ห้องหุ่น ตอนที่ 8
เช้ามืด สันตินอนสลบอยู่บนศาลาวัด บรรดาเด็กวัด พระพากันมุงดูอยู่ สัปเหร่อล้วนอยู่ในกลุ่มด้วย
บรรดาเด็กวัดต่างซุบซิบกัน
"พี่ติจะตายหรือเปล่าเนี่ย / ข้าก็ไม่รู้"
หลวงตาเดินรีบร้อนเข้ามา บรรดาที่มุงอยู่ต่างรีบแหวกเป็นทางให้ หลวงตาเข้ามามองสันติ หน้าเครียด
"เกิดอะไรขึ้น"
"พวกเด็กวัดไปเจอเจ้าสันตินอนสลบอยู่ท้ายวัด เลยช่วยกันพยุงมา นี่ยังไม่ได้สติเลยครับ" ล้วนบอก
สันติค่อยๆขยับรู้สึกตัว เด็กวัด 1 บอก "พี่ติรู้สึกตัวแล้ว"
สันติลืมตาขยับตัวแล้วกุมท้ายทอยร้องเบาๆ "โอ๊ย"
"เป็นยังไงบ้าง เจ้าคงโดนทำร้าย พอจะจำอะไรได้บ้างมั้ยล่ะ"
สันติครุ่นคิด
... สัปเหร่อเปิดประตูโกดัง ทุกคนรีบเข้าไป สันติ ตามไปอย่างรวดเร็ว สันติแอบมองดูอยู่ที่ประตูเงียบๆ เห็นสัปเหร่อกะเทาะปูนที่ปิดฝาซองศพอย่างชำนาญ จากนั้นเคลื่อนผ้าห่อศพออกมา
กลิ่นโชย ทุกคนปิดจมูก สันติมองอย่างตกใจ สัปเหร่อวางศพลงกับพื้น แก้ปมผ้าตรงหน้าจะเปิดหน้าให้ดู เป็นหน้าเพทาย พวกลูกน้องมองกันแล้วพากันเบือนหน้า
"ถึงจะอืดแล้วแต่ก็ยังมีเค้าหน้าอยู่ พวกแกเห็นแล้วใช่มั้ย" มือปืนบอก
ลูกน้องพยักหน้า สันติพยายามชะเง้อดูว่าเป็นศพใคร ตัวไปชนประตูโกดังเลื่อนเสียงดัง สันติตกใจ สัปเหร่อ ลูกน้อง มือปืนก็ตกใจหันมา
"เฮ้ย...ใครวะ"
... สันติวิ่งมาชะงัก ลูกน้องมาดักหน้ามองสันติอย่างเอาเรื่อง
"ไงไอ้หน้าอ่อน คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ"
ลูกน้อง 2 พุ่งเข้าใส่สันติ สองคนสู้กัน สันติใช้เชิงมวยวัดที่เหนือกว่าเล่นงานลูกน้อง 2 ได้ แต่ลูกน้อง 1 เข้ามาช่วยกันรุม สันติพลาดท่าบ้าง แต่สุดท้ายก็เอาอยู่ ส่งสองคนลงไปนอนหมอบ สันติยืนหอบ แต่แล้วมีไม้ฟาดพลั่กเข้าท้ายทอย สันติล้มทั้งยืน สลบนิ่งอยู่ที่พื้น
สันติจำได้ รีบบอกหลวงตา
"ผมเห็น..."
สันติเห็นสัปเหร่อล้วนอยู่ในกลุ่ม มองมาสีหน้าเรียบเฉย สันติชะงัก
"เห็นอะไร" หลวงตาถาม
"เอ้อ..เห็นคนเมาทะเลาะกันครับ ผมเลยเข้าไปห้าม สงสัยจะโดนลูกหลงเข้า"
หลวงตาพยักหน้า
"แล้วไป ถ้างั้นก็คิดเสียว่าฟาดเคราะห์" หลวงตามองเด็กวัด "พาเจ้าติไปใส่หยูกยาให้เรียบร้อย ถ้าไม่ดีขึ้นก็พาไปหาหมอนะ"
หลวงตาเดินไป เด็กวัดกับพระต่างพากันแยกไปเหลือสองคนดูแลสันติ สัปเหร่อล้วนมองสันติ
ยิ้มในหน้า ก่อนผละไปเหมือนคนอื่นๆ สันติมองตามสงสัย
เวลาต่อมา ที่ในโกดังเก็บศพ สันติยืนมองซองเก็บศพว่างเปล่า สันติเจ็บใจพึมพำ
"เป็นอย่างที่คิดจริงๆ"
"คิดอะไรรึเจ้าติ"
สันติหันขวับ ล้วนยืนมองนิ่งๆ
"ศพหายไปไหนครับลุงล้วน"
ล้วนทำหน้างง
"ศพ..ศพอะไร"
สันติท่าทางเอาเรื่อง
"ก็ศพที่อยู่ในซองเก็บศพนี่ เมื่อคืนผมเห็นทุกอย่าง"
"อ้าวก็ถ้าเอ็งเห็น ทำไมเมื่อกี้ไม่บอกหลวงตาไปซะล่ะ"
สันติอึ้ง ก่อนตอบ
"ก็เพราะผมคิดอยู่แล้วว่าศพมันต้องหายไป ถ้าหลวงตามาดูก็ต้องไม่เชื่อที่ผมพูด แล้วผมจะบอกไปทำไม"
ล้วนหัวเราะ
"เอ็งคิดถูกแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น" ล้วนเสียงเข้มขึ้น "ที่โกดังนี่ไม่เคยมีศพ"
"ลุงล้วน"
ล้วนเดินเข้ามาตบบ่าสันติเบาๆ
"เคยได้ยินคำโบราณเค้าพูดบ้างมั้ยว่าอย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนน๋ะ เอ็งรักเรียนก็ดีแล้ว ไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบๆดีกว่า เรื่องอื่นอย่าไปยุ่งเชื่อข้าเหอะ"
ล้วนเดินออกไปจากโกดัง ทิ้งให้สันติยืนอึ้ง
เพทายสีหน้าเศร้าสร้อย มองเหม่อไปกลางแม่น้ำเวิ้งว้าง
"ทำไมฉันต้องกลายมาเป็นวิญญาณเร่ร่อนแบบนี้ด้วย"
เพทายร้องไห้คร่ำครวญ แล้วเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
"ไอ้เดช ถ้าฉันไม่ได้แก้แค้นแก ฉันต้องตายตาไม่หลับแน่"
เพทายทำท่าจะไปเล่นงานเดช แต่กลับชะงักเพทายรู้สึกแสบร้อนผิว สีหน้าตกใจ ยกมือลูบแขนสองข้าง ท่าทางร้อนรน
"นี่ฉันเป็นอะไรไป..ร้อน..ทำไมมันร้อนแบบนี้"
เพทายทรุดฮวบลง ทุรนทุราย
"มันเกิดอะไรขึ้น"
เพทายเจ็บปวด สีหน้านึกขึ้นได้
"ร่างฉัน..ใคร..ใครทำอะไรกับร่างของฉัน"
เพทายหายตัวไป
ณ กลางทุ่งนาเปลี่ยวร้าง กองไฟลุกโชนกำลังเผาร่างเพทายในห่อผ้า มือปืน ลูกน้องเมียเสี่ยยืนมองพอใจ มุมหนึ่งไกลออกไปเพทายปรากฏร่างขึ้นมองกองไฟอย่างตกใจ
"ร่างฉัน..ไม่นะ"
เพทายจะวิ่งเข้าไป แต่ทรุดลงทุรนทุราย ขณะที่คนอื่นมองไม่เห็น ลูกน้องหันไปพูดกับมือปืน"ไปกันได้แล้ว ฉันต้องรีบกลับไปรายงานเจ๊อีก"
"ช่วยบอกเจ๊ให้เข้าใจด้วย อย่าให้ส่งใครมาเล่นงานฉันอีกล่ะ"
เพทายเจ็บปวดอยู่แต่ฟัง "เจ๊"
"เออๆๆ อย่าไปโกรธเจ๊เลย มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ ก็เจ๊สั่งให้แกฆ่านังเพทายแล้ว แต่จู่ๆเห็นเสี่ยกวงมาบอกว่ายังเจอนังเพทาย เจ๊ก็คิดว่าแกทำงานพลาดนะสิ ไปๆๆแยกย้ายกันได้แล้ว"
ลูกน้อง มือปืนพากันรีบหลบไป เพทายสีหน้าทั้งเจ็บปวด ทั้งแค้น ทั้งตกตะลึงคาดไม่ถึง
"ที่แท้คนที่ฆ่าฉันก็คือ...."
หน้าบ้านใหญ่โตของเสี่ย ภายในบ้าน เมียเสี่ยวางโทรศัพท์ลงบนแป้นสีหน้ากระหยิ่ม พึมพำ"หมดเสี้ยนหนามตำใจฉันซะที"
เมียเสี่ยอารมณ์ดีเดินมานั่ง ตามองหนังสือพิมพ์ ชะงัก เปิดดูรูปเพทายคู่กับเดช ด้วยสีหน้าแปลกใจ
"เอ๊ะแล้วรูปนี่ มันยังไงกัน อ๋อคงเป็นรูปเก่าที่ถ่ายไว้ก่อนมันตายแน่ๆ"
เสี่ยกวงเดินเข้ามานั่ง ตะโกนสั่งหงุดหงิด
"โอ๊ยร้อนตับจะแล่บ ใครเอาน้ำมาให้กินหน่อยสิ"
เสี่ยมองไปเห็นรูปเดชในหนังสือพิมพ์ ชะงักโมโห กระชากมาดู
"ชะไอ้ช่างปั้นหุ่น ทำเป็นหยิ่งยะโส อั๊วละเกลียดน้ำหน้ามันชะมัด"
"ไปเกลียดเค้าทำไมคะเสี่ย ใครๆก็อยากได้ตัวคุณเดชกันทั้งนั้น"
"จะไปอยากได้มันทำม่าย"
"เสี่ยคงยังไม่เคยเห็นหุ่นที่คุณเดชปั้น ใครๆเขาลือกันว่าแยกแทบไม่ออกว่าไหนหุ่นไหนคนจริงๆ"
"อั๊วเห็นแล้ว อย่างที่ลื้อพูดจริงๆ อั๊วะยังตกกะใจเลยตอนเข้าไปในห้องหุ่นของมัน"
เมียกระซิบมีเลศนัย
"ตายจริง เห็นกับตาอย่างนั้นแล้ว เสี่ยยังคิดไม่ออกเลยเหรอว่า หุ่นนั้นจะทำเงินให้เสี่ยอย่างมหาศาล"
เสี่ยกระพริบตาเร็วๆอย่างใช้ความคิด
"จริงของลื้อไอ๊หย๊าทำไมอั๊วถึงไม่คิดตั้งกะทีแรกหว่า วันก่อนอั๊วะก็ไปทะเลาะกับมันมา"
เมียหมั่นไส้
"ก็เพราะเสี่ยมัวแต่หึงบ้าบอเรื่องนังเพทายนะสิคะ"
เสี่ยหันขวับมองไม่พอใจ เมียรีบเอาใจ
"ฉันนะแค่ไม่อยากให้เสี่ยเสียรู้ผู้หญิงอย่างนังเพทาย นังนี่ใครมีเงินก็ซื้อตัวมันได้ทั้งนั้น ตอนนี้มันก็คิดจะตีตัวจากเสี่ยแล้วใช่มั้ยล่ะ"
เสี่ยกวงนิ่งคิด
"อั๊วก็คิดอย่างนั้น ตั้งแต่อั๊วะยกบ้านให้อีก็เปลี่ยนไป หาตัวอีไม่ค่อยจะเจอ เหมือนอีคิดจะหลบหน้าอั๊วะ"
เมียรีบยุ
"มันอาจจะหนีตามใครที่รวยกว่าเสี่ยไปแล้วก็ได้ คนอย่างมันไม่มีทางจะมาคิดซื่อสัตย์กับคนแก่คราวพ่ออย่างเสี่ยหรอก"
"ที่ลื้อว่าก็น่าจะจิง จนป่านนี้อั๊วะยังหาตัวอีไม่เจอเลยไม่รู้ไปอยู่ไหน"
"อย่าไปสนใจเพทายอีกเลยนะคะเสี่ย ตอนนี้เสี่ยน่าจะคิดหาวิธีกอบโกยเงินทองเข้ากระเป๋าจากหุ่นของคุณเดชดีกว่า"
เสี่ยครุ่นคิดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ อย่างได้ความคิดชั่วๆ
เพทายปรากฏร่างขึ้นที่หน้าบ้านเสี่ย มองเข้าไป ท่าทางน่ากลัว เพทายจะเดินเข้าไปผงะ รังสีสว่างวาบจากประตูสะท้อนออกมา เพทายชะงักจ้องมอง ที่เสาประตูรั้วติดแผ่นกระจกแปดเหลี่ยมไว้
เพทายแค้นพึมพำ
"บ้าจริง..ฉันเข้าไปไม่ได้"
เพทายมองผ่านรั้วบ้าน เห็นเมียเสี่ยออกมาเดินเล่นดูต้นไม้อย่างอารมณ์ดี เพทายลืมตัวจะเข้าไปอีก แต่เจอรังสีของกระจกแปดเหลี่ยมเพทายผงะถอย เจ็บใจ เพทายหันรีหันขวาง
รถจักรยานไปรษณีย์ขี่มาจอดหน้าบ้าน ดีดกระดิ่งเรียก
"รับจดหมายด้วยครับ"
เมียเสี่ยชะงักหันมามองแล้วเดินเรื่อยๆมา เพทายยิ้มน่ากลัว
เมียเสี่ยเปิดประตูเล็กก้าวออกมารับจดหมาย ยืนอ่านหน้าซอง เพทายเคลื่อนเข้าหาเมียเสี่ยอย่างรวดเร็ว เมียเสี่ยเงยหน้าขึ้นมองหวีดร้องตกใจ
"ว้าย"
เมียเสี่ยรีบถอยเข้าบ้านปิดประตูอย่างรวดเร็ว แล้วชะเง้อมองถอนใจ
"ไอ้ผึ้งบ้าตกใจหมดเลย"
เมียเสี่ยรีบเดินเข้าบ้าน เพทายยืนมองอยู่นอกรั้วแค้นพึมพำ
"วันนี้โชคยังเข้าข้างแก แต่ฉันสาบานว่าฉันจะเอาชีวิตแกให้ได้"
เพทายแค้นจนหน้าตาบิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัว เหมือนปีศาจร้าย
ในห้องหุ่น เดชกำลังตกแต่งเก็บรายละเอียดหุ่นอารีย์อย่างตั้งใจ ขณะที่อารีย์เป็นแบบอยู่
ทำท่าเหมือนจะแน่นหน้าอก พยายามสูดลมหายใจลึกๆ เดชไม่ทันสังเกต พรรณรายวิ่งเข้ามาในห้องหุ่นอย่างร่าเริง อัมราตามมาติดๆ อารีย์รีบทำท่าทางปกติ สองคนวิ่งไปดูหุ่นอารีย์อย่างตื่นเต้น
"โอโห หุ่นคุณแม่จะเสร็จแล้ว" พรรณรายบอก
"ทำไมคุณพ่อปั้นหุ่นคุณแม่เร็วจังคะ อัมว่าเร็วกว่าหุ่นตัวอื่นๆทั้งหมดเลย"
เดชหยุดทำงาน พยักหน้าไปทางอารีย์
