนักเลงที่เจ้าหนี้ส่งมาทวงหนี้ซ้อมบาดเจ็บกลับมา
และสุดท้ายพ่อของเขาเลือกหนีปัญหาด้วยการยิงตัวตาย!
พงศธรดึงตัวเองกลับมา มองหน้าศักดิ์ชายแน่วนิ่ง
“โลกนี้ไม่มีที่ยืนให้กับคนที่ยอมแพ้หรอกนะครับถ้าไม่คิดจะสู้ ถ้าเลือกที่จะแพ้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไป”
ศักดิ์ชายอึ้งนิ่งงันไป

ปริมตั้งหลักแหล่งทำมาหากินเปิดร้านเสื้อเก๋ที่ทองหล่อ ค่ำคืนนี้นางกำลังจัดเสื้อบนหุ่นไป พร้อมคุยกับวิริยาที่แจ้นมาหาถึงที่นี่
“เค้าปฏิเสธชั้น”
“เกมนี้คงไม่ง่ายซะแล้วล่ะยู หยุดมั้ย” มีวี่แววห่างใหญ่แต่สีจางๆ
“ไม่มีทาง หยุดก็เท่ากับยอมแพ้ ยูก็รู้ คนอย่างชั้นไม่เคยแพ้ให้ใคร”
“แต่คนที่ยูเคยชนะมาทั้งหมด ก็ไม่มีใครเคยปฏิเสธยูเหมือนคุณพงศ์นี่” ปริมหยิบจับเล็งแลเสื้อสวยบนหุ่นไป
“วันนี้เค้าอาจจะปฏิเสธ แต่ชั้นจะให้เค้าเลือกชั้นให้ได้”
“หาใหม่ไม่ง่ายกว่าเหรอ ตอนนี้ยูฮอทจะตาย เซเลบที่ไหนก็อยากรู้จัก อยากเดตด้วยกันทั้งนั้น”
“แต่ชั้นต้องการเค้า”
ปริมหันมามองจ้องหน้าคุณหนูวิวอย่างค้นหา “ถามจริง เค้ามีอะไรดี งานก็ต่ำกว่า ฐานะก็ไม่น่าจะมีใครสูงเกินยูอยู่แล้ว หรือว่าลีลาดี”
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” วิริยาว่า
“แล้วไปติดใจอะไร”
“เค้ามีเสน่ห์ สำหรับชั้นนะ” วิริยานัยน์ตาเป็นประกาย
“แต่เค้ามีแฟนแล้วนะ อย่าลืม”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับเค้าหรอก”
“อย่าเข้าข้างตัวเอง ผิดหวังมาจะอาย ยูจะกลายเป็นลูซเซอร์ รับได้เหรอ” ปริมจับจ้องที่หุ่นสวย
“ชั้นไม่มีทางยอมผิดหวังหรอก ยังไงชั้นก็ต้องได้เป็นเจ้าของเค้ายิ่งยาก ชั้นก็ยิ่งอยากได้”
วิริยายิ้มร้ายจะกินพงศธรให้ได้ ดีไซเนอร์เพื่อนซี้มองอย่างเหนื่อยจิต

เมื่อออกจากห้องคุณหมอนิสากลับมาเจอพงศ์คุยอยู่กับพ่อแล้ว
“หมอว่าไงบ้างนิสา”
“คงต้องพักรักษาตัวอีกสักระยะน่ะค่ะ”
“ผมเอาใจช่วยนะ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ผมยินดีช่วยเต็มที่”
“ขอบคุณค่ะ” นิสายิ้มบางๆ
“คุณลุงพักผ่อนเถอะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว เราคุยกันเข้าใจแล้วนะครับ”
นิสาสะดุดหู “คุยอะไรกันเหรอคะ”
“ก็ให้กำลังใจกันน่ะครับ” เขายกมือไหว้ลาศักดิ์ชาย “ลาล่ะครับ”
“เดี๋ยวนิสาเดินไปส่งค่ะ”
นิสากับพงศธรออกจากห้องไปแล้ว ศักดิ์ชายเครียดจัด นึกไปถึงคำพูดของพงศธรก่อนหน้านี้
“โลกนี้ไม่มีที่ยืนให้กับคนที่ยอมแพ้หรอกนะครับ ถ้าไม่คิดจะสู้ ถ้าเลือกที่จะแพ้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไป”

