1.กล่าวนำ
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา (2017) ได้เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามกีฬาแมนเชสเตอร์(รูปที่ 1) ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ในช่วงที่มีการแสดงคอนเสิร์ตของ Ariana Grande นักร้องขวัญใจวัยรุ่นชาวอเมริกัน รายงานข่าวระบุว่า มือระเบิดฆ่าตัวตาย คือ Salman Ramadan Abedi เป็นชาวอังกฤษมุสลิม (รูปที่ 2) อายุ 22 ปี เกิดในอังกฤษ โดยมีพ่อแม่เป็นชาวลิเบียที่อพยพเข้ามาอยู่ในอังกฤษ
รูปที่ 1 สนามกีฬาแมนเชสเตอร์
*http://heavy.com/news/2017/05/salman-abedi-manchester-ariana-grande-concert-attack-suspect-name-photos-isis/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
รูปที่ 2 Salman Ramadan Abedi
*http://heavy.com/news/2017/05/salman-abedi-manchester-ariana-grande-concert-attack-suspect-name-photos-isis/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
การวางระเบิดในครั้งนี้ ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 22 คน และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 59 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีผู้ที่อายุน้อยที่สุด 8 ปี คือ Saffie-Rose Roussos ในรูปที่ 3 ซึ่งกำลังเรียนที่ Tarleton Community Primary School ในเมืองแมนเชสเตอร์ Saffieไปดูการแสดงคอนเสิร์ตกับคุณแม่ Lisa Roussos และพี่สาวของเธอ Ashlee Bromwich ซึ่งมีอายุประมาณ 20 ปีต้นๆ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆที่ครอบครัวนี้ไปกันสามคน แต่รอดชีวิตกลับบ้านได้เพียงสองคน นี่คือ ความโหดร้ายของการก่อการร้ายที่ผู้เคราะห์ร้ายและสมาชิกครอบครัวไม่ว่าชาติใดๆ จะต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รูปที่ 3 Saffie-Rose Roussos
*http://www.telegraph.co.uk/news/2017/05/23/victims-manchester-terror-attack/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ในบทความเรื่องนี้ได้มีผู้อ่านสอบถามและเร่งเร้าให้ผู้เขียนรีบเขียนให้เสร็จโดยเร็ว แต่เนื่องจากต้องรอผลการสืบสวนสอบสวน และข้อมูลต่างๆ จากทางรัฐบาลและสื่อมวลชนอังกฤษ ผู้เขียนเลยตัดสินใจว่า จะเขียนเรื่องนี้เป็นตอนๆ ไปตามข้อมูลและผลการสืบสวนสอบสวนที่ทยอยรายงานออกมา โดยในตอนที่หนึ่งจะกล่าวเกี่ยวกับวันที่เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย, ความเป็นมาของมือระเบิดฆ่าตัวตายและครอบครัว และเหตุผลที่ต้องปฏิบัติการระเบิดฆ่าตัวตายในครั้งนี้
2. วันเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย
ในวันที่ 22 พ.ค. 2017 ก่อนเวลา 22:30 น. Salman Ramadan Abedi (แต่งตัวดังในรูปที่ 4) มือระเบิดฆ่าตัวตายได้นำระเบิดแสวงเครื่อง (ซึ่งมีส่วนประกอบของตะปูเกลียว วงแหวนเหล็ก เศษเหล็กต่างๆ) ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายสีฟ้า (ยี่ห้อ Karrimor- รูปที่ 5) โดยได้เดินจากสถานีรถไฟ Victoria มาตามทางเดินเข้าสู่บริเวณห้องโถงของสนามกีฬาแมนเชสเตอร์
รูปที่ 4 การแต่งตัวของ Salman ในวันปฏิบัติการระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามกีฬาแมนเชสเตอร์
*http://www.bbc.com/news/uk-40072786 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
รูปที่ 5 เศษชิ้นส่วนกระเป๋า Karrimor สะพายสีฟ้า (Back Pack)*
*https://www.nytimes.com/interactive/2017/05/24/world/europe/manchester-arena-bomb-materials-photos.html?_r=1 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
การแต่งตัวของ Salman Ramadan Abedi ในรูปที่ 4 ได้ชี้ให้เห็นว่า Salman ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี โดยสะพายกระเป๋าที่มีระเบิดแสวงเครื่องในรูปที่ 5 ไว้ภายในกระเป๋า และได้เข้ามายืนรอคอยในบริเวณห้องโถงที่ผู้ชมการแสดงคอนเสิร์ตส่วนใหญ่กำลังเดินออกจากสนามกีฬาแมนเชสเตอร์ ภายหลังเสร็จสิ้นการแสดงคอนเสิร์ตแล้ว และในบริเวณห้องโถง (ในรูปที่ 6) ซึ่งเป็นที่ขายบัตรเข้าชมการแสดง จะมีผู้ปกครอง พ่อแม่ ญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ มาคอยรอรับผู้เข้าชมการแสดงเป็นจำนวนมาก
รูปที่ 6 บริเวณห้องโถงของสนามกีฬาแมนเชสเตอร์ที่มีทางออกจากสนาม*
ต่อมาในเวลาประมาณ 22.30 น. ภายหลังจากการแสดงคอนเสิร์ตเสร็จสิ้นลง ผู้เข้าชมต่างทยอยกันออกจากสนามกีฬาซึ่งมีทางออก 4 ทางออก แต่มีผู้ชมบางส่วนใช้ทางออกที่มุ่งสู่บริเวณห้องโถงที่เป็นที่ขายบัตร และยังเป็นเส้นทางที่ไปสู่สถานีรถไฟ Victoria ดังแสดงในรูปที่ 6
ในขณะที่ผู้ชมเดินเข้ามาในบริเวณห้องโถงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น Salman ซึ่งได้รอคอยโอกาสนี้อยู่แล้ว จึงได้จุดระเบิดแสวงเครื่องที่อยู่ในกระเป๋าสะพายทันที ดูรูปที่ 7 ผลจากแรงระเบิดได้ทำให้ร่างกายส่วนบนของ Salman ขาดออกทันทีและกระเด็นไปยังบริเวณใกล้ๆ ห้องจำหน่ายตั๋ว (ขายบัตร)
รูปที่ 7 บริเวณห้องโถงที่มีการระเบิด*
*https://www.nytimes.com/interactive/2017/05/24/world/europe/manchester-arena-bomb-materials-photos.html?_r=1 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ในรูปที่ 7 การจำลองเหตุการณ์จากแรงระเบิด จะพบว่า Salman (วงแดงใหญ่) จะยืนอยู่ใจกลางผู้ชมที่เคราะห์ร้าย (จุดแดง) ซึ่งอยู่รอบๆ ตัว Salman ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่จะเสียชีวิตในเวลาเดียวกันกับที่ Salman ได้จุดระเบิด จากภาพเหตุการณ์จำลองในรูปที่ 7 ได้บ่งชี้ว่า อำนาจของระเบิดมีความรุนแรงเพียงพอที่จะมุ่งเอาชีวิตของผู้เข้าชมการแสดงโดยไม่ได้คำนึงถึงว่า ผู้เคราะห์ร้ายจะมีอายุมากน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้หญิง ซึ่งหมายความว่า การปฏิบัติการก่อการร้ายในครั้งนี้ไม่เพียงมุ่งหวังทำลายชีวิตของชาวอังกฤษเท่านั้น แต่ยังต้องการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลอังกฤษ และยังเป็นการแสดงขีดความสามารถในการตอบโต้การดำเนินนโยบายของรัฐบาลอังกฤษ และรัฐบาลของประเทศในยุโรป ที่มุ่งเป็นศัตรูกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS หรือ Islamic State in Iraq and Syria) ที่อยู่ในอิรักและซีเรีย และรวมทั้งกลุ่ม Al-Qaeda อีกด้วยนั่นเอง
3. ใครคือ Salman Ramadan Abedi มือระเบิดฆ่าตัวตาย