"ก็นางแบบเธอเร่งพ่อทั้งวันทั้งคืน ใช้แรงงานมากเกินไปนะเนี่ย"
อัมราหันไปมองอารีย์ที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างแปลกใจ
"ทำไมคุณแม่ต้องเร่งคุณพ่อด้วยละคะ"
"ตอนนี้แม่กำลังแข็งแรงดีก็อยากให้คุณพ่อปั้นให้เสร็จๆเดี๋ยวเกิดไม่สบายไปอีก คุณพ่อก็ต้องหยุดปั้นพอดีไม่เสร็จกัน"
ทุกคนเข้าใจไปตามนั้น อารีย์มองการแต่งตัวของลูกสองคน
"นี่จะไปไหนกันจ้ะ"
"เรากำลังจะมาขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ไปเชียร์พี่ออยแข่งฟุตบอลที่มหา’ลัยนะคะ" พรรณรายบอก
"อาจจะกลับเย็นหน่อยนะคะเพราะกว่าจะแข่งก็บ่ายๆ" อัมราบอก
อารีย์มองเดช เดชพยักหน้า
"ไปเถอะเออแล้วอาร์ตไม่ได้เล่นด้วยเหรอ"
พรรณรายชิงพูดไม่พอใจพรรณ
"เล่นสิคะหึ แต่พรรณไม่เชียร์นายเด็กวัดนั่นหรอก นี่ถ้าพี่ออยไม่เล่น พรรณไม่ไปดูเด็ดขาด ไปกันเถอะ ยัยอัม เร็ว"
พรรณลากอัมราออกไป เดชกับอารีย์มองตามอ่อนใจ
"เมื่อไรยัยพรรณจะเลิกพูดจาดูถูกอาร์ตเขาสักทีนะ ที่จริงอาร์ตเขาดูดีมากนะคะ เสียอย่างเดียวก็แค่จน"
"นั่นสิถ้าไม่ติดเรื่องนี้พี่ว่าอาร์ตมีอะไรที่เหนือกว่าออยทุกอย่าง แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ยัยพรรณไม่มองอาร์ต จะได้ไม่มีปัญหากับยัยอัม"
อารีย์ชะงักจ้องหน้าเดช
"พี่เดชก็มองออกเหรอคะ"
เดชหัวเราะ
"โธ่..พี่ก็เคยเป็นหนุ่มมาก่อนนะทำไมจะดูไม่ออก แต่ที่ไม่พูด ไม่ห้ามก็เพราะทั้งสองคนต่างก็วางตัวได้ดี"
"ค่ะฉันก็เชื่อใจยัยอัม ส่วนอาร์ตก็ดูเป็นผู้ใหญ่น่าจะไว้ใจได้ ถ้าฉันเป็นอะไรไป เขาคงดูแลยัยอัมได้"
เดชชะงัก หันมามองอารีย์ อารีย์รีบเปลี่ยนเรื่องขำๆ
"แต่จริงๆอนาคตก็ยังอีกไกลนะคะ อย่าเพิ่งไปสนใจมากเลย ตอนนี้พี่เดชรีบปั้นหุ่นฉันต่อเถอะค่ะ ฉันอยากให้เสร็จเร็วๆ จะแย่แล้ว"
"ขอรับคุณผู้หญิง"
เดชหันกลับไปเก็บรายละเอียดหุ่นต่อ อารีย์มองตามหลังเดช สายตาเศร้า
บริเวณสนามกีฬา กลุ่มนักฟุตบอลทั้งสองทีมกำลังซ้อมวอร์มร่างกาย มีอาทรอยู่ด้วย นักศึกษาชาย-หญิง อยู่ริมสนามบ้างอยู่ บนอัฒจันทร์บ้าง อาทรซ้อมๆอยู่ชะงัก เห็นสันตินั่งครุ่นคิดอยู่ริมสนาม อาทรส่งลูกให้เพื่อน ยกมือขอตัวก่อนวิ่งเหยาะๆเข้าไปหาสันติ
"เฮ้อาร์ตนั่งใจลอยคิดอะไรอยู่"
อาทรยิ้มแบบรู้ทันกระเซ้า "น้องอัมมาแน่ๆนา"
สันติยังไม่ทันพูดอะไร อาทรมองข้ามไหล่สันติไปด้านหลังทำหน้าเบ้ กระซิบ
"แต่ตอนนี้น้องจุ้นจ้านมาแล้ว"
สันติหันไปมองแล้วหัวเราะ เห็นจุฑาวิ่งถือขวดน้ำเข้ามาหา
"นายกับจุ๊บเนี่ยทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้"
"โอ๊ยเหนื่อ" จุฑายื่นขวดน้ำ "น้ำจ้ะ" อาทรคว้าขวดน้ำอย่างว่องไวยกดื่ม จุฑาเหวอ อึ้งไปครู่หนึ่งรีบกระชากกลับจนอาทรสำลักน้ำ
"ไอ้ออยบ้า ฉันเอามาให้อาร์ต ไม่ได้ให้นายซักหน่อย"
อาทรทำหน้างง
"อ้าว..ไม่รู้นี่"
"อย่ามาทำโง่ ฉันรู้ว่านายแกล้ง"
"นี่ยัยจุ๊บเป็นผู้หญิงนะหัดพูดจาดีๆ มีคะมีขาบ้าง พูดคำด่าคำระวังจะขึ้นคาน"
จุฑากำลังจะเล่นงานต่อแต่ชะงัก พรรณรายหอบถุงพะรุงพะรังมากับอัมรา เสียงมาก่อนตัว
"พี่ออยขา พี่ออย"
อาทรชะงัก จุฑาสะใจ
"แบบนี่ใช่มั้ยที่นายชอบ"
อาทรอึ้ง พรรณรายกับอัมราเข้ามาถึง สันติยิ้มทักทายอัมรา จุฑารีบหันไปบอกพรรณราย
"นายออยกำลังบ่นถึงอยู่พอดี"
พรรณรายชะงัก มองจุฑาอย่างไม่แน่ใจ ยิ้มแย้ม
"จริงๆเค้ากำลังชื่นชมเธอ"
พรรณรายดีใจ
"จริงเหรอคะพี่ออย"
อาทรมองจุฑาแบบฝากไว้ก่อน
"น้องพรรณเอาอะไรมาเยอะแยะครับ"
"แฮมเบอร์เกอร์ค่ะ เนี่ยพรรณอุตส่าห์ไปแวะที่ร้านวิมปี้ หน้าห้างไทยไดมารูเพื่อซื้อมาให้พี่ออยทานก่อนแข่งเลยนะคะ"
พรรณรายรีบหยิบแฮมเบอร์เกอร์ออกจากถุงคะยั้นคะยอให้อาทร
"ทานเลยนะคะพี่ออย กำลังร้อนๆ"
อาทรมองเห็นจุฑามองเยาะๆ
"อย่าเพิ่งเลยครับน้องพรรณ"
"ไม่เอาค่ะ ทานนะมาๆๆพรรณป้อน"
พรรณรายทำจริง จุฑาขำมากขึ้นแอบทำท่าทางล้อเลียน
"ไม่ต้องครับ"
พรรณรายป้อนถึงปาก
"ไม่ได้ค่ะต้องทานร้อนๆ"
พรรณรายยัดเยียดจนเลอะปาก อาทรเสียงดัง
"เอ๊ะก็พี่บอกว่ายังไม่อยากทาน น้องพรรณไม่เข้าใจเหรอครับ"
ทุกคนอึ้งๆ อาทรรู้สึกตัวเสียงอ่อนลง
"ขอตัวไปซ้อมก่อนนะทุกคน อาร์ตไปกันได้แล้วล่ะ"
อาทรวิ่งเข้าไปในสนาม พรรณรายโกรธ จุฑาสะใจ อัมรารีบแก้แทนให้
"สงสัยพี่ออยจะเครียดที่จะแข่งฟุตบอลมั้งคะ"
พรรณรายฉุน
"ก็แค่แข่งระหว่างคณะจะอะไรนักหนา ทำไมต้องมาหงุดหงิดใส่กันด้วย ไม่กินก็อย่ากินสิ ใครง้อล่ะ"
พรรณรายเดินสะบัดไปนั่งที่อัฒจันทร์ริมสนาม สันติมองจุฑา
"แหย่กันจนได้เรื่อง"
"ช่วยไม่ได้อยากมาแกล้งจุ๊บก่อนนี่"
เพื่อนๆนักศึกษาหญิง แบกกระติกน้ำมากันทุลักทุเล ตะโกนเรียกจุฑา
"จุ๊บๆๆมาช่วยกันหน่อย"
จุฑาหันไปโบกมือกับสันติ
"จุ๊บไปช่วยเพื่อนๆก่อนนะ สู้ๆอาร์ต"
สันติพยักหน้าจุฑาวิ่งไป สันติหันมามองอัมรา
"น้องอัมละครับ"
อัมรามองงงๆ"คะ"
"จะไม่ให้กำลังใจพี่หน่อยเหรอ"
อัมราแกล้งเหมือนงอน
"ก็พี่จุ๊บให้แล้วนี่คะ"
สันติตกใจ อัมราหัวเราะ
"ล้อเล่นค่ะ"
สันติโล่งอก อัมรารีบบอก
"อัมจะนั่งเชียร์ติดสนามเลย ถ้าชนะจะมีรางวัลให้ค่ะ"
"จริงนะ"
อัมรายกนิ้วสัญญาแบบเด็กๆ "จริงค่ะ"
สันติทำท่าฮึกเฮิมแบบตลกๆ "สู้สู้"
อัมราอดขำไม่ได้ สันติยิ้มให้ก่อนรีบวิ่งลงไปในสนาม อัมรามองตามขำๆ สันติเข้าไปร่วมกลุ่มซ้อมกับเพื่อนๆ ท่าทางคล่องแคล่วมาก
หุ่นทั้งหมดยืนสงบอยู่ในห้อง เพทายมาปรากฏตัวขึ้นกลางห้องหุ่น หุ่นทั้งหมดขยับตัวหันมาจ้องเพทายอย่างเอาเรื่อง หุ่นเจ้าคุณนรบดินทร์ยกไม้ตะพดชี้หน้า
"ถึงเธอจะใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อจนหนูอัมราเชิญให้เธอเข้าบ้านนี้ได้ แต่ถ้าจะมาทำร้ายใครอีกละก็ ฉันขอเตือนให้เธอรีบกลับไปซะ"
ลุงทวนขยับเคียวมองน่ากลัว
"คราวนี้พวกเราเอาจริงแน่"
หุ่นทั้งหมดเคลื่อนเข้ามาหาเพทายอย่างเอาเรื่อง เพทายสะอื้น
"ฉันไม่ได้มาทำร้ายใคร แต่ฉันมาเพราะคับแค้นใจ ฉันรู้แล้วว่าคุณเดชไม่ได้ทำร้ายฉัน แต่เป็นนังเมียเสี่ยต่างหาก"
หุ่นทั้งหมดมองเพทายอย่างชั่งใจ เพทายอ้อนวอน
"ฉันอยากแก้แค้นมัน แต่ฉันทำอะไรมันไม่ได้"
"ที่เธอต้องถูกฆ่าตายก็เพราะเธอไปยุ่งกับสามีเขา เธอทำผิดศีลธรรมเธอก็ต้องรับกรรมของเธอ" สมศรีบอก
เพทายมองหุ่นนางรำอย่างไม่พอใจ
"ฉันไม่ได้มาขอความเห็น แต่ฉันมาขอให้พวกเธอช่วยให้ฉันได้แก้แค้นต่างหาก"
" ถ้าอย่างนั้นเธอก็มาผิดที่ผิดทางแล้วล่ะ เพราะพวกเราจะไม่ทำเรื่องที่ไม่ดี" พรรณีบอก
เพทายมองไม่พอใจ
"เธอควรจะละวางจากความอาฆาตแค้น ทำใจให้สงบ วิญญาณเธอจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ควรอยู่ ชดใช้เวรกรรมให้หมดสิ้นไม่ต้องมาเป็นวิญญาณร่อนเร่อยู่แบบนี้"
เพทายฉุน
"ไม่ต้องมาสอนฉัน ทีแกทำไมไม่ไปผุดไปเกิด มาสิงสู่เป็นหุ่นผีอยู่ทำไม"
ทับโกรธ
"อย่าก้าวร้าวท่านเจ้าคุณนะ"
"ทำไมก็ไอ้แค่ผีแก่ๆ ถือดียังไงมาสั่งสอนฉัน"
สมศรีโมโห ยกมือกางเล็บแหลมยาวออกมา ข่วนไปในอากาศตรงหน้า เพทายผงะ หน้าหงายร้องเจ็บปวดยกมือกุมหน้าเป็นรอยเล็บยาวเลือดซึม
"นี่แค่สั่งสอน"
เพทายมองหุ่นนางรำตาแดงฉาน
"แก"
เพทายจะพุ่งเข้าหา แต่ต้องชะงักเพราะหุ่นทุกตัว ยกเว้นเจ้าคุณ เคลื่อนเข้ามาล้อมเพทายไว้ จ้องเอาเรื่อง เ
"คิดจะรุมกันเหรอ"
เจ้าคุณนรบดินทร์บอก "กลับไปซะ"
เพทายยังนิ่งอย่างไม่ยอมแพ้ ท่านเจ้าคุณยกไม้ตะพดกระแทกลงที่พื้นสนั่นอย่างโกรธ
ในห้องหุ่นถึงกับสั่นสะเทือน เพทายโคลงเคลงจะล้ม เจ้าคุณเสียงดังสะท้อนน่ากลัวมาก
เพทายตกใจหวาดกลัวรีบหายตัวไปอย่างรวดเร็ว หุ่นทั้งหมดสีหน้าเสียดาย
"ถึงเพทายจะรู้แล้วว่าไม่ได้ตายเพราะพ่อเดช แต่ความแค้นที่พวกเราไม่ร่วมมือด้วย ก็อาจจะพาลมาหาเรื่องกับครอบครัวพ่อเดชได้อีก ช่วยกันระวังให้ดี"
หุ่นทั้งหมดมองเจ้าคุณอย่างเข้าใจ ก่อนเคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมของตัว นิ่งสงบ เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
ที่อัฒจันทร์ พรรณรายนั่งหน้าหงิก อัมราเข้ามานั่งข้างๆปลอบใจ
"ใจเย็นๆนะคะพี่พรรณ"
"ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว คอยดูนะในเมื่อพี่ออยเค้าไม่แคร์พี่ พี่ก็จะไม่แคร์พี่ออยอีกแล้ว เชอะคิดว่าคนอย่างพรรณรายไม่มีปัญญาหาผู้ชายดีๆเหรอ"
อัมรามองซ้ายขวากระซิบ
"เบาๆหน่อยค่ะพี่พรรณ คนอื่นเขามอง"
อัมรามองไปข้างๆ นักศึกษาที่นั่งอยู่หันมามอง พรรณรายหันไปมองตอบอย่างเอาเรื่อง
"มองทำไม"
อัมราตกใจ รีบยิ้มให้อย่างขอโทษ นักศึกษาหันกลับไปมองที่สนาม พรรณรายหงุดหงิดต่อ
"จริงๆนะอัม พี่ชักจะเบื่อพี่ออยเต็มที พี่ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงมากนักหรอกนะ พี่เบื่อๆๆๆ"
พรรณรายขย้ำแฮมเบอร์เกอร์ในมืออย่างระบายอารมณ์ จุฑาถือน้ำจะเอาไปให้นักกีฬา