เช้าวันทำงานวันนี้ ทีมวิศวกรมีประชุมแต่เช้า หัวหน้าเปิดประชุม ขานชื่อทีละคนในที่ประชุม เริ่มจาก
“เจนไวย์”
เจนไวย์ยกมือ “ครับ”
“ธีรภาพ”
ธีรภาพยกมือ “ครับ”
“บริษัทจะส่งพวกคุณไปดูงานที่สกายแอร์ไลน์ ประเทศเกาหลี เพื่อศึกษา ระบบของเครื่องบินแอร์บัสรุ่นใหม่ ที่ทางเรามีแผนจะซื้อเข้ามาบิน show และ demonstrate จะมีขึ้นที่นั่นอีกแค่ภายในสองวันนี้เท่านั้นก่อนย้ายไปจัดที่อเมริกา จ๊อบนี้เลยต้องด่วนเป็นพิเศษ เตรียมตัวให้พร้อม พวกคุณต้องออกเดินทางคืนพรุ่งนี้”
“ครับผม” เจนไวย์กะธีรภาพยิ้มรับเอาคำพร้อมกัน ด้วยสีหน้าเบิกบาน
มีมีนาที่มองค้อนหน้าง้ำ

สามคนเดินกลับอู่ มีนาเดินงอน หน้าง้ำ นำหน้าทุกคนมา เจนไวย์พยายามง้อ
“อย่าเพิ่งงอนสิ งานนี้มันสำหรับรุ่นพี่ รุ่นน้องไว้ค่อยไปปีหน้าไง”
“ใครอยากไป ไม่มีใครอยากไปซะหน่อย” มีนาว่า
“ไม่อยากไปแล้วงอนทำไมอ่ะ”
“ไม่ได้งอน” หันกลับมามองหน้าธีรภาพ “ดีใจสินะที่ไม่มีใครคอยกวน”
“เอ้าๆ หาเรื่องแล้ว ไอ้ธีมันไม่ได้ว่าอะไรสักคำนะเว้ย”
“ไม่ต้องงอนหรอก เดี๋ยวจะซื้อชองมาฝากเยอะๆ เลย”
“รู้เหรอว่าอะไร”
“เครื่องสำอางไง ไม่อยากได้เหรอ ของเกาหลีเค้าดังนะ”
“จะซื้อให้แน่นะ”
“แน่สิ จะเอาอะไรล่ะ ถ่ายรูปส่งไลน์มาเลย เดี๋ยวซื้อให้”
“สัญญานะ” มีนายิ้มแฉ่ง
“สัญญาสิ” ธีรภาพยิ้มตอบ
เจนไวย์เห็นแล้วหมั่นไส้ “อ้วก เรื่องแค่นี้ต้องสัญญงสัญญา บ้าไปกันใหญ่แล้ว ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก แค่ซื้อชาเขียวมาฝาก็หรูแล้ว”
เจนไวย์เดินนำไป มีนายื่นมือมาให้ธีรภาพ
“อะไร”
“สัญญาไง”
ธีรภาพยิ้มจับมือกับมีนา
“สัญญา”

