xs
xsm
sm
md
lg

ห้องหุ่น ตอนที่ 10

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ห้องหุ่น ตอนที่ 10

เย็นต่อเนื่อง ชิ้นยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน
 
ชิ้นหันไปมองพึมพำสงสัย
"เอ๊ะรถรับจ้างมาส่งใครกันนะ"
ชิ้นวิ่งไปปิดน้ำที่ก๊อกริมสนาม รีบเดินไป ยังไม่ทันถึงประตูเห็นอัมราเปิดประตูเล็กเข้ามา
ชิ้นทักแปลกใจ
"อ้าวคุณอัม..ทำไมมารถรับจ้างละคะ แล้วคุณพรรณกับคุณอาร์ตไปไหนซะละคะ"
อัมราชะงักมองชิ้นตอบเรียบๆ
"อัมไม่ค่อยสบายเลยกลับมาก่อนจ้ะ"
อัมราเดินไป ชิ้นพยักหน้าเข้าใจ
"อ๋อค่ะ"
ชิ้นเดินไปที่ก๊อกน้ำจะเปิดน้ำชิ้นชะงัก หันไปมองอัมราที่เข้าบ้านไปแล้ว
ชิ้นแปลกใจ
"เอ๊ะ..เมื่อกี้ทำไมเสียงคุณอัม..เหมือนเสียง..คุณผู้หญิงเลย"
ชิ้นอึ้งๆ มองรอบๆ อากาศเริ่มจะมืดอย่างหวาดๆ ชิ้นส่ายหน้าเร็วๆ
"ไม่ใช่นะ..แม่ลูกเสียงก็อาจจะคล้ายๆกันได้ ไม่มีอะไรนะนังชิ้น"
ชิ้นรดน้ำต่อ แต่ท่าทางหวาดๆเหลียวมองรอบๆ ตลอดเวลา

อัมรานอนหลับตาอยู่บนเตียง วิญญาณอารีย์ลุกออกจากร่างลูกสาว มานั่งข้างๆลูบผมอัมอย่างอ่อนโยน
"อัมรา..ถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วนะจ้ะ"
อัมราทำท่าเหมือนจะรู้สึกตัว พึมพำ
"คุณแม่...คุณแม่ขา"
เสียงเคาะประตูห้อง
"อัม..อัมรา"
อารีย์หันไปมองที่ประตู
"พี่เดช"
อารีย์หันกลับมา อัมรารู้สึกตัวค่อยๆลืมตางงๆ เสียงเคาะประตูเสียงเดชยังเรียกอยู่
"อัม..ลูกอยู่ในห้องหรือเปล่า..อัมรา"
อัมราค่อยๆลุกขึ้นนั่ง มองรอบๆงงๆ รีบขานรับเดช
"ค่ะ..คุณพ่อ"
อัมราลุกขึ้นยังเซนิดๆ อัมสะบัดหัว ค่อยๆเดินไปที่ประตู เปิดประตู เดชยืนรออยู่
"หลับอยู่เหรอลูก"
"เอ้อค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นล้างหน้าตาล้างตาแล้วไปหาพ่อที่ห้องหุ่นหน่อยนะ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย"
"ค่ะ"
เดชเดินไป อัมราเดินกลับมานั่งที่เตียง อารีย์ยังนั่งรออยู่ อมรากุมหัวงงๆ
"นี่เรากลับมาบ้านได้ยังไง"
อัมราพยายามคิดแต่คิดไม่ออก ลุกเดินไปห้องน้ำ อารีย์มองตามแปลกใจ
"พี่เดชมีอะไรจะคุยกับลูกอัมกันนะ"

ชิ้นรดน้ำเสร็จ กำลังจะเดินไปหลังบ้าน เสียงแตรรถ ชิ้นหันมาเห็นรถพรรณรายรออยู่ ชิ้นวิ่งไปเปิด สันติขับเข้ามาพรรณรายนั่งมาข้างๆ
สันติจอดรถหน้าตึก รีบลงมาเปิดประตูให้ พรรณรายลงมายิ้มหวานพูดคุยหยอกล้อกันร่าเริง ชิ้นปิดประตูเสร็จเดินมาช้าๆ มองแปลกใจเมื่อพรรณรายถาม
"น้าชิ้นป้าผอบกลับไปแล้วเหรอ"
"คุณผอบไม่ได้มานี่คะ"
"อ้าวแล้วยัยอัมล่ะ"
"คุณอัมกลับมาเมื่อครู่นี้เองค่ะ"
พรรณแปลกใจ
"มายังไง"
"มารถรับจ้างค่ะ"
"ตอนนี้ยัยอัมอยู่ไหน"
"คงอยู่บนห้องมั้งคะ"
พรรณรายพยักหน้า ชิ้นเดินไป แล้วหลบแอบดู เห็นพรรณรายหันมามองสันติ
"ขอบคุณนะคะที่ขับรถมาส่ง อาร์ตกลับดีๆนะ"
"คุณพรรณไล่ผมแล้วเหรอครับ ผมยังไม่อยากกลับเลย"
"ไม่ได้ไล่ค่ะ แต่พรรณคิดว่าอาร์ตน่าจะเหนื่อยก็เราเที่ยวกันมาทั้งวันแล้ว"
พรรณรายปิดปากหาว
"ขนาดพรรณยังเหนื่อยเลย"
พรรณรายหาวอีก
"พรุ่งนี้เราค่อยไปเที่ยวกันใหม่นะคะ"
"อีกสิบกว่าชั่วโมงกว่าจะได้เจอหน้าคุณพรรณอีก ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทนไหวมั้ย"
พรรณรายหัวเราะ
"นึกไม่ถึงเลยนะคะคนนิ่งๆเฉยๆอย่างอาร์ตจะพูดจาแบบนี้ก็เป็น เอาน่านะคะพรุ่งนี้จะให้อยู่จนดึกเลย" พรรณรายหาวอีก "วันนี้พรรณรู้สึกง่วงจัง"
สันติฝืนใจพยักหน้า
"ก็ได้ครับ แต่คุณพรรณต้องคิดถึงผม ฝันถึงผมคนเดียวนะ"
"รับรองค่ะ"
พรรณรายเขย่งขึ้นหอมแก้มสันติ สันติยิ้มออก แต่แล้วแกล้งทำหน้าบึ้ง
"แค่นี้เองเหรอครับ งั้นผมยังไม่ไป"
พรรณรายทำท่าอ่อนใจ เอียงแก้มตัวเองให้ สันติยิ้มออกบรรจงหอมแก้มพรรณราย
"ชื่นใจที่สุดเลย ที่รักของผม"
"ที่นี่กลับได้แล้วนะคะ"
"ครับ"
สันติเดินไปหน่อยหันกลับมา พรรณรายโบกมือให้ สันติโบกตอบ เดินไปอีกนิดก็หันมา
เดินไปหันมามองไปตลอดทางอย่างอาวรณ์ จนลับประตูรั้วไป
พรรณรายรีบเดินเข้าบ้าน ชิ้นแปลกใจมากพึมพำสงสัย

"นึกว่าคุณอาร์ตชอบคุณอัมเสียอีก ทำไมมันกลับตาลปัดแบบนี้หว่า แต่ท่าทางคุณอาร์ตดูแปลกๆแหะเหมือนไม่ใช่คุณอาร์ตคนเดิม"

ในห้องหุ่น หุ่นเดชเสร็จแล้ว อัมรามองอย่างทึ่งๆหันไปถามพ่อ
 
"ที่คุณพ่อไม่ให้ใครเข้ามา เพราะคุณพ่อปั้นหุ่นตัวเองอยู่เหรอคะ"
เดชพยักหน้าเหนื่อยๆ
"ใช่..พ่ออยากปั้นให้เสร็จเร็วที่สุด"
"ทำไมคะ"
"เพราะคงเป็นสิ่งเดียวที่พ่อจะทำเพื่อแม่ได้ ก่อนตายแม่เคยบอกพ่อว่า อยากให้เรามีหุ่นคู่กัน"
เดชเศร้า อัมรามองพ่ออย่างเห็นใจ
"โธ่คุณพ่อ"
อัมราโผกอดเดช
"คุณพ่ออย่าคิดมากเลยนะคะ ตอนนี้หุ่นก็เสร็จแล้ว คุณพ่อไปพักผ่อนเถอะนะคะ อัมจะทำอะไรอร่อยๆให้คุณพ่อทาน"
"พ่อพักแน่ แต่พ่ออยากพักอยู่ในห้องหุ่นนี้ พ่ออยากอยู่ใกล้ๆแม่"
อัมราอึ้ง
"ที่พ่อเรียกอัมมาพบเพราะพ่อมีอะไรบางอย่างจะให้ลูก"
เดชเดินไปหยิบกุญแจพวงใหญ่มายื่นให้
"กุญแจอะไรคะ"
"กุญแจตู้เก็บเครื่องประดับของแม่ เงินสดพร้อมทั้งเอกสารสำคัญต่างๆรวมทั้งโฉนดที่ดินที่พ่อสะสมไว้ทั้งหมด พ่ออยากให้อัมเป็นคนดูแลแทนแม่"
อัมราลังเล
"แต่..อัมว่าคุณพ่อน่าจะให้พี่พรรณเป็นคนดูแลมากกว่านะคะ"
เดชจับมืออัมรา วางกุญแจให้
"พรรณรายเป็นคนใจร้อนเอาแต่ใจและไม่มีเหตุผล พ่อมั่นใจว่าอัมจะทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าๆกับแม่"
อัมราอึ้งมองเดช เดชมองตอบพยักหน้าให้ อัมรารับคำ
"ก็ได้ค่ะ"
"ขอบใจมากลูก แค่นี้พ่อก็สบายใจแล้ว ถ้าพ่อตายก็คงตายตาหลับ"
อัมราตกใจ โผเข้ากอดเดช
"คุณพ่ออย่าพูดแบบนี้สิคะ อัมใจคอไม่ดีเลย อัมรักคุณพ่อนะคะ คุณพ่อต้องอยู่กับอัมไปนานๆนะคะ"
เดชกอดตอบลูบผมอ่อนโยน
"พ่อก็รักลูก"
เดชเศร้า อารีย์มองพ่อลูกอย่างสะเทือนใจ

พรรณรายเดินมาทางห้องหุ่น ชะงัก หลบเห็นอัมราออกมาจากห้องหุ่นในมือถือกุญแจพวงใหญ่ อัมราเดินไปอีกทาง พรรณรายมอง แปลกใจ
"กุญแจอะไร ทำไมคุณพ่อให้ยัยอัมไม่ให้เรา"
พรรณรายเข้าใจพรรณ
"คงจะให้ยัยอัมดูแลบ้านล่ะสิ คุณพ่อก็ลำเอียงตามเคย แต่ฉันไม่สนหรอก ฉันเอาเวลาไปเที่ยวดีกว่า ใครอยากจะเป็นแม่บ้านแม่เรือนก็เชิญ เชอะ"
พรรณมองไปในห้องหุ่นอย่างไม่พอใจ ก่อนเดินเชิดไปไม่สน

ชิ้นเตรียมถ้วยชามอยู่ในครัว เห็นอัมราเดินเข้ามา
"หิวแล้วเหรอคะคุณอัม น้ากำลังเตรียมถ้วยชามอยู่ค่ะ แต่กับข้าวเสร็จหมดแล้ว"
"ยังค่ะ..เอ้อน้าชิ้นคะวันนี้ คุณป้าผอบกับพี่พงษ์มาส่งอัมเหรอคะ แล้วน้าชิ้นเป็นคนพาอัมขึ้นไปบนห้องใช่มั้ยคะ"
ชิ้นมองอัมรา งง
"เอ๊ะ..ไม่มีใครมาส่งหรอกค่ะ ก็คุณอัมมารถรับจ้างเองนี่คะ"
อัมรางงกว่าชิ้น
"อะไรนะคะอัมเนี่ยเหรอมารถรับจ้าง แล้วอัมไปเรียกตอนไหนกันคะ"
"อ้าว..น้าจะรู้ได้ยังไงละคะ น้าเห็นก็ตอนคุณอัมมาแล้ว น้ายังถามคุณอัมเลยว่า ทำไมถึงมารถรับจ้างคุณพรรณกับคุณอาร์ตไปไหน"
อัมราฟังอย่างตั้งใจ
"แล้วยังไงคะ"
"คุณอัมตอบน้าว่าไม่สบายเลยกลับมาก่อนค่ะ"
อัมราทำหน้างงมากๆ
"อัมเจอน้าชิ้นด้วยเหรอคะ"
"ค่ะ"
อัมราพยายามคิด
"ทำไมอัมจำไม่ได้....แปลกจัง"
ชิ้นนึกอะไรได้
"พูดถึงเรื่องแปลก เอ้อมีเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งค่ะW
ชิ้นลังเล อัมรีบถาม
"อะไรคะที่ว่าแปลก"
ชิ้นมองรอบๆ อย่างหวาดๆ ขยับเข้าไปใกล้อัมรา กระซิบกระซาบ
"คือตอนที่คุณอัมตอบน้า เสียง..เสียงคุณอัมไม่เหมือนคุณอัมนะคะ"
"น้าชิ้นหมายความว่ายังไง"
"แหม..จะพูดยังไงดี คือเสียง..เหมือนเสียง..เอ้อ"
"เสียงใครคะ"
"เหมือนเสียงคุณผู้หญิงค่ะ"

