ห้องหุ่น ตอนที่ 14 อวสาน
ในครัว เทิดพยายามปลุกปล้ำอัมรา จวนเจียนจะเสียท่า อัมรากัดเข้าที่ไหล่เต็มแรง
เทิดร้องเสียงหลง ปล่อย อัมราผลักเทิดเต็มแรง แล้วรีบลุกขึ้นจะวิ่ง เทิดหันมา
คว้าข้อเท้าไว้ได้ อัมราล้มลงอีก เทิดพุ่งเข้าหา อัมราถีบเทิดเข้าที่ยอดอกเต็มแรง
เทิดกระเด็น อัมราลุกขึ้นวิ่งหนีออกจากห้องครัว ที่เทิดมองตามยิ้มน่ากลัว
"ยังไงก็ไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอกนังตัวดี"
เทิดลุกขึ้นวิ่งตาม
พิไลออกมาจากห้องน้ำยืนล้างมือ ดูทรงผมหน้าตาอยู่ที่กระจกยิ้มกับตัวเองอย่างพอใจ ปิดน้ำเตรียมตัวจะออกไป ได้ยินเสียงดังของพรรณราย
"อาร์ต...เดี๋ยว...อาร์ต"
พิไลชะงัก
"นั่นมันเสียงลูกพรรณนี่ เกิดอะไรขึ้น"
พิไลรีบออกจากห้องน้ำ
สันติหน้าเครียดมากวิ่งไปขึ้นรถ พรรณรายวิ่งตามมาตะโกนเรียกเสียงดังลั่นๆ
"อาร์ต..อย่าไป..อาร์ต"
พิไลวิ่งเข้ามาถึงตัวลูกสาวดึงแขนไว้
"อะไรกันพรรณราย ตะโกนโหวกเหวกคนมองหมดแล้ว"
"คุณแม่..อาร์ตจะกลับค่ะ"
"กลับไปไหน"
"ก็บ้านไงคะ เค้ารู้เรื่องที่เราให้ลุงเทิดไปจัดการอัมราแล้ว"
"เอ้าแล้วไปบอกเค้าทำไมแม่ก็สั่งแล้วนี่"
สันติขับรถจะออกจากลานจอดรถ พรรณรายสะบัดพิไลวิ่งเข้าไปกางมือขวางรถไว้ พิไลตกใจร้องลั่น
"ว้าย ลูกพรรณ"
สันติหน้าตาเครียดมาก หักพวงมาลัยรถไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
"อาร์ต"
พิไลวิ่งเข้ามา
"ทำบ้าอะไรเนี่ย ถ้านายอาร์ตมันชนแกจะว่ายังไง"
"อาร์ตเค้ารักพรรณเค้าไม่ชนพรรณหรอกค่ะ"
"รักบ้าบออะไร เนี่ยมันรีบกลับไปช่วยนังอัมรา ก็แสดงว่ามนต์น้ำมันพรายมันเสื่อมแล้ว"
พรรณรายตกใจ รีบวิ่งไป พิไลถาม
"จะไปไหนพรรณราย"
"หารถรับจ้างค่ะเร็วคุณแม่ พรรณจะรีบตามอาร์ตเร็วสิคะ"
พรรณรายวิ่งออกไปจากร้าน พิไลถอนใจโมโหวิ่งตามไปบ่นไป
"ลูกนะลูกไม่น่าโง่เลย เวรของฉันจริงๆ"
สองแม่ลูกวิ่งหารถรับจ้างกันอย่างทุลักทุเล
อัมราวิ่งหาทางจะหลบเทิด จะวิ่งออกนอกบ้านแต่เทิดวิ่งมาดักหน้าไว้
"จะหนีไปไหน"
อัมราวิ่งหลบไปมา เทิดเข้ามา อัมราคว้าของขว้างใส่ เทิดมัวแต่หลบ
อัมราไม่มีห้องจะหลบได้ เพราะเป็นห้องโถง อัมรามองไปทางห้องหุ่น นึกได้ อัมรารีบวิ่งไปทางห้องหุ่น เทิดมอง
"คิดจะหลบในห้องหุ่นเหรอ"
เทิดรีบตามติดๆ
ม่านอาคมยังพยายามปะทะกับพลังแห่งธรรมที่ส่งมาจากฌานอันแก่กล้าของหลวงตา
ม่านอาคมเริ่มบิดเบี้ยว ที่วิญญาณหุ่นทั้งหมดสงบนิ่ง เสียงประตูเปิดอย่างแรงเข้ามา
อัมราเข้ามารีบปิด แต่เทิดมาถึงทันดันประตูไว้ อัมราพยายามออกแรงดันปิดเต็มที่
"อย่าเข้ามานะ"
"หนีฉันไม่พ้นหรอก"
เทิดกระแทกเต็มแรงจนประตูเปิด บานประตูกระแทกอัมราจนเซกลิ้ง
ตกลงมาสลบอยู่ปลายบันได เทิดเดินช้าๆลงมาหาอัมราพูดไปด้วย
"ยังไม่ทันได้เหงื่อเลยหมดฤทธิ์ซะแล้วเหรอนังอัมรา"
ม่านอาคมสู้พลังแห่งธรรมไม่ได้เห็นรอยร้าวแล้วขยายกว้างจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ สลายหายไปในอากาศ
แสงแห่งธรรมค่อยๆถอยห่างออกไปจนลับหายไปจากห้องหุ่น วิญญาณที่ซ้อนหุ่นอยู่กลืนหายไปในหุ่น
หุ่นกระพริบตามองกันอย่างดีใจ เทิดนั่งลงตรงหน้าอัมรา ลูบไล้ใบหน้าเรื่อยไปถึงลำคออย่างหื่นๆ
"คิดจะหนีลงมาให้หุ่นช่วยเหรอจ้ะ น่าสงสารไอ้หุ่นพวกนี้มันยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย"
จู่ๆเกิดลมพายุพัดอย่างรุนแรงในห้องหุ่น เคียวของชาวนาปลิวเฉียดหน้าเทิดไปปักที่ผนังห้อง เทิดตะลึง
"เฮ้ย...อะไรวะ"
เสียงดาบกระทบกันดังน่าขนลุก เทิดกระโดดลุกขึ้นหันไปมอง เทิดตาเหลือก
ทับกำลังลับดาบในมือ จ้องมองเทิดตาแดงก่ำ หุ่นทุกตัวเคลื่อนไหว มองเทิดเป็นตาเดียว เทิดตกใจสุดขีด
"หะ..หุ่นมีชีวิต"
เทิดค่อยๆถอยเสียงสั่น
"ไม่..ไม่จริง ก็พวกแกโดนพี่เวทย์สะกดไว้แล้วนี่"
"ไอ้คนชั่ว อยู่ไปก็รกโลก" เจ้าคุณนรบดินทร์บอก พลางมองทับ
ทับพยักหน้า เคลื่อนตัวอย่างเร็วมาก เงื้อดาบในมือตรงเข้าหาเทิด เทิดตาเหลือก ร้องเสียงหลง "อย่า"
เสียงดังฉับ เทิดหัวขาดกระเด็น ลำตัวสั่นระริกก่อนล้มตึงลง ร่างเทิดนอนตายไม่มีหัว
ถัดไปไม่ไกลนัก หัวเทิดตกอยู่ที่พื้น ตายังเหลือกค้างอย่างน่าสยดสยอง
รถรับจ้างของพรรณรายวิ่งมาบนถนนค่อนข้างเร็ว ขณะที่สันติขับรถมาด้วยท่าทาง ร้อนใจมาก
สีหน้าเคร่งเครียด สันติพึมพำ
"น้องอัมต้องไม่เป็นอะไร ขอให้คุณพระคุณเจ้าโปรดคุ้มครองน้องอัมด้วยนะครับ"
สันติเหยียบคันเร่งอีก
อัมราตระหนก วิ่งหนีมาสุดชีวิตร้องไปด้วย
"ช่วยด้วย..ช่วยด้วย"
"อัมรา"
อัมราชะงักหยุดวิ่ง หันไปมองทางเสียง เห็นม่านหมอกค่อยๆจางลง อารีย์กับเดช ยืนอยู่คู่กัน อัมราดีใจ
"คุณพ่อ..คุณแม่"
อารีย์อ้าแขนออก อัมราโผเข้าหากอดแม่แน่น ร้องไห้สะอื้น
"ช่วยอัมด้วยค่ะคุณแม่"
อารีย์กอดตอบ เดชลูบผมอัมรา
"ลูกปลอดภัยแล้ว" เดชบอก
อัมรายังร้องไห้สะอื้น
"แต่อัมกลัวค่ะ ลุงเทิดต้องมาทำร้ายอัมอีกแน่"
"มันไม่มีวันกลับมาทำร้ายลูกของพ่อได้อีก พ่อรับรอง"
อัมราดีใจผละออกจากอารีย์ มองอย่างไม่แน่ใจ
"จริงๆเหรอค่ะ"
อารีย์เช็ดน้ำตาให้
"จ้ะไม่ต้องกลัวนะ พ่อกับแม่จะคอยช่วยลูกเสมอ"
เดชกับอารีย์หายไป อัมราตกใจ
"คุณพ่อ..คุณแม่"
อัมราวิ่งตามร้องหาไปด้วย
"คุณพ่อคุณแม่อย่าทิ้งอัมไปค่ะ คุณพ่อคุณแม่"
ในห้องหุ่น อัมรานอนสลบอยู่เริ่มได้สติ พึมพำ
"คุณพ่อคุณแม่..อย่าไป อย่าทิ้งอัมไปค่ะ..อย่า"
อัมราลืมตาตกใจ จะลุกแต่ลุกไม่ไหวรู้สึกเจ็บร้าวไปหมด
"โอ๊ย...ทำไมเจ็บไปทั้งตัวอย่างนี้"
อัมราค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองรอบๆ เห็นเทิดนอนอยู่ มองไล่ขึ้นไปเรื่อยๆถึงคอ ที่ไม่มีหัว อัมราตกใจสุดขีด ยกมือปิดปาก ตะลึง
สันติขับรถเข้ามาจอดหน้าตึกอย่างรีบร้อน ลงจากรถอย่างรวดเร็ว เสียงอัมรากรีดร้องดังออกมาอย่างตกใจมาก
"น้องอัม"
สันติวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วงอัมรา
สันติเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้องหุ่น อัมรานั่งปิดหน้าร้องตัวสั่นอยู่ปลายบันได ถัดไปเป็นศพเทิดนอนตายไม่มีหัว สันติผงะ วิ่งลงบันไดมาถึงตัวอัมราอย่างรวดเร็ว
"น้องอัม"
อัมราเงยหน้ามองดีใจมาก
"พี่อาร์ต"
อัมราโผเข้าหาสันติอย่างกลัวมาก สันติกอดอัมราไว้แนบอก
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
อัมราส่ายหน้า ตัวสั่นเสียงสั่น
"ลุงเทิดไล่ปล้ำอัม อัมหนีเข้ามาในห้องหุ่น ลุงเทิดก็ตามมาแต่อัมตกบันไดลงมาแล้วจากนั้นอัมก็จำอะไรไม่ได้อีก พอ..อัมฟื้นขึ้นมาก็เห็น....ลุงเทิดเป็นแบบนี้แล้วค่ะ"
อัมราร้องไห้อย่างตกใจ ละล่ำละลัก
"อัมกลัว พี่อาร์ตช่วยอัมด้วยค่ะ"
สันติกอดอัมราแน่นเข้า ปลอบอ่อนโยน
"ไม่ต้องกลัวนะครับน้องอัม พี่อยู่ตรงนี้แล้ว พี่จะปกป้องน้องอัมด้วยชีวิตของพี่ พี่จะไม่ทิ้งน้องอัมไปไหน"
พิไลกับพรรณวิ่งเข้ามาในห้องหุ่น ลงบันไดมาสองคนชะงัก เห็นศพเทิดนอนไม่มีหัว สองคนตกใจ
พิไลแค้น
"นังอัมราแกฆ่าพี่เทิดใช่มั้ย"
อัมราตกใจ
"เปล่านะคะ อัมไม่ได้ทำ อัมไม่รู้เรื่อง"
พิไลชี้หน้าแค้น
"แกฆ่าพี่เทิด ฉันจะเอาแกเข้าคุกให้ได้คอยดู"
"อัมราไม่ได้เป็นคนฆ่าไอ้สารเลวนั่น"
ทุกคนชะงัก เสียงหุ่นเคลื่อน ทุกคนหันไปมองต่างตกตะลึง หุ่นเดชลงจากแท่นเดินมา พิไลอ้าปากค้างถอยกรูด
"พะ..พี่เดช"
พรรณรายกับอัมราโพล่ง "คุณพ่อ"
"คุณอา"
เดชจ้องพิไลอย่างเจ็บใจ
"เธอเลวมากที่คิดทำร้ายลูกฉัน"
อารีย์เคลื่อนตัวลงมาด้วยจ้องพิไล
"เสียแรงที่ฉันหวังดีกับเธอ ให้โอกาสเธอ แต่เพราะความโลภ ความอิจฉาริษยาทำให้เธอทำเรื่องที่ฉันจะไม่มีวันอภัยให้เธออย่างเด็ดขาด"
"ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ นี่ฉันต้องฝันไปแน่ๆ พวกแกโดนสะกดไว้แล้วนี่นา"
พิไลตบหน้าตัวเองหลายที แล้วร้องลั่น "โอ๊ยเจ็บๆๆ"
หุ่นทุกตัวหัวเราะหันมาจ้องพิไลเป็นตาเดียว พิไลตะลึง