ในที่ประชุม ซึ่งผู้เข้าร่วมวาระนี้ล้วนเป็น พนักงานระดับสูงหลายคนกับวิริยา โดยมี ภาคภูมิ ผอ.ฝ่ายการตลาดดำเนินการประชุมมาถึงจุดหนึ่ง และมองมาด้วยสีหน้าดูถูกวิริยาหลังหล่อนแสดงวิสัยทัศน์จบ
“ผมเข้าใจนะว่าเลือดใหม่มันมีแรงพุ่งมากกว่าเลือดเก่าๆ รอยัลแอร์ไลน์ ก็เหมือนร่างกายมนุษย์ ถ้าคิดจะถ่ายเลือด ร่างกายก็อยู่ในสภาวะวิกฤต สถานการณ์บริษัทก็เหมือนติดอยู่ในไอซียู คู่แข่งจะฉวยโอกาสนี้ทำลายเราทันที จะทำอะไรก็คิดให้ดีก่อนเถอะครับ ไอเดียอย่างเดียวเอาไม่รอดหรอก มันต้องมีประสบการณ์ด้วย ถึงจะไปรอด”
วิริยาโต้กลับ “ถ้าเรามัวแต่กลัวคู่แข่งจนไม่เป็นอันถ่ายเลือดเสียออกไป เราก็จะกลายเป็นแค่ซากร่างที่รอวันตาย ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ ยังไงเราก็แพ้คู่แข่งอยู่ดี”
ภาคภูมิโกรธจัด “นี่คุณกำลังดูถูกว่าผมเป็นเพียงซากร่างที่รอวันตายงั้นเหรอ มันจะไม่มากไปหน่อยรึคุณ ผมอยู่กับรอยัลมา 30 ปี ให้มันรู้ไปสิว่าผมจะเป็นเพียงซากศพไร้ค่าที่ถ่วงความเจริญของบริษัท”
“มันเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ถึงเวลาที่ชั้นต้องเลือกแล้ว คุณคงเข้าใจ” วิริยายิ้มเยาะ
“ผมไม่ได้อยู่ที่นี่มาจนแก่เพื่อให้คนรุ่นลูกมาดูถูก ถ้าคุณไม่เห็นค่าประสบการณ์ของผม ก็พอกันที จบ ผมขอลาออก”
ภาคภูมิลุกปึงปังออกไป หยุดหันมาจ้องหน้าวิริยาอย่างชิงชัง
“ผมจะรอดูวันที่รอยัลแอร์ไลน์ปีกหัก คงอีกไม่นานหรอก เราจะได้เห็นกัน”