ผ่านมาชะงัก พยักหน้าให้เพื่อนไปก่อน
"อุ๊ย..ทำไมอย่างนั้นละคะน้องพรรณ แหมแค่นายออยไม่ยอมกิน น่าเสียดายออกค่ะของดีๆ ได้ข่าวว่าแพงไม่ใช่เหรอคะ อันล่ะตั้งห้าบาท"
พรรณรายหันมาแว้ด
"ไม่ต้องมาแส่ ต่อให้อันละสิบบาทฉันก็จะทำ นี่ไงนี่ๆๆๆๆ"
พรรณรายขย้ำแฮมเบอร์เกอร์จนเละ จุฑามองสมเพช
"ที่เค้าว่าคนรวยมักจะไม่ค่อยเห็นคุณค่าของเงินสักเท่าไร เพิ่งจะเห็นจริงวันนี้เอง นึกถึงคนจนๆบ้างสิคะ เงินห้าบาท เค้าใช้ได้ตั้งหลายวัน"
จุฑาเดินลอยชายไป พรรณรายแค้น
"เห็นมั้ย เพราะพี่ออยคนเดียวทำให้ยัยบ้านี่หาเรื่องมาว่าพรรณได้ พรรณเกลียดพี่ออย เกลียดๆๆ"
พรรณรายขว้างแฮมเบอร์เกอร์ลงพื้น ใช้เท้าเหยียบขยี้อย่างสุดแค้น อัมรามองอึ้งๆ
กลางสนามเกมการแข่งขันเริ่มขึ้น ที่อัฒจันทร์ อัมรานั่งเชียร์อย่างสนุกตื่นเต้นไปด้วย ในขณะที่พรรณรายนั่งเซ็งๆ จุฑากับเพื่อนเชียร์อยู่ริมสนามกระโดดโลดเต้นเสียงดัง อาทรรับลูกพลาดทำให้อีกทีมได้ลูกและยิงลูกเข้าประตู นำไปก่อน
อาทรจ๋อย สันติเข้าไปตบบ่าให้กำลังใจ กองเชียร์ผิดหวัง การแข่งขันดำเนินต่อ
พรรณรายเซ็งกว่าเดิมหันมาบอกอัมรา
"พี่จะกลับแล้ว"
อัมราตกใจ
"อ้าว..ทำไมละคะ"
"จะเชียร์ไปทำไมยังไงก็แพ้อยู่ดี"
"นี่เพิ่งครึ่งแรกเองนะคะพี่พรรณ ถ้าพี่พรรณกลับพี่ออยก็ใจเสียแย่สิคะ นะอยู่ให้กำลังใจพี่ออยก่อนนะคะ"
"เชอะเล่นห่วยๆแบบนี้ เชียร์ไปก็อายคนอื่นเค้าเปล่าๆ"
เสียงนักศึกษากระซิบกัน
นศ. 1บอก "ว้าทำไมวันนี้พี่ออยเล่นแย่จังเลย"
นศ. 2บอก "นั่นสิถ้าเมื่อกี้พี่ออยไม่พลาดนะ คณะเราก็ไม่โดนนำไปก่อนหรอก"
นักศึกษายังบ่นกันเป็นเชิงว่าอาทร พรรณรายยิ่งไม่พอใจ
"เห็นมั้ยใครๆก็ว่าพี่ออยทั้งนั้น"
"โธ่ก็ช่างเขาสิค่ะ เชื่ออัมเถอะค่ะ ครึ่งหลังเนี่ย พี่ออยต้องเล่นได้ดีขึ้นแน่ๆ ถ้าเห็นว่าพี่พรรณยังเชียร์อยู่ นะคะอัมขอร้องล่ะ"
พรรณรายถอนใจหงุดหงิด จำใจนั่งต่อ แต่สีหน้าสุดเซ็ง
กลางสนามการแข่งดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ยังไม่มีใครได้ลูกอีก พรรณรายเซ็งสุดขีดแต่ในที่สุดสันติยิงลูกตีเสมอได้ กองเชียร์เฮ อัมราดีใจ นักศึกษาหญิงพากันกรี๊ดกร๊าดพูดถึงสันติอย่างชื่นชม"ฉันบอกแล้วเห็นมั้ยว่าพี่อาร์ตต้องทำได้" นักศึกษา 1 ว่า
"จริงๆด้วย คนอะไรทั้งหล่อทั้งนิสัยดี เรียนก็เก่ง แถมเล่นกีฬาก็เยี่ยม แบบนี้ฉันขอสมัครเป็นแฟนได้มั้ยเธอ" นึกศึกษา 2 บอก
นศ.คนอื่นๆมองมาทางอัมรา
"คนนั้นแฟนพี่อาร์ตไม่ใช่เหรอ" นักศึกษา 3 บอก
ทุกคนหันมามอง อัมราทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่รู้เรื่อง พรรณรายมองสนใจ นักศึกษาซุบซิบกันต่อ
นักศึกษา 1บอก "โชคดีเป็นบ้าเลยเนอะ แหมอิจฉาจัง"
นักศึกษา 2 บอก "เบาๆหน่อยเธอ เดี๋ยวเค้าได้ยิน เชียร์พี่อาร์ตกันต่อเถอะ"
ทั้งหมดหันกลับไปมองในสนามต่อ พรรณรายอึ้งๆ หันไปมองในสนามบ้าง ท่าทางสนใจขึ้น
พรรณรายเห็นสันติเข้าแย่งบอลได้ ส่งให้อาทร แต่อาทรรับพลาด อีกฝ่ายแย่งลูกไปได้ สันติเข้าแย่งลูกคืนมาได้อีก ลุยเดี่ยวเข้าไปยิงประตู ทุกคนเฮเสียงดัง สันติยิงประตูได้อีกอย่างสวยงาม เสียงนกหวีดให้สัญญาณหมดเวลา
เพื่อนนักกีฬา เข้ามารุมสันติ ไชโยกันเสียงดัง กองเชียร์ลุกขึ้นปรบมือกระหึ่ม สันติหันมาส่งยิ้มให้อัมรา สาวๆมองตามอย่างอิจฉา พรรณรายหันไปมองสันติที่กำลังถูกแบกวิ่งรอบสนาม สันติดูเป็นฮีโร่มากๆ สายตาพรรณรายเปลี่ยนไปเป็นทึ่งๆ
ในห้องเปลี่ยนเสื้อ อาทรยังนั่งเซ็งๆอยู่มุมหนึ่งไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า มีเพื่อนๆนักกีฬากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าคุยกัน สันติมองอาทร เดินมาหา
"ไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าละ มัวคิดอะไรอยู่"
อาทรสีหน้าดูแย่มองสันติอย่างขอโทษ
"ฉันเกือบทำทีมแพ้ นี่ถ้าไม่ได้นายคงแย่"
"บ้าน่าคิดอะไรแบบนั้น กีฬาก็ต้องมีแพ้มีชนะ"
"แต่ฉัน"
สันติรีบขัด
"ออย..ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมนะ ลำพังฉันคนเดียวไม่สามารถพาทีมชนะได้หรอก ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะมันไม่ใช่เพราะคนใดคนหนึ่งในทีม เราทุกคนต้องรับผิดและรับชอบด้วยกัน"
สันติมองหน้าอาทร สีหน้าจริงใจมาก อาทรนิ่ง เพื่อนๆเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จต่างเข้ามาห้อมล้อม
กัปตันทีมมองหน้าทุกคน
"ขอบใจพวกเราทุกคนเลยนะที่สามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดี ทุกคนทำดีมาก ขอบใจทุกๆคน"
กัปตันแตะมือกับทุกคนรวมทั้งอาทร อาทรมองหน้าสันติ สันติมองตอบพยักหน้าให้
อาทรยิ้มตอบสันติ สีหน้าดีขึ้น ทุกคนคุยกันเฮฮา ร่าเริงมากๆ
อัมรากับพรรณรายยืนรออยู่ อัมรากลัวพี่สาวจะหงุดหงิด หันไปมองพูดเกรงใจ
"เมื่อยมั้ยคะพี่พรรณ เดี๋ยวก็คงออกมากันแล้วละคะ"
พรรณรายตอบนิ่ง
"ไม่เป็นไรพี่รอได้"
อัมรามองงงๆ แล้วยิ้มดีใจ
"พี่พรรณหายโกรธพี่ออยแล้วใช่มั้ยคะ"
พรรณยังไม่ทันตอบ เสียงนักศึกษากรี๊ดกร๊าดกัน พรรณรายกับอัมราพากันหันไปมอง
สายตาทั้งสองคนเห็นนักศึกษาหญิงพากันวิ่งผ่านหน้าไป รุมล้อมสันติที่เดินมากับออย
ต่างพากันยื่นสมุดบ้าง เสื้อบ้าง ผ้าเช็ดหน้าบ้างให้สันติช่วยเซ็นชื่อ อาทรยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
อัมรามองสันติอย่างภูมิใจ พรรณรายมองสันติแววตาประหลาด อย่างคาดไม่ถึง
จุฑาวิ่งเข้ามากั้นโวยวาย
"นี่ๆๆพวกเธอแล้วก็น้องๆทั้งหลายพี่อาร์ตยังเหนื่อยอยู่อย่าเพิ่งมาวุ่นวายตอนนี้ได้มั้ยจ้ะ"
เพื่อนเถียง "ก็แค่ขอลายเซ็นอาร์ตหน่อย อย่ากั้นท่าน่ายัยจุ๊บ"
จุฑาแว้ด
"ฉันไม่ได้กั้นท่า แต่พวกเธออยู่ฝ่ายสวัสดิการไม่ใช่เหรอ ไปช่วยกันเก็บของก่อน เร็วๆเข้า เดี๋ยวนี้"
จุฑาเดินไปทุกคนยังยื้ออีกหน่อย จุฑาหันมามองถลกแขนเสื้อ หักนิ้ว ทุกคนจ๋อย เสียดายก่อนตามไป สันติกับอาทรเดินมาหาอัมรากับพรรณราย สันติเห็นพรรณรายมองอยู่ก่อน รีบออกตัว
"ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องรอ"
พรรณเสียงอ่อน
"ไม่เป็นไร..ค่ะ"
สันติ อัมรา อาทรมองแปลกใจ พรรณรายรีบพูดร่าเริง
"เอาอย่างนี้ดีกว่าเพื่อเป็นการฉลองที่ชนะ พรรณจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง"
ทุกคนงงมากขึ้น
"เราจะไปกินที่ไหนกันดี"
ยังไม่มีใครตอบ พรรณรายต่อ
"ไปราชวงศ์กันดีกว่า บะหมี่กับเกี๊ยวน้ำที่นั่นอร่อยมาก ดีมั้ยยัยอัม"
อัมราพยักหน้า
"แล้วแต่พี่พรรณสิคะอัมยังไงก็ได้"
พรรณรายมองสันติ
"แล้ว..นายล่ะเห็นด้วยมั้ย"
สันติงงแต่ก็รีบตอบ "ครับ"
พรรณรายพอใจ
"ตกลงตามนั้น ไปขึ้นรถกันเลย"
อัมรากระซิบ
"ไม่ถามพี่ออยก่อนเหรอคะ"
พรรณรายมองหางตา เชิด
"ถ้าจะไปด้วยก็ขับรถตามมาสิ รถตัวเองก็มีนี่" พรรณรายมองสันติ "นายกับยัยอัมไปขึ้นรถสิ"
สันติอึ้งๆรีบบอก "ผมขอไปกับออยก็แล้วกัน น้องอัมไปกับคุณพรรณนะครับ เดี๋ยวไปเจอกัน"
พรรณรายรีบแย้ง
"ได้ไง ก็ฉันจะเลี้ยงนาย นายก็ต้องไปรถฉันสิ เร็วๆเข้านะ"
พรรณรายเดินไปขึ้นรถ สามคนยืนอึ้งๆ อาทรรีบบอก
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ขับตามไปเอง"
อาทรยิ้มแห้งๆเดินไปที่รถ อัมราสงสารรีบบอกสันติ
"เอาอย่างนี้นะคะ งั้นอัมจะไปกับพี่ออยเอง"
"แต่ว่า.."
"นะคะ พี่พรรณกำลังอารมณ์ดีอย่าไปขัดใจเลยค่ะเดี๋ยวอารมณ์เสียขึ้นมาอีก จะหมดสนุกกันเสียเปล่าๆ นะคะเดี๋ยวเจอกัน"
สันติยังไม่ทันตอบ อัมรารีบวิ่งตามอาทรไปที่รถ สันติจำใจเดินไปขึ้นรถพรรณราย
พรรณรายขับรถอย่างชำนาญ เหลือบมองสันติที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ
"ทำตัวตามสบายนะไม่ต้องเกร็งหรอก"
สันติเหลือบมองตอบสุภาพ "ครับ"
"นายขับรถเป็นมั้ย"
"เป็นครับ"
พรรณเหลือบมองแปลกใจ สันติอธิบาย
"ถึงผมจะไม่มีรถ แต่ที่วัดมีรถกระบะเก่าๆบางครั้งผมก็ต้องขับพาหลวงตาไปตามที่ต่างๆที่เขานิมนต์มาครับ"
"นายนี่เก่งหลายอย่างนะเมื่อกี้ฉันได้ยินเขาพูดกันว่านายจะได้ทุนไปเมืองนอก จริงเหรอ"
"อ๋อ..ครับ พอดีอาจารย์ที่คณะฯท่านเสนอไปให้นะครับ แต่ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวยังต้องแข่งกันอีกเหลายคน ผมอาจจะไม่ได้ก็ได้ครับ"
"แต่ฉันว่านายน่าจะได้นะ ฉันเอาใจช่วยก็แล้วกัน"
สันติงง เหลือบมองพรรณอย่างไม่แน่ใจ พรรณหัวเราะ
"นายคงคิดว่าฉันเสียสติใช่มั้ย ใช่ฉันยอมรับว่าตอนแรกไม่ค่อยชอบนาย เพราะคิดว่านายเป็นพวกเกะกะเกเร แต่วันนี้นายทำให้ฉันทึ่งหลายอย่างเลย ฉันคงดูนายผิดไปหน่อย นายคงไม่ถือนะ"
สันติยิ้ม
"ไม่ครับผมเข้าใจ"
"ดีงั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่"
พรรณรายยื่นมือมาให้ สันติมองลังเลไม่กล้าจับมือ พรรณรายคะยั้นคะยอ
"นายไม่หายโกรธฉันงั้นสิ"
"ไม่ใช่ครับคือ.."