"นี่ฉันไม่ได้ฝัน พวกแกมีชีวิตอีกแล้วเหรอ มันเป็นไปได้ยังไง"
เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
"คาถามนต์ดำที่เธอให้ไอ้หมอผีมันสะกดพวกเรา มันเสื่อมไปหมดแล้ว"
"ไม่จริง"
"จริงสิ ไม่งั้นฉันจะฆ่าไอ้เทิดได้เหรอ" ทับบอก
ทับลับมีดเสียงดังน่ากลัว พิไลกรี๊ด รีบวิ่งหนีออกจากห้องหุ่น พรรณรายร้องเสียงหลง
"คุณแม่..รอพรรณด้วย"
พรรณรายวิ่งหน้าตื่นตามพิไลไปอย่างรวดเร็ว หุ่นทั้งหมดมองตามไป ยกเว้นเดชกับอารีย์
หุ่นหายไป เดชกับอารีย์หันมามองอัมรา อัมราลุกขึ้นเข้าไปกราบเดชกับอารีย์ ร้องไห้
"คุณพ่อ คุณแม่"
เดชกับอารีย์ทรุดลงกอดอัมรา สามพ่อแม่ลูกกอดกัน สันติยิ้มมองภาพตรงหน้าอย่างตื้นตันแทน
พิไลวิ่งหน้าตื่นมา พรรณตามติดๆตะโกนไปด้วย
"คุณแม่รอพรรณด้วย..คุณแม่"
พรรณรายวิ่งกวดมาดึงมือพิไลจนทัน พิไลสะบัด
"โอ๊ยจะมาดึงแม่ทำไม ชักช้าเดี๋ยวก็โดนพวกมันหักคอเอาหรอก"
พรรณรายพูดหอบๆหวาดๆ
"นี่มันอะไรกันคะคุณแม่ หุ่นมีชีวิตได้ยังไง ทำไมคุณแม่ไม่เคยบอกพรรณซักคำ"
"โอ๊ยอย่าเพิ่งมาซักไซ้ตอนนี้ได้มั้ย รีบหนีก่อนเถอะ"
พิไลวิ่งไปที่ประตู แต่ประตูตีปิดเข้ามาอย่างแรง พิไลตกใจวิ่งไปอีกประตู พรรณรายตามติดๆ
ประตูถูกลมตีปิดปังเข้ามาอีก พิไลหน้าตาตื่น
"มันเอาเราแน่ ไม่อยู่แล้วโว้ย"
พิไลวิ่งไปที่หน้าต่างห้องรับแขกปีนออกไปอย่างทุลักทุเล พรรณรายวิ่งตามไปดึงขาไว้
"คุณแม่รอพรรณด้วยสิคะ"
พิไลสะบัดขาอย่างแรง แสดงความเห็นแก่ตัวทันที
"ปล่อยฉัน แกอยากมัวอืดอาดก็อยู่ให้พวกมันหักคอไปเถอะ"
พิไลออกไปได้ พรรณรายล้มลงกับพื้น ร้องตกใจ
"คุณแม่อย่าทิ้งพรรณ คุณแม่"
พรรณตะกายจะลุก ชะงัก เงยหน้ามองตกใจสุดขีด สมศรี พรรณี พีท ยืนจ้องอยู่อย่างน่ากลัว
ต่างก้มหน้าลงมาหาพรรณราย ร้องเรียก "พรรณราย"
พรรณรายกรี๊ดสุดเสียง"ว้าย"
พรรณรายสลบไปทันที หุ่นทั้งสามมองพรรณ
"เพราะเธอเป็นลูกคุณเดชและคุณอารีย์พวกเราจะปล่อยเธอสักครั้ง" สมศรีบอก
หุ่นทั้งหมดมองพรรณนิ่งๆ
อัมรามองเดชกับอารีย์อย่างดีใจ สันติอยู่ข้างๆ
"อัมไม่อยากเชื่อเลยว่าอัมจะมีโอกาสได้กอดคุณพ่อ คุณแม่ได้พูดคุยด้วยอีกครั้ง"
เดชมองไปที่สันติ
"ต้องขอบใจเธอมากนะอาร์ตที่ช่วยให้อาและหุ่นทั้งหมดพ้นจากอาคมของหมอผี"
"ผมยินดีและเต็มใจครับคุณอา"
อัมรามองสันติงงๆ
"นี่พี่อาร์ตก็รู้เรื่องทุกอย่างเหรอคะ"
"ครับ พี่ต้องขอโทษน้องอัมด้วยที่ต้องปิดเป็นความลับ แล้วก็ต้องขอโทษที่ทำให้น้องอัมเสียใจหลายครั้งเรื่องคุณพรรณ"
"หมายความว่ายังไงคะ"
สันติอึกอัก อารีย์ตอบแทนยิ้มๆ
"หมายความว่าอาร์ตไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากลูกอัมเลยนะสิจ้ะ"
อัมราอึ้งหน้าแดง แต่ยังพูดงอนๆ
"แสดงว่าพี่อาร์ตเล่นละครเก่งมาก ขนาดอัมยังเชื่อเลยว่าพี่อาร์ตชอบพี่พรรณจริงๆ"
เดชกับอารีย์ยิ้มขำๆที่เห็นอัมรางอนอาร์ต
"ไม่นะครับตอนนั้นพี่โดนมนต์น้ำมันพรายต่างหาก"
อัมราตกใจ
"น้ำมันพรายเหรอคะ"
"ครับ แต่หลังจากที่หลวงตาช่วยพี่ให้พ้นจากมนต์น้ำมันพราย พี่ก็เลยต้องแกล้งแสดงต่อเพื่อสืบหาความจริงว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้"
"ใครคะ"
เดชตอบแทนแค้นๆ
"พิไลเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด รวมทั้งเอาหมอผีมาสะกดวิญญาณในห้องหุ่น"
เดชมองไปทางหน้าบ้าน
"ถึงเวลาแล้วที่พิไลต้องรับผลกรรมของตัวเองซะที"
พิไลวิ่งหน้าตื่นมา หุ่นเจ้าคุณยืนขวางหน้าไว้
"ว้าย"
พิไลรีบยกมือไหว้
"ฉันไหว้ล่ะปล่อยฉันไปเถอะจ้ะ"
"พวกเราเคยปล่อยเธอไปแล้ว แต่เธอก็กลับมาทำร้ายพวกเราจนได้" เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
"ฉันสำนึกผิดแล้วจ้ะ ฉันจะไม่มาที่นี่อีก ปล่อยฉันไปเถอะน่ะ"
ลุงทวนกับทับปรากฏร่างขึ้นขนาบข้างเจ้าคุณ
"ผู้หญิงคนนี้เหมือนงูพิษ ถ้าเราปล่อยไปหล่อนก็ต้องย้อนกลับมาทำร้ายพวกเราแน่นอน" ลุงทวนว่า
"พี่ทวนพูดถูก พวกเราต้องจัดการกับหล่อนนะครับท่านเจ้าคุณ" ทับบอก
พิไลตาเหลือกถอยกรูด ล้มลงไปพยายามจะหนี
"ไม่นะอย่า..อย่าฆ่าฉัน"
หุ่นเจ้าคุณ ทับ ลุงทวน เดินช้าๆตรงเข้าหาพิไลอย่างน่ากลัว พิไลจนมุมติดต้นไม้ ทับยกดาบขึ้น พิไลตาเหลือก เกิดลมพายุผิดปกติอย่างแรง พัดดาบในมือทับหลุดไป ทับ ลุงทวน เจ้าคุณนรบดินทร์แปลกใจหันไปมอง เพทายปรากฏร่างขึ้น พิไลดีใจสุดขีด
"เพทาย..เพทายช่วยฉันด้วย"
เพทายมองหมั่นไส้
"ก็บอกว่ามีอะไรให้เรียกไง ทำอวดเก่งปล่อยให้ตายซะเลยดีมั้ย"
พิไลรีบวิ่งไปหลบหลังเพทาย
"ก็ฉันมัวแต่ตกใจ ช่วยฉันด้วยนะแล้วฉันจะทำบุญให้เธอเยอะๆเลย"
เพทายทำหน้าเบื่อๆ ก่อนหันไปมองหุ่นทั้งสาม
"เธอกับพวกเราไม่เคยมีความแค้นต่อกันหลีกไปซะ"
"แต่ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องพิไลตามคำสั่งนายท่าน พวกแกต่างหากที่ต้องถอยไป"
ทับยื่นมือไปข้างหน้าดาบลอยกลับมาเข้ามือ
"ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าพวกเรารังแกเธอก็แล้วกัน"
เพทายแสยะยิ้มยืดตัวขึ้นเหมือนเปรต ยกมือขึ้นโบกไปมา ก็เกิดลมพายุพัดแรง อย่างน่ากลัว เพทายท่าทางดุร้าย
"ถ้าคิดว่าจะสู้โหงพรายอย่างฉันได้ก็เข้ามาเลย"
หุ่นทั้งสามเงยหน้ามองเพทายอย่างตกใจ
ในห้องนั่งเล่นบ้านเดช อ๊อดสลบอยู่ สันติเข้าไปเขย่าตัว
"อ๊อด..อ๊อดครับ"
อ๊อดรู้สึกตัว
"พี่อาร์ต"
อ๊อดชะงักมองไปเห็นอัมรายืนอยู่ข้างๆ มีอารีย์กับเดชด้วย อ๊อดดีใจ
"คุณพ่อ คุณแม่"
อ๊อดวิ่งเข้าไปหาเดชกับอารีย์ สองคนโอบกอดอ๊อด
"นี่อ๊อดไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยครับ"
"อ๊อดไม่กลัวพ่อกับแม่เหรอลูก" เดชถาม
"ไม่ครับ..อ๊อดไม่กลัวเลย อ๊อดดีใจที่ได้เจอคุณพ่อคุณแม่อีก"
อัมราตกใจหันไปเห็นพรรณรายที่นอนสลบอยู่ริมหน้าต่าง
"พี่พรรณ..ทำไมพี่พรรณไปนอนสลบอยู่ตรงนั้นคะ"
อัมราวิ่งเข้าไปประคองพี่สาว เดชกับอารีย์มอง
"ในที่สุดพิไลก็แสดงธาตุแท้ของตัวเอง" เดชบอก
ห้องหุ่น ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
อารีย์เข้าไปนั่งลงข้างๆลูบผมพรรณอย่างอ่อนโยน
"พรรณราย"
พรรณรายค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตาเห็นอารีย์ตรงหน้า ตกใจ ทำท่าจะหนี
"ว้าย...คุณแม่"
อัมรารีบปลอบ
"ไม่ต้องกลัวนะคะพี่พรรณ"
"อัมช่วยด้วย คุณแม่จะฆ่าพี่"
อารีย์บอกอ่อนโยน
"อย่ากลัวแม่เลยพรรณราย แม่ไม่มีวันทำร้ายลูกหรอกจ้ะ"
พรรณรายยังเถียงเสียงสั่นๆ
"แต่พรรณไม่ใช่ลูกของคุณแม่"
"แม่ไม่เคยคิดว่าพรรณไม่ใช่ลูก แม่รักลูกเท่าๆกับอัมราและอ๊อด"
พรรณรายอึ้ง เดชเสริม
"สิ่งที่พิไลบอกลูกมันไม่ใช่เรื่องจริง"
พรรณรายงงๆ
"แล้วเรื่องจริงมันคืออะไรละคะ"
เดชมองออกไปที่สนาม
"พ่อจะเอาตัวพิไลมาพูดความจริงให้ลูกฟังทั้งหมด"
เดชหายตัวไป พรรณรายยังกอดอัมรา มองอารีย์อย่างกลัวๆ สันติดูแลอ๊อดอยู่ใกล้ๆ อารีย์ยิ้มให้พรรณรายอย่างอ่อนโยน
เดชปรากฏร่างขึ้น เห็นเพทายกำลังสู้กับ เจ้าคุณ ทับ ลุงทวน มีพิไล มองอย่างพอใจ
"มันต้องแบบนี้สินังเพทาย จัดการพวกมันให้หมด"
เพทายใช้มือใหญ่เท่าใบลานตบกวาดไปทีเดียว เจ้าคุณ ทับ ลุงทวน พากันล้มกลิ้งไปคนละทาง เดชมองตกใจ พึมพำ
"ทำไมคุณเพทายถึงมีฤทธิ์มากขนาดนี้"
สมศรี พรรณี พีทปรากฏร่างขึ้นข้างๆเดช
"เพราะเพทายถูกไอ้หมอผีปลุกเสก อำนาจของอาคมทำให้เพทายมีฤทธิ์เดชมากกว่าวิญญาณธรรมดา" พรรณีบอก
"ให้มันรู้ไปว่าพวกเราทั้งหมดจะสู้ไม่ได้" สมศรีว่า
นางรำหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ไปปรากฏร่างอยู่ด้านหลังเพทาย แล้วตะโกนท้าทาย
" ฉันอยู่นี่"
เพทายหันกลับมา ยกขาใหญ่โตจะเหยียบ นางรำยกมือรับ แต่พลังของเพทายมากมาย กดตัวนางรำจนค่อยๆทรุดลงไปในดิน เดชรีบตะโกน
"หยุดนะคุณเพทาย"
เพทายชะงัก หันไปมองเดช
"คุณอย่ายอมเป็นเครื่องมือของคนชั่ว คุณจงตั้งสติให้ดี อย่าทำบาปกรรมอีกเลย"
เพทายหัวเราะ
"อย่ามากล่อมฉันเสียให้ยาก คนที่ฉันจะฟังก็คือนายท่านคนเดียวเท่านั้น"