ปึงปังออกมาเจอเข้ากับพงศธรที่เข้ามาถึงพอดี ภาคภูมิเลยพาลพาโลเหวี่ยงใส่เขาทันที
“อดใจรอให้ผมเดินออกไปก่อนแล้วคุณค่อยเข้ามาไม่ไหวสินะ ถึงต้องมาเหยียบรอยเท้ากันแบบนี้”
“คุณพูดเรื่องอะไรครับ”
“คุณก็รู้ว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าตัวเองกำลัง ทำอะไร เพื่ออะไร อยู่ ผมเคยชื่นชมคุณนะที่คิดก้าวหน้า แต่ไม่คิดว่าจะใช้วิธีสกปรกด้วยการเอาตัวเข้าแลกแบบนี้ เรื่องแบบนี้ ลูกผู้ชายเค้าไม่ทำกัน นอกจาก แมงดา”
ด่าระบายเสร็จภาคภูมิก็เดินหุนหันออกไป พงศธรหันไปมองวิริยาผ่านกระจกกั้นห้อง ก่อนตัดสินใจเคาะประตูเดินเข้าไปหา
วิริยากดโทรศัพสายในหาเลขาสั่งงานทันที
“สั่งฝ่ายบุคคล” วิริยาจดสายตาจ้องไปที่พงศธรตลอดเวลา “ให้เฮดฮันเตอร์ที่เก่งที่สุดหาผอ.การตลาดที่เก่งที่สุด เชี่ยวชาญด้านแอร์ไลน์ที่สุดมาให้ชั้นด่วน ได้แล้วเมลเรโซเม่มาให้ชั้นด่วน ตอนไหน เวลาไหนก็ได้ ฉันใจร้อน”
วิริยาวางสายแล้วยิ้มให้พงศธร
“พรุ่งนี้ชั้นต้องไปเขาใหญ่เพื่อเจรจากับคุณมนัส เพื่อนคุณพ่อ เค้ารับปากจะมาเปิดสถานีซ่อมบำรุงเครื่องบินทั้งหมดให้เรา ต่อไปเราก็จะมีเบสที่เมืองไทยเลย ไม่ต้องส่งไปเมนทาเน้นท์ที่สิงคโปร์อีก ถ้าเจรจาสำเร็จ ชั้นจะสรุปให้ได้พรุ่งนี้เลย นี่ถือเป็นงานสำคัญชิ้นแรกของชั้น”
พงศธรยังติดค้างใจ “คุณกำลังให้เฮดฮันเตอร์หาคนมาแทนผอ.”
“นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ชั้นจะสรุปพรุ่งนี้เช่นกัน”
“นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ชั้นจะสรุปพรุ่งนี้เช่นกัน”
พงศธรนิ่งงันไป
“ชั้นอาจจะได้คนที่เก่งเรื่องธุรกิจการบิน แต่ชั้นก็ยังอยากจะได้คนที่รู้ทุกๆ สิ่งของรอยัลแอร์ไลน์ ชั้นมักเป็นฝ่ายได้เลือก ต้องเลือก และมักเลือกถูกอยู่เสมอ”
“คุณเคยพูดว่า รอยัลแอร์ไลน์ให้ผมมากกว่านี้ได้”
“ใช่ค่ะ แล้วก็สิ่งนี้ด้วยค่ะ”
วิริยาโน้มตัวยื่นหน้าลงมาจูบพงศธรที่นั่งอยู่ เบื้องแรกเขายังนั่งนิ่งไม่จูบตอบ
“ฉันเลือกที่จะให้ ในทุกๆสิ่งที่ชั้นให้ได้ รับมันไว้สิค่ะ”
วิริยาจูบอีกที คราวนี้พงศธรตัดสินใจจูบตอบอย่างละมุนละไม

ส่วนที่แฮปปี้โคเรีย มัทรีออกอาการกรี๊ดกร๊าดชอบใจขนาดหนักที่จะได้ไปทัวร์เกาหลีสมใจ
“ในที่สุด ในที่สุดชั้นก็ได้ไปเกาหลี ขุ่นพระ! ขุ่นพระเห็นใจชั้นแล้ว”
“ไม่ใช่ขุ่นพระขุ่นแพะที่ไหนหรอก ชั้นนี่แหละที่เห็นใจเธอ แต่งานนี้ไม่ได้ให้ไปคนเดียวหรอกนะ” ประยงค์หันไปหานิสา “นิสาไปช่วยด้วยก็แล้วกัน”
“ฮะ จะให้ไปด้วยเหรอคะ” นิสาตกใจ
“ชั้นไม่ไว้ใจยายแมสซี่ กลัวไปตกไปหล่น แล้วที่สำคัญ ลูกทัวร์กรุ๊ปนี้เป็นรอยัลแอร์ไลน์ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของเราด้วย จะมีอะไรผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่ว่า...” นิสาห่วงพ่อ ประยงค์ดูออก
“เรื่องทางบ้านไปต้องเป็นห่วง เดี๋ยวว่าที่ลูกเขยจะจัดการให้เอง ไปให้สบายใจเถอะ ขอให้เชื่อ”
“ไปเหอะแก๊ ชั้นไปคนเดียวมันก็ไม่มั่นอ่ะ ต้องมีแกไปด้วย สวยๆ นำๆ อะไรเงี้ย”
“ตกลงนะ ตามนี้ ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า เช็คทุกสิ่งให้เรียบร้อยก่อนเดินทางแล้วรายงานบอสด้วย จะคิดถึงนะ”
ประยงค์ทำมือไอเลิฟยูใส่นิสาขณะที่ตัวเดินกลับห้องไป
“ตื่นเต้นอะแก คิดว่าจะไม่ได้กลับไปแล้วซะอีก เดี๋ยวเราไปจุดพลุฉลองวันเกิดแกที่นั่นเลยนะ”
“ชั้นตั้งใจว่าจะชวนคุณพงศ์ไปวันเกิดที่นั้นพอดีเลย ไม่รู้เค้าจะว่างรึเปล่า”
“โทร.สิยะ อย่ามัวแต่มโน”
นิสาจะโทร.หาแต่แล้วก็วางโทศัพท์ลง
“เดี๋ยวไปบอกด้วยตัวเองเลยดีกว่า”