"งั้นเรามาจับมือกัน สิ"
สันติอึ้ง พรรณรายยังยื่นมือค้าง สันติจำใจจับแผ่วๆอย่างสุภาพ แต่พรรณรายรีบกระชับแน่น
หัวเราะร่าเริง สันติรีบดึงมือออกอย่างสุภาพ หันไปมองนอกหน้าต่างสีหน้าอึดอัด พรรณรายแอบมองสันติอย่างพอใจ
ห้องหุ่น ตอนที่ 8 (ต่อ)
อาทรขับรถไปคุยกับอัมราไป
"ขอบคุณมากนะครับน้องอัมที่มาเป็นเพื่อนพี่"
"ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ"
"ดูท่าทางน้องพรรณคงไม่ค่อยอยากให้พี่ไปด้วยสักเท่าไร"
อัมราตกใจ
"พี่ออยอย่าคิดอย่างนั้นนะคะ พี่พรรณคงงอนพี่ออยนะคะ เดี๋ยวพี่ออยง้อหน่อยพี่พรรณก็หาย เชื่ออัมสิคะ"
อาทรหัวเราะ
"ถึงไม่หายพี่ก็ไม่ได้เสียใจอะไรนี่ครับ"
อัมรามองงงๆ อาทรยืนยัน "พี่พูดจริงๆ"
อัมราลังเล แต่แล้วตัดสินใจถาม
"พี่ออยชอบพี่พรรณไม่ใช่เหรอคะ อัมไม่อยากให้พี่ทั้งสองคนผิดใจกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง"
อาทรคิดก่อนตัดสินใจพูด
"ถ้าพี่จะบอกน้องอัมว่าพี่ชอบน้องพรรณอย่างน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น น้องอัมจะเชื่อพี่มั้ย"
อัมราอึ้ง อาทรเหลือบมองอัมรา
"ความจริงพี่มีคนที่พี่ชอบอยู่แล้ว"
อัมราตกใจ
"จริงเหรอคะ..ใครกันคะ อัมรู้จักหรือเปล่า"
อาทรนิ่ง อัมราคิดได้
"เอ้อ... ขอโทษนะคะพี่ออย อัมไม่ควรถามเรื่องส่วนตัว"
อาทรถอนใจ
"ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คนที่พี่ชอบเขาไม่ได้ชอบพี่"
อัมรามองเห็นใจ อาทรรีบหัวเราะ
"ไม่ต้องสงสารพี่หรอก เพราะพี่พอใจที่รักเขาข้างเดียวแบบนี้ล่ะ แค่เห็นเขามีความสุขกับคนที่เขารัก พี่ก็มีความสุขแล้ว"
อาทรฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี อัมรามองอาทรอย่างทึ่งๆ
"พี่ออยเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ อัมดีใจจังค่ะที่มีพี่ออยเป็นพี่ชาย"
"ครับพี่จะเป็นพี่ชายที่ดีของน้องอัมตลอดไป"
อัมรายื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า
"สัญญานะคะ"
อาทรมองนิ้ว แววตาเศร้า ฝืนยิ้มยื่นนิ้วไปเกี่ยวด้วย หนักแน่น
"พี่สัญญา"
อัมราหัวเราะพอใจ ไม่ทันสังเกตแววตาเศร้าปนเสียดายของอาทร
ในห้องรับแขก เดชลุกพรวดขึ้นยืน อารีย์นั่งอยู่ด้วย เสี่ยกวงมองตกใจ เดชเสียงแข็ง
"ถ้าเสี่ยจะมาพูดเรื่องแบบนี้ผมคงไม่มีอะไรจะคุยด้วย"
"ใจเย็นๆก่อนสิ คุณมีฝีมือขนาดนี้ จะเอาหุ่นเก็บไว้ในห้อง ทำไมเฉยๆ เรามาร่วมมือกันไม่ดีกว่าเหรอ ผมมีเงินคุณมีฝีมือ ผมลับลองน่าว่าเราต้องรวยกันใหญ่"
"ผมขอยืนยันคำเดิมว่าไม่..ผมขอตัวก่อน อารีย์ช่วยส่งเสี่ยกลับไปด้วย พี่จะไปทำงานต่อ"
เดชเดินไปไม่สน เสี่ยอึ้ง รีบหันมาหาอารีย์
"อาคุณอาลีย์ คุณช่วยพูดกับสามีคุณหน่อยล่ายมั้ย ผมรับรองน่า ว่าถ้าเราล่วมมือกัน เงินทองจะไหลมาเทมาเลยน่า"
"เงินไม่ได้สำคัญมากมายสำหรับพวกเราหรอกค่ะ ฉันขอบอกให้เสี่ยรู้เลยว่าเ สี่ยไม่ใช่คนแรกที่พี่เดชปฏิเสธ เพราะฉะนั้นอย่าพยายามเลยค่ะ ฉันคงช่วยอะไรเสี่ยไม่ได้ เชิญค่ะ"
อารีย์ลุกขึ้นเดินหนีไปอีกคน เสี่ยอึ้ง ที่มุมหนึ่ง พิไลแอบฟังอยู่ยิ้มมีเลศนัย
เสี่ยกวงเดินบ่นมาที่รถ
"โง่ฉิก..ชวนให้รวยด้วยกันกลับไม่เอา"
เสี่ยชะงัก พิไลยืนยิ้มหวานอยู่ที่รถ
"สวัสดีค่ะเสี่ย"
เสี่ยมองงงๆ
"ลื้อเป็นใคร"
"ก็เป็นคนที่จะช่วยให้เสี่ยสมหวังไงคะ"
เสี่ยชะงักมองพิไลอย่างพิจารณา พิไลยิ้ม
หุ่นในห้อง ต่างหันหน้าไปทางหน้าบ้านอย่างไม่พอใจ
"เอาอีกแล้ว" สมศรีบอก
"ทำไมถึงไม่ยอมหยุดเสียที" พรรณีว่า
"ความโลภไง ผู้หญิงคนนี้จะทำให้พ่อเดชเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด" เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
พีทสีหน้าเอาเรื่อง
พิไลกับเสี่ยมานั่งคุยกันในศาลา เสี่ยมองพิไลถามอย่างตกใจ
"ลื้อนะเหรอเป็นเมียคุณเดช"
"ใช่"
เสี่ยพยักหน้า
"นึกอยู่แล้วว่าคุณเดชต้องไม่ใช่เล่น ขนาดอาเพทายยังติดแจ แต่ไม่คิดว่าจะกล้ามีเมียน้อยไว้ในบ้านแบบนี้"
พิไลโมโห
"ฉันไม่ใช่เมียน้อยนะ"
"อ้าวถ้าลื้อไม่ใช่เมียน้อยแล้วเป็นอะไร ฮ่อๆๆเข้าใจแล้วลื้อคงเป็นเมียเก็บสิท่า"
พิไลปรี๊ด
"โอ๊ย..ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ทั้งเมียน้อย เมียเก็บ ฉันเป็นเมียคนแรกของพี่เดช แต่เรื่องนี้เสี่ยไม่ต้องมาสนใจหรอก รู้แค่ว่าฉันจะช่วยทำให้เสี่ยสมหวังได้ก็พอ"
เสี่ยพยักหน้าเข้าใจ
"ก็ล่ายๆ"
พิไลยื่นมือมาตรงหน้า
"แต่เสี่ยก็ต้องมีค่าตอบแทนให้ฉัน"
เสี่ยมอง
"ลื้อจะเอาเท่าไร"
"หมื่นหนึ่ง"
เสี่ยร้อง
"อะไรนะ"
"ไม่แพงหรอกเสี่ย ผลประโยชน์ที่เสี่ยจะได้ฉันรู้ว่ามันมากกว่านี้เยอะ แล้วก็ต้องจ่ายมาครึ่งหนึ่งก่อนด้วย"
"โอโหเค็มไปมั้ย งานยังไม่เดินเลย เอาอย่างนี้เงินนะอั๊วให้แน่ แต่ขอดูผลงานก่อน อย่าว่าแต่หมื่นหนึ่งเลยถ้าลื้อทำสำเร็จ อั๊วจะให้มากกว่านั้นก็ได้ แต่ถ้าจะเอาก่อนอั๊วไม่ตกลง"
เสี่ยลุกขึ้นจะไป พิไลตกใจ รีบคว้าแขนเสี่ยไว้
"เดี๋ยวสิ.." พิไลพึมพำ "ใครกันแน่วะที่เค็ม"
เสี่ยมองประมาณจะตกลงมั้ย พิไลกระแทกเสียงใส่
"ก็ได้"
"ดี..อยากได้เงินเร็วก็รีบทำงานเร็วๆ"
เสี่ยหยิบนามบัตรออกมายื่นให้
"ถ้าสำเร็จโทรไปหาอั๊วที่เบอร์นี้"
เสี่ยเดินพิไลมองนามบัตร สีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์
พิไลที่กำลังเดินเคาะนามบัตรเสี่ยอารมณ์ดีเข้าห้องไป พีทเคลื่อนตัวอย่างเร็วมาถึงหน้าห้อง แต่ต้องชะงัก มือของสมศรีกับพรรณีมาแตะบ่าไว้คนละข้าง
"มาซนอีกแล้วนะพีท" สมศรีว่า
"หนูไม่ได้ซน แต่หนูจะสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ซักหน่อย"
"ลืมไปแล้วเหรอว่าพิไลมีสร้อยพระ" พรรณีบอก
พีทสมศรีกับพรรณีมองหน้ากัน ยิ้มน่ากลัว
"แต่พี่สองคนมีวิธี" สมศรีบอก
พีทมองหุ่นทั้งสองอย่างดีใจ หุ่นทั้งสามมองหน้าห้องพิไลอย่างน่ากลัว
พิไลนั่งอยู่บนเตียงกำลังฝันหวานเรื่องเงิน
"เงินหมื่นหนึ่งเนี่ยเราจะเอาไปทำอะไรดีนะ ก่อนอื่นต้องเอาไปซื้อทองใส่ ใส่ข้อมือข้างล่ะซักห้าบาทถ้าจะดี แล้ว..."
เสียงเคาะประตูห้อง พิไลชะงักตะโกนถาม "ใคร?"
เงียบไม่ตอบ พิไลแปลกใจ ลุกเดินไปเปิด บ่นไป
"ใครวะเคาะแล้วไม่พูดประเดี๋ยวแม่ด่าเข้าให้ อุ๊ย..".
พิไลชะงัก หน้าประตูพรรณรายยืนหน้าซีด กอดอกตัวสั่น พิไลตกใจ
"พรรณราย..เป็นอะไรไปจ้ะทำไมหน้าซีดตัวสั่นอย่างนั้น"
พรรณรายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"พรรณฝันร้ายค่ะ"
พิไลงงแล้วหัวเราะออกมา
"โธ่เด็กเอ๊ยเด็ก แค่ฝันร้ายทำท่าซะอย่างกับโดนผีหลอกแหนะ"
"ก็พรรณฝันว่าโดนผีหลอกจริงๆค่ะ โอ๊ยน่ากลัวจัง พรรณต้องนอนไม่หลับแน่ๆเลย จะปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ก็ยุ่งอยู่ในห้องหุ่น พรรณเลยมาปรึกษาน้าพิไล"
พิไลพอใจมาก
"ได้สิจ้ะปรึกษาน้าได้ เอ... แต่แล้วน้าจะช่วยยังไงล่ะ"
พิไลคิดไม่ออกเพราะโง่ พรรณแอบทำหน้าเซ็ง แนะทางให้
"ผีมันกลัวพระไม่ใช่เหรอคะ"
"ก็ใช่ แต่นี่มันในฝันนี่แล้วจะทำยังไง"
"แหมถ้าพรรณมีพระไปไว้ในห้องก็คงอุ่นใจนะคะ น้าพิไลพอจะมีพระบ้างมั้ยคะ"
พิไลคิดได้ รีบดึงสร้อยพระออกมา ไม่ทันสังเกตว่า พรรณรายถอยหลังห่างออกไปหน่อย
"มีสิเนี่ยไง เอ้อแต่น้าเคยโดนผีหลอกเลยต้องห้อยพระติดตัวไว้ตลอด"
พิไลทำท่าลังเล พรรณรายอ้อน
"ขอพรรณยืมสักคืนได้มั้ยคะ พรุ่งนี้พรรณจะขอของคุณแม่ แล้วพรรณจะเอามาคืนให้"
พิไลพูด
"แค่คืนเดียวไม่เป็นไรนะ... ได้สิลูก"
พิไลจะถอดจะส่งให้ พรรณถอยกรูดทำตัวงอ พิไลตกใจ
"เป็นอะไรนะพรรณราย"
"อยู่ๆก็ปวดท้องค่ะ พรรณขอไปห้องน้ำก่อน น้าพิไลขาช่วยเอาสร้อยพระไปไว้ที่หัวนอนพรรณหน่อยนะคะ ขอบคุณน้าพิไลม๊ากมากค่ะ"
พรรณรีบหันหลังเดินเร็วๆไป พิไลยิ้มพอใจ
"นึกไม่ถึงเลยว่าเวลาลูกเดือดร้อนจะนึกถึงฉัน นี่ล่ะน้าที่เค้าว่ายังไงเลือดมันย่อมข้นกว่าน้ำอยู่ดี"
พิไลเดินยิ้มกระหยิ่มขึ้นตึกใหญ่ไป พรรณรายยืนหลบอยู่มองตาม
พรรณีกับพีทปรากฏร่างขึ้นขนาบ พรรณรายที่กลายเป็นสมศรี สามคนมองตามหลังพิไลไปอย่างน่ากลัว
ในห้องหุ่น หุ่นเจ้าคุณนรบดินทร์โยกเก้าอี้เบาๆ พลางถอนใจ
"ให้ไปห้ามเจ้าพีท กลับไปช่วยเสียนี่"
"คนอย่างแม่พิไลต้องโดนสั่งสอนซะบ้างก็ดีนะขอรับ ท่านเจ้าคุณ" ลุงทวนบอก
"ผมก็เห็นด้วยกับลุงทวน จะได้หลาบจำไม่เช่นนั้นก็ก่อเรื่องอยู่เรื่อย" ทับว่า
"คนอย่างแม่พิไลเป็นพวกบัวใต้น้ำ ทำยังไงก็ไม่อาจโผล่ขึ้นมารับแสงตะวันได้หรอก ไม่เชื่อก็คอยดูต่อไป" เจ้าคุณบอก
หุ่นทั้งหมดมีสีหน้าไม่สบายใจ
พิไลเดินกลับมาอย่างอารมณ์ดี หุ่นเคลื่อนตามหลังช้าๆอย่างน่ากลัว พิไลชะงักรู้สึกมีคนตาม ดีใจรีบหันไปมอง
"พรรณราย"
ว่างเปล่าไม่มีใคร พิไลหันกลับเดินต่อเห็นลูกกลมๆพุ่งเข้าใส่ด้านหลังพิไลอย่างแรง พิไลล้มไปร้องโอดโอย
"โอ๊ย..อะไรกันเนี่ย...อู๊ย"
พิไลมองไปเห็นลูกกลมๆที่กลิ้งไปหยุดอยู่มุมหนึ่ง พิไลฉุน
"ไอ้อ๊อดแน่..สงสัยกลับมาจากโรงเรียนประจำแล้ว"
พิไลลุกขึ้นมองหา ตะโกนเรียก
"เจ้าอ๊อด ฝีมือเราใช่มั้ยออกมาให้ตีซะดีๆ"
รอบๆสวนมีแต่ความว่างเปล่า พิไลโกรธ
"ไม่ยอมออกมาใช่มั้ย ดีหึ ดีแม่จะเอามีดผ่าลูกฟุตบอลทิ้งซะเลย"
พิไลเดินเร็วๆไปคว้าลูกกลมๆขึ้นมาถือ แล้วผงะตาเหลือก
ลูกฟุตบอลกลายเป็นหัวพีทจ้องมองดุๆ เสียงน่ากลัว
"จะผ่าเหรอผ่าแบบนี้ใช่มั้ย"
หัวพีทแยกออกอย่างน่าสยอง พิไลกรี๊ด โยนหัวทิ้ง
"ว้าย..ผีหลอก"
พิไลวิ่งหนี แต่หัวพีทกลิ้งตามมาพันขาพิไล จนเหมือนพิไลกำลังเลี้ยงลูกฟุตบอล
พิไลกระโดดหนีร้องไปด้วยอย่างกลัวสุดขีด
"ว้ายไป ไม่..กรี๊ดโอ๊ยช่วยด้วย"
พิไลปีนขึ้นต้นไม้ พักหอบๆ
"โอ๊ยหัวใจจะวาย"
"ฉีดยาบำรุงหัวใจหน่อยมั้ย"
