xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 4

ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น พรพจีคล้องแขนภัทร์ธีราเดินไปหาวิษธรที่ยืนรออยู่ข้างรถยนต์คันเล็กของเธอ ภัทร์ธีราไม่วายทักท้วงเรื่องสารถีรูปงาม

“เราให้น้าเกลี้ยงขับไปก็ได้นี่คะ ทำไมต้องให้คนอื่นขับด้วย”
“วันนี้นายเกลี้ยงลาไปธุระ ธรเลยอาสาขับไปให้เองจ้ะ”
วิษธรยิ้มทักทายพรพจีแต่กลับทำท่าเมินมองภัทร์ธีรา นั่นทำให้เธอยิ่งหงุดหงิด
“มอร์นิ่งครับ”
วิษธรเดินไปเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้พรพจี
“เชิญครับ คุณจี”
“ขอบคุณค่ะ” พรพจียิ้มหวานให้
ปิดประตูรถให้ผู้เป็นอาเสร็จ วิษธรก็เดินอ้อมมานั่งที่นั่งคนขับเฉยเลย ทิ้งให้ผู้เป็นหลานยืนหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเปิดประตูรถตามขึ้นไปนั่งข้างหลังเอาเอง

ทางฝั่งคุณหญิงทอศรีนั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถง พอเห็นสรัชเดินเข้ามาก็แกล้งเปิดนิตยสารทำเป็นไม่สนใจลูกชายสุดที่รัก
“แม่ครับ” คุณหญิงทอศรีทำเป็นไม่ได้ยิน “คุณแม่ครับ”
ลูกชายเรียกซ้ำ แต่คุณหญิงก็ยังคงทำเป็นไม่ได้ยินดังเดิม
“แม่โกรธเอ้หรอครับ” สรัชหน้าเสีย
ทอศรีตอบโดยไม่มองหน้าลูกชาย “แม่ไม่ได้โกรธเอ้”
“แล้วทำไมแม่ไม่ยอมพูดกับเอ้ล่ะครับ”
คุณหญิงทอศรีปิดนิตยสารพรึ่บ วางลงบนโต๊ะกลางอย่างแรง “แม่โกรธแฟนเอ้”
สรัชงง
“มีอย่างที่ไหน เป็นเด็กแต่มายกเลิกนัดผู้ใหญ่ตั้งแต่ครั้งแรก เห็นว่าแม่กับพ่อมีเวลาจะมานั่งรอแฟนเอ้ว่าง แล้วค่อยมานัดใหม่วันไหนก็ได้อย่างนั้นเหรอ ไม่มีความเกรงใจกันเลยหรือไง”
สรัชรีบอธิบาย “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ น้องจ๋าติดงานสำคัญนะครับ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ยกเลิกนัดเด็ดขาด”
ทอศรีวางท่าปั้นปึ่งใส่ลูก “แฟนเอ้บอก หรือว่าเอ้พูดเองกันแน่”
“น้องจ๋าพูดสิครับ เขาเสียใจมากๆ ที่มาหาคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้ แต่ยังไงก็จะรีบมาพบให้เร็วที่สุด เขาอยากกราบขอโทษพ่อกับแม่ด้วยตัวเอง”
“จริงเหรอ”
“ครับ ว่าแต่วันนี้เย็นๆ คุณแม่ว่างใช่ไหมครับ”
คุณหญิงทอศรีทำเป็นครุ่นคิด เล่นตัวอีกเล็กน้อย

ถัดมา สรัชยืนกดมือถือโทร.ออกอยู่หน้าตึก หน้าจอโทรศัพท์เห็นเป็นชื่อน้องจ๋า แต่ภัทร์ธีราไม่รับสาย
สรัชใช้ความคิด จนคิดอะไรบางอย่างออก เขากดโทรศัพท์อีกครั้ง โทร.หาใครบางคน

ทั้งสามลงจากรถ เดินตรงเข้ามาทักทายกับ คมศักดิ์ นายหน้าที่นัดกันไว้ แล้วก็พากันเดินเข้าไปดูที่ วิษธรดูแลพรพจีอย่างใกล้ชิด ภัทร์ธีรามองอย่างหมั่นไส้
วิษธรถามคมศักดิ์ว่า “เจ้าของที่ว่าไงบ้าง”
“ต่อไปแล้วขอลดเหลือไร่ละเจ็ดแสนแปด บอกว่ารอปรึกษาลูกๆ ก่อน” คมศักดิ์บอก
วิษธรหันไปถามพรพจี “คุณจีครับ ถ้าไร่ละแปดแสนคุณว่าแพงไปไหม”
ภัทร์ธีราแทรกขึ้น “คุณคมศักดิ์คะ ไหนว่าตอนแรกบอกว่าราคาไร่ละเจ็ดแสนห้าไม่ใช่เหรอคะ”
วิษธรตอบคำถามของภัทร์ธีราโดยแกล้งหันไปพูดกับพรพจีแทน
“คุณจีครับ มีคู่แข่งอีกเจ้าให้ราคาสูงกว่าเรา เราเลยต้องขึ้นราคาให้เขานะครับ แต่อาจจะไม่ถึงแปดแสนก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องมากกว่าเจ็ดแสนห้า” วิษธรว่า
ภัทร์ธีราพูดเชิงถามขึ้นอีก “คุณคมศักดิ์คะ แน่ใจเหรอคะ ว่าเขามีคู่แข่งจริงๆ ไม่ใช่แค่ต้องการอัพราคา”
“ผมไปสืบมาแล้วครับมีจริงๆ ยืนยันได้”
“น้องจ๋า อาว่าที่ดินเขาก็สวยดีนะ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเต็มผืนสวย ถ้าซื้อไว้น่าจะขายต่อได้ด้วย”
“ก็สวยจริงค่ะ แต่...” ทั้งสามเดินมาหยุดตรงที่ดินแปลงริมสุด
คมศักดิ์อธิบายว่า “ที่ดินมีสามแปลงติดกันนะครับ ตรงนี้จะเป็นของคุณจี ถ้าคุณจีตกลงซื้อ เวลาขายต้องรอขายพร้อมกันสามแปลงนะครับเพราะที่ดินติดกันจะได้ราคาดีกว่า”
“ธรบอกแล้วค่ะ”
ภัทร์ธีราแทรกขึ้นว่า “หมายความว่าถ้าทั้งสองแปลงตกลงขายเราก็ต้องขายด้วยเหรอคะ”
“ครับ ผมมักจะตกลงซื้อที่กับธรด้วยวิธีนี้ ขายผืนใหญ่ๆ ได้ราคาดีกว่าแหว่งๆ”
“จะดีหรอคะอาจี ถ้าจ๋าเกิดรักที่ดินผืนนี้ไม่อยากขายขึ้นมาก็เก็บไว้ไม่ได้เลยสิคะ” ภัทร์ธีราทักท้วง
“เราซื้อไว้ทำกำไรน่ะน้องจ๋า”
“เท่าที่ผมทราบ นายพลสุทธิกับคุณหญิงทอศรีนี่ใครๆ ก็เรียกท่านว่า ราชาที่ดิน น่าจะมีที่เหลือมากมายให้สร้างเรือนหอนะครับ”
ภัทร์ธีราโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
“ยังไง ผมก็อยากให้คุณจีรีบตัดสินใจนะครับ เพราะมีเพื่อนผมสนใจที่แปลงนี้ด้วยเหมือนกัน แต่เห็นแก่นายธร ผมเลยให้คุณจีได้ชมก่อน” คมศักดิ์บอก
ภัทร์ธีราตอบแทนอีกว่า “ถ้าอาจีทราบอย่างนี้ อาจีคงตัดสินใจไม่ซื้อที่ที่นี่ เปิดโอกาสให้เพื่อนคุณคมศักดิ์แล้วกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
คมศักดิ์งง “เอ่อ หมายความว่า”
“คุณจ๋าไม่อยากให้คุณจีซื้อที่ตรงนี้” วิษธรถาม
“ใช่ค่ะ”
ทุกคนหันมามองภัทร์ธีราเป็นตาเดียวกัน พรพจีทำตัวไม่ถูกที่หลานสาวตัดสินใจโดยพลการ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
“ผมไม่อยากให้คุณจ๋ารีบปฏิเสธนะครับ ที่ตรงนี้สวยและขายได้ราคาด้วย ยังไงเรายังเจรจากันได้”
“ฉันยืนยันคำเดิมค่ะ และคิดว่าอาจีก็น่าจะคิดเหมือนกัน ใช่ไหมคะอาจี”
ตอนท้ายภัทร์ธีราหันไปถามผู้เป็นอา แต่พรพจีเงียบ
วิษธรหันไปทางคมศักดิ์ชี้ที่ตัวเขาเองกับพรพจี “เราขอปรึกษา และตัดสินใจอีกครั้งก่อนแล้วกัน”
“ยังไงก็รีบๆ หน่อยนะ ผมกลัวคนอื่นจะตัดหน้าไปก่อน” คมศักดิ์บอก
“ผมขอปรึกษากันภายในก่อน แล้วจะให้คำตอบภายในเย็นนี้ ถ้าตกลงผมจะวางเงินมัดจำแล้วเราก็นัดโอนกันเลย”
ภัทร์ธีราหน้าตึง ไม่พอใจที่วิษธรกันตนออกจากวงสนทนา จึงขอตัวเดินออกไปก่อนด้วยความหงุดหงิด
“จ๋าขอตัวก่อนนะคะ”
วิษธรและพรพจีมองหน้ากัน รู้ว่าน้องจ๋าอารมณ์เสีย