กลับถึงคอนโดพงศธรรู้สึกผิดต่อนิสา นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวิริยาวันนี้ ตอนนั้นวิริยาโน้มหน้าลงมาจูบพงศธรที่นั่งอยู่ เขานั่งนิ่งยังไม่จูบตอบในตอนแรก
“ฉันเลือกที่จะให้...ในทุกๆ สิ่งที่ชั้นให้ได้...รับมันไว้สิค่ะ”
วิริยาจูบอีกที คราวนี้พงศธรตัดสินใจจูบตอบ

มีเสียงออดประตูดัง พงศธรสะดุ้ง รีบลุกไปดูจากตาแมวส่อง เห็นเป็นนิสาก็รีบเปิดประตูให้
“นิสาจะมาบอกเรื่องสำคัญค่ะ”
พงศธรคว้าร่างบางดึงตัวนิสามากอดไว้แน่น ปิดประตูลง
“ผมรักคุณนะนิสา ผมรักคุณมาก”
นิสาแปลกใจนิดๆ ในท่าทีคนรัก “นิสาก็รักคุณค่ะ เป็นอะไรไปคะ คุณตัวสั่น”
“จะไม่มีอะไร หรือว่าใครมาเปลี่ยนแปลงความรักของเราได้ ผมสัญญา ผมสาบาน”
“นิสาเชื่อคุณค่ะ”
พงศธรมองหน้านิสาแล้วก้มจูบนิสาด้วยความรัก ไกด์สาวระทวย สองกายเริ่มนัวเนียกัน
“ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว นอกจากคุณ”
พงศธรอุ้มนิสาเข้าห้องนอนไป
“คุณพงศ์จะทำอะไรคะ”
“ไม่ว่าผมจะทำอะไร ขอให้คุณรู้ว่า ผมทำไปเพราะความรัก ผมรักคุณมากเหลือเกิน”

เพลิงรักไฟเสน่หาดับลงแล้ว ด้วยความสุขสมของสองคน นิสานอนซบอกพงศธรอยู่ในห้องนอน พงศธรกอดนิสาไว้ลูบแขนเบาๆ พูดพร่ำความหวาน
“ผมรักคุณเหลือเกินนิสา รักทุกอย่างที่เป็นคุณ คิ้วของคุณ ตาของคุณ จมูกของคุณ ปากของคุณ ร่างกายของคุณ จิตใจของคุณ ทุกสิ่งที่รวมกันเป็นคณ เท่ากับคุณ ผมรักของผมเหลือเกิน”
“ชั้นก็รักคุณ” นิสาเขินอายใหญ่ “มอบสิ่งที่รักที่สุดให้คุณแล้วเหมือนกัน...แล้วมันก็ทำให้ชั้นรักคุณมากขึ้นไปอีก...เป็นล้านๆ เท่าเลย”
“ผมก็รักคุณ รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว สัญญากับผมอีกทีสิ”
“สัญญาอะไรคะ”
“สัญญาว่าคุณจะไม่เปลี่ยนไป”
“ชั้นจะไม่มีวันเปลี่ยนไป ชั้นสัญญา”
สองคนจูบกันด้วยความรัก
“มะรืนนี้จะเป็นวันเกิดนิสา”
พงศธรยิ้มรับตอบ
“นิสาอยากให้คุณอยู่ด้วย”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ผมนะ อยากจะอยู่กับคุณทั้งคืน ทั้งวัน ทุกคืนทุกวัน”
“งั้นเราจะไปฉลองวันเกิดกันที่เกาหลีได้ใช่มั้ยคะ”
“ได้สิ มีเรื่องให้ต้องฉลองเยอะเลย”
พงศธรพูดรับปากไปโดยไม่ทันคิดว่าตนมีภาระต้องไปกับวิริยา