พิไลตกใจเงยหน้ามองเห็นพรรณี หุ่นนางพยาบาลนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้ ถือเข็มฉีดยาตั้งท่าจะปักลงมา พิไลกรี๊ดสุดเสียง
"ว้าย"
พิไลไถลรูดตกลงมาล้มกลิ้งกับพื้น หัวพีทกลิ้งเข้ามาพันขาอีก พิไลคลานหนีล้มลุกคลุกคลาน
อย่างหวาดกลัว พยายามจะลุกแต่ลุกไม่ขึ้น ฟุบลงร้องขวัญหนีดีฟ่อ
"โอ๊ยไม่ๆๆกลัวแล้วจ้า กลัวแล้วอย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย"
มือสมศรี หุ่นนางรำยืดยาวเข้ามา "มาเร็วฉันช่วย" พิไลดีใจคว้ามือดึง แต่แล้วแขนหุ่นติดมา พิไลล้มหงายมีมือนางรำอยู่บนอก
พิไลดิ้นกรีดปัดอย่างขยะแขยง พิไลตาเหลือกสมศรี พรรณี พีทพากันก้มมองพิไลอย่างน่ากลัว ตะโกนไล่ดังก้อง
"ไป"
พิไลรีบลุกขึ้นวิ่งสุดชีวิตหนีออกไปทางหน้าบ้านอย่างตกใจสุดขีด หุ่นทั้งสามมองตามหัวเราะน่ากลัว
พิไลวิ่งเตลิดมาตามถนน หวาดกลัว ไม่เห็นหุ่นตามมาก็หยุดหอบ แต่ยังมองอย่างระแวง มือเทิดเข้ามาจับบ่าพิไลทางด้านหลัง พิไลสะดุ้งสุดตัว ร้องกรี๊ดก่อนสลบนอนหมดสติที่พื้น
เทิดมองพิไลอย่างหมั่นไส้
"ขวัญอ่อนจริงๆนะเมียรัก"
เทิดก้มลงนั่งข้างๆ
"ในที่สุดกูก็ตามหามึงจนเจอ นังตัวดี"
เทิดมองพิไลแค้นๆ
คืนเดียวกัน ในภัตตาคารย่านราชวงศ์ หลายโต๊ะกินบะหมี่พูดคุยกัน สันติ อาทร อัมรา พรรณรายนั่งอยู่ บริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ
"น่าทานจังค่ะ ลงมือเลยนะคะเจ้ามือ" อัมราบอก
อัมรามองที่พรรณรายอย่างล้อเลียน พรรณรายพยักหน้า หันไปมองสันติเห็นลงมือจะทาน
พรรณรายถามอย่างสนใจ
"ไม่ปรุงก่อนเหรอ"
สันติทำหน้างงๆ
"เอ้อ..คือผมไม่เคยมาทาน เลยไม่รู้ว่าต้องปรุงยังไง เห็นว่าที่นี่มีชื่อมาก คิดว่าน่าจะอร่อยอยู่แล้ว"
อัมรายิ้มให้กำลังใจสันติ อาทรรีบบอก
"ก็ปรุงเหมือนรสชาติก๋วยเตี๋ยวที่เรากินนั่นแหละ"
สันติพยักหน้า พรรณรายรีบเลื่อนชามสันติมา
"เอางี้นะฉันจะปรุงให้นายเอง รับรองว่านายต้องชอบ"
พรรณรายลงมือตักเครื่องปรุงให้ อาทร อัมรามองอึ้งๆ สันติงง พรรณรายเลื่อนชามคืนให้
"ลองชิมดูสิว่าชอบมั้ย"
สันติมองอัมราอย่างขอความเห็น อัมรีบพูด
"ลองสิคะพี่อาร์ต พี่พรรณปรุงอร่อยมากนะเวลามากับคุณพ่อคุณแม่ คุณแม่ยังต้องให้พี่พรรณปรุงเลยค่ะ"
สันติตักน้ำชิม กระพริบตาปริบๆ พรรณรายรีบถาม
"อร่อยมั้ยล่ะ"
"เอ้อครับ แต่เผ็ดไปหน่อยพอดีผมเป็นคนไม่ค่อยชอบทานเผ็ด"
อาทรแทรก
"เหมือนน้องอัมเลย รายนี้เผ็ดหน่อยหน้าแดงเป็นตำลึงสุกเชียว"
สันติ อัมราหัวเราะกัน พรรณรายมองหมั่นไส้
"กินแต่ของจืดชืดนะมันไม่มีรสชาติหรอก หัดกินของแซ่บๆบ้าง จะได้มีชีวิตชีวา"
พรรณรายจ้องสันติ พูดเป็นนัยๆ อาทรพอจะดูออก ดึงชามสันติมาเปลี่ยนกับตัวเอง
"แต่ฉันรู้ว่าคนอย่างนายถ้าไม่อยากกินก็คือไม่กิน มาเปลี่ยนกันของฉันยังไม่ได้ปรุงอะไร"
พรรณรายมองไม่พอใจ
"เอ๊ะพี่ออยนี่ยังไง เจ้ากี้เจ้าการไม่เข้าเรื่อง"
พรรณรายกระชากชามสันติออก จ้องอาทรทำท่าจะมีเรื่องกัน อาทรดึงชามกลับ มองพรรณรายอย่างตำหนิ
"เลิกเอาแต่ใจตัวเองซะทีเถอะน้องพรรณ"
"แต่วันนี้พรรณเป็นเจ้ามือนะ พี่ออยยุ่งอะไรด้วย"
"เป็นแค่เจ้ามือไม่ได้เป็นเจ้าชีวิต ไม่มีสิทธิ์จะมาบังคับคนโน่นคนนี่"
พรรณโกรธทำท่าจะวีน อัมราไม่สบายใจ สันติรีบบอก
"ไม่เป็นไรหรอกออย ฉันกินได้"
อาทรเสียงแข็ง
"ไม่จำเป็น"
อาทรลงมือกินชามสันติหน้าตาเฉย พรรณรายโกรธมาก กำช้อนแน่น สันติ อัมราสบตากันสีหน้าไม่สบายใจ อาทรกินเฉยไม่สนใจท่าทางพรรณราย เงยหน้าพยักเพยิดกับสันติ อัมรา
"กินสิ เร็วเข้าเดี๋ยวจะเย็นซะหมด"
พรรณรายมองอาทรอย่างไม่พอใจมาก
พรรณรายเข้ามาในห้องนอน หงุดหงิดโวยวาย
"เกลียดๆๆๆเกลียดพี่ออยที่สุดเลย"
อัมราตามมาพยายามปลอบ
"ใจเย็นๆนะคะพี่พรรณ"
พรรณหันมาแว้ด
"เลิกพูดให้ฉันใจเย็นสักทีได้มั้ย ฉันไม่ใช่น้ำแข็งอย่างเธอนี่"
อัมราอึ้งหน้าเสีย พรรณรายระบายต่อ
"แปลกใจตัวเองจริงๆว่า ฉันทนชอบพี่ออยมาได้ยังไงตั้งนาน ผู้ชายงี่เง่า ทำอะไรก็ไม่เข้าท่า เป็นถึงลูกผู้พิพากษา แต่ยังสู้เด็กวัดอย่างนายอาร์ตยังไม่ได้เลย"
อัมราตกใจ
"พี่พรรณ..ทำไมไปเปรียบเทียบพี่ออยแบบนั้นละคะ ถ้าพี่ออยรู้เข้าคงเสียใจแย่"
"ช่างปะไรไม่เห็นสนเลย ทีเค้าทำให้พี่เสียใจไม่เห็นเค้าจะสนบ้างเลย"
อัมราอ่อนใจ ทำท่าจะเลี่ยงไป พรรณรีบเรียกไว้
"เดี๋ยวยัยอัม"
อัมราหันมามองเชิงถาม พรรณรายหยั่งเชิง
"ถามจริงๆเธอกับนายอาร์ตชอบกันใช่มั้ย"
อัมราตกใจ
"พี่พรรณ"
พรรณรายคาดคั้น
"ว่าไง ถ้าเธอไม่พูดความจริงพี่จะฟ้องคุณพ่อคุณแม่"
อัมรากลัว อึกอัก
"อัม..เอ้อ..อัมแค่ชอบพี่อาร์ตอย่างพี่ชายนะคะ"
"แล้วนายอาร์ตละเค้าชอบเธอหรือเปล่า"
"เอ้อพี่อาร์ตก็คงชอบอัมเหมือนน้องสาวค่ะ"
พรรณรายสีหน้าดีขึ้น
"แล้วไป"
อัมรางงๆ
"ทำไมคะ"
พรรณรายลุกไปคว้าผ้าเช็ดตัวยิ้มอารมณ์ดี ทำท่ามีเลศนัย อัมราหยั่งเชิง
"อย่าบอกนะคะว่าพี่พรรณจะเปลี่ยนใจมาชอบพี่อาร์ต"
พรรณรายไม่ปฏิเสธ แถมฮัมเพลงมีความสุข เข้าห้องน้ำไป อัมราสีหน้าไม่สบายใจ
รถอาทรวิ่งอยู่กลางถนน ถนนโล่ง ในรถ สันตินั่งข้างคนขับ หันมามองอาทรอย่างตกใจ
"เป็นไปไม่ได้ นายพูดอะไรออกมา"
อาทรหัวเราะชอบใจ
"ก็พูดเรื่องจริงนะสิ แค่เห็นท่าทางน้องพรรณวันนี้แล้ว ฉันว่าฉันดูไม่ผิด"
สันติไม่สบายใจ
"แต่ฉันไม่มีทางคิดกับคุณพรรณรายเป็นอย่างอื่น"
"ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้น ฉันรู้น่าว่าสี่ห้องหัวใจนายมีแต่น้องอัมราเท่านั้น แต่ที่พูดเนี่ยก็เพราะจะเตือนนายไว้ คนอย่างน้องพรรณนิสัยเอาแต่ใจแล้วก็ชอบเอาชนะ นายควรระวังตัวไว้ให้ดี ถ้านายอ่อนให้น้องพรรณอย่างวันนี้ วันข้างหน้านายอาจมีปัญหากับน้องอัมได้นะ"
สันติคิดหนัก สีหน้าค่อนข้างเครียด
ถนนในซอยค่อนข้างมืด เงียบ รถเมียเสี่ยแล่นมา ภายในรถ เมียเสี่ยขับรถบ่นหงุดหงิด"งานเลี้ยงบ้าบออะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นมีสาระอะไร มีแต่คุยอวดรวยเชอะ...ถ้าเสี่ยกล่อมคุณเดชสำเร็จ ฉันนี่แหละจะรวยเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยเชียว"
เมียเสี่ยชะงักแทนสายตาเห็นผู้หญิงข้ามถนนตัดหน้า เมียเสี่ยเหยียบเบรกร้องเสียงดัง
"ว้าย.."
เพทายล้มลงไป เมียเสี่ยตกใจ
"บ้าจริงจะถึงบ้านอยู่แล้ว"
เมียเสี่ยเปิดประตูลงไป เห็นเพทายนอนคว่ำหน้ากับพื้น เมียเสี่ยลังเลกล้าๆกลัวๆ
"ตายหรือเปล่าเนี่ย"
"โอ๊ย..ช่วยด้วย"
เมียโล่งอก
"ยังไม่ตาย"
เมียเข้าไปประคองปากก็บ่นไป
"เป็นยังไงบ้างเธอ นี่ไม่ใช่ความผิดฉันนะ เธอข้ามถนนไม่รู้จักดูเอง ใครจะไปเบรคทัน ดีนะที่ไม่ตาย"
เมียประคองหน้าเพทายหันมา เมียตาเหลือกตกตะลึง หน้าเพทายมีเส้นเลือดดำกระจายเต็มหน้า หน้าซีดขาว ตาดำไม่มี มีแต่ขาวดูน่ากลัวมาก เพทายเสียงเยือกเย็น
"ฉันตายแล้ว"
เพทายจับแขนเมียเสี่ยแน่น เสียงกร้าว
"ตายเพราะแกไง"
เมียเสี่ยตกใจสุดขีด
"นังเพทาย"
เมียเสี่ยสะบัดสุดกำลัง ลุกขึ้นวิ่งหนีไปขึ้นรถ รีบถอยหลังรถออกไปจากซอยอย่างรวดเร็ว
เพทายมองแสยะยิ้มสยดสยอง
"หนีเหรอ"
เพทายหัวเราะก้อง เสียงแหลมเหมือนเสียงเปรตจ้องตามรถไปอย่างสุดแค้น
เมียเสี่ยขับรถหน้าตื่น ร้อนรน หวาดกลัว
"ฉันจะไปไหนดี ฉันจะไปหลบที่ไหนดี โอ๊ย."
"แกหลบฉันไม่พ้นหรอก นังเจ๊"
เมียเสี่ยตกใจหันไปทางเสียง เพทายนั่งจ้องเมียเสี่ยอยู่ที่นั่งข้างคนขับ
เมียร้องตกใจ "ว้าย"
เมียหักพวกมาลัยจอดรถอย่างรีบร้อน เปิดประตูวิ่งออกไป อย่างไม่คิดชีวิต เพทายมองตามอย่างน่ากลัว
เมียเสี่ยวิ่งหนีมา เพทายปรากฏร่างขวางไว้ เมียเสี่ยตกใจจากกลัวเปลี่ยนเป็นกล้า
"นังผีบ้า ตายแล้วทำไมไม่รู้จักไปผุดไปเกิด"
เพทายมองแค้น
"ก็เพราะฉันยังไม่ได้ฆ่าแกไง"
ฉันไม่ได้ผิด ก็ใครใช้ให้แกมายุ่งกับผัวฉันล่ะ"
"ผัวแกมันนอกใจแกเอง ทำไมแกไม่ไปฆ่าผัวแก มาฆ่าฉันทำไม"
เพทายเคลื่อนเข้าหาเมียเสี่ยอย่างรวดเร็ว มือบีบคอเค้นอย่างรุนแรง
"แก..ต้อง..ตาย"
เมียเสี่ยตาเหลือก พยายามจะร้องขอชีวิต
"ยะ..อย่า"
เพทายหัวเราะสะใจ จ้องหน้าเมียเสี่ยที่ดิ้นรนหายใจไม่ออก ขาเมียเสี่ย ค่อยๆสูงขึ้นจากพื้นดิน ที่มือเมียเสี่ยตะกายในอากาศ หน้าหายใจไม่ออก เพทายสะใจ แล้วจู่ๆมีบ่วงรัศมีสีแดง
คล้องฉับลงบนคอเพทาย เพทายผงะกรีดร้องเจ็บปวด ปล่อยเมียเสี่ยทรุดลงกรีดร้องอยู่กับพื้น
"โอ๊ย...ปวดแสบปวดร้อนเหลือเกินโอ๊ย"
เมียเสี่ยล้มลง รีบหายใจพร้อมกับไอหอบๆ มองที่เพทายอย่างตกใจ เห็นเพทายดิ้นทุรนทุราย
เวทย์ท่าทางเป็นคนมีอาคมแกร่งกล้า ถือปลายเชือกบ่วงไว้ จ้องมองเพทายอย่างเหนือกว่า
พิไลนอนสลบอยู่ค่อยๆได้สติ ลืมตาช้าๆ เห็นเพดานห้องเก่าๆ
ไล่ไปช้าๆเห็นโต๊ะหมู่บูชา มีหัวกะโหลกตั้งเด่นอยู่ ลดหลั่นลงมามีรูปปั้นเด็กหัวจุกบ้าง ผู้หญิงแต่งชุดไทยบ้าง วางเรียงราย มีพาน มีขันน้ำมนต์ พร้อมข้าวของที่ใช้กับพิธีกรรมต่างๆ พิไลตาเหลือกลุกพรวดขึ้นนั่งมองอย่างตกใจ บรรยากาศอับทึบ สลัวๆน่าขนลุก
"นี่มันที่ไหน"
"ตื่นแล้วเหรอจ้ะแม่พิไลยอดยาหยี"
พิไลสะดุ้งหันไปมองแทนสายตาเห็นเทิดนั่งอยู่มีขวดเหล้าตรงหน้า
พิไลตกใจ
"ไอ้เทิด"
เทิดคลานเข้ามาหา ลอยหน้ายียวน
"ไม่เจอกันตั้งนาน เดี๋ยวนี้เรียกพี่ไอ้เชียวเหรอนังพิไล"
เทิดตบหน้าพิไลฉาด พิไลคว่ำไป หันมามองตกใจ เทิดเปลี่ยนท่าทางน่ากลัว
"แกทำให้ฉันต้องหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนไม่มีแม้นแต่ที่จะซุกหัวนอน นี่ยังดีนะที่ฉันมาเจอลูกพี่คนใหม่ไม่งั้นคงต้องนอนข้างถนนไปแล้ว"
เทิดตามเข้าไปจิกผมพิไลขึ้นมา
"ได้ดีแล้วคิดจะถีบหัวฉันส่งใช่มั้ย"
พิไลร้องหวาดกลัว
"พี่พูดเรื่องอะไรฉันไม่รู้เรื่องโอ๊ย.."