ภัทร์ธีราหันหลังเดินจากมาอย่างอารมณ์เสียจนถึงรถที่จอดอยู่ แต่แล้วต้องชะงัก มีสีหน้าประหลาดใจ
“พี่เอ้”
สรัชลงจากรถถอดแว่นกันแดดส่งยิ้มมาให้ แล้วเดินมาหา
“พี่เอ้มาได้ยังไงคะ”
“ตามเสียงหัวใจมาครับ”
“เอาจริงๆ สิคะ พี่เอ้รู้ได้ยังไงว่าจ๋าอยู่นี่”
“คือ...”
วิษธรกับพรพจีเดินมาถึงพอดี
“คุณเอ้ เป็นไงครับ มายากไหม”
“ไม่ยากครับ ขอบคุณมาก”
“ผมก็กังวลอยู่ เห็นคุณเอ้แล้วก็สบายใจ”
“ต้องขอบคุณ คุณธรที่...”
ภัทร์ธีราหงุดหงิดหมั่นไส้วิษธรมากกว่าเดิม ทั้งเรื่องที่ดินและที่บอกทางมาให้สรัช แถมยังคุยกันอย่างสนิทสนมอีก
“พี่เอ้คะ จ๋าอยากกลับแล้ว”
“งั้นเรากลับกันเถอะ น้องจ๋าอยากแวะทานข้าวที่ไหนดีลูก เดี๋ยวอาให้ธรแวะให้”
“น้องจ๋าขอกลับกับพี่เอ้นะคะ นั่งคันโน้นคนเยอะ” เธอจงใจพูดแดกดันวิษธร “จ๋าอึดอัดพี่เอ้ไปกันเถอะค่ะ
พูดจบน้องจ๋าก็เดินไปขึ้นรถเลย วิษธรตบบ่าสรัชเบาๆ อย่างเข้าใจ

วิษธรกับพรพจีแวะทานอาหารกลางวันด้วยกันเพียงสองคนที่ร้านแห่งหนึ่ง วิษธรคอยตักอาหารให้พรพจีอย่างเอาใจ
“ขอบคุณค่ะ ธรคะ เรื่องวันนี้ ฉันขอโทษแทนน้องจ๋าด้วยนะคะ”
“คุณจ๋ายังเด็กอาจจะใจร้อนไปบ้าง ผมเข้าใจครับ คุณไม่ต้องคิดมากหรอก แล้วเรื่องที่ดินคุณคิดว่ายังไงครับ”
“ฉันเห็นด้วยกับธรนะคะ น้องจ๋าไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ แล้วแกก็ชอบเห็นต่างจากธรตลอด บางทีแกอาจจะแค่ อยากเอาชนะ”
“เขาอาจจะแค่เป็นเด็กเอาแต่ใจ”
“ปกติแกเป็นเด็กดีนะคะ ทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง มีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับคุณเท่านั้นที่แกมักจะไม่ยอม”
วิษธรนิ่งงันไป มองหน้าพรพจี
“แล้วถ้าน้องจ๋าไม่ยอมให้คุณคบกับผมล่ะครับ คุณจะทำยังไง”
พรพจีวางช้อนลง “ไม่มีทางหรอกค่ะ ถึงจะเป็นแค่อา แต่ฉันก็เลี้ยงเขามาตั้งแต่แบเบาะ น้องจ๋ารักฉันเหมือนแม่แท้ๆ อะไรที่เป็นความสุขของฉัน แกจะไม่ยอมได้ยังไง”
“แต่น้องจ๋าสนิทกับคุณนรินทร์มาก แกคงเห็นคุณนรินทร์เหมือนพ่อแท้ๆ เหมือนกัน”
“ยังไงเขาก็เป็นแค่อาเขย” พรพจีจับมือวิษธรมากุม “น้องจ๋าต้องเข้าใจฉันแน่นอน”
“ทำไมคุณถึงแน่ใจอย่างนั้น”
“ต่อไปฉันจะค่อยๆ บอกความจริงกับน้องจ๋า” น้ำเสียงพรพจีเต็มไปด้วยความขมขื่นเมื่อพูดคำตอนหลัง “แกจะได้รับรู้ว่าที่ผ่านมาฉันต้องเจออะไรบ้าง ฉันเชื่อว่าสักวันแกจะต้องยอมรับคุณค่ะ”
พรพจีบอกด้วยสีหน้าอันเด็ดเดี่ยว ขณะที่แววตาวิษธรวาบขึ้นด้วยความพอใจอยู่ลึกๆ

ฟากภัทร์ธีราอยู่กับสรัชภายในห้องรับแขกบ้านของเขา สรัชเอาแต่มองจ้องหน้าภัทร์ธีรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด
“เลิกมองหน้าจ๋าได้แล้วค่ะพี่เอ้”
“ก็พี่ดีใจนี่คะ ที่น้องจ๋ายอมมา”
“จ๋ารับปากแล้วว่าจะมาก็คือมาค่ะ”
“น้องจ๋า หายโกรธพี่แล้วใช่ไหมคะ”
“มีอะไรให้โกรธล่ะคะ”
“ไม่รู้ค่ะ แต่พี่เห็นน้องจ๋าเหมือนเคืองๆ”
ภัทร์ธีราถอนใจ “ช่างมันเถอะค่ะ มันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่เอ้ซะทีเดียว จ๋าหงุดหงิดเรื่องอื่นด้วยแหละ”
“งั้นเป็นอันว่าน้องจ๋าหายโกรธพี่แล้วนะ เย้”
สรัชชูมือดีใจ ภัทร์ธีราหัวเราะเบาๆ แต๋วสาวใช้เดินเข้ามาเสิร์ฟน้ำให้
“คุณหญิงให้มาเรียนว่าให้คุณรอสักครู่ค่ะ ตอนนี้ท่านยังไม่ว่าง”
สรัชแปลกใจ “คุณแม่ทำอะไรอยู่เหรอครับ น้าแต๋ว”
“ท่านบอกแค่ท่านไม่ว่างค่ะ เดี๋ยวน้าไปเตรียมขนมก่อนนะคะ”
“ขอบคุณครับ รอหน่อยนะครับน้องจ๋า”
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับเอาคำ อย่างว่าง่าย