อัมราตกใจ มองหน้าชิ้นที่จริงจังมากปนกลัวๆ อัมราอึ้ง

ในห้อง พรรณรายนั่งมองรูปวาดที่สันติวาดให้อย่างพอใจ อัมราเข้าห้องมา
 
ชะงัก มองแล้วเดินไปนั่งที่เตียง เตรียมตัวไหว้พระ พรรณรายมอง
"ทำไมวันนี้เธอถึงกลับรถรับจ้าง ยัยป้าผอบกับนายพงษ์ไปไหน"
อัมราหันมามองพี่สาว
"อัมก็ไม่รู้ค่ะ"
พรรณรายไม่พอใจ
"เธออย่ามายวนฉันนะอัมรา นี่เธอคงไม่พอใจละสิที่ฉันให้เธอไปกับสองแม่ลูกนั่น แต่ฉันหวังดีกับเธอนะ"
"หวังดีอะไรคะ พี่พรรณก็รู้ว่าอัมไม่ชอบพี่พงษ์"
"แต่นายพงษ์ชอบเธอ ฉันว่าเธอก็ควรจะเปิดโอกาสให้พงษ์เขาบ้าง เธอเป็นแฟนกับเขาซะเถอะจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน"
"พี่พรรณหมายความว่าอะไรคะ"
"ก็หมายความว่าฉันยังไม่เชื่อใจเธอนะสิว่า เธอจะตัดใจจากอาร์ตได้แล้ว จนกว่าเธอจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน"
อัมรามองพรรณรายอย่างคิดไม่ถึง
"พี่พรรณ"
"แต่ถ้าเธอไม่ชอบนายพงษ์จริงๆก็ไม่เป็นไร ฉันจะหาผู้ชายอื่นให้เธอเอง"
พรรณเอารูปวางไว้หัวนอนล้มตัวนอน ตะแคงหันหลังให้อัมรา
อัมรานั่งมองพรรณทางด้านหลัง สีหน้าเหนื่อยใจอ่อนใจอย่างที่สุด

คืนนั้น ยามดึกสงัด ที่หน้าบ้านเดช กุมารกับควายธนูปรากฏร่างขึ้น
กุมารมองที่บ้าน
"ที่นี่นะเหรอ หึ ดูท่าแล้วข้าว่าคงไม่เท่าไรหรือเจ้าว่าไง"
กุมารหันไปทางควายธนู ควายธนูร้องเสียงน่ากลัวตอบ
"เราเข้าไปกันเถอะ"
กุมารเดินนำควายธนูตามอย่างมั่นใจ แต่ทั้งสองต้องชะงัก
"เข้าไม่ได้"
เจ้าที่ปรากฏร่างขวางหน้าทั้งสอง กุมารหัวเราะเยาะเสียงดัง
"เจ้าที่อย่างเจ้าเนี่ยรึที่คิดจะขวางข้า"
กุมารยกมือขึ้น เห็นดาบจิ๋วในมือเรืองแสง กุมารยกขึ้นชี้ไปทางเจ้าที่ มีลำแสงสีแดงพุ่งจากปลายดาบใส่ เจ้าที่กระเด็นถอยไปไกลมาก
เสียงเจ้าที่ร้องตกใจก่อนลับหายไป กุมารหัวเราะเสียงดังอย่างอหังการ
"รู้จักลูกชายพ่อเวทย์น้อยไปฮ่ะๆๆๆ"
กุมารเดินอาจหาญทะลุรั้วบ้านเข้าไปอย่างง่ายดาย ควายธนูเดินตามส่งเสียงร้องไปด้วยอย่างน่ากลัว

ในห้องหุ่น หุ่นทุกตัวยืนประจำที่ของตัว ต่างมีปฏิกิริยาที่รู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ที่เก้าอี้พักผ่อน เดชหลับสนิทอยู่ หุ่นพีทขยับจมูก
"หนูได้กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพอีกแล้ว คราวนี้เหม็นมากกว่าเดิมหลายเท่าเลยครับ"
ท่านเจ้าคุณหันไปมองทางหน้าบ้าน
"พวกมันถูกส่งมาอีกแล้ว"
อารีย์ร้อนใจ
"ทำไมหมอผีคนนั้นต้องเจาะจงมาเล่นงานที่นี่ด้วยคะ"
"มันทำตามความต้องการของแม่พิไล"
อารีย์ตกใจ
"พิไล..แต่พิไลรับปากแล้วนี่คะ"
"ฉันบอกคุณแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางกลับตัวได้" พรรณีบอก
ลุงทวนขยับตัว
"ให้ผมกับพ่อทับออกไปจัดการกับพวกมันดีกว่า"
เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
"ไม่ทันแล้ว ทุกคนระวังตัวให้ดี"
ขาดคำเจ้าคุณ กุมารกับควายธนูปรากฏร่างขึ้น ท่าทางไม่กลัวใคร กุมารมองหุ่นทุกตัว
หุ่นทั้งหมดขยับมองกุมารกับควายธนูอย่างไม่กลัวเหมือนกัน ต่างจ้องมองกันอย่างดุดันน่ากลัว

เวทย์นั่งสมาธิอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา เวทย์ลืมตาขึ้นยิ้มกระหยิ่ม พิไลกับเทิดนั่งอยู่ข้างหลัง พิไลรีบถาม
"เป็นไงบ้างจ้ะพี่เวทย์"
เวทย์ตอบโดยไม่ได้หันมา
"เจ้ากุมารกับควายธนูเข้าไปในห้องหุ่นแล้ว"
พิไลกับเทิดตื่นเต้น
"แล้วจัดการพวกมันได้มั้ยจ้ะพี่"
"เดี๋ยวก็รู้"

เวทย์สีหน้ามั่นใจมาก หลับตานั่งสมาธิต่อ พิไลหันไปมองเทิดอย่างร้อนใจ เทิดพยักหน้าให้ใจเย็นๆ

ในห้องนอน พรรณรายหลับสนิท ส่วนอัมรายังนอนลืมตาสีหน้าเครียด
 
อัมรานอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมา ก่อนลุกขึ้นนั่งหันมามองพี่สาว ถอนใจ อัมราหันไปมองนาฬิกาหัวเตียง บอกเวลาตีสามครึ่ง

กุมารยืนท่าทางอหังการ ควายธนูฟึดฟัดอยู่ข้างๆ กุมารกวาดตามองหุ่นทีละตัวทุกตัวอย่างเยาะหยัน ตะโกนเสียงดังก้อง
"ถ้าใครไม่อยากเจ็บตัวก็จงมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าข้าบัดเดี๋ยวนี้"
พีทเคลื่อนตัวไปทันทีอยู่ต่อหน้ากุมาร กุมารหัวเราะสะใจ
"ดีมาก จงคุกเข่าลง"
พีทอ้าปากกว้างมาก ทำท่าเหมือนเป่าลม กุมารเหมือนโดนแรงลมกระแทกอย่างแรง กระเด็นไปติดผนัง พีทหัวเราะสะใจ
"ไงเจ้าหัวจุกคลุกน้ำปลา โธ่เอ๊ยกะอีแค่ลมปากข้าเป่าเจ้าก็กระเด็นไม่เป็นท่าซะแล้วฮ่ะๆๆ"
กุมารแค้น จ้องพีท
"ดีล่ะเมื่อพูดด้วยดีๆพวกเจ้าไม่เข้าใจ ข้าก็ต้องสั่งสอนพวกเจ้าซะบ้าง"
กุมารตะโกนสั่ง ควายธนูคำรามน่ากลัวรับคำ พริบตาควายธนูแยกร่างออกอีกสองร่าง รวมเดิมเป็นสาม ตั้งท่าตะกุยพื้นฟึดฟัด นรบดินทร์ ทับ ลุงทวนเคลื่อนมาบังสมศรีกับพรรณี พีทและอารีย์ หุ่นเจ้าคุณออกคำสั่ง
"เจ้าทั้งสี่ถอยออกไปก่อน"
กุมารตะโกน
"ลุย"
ควายธนูทั้งสามพุ่งเข้าใส่เจ้าคุณ ทับ ลุงทวน เจ้าคุณนรบดินทร์ใช้ตะพดฟาดลงบนหัว
ควายธนูอย่างแรง จนหมอบแน่นิ่งกับพื้น ทับใช้ดาบฟันคอควายธนูขาดกระเด็น เช่นเดียวกับลุงทวนใช้เคียว เกี่ยวตวัดคอควายอย่างแรงจนหลุดกลิ้งไปอยู่แทบเท้ากุมาร
พีทกระโดดดีใจ หุ่นนางรำ นางพยาบาลยิ้มสะใจ อารีย์มองตกใจ
"เป็นไงล่ะ ถ้าเจ้าไม่อยากเป็นเหมือนควายของเจ้าก็จงมาคุกเข่าต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้"
กุมารมองแค้นๆ ทันใดนั้นหัวควายที่หลุด ลอยขึ้นไปต่อกับร่างควาย แล้วลุกขึ้นคำราม
น่ากลัว ควายตัวที่หมอบอยู่ก็กลับฟื้นขึ้นมายืนจังก้า ตาแดงฉาน และแยกร่างออกอีกสี่ตัว
หุ่นทั้งหมดตกใจมองหน้ากัน
"ทำไมเป็นแบบนี้ละครับท่านเจ้าคุณ" ทับถาม
"นอกจากมันไม่เป็นอะไรแล้วมันยังเพิ่มมากขึ้นได้อีก พวกมันถูกปลุกเสกด้วยอาคม พวกมันจะไม่มีวันตาย"
หุ่นทั้งหมดตกใจ เจ้าคุณตะโกน
"พวกเราระวังตัวให้ดี"
"ฆ่าพวกมันให้หมด"
ควายธนูพุ่งเข้าใส่หุ่นแต่ละตัว เจ้าคุณใช้ตะพดสู้ หวดจนควายสลบ แต่ครู่เดียวมันก็ฟื้นขึ้นมา
สู้อีก ทับใช้ดาบฟัน เช่นเดียวกับลุงทวน แต่ควายก็ฟื้นขึ้นมาเล่นงานสองคนอีก พีทกระโดด
หลบแล้วขึ้นขี่ ควายพยายามสะบัดพีท สู้กันอยู่ สมศรี หุ่นนนางรำถอดเล็บแหลมออกทั้งห้านิ้ว
ขว้างใส่ควายทีละเล็บ มันชะงักร้องเจ็บปวดทุกครั้งที่เล็บปักเนื้อ แต่แล้วมันก็สะบัดจนเล็บหลุดได้ทั้งหมด สมศรีอึ้ง
พรรณีถูกขวิดล้ม มันพุ่งเข้าคร่อม นางพยาบาลใช้เข็มฉีดยาปักเข้าที่ตา ควายร้องถอยออกมา คำรามเจ็บปวด แต่แล้วก็หาย พร้อมสู้ใหม่ พรรณีตกใจ
อารีย์ถอยร่นไป จนไปล้มติดฝาผนัง ควายเดินเข้าหาอารีย์ช้าๆ ตาแดงก่ำน่ากลัว คำราม อารีย์มองตกใจมาก

ไฟในห้องครัวถูกเปิดขึ้น อัมราชุดนอน เดินผ่านนาฬิกาฝาผนังห้องอาหารที่บอกเวลาเกือบตีห้า อัมราเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำออกมา อัมราเดินมาที่โต๊ะ อัมราหยิบแก้วจะรินน้ำ
เสียงจิ้งจกร้องทักท่ามกลางความเงียบสงัด จนทำให้อัมราตกใจปล่อยแก้วหลุดมือ แก้วตกแตกกระจายตรงหน้า อัมรามองตะลึง