Salman Ramadan Abedi เป็นชาวอังกฤษมุสลิม เกิดเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 1994 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ครอบครัว Abedi ได้อพยพหลบหนีภัยสงครามจากลิเบียเข้ามาตั้งรกรากบริเวณตอนใต้ของเมืองแมนเชสเตอร์ ในอังกฤษ โดยบิดาของ Salman จะอยู่ในกลุ่มชาวลิเบียที่ต่อต้านรัฐบาล Muammar Gaddafi และยังมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย Al-Qaeda อีกด้วย
Salman เติบโตในเขต Whalley Range ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 ไมล์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองแมนเชสเตอร์ และได้ย้ายมาอยู่ในย่าน Fallowfield (ดูรูปที่ 8) ในช่วงวัยเด็ก Salman ได้เข้าเรียนที่ Burnage Academy for Boys และ Salman เป็นคนหนึ่งในกลุ่มนักเรียนที่กล่าวหาครูผู้สอนว่า เป็นโรคหวาดกลัวอิสลาม หรือเรียกว่า Islamophobia (คือ ทัศนคติและความรู้สึกในแง่ลบต่อศาสนาอิสลามและชาวมุสลิม หรือความรู้สึกอคติและรังเกียจศาสนาอิสลามและผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม) ที่ชอบวิจารณ์กรณีระเบิดฆ่าตัวตายให้นักเรียนฟัง
รูปที่ 8 ย่าน Whalley Range และย่าน Fallowfield ในเมือง Manchester*
*พัฒนาโดย วีระศักดิ์ นาทะสิริ
Salman เป็นบุตรคนที่สองของครอบครัว บิดามารดาเป็นชาวลิเบีย บิดาชื่อ Ramadan Abedi มารดาชื่อ Samia Tabbal (บางสื่ออาจสะกดว่า Tabba) ตามข่าวระบุว่า Samia มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Umm Abdul Rahman ภรรยาของ Abu Ana al-Libi บุคคลสำคัญคนหนึ่งในกลุ่ม Al-Qaeda ในรูปที่ 9
รูปที่ 9 Abu Ana al-Libi บุคคลสำคัญคนหนึ่งในกลุ่ม Al-Qaeda
Ramadan Abedi’s tribute to Al-Qaeda operative Abu Anas al-Libi. Picture: FacebookSource:Supplied http://www.news.com.au/world/europe/what-salman-abedi-said-on-final-call-before-manchester-attack/news-story/dec1e6d20ed641dce81cec8360073df1 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
บิดาและมารดาของ Salman เกิดที่เมือง Tripoli ในประเทศลิเบีย ทั้งคู่อยู่ในกลุ่มต่อต้านอดีตรัฐบาล Gaddafi และได้อพยพเข้ามาอยู่ในอังกฤษประมาณต้นปี 90 โดยมีบุตรด้วยกันสี่คน เป็นบุตรชาย 3 คนคือ Ismail Abedi บุตรชายคนโตอายุ 24 ปี, Salman Abedi บุตรชายคนที่สอง มือระเบิดฆ่าตัวตาย อายุ 22 ปี, บุตรชายคนที่สามคือ Hashem Abedi อายุ 20 ปี และบุตรสาว 1 คน คือ Jomana Abedi อายุ 18 ปี เมื่อรัฐบาลของ Gaddafi ได้ถูกกำจัดโดยกองทัพสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรแล้ว ในปี 2011 ทั้งคู่จึงได้ตัดสินใจกลับไปอยู่ที่กรุง Tripoli ประเทศลิเบียอีกครั้งหนึ่ง ดูรูปที่ 10
รูปที่ 10 ครอบครัว Abedi และ Forjani
*https://www.liveleak.com/view?i=b9f_1495704223
ในรูปที่ 10 จะพบว่า ครอบครัว Forjani มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับครอบครัว Abedi โดยภรรยาของ Adel Forjani ชื่อ Leila Tabbal มีนามสกุลเดียวกับ Samia Tabbal มารดาของ Salman มือระเบิดฆ่าตัวตาย จึงคาดว่า Leila คงจะเป็นญาติพี่น้องกับ Samia มารดาของ Salman ดังนั้นบุคคลในครอบครัว Forjani ก็คงจะมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับบุคคลในครอบครัว Abedi ด้วยเช่นกัน ดูรูปที่ 11 ด้วยเหตุนี้บุคคลในครอบครัว Forjani จึงได้ถูกจับกุมตัวมาสอบสวนเช่นเดียวกับสมาชิกในครอบครัว Abedi