"คิดว่ากูโง่เหรอ กูไม่อยู่แกก็เอาผัวเก่ามา แล้วก็พากันไป คิดว่ากูจะตามหาไม่เจอเหรออีพิไล"
เทิดตบพิไลคว่ำไปอีก ตามไปจิกจะตบอีก พิไลรีบยกมือไหว้
"อย่าจ้ะพี่เทิด ฉันกลัวแล้ว พี่อย่าทำฉันเลยนะพี่อยากได้อะไรฉันจะให้พี่หมดเลย"
เทิดเงื้อมือค้าง พิไลรีบละล่ำละลั่ก
"ฉันพูดจริงๆจ้ะ"
เทิดจ้องร่างพิไลแววตาหื่น กระชากพิไลเข้ามา พิไลตกใจ
"กลับไปอยู่กับผัวเก่า ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะนะแก"
"พี่จะทำอะไรฉัน"
"ชะทำดัดจริตมาถาม ผัวเค้าทำอะไรเมียละว่ะ"
เทิดปล้ำพิไล พิไลดิ้นรนร้องหน้าขยะแขยง
"ว้ายไม่นะพี่เทิด อย่า..."
เทิดไม่สน
เวทย์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ท่าทางน่าเกรงขาม เมียเสี่ยก้มกราบอย่างเลื่อมใส เพทายถูกบ่วงอาคมมัดตรึงอยู่มุมหนึ่ง เวทย์มองเมียเสี่ยถามสงสัย
"ทำไมถึงโดนนังผีนี่มันเล่นงานเอาล่ะ"
เมียเสี่ยกำลังจะพูด เพทายรีบขัด
"มันจ้างคนมาฆ่าฉัน ท่านปล่อยให้ฉันฆ่ามันเถอะ"
เวทย์ชะงักมองหน้าเมียเสี่ย
"จริงรึ"
เมียรีบเล่า
"ก็มันเป็นเมียน้อย สามีฉันค่ะ ฉันเคยไปเตือนมันหลายครั้งแล้วแต่มันก็ไม่ยอมเลิก"
เวทย์นิ่งฟัง เพทายอ้อนวอน
"นี่เป็นความแค้นระหว่างฉันกับนังเจ๊ ท่านอย่ายุ่งเลย ขอร้องล่ะปล่อยให้ฉันได้จัดการกับมันเถอะแล้วฉันจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย"
เวทย์นิ่งคิด เมียเสี่ยรีบเสนอ
"อย่าไปฟังมันนะคะท่าน ฉันนะรวยมากถ้าท่านช่วยฉันกำจัดนังผีร้ายนี่ฉันจะสมนาคุณท่านอย่างงามเลยค่ะ"
เวทย์หันมามองเมียเสี่ยที่ใส่เครื่องประดับวูบวาบบนตัว
"ข้าไม่ใช่คนที่ใครจะมาล้อเล่น ถ้าผิดคำพูดละก็ไม่ตายดีแน่"
เมียเสี่ยรีบก้มกราบดีใจ
"รับรองค่ะฉันสาบานเลย ช่วยจับนังผีนี่ถ่วงน้ำทีอย่าให้มารังควานฉันอีก ฉันจะให้ท่านหนึ่งหมื่นบาทเลยค่ะ"
เวทย์ส่ายหน้า เมียหน้าเสีย เพทายยิ้มเยาะ เวทย์พูดนิ่งๆ
"สามหมื่น"
เพทายผิดหวัง เมียสะอึก แต่แล้วตัดใจรับคำ
"ได้ค่ะสามหมื่นก็สามหมื่น"
เวทย์ยิ้มมุมปาก ลุกขึ้นเดินเข้าไปหา เพทายแค้น
"ที่แท้แกมันก็ไอ้หมอผีไม่มีศีลธรรม เห็นแก่เงิน"
เวทย์หัวเราะก้อง
"ปากดีนักนะ"
เวทย์หยิบโอ่งดินเล็กๆเท่าฝามือออกมาจากย่าม เวทย์พึมพำท่องคาถา
บ่วงรัดร่างเพทายแน่นขึ้น เพทายดิ้นร้องเจ็บปวด
"ปล่อยฉันนะโอ๊ยไอ้หมอผีชั่ว โอ๊ย...."
เพทายถูกแรงอาคมดูด ลอยมาทางเวทย์แล้วหายวับเข้าไปในโอ่งดินเล็กๆ
เวทย์หยิบผ้ายันต์สีแดงผืนเล็กๆออกมาปิดปากโอ่งดิน หยิบด้ายพันทับ
ผ้ากับปากโอ่งดินจนแน่น พึมพำลงอาคมก่อนหัวเราะพอใจ
"หมดฤทธิ์แล้วสินะฮ่ะๆๆ"
เมียเสี่ยมองเวทย์อย่างเลื่อมใสมากๆ
ห้องหุ่น ตอนที่ 8 (ต่อ)
ในบ้านเวทย์ กลางคืนต่อเนื่องมา พิไลผมเผ้ายุ่งรีบแต่งตัวเร็วๆ เทิดนั่งกระดกเหล้าต่อยิ้มกริ่มมองพิไล
"แกยังแจ๋วเหมือนเดิมนะนังพิไล แบบนี้ผัวเก่าแกไม่หลงหัวซุกหัวซุนเหรอวะ" เทิดบอก
พิไลเจ็บใจลุกขึ้น พูดห้วนๆ
"ฉันไปได้แล้วใช่มั้ย"
เทิดเสียงแข็ง "ยัง"
พิไลโมโห
"เอ๊ะ ฉันก็ตามใจพี่ไปแล้วไง จะเอาอะไรจากฉันอีกล่ะ"
เทิดแบมือมาตรงหน้า
"เงินไงจ้ะที่รัก"
"ฉันไม่มี"
เทิดตาเขียวลุกพรวดเงื้อมือ
"อย่าพี่"
"นังนี่แปลกคน พูดดีๆไม่ชอบ"
"ไม่ใช่แบบนั้น ฉันไม่มีเงินจริงๆ ฉันไปอยู่อย่างคนอาศัย แค่มีกินไปวันๆ"
เทิดมองไม่เชื่อ พิไลเสียงอ่อน
"ฉันพูดจริงๆนะพี่เทิด" พิไลเปลี่ยนท่าทางเป็นหวาดๆ "แถมที่บ้านนั่นก็มีผีด้วย ที่ฉันวิ่งหนีออกมาเจอพี่ก็เพราะโดนผีหลอก พูดแล้วยังขนหัวลุกไม่หายเลย"
เทิดหัวเราะ
"โธ่เอ๊ยกะอีแค่ผี กลัวไปได้"
พิไลกลัวจริง
"มันไม่ได้มีแค่ตัวเดียวนะพี่เทิด มันมีตั้งหลายตัว"
"ต่อให้มีเป็นโหล มันก็สู้ลูกพี่ฉันไม่ได้หรอก" เทิดโอ่
พิไลงง
"ใครกัน..ลูกพี่ของพี่เทิดนะ"
เสียงประตูเปิดเข้ามา เทิดกับพิไลชะงักหันไปมอง หมอผีเวทย์ก้าวเข้ามามองพิไลอย่างพอใจเทิดชะงักมองสายตาเวทย์ออก
"ใคร"
"อ๋อ..พิไล..เอ้อน้องสาวฉันเองจ้ะพี่"
พิไลมองเทิดอย่างแปลกใจ เทิดส่งสายตาปราม
"พิไลไหว้พี่เวทย์ซะสิ นี่ไงพี่เวทย์ลูกพี่ที่ฉันบอกเมื่อกี้นี้"
พิไลไหว้ เวทย์รับไหว้มองพอใจ เดินเข้าไปนั่ง ก่อนหันมาถามเทิด
"น้องจริงเหรอ"
"จ้ะพี่"
"มาทำไม"
"มันโดนผีหลอกมาจ้ะ ฉันเลยอยากขอของดีของพี่เวทย์ให้มันติดตัวไปกันผีหน่อยจ้ะ"
เวทย์หัวเราะ มองพิไล
"ไหนเข้ามาใกล้ๆสิ"
พิไลหันไปมองเทิดเชิงปรึกษา เทิดพยักหน้าให้ พิไลขยับเข้าไป เวทย์มองพิไลทั่วตัวด้วยสายตาหื่นๆ ก่อนหันไปหยิบสร้อยตะกรุดจากพานมาพึมพำคาถา แล้วยื่นให้พิไล
"เอ้า เอาไป"
พิไลมองอย่างไม่ค่อยศรัทธาเท่าไร
"กันผีได้แน่นะจ้ะ"
"ไม่ว่าผีตัวไหนถ้าเจอตะกรุดของข้าเป็นต้องวิ่งกลับหลุมแทบไม่ทัน"
พิไลยื่นมือออกมารับ เวทย์วางสร้อยตะกรุดลงบนมือ ถือโอกาสลูบมือเบาๆ ส่งสายตามองโลมเลีย พิไลทำเขิน ส่งสายตายั่วยวนให้
"ถ้าจริงอย่างปากพี่เวทย์ว่า ฉันจะกลับมาตอบแทนพี่อย่างถึงใจเลยจ้ะ"
เวทย์หัวเราะชอบใจ พิไลรีบสวมสร้อยตะกรุดไว้ในคอ
เทิดเดินออกมาส่ง พิไลดึงแขนเทิดไว้ถามสงสัย
"เดี๋ยว..ทำไมต้องโกหกพี่เวทย์ด้วยว่าฉันเป็นน้อง"
เทิดหันไปมองในบ้านก่อนหันมากระซิบ
"นังโง่เอ๊ยแกไม่เห็นสายตาที่พี่เวทย์เค้ามองแกเหรอ"
พิไลยิ้มภูมิใจ
"ฉันรู้ว่าเค้าถูกใจฉัน"
"ก็ใช่นะสิ ขนาดของดีๆยังให้แกง่ายๆ แกรู้มั้ยของขลังของพี่เวทย์นะเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้นนะแก ใครอยากได้ต้องเสียเงินเป็นร้อย บางอย่างเป็นพัน ถึงหลักหมื่นก็มี"
พิไลตาโต
"งั้นพี่เวทย์ก็มีเงินนะสิ"
"ก็มีนะสิวะ"
เทิดลากแขนพิไลออกห่างตัวบ้านไปอีก กระซิบ
"ฉันปูทางไว้ให้แกแล้วนะนังพิไล หาช่องทางเอาเองแล้วกัน ยังไงก็อย่าลืมส่วนแบ่งนะโว้ย"
พิไลหันไปมองที่ตัวบ้านเวทย์อย่างสนใจขึ้นมาทันที
เทิดเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เห็นเวทย์นั่งหันหน้าเข้าหาโต๊ะหมู่บูชา ในมือถือโอ่งดินใบเล็ก กำลังบริกรรมคาถาเคร่งขรึม ก่อนเป่าพรวดลงที่โอ่ง
เสียงเพทายหวีดร้องโหยหวนออกมา เทิดสะดุ้งจ้องมองที่โอ่งดิน ภายในโอ่
งดินใบนั้น เพทายนั่งคุดคู้ สีหน้าเจ็บปวด
"ปล่อยฉันออกไปนะไอ้หมอผีชั่ว"
เวทย์มองเพทาย หัวเราะชอบใจ
"ยังปากเก่งเหมือนเดิมนะ รอให้ถึงวันแรมสิบห้าค่ำก่อน ข้าจะทำพิธีให้แกเป็นโหงพรายฮ่ะๆๆ"
เพทายลุกพรวดขึ้นทุบโอ่ง
"ไม่นะ..ไม่ฉันไม่อยากเป็นโหงพราย ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกไปไอ้คนเลว"
เทิดจ้องมองเพทายสีหน้าตกใจ เวทย์บริกรรมคาถาเป่าซ้ำลงไปที่โอ่ง เพทายหายไป
เวทย์วางโอ่งดินไว้ที่โต๊ะหมู่ เทิดถามตกใจ
"นั่นมันยัยเพทายดาวโป๊นมโตที่กำลังดังไม่ใช่เหรอจ้ะพี่"
เวทย์พยักหน้า เทิดตกใจ
"มันตายตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นได้ข่าวเลย"
"ข้าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้โชคดีได้ลาภก้อนใหญ่ แกรู้มั้ยไอ้เทิด ถ้าข้าปลุกเสกนังนี่เป็นโหงพรายสำเร็จ คนที่อยากได้มันไปเลี้ยงต้องยอมทุ่มเงินให้ข้าอย่างไม่อั้นเลยล่ะฮ่ะๆๆ"
"อ๊ะแบบนี้ก็ต้องฉลองกันหน่อยสิจ้ะพี่เวทย์"
เวทย์อารมณ์ดี ล้วงหยิบเงินออกมา
"เออจริง แบบนี้ต้องก๊งเว้ย"
เวทย์ส่งเงินให้เทิด เทิดรีบเข้ามารับเงินอย่างนอบน้อมก่อนรีบออกไป เวทย์นั่งกระหยิ่ม
มองโอ่งดินที่ขังเพทายอย่างพอใจมาก
อัมรานอนพลิกไปมาไม่หลับ ลุกขึ้นนั่งหันไปมองพรรณรายหลับสนิท เธอเดินไปยืนกังวลที่หน้าต่าง เช่นเดียวกับสันติที่นอนไม่หลับเช่นกัน เปิดประตูห้องออกมายืนมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
เสียงอาทร เข้ามาในความคิด
" คนอย่างน้องพรรณนิสัยเอาแต่ใจแล้วก็ชอบเอาชนะ นายควรระวังตัวไว้ให้ดี ถ้านายอ่อนให้น้องพรรณอย่างวันนี้ วันข้างหน้านายอาจมีปัญหากับน้องอัมได้นะ"
สันติคิดหนัก อัมราก็มีท่าทางไม่ต่างกัน
หุ่นอารีย์เกือบเสร็จแล้ว เดชกำลังเก็บรายละเอียดขั้นตอนสุดท้าย
เดชถอยหลังยืนมองหุ่น เดชชะงัก หุ่นอารีย์ค่อยๆมีรอยร้าวจากหน้าแล้วขยายกระจายไปเรื่อยๆ เดชตกใจ
"อะไรกันเนี่ย"
"อย่าปั้นต่อไปอีกเลยพ่อเดช"
เสียงเจ้าคุณนรบดินทร์ดังและโยกเก้าอี้เบาๆ
"หยุดปั้นเสียเถอะก่อนที่จะสายเกินไป"
เดชตะลึง
"ท่านเจ้าคุณ"
เสียงหุ่นทั้งหมดสะท้อนขึ้นพร้อมๆกันในห้อง
"หยุดซะ..หยุดซะ..หยุดซะ"
เดชหันหมุนมองตามหุ่นแต่ละตัวอย่างตกใจ
เช้ามืด เดชตกใจตื่นลืมตาตกใจ ลุกพรวดขึ้นนั่ง กุมหัวก่อนสลัดหัวไปมา
อารีย์ยังนอนหลับสนิท เดชถอนใจ ค่อยๆย่องลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา เสียงประตูปิด อารีย์ลืมตาสีหน้าครุ่นคิด
พิไลแอบเข้าบ้านมาอย่างระวัง สีหน้าหวาด มองรอบๆ ในห้องหุ่น หุ่นพีทหันขวับมองไปทางหน้าบ้าน
"ยังไม่เข็ดอีกนะ"
"โดนขนาดนี้ยังกล้ากลับมาอีก" สมศรีว่า
"หนูจะไปไล่เอง"
พีทหายไปอย่างรวดเร็ว ท่านเจ้าคุณห้ามไม่ทัน
"อย่าไปเจ้าพีท"