ควายธนูกระโดดเข้าใส่อารีย์ อารีย์ยกมือปิดหน้า หวีดร้องตกใจ ไม้ตะพด พุ่งหมุนควั่บๆๆเข้ามาฟาดพลั่วลงบนหัวควายอย่างจัง ควายร้องเหมือนโดนเชือด ล้มคว่ำลง ร่างเจ้าคุณเคลื่อนอย่างเร็วมาบังอารีย์ไว้
"รีบออกไปจากห้องหุ่นนี่ก่อน"
อารีย์รีบลุกขึ้น ควายทำท่าฟื้น เจ้าคุณยื่นมือออกไป ไม้ตะพดลอยเข้ามือ ควายลุกได้ ตั้งท่าจะเล่นงานเจ้าคุณอีก เจ้าคุณตะโกนบอกอารีย์
"รีบไป"
"ค่ะ"
อารีย์วิ่งไป กุมารมองอยู่แล้วพึมพำ
"คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ"
กุมารหายตัวไปดักหน้า อารีย์ถอยร่น กุมารเดินเข้าหาช้าๆ เดชค่อยๆรู้สึกตัว
เดชลืมตาเดชชะงัก เห็นหุ่นกำลังสู้กับควายธนู หุ่นเริ่มจะอ่อนแรง เดชตกใจ
เดชขยี้ตามองอีกที พึมพำ
"นี่มันอะไรกัน"
สมศรีตะโกนบอกเจ้าคุณนรบดินทร์
"ดิฉันจะต้านมันไม่อยู่แล้วค่ะท่านเจ้าคุณ"
พรรณีตะโกนด้วย
"ทำยังไงมันก็ไม่ยอมตาย แถมเรี่ยวแรงพวกมันมากขึ้นทุกที"
เดชพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ
"หุ่น..มีชีวิต"
อารีย์ร้องเจ็บปวด "โอ๊ย"
เดชมองไป เห็นกุมารบีบคออารีย์ดันติดผนังห้องหุ่น
"แกเสร็จข้าแน่."
เดชตกใจสุดขีด

"อารีย์"

ห้องหุ่น ตอนที่ 10 (ต่อ)

เวทย์ยังนั่งหลับตาสมาธินิ่งอยู่ พิไลร้อนใจมากกระวนกระวายอดกระซิบเทิดไม่ได้
 
"ตกลงได้เรื่องมั้ยเนี่ยพี่เทิด ทำไมพี่เวทย์นั่งนิ่งเงียบแบบนี้เนี่ย"
"ต้องได้สิ แกใจเย็นๆได้มั้ย ลุกลี้ลุกลนอยู่ได้"
เวทย์ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น พิไลกับเทิดสะดุ้ง เวทย์พูดทั้งที่หลับตา
"หุ่นนังอารีย์มันเสร็จลูกกุมารของข้าแล้ว"
พิไลดีใจ คลานเร็วๆเข้าไปหา
"จริงเหรอจ้ะพี่เวทย์"
เวทย์พยักหน้า เทิดรีบคลานเร็วๆเข้าไปหาเหมือนกัน
"แล้วหุ่นตัวอื่นๆละพี่"
"มันเริ่มอ่อนแรงกันลงทุกทีแล้ว อีกไม่กี่อึดใจมันต้องพ่ายแพ้ให้ไอ้ควายธนูของข้าแน่"
เวทย์นิ่งทำสมาธิต่อ พิไลกับเทิดมองหน้ากันอย่างดีใจ-

อารีย์ทำท่าหายใจไม่ออก กุมารบีบคออารีย์แรงขึ้น จ้องอารีย์อย่างสะใจ
"ข้าจะจับตัวแกไปให้พ่อข้าเอาไว้เป็นทาสรับใช้ฮ่ะๆๆ....อ๊ากก"
กุมารตาเหลือกสะดุ้งเฮือกร้องเจ็บปวด ปล่อยอารีย์ อารีย์ตะลึง เห็นเดชอยู่ข้างหลังถือสร้อยพระคล้องคอกุมารไว้ กุมารลงดิ้นกับพื้นร้องเจ็บปวด ครู่หนึ่งร่างสลายไป เห็นแต่สร้อยพระอยู่ที่พื้น
"พี่เดช"
เดชมองตะลึงไม่แพ้กัน วิ่งเข้ามาหาอารีย์จะคว้าตัวแต่คว้าอากาศ เดชตกใจ
"อารีย์..นี่มันอะไรกัน"
อารีย์ยังไม่ทันตอบ เจ้าคุณตะโกนมา
"เจ้าคุณพ่อเดชพาอารีย์ออกไปจากห้องหุ่นก่อนเร็วเข้า"
เดชหันมามองเจ้าคุณอย่างงงๆ แต่รีบรับคำ "ครับ"
เดชหันมาหาอารีย์
"ไปเร็วอารีย์"
อารีย์รีบวิ่งไปที่บันไดทางขึ้น เดชวิ่งตาม ควายธนูสะบัดพีทหล่นจนได้ พีทร้องเจ็บปวด"โอ๊ย"
ควายธนูหันหัวไปมองอารีย์ วิ่งทะยานเข้าใส่ร้องคำรามเสียงดัง เดชอยู่กลางบันได หันกลับมามองตกใจรีบกางแขนกั้น ควายธนูพุ่งเข้าขวิดเดชอย่างแรง เดชร้องเจ็บปวด
"โอ๊ย"
อารีย์หันกลับมามองตกใจ หุ่นทุกตัวตกใจ
"พ่อเดช"
เดชทรุด อารีย์ตะโกนสุดเสียง
"พี่เดช"
เดชกลิ้งร่วงลงมาจากบันได มานอนนิ่งอยู่ที่พื้นคอหักพับตาค้าง

อัมราค่อยๆหยิบเศษแก้วใส่ถุงอย่างระวัง แต่ก็โดนบาดจนได้
"อุ๊ย"
อัมราปล่อยเศษแก้ว เลือดไหลออกมาจากนิ้ว อัมราหน้าเสีย สีหน้าไม่ค่อยดี
"คุณอัม"
อัมราเงยหน้ามอง ชิ้นมองมาเห็นเศษแก้วแตกรีบเข้ามา
"แก้วแตกเหรอคะ"
ชิ้นมองเห็นเลือดที่นิ้วอัมรายิ่งตกใจมากขึ้น
"ตายจริง คุณอัมโดนแก้วบาดด้วยนี่คะ โธ่แล้วนี่ลงมาทำไมแต่เช้าคะเนี่ย"
"อัมนอนไม่หลับนะคะจะมาดื่มน้ำแต่กลับทำแก้วแตกซะก่อน"
ชิ้นประคอง
"ลุกขึ้นค่ะลุกขึ้นรีบไปทำแผลเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้น้าเก็บให้เอง"
"ขอบคุณค่ะน้าชิ้น"
อัมราจะออกจากห้องอาหาร ชิ้นรีบถาม
"วันนี้คุณอัมจะใส่บาตรอีกมั้ยคะน้าจะได้เตรียมของให้"
อัมราชะงัก รีบหันกลับมา
"ดีเลยค่ะอัมรู้สึกใจไม่ค่อยดี น้าชิ้นช่วยเตรียมให้คุณพ่อด้วยนะคะ อัมจะไปชวนคุณพ่อใส่บาตรด้วย"
"ได้ค่ะ"

อัมรายิ้มรีบออกไป ชิ้นลงมือเก็บเศษแก้วอย่างคล่องแคล่ว

ในห้องหุ่น ร่างเดชนอนตายอยู่ที่พื้นห้อง วิญญาณเดชออกจากร่าง
 
ลุกขึ้นยืนมองร่างตัวเองงงๆ อารีย์ส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ
"พี่เดช..โธ่พี่เดช"
อารีย์วิ่งเข้ามาหาเดช กอดเดชร้องไห้ เดชกอดอารีย์ตอบยังงงๆ
"นี่พี่ตายแล้วใช่มั้ย"
อารีย์พยักหน้าน้ำตานองหน้า เจ้าคุณตะโกนเสียงดัง
"ระวัง"
เดช อารีย์หันมามอง เห็นควายธนูพุ่งเข้าหาสองคน เดชรีบดึงอารีย์หลบ ทับตะโกน"ทำไงดีครับท่านเจ้าคุณผมจะเอามันไม่อยู่แล้ว"
"พวกเราก็ไม่ไหวแล้วค่ะท่าน" สมศรีบอก
ทับล้าเต็มที่ หุ่นทุกตัวก็เหมือนกัน เดชเห็นควายธนูตั้งท่าเตรียมจะพุ่งเข้าใส่เดช กับอารีย์อีก เดชมองไปเห็นสร้อยพระที่พื้น เดชคิดได้ เดชวิ่งออกไปยืนล่อตะโกน
"มาสิมาขวิดฉันเลยไอ้ควายโง่"
อารีย์ตกใจ
"พี่เดชอย่าทำอย่างนั้น"
ควายคำราม หลงกลพุ่งเข้าใส่เดช ควายวิ่งเข้ามาก่อนถึงเดช ร่างควายคร่อมไปบนสร้อยพระ ควายธนูชะงัก ร้องเจ็บปวด รัศมีเรืองรองพุ่งเข้าล้อมตัว ควายธนูสลายไปทันที ควายตัวอื่น
ที่กำลังสู้อยู่กับหุ่นแต่ละตัว พากันชะงักร้องเจ็บปวดแล้วสลายไปพร้อมๆกัน
หุ่นทั้งหมดมองโล่งใจ อารีย์วิ่งเข้าไปกอดเดชอย่างดีใจ เดชกอดตอบ

ตุ๊กตากุมาร กับควายธนูบนโต๊ะหมู่ฯเกิดไฟลุกท่วม เวทย์นั่งสมาธิอยู่ลืมตาตกใจ
พิไลกับเทิดอยู่ด้านหลัง ตกใจด้วย
"อะไรขึ้นจ้ะพี่เวทย์"
เวทย์โกรธมาก
"กุมารกับควายธนูโดนทำลาย"
พิไลกับเทิดอึ้ง
"ก็ไหนพี่เวทย์บอกว่าเรากำลังจะชนะไง"
เวทย์หันขวับมาตอบพิไลโกรธๆ
"มีคนใช้พลังแห่งธรรมะเล่นงานเจ้ากุมารกับควายธนู"
พิไลไม่อยากเชื่อ
"ใครกัน"
"ข้าก็อยากจะรู้" เวทย์มองเทิด "เอ็งไปสืบให้ข้าทีไอ้เทิด"
เทิดอึกอัก
"แต่ไอ้พวกหุ่นผีพวกนั้นมันยังอยู่ มันต้องเล่นงานฉันแน่เลย"
เวทย์ถอดสร้อยลูกประคำเส้นหนึ่งส่งให้
"ประคำเส้นนี้จะป้องกันไอ้ผีหุ่นพวกนั้นไม่ให้มาทำอันตรายเอ็งได้"
เทิดรีบรับมาสวมคอยิ้มออก
"แบบนี้ฉันไม่กลัวแล้ว ฉันจะไปสืบให้พี่เวทย์เองจ้ะ"

เวทย์พยักหน้า สีหน้าท่าทางเจ็บใจ

เดชยืนอยู่กับอารีย์มองหุ่นทั้งหมดอย่างไม่อยากเชื่อ
 
"ผมเคยฝันว่าหุ่นมีชีวิต แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง"
เดชหันมามองอารีย์
"พี่ดีใจจริงๆที่ได้เจอเธออีกครั้ง พี่อยากจะขอโทษเธอเรื่อง"
อารีย์รีบตัดบท
"ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะ..ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว"
อารีย์จับมือเดช สีหน้าเข้าใจจริงๆ เดชยิ้มดีใจ พีทวิ่งเข้ามาหาเดช
"ดีใจจังครับที่ลุงเดชจะมาอยู่กับเราด้วย"
เจ้าคุณปราม
"เจ้าพีท..นี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยซักนิด"
พีทจ๋อย เสียงประตูห้องหุ่นเปิด หุ่นทั้งหมดตกใจ กลับอยู่ตามที่เดิมของตัวเองอย่างรวดเร็ว
อัมราเข้ามา
"คุณพ่อคะ..คุณพ่อ"
เดชกับอารีย์เงยมองอัมราที่กำลังเดินลงบันไดมา
อัมราเดินลงมาถึงกลางบันได ชะงัก เห็นร่างเดชนอนอยู่ปลายบันได อัมราร้องตกใจมาก
"คุณพ่อ"
อัมรารีบวิ่งลงมาประคองร่างเดชเขย่าเรียก
"คุณพ่อ..คุณพ่อเป็นอะไรไปคะ คุณพ่อ"
คอเดชพับไป เมื่อเอื้อมมือสั่นระริกไปจ่อที่จมูก อัมราตกใจสุดขีด มองหน้าเดชอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนตะโกนเสียใจมาก
"คุณพ่อ"
อัมรากอดเดชร้องไห้อย่างเสียใจสุดๆ
"คุณพ่อไม่นะคะ คุณพ่อ..คุณพ่อต้องไม่ตายคุณพ่ออย่าทิ้งอัมไปนะคะ คุณพ่อขา คุณพ่อ"
เดชกับอารีย์มองอัมราอย่างสะเทือนใจมาก