คนางค์ช่วยธีรภาพจัดกระเป๋าเดินทาง
“ไปกันกี่คนล่ะตี้”
“หลายคนครับ เจนก็ไป”
“แล้ว...ท่านไปรึเปล่า”
ธีรภาพงง “ท่าน”
“ก็ประธานบริษัทน่ะ”
“เท่าที่ทราบไม่ได้ไปนะครับ มีแต่ทีมวิศวกรที่ต้องไป”
คนางค์แอบถอนใจโล่งอกโดยที่ลูกชายไม่สังเกต

นิสาห่มผ้าให้พ่อ
“บอสบอกว่าจะแวะมาดูพ่อทุกวันนะคะ พ่อไม่ต้องกลัวนะ”
“ไม่ต้องห่วงพ่อหรอกนิสา ไปทำงานให้สบายใจเถอะลูก ยังไงช่วยนี้พ่อก็ลุกเดินเหินไม่ได้เหมือนก่อนแล้ว คงได้แต่นอนติดเตียงอยู่อย่างนี้แหละ อย่าห่วงเลย”
“หนูเตรียมซีรีส์เกาหลีไว้ให้พ่อดูหลายเรื่องเลย พ่อจะได้ไม่เบื่อ”
“บินไปซะนิสา จงเป็นนกที่มีอิสระด้วยปีกของตัวเอง อย่าให้มีอะไรมาหักปีกของลูกได้เลย”
นิสาซบหน้าลงกับอกพ่อ ศักดิ์ชายลูบหัวลูกสาวเบาๆ
“บินครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้างนะคะพ่อ”

ฝ่ายพงศธรครุ่นคิดหนัก นึกถึงการประชุมเมื่อตอนกลางวัน โดยเฉพาะตอนวิริยาสั่งงานเลขา
“สั่งฝ่ายบุคคล” วิริยาจดสายตาจ้องไปที่พงศธรตลอดเวลา “ให้เฮดฮันเตอร์ที่เก่งที่สุดหาผอ.การตลาดที่เก่งที่สุด เชี่ยวชาญด้านแอร์ไลน์ที่สุดมาให้ชั้นด่วน ได้แล้วเมลเรโซเม่มาให้ชั้นด่วน ตอนไหน เวลาไหนก็ได้ ฉันใจร้อน”
วิริยาวางสายแล้วยิ้มให้พงศธร
“พรุ่งนี้ชั้นต้องไปเขาใหญ่เพื่อเจรจากับคุณมนัส เพื่อนคุณพ่อ เค้ารับปากจะมาเปิดสถานีซ่อมบำรุงเครื่องบินทั้งหมดให้เรา ต่อไปเราก็จะมีเบสที่เมืองไทยเลย ไม่ต้องส่งไปเมนทาเน้นท์ที่สิงคโปร์อีก ถ้าเจรจาสำเร็จ ชั้นจะสรุปให้ได้พรุ่งนี้เลย นี่ถือเป็นงานสำคัญชิ้นแรกของชั้น”
พงศธรยังติดค้างใจ “คุณกำลังให้เฮดฮันเตอร์หาคนมาแทนผอ.”
“นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ชั้นจะสรุปพรุ่งนี้เช่นกัน”

พงศธรครุ่นคิดหนักมองเบอร์นิสาในมือ ลังเลสับสนว่าจะโทร.ไปหาดีหรือไม่
“เราจะไปฉลองวันเกิดกันที่เกาหลีได้ใช่มั้ยคะ”

“ได้สิ มีเรื่องให้ต้องฉลองเยอะเลย”

อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น