เจ้าคุณนรบดินทร์หันมามองสมศรีกับพรรณี น้ำเสียงเครียด
"ไปตามเจ้าพีทกลับมา"
"มีอะไรหรือเปล่าคะท่านเจ้าคุณ"
"ฉันรู้สึกอึดอัดแปลกๆ ตั้งแต่พิไลก้าวเข้าบ้านมา รีบไปตามเจ้าพีทกลับมาก่อน"
หุ่นทั้งสองพยักหน้ากันก่อนรีบหายตัวไปทั้งคู่ เจ้าคุณไม่สบายใจ
พิไลตกใจหน้าซีดเผือด เห็นพีทยืนจ้องน่ากลัว ตากลวงโบ๋ ถามเยือกเย็น
"จะกลับมาเล่นกันต่อใช่มั้ย"
พิไลถอยกรูด ปากสั่น "ผะ..ผี"
พีทเคลื่อนเข้าหาพิไลอย่างรวดเร็ว พิไลตะลึง แต่ยังไม่ถึงตัว เกิดรัศมีสว่างวาบจากคอพิไล แผ่กระจายออกไปโดนร่างหุ่นเด็ก พีทร้องเจ็บปวด กระเด็นหายวับไปอย่างรวดเร็ว
"โอ๊ย"
พิไลกระพริบตาปริบๆ นึกขึ้นได้ถึงตะกรุด รีบจับไว้แน่น สีหน้าสะใจ
"ตะกรุดของพี่เวทย์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ"
พิไลยกตะกรุดชูหันรอบๆร้องท้า
"มาเลย ไอ้ผีตัวไหนกล้ามาหลอกฉันอีก ออกมาสิมา หลอกเลย ฉันมีของดีอยู่กับตัวแบบนี้ไม่กลัวพวกแกแล้วโว้ย"
รอบตัวเงียบกริบ พิไลยิ้มกระหยิ่ม
"รู้จักนังพิไลน้อยไปแล้ว"
พิไลก้มมองตะกรุดในมือ พนมมือไหว้ เก็บใส่ไว้ในอกเสื้ออย่างทะนุถนอม ก่อนรีบเดินลัดเลาะตัวตึกกลับไปเรือนด้านหลังอย่างรวดเร็ว
พีทนอนบาดเจ็บอยู่ มีพรรณีกับสมศรีประคองอยู่ หุ่นทั้งหมดล้อมดูอย่างตกใจ"มันเกิดอะไรขึ้น" ทับถาม
"แม่พิไลคงไปหาพระมาคุ้มครองตัวเองอีก" ลุงทวนบอก
"แต่ก่อนพิไลก็สวมสร้อยพระ พวกเราแค่เข้าใกล้ตัวพิไลไม่ได้ แต่ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บแบบนี้
เจ้าคุณไม่ใช่พลังของพุทธคุณ พลังแห่งพุทธคุณจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา"สมศรีบอก
พรรณีถาม "หมายความว่ายังไงคะ"
"มันเป็นพลังทางไสยดำ พลังแห่งการทำลายล้าง" เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
หุ่นทั้งหมดตกใจมองพีทที่นอนเจ็บ เจ้าคุณหน้าเครียด
"คนที่ให้ของพิไลมา ถือว่าเป็นคนมีวิชาอาคมแก่กล้าคนหนึ่งทีเดียว ต่อไปนี้พวกเราต้องระวังตัวให้ดี"
พิไลเดินอารมณ์ดีมาถึงหน้าห้องกำลังจะเปิดประตู
"พิไล"
พิไลชะงัก เดชในชุดนอนยืนกอดอกมองอยู่อย่างสงสัย
"ไปไหนมา"
พิไลอึกอัก
"เอ้อคือฉัน อ๋อ..ฉันไปเดินสูดอากาศยามเช้ามาจ้ะ แหมอากาศตอนเช้ามืดนี่เย็นสบายดีนะจ้ะพี่เดช"
เดชจ้อง พิไลหลบตามีพิรุธ เดชเดินเข้าไปใกล้
"แต่ท่าทางเธอเหมือนเพิ่งกลับมามากกว่านะ"
พิไลตกใจ เดชคาดคั้น
"ไปไหนมา"
พิไลอึ้งกลัวเดชจับได้ เดชเอาจริง
"ถ้าโกหกฉันจะไล่เธอออกไปจากบ้านนี้"
พิไลจนแต้ม โผเข้ากอดเดช คิดเร็วๆ
"ฉันเอ้อฉันออกไปดูลิเกที่ตลาดแถววัดมาจ้ะ ก็ฉันเหงาฉันไม่มีอะไรทำ พี่เดชอย่าโกรธฉันนะ"
พิไลเงยหน้าอ้อน
"ก็ฉันคิดถึงพี่ พี่ก็ไม่มาหาฉันเลย พี่เดชจ๋า รู้มั้ยฉันจะอกแตกตายอยู่แล้ว ฉันรักพี่ ฉันคิดถึงพี่มากนะ"
พิไลรุกดันเดชติดผนังห้อง กอดจูบเดชพัลวัน เดชพยายามจะผลัก แต่พิไลไม่ยอม
พิไลลูบไล้ปลุกอารมณ์เดช กลายเป็นเหมือนกอดรัดกันแนบแน่นขึ้น
"พี่เดช"
อารีย์ยืนมองตะลึงหน้าซีดเผือด สีหน้าท่าทางสะเทือนใจมาก ก่อนค่อยๆล้มลง เดชร้องตกใจผลักพิไลกระเด็น
"อารีย์"
เดชวิ่งเข้าไปประคองอารีย์ที่หมดสติไปแล้ว เขย่าเรียกร้อนรน
"อารีย์..ไม่นะอารีย์..อารีย์"
พิไลมองยิ้มอย่างสะใจ
บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล เวลาต่อมา เดชเดินร้อนรนกระวนกระวาย สีหน้าเครียดมาก บางครั้งก็มาหยุดหน้าห้อง พยายามจะมองเข้าไป
อัมรากับพรรณรายนั่งจับมือกัน ต่างร้อนใจ อีกมุมไม่ไกลพิไลอยู่ด้วย พึมพำคนเดียว
"เพี้ยงขออย่าให้มันรอดเลย ตายๆ ไปเหอะ"
หมอเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา พยาบาลออกมาด้วย แล้วเลี่ยงไปหาเดชอย่างรวดเร็ว อัมรา พรรณรายรีบลุกไปอยู่ด้วย
"อารีย์ปลอดภัยแล้วใช่มั้ยครับ" เดชถาม
หมอนิ่ง มองหน้าเดช ก่อนส่ายหน้า
"ขอโทษนะคุณเดช ผมพยายามเต็มที่แล้ว"
เดชอึ้งเซไปนิดหนึ่ง ส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ พึมพำ
"ไม่..ไม่จริง"
พรรณกับอัมราร้องไห้โฮสองคนโพล่ง "คุณแม่"
พิไลสีหน้าตื่นเต้นสะใจ หมอมองหน้าทุกคน
"หมอเสียใจด้วยจริงๆ"
เดชส่ายหน้า แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พรรณกับอัมราตามเข้าไป
พิไลถอนใจโล่งอก แอบยิ้มดีใจ
ในห้องฉุกเฉิน เดชเห็นอารีย์นอนอย่างสงบอยู่บนเตียงคนไข้ เดชนั่งลงข้างๆ จับมืออารีย์มากุมไว้ หน้าเศร้ามาก น้ำตาไหลเงียบๆ พรรณรายกับอัมราเข้ามายืนร้องไห้ เดชพูดเรียบๆ
"พรรณราย อัมรามากราบแม่ซะ"
ทั้งคู่สะอื้นไห้เข้าไปกราบเท้าอารีย์ สองคนจับขาอารีย์ไว้ฟุบหน้าร้องไห้ พิไลเข้ามามองอย่างไม่พอใจ แล้วเปลี่ยนท่าทางเป็นสะอื้น คร่ำครวญ
"โธ่อารีย์ ไม่น่าอายุสั้นเลย เห็นกันอยู่หลัดๆ"
เดชหันมามองแววตาเยือกเย็น เสียงกร้าว
"เธอออกไปก่อน ขอพวกเราอยู่กันตามลำพังประสาพ่อแม่ลูก"
"แต่..."
เดชเสียงเรียบแต่น่ากลัว
"ออกไป"
พิไลอึ้ง แต่พยักหน้าพูดเสียงอ่อน
"จ้ะพี่เดช"
พิไลเปิดประตูหันกลับมามองภาพสามคนพ่อลูกร้องไห้เสียใจอย่างหมั่นไส้ ก่อนออกไป บรรยากาศเศร้าใจในห้องฉุกเฉิน
วิญญาณอารีย์ปรากฏขึ้นในห้องหุ่น มองรอบๆอย่างแปลกใจ อารีย์เดินไปดูหุ่นตัวเองอย่างพอใจ
"พี่เดชปั้นหุ่นตัวฉันเสร็จแล้วนี่ ทำไมไม่บอกนะ"
อารีย์มองรอบๆ
"แล้วพี่เดชหายไปไหน"
สมศรีบอก "คุณเดชอยู่โรงพยาบาลค่ะ"
อารีย์สะดุ้ง หันไปตามเสียงเห็นหุ่นนางรำหันมามองอยู่ก่อนแล้ว อารีย์ตกใจ
"หุ่นครูสมศรีพูดได้ นี่ฉันฝันไปใช่มั้ย"
หุ่นนางพยาบาลหันมาทางอารีย์
"นี่เป็นเรื่องจริงค่ะคุณอารีย์ ตอนนี้คุณเป็นวิญญาณ" พรรณีบอก
"คุณเพิ่งหมดอายุขัยเมื่อครู่นี้เอง" ลุงทวนว่า
อารีย์งง
"อะไรนะคะ"
"คุณตายแล้วครับคุณอารีย์" ทับบอก
"มาอยู่ด้วยกันนะครับคุณน้า" พีทว่า
อารีย์มองพีทและหุ่นทุกตัว
"นี่มันอะไรกัน ฉันตายแล้วจริงๆเหรอ"
เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
"ลองคิดดีๆสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อตอนเช้ามืด"
อารีย์ครุ่นคิด...
พิไลรุกดันเดชติดผนังห้อง กอดจูบเดชพัลวัน เดชพยายามจะผลัก แต่พิไลไม่ยอม
พิไลลูบไล้ปลุกอารมณ์เดช กลายเป็นเหมือนกอดรัดกันแนบแน่นขึ้น
"พี่เดช"
เดชตกใจหันไปมอง อารีย์ยืนมองตะลึง หน้าซีดเผือด สีหน้าท่าทางสะเทือนใจมาก ก่อนค่อยๆล้มลง
อารีย์นึกได้ เสียใจ
"ฉันคิดอยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง ไม่ช้าก็เร็ว"
เจ้าคุณนรบดินทร์บอก"อย่าเสียใจไปเลย ไม่มีใครฝืนชะตาของตัวเองได้"
อารีย์พยักหน้าเข้าใจ มองหุ่นทุกตัว
"ฉันอยู่ที่นี่เหมือนทุกๆคนได้มั้ยคะ ฉันเป็นห่วงพี่เดชห่วงลูกๆ"
"ได้สิ..พวกเรายินดีต้อนรับ" เจ้าคุณบอก
อารีย์มองหุ่นทุกตัว
"ขอบคุณค่ะ"
อารีย์หันไปมองหุ่นตัวเอง เศร้า หุ่นทุกตัวมองอารีย์อย่างเห็นใจและเป็นมิตร
คืนเดียวกัน ที่หน้าศาลา แขกทยอยกันมา อัมรากับพรรณรายยืนรับแขกเศร้าๆ ด้านหลังเห็นสันติ อาทร จุฑาช่วยกันเสิร์ฟน้ำ บริเวณเก้าอี้แขกนั่ง มีแขกอยู่หลายคน รวมทั้งดำเกิงกับบุญเรือนนั่งอยู่ด้วย บุญเรือนกระซิบดำเกิง
"ดูคุณเดชสิคะ ท่าทางแย่มากเลย"
ดำเกิงมองไปที่เก้าอี้สุดมุมศาลา เดชนั่งนิ่งหมดอาลัยตายอยาก มือหนึ่งโอบกอดอ๊อดไว้
"เป็นใครก็คงทำใจลำบาก นี่ก็ใกล้เวลาพระสวดแล้ว" ดำเกิงบอกแล้วลุกขึ้น "งั้นเดี๋ยวผมมานะ"
"ค่ะ"
ดำเกิงลุกเดินเข้าไปหา เดชนั่งนิ่ง สายตาเหม่อลอยเหมือนคนไม่มีชีวิต ดำเกิงนั่งลงข้างๆ เดชมองแววตาว่างเปล่า อ๊อดยกมือไหว้
"สวัสดีครับคุณลุง"
ดำเกิงพยักหน้า
"ไหว้พระเถอะลูก อ๊อดลุงมีเรื่องจะคุยกับคุณพ่อหน่อย อ๊อดช่วยไปนั่งเป็นเพื่อนคุณป้าก่อนได้มั้ย"
ดำเกิงชี้ไปที่อุ่นเรือน อ๊อดมองตาม อุ่นเรือนกวักมือเรียก
"ได้ครับ"
อ๊อดวิ่งไปหาบุญเรือน ดำเกิงนั่งลงข้างๆเดช พูดปลอบอ่อนโยน
"ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี คุณเดช แต่คนตายแล้วยังไงก็ไม่ฟื้น คุณควรจะหักห้ามใจเสียบ้าง"
เดชส่ายหน้า พึมพำ
"ไม่..อารีย์ยังไม่ควรต้องตาย อารีย์ตายเพราะผมแท้ๆ"
ดำเกิงไม่เข้าใจ พูดไปคนเรื่อง
"อย่าโทษตัวเองเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณก็ดูแลคุณอารีย์ดีที่สุดแล้ว"
เดชส่ายหน้า
"ไม่จริง.. ผมผิด..ผมผิดต่ออารีย์ โธ่อารีย์"
เดชฟุบหน้ากับฝ่ามือ สะอื้น ดำเกิงมองเห็นใจ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตบบ่าเบาๆเป็นการปลอบใจ
อัมรากับพรรณรายยกมือไหว้แขกที่มางาน
"ป้าเสียใจด้วยนะลูก"
อัมรา/พรรณราย "ขอบคุณค่ะ"
แขกเดินเข้าไปในศาลา สันติ อาทรเข้ามาหา
"พระกำลังจะเริ่มสวดแล้ว น้องพรรณกับน้องอัมเข้าไปด้านในเถอะ"
อัมรากับพรรณรายจะเข้าไป อัมราเซหน้าซีด สันติรับไว้ได้ทัน
"น้องอัมเป็นอะไรไปครับ"
"อัม...ไม่เป็นไรค่ะแค่หน้ามืดนิดหน่อย"
อาทรรีบบอก
"อาร์ตนายประคองน้องอัมไปนั่งก่อนไป"