เพทายเป่าลมพายุออกจากปาก หุ่นทั้งหมดพากันล้มตั้งตัวไม่ติด ลุงทวนปรึกษาเจ้าคุณ
"ถ้าใช้พลังสู้กันพวกเราคงสู้ไม่ได้แน่"
"ทวนพูดถูก พวกเราถอยออกมา"
หุ่นทั้งหมดพากันถอยมาอยู่ด้านหลังเจ้าคุณ เพทายมองสะใจ
"รู้แล้วใช่มั้ยว่าพวกแกไม่มีทางสู้ฉันได้"
พิไลตะโกนสั่งเสียงดัง
"ฆ่าพวกมันเลยเพทาย อย่าให้เหลือซักตัวเดียว"
เจ้าคุณบอกหุ่นทั้งหมด
"ฉันจะลองใช้ไม้ตะพดของท่านฤาษีดู เชื่อว่าบารมีของท่านน่าจะกำราบเพทายได้"
เจ้าคุณยกไม้ตะพดขึ้น พนมมือสวดคาถา ก่อนขว้างออกไป ไม้ตะพดกลายเป็นเชือกพันรอบร่างเพทายไว้อย่างรวดเร็ว เพทายตะลึง
"โอ๊ย..นี่มันเชือกอะไรกันเนี่ย"
เพทายพยายามดิ้นแต่เชือกกลับรัดแน่น ร่างเพทายค่อยๆหดเล็กลงเป็นปกติ
หุ่นทั้งหมดดีใจ พีทกระโดดตัวลอย พิไลเหวอแต่ยังตะโกนสั่ง
"เพทายสู้มันสิ ถ้าแกยอมแพ้พวกมันง่ายๆ ฉันจะฟ้องพี่เวทย์เร็วๆเข้า"
"ฉันทำแล้วแต่ทำไม่ได้ โอ๊ยยิ่งดิ้นฉันก็ยิ่งเจ็บโอ๊ย...ช่วยฉันด้วยสิพิไล"
พิไลเห็นท่าไม่ดี รีบหันกลับจะวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่เดชปรากฏร่างขวางอยู่ หน้าตาท่าทาง
น่ากลัว
"ว้ายพี่เดช"
"เธอหนีไม่พ้นแล้วพิไล"
พิไลหน้าซีดเผือด เดชจ้องน่ากลัว
ในห้องนั่ง พิไลสีหน้าหวาดกลัวมองเดชกับอารีย์ที่จ้องอยู่ สันติ อัมรา พรรณราย อ๊อดอยู่ด้วย
"พูดออกมาสิพิไล"
พิไลอึกๆอักๆ
"จะให้ฉันพูดอะไรละพี่เดช"
"พูดความจริงว่าทำไมเราถึงเลิกกัน ทำไมฉันถึงไม่ให้เธอกลับมาเจอลูกอีก"
พิไลหันไปมองพรรณราย ที่จ้องอยู่อย่างรอคำตอบ พิไลอึ้ง ลังเล
"ถ้าเธอโกหกแม้นแต่คำเดียวฉันจะหักคอเธอด้วยมือของฉันเอง"
พิไลสะดุ้ง รีบยกมือไหว้
"อย่านะพี่เดช ฉันจะพูดทุกอย่างจ้ะจะพูดแล้วW
พิไลมองหน้าพรรณรายอย่างละอายใจ
ที่บ้านเดช สมัยเป็นบ้านเก่าซอมซ่อ เดชปั้นหุ่นอย่างตั้งใจ พรรณรายนั่งเล่นของเล่นอยู่ใกล้ๆ ร้องไห้หิวนม พิไลนั่งกอดเข่าหน้าตาเฉย หม่อๆท่าทางเบื่อๆเซ็งๆ พรรณรายร้องดังขึ้น เดชหันมาถาม
"ทำไมไม่หาข้าวหาปลาให้ลูกกินล่ะพิไล"
พิไลหันมาตวาด
"จะเอาข้าวที่ไหนล่ะ ข้าวสารหมดหม้อตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"
เดชอึ้ง พรรณรายร้องไม่เลิก พิไลโมโห หันไปตีพรรณ
"นี่แนะร้องเก่งนักใช่มั้ย"
พรรณรายร้องดังขึ้น พิไลตีอีก
"เอ้าร้องเข้าไป จะร้องหาสวรรค์วิมานอะไรว่ะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว"
เดชวางมือจากปั้นหุ่นวิ่งมาดึงพรรณรายจากพิไล
"เธอจะบ้าเหรอพิไล ไปตีลูกทำไม"
พิไลแย่งพรรณรายมาจากเดช
"ฉันจะตีมันจะทำไม ก็มันอยากร้องเก่งนักนี่"
เดชดึงพรรณมาอีก ผลักพิไลกระเด็นไป ล้มลง
"เธอมันบ้าไปแล้ว ไม่พอใจอะไรก็ไปลงที่ลูก"
พิไลโมโหลุกขึ้นตวาด
"เออฉันมันบ้า บ้าที่มาอยู่กินกับพี่ไง วันๆปั้นแต่ไอ้หุ่นสับปะรังเค ไม่ทำมาหากินอย่างอื่น ฉันเบื่อจะเป็นบ้าจริงๆแล้ว"
พิไลวิ่งออกไปชนกับอารีย์ที่เดินสวนเข้ามาพอดี
"จะไปไหนนะพิไล"
พิไลไม่ตอบรีบวิ่งออกไป อารีย์หันมามองเดช
"เกิดอะไรขึ้นจ้ะพี่เดช เสียงพรรณรายร้องดังไปถึงบ้านฉันแหนะ"
เดชยืนอึ้งมองตามพิไลไปอย่างโกรธๆ พรรณรายยังร้องไม่หยุด อารีย์รีบวิ่งเข้ามาอุ้มพรรณรายจากเดช
"โอ๋ๆนิ่งซะนะพรรณรายหิวเหรอจ้ะ มาๆไปกะน้านะ เดี๋ยวน้าจะทำอะไรอร่อยๆให้กินนะจ้ะ อย่ากวนพ่อน่ะ"
อารีย์หอมแก้มพรรณรายซ้ายขวาด้วยความรัก พรรณรายหยุดร้องทันที
อารีย์หันไปพูดกับเดช
"พี่เดชไปทำงานต่อเถอะจ้ะฉันจะดูแลพรรณรายเอง"
อารีย์อุ้มพรรณราย เดชมองตาม ถอนใจ โล่งอก
พิไลอ้อมแอ้มพูดกับพรรณราย
"ตอนนั้นแม่บอกตรงๆว่าทนความลำบากไม่ไหว แม่ก็เลยพลอยหงุดหงิดใส่ลูก แม่ขอโทษ"
พรรณรายมองพิไลอย่างผิดหวัง เดชต่อดุๆ
"เล่าต่อสิพิไล เล่าไปให้หมด นอกจากเธอจะตีลูกอย่างไม่มีเหตุผลทุกวันแล้ว เธอทำเรื่องอะไรอีกเราถึงต้องเลิกกัน"
ทุกคนมองพิไล พิไลอึกอัก
"แม่"
พิไลมองเดชอย่างกลัวๆ
พิไลกำลังพลอดรักอยู่กับเทิดในสวน
"แหมพี่เทิด..พี่ซนแบบนี้ฉันก็ช้ำหมดสิจ้ะ"
"ก็แม่พิไลสวยบาดจิตบาดใจพี่จนพี่ทนไม่ไหวแล้วล่ะ มามะมาให้พี่เทิดจูบหน่อยนะ"
พิไลทำดีดดิ้นแต่ก็อ่อนโอนผ่อนตาม พิไลตาเหลือกตกใจสุดขีด เมื่อเห็นเดชยืนมองกัดกรามจนนูนเป็นสัน กำมือแน่นอย่างระงับอารมณ์เต็มที่
"ว้าย... พี่เดช"
พิไลกับเทิดผละออกจากกัน เทิดตกใจรีบวิ่งหนีไปหน้าตาเฉย พิไลนั่งตะลึง เดชมองสุดแค้น
พรรณรายที่ฟังอยู่มีสีหน้าตกใจ
"ไหนคุณแม่บอกว่าลุงเทิดเป็นพี่ชายไงค่ะ"
เดชหัวเราะเยาะ
"พี่ชายร่วมโลกไงล่ะ"
พรรณรายมองแม่อย่างผิดหวัง เดชจ้องพิไลและพูดต่อ
"ขนาดฉันให้อภัยเธอเพราะเห็นแก่ลูก แต่ผู้หญิงกากีอย่างเธอก็ยังหนีตามไอ้เทิดไปจนได้"
พิไลร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ฉันผิดไปแล้วพี่เดช"
พิไลค่อยๆเอื้อมมาจับมือลูก แต่พรรณรายถอยหนีสีหน้าผิดหวังสุดๆ
"แม่ขอโทษจริงๆนะพรรณราย"
พรรณส่ายหน้าเสียงสั่นๆ
"คุณแม่โกหกพรรณทุกอย่าง แทบยังโยนความผิดให้คุณแม่อารีย์"
พรรณรายลุกขึ้นเดินเข้าไปหาอารีย์ ก้มลงกราบ
"พรรณขอโทษค่ะคุณแม่ที่พรรณหลงโกรธเกลียดคุณแม่เพราะเข้าใจว่าคุณแม่มาแย่งคุณพ่อไปจากคุณแม่พิไล"
อารีย์ก้มลงประคองพรรณขึ้นมายิ้มอ่อนโยน
"แม่ไม่เคยโกรธลูกเลยพรรณรายที่ลูกทำไปทั้งหมดเพราะความเข้าใจผิด แม่ขอให้ลูกเริ่มต้นใหม่นะจ้ะ เป็นพี่ที่ดีของน้องๆเหมือนเดิม"
"ค่ะคุณแม่"
พรรณหันไปหาอัมราและอ๊อด
"อัม อ๊อดพี่ขอโทษนะ"
สามคนพี่น้องกอดกันและพากันร้องไห้อย่างดีใจ
"อัมก็ไม่เคยโกรธพี่พรรณเลยค่ะ"
"อ๊อดเคยโกรธครับ แต่ตอนนี้อ๊อดไม่โกรธแล้ว"
พรรณรายหัวเราะทั้งน้ำตา สันติ เดช อารีย์มองภาพสามพี่น้องอย่างตื้นตัน พิไลมองอย่างเจ็บใจ
ส่วนเพทายนั่งอยู่กลางห้องหุ่น ในสภาพที่โดนไม้ตะพดอาคมที่เปลี่ยนเป็นเชือกมัดเอาไว้
หุ่นทั้งหมดเฝ้ามองอยู่ เพทายมองหุ่นทุกตัวอย่างเคียดแค้น ลุงทวนถามเจ้าคุณ
"เราจะทำยังไงกับแม่ดาราคนนี้ดีครับ"
"ถ้าพวกแกไม่อยากเดือดร้อนก็ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้"
เจ้าคุณนรบดินทร์นิ่งคิด
"ปล่อยไม่ได้นะคะ ถ้าปล่อยไปเพทายต้องกลับไปบอกให้ไอ้หมอผีคนนั้นกลับมาเล่นงานพวกเราอีกแน่" พรรณีบอก
"เราจะปล่อยหรือไม่ปล่อยเพทายก็มีค่าเท่ากัน"
หุ่นทั้งหมดมีสีหน้าตกใจ
"ท่านเจ้าคุณหมายความว่าไอ้หมอผีมันจะมาที่นี้อีกอย่างนั้นหรือครับ" ทับว่า
"คนมีอาคมแก่กล้าขนาดนั้นป่านนี้คงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราเตรียมรับมือมันให้ดี"
หุ่นทั้งหมดมองหน้ากันต่างมีสีหน้าไม่สบายใจ
ฝ่ายเวทย์หลับตานั่งสมาธิอยู่ เวทย์ลืมตาทันทีสีหน้าท่าทางเจ็บใจ
"ขนาดผีนังโหงพรายเพทายยังแพ้พวกมัน เห็นทีงานนี้ข้าจะต้องไปจัดการด้วยตัวเองซะแล้ว"
เวทย์มีสีหน้าท่าทางมั่นใจมาก
พิไลเดินคอตกหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าออกมา พิไลเดินไปสามสี่ก้าวก็หยุดหันไปมองที่หน้าตึก
เดช อารีย์ สันติ อัมรา พรรณราย อ๊อดยืนมองอยู่ อารีย์น้ำเสียงไม่สบายใจ
"พี่เดชจะไม่ให้โอกาสพิไลอีกแล้วจริงๆเหรอจ้ะ"
"อย่าใจอ่อนอีกเลยอารีย์ เธอก็รู้ว่าคนอย่างพิไลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้"
อารีย์หันไปมองพรรณรายอย่างสงสาร
"แต่ลูกพรรณ"
พรรณรายชิงพูดขึ้นน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง
"ไม่ต้องห่วงพรรณหรอกค่ะคุณแม่ พรรณเชื่อว่าคุณพ่อทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว"
เดชมองพรรณรายอย่างพอใจ พรรณรายยิ้มตอบ
"ต่อไปนี้พรรณจะไม่ดื้อดึงเอาแต่ใจ พรรณจะเชื่อทุกอย่างที่คุณพ่อพูดเพราะพรรณรู้แล้วว่าคุณพ่อเลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพรรณ"
"ขอบใจมากลูกที่เชื่อใจพ่อ"
พิไลจำใจหันกลับเดินต่อไป ชะงัก สีหน้าดีใจสุดขีด เห็นเวทย์ยืนอยู่หน้าบ้าน พิไลตะโกนเสียงดัง