ในศาลา อัมรานั่งตาแดงก่ำกอดอ๊อดไว้ อาทรมองอย่างสงสารมาก บุญเรือน ดำเกิงปลอบโยน
"หนูต้องเข็มแข็งนะจ้ะอัมรา"
อัมราพยักหน้า
"อย่าลืมว่ายังมีลุงกับป้าอยู่ข้างๆหนูเสมอ มีอะไรที่ลุงจะช่วยได้ขอให้บอกทันทีนะ" ดำเกิงบอก
อัมรายกมือไหว้ดำเกิงกับบุญเรือน
"ขอบพระคุณคุณลุงกับคุณป้ามากค่ะที่ช่วยเป็นธุระเรื่องงานศพคุณพ่อ แล้วยังไปรับอ๊อดมาให้ด้วย ตอนนี้อัมทำอะไรแทบไม่ถูกเลย"
อัมราหันไปมองโลงศพและรูปเดช
"ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนเย็นอัมยังคุยกับคุณพ่ออยู่เลย ทำไมคุณพ่อถึงเสียเร็วแบบนี้คะ"
อัมราร้องไห้ อ๊อดร้องด้วย
"ตำรวจสันนิฐานว่าคุณพ่อน่าจะตรากตรำกับการปั้นหุ่น ตอนเดินขึ้นบันไดอาจจะหน้ามืดวูบไป เลยตกบันไดลงมา เอ้อ... คอหักเสียชีวิตทันที"
สองพี่น้องร้องไห้ ดำเกิง บุญเรือน อาทรมองอย่างเศร้าใจ จุฑาเข้ามา
"แขกทยอยกันมาแล้วละคะ"
บุญเรือนเช็ดน้ำตาหันไปบอกอาทร
"ออยอยู่เป็นเพื่อนน้องก่อนนะ แม่กับพ่อจะไปรับแขกเอง"
"ครับคุณแม่"
ดำเกิงกับบุญเรือนออกไป จุฑาสีหน้าไม่ค่อยดี ถามออย
"นายเห็นอาร์ตบ้างไหม"
อาทรนึกขึ้นได้
"เออจริงสิตั้งแต่มาที่วัดยังไม่เห็นอาร์ตเลย เอ๊ะ...อาร์ตรู้เรื่องหรือยังครับน้องอัม"
"คงรู้จากพี่พรรณแล้วละคะ"
อาทรทำหน้าแปลกใจ จุฑามองรอบๆ
"พี่สาวเธอก็ไม่เห็นอยู่นี่...หรือว่าจะตามไปหาเรื่องอะไรอาร์ตอีก"
อาทรมองตำหนิ
"ยัยจุ๊บนี่มันใช่เวลาที่จะมาพูดอะไรไร้สาระมั้ย อาร์ตอาจจะไปช่วยงานอยู่ตรงไหนก็ได้ ส่วนน้องพรรณก็คงอยู่แถวๆนี้ล่ะ ถ้าเธอว่างมากก็ไปช่วยเค้าเตรียมของเลี้ยงแขกในครัวไป"
จุฑามองอาทรอย่างฉุนๆ สะบัดไป อาทรมองตามส่ายหน้ารำคาญ หันมามอง เห็นอัมรากอดอ๊อดเศร้า อาทรสงสารจับใจ

มุมเงียบๆในวัด พรรณรายซบอกสันติ ร้องไห้
"ตอนนี้พรรณก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว"
"คุณพรรณยังมีผมไงครับ ผมจะอยู่ข้างๆคุณพรรณเสมอ"
พรรณรายเงยมองสันติ ทั้งน้ำตา
"อาร์ตพูดจริงๆนะ"
"คุณพรรณยังไม่เชื่ออีกเหรอครับว่าผมรักคุณพรรณมากแค่ไหน"
"เชื่อค่ะแต่พรรณก็อดกลัวไม่ได้ ถ้าอาร์ตทิ้งพรรณไปอีกคนพรรณจะอยู่ได้ยังไง"
"จะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน เลิกร้องไห้นะคนดีเดี๋ยวตาบวมหมด"
สันติเช็ดน้ำตาให้พรรณราย แล้วนึกอะไรได้
"เอาอย่างนี้ผมจะเป็นม้าให้คุณพรรณขี่ดีมั้ย ขี่ม้าฮี่ก๊อบๆๆคุณพรรณจะได้หายเศร้า"
"จริงเหรอคะ"
สันติลุกขึ้นหันหลังก้มตัวให้พรรณรายขึ้นหลัง
"ขึ้นมาเลยครับ เร็วเข้า"
พรรณรายขึ้นหลังสันติ สันติวิ่งเหยาะๆ ร้องเสียงม้าไปด้วย พรรณรายหัวเราะออก
ที่มุมใกล้ๆจุฑาเดินมองหาสันติอยู่ ชะงักมองเห็นพรรณรายขี่หลังสันติแถมตะโกนสั่ง
"ขี่เร็วๆกว่านี้สิเจ้าม้า"
จุฑาโกรธมาก ตรงรี่เข้าหาสองคนเสียงดัง
"ทำอะไรนะ"
สันติชะงัก หยุดวิ่ง พรรณรายลงจากหลังสันติ จุฑาถึงตัวอย่างรวดเร็ว ตบหน้าพรรณฉาดใหญ่
พรรณรายไม่ทันตั้งตัว ยืนงง จุฑาใส่ทันที
"จะมากไปแล้วนะ นี่เธอกล้าให้อาร์ตเป็นม้าให้เธอขี่เลยเหรอ เธอนี่มันเลวกว่าที่ฉันคิดซะอีก ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ"
จุฑาจะเข้าเล่นงานพรรณอีก เงื้อมือ แต่ต้องชะงักค้างแถมร้องเจ็บปวด สันติจับมือจุฑาไว้ จุฑาสะบัดออกไม่ยอมง่ายๆ
"ปล่อยอาร์ต วันนี้จุ๊บจะสั่งสอนยัยพรรณรายเอง มันดูถูกอาร์ตเกินไปแล้ว"
สันติหน้าตาดุดันน่ากลัว
"ถ้าเธอบังอาจแตะต้องคุณพรรณรายอีกแม้แต่ปลายเล็บ คนที่จะโดนสั่งสอนก็คือเธอ"
จุฑาชะงักมองสันติ งงๆ สันติเข้าประคองพรรณรายถามห่วงใย
"คุณพรรณเจ็บมากหรือเปล่าครับ"
พรรณรายฉุนแต่ตอบอ่อนโยน
"ไม่เป็นไรคะ คิดเสียว่าโดนหมาบ้ามันลอบกัดเอา แต่คราวหน้าฉันไม่ยอมแน่ เราเข้าไปในงานกันเถอะค่ะอาร์ต ใกล้เวลาพระสวดแล้ว"

"ครับ"

สันติประคองพรรณรายไป จุฑาตะโกนเรียกวิ่งตาม
 
"เดี๋ยวอาร์ต..นี่มันอะไรกัน"
สันติชะงักหันมาจ้องน่ากลัว สีหน้าแววตาเหมือนผี จนจุฑาชะงัก
สันติรวบแขนสองข้างของจุฑาบีบอย่างแรง พูดใส่หน้าจริงจัง
"ถ้าเธอยังไม่เลิกตอแยเราอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน"
สันติปล่อยจุฑาอย่างแรงจนหมือนผลัก จุฑาล้มไปนั่งมองงงๆ พรรณรายยิ้มเยาะ
จุฑาประหลาดใจ
"ทำไมสายตาอาร์ตถึงน่ากลัวแบบนั้น เหมือน..ไม่ใช่อาร์ต"

สันติกับพรรณรายเดินเข้าไปใกล้ศาลาวัด อัมรา อ๊อด อาทร ดำเกิง บุญเรือน แขกในงาน กำลังฟังพระสวด หลวงตานำพระลูกวัดสวดอยู่ เสียงดังออกมา
สันติชะงักตกใจมองเข้าไปในศาลาสีหน้าหวาดกลัว เสียงพระสวดกระหึ่ม พรรณรายหยุดเดินหันมามอง
"อะไรคะ"
สันติไม่ตอบ ตัวงอเหมือนเจ็บปวด พรรณตกใจ
"อาร์ตเป็นอะไรนะ"
สันติเสียงแหบพร่า
"ผม..ปวด..ท้อง"
พรรณรายร้อนใจ
"จะทำไงดีละคะ"
"ไม่ต้อง..คุณ..เข้าไปก่อน ผมจะไปหายากิน"
พรรณรายเข้าประคอง
"งั้นพรรณไปเป็นเพื่อน"
สันติตวาด
"ไม่ต้อง..โอ๊ย..รีบเข้าไปสิ"
พรรณรายงงๆ กับท่าทางสันติ พรรณรีบพยักหน้า
"ก็ได้ค่ะ"
พรรณรีบเข้าไป ลับร่างพรรณราย สันติเจ็บปวดมาก ยกมือปิดหู
"โอ๊ย"
สันติรีบหันกลับวิ่งไป เสียงพระยังสวดต่อเนื่อง

สันติวิ่งล้มลุกคลุกคลานมาล้มลงใต้ต้นไม้ นอนร้องครวญคราง
"โอ๊ย..ปวดแสบปวดร้อนไปหมดทั้งตัว"
สันติมองไปทางศาลาอย่างโกรธแค้น แววตาแดงก่ำเหมือนตาผี สีหน้าท่าทางน่ากลัวมาก

ชิ้นเดินไปมาหน้ารั้ว รอทุกคนกลับอย่างกระวนกระวาย ชิ้นชะงักเห็นเงาเทิด
ทอดผ่านพื้นเข้ามา ชิ้นชะงักสีหน้าหวาดๆ
"คะ..คุณ..คุณ..ผู้..ชาย"
ชิ้นกำลังตั้งท่าจะวิ่ง
"พี่สาวจ้ะ"
ชิ้นชะงักมองไปที่รั้ว เทิดเกาะรั้วยิ้มสุภาพ
"สวัสดีจ้ะพี่สาวคนสวย"
ชิ้นหายกลัว ค่อยๆเดินไป
"มาหาใครน่ะ"
"ฉันมาหางานทำ ที่นี่รับคนทำสวนบ้างมั้ยจ้ะ"
ชิ้นถอนใจโล่งอก เดินเข้าไปชิดรั้ว
"อ๋อ..มาหางานทำเหรอ"
"จ้ะ..ฉันเห็นบ้านช่องใหญ่โต เลยลองถามดูนะ"
ชิ้นมองเทิดเห็นหล่อ ชิ้นชอบ
"เอาไว้จะถามให้นะ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้เพราะตอนนี้กำลังยุ่งๆ"
"ขอบใจมากจ้ะพี่ เอ แต่ที่ว่ายุ่งนะอะไรเหรอจ้ะ"
"ก็คุณผู้หญิงเพิ่งเสียไปไม่นาน เมื่อคืนที่ผ่านมาคุณผู้ชายก็มาเสียอีก เอาไว้สักสองสามอาทิตย์ลองแวะมาใหม่นะฉันจะลองถามคุณหนูอัมราให้"
เทิดยกมือไหว้
"ขอบใจพี่สาวมากนะจ้ะ งั้นฉันไปก่อนล่ะ"
เทิดผละไป ชิ้นมองยิ้มๆ
"แหมหน้าตาก็ดี แถมดูท่าทางสุภาพอ่อนน้อม ถ้าได้มาช่วยงานที่นี่ ชีวิตนังชิ้นคงจะสดใสซาบซ่ากะเค้าขึ้นมาบ้าง"
ชิ้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวพึมพำ
"เรียกเราว่าพี่สาวคนสวยซะด้วย"

