เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 5
พรพจีขยับตัวเอนพิงหัวเตียง ด้วยนอนไม่หลับ คำพูดย้อนแย้งของวิษธรดังก้องขึ้นในหูของเธอ
“แล้วน้องจ๋าล่ะครับ จีไม่แคร์เหรอ”
พรพจีหน้าเศร้าลงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก กระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะเห็นภัทร์ธีราเดินเข้ามา
“อาจี”
ภัทร์ธีราเหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่ไม่กล้า จนพรพจีเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน
“อารินเป็นยังไงบ้าง”
“พี่ดาให้ยาไปแล้วค่ะ ตอนนี้นอนพักอยู่ เดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ดีแล้วละ น้องจ๋าก็ไปพักเถอะจ้ะ อาว่าจะนอนแล้วเหมือนกัน”
พรพจีจะล้มตัวลงนอน ภัทร์ธีราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินพูดขึ้นมา
“อาจีคะ”
พรพจีชะงัก ยืดตัวขึ้นดังเดิมหันมาหา เห็นภัทร์ธีราน้ำตาคลอ
“อาจี อยากให้มันเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอคะ”
“น้องจ๋าหมายถึงอะไร”
“จ๋าสงสารอารินค่ะ อาจีไม่เห็นใจอารินบ้างเหรอคะ”
พรพจีฉุนกึกแต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ “เขาขอให้น้องจ๋ามาพูดอะไรกับอาอีกล่ะ”
“อารินไม่ได้ขอค่ะ จ๋าพูดเองจ๋าไม่อยากให้อาจีกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่จ๋าไม่เคยรู้จัก อาจีแค่คุยกับอารินเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้เหรอคะ”
“มันไม่เหมือนเดิมแล้วน้องจ๋า”
พรพจีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ภัทร์ธีราไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะคะ”
พรพจีมองภัทร์ธีราน้ำตาคลอ เต็มไปด้วยความอัดอั้นในใจ
“ไม่ใช่เขาที่ทนอยู่คนเดียวหรอกนะ”
ภัทร์ธีรามองฉงน “อาจี”
“น้องจ๋าไม่รู้หรอกว่าอาเจออะไรมาบ้าง เมื่อก่อนเขาทำร้ายอายังไง วันนี้เขาทำให้อาเจ็บยิ่งกว่า ทุกคนสงสารเขา แล้วอาล่ะ อาได้อะไรบ้าง สุดท้ายก็เป็นได้แค่คนใจร้ายใจดำในสายตาคนอื่น”
เห็นพรพจีพูดระบายออกมาทั้งน้ำตา ทำเอาภัทร์ธีราอึ้งไป
“น้องจ๋ายังเด็ก อาจจะยังไม่เข้าใจเวลาที่ผู้ใหญ่ทำร้ายกัน มันเจ็บมากแค่ไหน”
“จ๋าไม่เด็กแล้วนะคะ จ๋าพร้อมจะรับรู้ความจริงทั้งหมด”
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของอาสองคน น้องจ๋าอย่ามารับรู้ด้วยเลย”
พรพจีเบือนหน้าไปทางอื่น ภัทร์ธีราเสียใจ
“ไม่ใช่แค่สองคนหรอกค่ะ นายวิษธรนั่นอีกคน เขาทำให้อาจีเป็นแบบนี้”
พรพจีโกรธ เสียงดังใส่ พูดแทบเป็นตวาด “เขาไม่เกี่ยว อย่าไปปรักปรำเขาได้ไหม”
ภัทร์ธีราอึ้งหนัก มองหน้าพรพจีน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา พรพจีตกใจที่เผลอตวาดหลาน
“จ๋าเข้าใจแล้วค่ะ จ๋าจะไม่กวนอาจีอีก”
ภัทร์ธีราเดินร้องไห้ออกจากห้องไป พรพจีอัดอั้น ปล่อยโฮออกมา
เช่นเดียวกับ วิษธรกลับมาพักที่ห้อง เปิดรูปของพรพจีในโทรศัพท์ตัวเองดู นึกถึงคำพูดของจิรดา
“คุณรินทร์รักคุณจีมากนะคะ อยากให้คุณจีสนใจบ้าง ยิ่งคุณรินทร์มีสภาพร่างกายอย่างนี้ สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ ถ้าวันหนึ่งคุณจีทิ้งคุณรินทร์ไปจริงๆ เธอก็คงอยู่ไม่ได้ น่าสงสารมากๆ เลยว่าไหมคะ”
วิษธรวางมือลง เอามือก่ายหน้าผาก สีหน้าเครียดเคร่ง หลับตาลงอย่างอ่อนล้า
เด็กชายวิษธรซึ่งหลับตาอยู่ ลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก เพราะเสียงตะโกนของประภาดังขึ้น
“เลวที่สุด ทำอย่างนี้ได้ยังไง ทำได้ยังไง”
วิษธรหลับตาลง ยกมือปิดหู ไม่อยากได้ยิน แต่เสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันฟังไม่ได้ศัพท์ยังดังลั่น เหมือนกับเด็กชายพยายามปิดตัวเอง ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น จนสุดท้ายเสียงปืนก็ดังขึ้น ปัง!!
วิษธรสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เหงื่อโทรมกาย มือของเขาสั่นเล็กน้อย วิษธรเอามือกุมศีรษะ หน้าเครียด พยายามตั้งสติ
“ไม่จริง...ไม่จริง”
เช้าวันนี้ นรินทร์นั่งอยู่บนรถเข็น มองจากระเบียงห้องลงมาด้วยสายตาเหม่อลอย ท่าทางเซื่องซึมลงไปมาก
ภัทร์ธีรายืนมองอยู่หน้าห้อง คุยกับจิรดาเรื่องอาการของนรินทร์อย่างไม่สบายใจ
“อารินซึมขนาดนี้ไม่เป็นไรแน่เหรอคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอยาหมดฤทธิ์ก็จะหายเอง” จิรดาว่า
“ไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอคะ”
“ปกติคุณรินเธอต้องพบจิตแพทย์ร่วมด้วยค่ะ ยาแค่ช่วยปรับเคมีบางอย่างในสมอง ไม่ได้ช่วยให้หายขาด ถ้าจะหายก็ต้องปรับสภาพแวดล้อมด้วยค่ะ”
ภัทร์ธีราเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้านรินทร์ มองอย่างสงสารและเป็นห่วง
“โธ่...อาริน”
นรินทร์รู้สึกตัว พอเห็นว่าภัทร์ธีรามาดูแลก็ยิ้มให้ซึมๆ
“น้องจ๋า”
“อารินอยากไปเดินเล่นไหมคะ น้องจ๋าพาออกไปข้างนอกดีไหม”
“ไปสิ ไป”
นรินทร์ตอบยิ้มๆ แต่ก็ยังดูซึมอยู่ ภัทร์ธีรายิ่งเห็นนรินทร์เป็นแบบนี้ยิ่งสงสาร นึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา
ในอดีต หลังแต่งงานกับ นรินทร์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของโรงแรม พรพจีพาเด็กหญิงภัทร์ธีรามาอยู่ด้วยกันที่บ้านรมย์ฤดี ภัทร์ธีราเอาแต่นั่งกอดตุ๊กตาน้ำตาซึม พรพจีจับมือหลานสาวตัวน้อยเอาไว้