"พี่เวทย์"
เวทย์เดินเข้ามาช้าๆท่าทางน่าเกรงขาม
"เธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นพิไล ฉันจะช่วยเธอเอง"
เวทย์จ้องไปที่ทุกคนที่ยืนอยู่หน้าตึก
หุ่นทั้งหมดหันขวับมองไปทางหน้าบ้าน
"มันมาแล้ว" เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
เพทายสีหน้าดีใจ
"นายท่าน"
เพทายมองหุ่นทุกตัวอย่างสะใจ
"อีกไม่กี่นาที พวกแกทั้งหมดจะต้องกลายเป็นทาสรับใช้นายท่านอย่างแน่นอน"
เพทายหัวเราะเสียงดังน่าเกลียดน่ากลัว หุ่นทั้งหมดมองหน้ากัน เตรียมพร้อมที่จะรับมือเวทย์
เวทย์ล้วงเข้าไปในย่ามหยิบตุ๊กตาดินปั้นสองตัวออกมา เวทย์พึมพำบริกรรมคาถา ก่อนขว้างตุ๊กตาดินออกไปที่สนาม ตุ๊กตาดินสองตัวกลายเป็นผีดิบหน้าตาดุร้ายน่ากลัว เวทย์ออกคำสั่ง
"จงไปจัดการกับพวกมันให้หมดเดี๋ยวนี้"
ขาดคำเวทย์ ผีดิบสองตัวเดินตรงทื่อเข้าหาพวกเดชทันที เดชบอกสันติ
"อาร์ตรีบพาทุกคนหลบไปก่อน ทางนี้อาจะสู้กับมันเอง"
สันติลังเล เดชเร่ง
"รีบไปเร็วเข้า"
สันติพยักหน้า ทั้งสี่คนพากันวิ่งไป เดชหันกลับมา ผีดิบพุ่งเข้าบีบคอเดชและอารีย์พร้อมๆกันเดชพยายามสู้กับผีดิบจนหลุดออกมาได้ เดชตรงเข้าช่วยอารีย์ที่ถูกบีบคอจนตาเหลือก
เดชกระชากผีดิบให้หลุดออกมาจากอารีย์ได้ อารีย์ซวนเซล้มลง เดชเข้าประคอง
"เป็นยังไงบ้างอารีย์"
อารีย์เงยหน้ามองเดชแล้วตกใจ เวทย์เข้ามายืนอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ใช้บ่วงอาคมคล้องตัวเดชกับอารีย์ไว้ทันที เดชกับอารีย์ร้องอย่างเจ็บปวด เวทย์มองอย่างดุร้าย
"เสร็จข้าทั้งผัวทั้งเมีย"
พิไลเข้ามายืนอยู่หลังเวทย์ มองอารีย์และเดชด้วยความสะใจ
เจ้าคุณนรบดินทร์สีหน้าตกใจ
"พ่อเดชกับแม่อารีย์เสียท่ามันซะแล้ว"
"ผมจะไปช่วยเองครับ" ทับบอก
เจ้าคุณสีหน้าตระหนก
"มันมาแล้ว"
ขาดคำ อีกาดำตัวใหญ่หลายตัวบินทะลุกำแพงห้องหุ่นเข้ามาอย่างมากมายต่างรุมจิกหุ่นทุกตัวอย่างดุเดือด หุ่นทั้งหมดพยายามสู้ ทับใช้ดาบฟาดฟันอีกาได้อย่างจังๆแต่มันก็ไม่เป็นอะไร ชาวนาใช้เคียวตวัดจนคออีกาขาด แต่หัวมันก็กลับมาต่อกับตัวได้เหมือนเดิม อีกายังรุมจิกหุ่นต่อไป ร่างเวทย์ปรากฏขึ้นที่ประตูห้องหุ่นพร้อมกับพิไล
เพทายเห็นเวทย์ลงมาที่ห้องหุ่นก็ตะโกนอย่างดีใจ
"นายท่านช่วยฉันด้วย"
เวทย์ยื่นมือออกไปตรงหน้าปรากฏมีดสั้นในมือ
เวทย์พึมพำคาถาเป่าลงไปที่มีด แสงวาบขึ้น มีดลอยออกจากมือเวทย์พุ่งเข้าหาเพทาย ตัดเชือกที่รัดร่างเพทายอยู่ขาดสะบั้นออกจากกันทันที ร่างเพทายลุกขึ้น
เวทย์ออกคำสั่ง
"จับพวกมันให้หมด"
"ค่ะนายท่าน"
เพทายตรงเข้าช่วยอีกาเล่นงานพวกหุ่นทันที เวทย์กับพิไลยืนมองอย่างสะใจ
สันติพาอัมรา พรรณราย อ๊อดวิ่งหนีมา ทุกคนชะงัก ผีดิบสองตัวปรากฏร่างขวางหน้าอยู่ สันติตั้งสติ รีบหันมาบอกทุกคน
"น้องอัม พาคุณพรรณกับอ๊อดหลบไปทางอื่นก่อนพี่จะสู้กับพวกมันเอง"
อัมราตกใจ
"พี่อาร์ตจะสู้กับมันได้ยังไง มันไม่ใช่คนนะค่ะ"
"ยังไงก็ต้องลองดูครับ ทุกคนรีบหนีไปก่อนเร็ว"
อัมราส่ายหน้า
"ไม่ค่ะ ถ้าจะสู้ก็ต้องสู้ด้วยกัน"
อัมราหันไปมองพี่สาว พรรณรายพยักหน้าเห็นด้วย
"ใช่เราจะไม่ทิ้งกัน ผีก็ผีเถอะ"
พรรณรายหันไปมองอ๊อด
"อ๊อดก็ไม่กลัวใช่มั้ย"
"กลัวครับ แต่อ๊อดก็จะสู้ด้วย พวกเราลุยกันเถอะ"
ทั้งหมดพยักหน้าร่วมใจกัน ผีดิบตรงทื่อๆเข้ามา ทั้งสี่ต่างมองหาอาวุธหยิบได้ข้าวของแถวนั้น
ต่างช่วยกันรุมตีผีดิบที่เดินทื่อเข้ามา แต่ข้าวของกลับแตกหัก ผีดิบไม่เป็นอะไรเลย
"เราทำอะไรมันไม่ได้จริงๆ"
ผีดิบพุ่งเข้าบีบคออัมรา อีกตัวบีบคอพรรณ สันติ อ๊อดตกใจ สันตินึกได้ดึงสร้อยพระออกมา ยกมือไหว้ สันติวิ่งเข้าไปหาอัมราจี้สร้อยพระเข้าด้านหลังผีดิบ ผีดิบผงะร้องเสียงหลง ผละจากอัมราล้มนอนดิ้นพราดๆแล้วหายวับไป สันติรีบวิ่งไปที่พรรณรายทำแบบเดียวกัน ผีดิบผละจากพรรณราย ล้มลงร้องโหยหวนก่อนหายไปเหมือนกัน
อ๊อดกระโดดดีใจ
"ไชโย..พี่อาร์ตเก่งที่สุดเลย"
อัมรา กับพรรณรายมองสันติอย่างขอบคุณ เสียงหุ่นพากันร้องอย่างเจ็บปวดดังมาจากห้องหุ่น อัมราตกใจ
"หุ่นต้องโดนหมอผีเวทย์เล่นงานแน่ๆเลย เราต้องไปช่วยนะค่ะ"
สันติอึ้งคิดหนัก พรรณรายรีบพูด
"แต่คุณพ่อคุณแม่บอกให้พวกเราหนีไปนะ"
ทั้งสี่คนมองหน้ากันอย่างลังเล เสียงอารีย์และเดชร้องอย่างเจ็บปวด ทุกคนตกใจ
"คุณพ่อคุณแม่"
สองคนพากันวิ่งไปที่ห้องหุ่นทันที สันติตกใจตะโกนตาม
"น้องอัม คุณพรรณ"
สันติรีบวิ่งตาม อ๊อดวิ่งตามไปด้วย
เวทย์ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
"ในที่สุดพวกแกก็เสร็จข้าจนได้"
หุ่นทั้งหมด ถูกบ่วงอาคมรัดร่างไว้รวมกลุ่มอยู่กลางห้อง เพทายเฝ้ามองอยู่อย่างระแวดระวัง พิไลยืนอยู่ข้างเวทย์รีบถาม
"แล้วเราจะทำยังไงกับพวกมันต่อดีจ้ะพี่เวทย์"
เวทย์กำลังจะตอบ อัมรา พรรณรายวิ่งเข้ามาในห้องหุ่น มีสันติกับอ๊อดตามมาติดๆ
"คุณพ่อคุณแม่"
เดชกับอารีย์ตกใจ เดชตะโกน
"ออกไป"
อัมราสีหน้าเด็ดเดี่ยว
"ไม่ค่ะ พวกเราจะไม่ทิ้งคุณพ่อคุณแม่อย่างเด็ดขาด"
พรรณรายมองพิไลพูดจริงจัง
"พอซักทีเถอะค่ะคุณแม่ พรรณขอร้องคิดเสียว่าเห็นแก่พรรณได้มั้ยค่ะ"
พิไลระเบิดเสียงหัวเราะดังก้องห้องหุ่น
"ทำไมฉันต้องเห็นแก่แกด้วยพรรณราย แกก็รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ก็น่าจะรู้แล้วว่าฉันไม่เคยรักแกเลย"
พรรณรายอึ้ง อุทานอย่างผิดหวัง
"คุณแม่"
สันติก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเวทย์และพิไล
"คุณสองคนต้องการอะไร สิ่งที่คุณทำอยู่มันผิดมาก แต่ถ้าพวกคุณหยุดตอนนี้มันก็ยังไม่สายนะครับ"
"หุบปากของแกซะเถอะไอ้หน้าอ่อน"
เวทย์พึมพำคาถา ครู่เดียวสันติ อัมรา พรรณราย อ๊อดโดนมัดด้วยเชือกอาคมเหมือนกัน
ชิ้นนอนสลบอยู่ค่อยๆรู้สึกตัว ชิ้นลุกขึ้นนั่งมองรอบๆอย่างงงๆพึมพำ
"ทำไมเรามานอนอยู่ที่นี่"
สีหน้าชิ้นเหมือนนึกขึ้นมาได้ สีหน้าตกใจ
หน้าเพทายเส้นเลือดดำแผ่กระจายเต็มหน้า ตาดำหายไปเหลือแต่ตาขาว แสยะยิ้มปากกว้างถึงหู เห็นเลือดซึม แล้วค่อยๆไหลออกมาจากปากที่ฉีกออก ชิ้นตาค้างตะกุกตะกัก
"ผะ..ผะ..ผะผี"
ชิ้นร้องเสียงดัง
"ใช่แล้วผีหลอก ว้ายคุณอัมขาช่วยน้าด้วย"
ชิ้นวิ่งออกจากห้องครัวอย่างกลัวมากๆ
ชิ้นวิ่งหน้าตื่นร้องโวยวายเข้ามาในห้องนั่งเล่น
"คุณอัมขาช่วยน้าด้วยน้าโดนผีหลอก"
ในห้องนั่งเล่นว่างเปล่าไม่มีอัมราและอ๊อด ชิ้นสีหน้าหวาดกลัว
"หายไปไหนกันหมดเนี่ย"
เสียงร้องของสมศรีดังขึ้นอย่างโหยหวน ชิ้นตกใจสุดขีดมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก
"อย่าทำร้ายคุณครูเลยค่ะอัมขอร้อง"
ชิ้นทั้งตกใจเป็นแปลกใจ พึมพำ
"เสียงคุณอัม"
ชิ้นมองไปทางห้องหุ่น ตัดสินใจค่อยๆย่องไปที่ห้องหุ่นอย่างกล้าๆกลัวๆ -
เวทย์พึมพำบริกรรมคาถาอยู่ตรงหน้าหุ่นทั้งหมด พิไลกับเพทายอยู่ข้างๆ สันติ อัมรา พรรณราย อ๊อดโดนมัดรวมกันอยู่มุมหนึ่ง หุ่นนางรำกำลังถูกพลังอาคมของเวทย์ดูดเข้าหม้อดินตรงหน้าเวทย์อย่างช้าๆ สมศรีส่งเสียงร้องโหยหวน หุ่นทุกตัวต่างมีสีหน้าเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้ สมศรีหายเข้าไปในหม้อดิน เวทย์มองพอใจ เวทย์มองไปที่หุ่นนางพยาบาล เวทย์พึมพำคาถา พรรณีถูกพลังอาคมดูดเข้าหม้อดินไปอีก ชิ้นแอบดูอยู่ที่หน้าประตูห้องหุ่น สีหน้าตกใจ
ดำเกิงกับบุญเรือนมองหน้ากันแล้วหันไปมองชิ้นอย่างแปลกใจ
"ฝันไปหรือเปล่าชิ้น หุ่นในห้องหุ่นจะมีชีวิตได้ยังไง"
"นั้นซิ แถมยังมีหมอผีมาสะกดวิญญาณลงหม้ออีก"
"แต่ผมเชื่อว่าเรื่องที่น้าชิ้นพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริงครับ"
อาทรเข้ามา ดำเกิงถามแปลกใจ
"หมายความว่ายังไง"
"เรื่องมันยาวครับคุณพ่อไว้ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง"
ชิ้นรีบบอกอาทร
"รีบไปช่วยคุณอัมเถอะค่ะคุณออย"
อาทรพูดอย่างเคร่งขรึม