เหตุผลที่ไม่ว่างนั้น แท้จริงคุณหญิงทอศรีนั่งเล่นเกมในไอแผดอย่างสนุกสนาน เสียงเกมดังตึ๊งๆๆ รัวๆ ท่านนายพลสุทธิเดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“อ้าวคุณ ทำไมคุณไม่ออกไปหาลูกล่ะ ลูกพาแฟนมาพบคุณด้วยนี่”
คุณหญิงตอบโดยไม่ละสายตาจากไอแผด “ฉันยุ่งอยู่
“ยุ่งยังไง เห็นเล่นเกมอยู่ตั้งนานแล้ว ออกไปพบแกหน่อยเถอะ เห็นว่าแกรีบหาเวลาว่างมาทันที”
“ออกไปแน่ค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หล่อนต้องรอก่อน เป็นเด็กต้องรอผู้ใหญ่ก็ถูกแล้ว ทีคราวที่แล้วนึกจะเลิกนัดก็เลิก นี่นึกจะมาก็มา ไม่บอกกล่าวก่อน เห็นฉันเป็นตัวอะไร”
“แกเห็นคุณเป็นตัวอะไรผมไม่รู้นะ แต่ผมเห็นคุณเป็น...”
คุณหญิงทอศรีเสียงเขียวใส่ “เป็นอะไร คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร”
ท่านนายพลเสียงอ่อนเสียงหวาน “ตัว...เอง เค้ารักตัวเองนะ”
“ไม่ตลก”
นายพลสุทธิส่ายหน้าขำๆ ในความแง่งอนของคุณหญิงภริยา

ทางด้านสรัชขยับตัวไปมาอย่างร้อนรนใจ คอยมองนาฬิกา สลับกับมองหน้าแขกคนสวยด้วยความเกรงใจ แต่ภัทร์ธีรากลับยิ้มมาให้เหมือนไม่คิดอะไรมาก แก้วน้ำดื่มและจานขนมบนโต๊ะกลางถูกกินเกือบหมดแล้ว
“พี่ไปเร่งคุณแม่ให้ดีกว่า นี่มันก็นานไปหน่อย อ้าว... น้าแต๋วมาพอดี”
แต๋วเดินเข้ามาพร้อมกับขนมจานใหม่ เปลี่ยนเสิร์ฟให้
“ขอบคุณนะคะ ขนมอร่อยมาก”
แต๋วยิ้มปลื้มดีใจ
“น้าแต๋วครับ ช่วยตามคุณแม่ให้หน่อยได้ไหมครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำธุระเสร็จรึยัง”
“คือคุณผู้หญิง...”
ภัทร์ธีราบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะน้าแต๋ว บอกท่านไม่ต้องรีบ แค่จ๋ามารบกวนท่านก็เกรงใจจะแย่แล้ว”
“แต่ว่า...”
ภัทร์ธีราจับแขนปรามสรัช
“จ๋ารอได้ค่ะพี่เอ้ นานแค่ไหนจ๋าก็รอได้ วันนี้จ๋าไม่รีบ”
“ถ้าอย่างนั้น” หนุ่มหล่อลูกชายนายพลยิ้มเย้า “น้องจ๋าก็นอนรอที่นี่สักคืนดีไหมคะ”
“พี่เอ้ อย่าพูดแบบนี้สิคะ คนอื่นจะเข้าใจผิด”
“พี่ล้อเล่นน่ะค่ะ” สรัชหัวเราะชอบใจ

ฝ่ายแต๋วมานั่งรายงานถึงภัทร์ธีราให้คุณหญิงฟังฉอดๆ
“หน้าตาสะสวย หุ่นดี นั่งคู่กับคุณหนูแล้วเหมาะกั๊นเหมาะกันค่ะ”
นายพลสุทธิยิ้มพอใจ “ก็ดีสิ”
แต่คุณหญิงกลับว่า “งั้นเหรอ”
แต๋วรายงานต่อ “ดูใจดี ใจเย็น พูดเพราะ น่ารัก อ่อนหวาน แถมมีสัมมาคารวะ”
ท่านนายพลหัวเราะชอบใจ “งั้นยิ่งดีใหญ่”
คุณหญิงยังคงตั้งแง่ “โอเว่อร์ไปรึเปล่า”
“แถมแกยังบอกอีกนะคะ ว่าจะรอจนกว่าคุณผู้หญิงจะว่าง เพราะรู้สึกผิดเรื่องนัดคราวที่แล้ว แต๋วว่าน่ารักดีนะคะ”
นายพลสุทธิถูกใจ ตบเข่าฉาด “นี่ไง เจ้าเอ้เลือกคนได้ดีนะ ใช่ไหมคุณ”
“ของแบบนี้มันต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนค่ะ ฉันถึงจะเชื่อ”
คุณหญิงทอศรียิ้มเจ้าเล่ห์

ขณะที่สรัชคุยกับภัทร์ธีราพลางดูเวลา แล้วเขาก็ลุกขึ้นด้วยท่าทางดีใจสุดขีด
“คุณพ่อคุณแม่”
ภัทร์ธีรายืนขึ้นตาม
“น้องจ๋าครับ” สรัชแนะนำสองฝ่ายให้รู้จักกันเป็นทางการ “นี่คุณพ่อ กับคุณแม่พี่ครับ ส่วนนี่ น้องจ๋า แฟนเอ้ครับ”
“สวัสดีค่ะ” ภัทร์ธีราพนมมือไหว้อย่างชดช้อยอ่อนน้อม
คุณหญิงทอศรีรับไหว้อย่างไว้ท่า ส่วนนายพลสุทธิยิ้มแย้มอย่างพึงพอใจ
“อืม ไหว้พระเถอะลูก นั่งเถอะลูก ได้ยินตาเอ้พูดถึงหนูอยู่บ่อยๆ วันนี้ได้เจอตัวจริงเสียที”
“จ๋าต้องขอโทษ ท่าน กับคุณหญิงด้วยจริงๆ นะคะ ที่วันก่อนเสียมารยาทยกเลิกนัดกะทันหัน”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก วันนั้นพ่อกับแม่ก็อยู่บ้านอยู่แล้ว ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่าคิดมากเลย เนอะคุณ”
คุณหญิงทอศรีตีหน้านิ่งขึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ใช่ไหมคุณ คุณไม่ได้โกรธใช่ไหม”
คุณหญิงทอศรีค้อนสามีที่จงใจมัดมือชกให้ตอบ และตอบรับไปอย่างถือตัวสั้นๆ
“ค่ะ”
“อีกอย่าง เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ เดี๋ยวเราก็คุ้นเคยกันมากขึ้นแล้ว ใช่ไหมเอ้”
สรัชยิ้มแก้มแทบแตก คุณหญิงทอศรีค้อนขวับ
ภัทร์ธีรายกมือไหว้ขอบคุณ “ขอบคุณท่าน เอ่อ...คุณพ่อ ที่เข้าใจนะคะ ตอนแรกจ๋าก็เกร็งๆ แต่คุณพ่อกับคุณหญิงทำให้จ๋าหายเกร็งเลยค่ะ คุณพ่อกับคุณหญิงใจดีมากๆ เพราะแบบนี้ถึงมีแต่คนเคารพนับถือ”
ได้ฟังคำชมของภัทร์ธีราเข้าไป คุณหญิงก็เริ่มมีสีหน้าอ่อนลง ท่าทางปั้นปึ่งไว้ตัวก็คลายลง
“เรียกท่านรองว่าพ่อ แล้วทำไมไม่เรียกฉันว่าแม่ด้วยล่ะ”
สรัชยิ้มดีใจ “คุณแม่”
“เอ่อ...แล้วตาเอ้ ทานอะไรหรือยัง วันนี้แม่ให้คนเตรียมของโปรดของลูกไว้ด้วยนะ”
“จริงเหรอครับ” สรัชถลาเข้าไปกอดอ้อนมารดา “คุณแม่น่ารักที่สุดเลย ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง หิวจะเป็นลมอยู่แล้วครับเนี่ย”
ท่านสุทธิมองจานขนมเปล่า “แหม...แต้วนี่แย่จริง เอาจานเปล่ามาให้นั่งดูเล่นได้ยังไง”
“เอ้อ พวกนี้น้องจ๋ากินคนเดียวหมดครับพ่อ”
“โห พี่เอ้นั่นแหละค่ะ แย่งจ๋ากินหมด”
“เอาละๆ ไม่ต้องเถียงกัน ไปกินข้าวกันเถอะ” คุณหญิงมองหน้าภัทร์ธีรา “หนูก็อยู่ทานด้วยกันสิ”
สองพ่อลูกมองหน้ากันอึ้งๆ
“ขอบคุณค่ะ”
สรัชมองหน้าภัทร์ธีราแล้วยิ้มให้ นายพลสุทธิแอบยกนิ้วโป้งให้ลูกชาย