“น้องจ๋ามาอยู่กับอาจีนะจ๊ะ อาจะดูแลน้องจ๋าเอง”
ภัทร์ธีราไม่ตอบ กอดตุ๊กตาแน่นแล้วเริ่มสะอื้น
“พ่อจ๋า...พ่ออยู่ไหน”
“น้องจ๋าไม่ร้องไห้นะลูก”
พรพจีกอดปลอบหลาน ตัวเองก็เสียใจที่ต้องเสียพี่ชายไปเช่นกัน
“พ่อไปไหนคะอาจี น้องจ๋าจะหาพ่อ”
ภัทร์ธีราร้องไห้หนักมากขึ้น ร้องตะโกนเรียกหาพ่อ พรพจีสงสารหลานแต่ก็ทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งนรินทร์เดินเข้ามาหามองหน้าพรพจีพยักหน้าให้ เป็นเชิงบอกว่าตนจัดการเอง นรินทร์อุ้มภัทร์ธีราขึ้นมากอดไว้ บอกน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรน้องจ๋า ไม่เป็นไร”
ภัทร์ธีราค่อยๆ สงบลง มองนรินทร์น้ำตานองหน้า
“พ่อ พ่อไปไหนคะ”
“คุณพ่อน้องจ๋าเขาไปเที่ยว ไกลมาก”
“น้องจ๋าไปหาคุณพ่อได้ไหมคะ” เด็กหญิงถาม
“น้องจ๋ายังเด็กยังไปไม่ได้จ้ะ ที่ที่คุณพ่อไปลำบากมาก น้องจ๋าต้องรออยู่นี่นะ แล้วสักวันคุณพ่อจะกลับมา”
“เมื่อไรพ่อจะกลับมาละคะอาริน น้องจ๋าโทร.ถามพ่อได้ไหม”
ที่นั่นไม่มีโทรศัพท์จ้ะ เอางี้ เดี๋ยวอารินเป็นพ่อให้น้องจ๋าก่อน น้องจ๋าอยากไปไหน อยากได้อะไร อารินจะทำแทนพ่อน้องจ๋าทุกอย่างเลย แต่น้องจ๋าต้องไม่ร้องไห้ โอเคไหมน้องจ๋าคนดีของอา”
ภัทร์ธีรามองหน้านรินทร์ เริ่มหยุดร้องแต่ยังเบะปากอยู่แบบกลั้นไว้
“เก่งมาก เอาล่ะ ทีนี้เราไปเที่ยวกัน ไป”
นรินทร์จับภัทร์ธีราอุ้มแล้วหมุนไปมา ภัทร์ธีราเริ่มยิ้มออกมาได้ พรพจีน้ำตาไหล สงสารหลานจับใจ
ภัทร์ธีราดึงตัวเองกลับมา ขณะพานรินทร์มาเดินเล่นในสวน นรินทร์แปลกใจที่ภัทร์ธีรายังจำอดีตได้
“น้องจ๋าจำได้ด้วยเหรอ”
“ได้สิคะ แล้วจ๋าก็จำได้ด้วยว่าเพราะอารินจ๋าถึงหายเศร้าเรื่องคุณพ่อ”
นรินทร์นึกถึงอดีต มองเหม่อไป
“ตอนนั้นน้องจ๋ายังคอยอ้อนให้อาอุ้มไปนั่นมานี่ แต่ดูตอนนี้สิ…”
นรินทร์มองขาของตัวเอง สีหน้าเศร้าลง ภัทร์ธีราสงสารนรินทร์ พูดปลอบ
“อารินขา ยังไงอารินก็ยังเป็นอาที่ใจดีของจ๋าเหมือนเดิม”
“น้องจ๋าก็เป็นคนดีคนเดิมของอาเหมือนกัน น้องจ๋าเป็นเหมือนลูกแท้ๆ ของอา”
ภัทร์ธีราหยุดรถเข็น ย่อตัวลงนั่งตรงหน้านรินทร์ จับมือเขาไว้
“จ๋าก็รักอารินเหมือนพ่ออีกคนนึงนะคะ”
“น้องจ๋าจะไม่ทิ้งอาใช่ไหม”
“ค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จ๋าจะอยู่ข้างอาริน จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายอาริน หรือใครในบ้านเราเด็ดขาด”
ภัทร์ธีราพูดกับนรินทร์สีหน้าแววตาจริงจัง นรินทร์ยิ้มพอใจ
“ขอบใจนะลูก”
ระหว่างนี้พรพจีแอบดูนรินทร์กับภัทร์ธีราอยู่ในบ้าน ปรารภกับสวาทด้วยท่าทีหวาดระแวง
“ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกับน้องจ๋าอีก”
“คงคุยกันประสาอาหลานน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่เขาอคติกับฉันกับธรจะพูดให้เข้าใจผิดแค่ไหนก็ได้”
“น้าว่าคุณจีอย่ากังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดดีกว่านะคะ”
“แต่มันเกิดขึ้นแล้วจ้ะน้าหวาด ตอนนี้น้องจ๋ากำลังเข้าใจฉันกับคุณธรผิดยิ่งเกิดเรื่องเมื่อคืน เขายิ่งได้ใจน้องจ๋าไปอีก”
พรพจีเสียงแข็งขึ้นมาในตอนท้าย สวาทนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูด
“ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกค่ะ น้าเชื่อว่าสักวันคุณจ๋าจะต้องเข้าใจ”
พรพจีสะอึกอึ้งไปนิดหนึ่ง นึกได้ก็รีบเก็บอาการ
“งั้นเราต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ”
“ถ้าคุณจ๋าทำให้คุณรินอาการดีขึ้นได้ ให้เป็นแบบนี้ไป อาจจะดีกว่าก็ได้นะคะเพราะ คุณรินไม่มีใครอีกแล้วนอกจากคุณจ๋า แล้วก็คุณ”
พรพจีอึ้งไปอีกครั้ง
“แต่มันก็ไม่ยุติธรรมกับธรเขาอยู่ดี”
“น้ารู้ค่ะ ว่าคุณธรดีกับบ้านเราแค่ไหน”
“ฉันถึงยอมไม่ได้ไงจ๊ะ ฉันขอล่ะจ้ะน้าหวาด ช่วยฉันสักครั้ง ช่วยพูดให้น้องจ๋าเข้าใจธรดีขึ้นบ้างสักนิดก็ยังดี”
พรพจีพูดทั้งที่แววตาเต็มไปด้วยความสั่นไหว ไม่มั่นใจอยู่ลึกๆ
สวาทเข้าใจ เห็นใจคุณๆ ทุกคน แต่ก็ลำบากใจไม่แพ้กัน
ภัทร์ธีราเข้ามาในห้องทานอาหาร เจอพรพจีนั่งอยู่แล้ว กำลังอ่านเอกสาร และคุยมือถือเรื่องอะไรบางอย่างกับวิษธรอยู่
“ธรคะเรื่องเอกสารโอน เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ โอเคค่ะ คุณจัดการเรื่องสัญญาการโอนได้เลย...ค่ะ แล้วเจอกัน”
พรพจีวางสายไป หันมาพูดกับหลานสาวอย่างอารมณ์ดี
“น้องจ๋า มากินด้วยกันสิจ๊ะ ข้าวต้มกำลังร้อนๆ เลย”
ภัทร์ธีราลงนั่งด้วย
“ขอโทษนะคะ อาจีกับคุณธรจะไปธุระอะไรกันเหรอคะ”
“อ้อ น้องจ๋าจำที่ดินแถวราชบุรีที่ไปดูวันก่อนได้ไหมจ๊ะ อาตกลงซื้อไปแล้ว นี่ก็กำลังจะไปโอนที่กับคุณธรเขา”
ภัทร์ธีราตกใจ “อาจีตกลงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมจ๋าไม่รู้เรื่อง”
“อามาคิดดูแล้วจะปล่อยไปก็เสียดาย ที่ดินเต็มผืนสวยแถมในอนาคตดูจะราคาดีเสียด้วย”
ภัทร์ธีราหน้าตึง ทนไม่ได้ที่พรพจีเข้าข้างวิษธรอีกจนได้
“แต่วันนั้นเราตกลงกันแล้วนี่คะว่าจะไม่ซื้อ”
“น้องจ๋าแค่บอกว่าไม่อยากให้อาซื้อ แต่คนตัดสินใจจะซื้อหรือไม่ก็คืออาถูกไหมจ๊ะ”
ภัทร์ธีราอึ้งนิดๆ “ค่ะ”
“คุณธรเขาเชี่ยวชาญเรื่องที่ดินก็ยังมองว่าทำเลดีมาก แถมเขาก็ดีลกันมานาน ไม่มีอะไรเสียหายหรอกจ้ะ”
“จ๋าตามใจอาจีอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่อาจีก็น่าจะระวังไว้ เพราะว่าของบางอย่างที่มันดูดีมีราคา ข้างในมันอาจจะกลวงก็ได้” ภัทร์ธีราบอก
“ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาพิสูจน์สิจ๊ะ ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี”
“จ๋าก็อยากให้เวลามันเดินเร็วๆ เหมือนกันค่ะ ธาตุแท้ของคนบางคนจะได้โผล่ออกมาซะที”
พรพจีดุเมื่อภัทร์ธีราชักจะลามปามเลยเถิด “น้องจ๋า ทำไมพูดแบบนี้”
“จ๋ารักอาจีนะคะถึงได้เตือน จ๋าไม่อยากให้อาจีไว้ใจเขามากเกินไป บางทีเขาอาจจะไม่ได้หวังดีกับเราจริงก็ได้”
“ยังไงอาก็ไว้ใจคุณธรเขา อาตัดสินใจแล้ว แล้วก็จะไม่เปลี่ยนด้วย”
ภัทร์ธีราผิดหวัง “ทำไมอาจี…ไม่เชื่อจ๋าเลย”
“อาเชื่อว่าน้องจ๋าหวังดีกับอาจ้ะ แต่ประสบการณ์น้องจ๋ายังน้อย การทำงานมันต้องใช้เวลาเรียนรู้ แล้วลงมือทำให้เห็นผลงานก่อน ถึงจะทำให้คนเชื่อถือได้”
ภัทร์ธีราเม้มปากแน่นอย่างถือดี
“งั้นก็ให้จ๋าพิสูจน์ตัวเองสิคะ จ๋าจะทำให้ดูว่าจ๋าก็ไว้ใจได้ไม่ต่างจากเขา”
“พิสูจน์ยังไงจ๊ะ”
“จ๋าขอไปเริ่มงานที่เดอะธาราวันนี้เลยค่ะ”
พรพจีอึ้งไป นึกไม่ถึงว่าจะถูกหลานสาวมัดมือชก
ภัทร์ธีราเดินออกมารอหน้าตึก เจอนายเกลี้ยงยืนอยู่ข้างรถจึงเข้าไปทักถาม
“น้าเกลี้ยง”
“ครับ คุณจ๋า”
“วันนี้ใครเป็นขับรถไปส่งจ๋ากับอาจี น้าเกลี้ยงหรือ คุณวิษธร”
“ผมขับเองครับคุณจ๋า”
“อ้อเหรอ แล้วเขา ไปไหนล่ะ”
เกลี้ยงนิ่งนึก
“รู้สึกว่าวันนี้คุณธรแกมีแขกช่วงเช้านะครับ ผมเลยจะพาคุณจีกับคุณจ๋าจะล่วงหน้าไปก่อน”
ภัทร์ธีราพยักหน้า เหลียวมองไปทางบ้านวิษธรด้วยความสงสัยใคร่รู้
แขกที่ว่าเป็นดนัยที่แวะมาหาวิษธรที่บ้านแต่เช้า วิษธรจัดแจงเอาน้ำท่ามาต้อนรับดนัยด้วยตัวเองแล้วลงนั่งด้วย
“ทำไมไม่จ้างแม่บ้านประจำซักทีวะธร”
“ผมอยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง”
“เฮ้ย หมั่นไส้ว่ะไอ้หนุ่มฮอต วันๆ คงมีแต่สาวๆ มาวุ่นวายล่ะสิ”
“โธ่พี่นัย ไม่ได้ฮอตขนาดนั้นหรอก พี่ก็รู้ผมโลกส่วนตัวสูง”
“เออเชื่อๆ เห็นมีแต่สาวๆ จะขายที่ให้ทั้งนั้น เอ้านี่ เรื่องโอนที่ราชบุรีฉันเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้วนะ”
พร้อมกับว่าดนัยยื่นแฟ้มเอกสารบนโต๊ะให้ วิษธรหยิบมาเปิดดู แล้วเซ็นชื่อลงไป
“โอเค พี่ทำตามขั้นตอนเหมือนทุกทีนั่นแหละ แต่คราวนี้พี่คงต้องไปโอนกับคุณจีเอง เพราะผมติดประชุมกับฝ่ายขาย”
“โอเค โนพร็อบเลม”
ดนัยเก็บเอกสารเข้าซอง วิษธรหน้าเครียดไปนิดหนึ่งก่อนจะถาม
“ที่บ้านสบายดีไหม”
ดนัยชะงักนิดๆ “ก็ดี สบายดีทั้งคู่นั่นล่ะ ช่วงนี้แม่ฉันวุ่นๆ เรื่องปรับปรุงรีสอร์ต แต่ก็หาเวลาคอยไปดูแม่แกเรื่อย”
วิษธรพยักหน้าพอใจ แต่สีหน้ายังหมกมุ่นครุ่นคิด
“ว่าแต่แกเถอะ เป็นยังไงบ้าง”
“เรื่องอะไรล่ะ งานหรือเรื่องอื่น”
“ก็ทุกเรื่อง เล่ามา ฉันจะได้เอากลับไปรายงานถูก”
วิษธรนิ่งไปนิดหนึ่ง
“ถ้างานก็ยุ่งๆ อย่างที่เห็นส่วนเรื่องอื่น...ก็เรื่อยๆ”
ดนัยมองจ้องอย่างจับสังเกต
“ธรฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ”
“แกคิดว่าการตัดสินใจคราวนี้ มันไม่ใช่การขี่ช้างจับตั๊กแตนแน่นะ”
วิษธรนิ่งไป ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วยิ้มพราย
“ผมรู้ดีว่าตัวเองควรทำอะไรอย่าห่วงเลย”
ดนัยถอนหายใจเฮือก มองวิษธรอย่างเป็นห่วงอยู่ดี
ขณะเดียวกัน จิรดาเข้ามาดูแลเอายาให้ทาน แปลกใจนิดๆ เมื่อเห็นวันนี้นรินทร์ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“วันนี้คุณรินดูอารมณ์ดีนะคะ เจอเรื่องอะไรดีๆมาหรือเปล่า”
“ดีสิ ดีน่าดูเชียวล่ะ”
จิรดาแปลกใจ ซักขึ้นทันทีอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เรื่องคุณจีรึเปล่าคะ”
“ใช่ แล้วก็เกี่ยวกับน้องจ๋าด้วย”
“คุณจ๋า” จิรดางงๆ
“ตอนนี้พรพจีเสียแนวร่วมอย่างน้องจ๋าไปแล้ว น้องจ๋าไม่ชอบไอ้วิษธร คุณเห็นไหม”
จิรดาได้ทีใส่ไฟผสมโรงให้นรินทร์ฟัง
“ดาเห็นจากเรื่องเมื่อวานแล้วค่ะ”
“ทีนี้ล่ะ พรพจีจะได้ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาฉันไม่ได้อีก”
“แต่ดูคุณจีก็ไม่เห็นจะแคร์คุณจ๋าซักเท่าไหร่นี่คะ”
“จีเขารักหลานคนนี้ยิ่งกว่าอะไร น้องจ๋าร้องจะเอาอะไรก็แทบจะวิ่งเต้นหามาให้ ฉันถึงได้เปรียบไง”
“ยังไงล่ะคะ”
“ก็ถึงฉันจะเป็นอาเขย แต่น้องจ๋าก็รักฉันเหมือนพ่อ น้องจ๋ารักฉัน เขาจะไม่ยอมให้จีทิ้งฉันแน่ๆ”
พยาบาลสาวยิ้มกระหยิ่ม “งั้นก็แสดงว่า คุณจ๋าเป็นตัวแปรในเรื่องนี้”
“ใช่ น้องจ๋าอยู่ฝ่ายใคร ฝ่ายนั้นชนะ จีไม่มีวันสมหวังกับไอ้วิษธรนั่นหรอก ไม่มีวัน”
นรินทร์พูดด้วยสีหน้าแววตาหมายมั่น และเต็มไปด้วยแผนการร้าย จิรดายิ้มเจ้าเล่ห์สาสมใจ
ที่เดอะธารา พรพจีพาภัทร์ธีรามารอที่ห้องทำงานของเธอ
“น้องจ๋ารออยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวคนที่จะสอนงานให้มาถึงแล้วเราค่อยออกไปกัน”
"ค่ะอาจี...ว่าแต่ คนที่อาจีพูดถึงนี่ใครเหรอคะ"
"ก็…ผู้จัดการกับหุ้นส่วนของอายังไงล่ะ"
ภัทร์ธีรานึกออก "อย่าบอกนะคะว่า…นาย...เอ๊ย...คุณวิษธร"
พรพจีพยักหน้า ภัทร์ธีราหงุดหงิดขึ้นมาทันที
"น้องจ๋าถามจริงๆเถอะค่ะอาจี คุณวิษธรคนนี้เขาเป็นใครกันแน่ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนสำคัญได้ขนาดนี้"
"พอคุณรินป่วย โรงแรมเราก็แย่ลงไปมาก เขาเป็นคนที่ช่วยกู้สถานการณ์ขึ้นมา อาเห็นผลงานเขาถึงได้ดึงมาเป็นผู้ช่วย"
"แล้วก่อนหน้านั้นเขาเคยทำอะไรมาก่อนคะ"
"ที่บ้านเขามีรีสอร์ตเป็นกิจการเก่าแก่ของครอบครัวจ้ะ"