"ถ้าลองน้าพิไลพาหมอผีเข้ามาถึงที่นี่พวกเราคงช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับน้าชิ้น"
ชิ้นสีหน้าผิดหวัง
"แต่ผมเชื่อว่ามีคนคนหนึ่งที่จะช่วยได้"
อาทรมั่นใจมาก ดำเกิง บุญเรือนมองอาทรอย่างไม่เข้าใจ
ห้องหุ่น ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
หลวงตามองอาทรด้วยสีหน้านิ่งสงบ
"หลวงตาคิดอยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องร้ายเพราะปกติเจ้าอาร์ตไม่เคยไปค้างอ้างแรมที่อื่น"
"ฟังจากน้าชิ้นเล่าไอ้หมอผีคนนี้มันคงเป็นคนเดียวกับที่ทำน้ำมันพรายแน่ๆครับ"
หลวงตาพยักหน้าช้าๆ
"หลวงตาก็คิดอย่างนั้น"
"คงจะมีแต่หลวงตาคนเดียวแล้วละครับที่จะช่วยทั้งคนและหุ่นทั้งหมดได้"
หลวงตานิ่งสีหน้าหนักใจ
เวทย์ปิดผ้ายันต์อาคมลงบนปากหม้อดิน พึมพำบริกรรมคาถา เป่าลงไปบนผ้ายันต์เห็นผ้ายันต์ติดแน่นบนปากหม้อดิน เวทย์หันมาพูดกับพิไล
"เรียบร้อย"
พิไลถามตื่นเต้น
"หมายความว่าไอ้หุ่นผีพวกนี้มันจะออกมาอีกไม่ได้แล้วใช่ไหนจ้ะพี่เวทย์"
"ใช่ เดี๋ยวข้าจะเอาพวกมันไปฝังไว้ที่ป่าช้ารอวันพระจันทร์เต็มดวง ข้าจะปลุกเสกพวกมันมาไว้เป็นทาสรับใช้"
พิไลลุกเดินเข้าไปหาสันติ อัมรา พรรณรายและอ๊อด ซึ่งมีเพทายยืนคุมเชิงอยู่ พรรณรายพูดอย่างไม่พอใจ
"คุณแม่จะทำบาปไปถึงไหนกันคะ ที่ผ่านมาคุณแม่ก็ทำแต่เรื่องที่เลวร้ายกับคุณพ่อและคุณแม่อารีย์ พรรณว่ามันน่าจะพอได้แล้ว"
พิไลตวาด
"แกหุบปากไปเลยพรรณราย อย่าคิดว่าแกเป็นลูกฉัน แล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรแกนะ"
พรรณรายพูดอย่างไม่กลัว
"คุณแม่อยากจะทำอะไรพรรณก็เชิญ แต่ขอให้ปล่อยคุณพ่อคุณแม่และก็หุ่นทั้งหมดก็พอ"
อัมราช่วยขอร้อง
"ได้ไหมค่ะน้าพิไล อัมขอร้องนะค่ะ"
พิไลมองอัมราอย่างสมเพชหันหลังจะเดินกลับ
"น้าพิไลจะให้อัมทำอะไรอัมจะยอมทำทุกอย่าง"
พิไลชะงัก สีหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้หันกลับไปมองอัมราอีกครั้ง
"แกพูดจริงหรอว่าแกจะยอมทำได้ทุกอย่าง"
อัมราตอบอย่างมั่นใจ
"จริงค่ะ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตอัม อัมก็ยอม"
สันติ พรรณราย อ๊อดหันมามองอัมราอย่างตกใจ
"น้องอัม /ยัมอัม/พี่อัม"
อัมรามีสีหน้าเด็ดเดี่ยว
พิไลวางกระดาษกับปากกาวางตรงหน้า เวทย์ยืนมองข้างๆสีหน้าแปลกใจ
"เขียนลงไปสิ ว่าแกขอมอบทรัพย์สินทุกอย่าง ที่เป็นส่วนของแกและไอ้อ๊อดให้ฉันเป็นคนดูแลแล้วฉันจะยอมปล่อยไอ้หุ่นผีพวกนั้น"
เวทย์ดึงพิไลถอยห่างออกไปกระซิบ
"เธอจะให้ฉันปล่อยหุ่นพวกนั้นจริงหรอพิไล"
พิไลกระซิบตอบ
"พี่เวทย์ยังไม่รู้จักฉันดีพออีกเหรอ"
ทั้งคู่พยักหน้า ยิ้มร้ายพอๆกัน พิไลเดินกลับมา อัมรายังนั่งนิ่ง
"เกิดลังเลเสียดายทรัพย์สมบัติขึ้นมาหรือไง"
"อัมไม่เคยสนใจกับสมบัตินอกกายหรอกค่ะ แต่อัมจะแน่ใจได้ยังไงว่า ถ้าอัมยกทุกอย่างให้น้าพิไล แล้วน้าพิไลจะปล่อยคุณพ่อคุณแม่และหุ่นทั้งหมดจริงๆ"
พิไลหันไปมองเวทย์ก่อนหันกลับมาตอบอย่างรวดเร็วเหมือนไม่ใส่ใจ
"เอ้า ฉันสาบานก็ได้"
อัมราน้ำเสียงจริงจัง
"สาบานว่าอะไรคะ"
พิไลพูดโพล่งออกมา
"ให้ฉันตายเลยเอ้า"
เวทย์สะกิดตกใจ พิไลหันมากระซิบ
"ไม่ต้องตกใจไปหรอกพี่เวทย์มีใครเกิดมาแล้วไม่ตายบ้างล่ะ"
เวทย์อึ้งๆพิไลหันไปพูดกับอัมรา
"ฉันสาบานแล้วไง ที่นี้แกจะเขียนได้หรือยัง"
อัมรานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจหยิบปากกาขึ้นมามองหน้าพิไลสลับกับมองที่กระดาษตรงหน้า
สันติ พรรณราย อ๊อดปรึกษากันอย่างไม่สบายใจ เพทายยืนเฝ้าหม้อดินอยู่ห่างๆ สันติกระซิบ" คุณคิดว่าคุณน้าพิไลจะให้น้องอัมไปทำอะไรครับ"
พรรณกระซิบตอบ
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่หวังว่ายัยอัมคงจะไม่ทำอะไรโง่ๆนะ"
"จะต้องมากระซิบกระซาบกันทำไม ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันไม่ใช่คน"
พรรณรายจ้องเพทายอย่างเกลียดชัง
"ฉันไม่ลืมหรอกว่าแกเป็นผีไปแล้ว และก็ไม่ลืมด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นผีก็เลวเหมือนเดิม"
เพทายตาเขียววาบขึ้นมาอย่างโกรธแค้นเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมายืนตรงหน้าพรรณราย
"ปากดีมากนักนะแก"
เพทายบีบคอพรรณรายทันที พรรณรายตาเหลือก สันติกับอ๊อดตกใจมาก
รถอาทรขับเข้าบ้านมา ดำเกิง บุญเรือน ชิ้นรออยู่ รีบวิ่งออกมา
ทั้งสามคนเห็นอาทรเปิดประตูรถลงมาคนเดียว ดำเกิงถามแปลกใจ
"ไหนล่ะคนที่บอกพ่อว่าจะมาช่วยได้"
บุญเรือนชะเง้อมองไปที่รถอีก
"ไม่เห็นมีใครมากับลูกสักคน"
ชิ้นร้อนใจ
"โธ่เอ๊ย คุณอัม คุณอ๊อดของน้าต้องแย่แน่ๆ"
บุญเรือนพูดกับดำเกิง
"คุณค่ะฉันว่าเรารีบไปแจ้งตำรวจดีกว่า"
อาทรรีบบอกทุกคน
"ใจเย็นๆครับ คนที่จะมาช่วยตอนนี้เข้าไปในบ้านสัตยาภาแล้ว ผมเชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะเรียบร้อย ตอนนี้พวกเราคงมีหน้าที่แค่รอ"
ดำเกิง บุญเรือน ชิ้นได้แต่มองหน้ากัน ประมาณสงสัยว่าเป็นใคร อาทรมีสีหน้ามั่นใจมาก
สันติร้องอย่างตกใจ
"อย่านะครับคุณเพทาย อย่าทำร้ายคุณพรรณเลย"
เพทายยังบีบคอพรรณราย
"จะขอชีวิตมันทำไม มันเคยร้ายกับนายแค่ไหน นายจำไม่ได้เหรอ"
"ผมไม่สนใจหรอกครับ ถ้าเรามัวแต่ยึดติดว่าใครจะร้ายกับเรา แล้วเอาแต่อาฆาตแค้น ชีวิตเราก็จะไม่มีความสุขนะครับ"
เพทายสวนทันควัน
"ไม่ต้องมาสอนฉัน นังนี่มันร้ายกาจมาก ว่าฉันเลวแกก็เลวไม่ต่างกับฉันหรอก ฉันไม่แปลกใจเลยที่แม่แท้ๆของแกยังไม่เอาแก จะบอกให้เอาบุญว่าแม่แกกำลังหลอกให้อัมรายกสมบัติให้และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพวกแกนั้นแหละจะโดนฆ่าทิ้งทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าฉันฆ่าแกตอนนี้มันก็มีค่าเท่ากัน"
เพทายเค้นคอพรรณรายแรงขึ้น พรรณรายตาเหลือก สันติพยายามดิ้นจะให้
เชือกหลุดร้องตะโกนอย่างตกใจ
"อย่านะครับคุณเพทาย อย่า"
เพทายหัวเราะอย่างดุร้าย
"อย่าก่อกรรมทำบาปอีกเลย"
เพทายชะงักหันมามอง หลวงตายืนอยู่กลางห้องหุ่นมองมาที่เพทายด้วยสายตาสงบนิ่ง สันติอุทานอย่างดีใจ
"หลวงตา"
พิไลกับเวทย์มองหน้ากันแล้วมองอัมราอย่างลุ้นๆ พิไลพูดอย่างโมโห
"ถ้าแกมัวแต่ลีลา ฉันอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ"
อัมรามองหน้าพิไล ในที่สุดอัมราตัดสินใจเขียนลงบนกระดาษ
พิไลหันมามองเวทย์ต่างคนต่างยิ้มให้กันอย่างสมใจ
หลวงตามองเพทายด้วยแววตาอ่อนโยน
"ปล่อยโยมพรรณรายเสียเถอะ"
เพทายหัวเราะอย่างน่ากลัวก่อนปล่อยพรรณรายอย่างแรงจนล้มลงไป พรรณรายจับรอบคอตัวเองอย่างเจ็บมาก
"เป็นยังไงบ้างครับคุณพรรณ"
พรรณรายโมโห
"คอเกือบหักสิ ถามได้"
พรรณรายหันไปจ้องเพทาย
"ขอให้มันโดนหลวงตาจับถ่วงน้ำซะเลย"
"หลวงตาท่านมีเมตตา ท่านไม่ทำร้ายคุณเพทายหรอกครับ" สันติบอก
"ถ้าไม่ฆ่ามัน มันก็จะฆ่าพวกเรานะ"
สันติไม่ตอบมองไปที่หลวงตากับเพทาย พรรณรายกับอ๊อดมองตาม
เพทายจ้องหลวงตาอย่างดุร้าย เดินเข้าไปหาท่าทางน่ากลัว
"เป็นพระไม่อยู่ส่วนพระ อยากลองดีกับฉันก็ได้เลย"
เพทายแสดงอิทธิฤทธิ์เกิดลมพายุอย่างรุนแรงในห้องหุ่น หลวงตากลับยืนสงบนิ่งเปล่งคำพูดก้องกังวานด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
"สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพะยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ อาตมาขออุทิศบุญกุศลที่ได้เคยทำไว้ทั้งในอดีตและปัจจุบันให้แก่โยนเพทาย ขอโยมจงรับบุญกุศลที่อาตมาอุทิศให้เพื่อวิญญาณของโยมจะได้หลุดพ้นจากอาคมอันชั่วร้ายและได้ไปสู่ภพภูมิที่โยมควรไป"
ระหว่างที่หลวงตาพูดเกิดแสงสว่างส่องสู่ร่างเพทาย พร้อมละอองแห่งบุญโปรยปรายลงมาต้องร่างของเพทาย
เพทายตกตะลึงคลายจากอาการดุร้าย ค่อยๆสงบทรุดลง มองหลวงตาอย่างคาดไม่ถึงน้ำเสียงสั่นเครือ
"ฉันจะทำร้ายท่าน แต่ท่านกับแผ่เมตตาเพื่อปลดปล่อยวิญญาณของฉัน"