พิไลสีหน้าตื่นเต้นตกใจ
"ห๊า..พี่เดชตายแล้ว.. พี่เทิดฟังมาไม่ผิดแน่นะ"
"เฮ้ย..ข้าได้ยินเต็มสองหู นังคนใช้แก่ๆนะมันบอก"
พิไลคิด
"นังชิ้นละสิ"
เวทย์พยักหน้าเข้าใจ
"คงเป็นไอ้เดชนี่แน่ที่เล่นงานกุมารกับควายธนู จนตัวมันตาย"
เวทย์หันมามองพิไล
"ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเราไม่เสียกุมารกับควายธนูไปเปล่าๆ"
"พี่เวทย์หมายความว่ายังไง"
"ไม่มีไอ้เดชแล้ว เธอก็กลับเข้าไปที่บ้านนั้นได้แล้วสิ เธอเป็นเมียมัน สมบัติทุกอย่างก็ต้องตกเป็นของเธอไม่ใช่เหรอ"
พิไลอึกอัก
"ก็ใช่..แต่ไอ้หุ่นผีพวกนั้นละพี่"
"ข้าจะไปจัดการพวกมันด้วยตัวข้าเอง"

เวทย์สีหน้าน่ากลัว พิไลพยักหน้ารับเข้าใจ สีหน้ากระหยิ่มขึ้นมาทันที

ห้องหุ่น ตอนที่ 10 (ต่อ)

พรรณรายยืนอยู่หน้าศาลาวัดชะเง้อมองหาสันติอย่างร้อนใจ ด้านหลัง บุญเรือนประคองอัมรา
 
อาทร อ๊อด จุฑา ดำเกิง พากันเดินออกมาเตรียมตัวจะกลับ
"กลับกันเถอะจ้ะหนูพรรณ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว" บุญเรือนบอก
พรรณรายหันมาบอกร้อนใจ
"เดี๋ยวค่ะคุณป้า"
ทุกคนมอง ดำเกิงถามสงสัย
"ท่าทางหนูดูไม่สบายใจ มีอะไรหรือเปล่า"
"พรรณเป็นห่วงอาร์ตค่ะ เมื่อกี้อาร์ตไม่สบายบอกว่าจะไปหายาทาน แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มา พรรณขอไปดูอาร์ตก่อนนะคะ"
พรรณรายทำท่าจะไป ดำเกิงรีบท้วง
"แต่นี่มันดึกมากแล้วนะ อาร์ตเค้าก็อยู่ที่นี่ ลุงว่าเค้าคงไปพักแล้วล่ะ เรากลับกันก่อนดีกว่า หนูอัมราก็ไม่ค่อยสบาย"
พรรณรายหันไปมองน้องสาวอย่างไม่ค่อยพอใจ
"แต่พรรณอยากไปดูอาร์ตหน่อยค่ะ"
"เอาอย่างนี้ พี่จะไปดูอาร์ตให้ น้องพรรณกลับไปกับทุกคนก่อน" อาทรบอกกับจุฑา "เธอไปกับฉัน เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง"
จุฑาพยักหน้า
"เอาอย่างออยว่าก็แล้วกัน ไปกันได้แล้วล่ะ" ดำเกิงว่า
ดำเกิงจูงอ๊อดเดินนำไปที่รถตู้ บุญเรือนประคองอัมราตามไป พรรณรายไม่พอใจ แต่ก็จำใจเดินตามไปที่รถ จุฑามองพรรณรายอย่างไม่พอใจ

อาทรกับจุฑาเดินมาตามทางในวัด
"นายรู้เรื่องอาร์ตกับยัยพรรณรายหรือเปล่า"
อาทรหยุดถามอย่างงงๆ
"เรื่องอะไร"
"ก็ที่สองคน..ชอบกัน"
อาทรขำ
"ถ้าน้องพรรณชอบนายอาร์ตละก็ใช่ แต่อาร์ตไม่มีทางชอบน้องพรรณหรอก เธอก็รู้นี่ว่าอาร์ตชอบน้องอัมรา"
จุฑาครุ่นคิด
"เมื่อก่อนฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ที่ฉันเห็นวันนี้มันไม่ใช่"
"เธอหมายความว่าอะไร"
เสียงสันติร้อง "โอ๊ย" ดังขึ้นเบาๆ
อาทรชะงัก
"เสียงอาร์ต"
จุฑามองหา เห็นสันตินอนฟุบอยู่ใต้ต้นไม้ จุฑาตกใจชี้ให้อาทรดู
"อาร์ตอยู่นั่น"
อาทรหันไปมอง สองคนรีบวิ่งเข้าไปหาสันติ อาทรเข้าประคองตกใจ
"อาร์ตนายเป็นอะไรไป"
อาทรประคองสันติ ให้หันมา ทั้งคู่ชะงัก หน้าสันติดำคล้ำ ขอบตาแดงก่ำหน้าตาน่ากลัว อาทรตกใจ "นายเป็นอะไรอาร์ต นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
สันติพูดอ่อนโรยสันติ
"ปวด..แสบ..ปวดร้อน..เหลือเกิน..โอ๊ย"
อาทรรีบพยุงสันติขึ้น จุฑาตกใจ
"ทำไงกันดี"
อาทรคิดเร็วๆ
"ไปหาหลวงตาก่อนแล้วกัน"
สันติสะดุ้ง ตกใจ ผลักอาทรออก ตัวเองเสียหลักล้มลง เสียงกร้าว
"ไม่"
จุฑามองสันติตกใจ อาทรมองงง
"ทำไมล่ะนายกำลังไม่สบายนะ"
สันติมองน่ากลัว
"ฉันไม่เป็นอะไร"
สันติรีบลุกขึ้นเดินหนี อาทรดึงแขนไว้ สันติสะบัดอย่างแรง ชี้หน้าเสียงกร้าว อย่ามายุ่งกับฉัน
"เดี๋ยวอาร์ต"
จุฑารีบดึงแขนอาทรไว้ อาทรหันมาถาม
"ทำไม"
"เธอไม่เห็นเหรอว่าอาร์ตดูแปลกๆ"
อาทรมองตามไป เห็นสันติเดินโซเซ คอยหันกลับมามองทั้งสองคนอย่างลนๆ ก่อนรีบเดินหายไปทางเรือนพัก ท่าทางเหมือนไม่ใช่อาร์ตคนเดิมเลย
อาทรนิ่งคิดตาม
"อาจจะเป็นเพราะไม่สบายมากก็ได้นะ ฉันว่าเราน่าจะไปบอกหลวงตาไว้ก่อน"

จุฑาพยักหน้าเห็นด้วย สองคนรีบพากันเดินไปกุฎิหลวงตา

หลวงตานั่งสมาธิอยู่หน้าพระพุทธรูป หน้าโต๊ะหมู่บูชา อาทรค่อยๆก้าวขึ้นมาบนกุฎิ
 
ตามด้วจุฑา สองคนชะงักที่เห็นหลวงตานั่งสมาธิอยู่ ต่างมองหน้ากันลังเล
หลวงตาพูดขึ้นทั้งๆที่ยังหลับตา "เข้ามาเถอะ."
อาทรกับจุฑามองหน้ากันอย่างแปลกใจ รีบลงคลานเข้าไปหา
หลวงตาลืมตา หันกลับมามอง สองคนรีบไหว้
"ผมต้องขอโทษด้วยครับที่มารบกวนหลวงตา แต่ผมมีเรื่องด่วนจะมาบอกหลวงตาครับ"
"เรื่องเจ้าอาร์ตใช่มั้ย"
สองคนทำหน้าแปลกใจกว่าเดิม
"ใช่ค่ะ..อาร์ตดูแปลกๆไปมาก เหมือน..."
อาทรรีบขัด
"เหมือนคนไม่สบายนะครับหลวงตา เมื่อครู่นี้นอนร้องว่าปวดแสบปวดร้อน ผมจะพามาหาหลวงตาก็ไม่ยอมมา ผมเลยรีบมาบอกหลวงตาครับ"
"หลวงตารู้แล้ว กำลังจะเรียกเค้ามาพบอยู่พอดี เจ้าทั้งสองกลับบ้านไปก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงหลวงตาจะดูแลรักษาเจ้าอาร์ตเอง"
หลวงตามองอาทรกับจุฑาด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็น พยักหน้าให้เชิงกลับไป ทั้งคู่ก้มกราบ ก่อนถอยออกไป หลวงตาหลับตานั่งสมาธินิ่ง

ในห้องนอน ที่มุมห้อง สันตินั่งซุกอยู่ตัวสั่น ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด แล้วอยู่ๆสันติสะดุ้ง ตวาดออกมาอย่างไม่พอใจ
"ใคร..ใครเรียกกู"
สันติร้อนรน ซุกตัวเบียดเข้าไปติดมุมห้องมากกว่าเดิม "ไม่..กูไม่ไป..ไม่"
สันติเหมือนถูกแรงดึงจากพลังลึกลับ แต่พยายามสู้ "กูไม่ไป..กูไม่ไป"
สันติดิ้นรนไม่ยอมไป ต่อสู้กับพลังที่มองไม่เห็นอย่างโกรธเกรี้ยว
"กูบอกว่ากูไม่ไป กูไม่ไป" สันติตะโกนสุดเสียง หน้าตาบิดเบี้ยวน่ากลัว

หลวงตายังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ ลมกรรโชกอย่างแรงมากจนหน้าต่างกุฏิตีกันเสียงดัง ประตูกุฏิหลวงตาเปิดผางออกอย่างแรง สันติยืนจังก้าหน้าตาน่ากลัว
"เรียกข้ามาทำไม"
หลวงตาค่อยๆลืมตา มองสันตินิ่งๆ
"สิ่งที่ทำอยู่นี่มันบาป ทำไมไม่อยู่ในที่ที่เจ้าควรอยู่"
สันติมองหลวงตาอย่างดุร้าย ก่อนเคลื่อนตัวเข้าหาหลวงตาอย่างน่ากลัว
แต่พอใกล้ถึงตัวหลวงตา สันติผงะเห็นรัศมีเรืองรอง แสงสีทองแผ่กระจายจากร่างหลวงตา
มากระทบกับร่างสันติ สันติร้องเจ็บปวด สันติล้มลงไปนั่งมองอย่างตกใจมองหลวงตาอย่างหวาดกลัว"จงไปซะเราไม่ได้ต้องการทำร้ายเจ้า เจ้าเอาชนะพลังแห่งธรรมไม่ได้หรอก"
สันติร้องไห้ ยกมือไหว้
"ข้าก็อยากไปแต่ข้าไปเองไม่ได้"
หลวงตาพยักหน้า
"ถ้าอย่างนั้นเราจะปลดปล่อยเจ้าเอง"
หลวงตาลุกขึ้นเดินเข้าไปหาสันติ ยกมือพนมสวดมนต์พึมพำเบาๆสีหน้าอิ่มเอิบ
ไปด้วยพลังแห่งธรรม ก่อนวางมือลงบนหัวสันติเบาๆ ร่างสันติเสะดุ้งเฮือกแล้วทรุด
ลงช้าๆ จนล้มลงนอนราบกับพื้น ร่างผีตายทั้งกลมกลิ้งออกจากร่างสันติ ผีรีบลุกขึ้นนั่งพนมมือกราบหลวงตา ก่อนหายไปอย่างรวดเร็ว
หลวงตาถอนใจโล่งอก สันติที่นอนหายใจรวยริน หลวงตาไปชะโงกที่หัวบันไดตะโกน"ไอ้หวัง ไอ้ปื๊ด ขึ้นมานี่หน่อยเร็วๆ"
หวัง ปื๊ด สองเด็กวัดวิ่งขึ้นมา
ปื๊ดบอก "อ้าวเฮ้ยทำไมพี่อาร์ตมานอนอยู่ตรงนี้"
"ช่วยกันแบกเจ้าอาร์ตเข้าไปในห้องข้าที"
"พี่อาร์ตเป็นอะไรไปครับหลวงตา"
"ไม่ต้องถามมาก บอกให้ทำอะไรก็ทำ เสร็จแล้วเอ็งไปเก็บดอกบัวแดงในสระหลังวัดมาให้ข้าเก้าดอก เทียนเก้าเล่ม แล้วไปทำกระทงใส่ข้าวตอกดอกไม้มาให้ข้า เก้ากระทง"
"หลวงตาจะทำพิธีอะไรเหรอครับ"
"ก็บอกไม่ต้องถามไง ไปรีบๆไปทำกันเข้า"
ปื๊ดกับหวังรีบช่วยกันแบกร่างสันติประคองเข้าไปในห้องหลวงตา หลวงตามองตาม
สีหน้าหนักใจ