รูปที่ 11 Abdalla Forjani และ Salman Abedi
*จาก www.dailymail.co.uk ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ในรูปที่ 11 คนที่สองจากซ้ายมือคือ Abdalla Forjani และคนริมขวาสุดคือ Salman Abedi
4. ทำไมต้องเป็น Salman Abedi : ความคิดเห็นของผู้เขียน
4.1 ปัจจัยรากฐานที่มาจากความเชื่อทางศาสนาและการอบรมเลี้ยงดู(Root Causes)
รูปที่ 12 Hashem Abadi น้องชายของ Salman Abadi
*จาก www.dailymail.co.uk ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
โดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนต่างชาติเมื่อได้อพยพเข้ามาอยู่ หรือมาตั้งรกรากในประเทศอื่นๆ (ที่มีสังคมและวัฒนธรรมแตกต่างจากสังคมเดิมของตน เช่น อังกฤษ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา) จะคบหาและมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน หรือรวมตัวคนชาติเดียวกันเป็นกลุ่มเพื่อสังสรรค์ เพื่อปฏิบัติศาสนกิจร่วมกัน และเพื่อช่วยเหลือกัน แต่ถ้าสมาชิกคนใดคนหนึ่งของครอบครัวที่อพยพเข้ามาตั้งรกราก(เช่น ในยุโรป และในสหรัฐอเมริกา) มีความเกี่ยวพันกับกลุ่มการเมืองในประเทศหรือในสังคมเดิมที่ตนเคยใช้ชีวิต ก็อาจเป็นเหตุจูงใจให้สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวหรือบุคคลใดๆ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาชิกของครอบครัว มีความเชื่อถือ และยึดเป็นแบบอย่างปฏิบัติตาม ตัวอย่างเช่น Ramadan Abedi บิดาของ Salman อยู่ในกลุ่มที่ต่อต้านอดีตรัฐบาล Gaddafi ของลิเบีย ก็จะเป็นแบบอย่าง (Role Model) ให้บุตรทั้งสี่คนได้ยึดถือ Ramadan Abedi เป็นแบบอย่างทั้งทางด้านศาสนาโดยการพาไปมัสยิด และทางด้านการสู้รบ โดยในปี 2011 Ramadan ได้พา Salman และน้องชายในรูปที่ 12 เข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้านอดีตรัฐบาล Gaddafi (Tripoli Brigade militia)
นอกจากนี้มารดาของ Salman คือ Samia Tabbal (สะกดตามชื่อสกุลของ Laila Tabbal ภรรยาของ Adel Forjani) ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับภรรยาของ Abu Anas al-Libi ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ของกลุ่มก่อการร้าย Al-Qaeda (ต่อมา al-Libi ได้ถูกกองกำลังของสหรัฐอเมริกาจับได้ที่กรุง Tripoli ในปี 2013 และถูกนำตัวมาดำเนินคดีในสหรัฐอเมริกา และได้เสียชีวิตจากการรักษาโรคปอดและโรคตับอักเสบ ที่โรงพยาบาลนิวยอร์ก ในช่วงต้นเดือนมกราคม ปี 2015) ความสัมพันธ์ที่ดีดังกล่าวได้มีส่วนอย่างสำคัญที่ไม่เพียงทำให้บุตรทั้งสี่ของ Ramadan Abedi และ Samia Tabbal มีทัศนคติที่ดีหรือมีความรู้สึกที่ดีต่อกลุ่มก่อการร้าย Al-Qaeda เท่านั้น แต่ยังได้กลายเป็นช่องทางที่ Salman Abedi ได้ใช้ความสัมพันธ์ดังกล่าว นำตัวเองเข้าไปทำความรู้จักกับสมาชิกของกลุ่มก่อการร้าย และยังได้รับการฝึกฝนให้รู้วิธีการประกอบระเบิดแสวงเครื่องด้วยตนเองจากบุคคลในกลุ่ม Al-Qaeda และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ อีกด้วย