"เพราะอาตมาไม่ได้คิดจะมาทำร้ายโยม โยมได้รับความทุกข์ทรมานมามากแล้ว ขอจงหยุดความแค้นความอาฆาตทำใจให้สงบนิ่ง อาตมาจะปลดปล่อยวิญญาณให้โยมเอง"
เพทายนิ่งคิดก่อนหันไปมองสันติ พรรณราย อ๊อด
"ฉันขอโทษที่ทำร้ายพวกเธอ อโหสิกรรมให้ฉันด้วยนะ"
"พวกผมขออโหสิกรรมให้คุณเพทายครับ"
เพทายยิ้มพอใจหันกลับมาหาหลวงตา นั่งพับเพียบพนมมือน้ำเสียงอ่อนโยน
"ดิฉันพร้อมแล้วค่ะ"
เพทายหลับตาสีหน้าสงบนิ่ง หลวงตามองพอใจหลับตาพึมพำสวดคาถาปลดปล่อยวิญญาณเพทายทันที
ร่างเพทายค่อยๆเลือนก่อนจางหายเป็นอากาศธาตุ ทุกคนมองอย่างตกตะลึง หลวงตาสีหน้าอิ่มเอม
อัมรากำลังเขียนรายละเอียดในการยกทรัพย์สินให้พิไล เวทย์กับพิไลยืนดูอยู่
เวทย์มีสีหน้าแปลกใจหันไปมองทางห้องหุ่น เวทย์จะเดินไป
"พี่เวทย์จะไปไหน"
เวทย์ตอบเคร่งขรึม
"ห้องหุ่น"
"มีอะไรหรือจ้ะพี่ นังเพทายมันก็เฝ้าอยู่นี่"
เวทย์ไม่ตอบรีบเดินไป พิไลพึมพำ
"อะไรของเค้า"
พิไลหันกลับมาเร่งอัมรา
"เร็วๆเข้าสิ"
อัมรามองพิไลนิ่งๆแต่ก็เขียนต่อไปเรื่อยๆ พิไลอดหันไปมองเวทย์อีกครั้งอย่างแปลกใจไม่ได้
สันติ พรรณราย อ๊อด ยืนมองหม้อดินอาคม หลวงตาอยู่ด้วย
"ไอ้หมอผีมันขัง คุณพ่อคุณแม่และหุ่นทั้งหมดไว้ในนี้ครับหลวงตา"
หลวงตาลูบหัวอ๊อด
"ไม่ต้องห่วงนะ หลวงตากำลังจะช่วยหุ่นทั้งหมดเดี๋ยวนี้ละ"
หลวงตาหันมามองสันติ
"อาจใช้เวลาพอสมควร คงต้องให้เจ้าช่วยด้วย เพราะตอนนี้หมอผีรู้แล้วว่า โยมเพทายถูกปลดปล่อยไป"
สันติมองหน้าหลวงตาอย่างเข้าใจ
"ครับหลวงตา"
สันติรีบออกไปจากห้องหุ่นอย่างรวดเร็ว หลวงตาหันไปสั่งพรรณรายกับอ๊อด
"เจ้าสองคนถอยออกไปก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้อยู่ในความสงบ"
พรรณรายโอบอ๊อดพากันถอยออกไปอยู่มุมห้อง หลวงตานั่งลงตรงหน้าหม้อดินอาคมหลับตานั่งสมาธิพึมพำ สวดมนต์ด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง ยันต์อาคมเริ่มขยับเหมือนมีแรงดึงอย่างน่าอัศจรรย์
สันติค่อยๆเดินมาอย่างระวัง เห็นเวทย์ กำลังเดินตรงมา สันติคิดหาทางถ่วงเวทย์
แล้วรีบวิ่งไปอีกทาง เวทย์ชะงักหันมองไปทางสันติ เวทย์สีหน้าเอาเรื่องพึมพำ
"คิดจะเล่นซ่อนหากับคนอย่างข้าเหรอ"
สันติหลบซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่ง ไม่เห็นเวทย์ตามมา ก็แปลกใจ ผีดิบปรากฏร่างขึ้นด้านหลังสันติ ตรงเข้าบีบคออย่างรวดเร็ว สันติตกใจหันมาพยายามสู้กับผีดิบ ดิ้นจนหลุดหันไปคว้าเก้าอี้ทุบเข้าไปที่ตัวผีดิบ แต่เก้าอี้แตกกระจาย ผีดิบไม่เป็นอะไร เวทย์เข้ามามองสันติ ออกคำสั่งเสียงดัง"ฆ่ามัน ฮ่ะๆๆๆ"
ผีดิบตรงเข้าบีบคอ สันติพยายามจะสู้แต่สู้ไม่ได้ ขาสันติเริ่มลอยขึ้นจากพื้น ตาเหลือก
เวทย์หันกลับจะเดินไปห้องหุ่น ทันใดนั้นสภาพอากาศเกิดแปรปรวนอย่างหนัก ฝนฟ้าคะนองเสียงดัง
เวทย์ชะงัก เสียงผีดิบแหกปากร้องอย่างเจ็บปวด
"อ๊าก"
หัวผีดิบขาดกลิ้งมาอยู่แทบเท้าเวทย์ เวทย์ตกใจหันกลับไปมอง เห็นทับยืนถือ
ดาบที่เปื้อนเลือดหน้าตาน่ากลัว พรรณีกำลังช่วยปฐมพยาบาลสันติ เวทย์เจ็บใจ
"ถึงจะมีคนช่วยพวกแกออกมาได้ แต่พวกแกก็ไม่อาจหนีพ้นเงื้อมมือข้าได้หรอก"
"มันก็ไม่แน่หรอก ไอ้หมอผีชั่ว" เจ้าคุณบอก
เจ้าคุณนรบดินทร์ขขยับตะพดในมืออย่างน่ากลัว ลุงทวน สมศรี และพีทปรากฏร่างขึ้นข้างๆเจ้าคุณ เวทย์กวาดสายตามองหุ่นที่ละตัวน้ำเสียงอหังการมาก
"มาเลย จะมากันอีกกี่ตัวข้าก็จะจับพวกแกให้หมด"
เวทย์ค่อยๆนั่งลงอย่างน่าเกรงขามพึมพำบริกรรมคาถาอย่างน่ากลัว หุ่นทั้งหมดอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรับมือ
อัมราเขียนเอกสารเสร็จลงชื่อตัวเองเรียบร้อย อัมรามองหน้าพิไล พิไลดีใจรีบเข้าไปกระชากกระดาษมายืนอ่าน พิไลยิ้มสมใจพึมพำ
"ในที่สุดทรัพย์สมบัติของพี่เดชก็ต้องเป็นของฉันคนเดียว"
" แน่ใจเหรอพิไล"
ทั้งพิไลและอัมราตกใจ เดชปรากฏร่างขึ้น
"ว้าย พี่เดช / คุณพ่อ"
"ถ้าเธออยากได้สมบัติของฉันมากนัก เธอก็ต้องไปอยู่กับฉัน พิไล"
เดชเดินตรงเข้าไปหา พิไลถอยหนีอย่างหวาดกลัว
"ไม่ อย่านะอย่าทำอะไรฉัน ฉันยังไม่อยากตาย"
พิไลหันกลับวิ่งหนีออกจากห้องอย่างหวาดกลัว เดชหันมามองอัมรา
"ไม่ต้องกลัวนะลูก พ่อจะจัดการทุกอย่างให้เอง"
อัมรารีบบอกอย่างตกใจ
"ไม่นะคะคุณพ่อ คุณพ่ออย่าทำร้ายน้าพิไลนะค่ะ อัมไม่อยากให้คุณพ่อมีบาปติดตัวอีก"
เดชไม่ตอบหายวับไปทันที อัมรานึกขึ้นได้
"พี่พรรณ พี่อาร์ต ตาอ๊อด"
ห้องหุ่น ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
ในห้องหุ่น พรรณรายบอ๊อดกำลังกอดอารีย์อย่างดีใจ หลวงตายืนมองอยู่ข้างๆ
"คุณแม่ พี่พรรณ อ๊อด"
ทั้งหมดหันไปมอง อัมราวิ่งเข้ามากอดอารีย์ พรรณ อ๊อด
"อัมดีใจเหลือเกินค่ะ ที่ทุกคนปลอดภัย"
อารีย์รีบดึงลูกทั้งสามให้นั่งลง อารีย์ก้มกราบหลวงตา ลูกทั้งสามทำตาม
"ถ้าไม่ได้หลวงตาพวกเราทั้งหมดคงแย่ ดิฉันไม่คิดเลยว่า ความโลภของพิไลจะทำให้เรื่องต่างๆวุ่นวายได้มากถึงขนาดนี้"
"ความโลภของมนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด"
พรรณรายถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ
"คุณพ่อจะทำร้ายคุณแม่พิไลหรือเปล่าคะ"
"จริงด้วยค่ะ คุณพ่อตามน้าพิไลไป อัมพยายามห้ามแล้วแต่คุณพ่อไม่ฟัง"
"ไม่ต้องห่วงหรอกลูกต่อให้โกรธยังไง คุณพ่อก็ไม่มีวันทำร้ายพิไล แค่จะสั่งสอนให้หลาบจำเท่านั้นเอง พิไลจะได้ไม่กล้าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก"
พรรณรายสีหน้าท่าทางโล่งใจขึ้น โผเข้ากอดอารีย์อีกครั้ง
พิไลวิ่งหน้าตื่นมาแล้วชะงัก เดชปรากฏร่างขวางไว้
"จะรีบไปไหนล่ะพิไล"
พิไลลนลานถอยกรูด
"อย่าพี่เดช อย่าฆ่าฉันเลย ฉันกลัวแล้วฉันสาบานฉันจะไปจากที่นี่ฉันจะไม่กลับมาอีก"
เดชหัวเราะเยาะ
"มันสายไปแล้วละพิไล ในเมื่อเธออยากได้ทรัพย์สมบัติของฉัน เธอต้องไปอยู่กับฉัน ฉันจะเอาเธอไปอยู่ด้วย"
เดชเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว พิไลกรีดร้องตกใจ
"ว้าย ไม่เอาไม่ไป ฉันไม่ไปอยู่กับพี่ฉันยังไม่อยากตาย"
พิไลหันวิ่งหนีไปอีกทาง
"พี่เวทย์ช่วยด้วย พี่เวทย์"
เวทย์พึมพำบริกรรมคาถา ทับกับลุงทวนค่อยๆเคลื่อนเข้าหา เวทย์ลืมตา แบมือออกไปข้างหน้าเห็นลูกประคำอาคมปรากฏในมือ
เวทย์ขว้างออกไปลูกประคำคล้องตัวหุ่นทั้งสองเกิดเป็นเปลวไฟเผาไหม้หุ่น หุ่นทั้งสอง กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด หุ่นทั้งหมดและสันติตกใจ
"เข้ามาเลย ข้าจะไม่จับพวกแกเป็นทาสแล้ว แต่ข้าจะทำลายพวกแกให้สิ้นซาก"
"พอสักทีเถอะโยม"
เวทย์หันไปมองเห็นหลวงตา อารีย์ อัมรา พรรณและอ๊อด ยืนอยู่
"นึกว่าใคร เป็นพระก็ควรจะละจากทางโลกไปซะ มายุ่งให้เรื่องมันวุ่นวายไปทำไม"
"จงหยุดก่อกรรมทำชั่วเสียทีเถอะ วิชาอาคมที่โยมมีควรนำไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรจะได้ไม่เสียแรงที่ครูบาอาจารย์ได้สั่งสอนมา"
"จะไปเทศน์ก็ไปเทศน์ที่อื่น ข้าไม่อยากจะทำร้ายพระ"
หลวงตาพึมพำสวดมนต์แล้วเป่าออกไปที่หุ่นทั้งสอง ไฟอาคมดับมอดลงทันที ลูกประคำขาดกระจายลงพื้น เวทย์เจ็บใจ
"อยากจะลองดีกับข้านักใช่มั้ย ได้เลย"
เวทย์กำมือพึมพำคาถาเป่าลงไปในมือแล้วขว้างออกไปที่พื้นตรงหน้าหลวงตา กลายเป็นงูอาคมตัวใหญ่เลื้อยเข้าหาหลวงตาอย่างดุร้าย ทุกคนตกใจ หลวงตาสีหน้าสงบนิ่งพึมพำแล้วเป่าเบาๆออกไป ปรากฏร่างพังพอนเข้าสกัดงูอาคมไว้ ทั้งสองสู้กันอยู่ไม่นานพังพอนเป็นฝ่ายชนะและทั้งคู่ต่างหายไป
เวทย์โกรธมาก เวทย์ทำท่าจะเป่าของอาคมออกมาอีก หลวงตารีบพูด
"ไม่ว่าเจ้าจะเสกอะไรออกมา ธรรมะก็ย่อมชนะอธรรมเสมอ"
"คนอย่างข้าไม่เคยเชื่อคำโบราณที่งมงายแบบนี้หรอก ถ้าท่านคิดว่าธรรมะจะชนะอธรรมได้เราก็มาลองสู้ด้วยพลังแห่งธรรมะและอธรรมดูกันซักตั้ง"