คืนเดียวกัน เวทย์นอนหลับสนิทอยู่ มีพิไลนอนอยู่ข้างๆ เสียงกราวใหญ่เหมือนใครสาด
กรวดทรายมากมายลงบนหลังคาบ้าน เวทย์ลืมตาทันที พิไลก็ตกใจตื่นทักขึ้น
"เสียงอะไร"
ขาดคำเห็นเงาดำใหญ่วูบเข้าร่างพิไลทันที เวทย์ตกใจรีบลุกขึ้นนั่งมอง พิไลสะดุ้งเฮือก ลุกพรวดขึ้นหันมาจ้องเวทย์ตาขวาง "แก"
พิไลพุ่งเข้าบีบคอเวทย์ เวทย์ไม่ทันตั้งตัวถูกแรงพิไลดันติดผนังห้อง เวทย์ตะโกนสุดเสียง"ไอ้เทิด"
เทิดเปิดประตูเข้ามา
"จ้ะพี่"
เทิดชะงักเห็นพิไลกำลังบีบคอเวทย์
"เฮ้ย นังพิไลนั่นแกทำอะไร ผีเข้าเหรอวะ"
"หยิบประคำให้ข้าที"
เวทย์ชี้มือไปที่หัวเสา เทิดหยิบสร้อยประคำสร้อยคอส่งให้อย่างร้อนรน เวทย์รับประคำมาสวดคาถาทั้งๆที่โดนบีบคออยู่ ก่อนสวมประคำลงบนคอ พิไลกรีดร้องโหยหวนล้มลง ดิ้นพราดๆอยู่กับพื้น เวทย์จับคอตัวเอง หายใจหอบๆรีบสั่งเทิด
"จับตัวมันไว้เร็ว"
"จ้ะ"
เทิดวิ่งเข้าไปจะจับพิไล แต่โดนสะบัดแถมถีบออกมาอย่างแรง
"โอ๊ย..นังพิไลทำไมแกแรงเยอะแบบนี้เนี่ย"
เวทย์สั่งอีก

"จับมันไว้ให้มั่น"

เทิดเข้าไปอีก โดนถีบอีก เทิดหลบแล้วเข้ารวบแขนพิไลจับไพล่หลังไว้จนได้
 
เวทย์วิ่งออกไปข้างนอก ครู่เดียวกลับเข้ามาพร้อมมีดหมอในมือ เวทย์จ้องพิไลอย่าง
เจ็บใจ ดึงมีดหมอออกจากด้าม บริกรรมคาถาอย่างรวดเร็ว ก่อนเข้าไปหา พิไลกรีดร้อง
"อย่า"
"กล้ากลับมาเล่นงานข้าเหรอ ดีข้าจะสะกดแกไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด"
เวทย์จ่อปลายมีดไปที่หน้าผาก พิไลตาเหลือก เห็นควันดำพุ่งออกมา แล้วหายเข้าไปใน
มีดหมอของเวทย์ มีเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน เวทย์ยังบริกรรมคาถาอย่างน่ากลัว พิไลค่อยๆผล็อยแล้วล้มลงสลบไป เวทย์พอใจ เก็บมีดหมอ
พิไลรู้สึกตัวลืมตามองเวทย์ เทิด สลับกันแปลกใจ
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
"แกโดนผีเข้านะสิ เมื่อกี้แกบีบคอพี่เวทย์เกือบแย่"
พิไลตกใจ
"อะไรนะจริงเหรอจ้ะพี่เวทย์"
"มีคนปลดปล่อยนังผีตายทั้งกลม มันเลยกลับมาเล่นงานข้า แต่เธอดันไปทัก มันเลยเข้าตัวเธอก่อน"
พิไลกลัว เทิดตื่นเต้น
"คนที่มันแก้ของพี่เวทย์ได้ มันต้องเก่งมากนะสิ"
"ถ้ามันเก่งจริงมันก็ต้องตามดวงจิตของคนที่โดนของกลับเข้าร่างให้ได้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร"
"พี่หมายความว่ายังไงของออกแล้วคนนั้นก็ไม่หายเหรอพี่"
"ไม่..ร่างที่ไม่มีดวงจิตในที่สุดมันก็จะต้องตายอยู่ดี"
เวทย์หัวเราะอย่างสะใจ พิไลกับเทิดมองหน้ากันอย่างกลัวๆ

ท่ามกลางหมอกควันบางๆ สันติเดินออกมามองรอบๆอย่างแปลกใจ
"นี่มันที่ไหน แล้วทำไมอยู่ๆเราถึงมาอยู่ตรงนี้"
สันติเดินมองรอบๆ ตะโกน
"มีใครอยู่บ้างครับ"
เงียบ ไม่มีผู้คน ไม่มีสิ่งที่แสดงว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ สันติประหลาดใจ
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือว่า...เราตายแล้ว"
สันติเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอย่างหมดแรง สีหน้าครุ่นคิด

ในห้องหลวงตา ร่างสันตินอนหลับสนิทอยู่หน้าพระพุทธรูป หลวงตานั่งสมาธิสวดมนต์อย่างเคร่งขรึม ด้านหน้ามีดอกบัวแดงเก้าดอก เทียนเก้าเล่มถูกจุดสว่างไสว กระทงข้าวตอกดอกไม้
เก้ากระทง ปื๊ดกับหวังนั่งอยู่มุมห้อง หาวแล้วหาวอีก กระซิบกระซาบกัน
"หลวงตาจะทำอะไรวะแล้วพี่อาร์ตทำไมถึงนอนนิ่งอย่างกับคนตายวะไอ้หวัง"
"จะไปรู้เหรอ คงทำพิธีอะไรซักอย่าง แต่ข้าง่วงจะตายอยู่แล้ว"
"นั่นดิ นี่จะตีห้าแล้วนะ"
หลวงตาลืมตาสั่ง
"ไอ้ปื๊ด ไอ้หวัง"
"ครับ"
"เอ็งช่วยกันเอากระทงข้าวตอกดอกไม้ไปวางตามทางแยกที่จะมาวัด เสร็จแล้วไปนอนได้ รีบไป"
"ครับหลวงตา"
สองคนช่วยกันหยิบกระทงใส่ถาดไป หลวงตามองตามจนสองคนออกไปพ้นห้อง
หลวงตานั่งสมาธิต่อ

สันตินั่งหมดอาลัยอยู่ใต้ต้นไม้
"เจ้าอาร์ต...เจ้าอาร์ต"
สันติตื่นเต้น
"เสียงหลวงตา"
"เจ้าอาร์ตเจ้าได้ยินหลวงตาไหม"
สันติรีบลุกขึ้นยืนตะโกน
"หลวงตาครับหลวงตา ผมอยู่ตรงนี้"
" ฟังหลวงตาให้ดี ทำใจให้สงบ จะมีแสงเทียนนำทางให้เดินตามแสงนั้นมาเรื่อยๆไม่ว่าจะเจออะไรอย่าหวั่นไหว อย่าหวาดกลัว ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา เข้าใจไหม"
"เข้าใจครับหลวงตา"
สันติยืนนิ่งทำใจสงบ ครู่หนึ่งมองไป เห็นแสงสว่างลางๆอยู่ด้านขวา สันติยิ้มดีใจ รีบเดินตรงไปยังไม่ทันถึง เห็นปีศาจหน้าตาน่ากลัวปรากฏร่างขึ้นพุ่งเข้าหา สันติชะงักตกใจ " ไม่ว่าจะเจออะไรอย่างหวั่นไหว อย่าหวาดกลัว ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา"
สันติตั้งสติได้ สันติเดินตรงเข้าหาปีศาจ ทะลุผ่านร่างมันไปอย่างง่ายดาย สันติรีบเดิน
ตามแสงสว่างลางๆ เจอเหล่าเปรต อสูรกาย ร้องน่ากลัว เอื้อมมือไขว่คว้า จะเล่นงานสันติ แต่สันติมีสติ เดินผ่านมาอย่างสงบ สันติเดินมาชะงัก ข้างหน้าเห็นทางแยกมากมาย สันติยืนงง พึมพำ
"เราจะไปทางไหนต่อ"
สันติเห็นกระทงข้าวตอกดอกไม้อยู่ที่ทางแยกหนึ่ง
"นั่นมันกระทงข้าวตอกดอกไม้ที่หลวงตาใช้ทำพิธีที่วัดนี่"
สันติสีหน้ามั่นใจตัดสินใจเดินไปทางแยกที่มีกระทง สันติเดินไปอีกเจอทางแยกหลายทางอีกครั้ง แต่สันติก็เห็นกระทง
 
สันติเดินไปทางแยกที่มีกระทงทุกครั้ง สันติเดินผ่านไปได้เรื่อยๆ

หลวงตายังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ หลวงตายิ้มพึมพำเบาๆ
 
"ฉลาดมากเจ้าอาร์ต"
เสียงระฆังในวัดตีบอกเวลาเช้า หลวงตาลืมตา มองร่างสันติที่ยังคงนอนนิ่งอยู่
หลวงตาสีหน้าไม่สบายใจ
"ใกล้สว่างแล้ว ดวงจิตเจ้ายังมาไม่ถึงอีกหรือ"
สันติส่ายหน้าช้าๆ ค่อยๆรู้สึกตัว หลวงตามองดีใจ
"เจ้าอาร์ต"
สันติค่อยๆลืมตามอง พึมพำอ่อนแรง
"หลวงตา...ครับ"
สันติหลับไปอีกอย่างเหนื่อยอ่อน หลวงตายิ้มโล่งอก

อัมรานั่งพับดอกบัวเรียงไว้ในถาดหลายดอก อ๊อดนั่งดูหงอยๆอยู่ข้างๆ
"พี่อัมพับดอกบัวไปทำไมเยอะแยะครับ"
"เอาไว้ถวายพระ ในงานศพคุณพ่อคืนนี้ไงจ้ะ"
อ๊อดสะอื้น
"อ๊อดคิดถึงคุณพ่อคุณแม่จังเลย..อ๊อดกลัว"
อัมราชะงัก มองอ๊อดอย่างเข้าใจ ฃ
"ไม่ต้องกลัวนะจ้ะ อ๊อดยังมีพี่ พี่พรรณเราสองคนจะดูแลอ๊อดเอง"
พรรณรายเดินผ่านมา ท่าทางรีบร้อน อ๊อดรีบวิ่งเข้าไปหากอดพี่สาว
"พี่พรรณ"
พรรณรายชะงักมองรำคาญ
"อะไรตาอ๊อด ปล่อยพี่..พี่จะรีบไปข้างนอก"
อ๊อดยังไม่ปล่อย พรรณแกะมือออกหงุดหงิด
"เอ๊ะอ๊อดนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้...บอกให้ปล่อยไง พี่รีบไม่ได้ยินเหรอ"
อัมรารีบลุกมาดึงอ๊อด
"อย่าดุอ๊อดเลยค่ะพี่พรรณ ตอนนี้อ๊อดกำลังใจเสียอยู่ เราต้องช่วยกันดูแลอ๊อดนะคะ"
"เธอว่างก็ดูไปสิ ฉันจะไปธุระ"
"พี่พรรณจะไปไหนคะ"
"ฉันจะไปดูอาร์ต ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง"
อัมราอึ้งไป ที่ชิ้นเข้ามา
"คุณพรรณค่ะมีคนมาหาค่ะ"
พรรณรายดีใจ
"อาร์ตใช่มั้ย ฉันนึกอยู่แล้วว่าถ้าอาร์ตหายต้องรีบมาหาฉันแน่ๆ"
"ไม่ใช่คุณอาร์ตหรอกค่ะ"
พรรณแปลกใจ
"งั้นใคร"

พิไลนั่งหันหลังอยู่ที่ศาลา ลุกขึ้นหันกลับมายิ้มให้ พรรณราย อัมรา อ๊อด ชิ้น
ยืนมองอยู่พร้อมหน้า พรรณรายตะคอกถามห้วนๆ
"มาทำไม"
"ก็มาแสดงความเสียใจ เห็นใจที่พวกเธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้านะสิจ้ะ"
พรรณรายแค้น
"ปากดีนักนะ ตอนนี้ไม่มีคุณพ่อคอยช่วยแกแล้ว ขอตบปากสักทีเถอะ"
พรรณรายขยับเข้าไป อัมรารีบดึงไว้
"อย่าค่ะพี่พรรณ"
พรรณรายดิ้น
"ปล่อยนะอัมรา เธอไม่ได้ยินมันพูดจาเยาะเย้ยพวกเราเหรอ"
"ช่างเถอะค่ะ"
ชิ้นไม่พอใจ
"นี่แม่พิไล ถ้าเธอจะมาทำให้คุณๆไม่สบายใจก็กลับไปซะเถอะ"
พิไลจ้องชิ้น
"เป็นขี้ข้าก็อยู่ส่วนขี้ข้าไม่ต้องมาสะเออะ"
ชิ้นสะอึก พิไลหันมามองพรรณราย
"ที่มานี่ก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเธอ"
"แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก"
พิไลเสียงแข็ง
"แต่ฉันมีและต้องคุยกับเธอคนเดียว พรรณราย"
พิไลสีหน้าท่าทางจริงจังมาก
"ถ้าเธอไม่ยอมฟังฉัน เธอจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต"