4.2 ปัจจัยที่เป็นแรงกระตุ้นให้ Salman ปฏิบัติการระเบิดฆ่าตัวตาย (Trigger Causes)
4.2.1 ความโกรธแค้นที่สะสมเพิ่มขึ้นจนแปรเปลี่ยนเป็นความต้องการที่จะแก้แค้น
Salman รู้สึกโกรธแค้นที่มีเด็กมุสลิมในซีเรียได้เสียชีวิตจากการโจมตีของกองทัพสหรัฐอเมริกา(จากการบอกเล่าของน้องสาว) แต่ความรู้สึกโกรธแค้นได้เพิ่มมากขึ้นและแปรเปลี่ยนเป็นความต้องการที่จะแก้แค้น หลังจาก Salman ได้รู้ว่าเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อ Abdul Wahab Hafidah (รูปที่ 13)ได้ถูกแทงจนเสียชีวิต ในย่าน Moss Side ของเมือง Manchester เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2016
รูปที่ 13 Abdul Wahab Hafidah เพื่อนของ Salman*
*http://www.bbc.com/news/uk-england-manchester-36344324
Abdul Hafidah, 18, died from a stab wound to the neck, a post mortem examination found.
กรณีนี้อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Salman เลือกเอางานแสดงคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาแมนเชสเตอร์เป็นเป้าหมาย คงเพราะคิดว่า Ariana Grande เป็นนักร้องขวัญใจวัยรุ่น คงจะมีผู้เข้าชมจำนวนมากเป็นวัยรุ่น (ซึ่งมีอายุใกล้เคียงกับกลุ่มที่แทงเพื่อนของตน) จะมาชมการแสดงดนตรีในครั้งนี้ และก็เป็นความจริงที่บัตรเข้าชมการแสดงคอนเสิร์ตจำนวน 21,000 ใบ ได้ขายออกหมด และผู้เข้าชมส่วนใหญ่ก็เป็นวัยรุ่นที่ติดตามผลงานของ Ariana Grande ตรงตามที่ Salman ได้คาดไว้
4.2.2 การได้รับการชักชวนให้เข้ารับการฝึกและเป็นสมาชิกของกลุ่มก่อการร้าย
ภายหลังเหตุการณ์ระเบิดที่สนามกีฬาแมนเชสเตอร์ ได้มีการตรวจสอบพบการติดต่อกันระหว่าง Salman Abedi และ Raphael Hostey ชาวแมนเชสเตอร์ที่เป็นแมวมองคอยจัดหาคนเข้ามาเป็นสมาชิกให้กลุ่มรัฐอิสลาม (IS หรือ Islam State) ซึ่งได้เสียชีวิตแล้วที่ซีเรีย หลังจากถูกโจมตีด้วย Drone ของกองทัพสหรัฐอเมริกา
เนื่องจาก Salman เป็นคนเงียบๆ ไม่พูดมาก ไม่แสดงอารมณ์ และมีความรู้สึกที่ดีกับกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ อาจกล่าวได้ว่า มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะปฏิบัติการก่อการร้ายด้วยตนเอง จึงเป็นไปได้ที่ Salman คงได้รับการชักชวนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกและได้รับการฝึกฝนการประกอบระเบิดแสวงเครื่องจากกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่เป็นสาขา (Cell) ของรัฐอิสลาม หรือสาขาของกลุ่ม Al-Qaeda ผู้เขียนเชื่อว่า Salman ก็คงตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มก่อการร้ายเพื่อที่ตนเองจะได้เรียนรู้การประกอบระเบิดแสวงเครื่อง และนำมาใช้ในการปฏิบัติการล้างแค้นในครั้งนี้
4.2.3 การได้รับเงินกู้เพื่อการศึกษา : ใช้เงินกู้เพื่อจัดหาและประกอบวัตถุระเบิด