"งั้นแสดงว่ามีฐานะพอสมควร…แล้วทำไมเขาถึงเลือกอยู่ที่นี่แทนที่จะไปดูแลกิจการที่บ้านล่ะคะ"
"เขาบอกว่ามันนิ่ง ไม่ท้าทาย สู้เอาเงินไปลงทุนธุรกิจอย่างอื่นดีกว่า เลยลองมาจับด้านอสังหาจนรุ่ง ส่วนรีสอร์ตก็ให้ลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อดนัยดูแลไป"
"อ้อ…คงไม่ชอบเป็นเสือนอนกิน"
"ไม่เชิงหรอกจ้ะจริงๆเขาเคยอยากกลับไปเหมือนกัน เพราะเป็นห่วงที่บ้าน"
"แล้วทำไมเขาถึงไม่กลับไปล่ะคะ"
"อาขอเขาไว้เอง…ขอให้เขาอยู่ช่วยดูแลเดอะธาราต่อแล้วก็โชคดีที่เขาตกลง ต้องขอบคุณธรเขานะเพราะถ้าไม่มีเขาเราอาจจะเสียทุกอย่างที่มีไปแล้วก็ได้"
พรพจีนึกถึงอดีตที่แสนลำบากของตัวเอง ภัทร์ธีรารู้สึกอึดอัดลำบากใจกับเหตุผลของพรพจี อ้าปากจะค้านอีก แต่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมๆ กับที่ ตุ๊ก เลขาของพรพจี เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“คุณจีคะ คุณธรมาถึงแล้วค่ะ”
พรพจีพยักหน้ารับรู้ แล้วลุกออกไปภัทร์ธีราลุกตาม
ทั้งสามคนยืนอยู่บริเวณโถงหน้าห้องทำงานพรพจีด้วยกัน ภัทร์ธีรามองหน้าวิษธรที่ยืนยิ้มร่าอยู่ก็อารมณ์เสียขึ้นมา หันไปถามพรพจี
“อาจีจะให้จ๋าฝึกงานกับ เขา จริงๆ เหรอคะ”
“เราตกลงกันแล้วนี่จ๊ะ”
ภัทร์ธีราเม้มปากอย่างขัดใจ ไปตกลงกันตอนไหน เหลือบไปมองวิษธร ฝ่ายนั้นยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้
“คุณธรเขาเป็นผู้จัดการที่นี่ งานทุกส่วนของเดอะธาราก็มีแต่เขาที่รู้ดีที่สุด”
วิษธรยืนยิ้มมั่นใจอยู่อย่างนั้น ภัทร์ธีราเห็นแล้วยิ่งหมั่นไส้บ่นกระปอดกระแปด
“จะสอนได้เรื่องรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าคุณกลัวว่าผมจะโหดไปล่ะก็ ผมเรียกคนอื่นมาสอนให้ก็ได้นะ”
ภัทร์ธีราโพล่งสวนออกไปว่า “ฉันไม่ได้กลัว”
“ถ้าไม่กลัวก็ให้ผมสอน รับรอง ว่าคุณจะได้เรียนรู้งานโรงแรมทุกอย่าง อย่างที่ไม่เคยมีใครสอนคุณแบบนี้ได้”
วิษธรมองภัทร์ธีราอย่างท้าทาย ภัทร์ธีรามองตอบ เบะปากให้
พรพจีมองลุ้นสองคน นึกภาวนาในใจว่าขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
ไม่นานต่อมา ภายในห้องพักห้องหนึ่งของเดอะธารา แม่บ้านกำลังปูเตียงอยู่อย่างคล่องแคล่วและชำนาญ มีภัทร์ธีรากับวิษธรยืนดูอยู่มุมหนึ่ง ภัทร์ธีราทำหน้างงๆ พอแม่บ้านปูเตียงเสร็จ วิษธรจึงหันมาถามภัทร์ธีรา
“เป็นยังไงบ้าง”
“ก็...ตึง เรียบ เป๊ะดีนี่”
วิษธรยิ้มเยาะภัทร์ธีรา
“แล้วจำได้ไหมว่าเขาทำยังไง มีกี่ขั้นตอน ต้องทำอะไรก่อนอะไรหลัง”
ภัทร์ธีราอ้ำอึ้งอึกอัก วิษธรขยับเข้าไปดึงผ้าปูเตียงออกมา
“อ้าว จะดึงออกมาทำไมอีก”
“ลองปูให้ได้แบบเมื่อกี้ดู”
วิษธรผายมือไปที่เตียงนอน
“ปูที่นอนเนี่ยเหรอ”
“ครับผม”
ภัทร์ธีราฉุนกึก “ทำไมต้องให้มาปูเตียงด้วย ฉันมาฝึกงานกับอาจี ไม่ใช่งานปูเตียง”
“อ้าว คุณอยากฝึกงานโรงแรมไม่ใช่เหรอครับ งานโรงแรมน่ะมีหลายส่วน แล้วขั้นแรกสุดก่อนจะไปทำอย่างอื่นคืออะไรรู้ไหม”
วิษธรยิ้มเย้ย แล้วเดินไปตบเตียงท่าทางยียวนกวนประสาท ภัทร์ธีรามองเซ็ง
“ทำไมทำหน้างั้นล่ะ หรือว่าทำไม่ได้”
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ว่าแต่คุณเถอะ ทำได้รึเปล่า”
วิษธรยิ้มให้ภัทร์ธีราแล้วก็เดินไปหยิบผ้าที่ดึงออกมาปูเตียงโชว์อย่างคล่องแคล่ว ภัทร์ธีรามองอึ้งๆ วิษธรปูเตียงเสร็จก็เดินมาหา
“ตาคุณแล้ว”
วิษธรพยักพเยิดไปอีกเตียง ซึ่งแม่บ้านยกผ้าปูมากองไว้ให้แล้ว วิษธรยิ้มหยันมาให้อีกดอก ภัทรธ์ธีราหน้าเสียและนึกเจ็บใจ เดินไปหยิบผ้ามาปู อย่างเก้ๆ กังๆ ทำไม่เป็น
แม่บ้านสงสารบอกวิษธรว่า “คุณธรคะ ให้ป้าช่วย...”
“ไม่ต้อง ให้เขาทำนั่นแหละ ป้าแค่ตรวจตอนท้ายว่าเรียบตึงใช้ได้ไหม”
ภัทร์ธีราปูที่นอนเท่าไรก็ยับยู่ยี่ไม่ตึงซักทีจนเริ่มหงุดหงิด วิษธรยิ้มขำ จังหวะหนึ่งมีเสียงไลน์ดังขึ้น วิษธรกดดู ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ผมมีธุระต้องไปแล้ว”
ภัทร์ธีรายัวะ หันมาโวยวาย
“ได้ไง ธุระอะไรกัน คุณสั่งงานฉันแล้วคุณจะหนีงั้นเหรอ”
“ผมมีแขกต้องไปต้อนรับแต่เดี๋ยวผมจะกลับมาดู คุณต้องทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะคล่อง ถ้าทำไม่ได้ ก็พิจารณาตัวเองเอาแล้วกัน”
วิษธรเดินปร๋อออกไปเลย ภัทร์ธีราตบที่นอนอย่างเจ็บใจ แทบจะกรี๊ดออกมา
“หน็อย นายงูพิษ”
แม่บ้านยืนมองอยู่ ทั้งขำ และเป็นห่วงคุณหนูจ๋า ว่าจะรอดการฝึกงานนี้ได้ไหม
วิษธรกลับมาที่ห้องทำงาน เจออรดีนั่งรออยู่แล้ว อรดีหันมาเห็นก็รีบลุกไปเกาะแขนอย่างดีใจ
“คุณธรมาแล้ว ดี้คิดถึงคุณจังค่ะ”
วิษธรเดินไปทั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่ค่อยสนใจอรดีนัก
“เห็นเลขาบอกว่าคุณดี้มีธุระด่วน”
อรดีเซ็งที่เขาชวนคุยเรื่องงาน
“แหม ดี้อุตส่าห์มาทั้งทีจะคุยเรื่องงานอย่างเดียวเลยเหรอคะ”
“คุณไม่ได้มาหาผมเพราะเรื่องที่ดินที่พาไปดูวันนั้นหรอกเหรอ”
“ว่าจะถามอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้ดี้หิวแล้ว ไปหาร้านดีๆ นั่งไหมคะแล้วก็คุยเรื่องนี้ไปด้วย”
อรดีส่งสายตาหวานฉ่ำไปให้ วิษธรแค่ยิ้มตอบตามมารยาทตอบมา
“ผมก็อยากไปกับคุณนะครับ แต่วันนี้คงต้องขอปฏิเสธ”
อรดีหน้าตึง “ทำไมล่ะคะ”
“ผมไม่สะดวกน่ะครับ แล้วเรื่องที่ดินผมคงต้องบอกผ่านอีกเหมือนกัน เพราะที่ประชุมล่าสุดบริษัทเราไม่มีนโยบายจะซื้อที่แถวนั้น”
“นี่หมายความว่า ดี้โดนเททุกอย่าง” อรดีโกรธ
