xs
xsm
sm
md
lg

กบฏซีเรียที่ US หนุน รุกคืบ “ร็อกเกาะห์” หลังเริ่มปฏิบัติการทวงคืนเมืองหลวง IS

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ขบวนรถของนักรบฝ่ายกบฏ “กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย” (เอสดีเอฟ) ซึ่งหนุนหลังโดยสหรัฐฯ เคลื่อนพลไปตามเส้นทางสู่เมืองร็อกเกาะห์, ซีเรีย เมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.)  ทั้งนี้ข่าวระบุว่า เอสดีเอฟเริ่มบุกทะลวงเข้า “เมืองหลวง” ของกลุ่มไอเอสแห่งนี้ตั้งแต่วันดังกล่าว และยึดพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นอีกในวันพุธ (7)
เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - กลุ่มนักรบซีเรียที่สหรัฐฯให้การสนับสนุน สามารถรุกคืบหน้ายึดพื้นที่เพิ่มมากขึ้นอีกในวันพุธ (7 มิ.ย.) หลังจากเปิดฉากบุกทะลวงเข้าไปถึงตัวเมืองร็อกเกาะห์ (Raqa) เมื่อวันอังคาร (6) ในการปฏิบัติการจู่โจมครั้งสุดท้ายเพื่อขับไล่กลุ่มติดอาวุธ “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ออกไปจาก “เมืองหลวง” ของรัฐคอลีฟะห์ที่พวกเขาประกาศจัดตั้งขึ้นในซีเรีย

กองกำลังอาวุธที่ใช้ชื่อว่า “กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย” (Syrian Democratic Forces หรือ SDF) ใช้เวลาเตรียมการนาน 7 เดือน เพื่อภารกิจชิงคืนเมืองร็อกเกาะห์ ศูนย์กลางดินแดนของไอเอส โดยมีกลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนทั้งการโจมตีทางอากาศต่อที่มั่นของฝ่ายศัตรูในซีเรียและในอิรัก, ส่งที่ปรึกษาทหารชาวอเมริกันเข้ามาประกบ และให้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ

หลังถูกนักรบญิฮาดบุกเข้ายึดครองในปี 2014 ร็อกเกาะห์ที่เป็นเมืองเอกของจังหวัดหนึ่งในซีเรีย ก็ได้กลายเป็นศูนย์บัญชาการกลางสำหรับปฏิบัติการของไอเอสทั้งในซีเรีย อิรัก และสถานที่อื่นๆ

ไอเอสได้กระทำการอันป่าเถื่อนหลายต่อหลายครั้งในเมืองแห่งนี้ ทั้งการสังหารหมู่ประชาชนแล้วนำศพมาประจาน รวมถึงลักพาตัวผู้หญิงไปขาย

ร็อกเกาะห์ยังเป็น 1 ใน 2 เมืองหลักของรัฐคอลีฟะห์คู่กับ “โมซุล” ในอิรัก ซึ่งเวลานี้กองทัพแบกแดดสามารถชิงคืนพื้นที่ได้เกือบทั้งหมดแล้ว

ในวันอังคาร (6) กองกำลังเอสดีเอฟ ซึ่งกำลังนักรบหลักเป็นชาวเคิร์ดและชาวอาหรับในซีเรีย ประกาศว่าพวกเขาสามารถเข้าไปถึงเขตตัวเมืองร็อกเกาะห์ได้เป็นครั้งแรก หลังทำการปิดล้อมเมืองทางฝั่งตะวันออก เหนือ และตะวันตกอยู่นานหลายเดือน

“กองกำลังของเราเข้าไปในเมืองร็อกเกาะห์ทางเขต อัล-เมชเลบ ด้านตะวันออก” รอจดา เฟลัต ผู้บัญชาการเอสดีเอฟแถลง พร้อมระบุว่าทางฝั่งเหนือยังมีการปะทะกับนักรบไอเอสอย่างรุนแรง “นักรบของเรากำลังต่อสู้กับไอเอสบนท้องถนนในร็อกเกาะห์ และพวกเรามีประสบการณ์ในการทำสงครามในเมือง”