ภายหลังการสอบสวนตำรวจเมืองแมนเชสเตอร์ให้ความเห็นว่า Salman ได้ใช้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (ซึ่งเป็นเงินที่มาจากภาษีที่จัดเก็บจากชาวอังกฤษ) มาใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเรียนรู้การประกอบระเบิดแสวงเครื่องด้วยตนเอง (จากการรายงานข่าวของ The Guardian) และรวมทั้งการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อนำมาประกอบวัตถุระเบิดที่จะใช้ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ซึ่งหมายความว่า ชาวอังกฤษที่เสียชีวิตจำนวน 22 คน และบาดเจ็บอีกประมาณ 59 คน เป็นผลมาจากเงินภาษีที่ชาวอังกฤษทุกคนได้จ่ายไป และได้รับการจัดสรรเป็นเงินกู้เพื่อการศึกษาให้กับ Salman นั่นเอง
5. บทสรุป : ความปรารถนาสูงสุดของ Salman Abedi คือ ถึงจะตายก็ยอม ขอให้ได้แก้แค้น
กรณีการใช้ระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามกีฬาแมนเชสเตอร์ ต้องถือเป็นการก่อการร้ายที่ประสบความสำเร็จโดยมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี และไม่เพียงจะสร้างความสูญเสียชีวิตของผู้เข้าชมคอนเสิร์ตที่ส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษเท่านั้น แต่ยังได้สนองตอบความปรารถนาสูงสุด (Self-Actualization) ของ Salman Abedi ที่ต้องการแก้แค้นแทนชาวมุสลิมที่เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดในซีเรีย และ Abdul Wahab Hafidah เพื่อนที่ถูกแทงจนเสียชีวิตในเมืองแมนเชสเตอร์
พฤติกรรมของ Salman อาจจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลที่เรียกว่าเป็น Homegrown Terrorist เพราะเกิดบนผืนแผ่นดินที่ตนกระทำการก่อการร้าย และเพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจถึงพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรงของผู้ก่อการร้ายได้ดียิ่งขึ้น ผู้เขียนจึงได้จัดทำแผนภูมิจำลองพฤติกรรมของ Salman ที่ถูกกระตุ้นให้ใช้ความรุนแรงเพื่อตอบสนองความต้องการที่จะแก้แค้น ไว้ในรูปที่ 14
โดยสรุปแล้ว ปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดต่อความสำเร็จในการก่อการร้ายใดๆ ก็คือ คน นั่นเอง และแม้ Salman จะมีส่วนอย่างสำคัญต่อความสำเร็จในการปฏิบัติการในครั้งนี้ แต่ก็ยังมีบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการก่อการร้ายในครั้งนี้อีกหลายคน ซึ่งคนแรกก็คือ Ramadan Abedi บิดาของ Salman ที่อบรมเลี้ยงดูและสั่งสอนให้มีความรู้สึกนึกคิดด้านศาสนาและอุดมการณ์การต่อสู้แก่ Salman, คนที่สองคือ บุคคลที่ทำหน้าที่แมวมอง และได้ชักชวน Salman ให้เข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้าย, คนที่สามคือ บุคคลที่สอนหรือให้คำแนะนำในการประกอบระเบิดแสวงเครื่องให้แก่ Salman ซึ่งคงไม่ได้อยู่ในอังกฤษ, คนที่สี่คือ บุคคลที่เป็นทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทนขององค์กรก่อการร้ายหรือเป็นผู้ดูแลเครือข่าย(Cell)ในเมืองแมนเชสเตอร์ และบุคคลหรือกลุ่มบุคคลสุดท้ายก็คือ เจ้าหน้าที่ราชการของอังกฤษที่เป็นผู้อนุมัติเงินกู้เพื่อการศึกษาให้ Salman ใช้เป็นค่าเดินทางและประกอบระเบิดนั่นเอง
รูปที่ 14 ความโกรธแค้นสะสมมากขึ้นจนเป็นความต้องการที่จะแก้แค้น