อีกฟากหนึ่ง จิรดายืนจัดยาไปด้วย ชะเง้อมองผ่านหน้าต่างไปดูบ้านวิษธรเป็นระยะ นรินทร์นั่งมองอยู่บนรถเข็น
“ป่านนี้ยังไม่กลับ คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เผลอๆ คงจะขึ้นสวรรค์ชั้น 7 กันอยู่ เลยพากันไม่กลับมานรกนี่ซะเลย” นรินทร์หัวเราะอย่างขมขื่น
จิรดารู้ตัวหันกลับมาจัดยาแล้วส่งให้นรินทร์
“มีคุณจ๋าไปด้วย คุณจีคงไม่กล้าทำอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ รถคงติดมั้งค่ะ”
นรินทร์ลอบถอนใจรับยาจากจิรดามากำลังจะกิน มีเสียงรถแล่นเข้ามา ทั้งสองหันไปมองตามเสียง
“นั่นไงคะ พูดยังไม่ทันขาดคำ”
จิรดายิ้มร่าเริง เดินไปเกาะขอบหน้าต่าง แต่สีหน้าก็เจื่อนลงเมื่อมองลงไปเห็นว่าเป็นรถของสรัชที่มาส่งภัทร์ธีราต่างหาก

สรัชลงเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ ภัทร์ธีราก้าวลงรถยิ้มขอบคุณ
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“ด้วยความยินดีขอรับคุณผู้หญิง” สรัชโค้งส่งยิ้มทะเล้นมาให้
ภัทร์ธีราหัวเราะ “กลับดีๆ นะคะ”
“ค่ะ แล้วพี่จะพาไปเที่ยวบ้านอีกนะคะ”
“ค่า”
สรัชขับรถออกไป ภัทร์ธีราโบกมือส่ง ขยับกระเป๋าสะพายเดินเข้าบ้าน สวาทเดินออกมาพอดี ชะเง้อมองรถที่เพิ่งขับออกไปด้วยความแปลกใจ
“อ้าว ทำไมคุณจ๋าถึงกลับมากับคุณเอ้ได้ล่ะคะ แล้วคุณธรกับคุณจีล่ะ”
“นี่นายงูพิษยังไม่มาส่งอาจีอีกเหรอค่ะ” หญิงสาวหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน
“ยังค่ะ ป้าก็รออยู่ ว่าแต่ คุณจ๋าเรียกคุณธรว่าอะไรนะคะ”
ภัทร์ธีรายกมือสองข้างจับหัวทำหน้ายุ่งด้วยความแค้นใจ “โอ๊ย”
“ปวดหัวเหรอคะ”
“เจ็บใจค่ะ เสียรู้นายนั่นจนได้ โอ๊ย จ๋าไม่น่าหลงกลเลย”
คุณแม่บ้านงงใหญ่ “กลอะไร เสียรู้ใครคะ ป้าเริ่มตามไม่ทัน”
“ก็อีตาวิษธรน่ะสิคะ วางแผนพูดขัดจ๋าตอนทำงาน ตั้งใจให้จ๋าโกรธ แล้วก็แอบบอกพี่เอ้ให้มารับจ๋า พอจ๋าโกรธมากๆ ก็เลยกลับกับพี่เอ้ ทีนี้ ก็ได้อยู่กับอาจีสองต่อสองสมใจ แผนสูงสมเป็นงูพิษจริงๆ”
ยิ่งพูดคุณหนูจ๋าก็ยิ่งของขึ้น
“คุณจ๋า ไปเรียกคุณวิษธรแบบนั้นได้ยังไงคะ”
ภัทร์ธีราทำหน้ารั้นไม่พอใจเหมือนเด็กๆ เดินเข้าบ้านไป สวาทส่ายหน้าระอากึ่งขำๆ


ป้าหวาดส่งน้ำให้ตรงหน้า ภัทร์ธีราบ่นเรื่องวิษธรต่อ
“วิษธรแปลว่างูพิษจริงๆ นะคะ”
สวาทหัวเราะลั่น “อย่ามาอำป้าเลยค่ะ คนอะไรจะชื่องูพิษ”
“ป้าหวาดไม่เชื่อใช่ไหมคะ”
ภัทร์ธีรากดโทรศัพท์ยุกยิกครู่หนึ่งแล้วยื่นไปตรงหน้าสวาท
“เชื่อรึยังคะ น้องจ๋าถามกู๋มาเรียบร้อย มีหลักฐานชัดเจน”
สวาทส่ายหน้าขำในความพยายามหาหลักฐานของอีกฝ่าย
“ค่าๆ ป้าเชื่อก็ได้ แต่ฟังไปฟังมาก็เพราะดีออกนะคะ คุณแม่คุณธรก็เข้าใจตั้ง คงตั้งใจให้เก่งมีพิษสงรอบตัว แบบเก่งรอบด้าน ใครๆ ก็ไม่กล้าแหยม ป้าว่าเท่ เหมาะกับคุณธรดีนะคะ”
ภัทร์ธีราอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมคะ ป้าพูดจริงนะ”
“ค่าๆ น้องจ๋าเชื่อก็ได้ ว่าป้าหวาดน่ะรู้จักคุณวิษธรดีมาก จนรู้ไปถึงความรู้สึกแม่เขาตอนตั้งชื่อเลย นี่ถ้าอายุเท่ากัน จ๋าคงจิ้นให้เป็นแฟนกันไปแล้วนะคะ”
สวาทหัวเราะทั้งขำทั้งเขิน “คุณจ๋าพูดอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ป้าแก่จนเป็นแม่เป็นยายคุณวิษธรได้แล้วนะคะ ไม่เอาแล้ว ป้าไม่คุยด้วยแล้วดีกว่า”
ป้าหวาดเดินหายไปทางหลังบ้าน ภัทร์ธีราขำตาม

พอรถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าตึกบ้านรมย์ฤดีตอนเย็นวันนั้น วิษธรลงรถมาเปิดประตู พลางยื่นมือให้พรพจีจับก้าวลงจากรถ
ระหว่างนี้ เหมือนมีใครแอบดูวิษธรกับพรพจีอยู่จากหน้าต่างชั้นบน
ขณะที่พรพจีจูงมือวิษธรเข้าไปในบ้านด้วยกันนั้น จู่ๆ ข้าวของอาทิ หนังสือ จาน ชาม ขวดน้ำ ก็ถูกปาลงมาใส่พรพจีอย่างจงใจ
“จี ระวัง”
วิษธรเห็น รีบเข้าไปกอดปกป้องพรพจีเอาไว้ ข้าวของประดามีจึงถูกปาใส่เขาไม่หยุดยั้ง ทั้งสองกอดกันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
จนเมื่อทุกอย่างสงบ วิษธรจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหาที่มา แก้วใบสุดท้ายก็ถูกปามาโดนหัววิษธรจังๆ แก้วตกแตกกระจายเสียงดังเพล้ง!
เป็นผลงานของนรินทร์ที่นั่งบนรถเข็นชะโงกหน้ามามองจากระเบียงห้องอย่างสะใจ
วิษธรยกมือกุมหัวตัวเองมองนรินทร์นิ่งๆ
“ธร เป็นอะไรรึเปล่าคะ” พรพจีตกใจประคองเขาอย่างเป็นห่วง ก่อนจะมองตามสายตาวิษธรขึ้นไปพอเห็นเป็นผลงานของสามีก็โมโหสุดขีด “คุณนรินทร์ ทำบ้าอะไรของคุณ ถ้าธรเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“จีใจเย็นก่อนนะ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณรินทร์คงไม่ตั้งใจหรอก”
“โยนข้าวของมาขนาดนี้ ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอคะ”
วิษธรละมือออกจากศีรษะ จับแขนปลอบพรพจี
“เข้าบ้านก่อนเถอะครับ ตรงนี้เศษแก้วเต็มไปหมดเดี๋ยวจะบาดคุณเข้า”
เมื่อเห็นวิษธรมีเลือดไหลซึมออกมาจากแผลบริเวณหน้าผาก พรพจีก็ตกใจมาก
“ตายแล้วธร คุณเลือดออกนี่ รีบเข้าบ้านไปทำแผลเถอะค่ะ”
พรพจีรีบพาวิษธรเข้าบ้านไป
นรินทร์มองตามไป กำมือแน่น แล้วทุบรถเข็นเปรี้ยงระบายความโกรธแค้น
จิรดายืนดูเหตุการณ์อยู่ในมุมที่ไม่มีใครเห็นตั้งแต่ต้น พยาบาลสาวมีสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องจะรุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออกขนาดนี้


พรพจีพยุงพาวิษธรมาลงนั่งในห้องโถงด้วยความเป็นห่วง พลางใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอกดห้ามเลือดให้วิษธร
“นั่งตรงนี้ก่อนนะคะ เลือดออกมากกว่าเดิมอีก ฉันว่าไปโรงพยาบาลดีกว่า”
“ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ แผลนิดหน่อยแค่นี้ถ้าต้องไปโรงพยาบาล ผมคงต้องหากระโปรงมาใส่แล้ว”
“ยังจะพูดเล่นอีก จีเป็นห่วงจริงๆ นะ”
“แค่ทำแผลก็พอครับ ผมก็พูดจริงๆ นะ”
สวาทเดินเข้ามาเห็นก็ร้องอุทานด้วยความตกใจ
“คุณพระ นั่นคุณธรเลือดออกด้วยนี่”
“น้าหวาดช่วยเอากล่องปฐมพยาบาลให้จีหน่อยค่ะ”
สวาทพยักหน้าแล้วรีบร้อนออกไป สวยสวนเข้ามาพอดี ตกใจไม่ต่างกัน
“คุณพระช่วยลูกช้างด้วย นั่นคุณธรเลือดออกด้วยนี่ มาจากเสียงโพล้งเพล้งหน้าบ้านเมื่อกี้เหรอคะ”
“โอ๊ย นังนี่ ไม่ใช่เรื่อง รีบวิ่งไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาเร็วๆ ไป”
สวาทสั่งเร็วปรื๋อ สวยรีบวิ่งออกไป
“เดี๋ยวป้าทำแผลให้นะคะ คุณวิษธร”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวจีทำเอง” พรพจีหันไปสบตาวิษธรหวานซึ้ง “จีเป็นต้นเหตุทำให้ธรเจ็บ จีต้องรับผิดชอบค่ะ”
ภัทร์ธีราเดินมาเห็น ทำท่าเหมือนจะเดินเข้าไปสมทบ แต่แล้วก็ตัดสินใจถอยหลังหลบออกไป

ภัทร์ธีราเดินออกมาอีกมุม เจอจิรดายืนแอบมองอยู่ จิรดาจะหลบแต่หลบไม่ทัน
“พี่ดามายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้เหรอคะ”
“คือ คุณรินทร์ให้ดามาดูอาการคุณวิษธรน่ะค่ะ พอดีคุณรินทร์เผลอทำของหลุดมือหล่นลงไปโดนคุณวิษธรเข้า คุณรินทร์เป็นห่วงมาก บอกว่าถ้ามีแผลก็ฝากให้ดาช่วยดูด้วย งั้น ดาขอตัวไปดูคุณธรก่อนแล้วกันนะคะ”
ภัทร์ธีรามองตามจิรดาไปอย่างสงสัย

พรพจีทำแผลให้วิษธรด้วยท่าทางเงอะงะ จิรดาเดินเข้ามา
“ให้พยาบาลทำให้น่าจะปลอดภัยกว่านะคะ”
จิรดาขอกล่องปฐมพยาบาลมาจากพรพจี แล้วนั่งลงอีกข้าง พรพจีไม่พอใจ แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้
“ไหนดาขอดูหน่อยนะคะ”
พยาบาลสาวตรวจดูแผลอย่างใกล้ชิดคุยข่มพรพจีอยู่ในที พลางทำแผลให้อย่างคล่องแคล่ว
“จริงๆ ถ้าหัวโดนกระแทกจนเกิดบาดแผลควรรีบไปโรงพยาบาลให้คุณหมอดูนะคะ คุณหมอจะได้ประเมินให้ได้ว่าอันตรายมากน้อยแค่ไหน ถ้าแผลลึกถึงกะโหลกก็ต้องเอ็กซเรย์ ดาดูแล้วแผลไม่ลึก โชคดีที่ไม่ต้องเย็บ คุณธรเจ็บมากไหมคะ ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวดาทำแผลให้ก็หายแล้ว”
พรพจีมองอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณดาแน่ใจเหรอคะว่าแผลไม่ลึก ทำไมเลือดถึงออกมากแบบนั้นล่ะคะ”
“คงเป็นเพราะตอนแรกกดเลือดไม่ตรงจุด แทนที่เลือดจะหยุด เลยออกมาเยอะแทน ต้องกดห้ามเลือดก่อนจนกว่าเลือดจะหยุดไหลนะคะ” จิรดามองสบตาวิษธร “ทีหลังถ้าคุณธรเป็นอะไรอีก เรียกหาดาได้เลยนะคะ”
พรพจีรู้ทันว่าจิรดาว่ากระทบเธอ แต่ทำได้แค่คุมแค้นจ้องมองด้วยความเจ็บใจ