กองบัญชาการของการบุกตีร็อกเกาะห์ครั้งนี้ซึ่งใช้ชื่อว่า ยุทธการ “ความโกรธแค้นของยูเฟรติส” (Wrath of the Euphrates) แถลงในเวลาต่อมา ช่วงเช้าวันพุธ (7) พวกเขาสามารถยึดเขตอัล-เมชเลบได้แล้ว รวมทั้งยึดป้อมฮาร์กัล ที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองได้ด้วย

ป้อมแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างราว 2 กม.จากเขตตัวเมือง

ขณะที่ กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งตั้งฐานอยู่ในกรุงลอนดอนและอาศัยคนในพื้นที่เป็นสายข่าว กล่าวว่า การสู้รบยังกำลังปะทุขึ้นที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณห่างตัวเมืองไปทางเหนือประมาณ 2 กม.
โฆษกของ “กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย” (เอสดีเอฟ) ซึ่งหนุนหลังโดยสหรัฐฯ เปิดแแถลงข่าว ก่อน เคลื่อนพลไปตามเส้นทางสู่เมืองร็อกเกาะห์, ซีเรีย เมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.)  ทั้งนี้ข่าวระบุว่า เอสดีเอฟเริ่มบุกทะลวงเข้า “เมืองหลวง” ของกลุ่มไอเอสแห่งนี้ตั้งแต่วันดังกล่าว และยึดพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นอีกในวันพุธ (7)
รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้อำนวยการของกลุ่มนี้บอกว่า จากการโจมตีถล่มภายในเมืองร็อกเกาะห์หลายระลอกเมื่อวันอังคาร (6) นั้น มีครั้งหนึ่งได้สังหารพลเรือนไป 8 คนในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3 คน

มีรายงานเพิ่มขึ้นมากในเรื่องที่การโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯทำให้พลเรือนในซีเรียบาดเจ็บล้มตาย นับแต่ที่เอสดีเอฟเร่งมือเพื่อเปิดการรุก กลุ่มสังเกตการณ์ฯเพิ่งรายงานว่าในคืนวันจันทร์ (5) พลเรือนอย่างน้อย 21 คนถูกฆ่าตายจากการถล่มของกลุ่มพันธมิตร ขณะที่คนเหล่านี้พยายามหลบหนีจากร็อกเกาะห์โดยอาศัยเรือยางลำเล็กๆ ฝ่าออกมาทางแม่น้ำยูเฟรติส

เชื่อกันว่ามีพลเรือนราว 300,000 คนพำนักอาศัยอยู่ใต้การปกครองของไอเอสในร็อกเกาะห์ ในจำนวนนี้เป็นพวกที่พลัดที่นาคาที่อยู่จากส่วนอื่นๆ ของซีเรียราว 80,000 คน ทว่าสำนักงานเพื่อมนุษยธรรมของสหประชาชาติแถลงในวันอังคาร (6) ประมาณการว่ามีผู้คนหลายหมื่นหลบหนีออกมาได้ในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเวลานี้ยังเหลืออยู่ในร็อกเกาะห์ราว 160,000 คน โดยที่ เดวิดสแวนสัน โฆษกในภูมิภาคของสำนักงานแห่งนี้กล่าวว่า ผู้คนถึง 100,000 คน “อาจจะยังคงติดกับ” อยู่ภายในเมืองร็อกเกาะห์ ขณะที่เกิดการสู้รบตีเมืองคืน

หลังจากเปิดฉากยุทธการ “ความโกรธแค้นของยูเฟรติส” เพื่อชิงเมืองร็อกเกาะห์คืนจากไอเอสเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว กองกำลังเอสดีเอฟก็มีชัยชนะในส่วนอื่นๆ ของจังหวัดร็อกเกาะห์เรื่อยมา และสามารถยึดเมืองตับเกาะห์ กับเขื่อนใหญ่ที่สุดของซีเรียไว้ได้เมื่อเดือน พ.ค.