ในรูปที่ 14 เส้นตรงแนวตั้งคือ เส้นที่แสดงระดับความรุนแรงของพฤติกรรมบุคคล ส่วนเส้นตรงแนวนอน แสดงถึงความรู้สึกสะสมของบุคคล โดยปกติแล้ว Salman จะเป็นเช่นคนอื่นๆ โดยทั่วไป แต่เมื่อ Salman มีความรู้สึกโกรธแค้นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ไม่อาจขจัดออกไปจากจิตใจได้ และถ้า Salman ได้ประสบพบเห็นเหตุการณ์ใหม่ที่ทำให้เกิดความรู้สึกโกรธแค้นขึ้นอีก ก็จะทำให้ Salman มีความรู้สึกโกรธแค้นสะสมเพิ่มมากขึ้น จะเห็นเส้นสีแดงทึบขยับสูงขึ้นจากเส้นสีแดงประ แสดงว่า Salman เริ่มจะมีพฤติกรรมตอบสนองที่รุนแรงขึ้นตามความรู้สึกโกรธแค้นที่สะสมมากขึ้น ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่ชักชวนคนให้เข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายจะใช้ศาสนาเป็นสื่อในการสร้างความสัมพันธ์ และจะใช้ความรู้สึกโกรธแค้นชักจูง Salman ให้เข้าร่วมกระทำการก่อการร้ายนั่นเอง (คาดว่า ในพื้นที่ภาคใต้ของไทยก็กระทำเช่นนี้)
ท้ายบทความ
เมื่อวันเสาร์ที่ 3 มิ.ย. เวลาประมาณ 21:58 ได้มีกลุ่มบุคคลขับรถชนคนที่เดินมาตามสะพาน London Bridge ในกรุงลอนดอน และหลังจากนั้นบุคคลดังกล่าวคือ Khuram Butt สัญชาติอังกฤษ แต่เกิดที่ปากีสถาน, Rachid Radouane และ Youssef Zaghba ชาวอิตาเลียนโมรอคคัน (ในรูปที่ 15) ก็ได้ลงจากรถและได้ใช้มีดเป็นอาวุธทำร้ายประชาชนจนเสียชีวิตไป 7 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน แต่ได้ถูกตำรวจยิงจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
รูปที่ 15 Khuram Butt, Rachid Radouane, และ Youssef Zaghba*
*http://www.bbc.com/news/uk-40169985 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
การโจมตีประชาชนโดยการใช้รถ และใช้มีดทำร้าย เป็นปฏิบัติการก่อการร้ายในลักษณะฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากในปัจจุบัน คงเป็นเพราะผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้คงไม่สามารถจัดหาอาวุธได้ หรือคงไม่มีความรู้ในเรื่องการประกอบระเบิด จึงต้องใช้วิธีการแบบพื้นบ้านคือ เอารถเข้าชน และเอามีดไล่ฟันประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอกว่า
แม้จะถูกมองว่า เป็นวิธีการแบบพื้นบ้านหรือลูกทุ่ง แต่จำนวนการปฏิบัติการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเป็นการแสดงศักยภาพของกลุ่มรัฐอิสลาม IS และกลุ่ม Al-Qaeda ว่า ยังมีขีดสามารถที่จะโจมตีแผ่นดินเกิดของศัตรูได้ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้ประเทศที่เป็นศัตรูกับรัฐอิสลามและ Al-Qaeda ต้องอยู่ในภาวะที่ต้องระวังบ้านของตัวเองตลอดเวลา
ก่อนที่จะจบบทความนี้ ได้มีผู้ถามมาว่า แล้วกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้จะได้อะไรจากการปฏิบัติการฆ่าตัวตาย ผู้เขียนก็ขอตอบแทนกลุ่มก่อการร้ายให้สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป ได้ทราบดังนี้
“เมื่อประเทศบ้านเกิดของเรา (กลุ่มก่อการร้าย) ต้องสู้รบกันตลอดเวลา และประชาชนมีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นสุข ประเทศของท่านก็ควรอยู่ในสถานการณ์การต่อสู้ตลอดเวลา และประชาชนของท่านก็ต้องมีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นสุขด้วยเช่นกัน”