นรินทร์นั่งเอามือกุมขมับอยู่บนรถเข็น ขณะภัทร์ธีราเปิดประตูเข้ามาในห้อง เคาะประตูเบาๆ เชิงขออนุญาต
“อารินทร์คะ”
“น้องจ๋า อา...อาไม่รู้ว่าของพวกนั้นมันหล่นลงไปได้ยังไง อาแค่พยายามจะช่วยจิรดาถือ แล้วมันก็... มันก็...พลัดตกลงไป อาไม่ได้ตั้งใจ”
ภัทร์ลงนั่งข้างๆ รถเข็น “อารินทร์อย่าคิดมากนะคะ ไม่มีใครโทษอารินทร์เลย ทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“แต่อาจีของน้องจ๋าไม่ได้เข้าใจแบบนั้นนี่ อามันเลวเสมอในสายตาเขา”
“อาจีแค่เข้าใจผิดน่ะค่ะ รอให้อารมณ์ดีแล้วเดี๋ยวจ๋าจะไปพูดให้ จ๋าเชื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้นแน่นอนค่ะ”
“ขอบใจน้องจ๋ามากนะลูก มีแค่น้องจ๋าเท่านั้นที่เข้าใจอา ว่าแต่ นายวิษธรเป็นยังไงบ้างลูก เป็นหนักรึเปล่า อากังวลน่ะ”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แผลนิดเดียวเอง”
“แล้วใครทำแผลให้”
ภัทร์ธีราอึกอัก “เอ่อ...คือ...”
นรินทร์รู้คำตอบ “จีสินะ อาคิดอยู่แล้ว”
“น้องจ๋าเห็นพี่ดาเดินไปดูแล้ว เดี๋ยวพี่ดาคงเป็นคนจัดการแหละค่ะ อารินทร์อย่าคิดมากนะคะ”
ภัทร์ธีราลูบหลังลูบไหล่ปลอบนรินทร์ โดยไม่เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสะใจของอีกฝ่าย

ที่ห้องโถงชั้นล่าง จิรดาติดผ้าก๊อซปิดแผลของวิษธรอย่างเรียบร้อยและคล่องแคล่ว
“เสร็จแล้วค่ะ อย่างน้อยควรทำแผลทุกวันจนกว่าแผลจะปิดดีนะคะ ป้องกันการติดเชื้อ เดี๋ยวดาเป็นคนทำให้ก็ได้ค่ะ งานถนัดดาอยู่แล้ว”
“ขอบคุณคุณดามากนะครับ” เขาลุกขึ้นบอกลาทุกคน “หมดเรื่องแล้วผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ทำให้ตกใจไปหมด”
“ฉันต่างหากค่ะที่ต้องขอโทษแทนคุณรินทร์” พรพจีบอก
“ป้าว่าคุณรินทร์เธอไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะคุณธร ถึงแกจะใจร้อนไปบ้าง แต่คงไม่ถึงขึ้นทำร้ายใครหรอกค่ะ” สวาทว่า
“ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวดาเดินไปส่งคุณธรนะคะ อยากเช็คอาการ จะดูด้วยว่าผ้าพันแผลโอเคหรือเปล่า เวลาเดินจะหลุดง่ายไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินกลับเองได้ ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ผ้านี่ก็ดูแน่นดี”
“คนป่วยห้ามดื้อกับพยาบาลนะคะ”
เห็นจิรดาตื๊อจะตามไปให้ได้ พรพจีทนไม่ไหว พูดข่มให้จิรดารู้สึกตัว
“ดาจ๊ะ คุณธรเป็นแขกของฉัน ให้ฉันไปส่งเองดีกว่า ส่วนคุณเป็นพยาบาลประจำตัวคุณรินทร์ มีหน้าที่อยู่ดูแลคุณรินไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
จิรดายังไม่ยอมแพ้ “แต่คุณรินทร์เป็นคนสั่งให้ดามาดูคุณธรเองนะคะ เธอรู้สึกแย่มาที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ช่วงนี้เธอคงมีเรื่องเครียดจัด จนมืออ่อนทำของหล่นโดยไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ น่าสงสารมากเลยนะคะ”
สวาทมองหน้าพรพจี
“คุณจีเข้าไปดูเธอหน่อยดีไหมคะ”
พรพจีไม่อยากไป แต่ไม่อยากตอบโต้อะไรอีก เพราะก็จะดูไม่ดี จึงเงียบเสีย

จิรดาเดินมาส่งวิษธรถึงในบ้าน
“ขอบคุณมากนะครับ”
“คุณคงตกใจน่าดูเลยนะคะวันนี้ แถมต้องมาเจ็บตัวอีก”
“นิดหน่อยน่ะครับ ผมรู้ว่าคุณนรินทร์ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร”
“ดารู้ว่าไม่ควรพูด แต่ดาเห็นคุณธรเจ็บตัวแบบนี้ดาทนไม่ได้” จิรดาทำเป็นอึดอัดเหมือนไม่อยากพูดมองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นจึงบอกว่า “จริงๆ แล้วมันไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกค่ะ คุณรินน่ะตั้งใจทำร้ายคุณเลยนะคะ คงโกรธเพราะหึง แต่ที่คุณรินต้องแกล้งทำเป็นไม่ตั้งใจเพราะกลัว คุณจีโกรธแล้วไม่คุยกับเขาอีก คุณรินน่ะ รักคุณจีมากเลยนะคะ มากถึงขนาดที่ยอมทำทุกอย่าง”
วิษธรมองหน้าพยาบาลจอมเสี้ยมด้วยสายตานิ่งเฉย อ่านไม่ออก “น่าสงสารคุณรินทร์นะครับ”
“ใช่ค่ะ ดาสงสารคุณรินทร์มาก ถ้าคุณจีหันมาสนใจดูแลคุณรินทร์บ้าง มันคงไม่เป็นแบบนี้ คุณรินทร์รักคุณจีมากนะคะ อยากให้คุณจีสนใจบ้าง ยิ่งคุณรินทร์มีสภาพร่างกายอย่างนี้ สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ ถ้าวันหนึ่งคุณจีทิ้งคุณรินทร์ไปจริงๆ เธอก็คงอยู่ไม่ได้ น่าสงสารมากๆ เลยว่าไหมคะ”
“ผมเห็นคุณจีดูแลคุณนรินทร์อย่างดีมาตลอดนะครับ อาจจะเป็นเพราะคุณนรินทร์ป่วยด้วยทำให้คิดมาก และอารมณ์ร้อน คุณจีก็น่าสงสารนะ”
จิรดาจ้องตาวิษธรเขยิบเข้าไปใกล้ๆ “แล้วดาล่ะค่ะ คุณธรสงสารดาบ้างไหม”
“คุณดาทำดีแล้ว ทำต่อไปนะครับ”
จิรดากับวิษธรมองตากันนิ่ง จิรดาเคลิ้มเหมือนอยู่ในภวังค์