พรรณรายนิ่งมอง คนอื่นมองว่าจะเอายังไง

ห้องหุ่น ตอนที่ 10 (ต่อ)

หุ่นทุกตัวอยู่ประจำที่ หุ่นอารีย์หันไปมองหุ่นเดช อารีย์ตกใจ
 
"พิไลกลับมาอีกแล้วค่ะ"
"ไม่ต้องห่วงพี่จะจัดการเอง"
เสียงประตูห้องหุ่นเปิดเข้ามา เดชชะงัก ที่ประตู...เวทย์เข้ามาอย่างเงียบๆ
เวทย์ยืนจ้องมองรอบๆอย่างระวัง
"นี่นะรึห้องหุ่น"
หุ่นทุกตัวนิ่งเหมือนหุ่นทั่วไป แต่สายตาเหลือบมองเวทย์อย่างสงสัย เดชแปลกใจ
"ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน" เดชว่า
"มันคือคนที่ส่งกุมารกับควายธนูมาเล่นงานพวกเราไง" เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
เดช อารีย์ตกใจ หุ่นทุกตัวมีปฏิกิริยาทันที เวทย์ก้าวลงบันไดมาช้าๆ สายตาจับจ้องที่หุ่น
หุ่นเคลื่อนตัวมาประจันหน้าเตรียมพร้อม เวทย์หัวเราะกร้าว
"ดี..อยู่กันครบแบบนี้ข้าจะได้จัดการซะทีเดียว"
เวทย์มองหุ่นทีละตัวอย่างเอาเรื่อง

พรรณรายทำหน้าเซ็งเต็มที
"อีกแล้วเหรอ..เนี่ยนะเรื่องสำคัญที่ต้องพูดให้ได้"
พิไลมองจริงจัง
"แม่ไม่ได้โกหกนะพรรณราย แม่คือแม่ที่แท้จริงของลูก แม่ที่โดนกีดกันมาตลอด"
พรรณมองพิไลสุดรำคาญ
"โชคดีนะที่วันนี้ฉันรีบ ไม่งั้นแกโดนดีแน่ ไปให้พ้นแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก"
พรรณรายหันกลับจะไป พิไลวิ่งมาขวาง
"เดี๋ยว..แม่มีบางอย่างอยากให้ดู"
พรรณรายสุดทน ตวาดเสียงดัง
"ฉันไม่อยากดู..หลีกไป"
พรรณรายผลักอย่างแรง พิไลล้มลง ซองจดหมายหล่นออกมาจากตัว พรรณมองไปที่กระดาษจดหมายที่หลุดออกมาจากซอง รีบแกะจดหมายมาคลี่ออกอ่านอย่างรวดเร็ว พิไลมองพอใจ

ในห้องหุ่น เวทย์เตรียมพร้อมรับมือ
"เข้ามาเลยไอ้หุ่นผี"
ทับหันมามองเจ้าคุณ
"ให้ผมจัดการมันเองนะครับ"
"ระวังตัวด้วย มันเป็นคนมีอาคม"
ทับขยับดาบในมือเคลื่อนเข้าหาเวทย์อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันถึงตัว เวทย์บริกรรม
คาถาแล้วเป่าพรวดออกมาเห็นเป็นอักขระโบราณพุ่งออกมาเข้าหน้าผากทับ ทับผงะ
ร้องเจ็บปวดก่อนยืนนิ่งขยับตัวไม่ได้ ได้แต่กลอกตาไปมา หุ่นทั้งหมดตกใจ ลุงทวนเคลื่อนเข้าหาเวทย์อย่างโมโห เวทย์ทำเหมือนเดิม อักขระโบราณพุ่งออกจากปากเข้าหน้าผากหุ่นชาวนา ลุงทวนร้องเจ็บปวด ก่อนยืนนิ่งเหมือนทับ เวทย์หัวเราะสะใจ
"ฮ่ะๆๆเข้ามาสิ ไอ้หุ่นผี วันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าทุกตัว ไม่ให้มาวุ่นวายเรื่องของแม่พิไลได้อีก"
เดชตกใจมาก ปรึกษาเจ้าคุณ
"เราจะทำยังไงกันดีครับท่านเจ้าคุณ"
"เมื่อไม่มีทางเลี่ยงเราก็ต้องสู้"
เจ้าคุณเคลื่อนเข้าหา เวทย์ปล่อยอักขระออกมาอีก เจ้าคุณขว้างไม้ตะพดออกไปชนกับอักขระ อักขระหายไป ตะพดลอยกลับมาหาเจ้าคุณ เวทย์มองไม้ตะพดเจ้าคุณอย่างสนใจ
"ไม้ตะพดของผู้มีฌานแก่กล้า"
"นี่คือไม้ตะพดของท่านนักพรตผู้ทรงศีลได้ให้ข้าไว้เมื่อก่อนท่านจะมรณภาพ"
"ดี..แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย"
เวทย์พึมพำคาถาครู่เดียว เชือกบ่วงอาคมปรากฏขึ้นในมือ เวทย์ขว้างใส่เจ้าคุณ ฝ่ายเจ้าคุณใช้ไม้ตะพด ปัดบ่วง บ่วงอาคมขาดสองท่อน เวทย์มองเจ็บใจ
"ต่อไปนี้ข้าจะไม่ออมมือให้อีกแล้วนะ"
"พวกเราไม่เคยรู้จักกัน ทำไมต้องมาทำร้ายพวกเรา เจ้าเป็นคนเก่งมีคาถาอาคมก็น่าจะนำไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร"
"ไอ้ผีแก่ไม่ต้องมาสั่งสอนข้า"
เวทย์หันไปโยนบ่วงใหญ่กว่าเดิมคล้องร่าง เดช อารีย์ สมศรี พรรณี พีทเข้ามารวมกัน เปลวไฟอาคมลุกไหม้ ทั้งห้าร้องอย่างเจ็บปวด
"โอ๊ย..ร้อน"
เจ้าคุณหันไปมองตกใจ เวทย์หัวเราะสะใจ
"ถ้าเจ้ายังขืนดื้อดึง คิดจะสู้กับข้า วิญญาณพวกนี้จะต้องดับสลายทั้งหมด"
หุ่นทั้งห้าพยายามดิ้น แต่ยิ่งดิ้นบ่วงยิ่งรัดแน่น เปลวเพลิงอาคมลุกโชน เจ้าคุณมองหุ่นทั้งห้า

แล้วหันมามองเวทย์ที่จ้องอยู่ก่อนอย่างเจ็บใจ

อัมรานั่งรออยู่กับอ๊อด ชิ้นอย่างไม่สบายใจ อัมราลุกขึ้น ชิ้นรีบถาม
 
"คุณอัมจะไปไหนคะ"
"อัมจะไปดูพี่พรรณกับน้าพิไลหน่อยค่ะ"
อ๊อดลุกตาม
"อ๊อดไปด้วยครับ"
อัมรากับอ๊อดกำลังจะไป ชะงัก เห็นพรรณเดินมากับพิไล อัมรารีบเข้าไปจับตัวพรรณราย ถามเป็นห่วง
"พี่พรรณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
พรรณรายแกะมืออัมราออกตอบหมางเมิน
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร"
พรรณมองชิ้น
"น้าชิ้นไปดูเก็บกวาดห้องที่ติดกับห้องคุณพ่อให้เรียบร้อย"
"ห้องรับรองแขกนะเหรอคะ"
"ใช่ห้องนั่นแหละ"
"จะมีใครมาเหรอคะพี่พรรณ"
พรรณรายตอบกวนๆ
"ถ้าไม่มีฉันจะให้ทำห้องทำไม"
อัมราสงสัย ชิ้นกับอ๊อดแปลกใจ เวทย์เดินออกมาจากบ้าน อัมรา อ๊อด ชิ้นมองตกใจ
"แกเป็นใครเนี่ย แล้วเข้าไปในบ้านตั้งแต่เมื่อไร"
"พี่เวทย์มากับฉันเอง ... เรียบร้อยมั้ยจ้ะพี่เวทย์"
"เรียบร้อย เธอล่ะ"
"ทางฉันก็เรียบร้อยแล้ว เรากลับกันเถอะ" พิไลบอกกับพรรณ "กลับก่อนนะ"
พรรณรายยกมือไหว้พิไล
"ค่ะ"
พิไลพยักหน้าให้ ก่อนไปกับเวทย์ พรรณรายเดินเข้าบ้านไป อัมรา อ๊อด ชิ้นมองเหตุการณ์
ตรงหน้าอย่างงงมากๆ
"นี่มันอะไรกันคะคุณอัม น้าตาฝาดไปหรือเปล่า คุณพรรณไหว้แม่พิไล"
อัมราแปลกใจมากมองตามพรรณไปอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ในห้องหุ่น พรรณรายยืนมองหุ่นเดชกับอารีย์อย่างเจ็บใจ
"พรรณไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณพ่อกับคุณแม่ที่ใครๆก็ชื่นชมยกย่องว่าเป็นคนดี จะร่วมมือกันทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้ได้"

ที่ศาลาในสวน พรรณรายยืนอ่านจดหมายเสียงดัง
"พิไลฉันคงให้เธอพบพรรณรายตามที่เธอขอร้องไม่ได้ ตอนนี้พรรณรายไม่ใช่ลูกของเธออีกต่อไป แต่พรรณรายเป็นลูกของฉันกับอารีย์ อารีย์จะเลี้ยงดูพรรณรายแทนเธออย่างดี ขอให้เธอไปตามทางของเธอและอย่ามาวุ่นวายกับเราอีก จากเดช"
พรรณรายหยิบรูปต่างๆขึ้นมาดู เป็นรูปพิไลอุ้มพรรณรายตอนเด็กๆรูปหนึ่ง อีกรูปมีทั้งเดช
พิไลและพรรณอยู่กันพร้อมหน้า พรรณมือสั่นมองหน้าพิไล
"นี่มันรูปฉันตอนเด็ก..ทำไม..." พรรณรายอึ้งพูดไม่ออก
"นี่คือหลักฐานที่แม่เพิ่งหาเจอ แม่เลยเอามาให้พรรณดู เชื่อหรือยังว่าหนูเป็นลูกของแม่กับพ่อเดช"
พรรณรายยังไม่อยากเชื่อ
"แล้วทำไม..ทำไมถึงทิ้ง..ไป"
พิไลสะอื้น เล่าไปร้องไห้ไป
"แม่มันโง่เอง ที่เสียรู้เพื่อนรักอย่างนังอารีย์ ตอนนั้นพี่เดชยังจนมาก แม่ต้องออกไปทำงานเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว อารีย์มาคอยช่วยเลี้ยงลูกตอนแม่ไม่อยู่ โดยที่แม่ไม่รู้มาก่อนว่าอารีย์แอบรักพี่เดช"
พิไลทำอึกอักแบบไม่อยากเล่า พรรณรีบถาม
"แล้วยังไง"
"ในที่สุดสองคนก็เป็นชู้กัน"
พรรณรายตะลึง พิไลเล่าต่อ
"แม่เสียใจมากเลยเตลิดไป แต่สุดท้ายแม่ก็ทนคิดถึงลูกไม่ได้แม่มาขอร้องพี่เดชกับอารีย์หลายครั้ง แต่สองคนไม่ยอมให้แม่เจอลูก"
พิไลร้องไห้หนักขึ้นเหมือนเสียใจมาก เดินเข้าไปหาพรรณช้าๆ พิไลอ้าแขนออก
"ขอให้แม่ได้กอดลูกให้ชื่นใจสักครั้งได้มั้ยพรรณราย แล้วจากนั้นลูกจะไม่ยอมรับแม่แม่ก็ไม่ว่า"
พรรณรายยืนอึ้งเหมือนกำลังตัดสินใจ พิไลลดมือลงน้ำเสียงน้อยใจ
"แม่เข้าใจ..ลูกคงทำใจให้ยอมรับแม่คนนี้ไม่ได้"
พิไลหันหลังกลับทำเหมือนจะไป แต่สีหน้าลุ้นว่าพรรณจะเอายังไง
พิไลเดินออกไปช้าๆ ร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม
"แม่"
พิไลยิ้มสมใจ รีบหันกลับไปทำท่าตื่นเต้น