ทาลาล เซลโล โฆษกเอสดีเอฟ ได้ประกาศเมื่อวันอังคาร (6) ว่าการสู้รบเพื่อปลดปล่อยร็อกเกาะห์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างแท้จริง

“เราขอประกาศวันนี้ว่า สงครามครั้งใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้วเพื่อปลดปล่อยร็อกเกาะห์ ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นเมืองหลวงของลัทธิก่อการร้าย” เซลโล แถลงต่อสื่อมวลชนที่หมู่บ้านฮาซิมาทางตอนเหนือของร็อกเกาะห์

“ด้วยการสนับสนุนจากเครื่องบินรบของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ และอาวุธอันทันสมัยที่ถูกส่งมาให้เรา เราจะชิงร็อกเกาะห์กลับคืนมาจากดาเอชให้ได้” เซลโล ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี โดยใช้คำว่า “ดาเอช” ซึ่งเป็นชื่อย่อของไอเอสในภาษาอาหรับ

ขณะที่ พล.ท.สตีฟ ทาวน์เซนด์ ผู้บัญชาการกลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ระบุว่า การหยิบยื่นความพ่ายแพ้ให้แก่ไอเอส “จะทำลายแนวคิดที่ว่าไอเอสมีความเป็นรัฐคอลีฟะห์ในทางกายภาพ” พร้อมเตือนว่าสงครามครั้งนี้อาจ “ยาวนานและยากลำบาก”

“เราได้เห็นกันแล้วว่า การโจมตีที่แมนเชสเตอร์โหดร้ายเพียงใด... ไอเอสเป็นภัยคุกคามต่อทุกประเทศ ไม่ใช่แค่อิรักหรือซีเรีย แต่รวมถึงบ้านเกิดเมืองนอนของเราทุกคน” เขากล่าว

นอกเหนือจากการเตรียมการเพื่อรุกชิงร็อกเกาะห์แล้ว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังๆ มานี้ กลุ่มเอสดีเอฟยังดูเหมือนพุ่งเป้าโจมตีกองกำลังฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ บริเวณชายแดนซีเรียติดต่อกับจอร์แดนและอิรักอีกด้วย

เอสดีเอฟ อ้างว่า พวกเขาสามารถ “ทำลาย” หน่วยรบที่ภักดีต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งพยายามรุกคืบเข้าไปใกล้ๆ อัล-ตานาฟ ซึ่งหน่วยคอมมานโดของสหรัฐฯและอังกฤษ ได้เข้าไปฝึกยุทธวิธีและให้คำปรึกษาแก่กองกำลังต่อต้านไอเอส ส่วนกลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯแถลงวันอังคาร (6) ว่า ได้ถล่มโจมตีขบวนรถยนต์ของฝ่ายรัฐบาลที่บริเวณใกล้ๆ ค่ายอัล-ตานาฟ

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่กลุ่มพันธมิตรได้เข้าโจมตีกองกำลังฝ่ายรัฐบาลซีเรียซึ่งเข้ามาใกล้ๆ ค่ายแห่งนี้มากเกินไป

ขณะที่กองทัพซีเรียนั้น ดูเหมือนมีความปรารถนาที่จะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกสู่บริเวณชายแดนติดต่อกับจอร์แดนและอิรัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำมันสำคัญๆ บางแห่งของประเทศ โดยต้องการเข้าครอบครองพื้นที่แถบนี้เอาไว้ก่อนที่จะถูกยึดโดยเอสดีเอฟหรือกลุ่มกบฏที่หนุนหลังโดยฝ่ายตะวันตกกลุ่มอื่นๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น