พรพจีเดินเข้ามาด้วยความหงุดหงิด โพล่งออกไปโดยไม่ทันได้มอง
“คุณรินทร์”
ภัทร์ธีราและนรินทร์หันมา พรพจีเห็นภัทร์ซึ่งตอนแรกนรินทร์บังอยู่ เลยปรับสีหน้าเป็นยิ้ม
“อาไม่รู้ว่าน้องจ๋าจะอยู่ด้วย”
“จ๋ามาอยู่เป็นเพื่อนอารินน่ะค่ะ”
“น้องจ๋า อาขอคุยกับอารินสองคนได้ไหมจ๊ะ”
ภัทร์ธีราเข้าใจว่าพรพจีจะมาปรับความเข้าใจกับนรินทร์
“ได้สิคะอาจี จ๋าไปก่อนนะคะอารินทร์” ภัทร์ธีราส่งสายตาเป็นกำลังใจให้นรินทร์แล้วออกไป
รอจนภัทร์ธีราเดินออกไปแล้วปิดประตูห้อง
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา”
“คุณตั้งใจใช่ไหม”
นรินทร์ทำไก๋ “ตั้งใจอะไร”
“คุณตั้งใจจะทำร้ายฉัน ดีนะที่ธรอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่มีธรป่านนี้คุณคงฆ่าฉันตายไปแล้ว”
“หยุดพูดชื่อมันซักที ทำเป็นอ้างเรื่องโน้นเรื่องนี้ เหอะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้ทันมึง” นรินทร์หยาบคายใส่
“คุณนั่นแหละหยุดได้แล้ว”
“ทำไม ทนฟังเรื่องจริงไม่ได้เหรอ เรื่องจริงที่มึงเบื่อผัวแก่พิการอย่างกูแล้วอยากจะลองมีผัวเด็ก ยอมรับความร่านของตัวเองไม่ได้หรือไง สักวันหนึ่งเถอะ มึงจะโดนเด็กมันหลอกเอา กูจะรอสมน้ำหน้า”
พรพจีสวนกลับ “ไม่มีทาง ธรไม่มีวันหลอกฉัน คนที่หลอกฉัน คือแกต่างหาก”
นรินทร์ชี้หน้าด่า “มึงนั่นแหละที่หลอกทุกคน ว่ามึงกับมันเป็นแค่หุ้นส่วนกัน มึงนั่นแหละที่ตอแหล”
“ใครกันแน่ที่โดนหลอก” พรพจีชี้ตัวเองระเบิดอารมณ์ใส่อย่างขมขื่นใจ “ฉันไง พรพจีคนโง่คนนี้ไง โง่ที่เชื่อใจ โง่ที่ไว้ใจ สุดท้ายก็เป็นควายให้แกสวมเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ใครกันล่ะที่บอกจะรักฉันคนเดียว ใครกันล่ะที่บอกจะทำเพื่อฉัน แต่กลับนอกใจฉัน เอาเงินที่ควรจะเป็นของฉันไปผลาญกับอีตัวชั้นต่ำ แกไม่ใช่รึไงที่เป็นคนทำเรื่องชั่วๆ พวกนี้กับฉัน”
นรินทร์ตวาดลั่น “หยุดนะ!”
พรพจีนัยน์ตาแดงก่ำ พยายามข่มอารมณ์ ไม่อยากให้เรื่องเลวร้ายไปมากกว่านี้
“ที่ผ่านมาฉันแกล้งหลับหูหลับตา ก็เพื่อคุณทั้งนั้น แต่สิ่งเดียวที่ฉันได้จากคุณก็คือการหักหลัง ฉันเคยขอร้องคุณ อ้อนวอนคุณ แต่คุณก็...”
“กูบอกให้หยุด” นรินทร์ตะวาดลั่น ดูเหมือนเขาจะเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ มือสั่น ร่างเกร็ง
“ฉันไม่หยุด ก็เพราะความชั่วของคุณ ทำให้คุณต้องมานอนพิการอยู่อย่างนี้ไง”
“กูบอกให้มึงหยุดพูด หยุดพูด หยุดเดี๋ยวนี้ หยุด” นรินทร์เอามืออุดหูคล้ายไม่อยากฟัง ก่อนจะอาละวาดคว้าของใกล้ๆ มือขว้างใส่พรพจีพัลวัน
พรพจีไม่หลบ ระเบิดหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา “ทำไม ทนฟังความจริงไม่ได้เหรอ นี่ไง นี่ไงล่ะ เรื่องจริงที่คุณไม่ยอมฟัง”
นรินทร์ยังคงทุบตีทำร้ายตัวเอง พร้อมกับตะเพิดเสียงดังลั่น
“ออกไป”
ภัทร์ธีราได้ยินเสียงเอ็ดตะโร วิ่งเข้ามาในห้องด้วยความตื่นตกใจ
“นี่มันอะไรกันคะ” ภัทร์ธีรารีบเข้าไปดูอา พยายามจับมือนรินทร์ห้ามไม่ให้ทำร้ายตัวเอง “ไม่เอาค่ะ อาริน ใจเย็นๆ นะคะ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ”
ภัทร์ธีราเข้าไปดึงนรินทร์ไว้ พรพจีเดินออกไปในสภาพน้ำตานองหน้า


จิรดาขยับตัวเข้าใกล้วิษธรมากขึ้น ส่งสายตาหวานซึ้งมาให้
“ผ้าพันแผลคุณดูหลวมจังเลย ดาอยากทำให้มันแน่นๆ น่ะค่ะ ขอดาดูใกล้ๆ ได้ไหมคะ”
พร้อมกับว่าพยาบาลสาวจับผ้าพันแผลตรงหน้าผากของเขาเบาๆ ค่อยๆ ไล้นิ้วมาตามใบหน้าในกิริยาอันยั่วยวน
“ถ้าผ้าพันแผลอันนี้หลุดไป ดาคงเสียดายแย่”
จิรดายื่นหน้าเข้ามาใกล้ช้าๆ จนปากเกือบจะชนปากวิษธรรอมร่อ แต่แล้วดันมีเสียงเอะอะดังมาจากบ้านรมย์ฤดี ทำให้วิษธรสบช่องผละออกจากจิรดาทันที
“สงสัยจะเกิดเรื่อง รีบไปดูดีกว่าครับ”
วิษธรลุกวิ่งออกไป จิรดามองตามกระแทกเท้าปึงปังด้วยความเจ็บใจ

พรพจีวิ่งเข้ามาในห้องนอน ปิดประตูดังปัง ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงทิ้งตัวลงนอนร้องไห้ จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณจีคะ คุณจี นี่น้าเอง น้าเข้าไปนะคะ
สวาทเปิดประตูเข้ามาเห็นสภาพพรพจีก็โผเข้าไปกอดปลอบ
“โถ คุณจี ไม่เป็นไรนะคะ คราวนี้แรงเหรอคะ”
พรพจีสะอื้นไห้ พยายามกลั้นอารมณ์ พร่ำรำพันความอัดอั้นออกมาอยากเหลืออด
“จีทนไม่ไหวแล้วค่ะน้าหวาด จีไม่ไหวแล้ว จีจะหย่า พรุ่งนี้เลย”
“ใจเย็นก่อนค่ะคุณจี คิดให้ดีก่อน น้าเข้าใจคุณจีนะ ว่าเจอแบบนี้ต้องเครียด เป็นธรรมดา แต่คุณจีก็รู้ว่าเป็นเพราะคุณรินทร์เธอพิการ เธอเสียทุกอย่างที่เคยมีไป ก็ต้องเครียดมากๆ เหมือนกัน เลยอาจจะอารมณ์เสียใส่คุณจีบ่อย แต่ถ้าคุณจีรอให้อารมณ์เย็นทั้งคู่ อาจจะเข้าใจกันมากขึ้นนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะน้าหวาด เขาไม่เคยฟังจีมานานแล้วไม่ว่าจะพิการหรือไม่ เขาเป็นแบบนี้มานานแล้วน้าหวาดก็รู้ จีทนอยู่ในนรกต่อไปไม่ไหวแล้ว ใครจะว่าเลว จีก็ยอม”
“คุณจี”
สวาทดึงพรพจีเข้ามากอดปลอบประโลมด้วยความเข้าใจและสงสาร สักครู่หนึ่งพรพจีปาดเช็ดน้ำตา ทำเป็นเข้มแข็ง ไม่อยากให้สวาทเป็นห่วง
“น้าหวาดไปนอนเถอะนะคะ จีไม่เป็นอะไรแล้ว”
สวาทมองพรพจี เดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ก่อนจะหอบความกังวลเดินจากออกไป