"พรรณรายลูกแม่"

ในห้องหุ่น พรรณรายมองหุ่นเดชกับอารีย์อย่างแค้นใจ
 
"คุณพ่อไม่เคยรักพรรณเพราะพรรณเป็นลูกของแม่พิไลใช่มั้ยคะ"
หุ่นเดชเศร้ามาก
"พ่อไม่เคยคิดแบบนั้นนะพรรณราย"
"ส่วนคุณแม่ก็เลี้ยงพรรณตามใจพรรณทุกอย่างก็เพื่อให้พรรณเสียคน พรรณจะได้ไม่เป็นคู่แข่งของอัมรา ลูกแท้ๆของคุณแม่"
อารีย์สะเทือนใจ
"ลูกกำลังเข้าใจผิด พรรณรายอย่าไปเชื่อคำยุยงของพิไลนะลูก"
พรรณมองหุ่นอารีย์กับเดช เสียงกร้าว
"ต่อไปนี้พรรณจะไม่คิดว่ายัยอัมกับตาอ๊อดเป็นน้องของพรรณอีกต่อไป ลูกรักของคุณพ่อคุณแม่จะต้องรับกรรมที่คุณพ่อคุณแม่ร่วมกันก่อไว้กับแม่พิไลของพรรณ"
พรรณสะบัดออกไป เดชกับอารีย์ยืนนิ่ง วิญญาณอารีย์ ซ้อนอยู่ในหุ่นหันมองเดชอย่างร้อนใจ"พี่เดชคะ อัมรากับตาอ๊อดต้องแย่แน่ๆ"
วิญญาณเดชที่ซ้อนอยู่ในหุ่นบอกหนักแน่น
"พี่จะออกไปช่วยลูกเอง"
วิญญาณเดชจะออกจากหุ่นแต่ทำไม่ได้ เดชพยายามอีก
ท่านเจ้าคุณบอก
"อย่าพยายามเลยพ่อเดช แม่พิไลเตรียมตัวมาอย่างดี ถึงได้ให้ไอ้หมอผีนั่นมาสะกดวิญญาณพวกเราไว้ในหุ่น ไม่สามารถออกไปไหนได้เหมือนก่อน"
"ไม่มีทางเลยหรือครับท่าน ถ้าเป็นแบบนี้บ้านสัตยาภาต้องวุ่นวายแน่" ทับบอก
ท่านเจ้าคุณส่ายหน้า หุ่นทุกตัวเจ็บใจ หุ่นอารีย์ร้องไห้
"โธ่อัมรา..ตาอ๊อดลูกแม่"
เดชมองอารีย์อย่างสงสาร แต่ทำอะไรไม่ได้

พรรณรายออกมาจากห้องหุ่น เห็นอัมราเดินมาถึงพอดีจึงถามอย่างแปลกใจ
"พี่พรรณเข้าไปทำอะไรในห้องหุ่นคะ"
พรรณรายมองอัมราอย่างหมั่นไส้
"ฉันจะเข้านอกออกไหนห้องไหนในบ้าน ฉันต้องรายงานเธอด้วยเหรอ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ปกติพี่พรรณไม่เคยเข้าไปในห้องหุ่น อัมก็เลยถามดู"
อัมรารีบเปลี่ยนเรื่อง
"ที่จริงอัมอยากจะมาถามพี่พรรณ เรื่องน้าพิไลมากกว่าค่ะ"
พรรณเสียงแข็ง
"ทำไม"
"อัมแปลกใจที่เห็นพี่พรรณเหมือนจะไม่โกรธน้าพิไลแล้ว"
"แล้วเธอไม่ชอบเหรอ เมื่อก่อนฉันเห็นเธอคอยห้ามฉันไม่ให้เอาเรื่องน้าพิไลนี่"
"ก็ดีค่ะไม่มีเรื่องกันได้ก็ดี"
พรรณรายหัวเราะมีเลศนัย
"เรื่องนะมันมีแน่ แต่กับใคร พรุ่งนี้เธอก็รู้เอง"
พรรณรายหัวเราะเหมือนขำมาก เดินไป อัมรามองตามไม่เข้าใจพึมพำ
"ทำไมพี่พรรณท่าทางแปลกๆพูดจาก็มีเลศนัยชอบกล ตกลงพี่พรรณคุยอะไรกับน้าพิไลกันแน่นะ"
อัมราสงสัยมาก

ชานเรือนบ้านเวทย์ พิไล เวทย์ เทิดยกแก้วยาดองขึ้นกระดก ดื่มทีเดียวหมด พิไลหัวเราะสะใจ
"ในที่สุดนังพิไลก็มีวันนี้ฮ่ะๆๆๆ"
เทิดรีบประจบ
"ได้ดีแล้วอย่าลืมพี่คนนี้เสียล่ะ"
พิไลหันมองเทิดอย่างรำคาญ
"รู้แล้วล่ะน่า" พิไลมองเวทย์ "ฉันต้องขอบคุณพี่เวทย์จริงๆที่ช่วยเปิดทางให้ฉัน ถ้าพี่ไม่ไปจัดการไอ้หุ่นผีพวกนั้นต่อให้พรรณรายอยากให้ฉันเข้าไปอยู่ในบ้านฉันก็คงไม่กล้าเข้าไปแน่ๆ"
เวทย์หัวเราะกระหยิ่ม
"ถือเสียว่าเราต่างคนต่างช่วยกันดีกว่า เพราะเธอทำให้ฉันได้ทาสมารับใช้ทีเดียวตั้งแปดตัว"
"พี่เวทย์จะทำยังกับพวกมันจ้ะ"
"รอให้ฉันปลุกเสกนังโหงพรายเพทายเสร็จเสียก่อน ฉันก็จะเรียกวิญญาณพวกมันมาปลุกเสกที่ละตัวๆฮ่ะๆๆ"
เทิดรีบรินเหล้า
"แบบนี้ต้องฉลองกันยันสว่างเลยจ้ะพี่"

ทั้งสามคนกินเหล้าไปหัวเราะกันไปอย่างมีความสุขมาก

สันตินอนหลับสนิทอยู่ ท่าทางยังอิดโรย อาทร จุฑานั่งมองอยู่ หลวงตาอยู่ด้วย จุฑาถามหลวงตาอย่างเป็นห่วง
 
"ตกลงอาร์ตไม่สบายเป็นอะไรคะหลวงตา"
"โดนของ"
ทั้งสองมองหน้ากันงงๆ
"ของอะไรครับ"
"น้ำมันพราย"
จุฑาตกใจ
"น้ำมันพราย..ที่ว่าใครโดนแล้วจะหลงรักคนที่ใช้อย่างหัวปักหัวปำนะเหรอคะ"
หลวงตาพยักหน้าช้าๆ อาทรมองจุฑาแปลกใจ
"เธอรู้เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ"
"ฉันไม่รู้หรอก แต่น้ามนเคยเล่าให้ฟังว่า คนที่โดนจะไม่รู้สึกตัวถ้าโดนของนานๆอาจจะเสียสติไปเลยก็ได้"
"น่าแปลกว่าเจ้าอาร์ตไปโดนของพวกนี้ได้ยังไง เจ้าสองคนเป็นเพื่อนกันพอจะรู้มั้ยว่าใครเป็นคนทำ"
ทั้งสองนิ่งคิดครู่หนึ่ง อาทรส่ายหน้า แต่จุฑาคิดได้
"ยัยพรรณรายแน่ๆ"
"บ้าน่ะยัยจุ๊บ"
"ต้องใช่ยัยพรรณรายแน่ๆ นายไม่เห็นเหรอออยว่าอาร์ตแปลกๆไป ตอนแรกพวกเราก็รู้อยู่ว่าอาร์ตชอบอัมรา แต่อยู่ๆอาร์ตก็ไปชอบพรรณราย เธอไม่สังเกตเหรอ"
อาทรนิ่งคิดตาม แต่ก็ไม่อยากเชื่อ
"ไม่น่าจะเป็นไปได้"
"พรรณรายลูกพ่อเดชนะรึ"
"ค่ะหลวงตา จุ๊บว่าต้องใช่แน่ๆ ลูกสาวบ้านนี้นะแปลกๆค่ะตั้งแต่อัมราแล้ว จุ๊บว่าสองคนพี่น้องเนี่ยต้องเล่นไสยศาสตร์กันแน่ๆ"
"เธอนี่เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้วยัยจุ๊บ"
"มันจริงนี่"
ทั้งสองซุบซิบเถียงกัน หลวงตาคิดหนักแปลกใจ
"พรรณรายไปได้ของแบบนั้นมาจากไหนกัน"

ทางเดินในวัด จุฑากับอาทรเดินมา เธอโกรธมาก
"ยัยพรรณรายนี่ร้ายกาจกว่าที่ฉันคิดเสียอีก อย่าให้เจอตัวนะฉันต้องสั่งสอนซะบ้าง"
"เราไม่มีหลักฐานอะไรซักหน่อย อาจจะไม่ใช่น้องพรรณก็ได้"
"เธอนี่เลิกเข้าข้างสองพี่น้องนี่ซะทีได้มั้ย สองคนเนี่ยมันเป็นแม่มดชัดๆ"
จุฑาชะงัก เห็นพรรณรายเดินเร็วๆตรงมา จุฑาท่าทางเอาเรื่อง
"เจอตัวพอดี"
จุฑาตรงรี่เข้าไป อาทรตกใจ
"จุ๊บ...อย่านะจุ๊บ"
พรรณรายยังไม่ทันตั้งตัว จุฑาตบหน้าพรรณรายฉาดใหญ่จนเซ จะตามจะซ้ำ อาทรเข้ามาคว้ามือได้ทัน
"จุ๊บอย่า จะบ้าไปแล้วเหรอ"
"ปล่อยฉันนะออย"
พรรณรายมองแค้นๆ
"แกนี่มันเป็นหมาลอบกัดไม่เลิกนะเมื่อวานฉันบอกแกแล้วนะว่าฉันยอมให้ครั้งเดียว"
พรรณรายปรี่เข้าตบจุฑาสองฉาดเต็มๆ จุฑาแค้นสะบัดมือจากอาทร ตรงจะเข้าเล่น
งานอีกฝ่าย พรรณรายเตรียมตัวสู้เต็มที่
"หยุด"
สองสาวชะงักหันมาเห็นหลวงตา ตกใจ หลวงตามองตำหนิ
"นี่มันในเขตวัดวาอาราม ทำไมไม่รู้จักข่มใจกันเสียบ้าง"
จุฑาอึ้ง ก้มหน้า พรรณรีบบอก
"พรรณไม่ได้เป็นคนเริ่มนะคะ พรรณมาหาอาร์ต เด็กวัดบอกว่า อาร์ตอยู่ที่กุฏิหลวงตา พรรณก็เลยมาแต่เจอหมาบ้าตัวนี้มันลอบกัดพรรณก่อน พรรณก็ต้องป้องกันตัวค่ะ"
จุฑาก็ไม่ยอม
"ถ้าฉันเป็นหมาแล้วอย่างเธอเค้าเรียกอะไร ทำของใส่..."
อาทรรีบดึงแขนไว้กระซิบปราม
"หลวงตาสั่งไม่ให้ใครรู้เรื่องอาร์ตโดนของจำไม่ได้เหรอ"
จุฑาชะงัก พรรณรายมองสงสัย
"เธอพูดบ้าอะไร"
จุฑาเฉย ทำหน้ากวนใส่ หลวงตารีบห้าม
"เอาล่ะพอได้แล้ว ... เจ้าอาร์ตไม่สบายโยมอย่าเพิ่งไปกวนเลย ไปดูแลงานศพของพ่อเดชให้เรียบร้อยดีกว่า"
หลวงตาเดินนำไป อาทรกับจุฑาตาม พรรณรายมองตามแค้นๆ
พรรณรายมองไปทางกุฏิหลวงตาอย่างเสียดาย ก่อนจำใจเดินกลับไปศาลา

หน้ากุฏิหลวงตาตอนกลางคืน สันตินอนหลับอยู่เริ่มรู้สึกตัว ลืมตามองรอบๆอย่างแปลกใจพึมพำ
"กุฏิหลวงตา..เรามานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
สันติยันตัวลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยมีแรง
"รู้สึกตัวแล้วรึ"
หลวงตาเปิดประตูห้องเข้ามา ยิ้มเมตตา
"ผม..เป็นอะไรไปครับหลวงตา"
หลวงตาเข้ามานั่งลงใกล้ๆ
"เจ้าโดนมนต์น้ำมันพราย"
"น้ำมันพราย"

สันติตกใจมาก
 
จบตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น