“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่ไม่สะดวกจริงๆ”
“แน่นะคะ ไม่ใช่ว่า…หุ้นส่วนคุณบางคนไม่ชอบหรอกเหรอ”
อรดีพูดกัดถึงพรพจี วิษธรจะพูดต่อ เสียงพรพจีดังขึ้น
“คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ”
พรพจีเดินเข้ามาในห้อง อรดีฝืนใจยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ ดี้ไม่ยักรู้ว่าอาจีเข้าออฟฟิศด้วย”
“ฉันเข้าแทบทุกวันล่ะจ้ะ ถึงได้เห็นว่าดี้มีเวลาแวะหาหุ้นส่วนฉันอยู่เรื่อย”
“อ้อ ค่ะ ดี้แค่มาคุยธุระแล้วก็มาชวนคุณธรเขากินข้าว ไปกันค่ะคุณธร”
“ผมติดงานจริงๆ ครับ ไว้โอกาสหน้าดีกว่า”
ถูกวิษธรปฏิเสธอีกครั้ง อรดีหน้าเสีย พรพจีลอบยิ้มเยาะ
“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็ตามสบายนะจ๊ะ ฉันมีงานต้องคุยกับธรเขาพอดี”
“แต่นี่พักเที่ยงไม่ใช่เหรอคะ ใจคอจะคุยงานไม่พักกันหน่อยรึไง”
อรดีไม่เชื่อ มองจ้องหน้าพรพจีอย่างไม่ยอม วิษธรเลยต้องพูดย้ำผสมโรง
“งานด่วนนะครับ แต่ผมเห็นว่าคุณดี้จะกลับแล้วเลยไม่ได้บอก” เขาหันมาถามพรพจี “เราสองคนยังไงดีครับ”
“เอาอย่างนี้ ฉันไปส่งดี้ข้างหน้าก่อนดีไหมคะ แล้วคุณไปรอห้องทำงานฉันก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
วิษธรพยักหน้ารับเอาคำ พรพจีเดินมาจับแขนอรดี
“ไปจ้ะดี้”
พรพจีดันพาตัวอรดีออกไปเบาๆ อรดีขัดใจแต่ก็ขัดขืนดึงดันไม่ได้ วิษธรถอนใจโล่งอก
อรดีเดินมาตามทางเดิน หยุดหันไปทางห้องวิษธร บ่นบ้ากับตัวเองอย่างเจ็บใจ
“อีนังหมาแก่หวงก้าง พรพจี อย่าคิดนะว่าจะแกจะชนะ นี่แค่ยกแรกเท่านั้น”
อรดีจิกมือตัวเองแน่น คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาชนะสาวใหญ่มารหัวใจคนสำคัญ
สองคนอยู่ในห้องทำงานพรพจีด้วยกัน พรพจีหัวเราะขำ สัพยอกเรื่องอรดีกับวิษธร
“ดูท่าทางคุณดี้เขาชอบคุณจริงจังเลยนะ”
“เขาถามเรื่องที่ดินน่ะครับ ผมบ่ายเบี่ยงเขาตลอดเลยมาตื๊ออยู่เรื่อยล่ะมั้ง”
พรพจีเดินเข้ามาวิษธร มองอย่างจับผิด
“ไม่จริงหรอก ฉันว่าคุณก็รู้ว่าอรดีมาทำไม”
วิษธรหัวเราะขำๆ “คุณพูดเหมือนคุณรู้ใจผม”
“ฉันไม่รู้ใจคุณหรอกค่ะ ฉันแค่เดาตามสถิติที่ฉันเห็น”
วิษธรยิ้มเย้า “พูดเป็นหลักการเชียว งั้นบอกผมหน่อยสิว่าผมควรทำยังไง”
“ก็เขาทั้งสวย ทั้งเซ็กซี่ แถมเป็นแม่หม้ายทรงเครื่อง อายุก็ใกล้เคียงธรด้วย เขาทอดสะพานมาให้ขนาดนี้ จะยอมอยู่เฉยให้เสียศักดิ์ศรีเหรอ”
“ถูก แต่ไม่ทั้งหมด”
“งั้นคุณคิดอะไรอยู่”
“ทุกข้อที่คุณว่ามามันก็ถูก แต่ข้อสุดท้าย ผมยืนยันได้ว่าไม่เคยสนใจอรดี”
วิษธรตอบอย่างมั่นใจ พรพจียิ้มชอบใจ แต่ไม่วายเหน็บแนมอีก
“เชื่อได้เร้อ คุณมีสาวๆ เข้ามารุมเพียบ ทั้งดี้แล้วไหนจะดาอีก ยังสาวยังสวยทั้งคู่ ฉันจะเอาอะไรไปสู้ได้”
พรพจีมองตาวิษธรนิ่ง วิษธรไม่หลบสายตาแถมยังเดินเข้ามามองพรพจีใกล้ๆ
“มีสิ คุณมีอะไรที่เหนือกว่าผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว”
“ฉันน่ะเหรอ”
“คุณเป็นคนเดียวที่ได้ใจผม สำหรับผมคุณสวยและเก่งที่สุด แล้วจะให้ผมไปมองใครได้อีกล่ะ”
วิษธรสบตาลึกซึ้ง พรพจียิ้มปลื้ม
ทางด้านภัทร์ธีรา มานั่งพักที่โซฟาในห้องอย่างเหนื่อยล้า
“แค่ปูเตียงทำไมเหนื่อยอย่างนี้เนี่ย ปวดแขนไปหมดเลย”
ภัทร์ธีราบ่นงึมงำแล้วก็มองไปบนโต๊ะ เห็นน้ำส้มคั้นที่ชอบวางอยู่ หันไปถามแม่บ้าน
“พี่คะ”
“คะ”
“น้ำส้มนี่ของใครเหรอคะ”
“ของคุณแหละค่ะ ทานได้เลยนะคะ จะได้หายเหนื่อย”
“จริงเหรอคะ ขอบคุณนะคะ”
ภัทร์ธีราหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่มอักๆ อย่างกระหาย แม่บ้านบอกว่า
“คุณวิษธรแกสั่งให้ค่ะ บอกว่าคุณชอบ”
ได้ยินชื่อวิษธร ภัทร์ธีราแทบจะสำลัก รีบวางแก้วลงทันที
“อ้าว วางทำไมล่ะคะ ไม่อร่อยเหรอ”
ภัทร์ธีรามองแก้วน้ำส้ม หน้าหงิกขึ้นมา
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันไม่ชอบ”
“ไอ้นั่นก็ไม่ชอบ ไอ้นี่ก็ไม่ถูกใจ”
เสียงวิษธรดังขึ้น ภัทร์ธีราหันไปเห็นเขาเดินเข้าห้องมาหยุดตรงหน้า ยิ้มเย้ยมองจ้องหน้าท้าทาย
“โลกนี้มีอะไรถูกใจคุณบ้าง นอกจากคุณเอ้”
“มีเยอะแยะ แต่ไม่ใช่ของที่มาจากคุณ”
วิษธรยิ้มขำ “พูดแบบนี้ผมเสียใจแย่”
“ถ้ายังยุ่งกับฉัน คุณจะเสียใจมากกว่านี้อีก”
ภัทร์ธีราทำหยิ่งใส่ วิษธรหัวเราะ
“ผมน่ะด้านชาแล้ว แต่ถ้าคุณอู้งานตอนนี้คุณต่างหากที่จะเสียใจ เพราะผมต้องทำรายงานให้อาคุณ ว่าผลงานการฝึกของคุณเป็นยังไง”
ภัทร์ธีรานึกได้ “ไม่ต้องเลย หยุดเลยนะ”
“ว่าไง เตียงน่ะปูตึงรึยังครับ”
วิษธรพยักพเยิดไปที่เตียงในห้อง ภัทร์ธีราเจ็บใจ
เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ ในที่สุดภัทร์ธีราก็ปูเตียงได้อย่างคล่องแคล่วและชำนาญ แถมเรียบตึงสวยงาม ปูเสร็จคุณหนูจ๋าก็ยิ้มยืดอย่างมั่นใจ
“เป็นไง ตึงสมใจคุณไหม”
วิษธรมองสำรวจตรวจตรา และลองทดสอบความตึง
“ก็โอนะ”
ภัทร์ธีราคุยใหญ่ “คุณคงคิดว่าฉันจะทำไม่ได้ล่ะสิ แล้วเป็นไง ให้ฉันฝึก ก็ฝึกได้”
“จริงของคุณ”
“ถ้าคุณคิดจะแกล้งฉันด้วยงานแบบนี้ มันไม่ได้ผลหรอก รู้ไว้ซะด้วย ทีนี้มีอะไรจะให้ฉันทำอีก บอกมาเลย”
วิษธรหัวเราะขำอีก
“ขำอะไร”
“ขำในความอวดเก่งของคุณไง”
“ฉันอวดเก่งตรงไหน”
“ตอนแรกคุณเป็นยังไง”
“ฉันเป็นยังไง”
“คุณท้าทายผม บอกว่าผมไม่มีทางทำได้ แต่คุณเองก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกัน”
ภัทร์ธีราฉุน “นี่คุณว่าฉันเหรอ”
“ผมไม่ได้ว่า แค่จะบอกในฐานะคนที่ต้องทำงานด้วยกัน”