ด้านภัทร์ธีราพยายามจับสองมือนรินทร์ที่พยายามจะทำร้ายตัวเอง ร้องห่มร้องไห้โวยวายไม่หยุด
“ปล่อยอา น้องจ๋าปล่อยอาเถอะ อาอยากตาย ตายให้พ้นๆ ไปซะที”
“อารินทร์ใจเย็นๆ นะคะ” ภัทร์ธีรากอดปลอบ รั้งมือนรินทร์เอาไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง “อย่าเป็นแบบนี้เลยนะคะ อารินทร์ อย่าค่ะ นี่น้องจ๋าไงคะ อารินทร์หายใจลึกๆ นะคะ นั่นแหละค่ะ ดีค่ะ”
ภัทร์ธีราดันตัวนรินทร์ออกเพื่อสำรวจดูอาการ ฝืนยิ้มให้กำลังใจ
“เดี๋ยวจ๋าจะไปหาอะไรอุ่นๆ มาให้ทานนะคะ”
นรินทร์ก้มหน้าลงคล้ายพยักหน้ารับเอาคำหลาน ภัทร์ธีราโล่งอก หันหลังกำลังจะเดินออกประตูไป แต่แล้วเสียงโครมก็ดังขึ้นทำให้ต้องหันไปดู
“อาริน”
รถเข็นล้มคว่ำเค้งเก้ง นรินทร์พยายามปีนป่ายหน้าต่างขึ้นไปได้ครึ่งตัวแล้ว เหมือนคนจะฆ่าตัวตาย
ขณะที่พรพจีนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงนอนนั้น มีเสียงเรียกดังขึ้น
“จี”
พรพจีหันไปหาสวมกอดวิษธรไว้แน่นร้องไห้โฮอย่างคับแค้นใจ
“ธร”
วิษธรลูบไหล่พรพจีเบาๆ “ผมอยู่นี่แล้วนะครับ ไม่ต้องกลัว”
“ฉันไม่อยากอยู่อย่างนี้อีกแล้ว ฉันอยากหนีออกไปจากชีวิตเขาฉันอยากอยู่กับธรเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย”
พรพจีกอดวิษธรแน่นขึ้นกว่าเดิม วิษธรลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนไปมา


ตอนเข้าไป วิษธรไม่ได้ปิดประตู จิรดายืนอยู่หน้าห้องพรพจี มองเข้าไปด้านในเหมือนคนเสียใจ แต่แล้วแววตากลับวาวโรจน์เปลี่ยนเป็นโกรธแค้น พยาบาลสาวใช้มือถือกดถ่ายคลิปวิดีโอ ภาพตอนพรพจีกับวิษธรกำลังกอดกัน
จิรดาขึงตามองจ้องวิดีโอที่บันทึกอย่างมาดร้าย แต่จู่ๆ ก็มีมือมาแตะที่ไหล่หมับ จิรดาสะดุ้งเอามือปิดปากแล้วหันไป เป็นสวาทจับไหล่มองจิรดาเขม็ง
“คุณดาคะ”
เมื่อเห็นเป็นสวาท จิรดาลุกลี้ลุกลนเก็บโทรศัพท์
“น้าหวาด”
“ตอนนี้คุณรินทร์เธออาการหนักมาก ไปช่วยดูหน่อยเถอะค่ะ”
สวาทบอกเสียงเรียบแล้วเดินนำไป จิรดามองเข้าไปในห้องพรพจีอย่างเสียดายโอกาส

สองคนอยู่ในห้องนอนพรพจีบนตึก วิษธรค่อยๆ คลายวงแขนออกจากพรพจี แล้วเช็ดน้ำตาให้อย่างออนโยน
“ผมจะอยู่ตรงนี้ รอจีอยู่ตรงนี้ ผมจะทำทุกอย่างให้เราได้อยู่ด้วยกัน จีรู้ใช่ไหมว่าผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ”
“จีอยากอยู่กับธร อยู่ที่นี่กับจีนะคะ”
พรพจีสวมกอดวิษธรอีกครั้ง
“ผมก็อยากอยู่กับจี อยากดูแลจี แต่ถ้าผมอยู่ด้วยคืนนี้ มันคงไม่ดีกับคุณแน่ๆ”
“ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันแคร์แค่ธร แค่ธรคนเดียว”
“แล้วน้องจ๋าล่ะครับ จีไม่แคร์เหรอ”
พรพจีนิ่งงันไป ก่อนจะถอนตัวออกจากอกวิษธร

นรินทร์ดิ้นพล่านไม่หยุด ร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด สวาทกับภัทร์ธีราช่วยกันจับตัวไว้
“ปล่อยฉัน ปล่อยให้ฉันตายไปให้พ้นๆ ฉันอยากตาย”
จิรดาแทงเข็มไปที่แขนนรินทร์อย่างเชี่ยวชาญ นรินทร์ดิ้นจนค่อยๆ อ่อนแรงลง และหลับตาไปในที่สุด ภัทร์ธีราปิดปากถอนสะอื้น พยายามไม่ร้องไห้ออกมา
“อารินทร์ตื่นมาจะเป็นแบบเดิมอีกไหมคะป้าหวาด จ๋ากลัวจัง”
“เราจะช่วยกันมาดูนะคะ เธอจะได้ไม่ต้องคิดมาก”
ภัทร์ธีราจับมือนรินทร์ด้วยความสงสาร

ขณะเดินร้องไห้ลงมาที่โถงหน้าบันได ภัทร์ธีราเจอวิษธรเข้าโดยคาดไม่ถึง ความโกรธความเกลียดแล่นลิ่วสู่อก เธอหันหน้าหนี รีบปาดเช็ดน้ำตาโดยเร็ว แล้วหันกลับมาเผชิญหน้าใหม่อย่างเอาเรื่อง
“กลับมาอีกทำไม! อ๋อ มาดูผลงานตัวเองสินะ คงจะมีความสุขมากสิท่า ที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวคนอื่นเค้าแตกแยกอย่างนี้”
“ไม่ว่าผมจะพูดยังไง คุณก็มีอคติกับผมอยู่แล้ว”
“เพราะฉันรู้ทันนายต่างหาก ฉันรู้นะว่านายมีแผนอะไรอยู่ในใจ ถ้านายพอจะยังมีคุณธรรมอยู่บ้าง ฉันขอร้องล่ะ ออกไปจากชีวิตอาจีเถอะ”
“ผมคงทำอย่างที่คุณขอไม่ได้” วิษธรบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันก็พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว เพราะคนอย่างนายมันเห็นแก่ได้ งูพิษ”
“ถ้าคุณอยากจะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าที่ผมยังไปไม่ได้ เพราะคุณจีเค้ายังต้องการความช่วยเหลือจากผมอยู่ ผมคงทิ้งเค้าไปตอนนี้ไม่ได้หรอก”
“ช่วย ช่วยเหรอ ช่วยให้ครอบครัวเค้าแตกแยกน่ะสิไม่ว่า อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย ทุกอย่างที่นายทำ ฉันก็ทำเองได้ทั้งหมด ฉันนี่แหละจะเป็นคนดูแลอาจีเอง”
“ถ้าทำได้จริงๆ คุณจีคงให้คุณทำไปแล้วล่ะ” วิษธรยิ้มมุมปากแล้วเดินจากไปทันที
ทิ้งให้ภัทร์ธีรายืนตัวสั่น เจ็บใจที่โดนดูถูก เธอกำมือจนแน่น ตะโกนไล่หลังไปสุดเสียง
“คอยดูแล้วกัน สักวันนายจะเสียใจที่พูดกับฉันแบบนี้”

วิษธรยิ้มเย้ยพาตัวเองเดินจากไปโดยไม่แยแส คิดในใจว่าเขาเองก็จะคอยดู!

อ่านต่อ ตอนที่ 5

#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น