เวทย์นั่งลงบริกรรมคาถาทันที ทุกคนหันไปมองหลวงตาอย่างเป็นห่วง หลวงตายืนมองด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
เวทย์รวบรวมพลังแห่งความชั่วร้าย ปล่อยออกมาจากมือทั้งสองข้างเป็นควันสีดำ พุ่งเข้าใส่หลวงตา ทุกคนตกใจ หลวงตาค่อยๆยกมือข้างหนึ่งขึ้น ในท่าปางห้ามญาติ เห็นเป็นลำแสงสีขาวพุ่งออกจากฝ่ามือหลวงตา ลำแสงสีขาวกับสีดำปะทะกันอยู่ตรงกลาง เวทย์หน้าตาโกธรเกรี้ยว เหงื่อซึมทั่วใบหน้า ในขณะที่หลวงตายังมีท่าทางสงบนิ่งแต่มีเหงื่อซึมทั่วใบหน้าเช่นกัน
"พี่เวทย์ช่วยฉันด้วย"
พิไลวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาหาเวทย์
"พี่เวทย์"
พิไลเสียหลักสะดุดขาตัวเอง ล้มทับไปบนตัวเวทย์ ชายกระโปรงพิไลคร่อมไปบนหัวเวทย์
เวทย์ตกใจผลักพิไลออก ร้องเสียงดัง
"เฮ้ย ทำบ้าอะไรนะพิไล"
เวทย์ปัดหัวตัวเองอย่างตกใจ
"ข้าวของเสื่อมหมดนังบ้าเอ๊ย"
ทันใดนั้นอากาศเกิดแปรปรวนขึ้นมาทันที เสียงผีต่างๆร้องโหยหวนขึ้นมาอย่างน่าสยดสยอง เวทย์หน้าเสีย
หลวงตาตกใจ ผีและอสูรกายต่างๆปรากฏขึ้นอย่างมากมายด้วยท่าทาง อาฆาตแค้น ทั้งหุ่นและคนต่างตกใจ
เดชปรากฏร่างขึ้นข้างหลวงตา
"มันเกิดอะไรขึ้นครับหลวงตา"
หลวงตายังไม่ทันตอบ ผีและอสูรกายต่างพุ่งเข้าร่างเวทย์ ส่งเสียงน่ากลัว gหมือนกำลังกัดกินภายในร่าง เวทย์ตาเหลือกลาน ร่างบิดเบี้ยวร้องด้วยความเจ็บปวด ทุกคนตะลึง ตามลำตัวเวทย์เหวอะหวะ ครู่เดียว เวทย์กระอักออกมาเป็นเลือดก่อนล้มลงสิ้นใจตายตาเหลือกค้าง เห็นผีและอสูรกายพุ่งออกจากร่างเวทย์แล้วหายไปในอากาศ พิไลตกใจสุดขีด วิ่งเข้าไปเขย่าตัวเวทย์ร้องเรียกเหมือนคนบ้า
"พี่เวทย์ พี่เวทย์เป็นอะไรไป พี่เวทย์ฟื้นสิ พี่เวทย์"
สันติเข้ามาพยายามจะดึงพิไลออกมาจากศพเวทย์
"หมอเวทย์ตายแล้วครับน้าพิไล"
พิไลหันมาจ้องสันติ ตวาดอย่างโมโห
"ไม่จริง พี่เวทย์มีคาถาอาคมแก่กล้าจะตายง่ายๆได้ยังไง"
"ก็เพราะเธอนั้นละเป็นคนทำให้คาถาอาคมของ หมอเวทย์เสื่อม จนโดนพวกผีต่างๆที่เค้าเคยสะกดไว้ย้อนกลับมาเล่นงานเอา" เจ้าคุณบอก
พิไลส่ายหน้าท่าทางไม่อยากเชื่อ ร้องไห้ออกมา
"พี่เวทย์ตายจริงๆเหรอ แล้วใครจะช่วยฉันกำจัดไอ้หุ่นผีพวกนี้ละ"
"จนป่านนี้ยังไม่เลิกคิดเรื่องชั่วๆอีกเหรอพิไล" เดชว่า
พิไลสะดุ้ง หันมามองเดชอย่างหวาดกลัว
"พี่เดชอย่านะ อย่าทำอะไรฉัน ฉันกลัวแล้ว อย่า..."
พิไลลุกขึ้นวิ่งหนี อารีย์รีบตะโกนบอก
"เดี๋ยวพิไลไม่มีใครทำร้ายเธอหรอก"
พิไลไม่ฟังวิ่งพรวดพราดออกไป สันติรีบลุกขึ้นหันไปบอกทุกคน
"ผมจะไปตามคุณน้าพิไลให้เองครับ"
สันติวิ่งตามออกไป ทุกคนต่างมองศพเวทย์อย่างรู้สึกเศร้าใจ
พิไลวิ่งหนีมาด้วยท่าทางหวาดกลัว หันซ้ายหันขวา เหลียวหน้าเหลียวหลังอย่างระแวง พิไลพึมพำ
"ไม่นะ อย่านะ"
"พิไล"
พิไลตกใจหันไปมอง เห็นผีเทิดยืนอยู่มุมหนึ่งกวักมือเรียก
"พิไล ไปอยู่กับฉันดีกว่า"
พิไลตาเหลือก
"ว้าย พี่เทิด พี่เทิดตายแล้วนี่ ไม่นะ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปกับพี่"
"พิไล"
พิไลตกใจหันไปมอง เห็นผีเวทย์ยืนอยู่มุมหนึ่งกวักมือเรียก
"ไปอยู่กับฉันเถอะพิไล"
พิไลส่ายหน้าถอยกรูด
"ไม่ พวกแกเป็นผี ฉันไม่ไปอยู่กับใครทั้งนั้น ไม่ฉันยังไม่อยากตาย"
สันติวิ่งตามมาชะงัก เห็นพิไลยืนพูดอยู่คนเดียวด้วยท่าทางหวาดกลัวแล้ววิ่งออกไปที่ถนนใหญ่ รถกระบะวิ่งมาอย่างเร็ว สันติตะโกนอย่างตกใจ
"ไม่"
เสียงแตรรถดังก้องแสบแก้วหูพร้อมกับเสียงรถกระบะชนร่างพิไล สันติยืนตะลึง จ้องภาพตรงหน้าอย่างตกใจ
"น้าพิไล"
ร่างพิไลนอนตายอยู่บนฝากระโปรงรถกระบะ สภาพน่าสยดสยอง
รูปพิไลติดอยู่หน้าเจดีย์เก็บกระดูก พรรณรายวางดอกไม้ที่พื้นหน้าเจดีย์
"ขอให้วิญญาณคุณแม่ไปสู่สุคตินะค่ะ"
พรรณรายลุกขึ้นหันไปพูดกับน้องทั้งสองที่ยืนมองอยู่
"แน่ใจนะว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่โกรธที่เราทำแบบนี้"
อัมรายิ้ม มองไปที่เจดีย์เก็บกระดูกที่อยู่ติดกับพิไล เห็นรูปเดชคู่กับอารีย์ติดอยู่ที่หน้าเจดีย์เก็บกระดูก
"ไม่หรอกค่ะ อัมแน่ใจว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องยินดีต้อนรับคุณน้าพิไล เพราะจริงๆแล้วท่านทั้งสามก็เป็นเพื่อนรักกันมาก่อน"
อัมราเดินไปนั่งลงตรงหน้าเจดีย์ของเดชกับอารีย์เอื้อมมือไปลูบเบาๆที่รูปถ่าย
"คุณพ่อคุณแม่ ไม่โกรธพวกเราใช่ไหมค่ะ"
ลมที่นิ่งสงบอยู่กลับพัดเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนมองหน้ากัน ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ในห้องหุ่น เสียงหลวงตาสวดมนต์อยู่ มีสายสิญจน์อยู่ในมือ ปลายสายสิญจน์โยงไปที่
หุ่นแต่ละตัว สันติ อัมรา พรรณราย อ๊อด ดำเกิง นั่งฟังหลวงตาสวดอย่างสงบ ถัดไป บุญเรือน ชิ้น นั่งเบียดกันสายตาเหลือบมองหุ่นอย่างกลัวๆ บุญเรือนกระซิบชิ้น
"ชิ้นตกลงหุ่นในนี้มีชีวิตจริงๆเหรอ ฉันมองๆดูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยนี่น่า"
ชิ้นกระซิบตอบ
"จริงเสียยิ่งกว่าจริงอีกค่ะคุณ คืนนั้นอิฉันเห็นเต็มๆสองตา"
บุญเรือนมองไปที่หุ่นพีท พีทยิ้มทะเล้นให้ บุญเรือนตาเหลือกรีบก้มหน้าหลับตาปี๋ ขยับเข้าหาชิ้นกระซิบเสียงสั่นๆ
"ฉันเชื่อแล้วชิ้น ฉันเองก็เห็นเต็มๆสองตาเลย"
เสียงหลวงตาสวดมนต์จบลง หลวงตามองที่หุ่นทุกตัว
"ขอให้วิญญาณขอโยมทั้งหมดจงละวางจากการยึดติดกับเรื่องต่างๆ ทำใจให้สงบและไปสู่ภพภูมิที่โยมควรจะไป"
ญญาณหุ่นทั้งหมดก้าวออกมาจากหุ่นแล้วพากันนั่งลงที่พื้น สันติ อัมรา พรรณ อ๊อดมองอย่างปกติ จุฑาตกใจนิดๆแต่ควบคุมตัวเองได้ ดำเกิงอึ้งๆ บุญเรือนกับชิ้นกลัวตัวสั่น
เดช อารีย์มองดำเกิง
"ผมคงต้องขอฝากลูกไว้กับคุณพี่ทั้งสอง พวกแกก็ไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว"
"ไม่ต้องห่วงนะ ผมยินดีจะช่วยดูแล ผมและคุณบุญเรือนก็รักแกเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆ"
บุญเรือนนิ่ง ดำเกิงหันไปสะกิด
"ใช่ไหมคุณ"
บุญเรือนตอบหวาดๆ
"เออ ใช่ค่ะ คุณน้องทั้งสองไม่ต้องห่วงอีกแล้วนะค่ะ พี่จะดูแลเด็กๆให้เอง ไปที่ชอบที่ชอบเถอะค่ะ"
เดชกับอารีย์ยิ้มมองชิ้น
"ขอบใจมากนะชิ้น สำหรับทุกอย่างที่ชิ้นทำให้ฉันและลูกๆ"
ชิ้นรับคำกลัวๆ
"ไม่…. ไม่เป็นไรค่ะ"
เดช อารีย์มองที่สันติกับอาทร
"ขอบใจเธอทั้งสองคนมากนะ" เดชบอก
ทั้งสองคนยิ้มรับ เดชอารีย์มองเลยไปที่จุฑาที่ยิ้มตอบ
"ลูกทั้งสามจะไม่มีพ่อและแม่คอยคุ้มครองอีกต่อไป ขอให้ลูกทั้งสามจงรักกันให้มากๆ พี่ก็ขอให้เมตตาต่อน้อง น้องก็ให้เคารพพี่"
"พรรณจะรักและเมตตาน้องๆให้เหมือนกับที่คุณพ่อสอนค่ะ"
"อัมกับอ๊อดก็จะเคารพและเชื่อฟังพี่พรรณค่ะ"
อารีย์พูดเสริมขึ้น
"ขอให้ลูกของแม่จงเป็นคนดีและความดีจะคุ้มครองปกป้องลูกๆเอง"
อัมรา พรรณ อ๊อด พากันคลานเข้าไปตรงหน้าเดชและอารีย์ก้มกราบ พ่อ แม่ ลูกกอดกันอีกครั้ง
"ได้เวลาแล้ว" หลวงตาบอก
อัมรา พรรณ อ๊อด ค่อยๆถอยออกมาสีหน้าเศร้า หลวงตาพึมพำสวดมนต์ วิญญาณหุ่นทั้งหมดก้มลงกราบหลวงตานิ่งอยู่อย่างนั้น แล้ววิญญาณหุ่นทั้งหมดค่อยๆเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน พี่น้องกอดกันแล้วร้องไห้เงียบๆ
หลายปีผ่านไป ดำเกิงเดินเข้าไปในครัว มีสีหน้าแปลกใจ เห็นบุญเรือนกับชิ้นกำลังช่วยกันอยู่ท่าทางชุลมุนวุ่นวาย บุญเรือนเสียงดัง
"เอ้า เร็วๆเข้าซิชิ้น ไก่อยู่ไหนหม้อแกงเดือดแล้วเห็นมั้ย"
ชิ้นวิ่งถือชามใส่ไก่ที่สับเป็นชิ้นเอามาส่งให้
"อยู่นี้ค่ะ คุณ"
"ใส่ลงไปเลย แล้วพวกมะเขือกับพริกชี้ฟ้าละหั่นหรือยัง"
ชิ้นตกใจ
"อุ๊ย ตายจริงอิฉันมัวแต่คั้นกะทิกับไปเด็ดใบโหระพาอยู่เลยลืมค่ะ"
ดำเกิงเดินเข้ามาเย้า
"โอ้โห ทำขนมจีนแกงเขียวหวานเนี่ยนะ ทำไมมันดูชุลมุนวุ่นวายกันนักนะ"
บุญเรือนหันมาค้อน
"หมั่นไส้คนที่มีหน้าที่กินจริงๆ รู้ไว้เถอะค่ะว่าเบื้องหลังความอร่อยนะมันวุ่นวายอย่างนี้ละค่ะ"
พรรณรายเข้ามาน้ำเสียงสดใส เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