ภัทร์ธีราอึ้งไป วิษธรเดินเข้ามามองจ้องหน้าใกล้ๆ
“ฟังนะ ข้อดีของคุณคือเรียนรู้ไว สอนงานได้เร็ว แต่ก็มั่นใจและอวดดี ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามากเกินไปก็คืออีโก้ วันนึงคุณจะกลายเป็นผู้บริหารที่นึกถึงแต่ตัวเอง ลดมันลงบ้างจะได้อยู่ร่วมกับคนอื่นง่ายขึ้น”
ภัทร์ธีราอึ้งอีก
“มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกมากภัทร์ธีรา คุณเก่งนะ แต่ยังเก่งไม่พอสำหรับที่นี่”
วิษธรยิ้มอย่างท้าทายแล้วออกจากห้องไป ภัทร์ธีรามอิงตาตามขุ่นเจ็บใจยิ่งนัก
ภัทร์ธีราเดินโผเผมาทิ้งตัวลงนั่งโซฟาตรงมุมรับรองแขกในห้องทำงานพรพจี ร้องโอดโอย บีบๆ นวดๆ ตามแขนไปมา พร้อมกับฟ้องผู้เป็นอาไปด้วย
“โอย ให้ทำแต่งานอะไรก็ไม่รู้ ปวดแขนไปหมดแล้วเนี่ย”
พรพจีนั่งอยู่ที่โต๊ะยิ้มขำภัทร์ธีรา
“ปวดแขนสิดี น้องจ๋าจะได้รู้ว่าพนักงานเราทำงานหนักแค่ไหน”
“อาจีเข้าข้างนายวิษธรอีกแล้ว”
“คุณจ้ะ” พรพจีเน้นคำ “คุณวิษธรเขาโตกว่า น้องจ๋าไม่ควรเรียกเขาแบบนั้น”
ภัทร์ธีราหน้ามุ่ย “ค่ะ คุณวิษธร”
พรพจีขำ เปิดลิ้นชักหยิบหลอดยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อ ลุกเดินมานั่งด้วย ทายาให้หลาน ภัทร์ธีราเห็นอาใส่ใจตัวเองก็อ่อนลง พรพจีทายาไปสอนงานไปด้วย
“อารู้ว่าน้องจ๋าไม่พอใจ แต่งานบริหารไม่ใช่แค่ชี้นิ้วสั่งแล้วจะทำได้ เราต้องรู้จักทุกแผนก ทุกตำแหน่งถึงจะเป็นผู้บริหารที่ดีได้”
“พูดเหมือนนาย เอ๊ย คุณวิษธร ไม่มีผิด”
“อาถึงว่าเขาทำถูกแล้วไงล่ะ”
ภัทร์ธีราน้อยใจระคนหมั่นไส้ ประชดส่ง “งั้นต่อไปจ๋าคงต้องไปเปิดประตูให้แขกด้วยใช่ไหมล่ะคะ”
“ถ้าน้องจ๋าอยากรู้ จะศึกษาไว้ก็ไม่เสียหายนะ เพราะไม่ใช่แค่การเปิดประตู แต่เป็นการต้อนรับด่านแรกๆ ที่จะทำให้แขกประทับใจ”
“อาจีก็ จะให้จ๋าไปทำจริงเหรอคะ”
พรพจีทายาให้ภัทร์ธีราเสร็จ จึงเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
“งานบริหารเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากนะน้องจ๋า อย่ามองข้ามตำแหน่งเล็กๆเด็ดขาดเพราะไม่มีงานไหนที่ง่ายเรียนรู้ไว้แล้วต่อไปน้องจ๋าจะเข้าใจเอง”
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับเอาคำ แต่ในใจก็ยิ่งโมโห ที่พรพจีเข้าข้างวิษธรทุกเม็ด
ทางฝ่ายอรดีแวะมาหาคุณหญิงทอศรีถึงบ้าน และเปิดฉากใส่ไคล้เรื่องของพรพจีให้ฟัง
“ถ้าเป็นคนอื่นดี้คงไม่พูด แต่นี่เห็นว่าเกี่ยวกับคุณหญิงแม่กับเอ้ ดี้ถึงยอมเล่านะคะ”
อรดีลอบยิ้ม คุณหญิงทอศรีสนใจ เร่งเร้าให้เล่า
“ไหน แม่อยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง เล่ามาเถอะจ้ะ”
“เอ้เคยเล่าให้คุณหญิงแม่ฟังใช่ไหมคะว่า สามีอาจีรถคว่ำทำให้เป็นอัมพาต”
“จ้ะเอ้เคยไปพบทั้งคุณพรพจีทั้งสามีมาแล้ว ด้วยเห็นว่าคุณนรินทร์คงป่วยแบบนี้ไปตลอด หมดเงินรักษาไปตั้งหลายล้าน แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น”
อรดีหัวเราะเยาะ “โธ่ คุณนรินทร์คงจะหายอยู่หรอกค่ะ”
คุณหญิงซักต่อทันที “ยังไงกันจ๊ะ”
“ก็เรื่องที่ว่าทุ่มเงินรักษายังไงล่ะคะ ก่อนหน้านี้อาจจะจริง แต่ระยะหลังนี่คงไม่”
คุณหญิงทอศรีคิดตาม “เป็นเพราะเรื่องทรัพย์สินของคุณนรินทร์เหรอ”
“โอ๊ย ไม่ใช่หรอกค่ะ อาจีน่ะ เขาอยากได้ใครซักคนมาแทนที่คุณนรินทร์ใจแทบขาดแล้วต่างหาก”
คุณหญิงท่านนายพลตกใจ “อะไรกัน จริงเหรอดี้”
“ดี้พูดจริงนะคะ ไม่ได้จะใส่ร้ายอะไรเขา”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง คุณนรินทร์เขาก็ยังอยู่ดีนี่” คุณหญิงทอศรีเหมือนไม่เชื่อ
“โถคุณแม่ขา อาจีทั้งสาวทั้งสวย แต่สามีตัวเองกลับอยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรกับคนพิการ คุณหญิงแม่ลองคิดดูสิคะ”
“ดี้พูดยังกับไปอยู่ข้างเตียงเขางั้นแหละ”
อรดีอึ้งไป รีบแก้ตัว “แหม ถ้าไม่มีมูลก็ไม่มีเรื่องหรอกค่ะคุณหญิงแม่คงไม่ทราบสิคะว่าอาจีหวงหุ้นส่วนซะยิ่งกว่าแม่จงอางหวงไข่ซะอีก”
“คุณวิษธรอะไรนั่นใช่ไหม”
“ค่ะ แต่คุณธรคงไม่รู้หรอกค่ะว่าอีกฝ่ายหวังอะไร มีแต่โคแก่หวังจะกินหญ้าอ่อนอยู่คนเดียว”
อรดีใส่ไฟไปหมั่นไส้ไป
“พูดแบบนี้ ชักจะอยากเจอคุณพรพจีนั่นสักครั้งแล้วสิ”
“คุณหญิงแม่นัดมาเจอสิคะ ลำพังตัวหลานน่ะไม่อะไรหรอกค่ะ แต่อาน่ะสิแย่ ดี้ไม่สบายใจ เลยต้องมาเรียนให้คุณหญิงแม่ทราบ”
“ถ้าเป็นจริง คงต้องคุยกับตาเอ้หนักหน่อยล่ะ ฉันไม่อยากให้ใครเขาครหาเอาว่าได้สะใภ้เทือกเถาเหล่ากอไม่ดี”
คุณหญิงทอศรีกลุ้มใจ ขณะที่อรดีลอบยิ้มสะใจสมใจ
วิษธรกลับมาถึงบ้าน ลงรถมา พอเห็นว่าจิรดาหิ้วกล่องยาปฐมพยาบาลมายืนรออยู่ก็แปลกใจ
“คุณดา มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“คุณธรมาพอดีเลย ดาจะมาดูแผลให้คุณน่ะค่ะ”
“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรได้ยังไงคะ แผลนี่ต้องล้างทุกวันนะคะ ไม่งั้นอาจติดเชื้อได้”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ หรือถ้าคุณดาว่าผมต้องล้างแผลจริงๆ เอาพวกยามาก็ได้ครับ เดี๋ยวผมทำเอง”
วิษธรจะคว้ากล่องยามา จิรดาดึงไว้
“ไม่ได้ค่ะ”
วิษธรมองจิรดาอย่างสงสัย พยาบาลสาวรีบแก้ตัว
“คือ คุณธรทำเองคงไม่ถนัดหรอกค่ะ ให้ดาทำให้เถอะนะคะ”
จิรดามองตาปริบๆ วิษธรมองจิรดาอย่างชั่งใจ
พรพจีลงมากินมื้อเย็น มองไปอีกฝั่งเห็นนรินทร์นั่งอยู่ก็ไม่พอใจ สองคนท่าทางมึนตึงใส่กัน ภัทร์ธีราคอยคนจัดแจงตักข้าวเอาใจคุณอาทั้งสอง
“นี่ค่ะ อาริน อาจี ทานเยอะๆ เลยนะคะ จ๋าให้เขาทำแต่ของที่อาสองคนชอบทั้งนั้นเลย”
พรพจีกินข้าวไปไม่พูดไม่จา นรินทร์ก็เอาแต่เงียบ ภัทร์ธีราเริ่มอึดอัดเลยหาเรื่องชวนคุย
“อารินคะ วันนี้จ๋าไปฝึกงานที่โรงแรมกับอาจีมาด้วยนะคะ เหนื้อยเหนื่อยค่ะ แต่ก็สนุก”
“เหรอ เขาให้น้องจ๋าทำอะไรบ้างล่ะ”
“ก็พาไปดูแผนกนั่นนี่นิดหน่อยค่ะ แต่ว่างานหลักก็ ปูที่นอน”
นรินทร์ฉุนกึก “ปูที่นอน”
“ใช่ค่ะ มันยากมากเลยนะคะอาริน ทีแรกจ๋าคิดว่าเอาผ้าปูๆ ไปก็จบ แต่มันมีรายละเอียดเยอะกว่านั้นมากเลยค่ะ แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่านายนั่นจะทำได้”
นรินทร์สะดุดหู “นายนั่น ใคร ใครเป็นสอนน้องจ๋า”
ภัทร์ธีราชะงัก อึ้งไป นึกได้ว่าไม่ควรพูดเรื่องวิษธร
“คือ…”
“ไอ้วิษธรเหรอ มันมีสิทธิ์อะไรมาสั่งงานหลานอา”
นรินทร์หันไปมองพรพจี อย่างไม่พอใจ
“อารินคะ ฟังจ๋าก่อน”
“คุณใช่ไหมที่ให้มันมาสั่งงานหลาน คุณคิดอะไรอยู่”
“ฉันก็แค่ให้งานตามความเหมาะสม”
“เหมาะสม คนอย่างมันมีดีอะไรจะมาสอนคนอื่นทำงานมาได้ เดี๋ยวเดียวก็เกาะชายกระโปรงผู้หญิงขึ้นไปนั่งตำแหน่งบริหาร นี่เหรอเหมาะสม”
พรพจีชักโกรธที่นรินทร์ดูถูกวิษธร
“คุณไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า ธรเขาฝึกงานเด็กๆมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่เขารู้ดีว่าการทำงานจริงจะทำเราได้คนทำงานที่มีคุณภาพ”
“คุณก็เลยยอมส่งน้องจ๋าไปทำงานตำแหน่งล่างสุดขององค์กร นี่มันไม่ใช่การฝึกงานแล้วแต่มันคือการให้คนของคุณมากดขี่หลานเราชัดๆ”
“มันเป็นการฝึกให้เข้าใจคน คนที่ตอนทำงานเอาแต่ชี้นิ้วสั่งอย่างคุณ จะไปเข้าใจอะไร”
นรินทร์โดนจี้ปมในใจยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ ยันตัวข้ามโต๊ะจะไปทำร้าย แต่พรพจีลุกขึ้นเสียก่อน
“อารินขา... อาจี...” ภัทร์ธีราพยายามเคลียร์แต่ไม่เป็นผล นรินทร์ด่าพรพจีไม่ไว้หน้า
“เออ ฉันมันง่อย ฉันให้ความสุขได้ไม่เท่าคนอย่างไอ้วิษธร แกเลยให้มันเข้ามาแย่งทุกอย่างไปจากฉันสมใจแล้วสิ”
“ฉันว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ”
พรพจีจะเดินหนี นรินทร์ตบโต๊ะปัง ตะคอกดังลั่น
“พูดไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูด แล้วอยากไปไหนก็ไป เชิญไปมีความสุขกับไอ้เด็กเมื่อวานซืนซะให้พอใจ ไปเลย”
พรพจีเดินหนีออกไปเลย นรินทร์โมโหปัดข้าวของลงจากโต๊ะระบายความโกรธ ภัทร์ธีราได้แต่อึ้ง พูดไม่ออก
ด้านจิรดาทำแผลที่ศีรษะให้วิษธรอย่างมีความสุขมากๆ เพราะได้ใกล้ชิดและอยู่กับเขาสองต่อสอง
“แผลดีขึ้นมาแล้วนะคะคุณธร เดี๋ยวดาใส่ยาให้แล้วไม่ต้องปิดผ้าก็อซแล้วนะคะ”
วิษธรพยักหน้ารับเอาคำ จิรดาจะเก็บอุปกรณ์ลงกล่องแล้วสายตาเหลือบไปเห็นขวดแอลกอฮอลล์ที่วางใกล้ๆ พยาบาลสาวจอมเจ้าเล่ห์คิดปราดเดียว แกล้งทำเป็นหยิบพลาดจนขวดแอลกอฮอล์ตกพื้นแตก
“ว้าย”
“ให้ผมช่วยเก็บไหมครับ” วิษธรจะช่วยเก็บ
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาเก็บเอง”
จิรดาก้มลงไปเก็บเศษแก้ว แล้วหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งจิกเข้ากับนิ้วตัวเอง บีบแผลให้เลือดออกโดยไว
“โอ๊ย”
วิษธรเห็นจิรดาเลือดออกก็เป็นห่วง รีบเข้าไปดู
“เป็นอะไรไหมครับ”
จิรดาแสร้งทำเป็นจับมือวิษธรไว้ บอกว่าเจ็บมาก
“คุณธรคะ ดาเจ็บจังเลยค่ะ”
วิษธรดูมือจิรดา “เดี๋ยวผมล้างแผลให้ดีกว่า คุณดาลุกขึ้นก่อนนะครับ”
วิษธรประคองจิรดาให้ลุกขึ้น จิรดาแกล้งเจ็บไม่มีแรงจนเซไปซบวิษธร
จิรดาโอ๊ย...ดาเจ็บจังเลยค่ะคุณธร
วิษธรทำใจดีๆ ไว้นะครับ
เสียงพรพจีดังขัดจังหวะขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
จิรดาหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะ พรพจีเดินเข้ามาดูใกล้ๆ
“ตายจริง เธอเป็นอะไรมากไหมดา”
“แค่เศษแก้วบาดนิดหน่อยค่ะ ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรก็ดี เดี๋ยวฉันเรียกเด็กมาจัดการเอง เธอรีบไปใส่ยาเถอะจ้ะ แล้วก็ไปดูคุณรินด้วย”
จิรดาอิดออด “คุณจ๋าดูคุณรินอยู่แล้วนี่คะ เห็นว่าจะกินข้าวกับคุณด้วย”
“ฉันอิ่มแล้วจ้ะ คุณรินก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เธอรีบไปดูก่อนดีกว่า”
“งั้นคุณดารีบไปดูคุณรินก่อนเถอะครับ” วิษธรเห็นดีด้วย
“แต่ดายังไม่ได้ทำแผลเลยนะคะ
จิรดาอ้อนหวังให้วิษธรทำแผลให้ พรพจีชักหมดความอดทน
“มาฉันทำให้เอง”
พรพจีดึงมือจิรดามา แต่จิรดารีบชักมือกลับ
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาไม่รบกวนดีกว่า แผลนิดเดียวเดี๋ยวกลับไปทำเอง” จิรดาหันไปพูดกับวิษธรอย่างเป็นห่วงเป็นใย “ส่วนแผลคุณธรนี่ ดาใส่ยาให้แล้ว ต้องระวังไม่ให้โดนน้ำจนกว่าแผลจะแห้งนะคะ พรุ่งนี้เช้าดาจะเอาครีมล้างหน้ามาให้
“เรื่องครีมล้างหน้าฉันจะหาให้ธรเขาเอง รับรองว่าเป็นของดีและแพง ไม่ใช่ ถูกๆ” พรพจีพูดพร้อมกับจ้องหน้าจิรดาแน่วนิ่ง “เหมือนของตลาดทั่วไปแน่นอน”
“คุณดารีบไปดูคุณรินเถอะครับ ขอบคุณที่มาช่วยทำแผลให้ครับ”
จิรดาพยักหน้ารับเอาคำอย่างจำใจ
“ยินดีค่ะถ้ามีอะไร คุณธรไลน์บอกดาได้ตลอดเลยนะคะ”
จิรดาเก็บของแล้วออกจากบ้านวิษธรไป พรพจีมองตามอย่างเหนื่อยหน่าย
ภัทร์ธีราลูบหลังปลอบนรินทร์ ซึ่งเอาแต่นั่งเงียบ แววตาเจ็บปวดและอึดอัดเรื่องที่เกิดเมื่อครู่
“อาริน”
“ป่านนี้เขาคงวิ่งโร่ ไปให้ไอ้นั่นมันปลอบใจเรียบร้อยแล้วล่ะมั้ง”