"มีอะไรให้พรรณช่วยมั้ยค่ะคุณป้า"
บุญเรือนดีใจ
"แหม มาได้จังหวะเลยกำลังต้องการอยู่ทีเดียว ช่วยป้าหั่นมะเขือหน่อยได้มั้ยจ้ะ"
"ได้ซิค่ะ"
พรรณรายตรงไปที่มะเขือหยิบมาหันอย่างคล่องแคล่ว ครู่เดี๋ยวเสร็จ จากนั้นหยิบพริกชี้ฟ้ามาหั่นเฉียงๆอย่างสวยงาม บุญเรือนกับดำเกิงมองพรรณราย ยิ้มอย่างชื่นชม
"แหม เดี๋ยวนี้หนูพรรณทำกับข้าวคล่องแคล่วเชียวนะจ้ะ"
พรรณรายยิ้มน่ารัก
"ก็เพราะคุณป้า สอนพรรณนะซิค่ะ เอาอย่างนี้ดีมั้ยค่ะ เดี๋ยวพรรณปรุงแกงเขียวหวานต่อให้เอง คุณป้ากับคุณลุงออกไปรอข้างนอกเถอะค่ะ รู้สึกว่าพี่ออยกับพี่อาร์ตจะมากันแล้ว"
"ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไปดูด้วยว่าหนูอัมจัดโต๊ะเสร็จหรือยัง"
ดำเกิงถอนใจ
"นี่แค่งานฉลองรับปริญญาของหนูอัมกับหนูพรรณนะเนี่ย ถ้าเป็นงานแต่งสงสัยจะชุลมุนวุ่นวายมากกว่านี้แน่ๆ"
ทั้งหมดหัวเราะกันอย่างมีความสุข
อาหารหลายอย่างวางบนโต๊ะ ทุกคนอยู่ครบหมด ดำเกิงกระแอมไอแล้วพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
"วันนี้ถือเป็นวันดีที่สุดอีกวันหนึ่ง ลุงกับป้าขอเป็นตัวแทนคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงแสดงความยินดีที่หนูพรรณกับหนูอัมเรียนสำเร็จสมอย่างที่ตั้งใจ"
พรรณรายกับอัมรายกมือไหว้
"ขอบคุณมากค่ะคุณลุง คุณป้า"
"เสียดายนะครับที่น้องอ๊อดอยู่โรงเรียนประจำเลยอดฉลองด้วยกัน" สันติบอก
"ไม่เห็นเป็นไรเลย เสาร์นี้ตาอ๊อดกลับมาเราก็ฉลองกันอีกรอบก็ได้" อาทรบอก
ทั้งหมดพากันหัวเราะ อาทรถูมือตามองกับข้าวอย่างอยากกินมาก
"ลงมือเลยนะครับ"
อาทรตักแกงเขียวหวานขึ้นมาชิม อาทรทำเสียงสูดปากอย่างอร่อย
"อื่ม แกงเขียวหวานฝีมือคุณแม่กี่ปี ก็ไม่มีตกเลยอร่อยยังไงก็ยังงั้น ถ้าผมจะแต่งงานคงต้องให้ว่าที่เจ้าสาวมาเรียนทำแกงเขียวหวานกับคุณแม่ก่อน ถ้าไม่ได้รสนี้ผมไม่แต่งเด็ดขาด"
บุญเรือนกับดำเกิงมองตากันแล้วหัวเราะ
"จริงนะ" บุญเรือนว่า
"จริงซิครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมชอบกินแกงเขียวหวานมากที่สุด"
"ถ้าอย่างนั้น พ่อกับแม่ก็คงหาว่าที่เจ้าสาวให้เราได้แล้วละ"
อาทรหันไปมอง พรรณรายหน้าแดงก่ำรีบลุกขึ้น
"เออ เดี๋ยวพรรณไปเอาน้ำให้นะค่ะ"
พรรณรายเดินออกไป บุญเรือนรีบบอกอาทร
"ไปช่วยน้องยกน้ำสิ"
อาทรชี้หน้าตัวเอง
"ผมเหรอครับ"
"ก็ใช่นะซิ ไปเร็ว"
อาทรรีบลุกออกไป ทุกคนมองตามขำๆ
อาทรเดินเข้ามาเสียงแก้วแตก อาทรตกใจ เห็นพรรณรายกำลังเรียงแก้วใส่ถาดแต่หยิบพลาด แก้วใบหนึ่งตกลงพื้นแตกกระจาย พรรณรายก้มลงเก็บโดนแก้วบาดมือ ร้องตกใจ
"อุ๊ย"
อาทรรีบเข้ามาดึงมือพรรณไปดูอย่างเป็นห่วง
"บาดลึกหรือเปล่าเนี่ย"
อาทรมองเลือดที่ออกมา อาทรทำหน้าตกใจ
"สงสัยคงต้องตัดนิ้วทิ้งแล้วละน้องพรรณ"
พรรณรายหน้าซีด ตกใจมาก
"อะไรนะคะ ถึงกับต้องตัดนิ้วเลยเหรอค่ะพี่ออย"
อาทรกลั้นหัวเราะไม่สำเร็จ หลุดหัวเราะออกมา พรรณรายรู้ตัวว่าถูกหลอกตีอาทรอย่างแรง
"พี่ออยนี่ หลอกพรรณเหมือนตอนเด็กๆเลย"
อาทรพูดไปหัวเราะไป
"แสดงว่าน้องพรรณยังจำได้ละซิ"
"ตอนนั้นพรรณซนทำแก้วแตกแล้วบาดมืออย่างนี้ล่ะ พี่ออยก็หลอกว่าพรรณต้องโดนตัดนิ้ว พรรณร้องไห้ใหญ่เลย"
"แล้วพอพี่ยกมือพรรณขึ้นแล้วเป่าเพี้ยงให้แบบนี้"
อาทรยกมือพรรณราขยขึ้นมาเป่าเหมือนเด็กๆแล้วมองหน้า
"บอกว่าหายแล้วไม่ต้องตัดนิ้วแล้ว พรรณดีใจมากแล้วพรรณก็…."
"ก็อะไรจ้ะ "
"พรรณลืมไปแล้วค่ะ"
"แต่พี่ไม่ลืมนะ น้องพรรณก็หอมแก้มพี่แล้วบอกว่ารักพี่ออยที่สุดในโลก"
พรรณรายหน้าแดงก่ำ อาทรเอียงแก้มให้อะ
"อะไรค่ะ"
"ก็พี่เป่าเพี้ยงให้แล้วไง"
"อย่าเลยค่ะ เอาไว้ให้ว่าที่เจ้าสาวของพี่ออยหอมเถอะ"
"ว่าที่เจ้าสาวของพี่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าพี่แล้วไง"
พรรณรายตะลึง เรียกชื่ออาทรอย่างดีใจ
"พี่ออย"
สองคนสบตากัน พรรณรายถามอย่างไม่มั่นใจ
"พี่ออย แน่ใจแล้วเหรอค่ะ พรรณมีอะไรที่ไม่ดีตั้งหลายอย่าง ทำไม่ดีกับพี่ออยไว้ก็ตั้งเยอะ"
อาทรค่อยๆโอบพรรณเข้ามา พรรณโอนอ่อนผ่อนตาม
"หลายปีมานี้ น้องพรรณเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนทำให้พี่ลืมน้องพรรณคนเก่าไปหมดแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะไม่พูดถึงอดีตกันอีกนะ จะมีแต่อนาคตที่มีแต่เราสองคนเท่านั้น"
พรรณรายพยักหน้าน้ำตาซึม ซบอกอาทร ยิ้มอย่างมีความสุข
สันติกับอัมราก้มลงกราบหุ่นเดชกับอารีย์ หุ่นทั้งหมดอยู่ประจำที่ของตัวเอง
"คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ อัมเรียนสำเร็จปริญญาตรีแล้วนะค่ะ ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ยังอยู่ คุณพ่อคุณแม่คงดีใจมากใช่มั้ยค่ะ"
หุ่นเดชและหุ่นอารีย์ยืนสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางรับรู้ อัมราหันมามองสันติเสียงเศร้า
"ตั้งแต่วันที่หลวงตาทำพิธีวันนั้น หุ่นทั้งหมดรวมทั้งหุ่นคุณพ่อ คุณแม่ก็กลายเป็นหุ่นปกติไม่มีใครในบ้านได้เห็นวิญญาณพวกท่านอีกเลย"
"ท่านคงไปสู่สุคติแล้วละครับ แต่พี่เชื่อว่าท่านทั้งสองยังคงเฝ้ามองและยินดีกับความสำเร็จของน้องอัมในวันนี้"
อัมราพยักหน้าเห็นด้วย
"ถ้าอย่างนั้นเราออกไปกันเถอะค่ะ"
"เดี๋ยวครับ"
อัมรามองสันติเชิงถาม สันติพูดต่อ
"พี่มีเรื่องจะเรียนขออนุญาต คุณอาเดชและคุณอาอารีย์"
"เรื่องอะไรค่ะ"
สันติพนมมือมองที่หุ่นเดชและอารีย์ น้ำเสียงจริงจัง
"คุณอาทั้งสองครับ ผมเรียนจบปริญญาโทแล้ว ตอนนี้ผมทำงานเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยและกำลังจะได้ทุนต่อปริญญาเอกที่ต่างประเทศ ผมอยากขออนุญาตแต่งงานกับน้องอัมราก่อนที่ผมจะไปต่างประเทศครับ"
อัมราตกใจคาดไม่ถึง
"ผมไม่มีพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่ไหน หลวงตาที่เคารพที่สุดก็ได้มรณภาพไปแล้ว ผมจึงขออนุญาตสู่ขอน้องอัมด้วยตัวของผมเอง ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องอัมด้วยชีวิตของผมครับ"
สันติก้มลงกราบหุ่นเดชและอารีย์ก่อนหันมายิ้มให้อัมรา
อัมราตีหน้าเฉย น้ำเสียงราบเรียบ
"การจะสู่ขอต้องถามความสมัครใจของอีกฝ่ายหนึ่งก่อนไม่ใช่เหรอคะ"
สันติทำหน้างง
"น้องอัม น้องอัมหมายความว่ายังไงครับ"
"พี่อาร์ตยังไม่ได้ถามอัมซักคำว่าอัมจะแต่งงานกับพี่อาร์ตหรือเปล่า"
สันติหน้าซีดเผือด ลุกขึ้นจับมืออัมราไว้อย่างร้อนรน
"น้องอัมครับ น้องอัมพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง หลายปีที่ผ่านมานี้พี่เข้าใจว่าเรามีใจที่ตรงกัน"
"จะยังไงก็ตามก่อนที่พี่อาร์ตจะพูดกับคุณพ่อคุณแม่ พี่อาร์ตก็ควรจะถามความสมัครใจของอัมก่อน ว่าอัมพร้อมหรือเปล่าทำแบบนี้มันเหมือนมัดมือชกกันนะคะ"
สันติตกใจมาก
"น้องอัมครับพี่ขอโทษ ที่น้องอัมพูดก็ถูก พี่ยังไม่ได้ถามน้องอัมซักคำ พี่ขอโทษจริงๆ ถ้าอย่างงั้นพี่ขอถามน้องอัมตอนนี้เลยได้มั้ย"
"ถ้าอย่างนั้นอัมขอตอบจากใจจริง ว่าไม่ค่ะ"
สันติปล่อยมืออัมราอย่างตกใจ หน้าเสียก้มหน้านิ่ง อัมราแอบมอง พูดต่อน้ำเสียงราบเรียบ
"ไม่ปฏิเสธค่ะ"
สันติเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วยิ้มอย่างดีใจมากที่สุด
"น้องอัม"
อัมรายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน สองคนโผเข้ากอดกัน ครู่หนึ่งสันติมองอัมอย่างเอาเรื่อง
"แกล้งหลอกให้พี่หัวใจแทบวาย แบบนี้ต้องทำโทษเสียให้เข็ด"
สันติจะหอมอัมรา อัมราผลักสันติแล้ววิ่งหนี
"ถ้าจับได้อัมจะยอมให้ทำโทษ"
อัมราวิ่งหนีไปหลบที่หุ่นแต่ละตัว สันติวิ่งไล่ตามทั่วแต่จับไม่ได้ สองคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข ก่อนพากันวิ่งออกไปจากห้องหุ่น
หุ่นแต่ละตัวมีรอยยิ้ม สีหน้าแสดงอาการรับรู้ เสียงหัวเราะของหุ่นดังขึ้นในห้องหุ่นอีกครั้ง
จบบริบูรณ์