นรินทร์หัวเราะ แต่ก็ดูออกมาขมขื่นเหลือเกิน
“ไม่หรอกค่ะอาริน อาจีคงแค่ออกไปเดินเล่นในสวน เดี๋ยวจ๋าไปตามให้”
“ไม่ต้อง”
นรินทร์เสียงเข้ม ภัทร์ธีราอึ้งไป
“น้องจ๋าไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นมันทำชั่วอะไรไว้บ้าง ตอนเราไม่อยู่”
นรินทร์น้ำตาคลอ ภัทร์ธีราคิดหาคำพูดปลอบ แต่เสียงจิรดาดังแทรกขึ้นก่อนว่า
“ค่ะมีอะไรอีกเยอะที่คุณยังไม่รู้”
“พี่ดา”
“ดาไปทำแผลให้คุณวิษธรมาค่ะ แล้วก็บังเอิญ คุณจีไปที่นั่นด้วย”
จิรดาเดินมาด้านหลังนรินทร์ จ้องหน้าภัทร์ธีรา
“ดาสงสารคุณริน ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย”
จิรดามองไปทางบ้านวิษธร นรินทร์หน้าเครียด จิกเล็บกับเก้าอี้จนแน่น ภัทร์ธีรามองจิรดา ส่ายหัว เชิงห้ามไม่ให้พูดอะไร จิรดากระตุกยิ้มมุมปาก ก้มลงไปพูดใกล้ๆ หูนรินทร์อีกว่า
“แต่ดาไม่อยากพูดเรื่องผิดศีลธรรมในบ้านนี้อีกแล้วล่ะค่ะ ดาละอายใจ ดา…”
นรินทร์มือเริ่มสั่นทั้งเครียดทั้งโกรธจัด
“หยุด ฉันไม่อยากฟัง หยุด หยุดซะที”
นรินทร์โวยวายหนักขึ้น ภัทร์ธีราเข้าไปกอดปลอบ จิรดายืนดูอยู่นิ่งๆ ลอบยิ้มสะใจ
ฝ่ายพรพจีนั่งหน้าเครียดน้ำตาซึม อัดอั้นเรื่องนรินทร์จนแทบบ้า วิษธรจับบ่าปลอบ ซักถามเรื่องราว
“เป็นอะไรไปครับจี คุณเจออะไรมา”
พรพจีไม่ตอบ แต่โผเข้ากอดวิษธรแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น สักครู่จึงละตัวออกมา พูดทั้งน้ำตา
“ฉันอยากหย่า ฉันไม่อยากทนอยู่กับคนจิตประสาทแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว”
วิษธรกอดตอบแต่ยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด
“ใจเย็นๆ ก่อน”
“ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันทนให้เขาทำร้ายจิตใจฉันอีกไม่ได้แล้ว…”
“จี ผมบอกแล้วไงว่ายังไม่ถึงเวลา”
“พาฉันไปจากที่นี่นะธร พาฉันไปไหนก็ได้ ฉันอยากไปให้พ้นๆ ซะที ฉันยอมทิ้งทุกอย่างที่นี่ไป เราไปอยู่ด้วยกันที่ไหนสักแห่งดีไหม”
พรพจีเอนซบกับไหล่เขา วิษธรอึดอัดลำบากใจ พรพจีรุกคืบเอาหน้าเข้าไปแนบแก้มวิษธร
“ฉันรักคุณ ฉันอยากอยู่กับคุณ ฉันยอมเสียอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่มีคุณ แค่คุณคนเดียวก็พอ”
วิษธรเคลิ้มไปกับพรพจี เริ่มซุกไซ้พรพจีลงไปที่โซฟา กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่จู่ๆ วิษธรก็นึกถึงภาพในอดีต
วิษธรหลับตายกมือปิดหู แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น
วิษธรตกใจ รีบผละออกจากพรพจีทันที
“ธร เป็นอะไรไป”
พรพจีจะเข้าไปกอดอีก แต่วิษธรห้ามไว้
“อย่าเลยจี ไว้รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมเถอะ เราอย่าทำแบบนี้เลย”
วิษธรลุกหนีไปเลย พรพจีมองตามงงๆ อารมณ์ค้างเติ่ง
พรพจีกลับมาที่บ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเรื่องวิษธร เจอนรินทร์กับภัทร์ธีราอยู่ในโถงบ้าน
“อาจี...”
นรินทร์ประชดประชันแทรกขึ้น “เป็นไงล่ะหนีไปสุขสมอารมณ์หมายกับมันมาแล้วไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมหน้าตาดูไม่สุขเอาซะเลยล่ะ”
พรพจีทำเป็นไม่สนใจ จะหนีขึ้นห้อง
“อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ฉันเหนื่อย อยากพัก”
“เอ หรือว่าจะโดนเด็กมันทิ้งมา น่าสงสารจริงๆ”
นรินทร์หัวเราะเยาะ พรพจีเลยไม่ทน สวนกลับไปบ้าง
“คิดผิดคิดใหม่ได้นะคุณริน นึกดีๆ สิ ใครกันแน่ที่น่าสงสาร”
นรินทร์โกรธ “พรพจี”
“เมื่อก่อนคุณเก่งนักนี่ หลอกเด็กสาวๆ ไม่รู้ตั้งกี่คนต่อกี่คน แล้วเป็นไงได้อะไรบ้างล่ะเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ไม่รู้หลอกเด็ก หรือให้เด็กมันหลอกเอา”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าหลาน”
“ทำไม เพิ่งจะอายเป็นหรือไง”
“ใช่ ฉันมียางอายอยู่บ้าง ไม่เหมือนเธอที่ร่านไปกกกับชู้ถึงบ้าน ทีนี้รู้แล้วสิว่าใครกันแน่ที่หน้าด้าน”
“ใช่ ฉันหน้าด้าน หน้าทน ถึงได้ยอมอยู่เป็นเมียไอ้ผู้ชายบ้ากามอย่างคุณอยู่ได้ตั้งหลายปีไง”
นรินทร์โกรธสุดขีด “พรพจี”
“พอเถอะค่ะ พอได้แล้ว”
ภัทร์ธีราตะโกนห้ามแทรกขึ้นมา ทั้งสองเงียบไปเลย
“จ๋าขอได้ไหมคะ อย่าทะเลาะกันอีกเลย ได้โปรดเถอะค่ะ อาจี อาริน”
ภัทร์ธีราพูดทั้งน้ำตา พรพจีเบือนหน้าหนี แล้วเดินขึ้นห้องไปเลย
ภัทร์ธีรายกมือปิดหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจ นรินทร์มองตามพรพจีด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
วิษธรหลบมานั่งเครียดอยู่ริมสระน้ำ ไม่นานนักดนัยเดินเข้ามาตบบ่าแล้วลงนั่งข้างๆ ถามขึ้นว่า
“มีอะไรวะธร”
วิษธรไม่ตอบ แต่สายตามองไปฝั่งบ้านภัทร์ธีราแล้วถอนหายใจอยู่อย่างนั้น ครุ่นคิดในใจ ก่อนจะพูดออกมาอย่างคนอึดอัดใจ
“ผมกำลังรู้สึกผิด”
“กับใคร”
“กับ คุณนรินทร์”
“ใช่ เขาน่าสงสาร แต่แล้วยังไงแกจะยอมเลิกจะทิ้งทุกอย่างไปงั้นเหรอ”
วิษธรเงียบไปครู่หนึ่ง กัดฟันข่มอารมณ์
“ไม่ได้ ผมทิ้งไปตอนนี้ไม่ได้”
ดนัยหัวเราะออกมาเบาๆ พูดให้ข้อคิด
“คิดเยอะๆ ธร คิดถึงวันข้างหน้าว่าจะได้หรือเสียอะไรอีกบ้าง ไม่มีใครที่แกจะตัดสินใจแทนได้ นอกจากตัวแกเอง”
วิษธรได้แต่ทอดถอนใจ ดนัยนั่งเป็นเพื่อนอยู่เงียบๆ ต่างคนต่างเข้าใจกันว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
อ่านต่อ ตอนที่ 6
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์