พรรณรายมองอาทรไม่ค่อยพอใจ รีบเข้ามาประคองอัมราแทน พูดกับสันติเรียบๆ
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันพายัยอัมไปเอง"
พรรณรายจะพาอัมราไป ทุกคนอึ้งแทน เมื่อเห็นพิไลแต่งตัวสวยมาก แต่งหน้าจัดเดินวางมาดเข้ามาในงาน พิไลรีบเข้ามาทักทุกคนอย่างยิ้มแย้ม
"ขอโทษทีนะจ้ะ น้ามาช้าไปหน่อยมัวแต่ไปทำผมอยู่"
แขกเข้ามาอีก พิไลรีบหันไปต้อนรับ
"ขอบคุณนะคะที่มา เชิญด้านในเลยค่ะทำตัวตามสบายนะคะ"
แขกมองพิไลงงๆ เดินเลี่ยงเข้าไปด้านใน พรรณรายไม่พอใจมาก ถามห้วนๆ
"มาทำไม"
"อ้าวก็มาแสดงความเสียใจนะสิ ถามแปลกๆ"
พิไลชะเง้อมองเข้าไปในศาลาฃ
"โอโหแขกมากันเต็มเลยนะ งั้นเดี๋ยวน้าจะเข้าไปดูสิว่า เตรียมของที่จะเลี้ยงแขกเสร็จหรือยัง ถ้าไม่เรียบร้อยคนที่มาจะเอาเราไปนินทาได้ ไปก่อนนะจ้ะ"
พิไลเดินไป พรรณรายจะตามอย่างโมโห แต่อัมรารีบดึงแขนไว้
"ช่างเขาเถอะค่ะพี่พรรณ"
"ช่างได้ยังไงดูมันทำสิ ตัวคุณแม่ยังอุ่นอยู่เลย มันก็ทำท่าจะมาแทนที่ซะแล้ว"
"งานศพคุณแม่นะคะ พี่พรรณอย่ามีเรื่องเลย"
"น้องอัมพูดถูก เลิกใจร้อนทีเถอะน้องพรรณ" อาทรบอก
"พี่ออยไม่ต้องยุ่ง ยังไงพรรณก็จะไล่มันออกไป"
พรรณรายเดินไป อัมราร้อนใจ
"ทำไงดีคะต้องเป็นเรื่องแน่เลย ต่างคนต่างก็แรงทั้งคู่"
สันติมองอัมราอย่างสงสาร บอกอาทร
"นายพาน้องอัมเข้าไปนั่งข้างในก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไปดูเอง"
สันติรีบเดินตามไป อัมรากับอาทรมองอย่างเป็นห่วง
พิไลเดินนวยนาดไปทางโรงครัว พรรณรายวิ่งตามมาตะโกนเรียก
"เดี๋ยว"
พิไลหยุดหันมามอง
"มีอะไรเหรอจ้ะพรรณราย"
"มี..มีเยอะด้วย พูดตรงๆเลยนะ ฉันว่าเธอไม่ควรมาจุ้นจ้านในงานศพคุณแม่"
พิไลมองรำคาญ
"น้าจุ้นจ้านตรงไหนนี่มาช่วยงานแท้ๆเลยนะ"
"ไม่ต้อง..กลับไป"
พิไลมองพรรณรายอย่างไม่เข้าใจ
"หนูนี่ทำตัวแปลกๆนะพรรณราย เดี๋ยวก็มาทำดีกับน้า เดี๋ยวก็ทำเป็นร้ายใส่ แต่เอาเถอะน้านะไม่ถือสา คงเป็นเพราะอารีย์เลี้ยงหนูมาไม่ดี ต่อไปนี้น้าจะเป็นคนอมรมเลี้ยงดูหนูเอง"
พรรณรายปรี๊ด
"ถือดียังไงมาว่าคุณแม่ ออกไปนะไปให้พ้น"
พรรณเข้ามากระชากแขนพิไล ออกแรงดึง พิไลไม่ยอมยื้อกัน
"เอ๊ะพรรณรายปล่อยน้านะ"
สันติเข้ามารีบดึงตัวพรรณรายไว้
"อย่าครับคุณพรรณ"
พรรณรายดิ้น
"ปล่อยฉันนะนายอาร์ต ฉันจะสั่งสอนผู้หญิงคนนี้สักหน่อย"
"นี่มันงานศพคุณแม่นะครับ อยากให้คุณแม่ตายตาไม่หลับเหรอครับ"
พรรณรายชะงัก พิไลมองอ่อนใจจะเดินไป พรรณรายพูดจริงจัง
"วันนี้ฉันจะปล่อยเธอไปก่อน แต่จำไว้ให้ดีนะ อย่าได้คิดจะมาแทนที่คุณแม่เป็นอันขาดเพราะฉันจะไม่เอาเธอไว้แน่"
พรรณรายเดินปึงๆไปอีกทางอย่างไม่พอใจ พิไลมองตาม อึ้งๆ ก่อนจะสะบัดไปอย่างโมโห
สันติมองตามทั้งสองคน ถอนใจอึดอัด
หลวงตานำพระลูกวัดสวด เดชนั่งฟังอยู่หน้าสุด
สายตาจับจ้องแต่รูปอารีย์ ดำเกิง บุญเรือน อ๊อด แขกที่มาร่วมงาน ต่างนั่งฟังอย่างสำรวม
อาทรกับอัมรานั่งห่างออกมา พระสวดจบ พิไลนำเด็กวัดยกถาดใส่ชามข้าวต้มมาแจกแขก ท่าทางพิไลเหมือนเป็นเจ้าภาพ ยิ้มแย้มพูดคุยกับแขก อัมรามองแปลกใจกระซิบอาทรเอ๊ะน้าพิไลอยู่นั่นนี่คะ แล้วพี่พรรณกับพี่อาร์ตหายไปไหน"
"นั่นสิ หรือว่าน้องพรรณจะออกฤทธิ์อะไรกับนายอาร์ต"
อัมรากับอาทรมองหน้ากันอย่างกังวล
พรรณรายยืนปั้นปึง สันติพยายามกล่อม
"ผมขอโทษครับที่เข้ามายุ่ง แต่ผมไม่อยากให้มีเรื่องกันในงาน"
"ฉันไม่ได้โกรธนายหรอก แต่ไม่อยากเข้าไปเห็นหน้ายัยพิไล เดี๋ยวอดใจไม่ไหวคงได้ตบมันซักฉาด"
"ถ้าอย่างนั้นผมเข้าไปก่อนนะครับ"
สันติทำท่าจะไป พรรณรายมีเลศนัย รีบเรียกไว้
"เดี๋ยวสิ..นายอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนได้มั้ย"
สันตินิ่ง พรรณราบสะอื้น
"ไม่มีคุณแม่แล้ว ฉันก็เหมือนไม่มีใคร"
"มีสิครับคุณพรรณยังมีคุณอาเดช กับน้องอัม"
พรรณรายร้องไห้
"ใครก็แทนคุณแม่ไม่ได้ ฉันคิดถึงคุณแม่จังเลย"
พรรณรายโผเข้าซบกอดสันติไว้
"คุณพรรณ"
พรรณรายเสียงสั่น
"กอดฉันหน่อยสิ ฉันว้าเหว่จังเลย"
สันติตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นอัมรายืนมองอยู่
"น้องอัม"
สันติรีบดันพรรณรายออก พรรณรายหันมาทักอัมราเรียบๆ
"อ้าวยัยอัมมาตามพี่เหรอ พี่ยังไม่อยากเข้าไปเจอหน้ายัยพิไล"
อัมราหน้าซีดฝืนตอบ
"อัมแค่กลัวจะมีเรื่องนะคะ ถ้างั้นอัมกลับเข้าไปฟังพระสวดก่อนนะคะ"
อัมรารีบหันกลับเดินลิ่วๆไป สันติรีบหันมาบอกพรรณราย
"ผมขอตัวก่อนครับ"
"เดี๋ยวสิ"
สันติไม่ฟังรีบตามอัมราไปอย่างรวดเร็ว พรรณรายมองตามยิ้มสมใจ
"อกนายนี่ก็อุ่นไม่แพ้ใครเลยนะนายอาร์ต"
อัมราหน้าซีดเซียวเดินเร็วๆกำลังจะถึงหน้าศาลา สันติรีบวิ่งตามมาตะโกนเรียก
"น้องอัม"
อัมราชะงักแต่ไม่หยุด สันติรีบเดินไปจนทันขวางหน้าไว้
"น้องอัมฟังพี่ก่อน"
อัมมองน้อยใจ สันติจะอธิบาย จุฑาเข้ามาทัก
"อ้าวอาร์ต น้องอัมมายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปฟังพระสวดล่ะ"
อัมรีบพูดไม่มองหน้าใคร
"อัมเข้าไปก่อนนะคะ"
อัมรีบเข้าไป สันติอึ้ง จุ๊บสงสัย
"มีอะไรหรือเปล่าอาร์ต"
"เปล่า..จุ๊บไปไหนมา"
"ก็ไปช่วยเค้าเตรียมของเลี้ยงแขกนะสิ"
"เรียบร้อยใช่มั้ย"
จุฑาทำหน้าเซ็ง
"น่าจะเรียบร้อยกว่านี้ ถ้าไม่มีคนบางคนเข้าไปยุ่ง"
สันติงง เธอพยักเพยิดไปทางพิไลที่กำลังพูดคุยกับแขกคนหนึ่งอยู่
"ทำตัวยังกับเป็นเจ้าภาพแหนะ สั่งโน้นสั่งนี่วุ่นวายไปหมด"
อาทรหันมาเห็น สองคนพยักหน้าให้เข้าไปนั่งด้วยกัน สันติกับจุฑาเข้าไปนั่งข้างอาทร
สันติมองหา เห็นอัมราไปนั่งอยู่ข้างๆเดช สันติสีหน้าไม่สบายใจ ตกใจที่จู่ๆพรรณรายนั่งแปะลงใกล้ๆ สันติอึดอัด หันไปสบตาอัมราที่มองมาพอดี
สันติจะสบตา แต่อัมราหันกลับไปเพราะเห็นพรรณเอียงหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบ
อัมถอนใจสีหน้าไม่สบายใจ
คืนเดียวกัน ชิ้นเฝ้าบ้านอยู่ เดินออกมาที่สนามชะเง้อมองยังไม่เห็นใครกลับ พึมพำ
"ป่านนี้คงสวดเสร็จแล้วล่ะมั้ง"
ชิ้นร้องไห้คิดถึงอารีย์
"คุณผู้หญิงของชิ้นไม่น่ามาด่วนอายุสั้นเล้ย"
คนเคลื่อนวูบทางหน้าตึก ชิ้นชะงักหยุดร้องไห้หันไปมอง ไม่มีใคร ชิ้นกำลังจะหันกลับ ชะงัก ไฟในบ้านเปิดขึ้น ชิ้นสงสัย
"เอ๊ะใครเปิดไฟในบ้าน หรือว่าแม่พิไลกลับมาก่อน แหมแม่คนนี้ ปากบอกว่าจะไปช่วยงานไม่ทันไรหนีกลับมาซะแล้ว"
ชิ้นรีบเดินเข้าไปในบ้าน
เวลากลางคืน ชิ้นเข้ามาในบ้าน
"แม่พิไลกลับมาแล้วเหรอ"
เงียบ ภายในบ้าน เงียบสงัด บรรยากาศหลอนๆน่ากลัว ชิ้นมองหาไม่มีใคร
"แม่พิไลหล่อนใช่มั้ย"
เงาคนเคลื่อนทางด้านหลัง ชิ้นรีบหันกลับมา
"พิไล"
เงาหลบวูบ ชิ้นชะงัก
"พิไลอย่ามาเล่นอะไรบ้าๆนะ หล่อนกลับมาแล้วใช่มั้ย"
เงียบ เสียงประตูห้องหุ่นเปิด ชิ้นหันขวับไปทางห้องหุ่น
"เอ๊ะแม่คนนี้จะเข้าไปทำอะไรในห้องหุ่น"
ชิ้นแปลกใจรีบเดินไปที่ห้องหุ่น
ในห้องหุ่น หุ่นทั้งหมดยืนอยู่ตามตำแหน่ง ชิ้นเข้ามามองทั่วๆ แล้วชะงัก เห็นอารีย์ยืนอยู่ในเงามืดหน้าหุ่นตัวเอง ชิ้นเพ่งมอง
"พิไล..นั่นเธอใช่มั้ย มาทำอะไรในนี้หึ"
อารีย์ค่อยๆหันหน้ากลับไป ชิ้นชะงัก ตัวสั่น
"คะ..คุณ..ผู้หญิง"
อารีย์ยิ้มอ่อนโยน
"อย่ากลัวฉันเลยนะชิ้น"
ชิ้นตะลึงพูดไม่ออก ทรุดลงนั่งพนมมือแต้ ตัวสั่น อารีย์ก้าวออกมาจากเงามืด ตรงเข้ามาหาชิ้นช้าๆ
"ฉันฝากดูแลทุกคนด้วย รับปากสิชิ้นว่าจะช่วยดูแลทุกคนแทนฉัน"
ชิ้นพนมมือก้มหน้างุด เสียงสั่น ตัวสั่น
"คะค่ะ...ค่ะ"
อารีย์เอื้อมมือแตะที่ไหล่ชิ้นอย่างขอบใจ ชิ้นสะดุ้งสุดตัวร้องเสียงหลง
"ว้าย"
บริเวณโต๊ะสนามหน้าบ้านเดช เวลากลางคืนต่อเนื่องมา ชิ้นร้องเสียงหลง โวยวาย หลับตาปี๋ พยายามปัดมือพรรณซึ่งจับที่ไหล่ชิ้นอยู่
"ว้าย...อิฉันกลัวแล้วค่ะ"
พรรณเขย่าตัวชิ้น เสียงดัง
"อะไรกันน้าชิ้น"
ชิ้นลืมตามอง เห็น เดช อัมรา พรรณราย อ๊อด พิไลกลับมาแล้ว ยืนมองชิ้นอยู่
ชิ้นกระโดดลุกกอดพรรณราย มองเลิ่กลั่กท่าทางหวาดกลัว
"เป็นอะไรคะน้าชิ้น" อัมราถาม
"คะ..คุณ..ผู้หญิง มาค่ะ"
ทุกคนตกใจ เดชรีบถาม
"คุณผู้หญิงอยู่ไหน"
"ยะอยู่ในห้องหุ่นค่ะ"
เดชผละไปอย่างรวดเร็ว อัมราเรียกก็ไม่หยุด
"คุณพ่อ..คุณพ่อคะ"
พรรณรายมองชิ้นไม่พอใจ
"น้าชิ้นพูดอะไรออกมา คุณพ่อกำลังเสียใจอยู่นะ"
"คุณผู้หญิงมาจริงๆนี่คะ เธอยังมาฝากให้ชิ้นดูแลพวกคุณๆเลยค่ะ ชิ้นไม่ได้โกหกนะคะ"
อ๊อดขยับเข้ากอดอัมรา หน้าซีด
"พี่อัมคุณแม่ตายแล้ว ถ้าคุณแม่มาก็เป็นผีใช่มั้ยครับ อ๊อดกลัว"
พิไลมองชิ้น ไม่พอใจ
"คนตายแล้วจะมาได้ยังไง นังชิ้นแกหลับแล้วก็ฝันไปใช่มั้ย"
"มันไม่เหมือนฝันเลยนะ ฉันว่าคุณผู้หญิงมาจริงๆ โธ่เธอคงห่วงคุณๆนะคะ หน้าเธอเศร๊า เศร้า"
ห้องหุ่น ตอนที่ 8 (ต่อ)
ชิ้นร้องไห้ พรรณราย อัมรา อ๊อดมองหน้ากัน พากันเศร้าจะร้องไห้ตาม พิไลรีบพูด
"พรรณรายพาน้องๆขึ้นตึกได้แล้วจ้ะ ดึกมากแล้ว"
พรรณรายมองหน้าพิไล เสียงห้วน
"ไม่ต้องมาสั่ง เธอไม่ใช่แม่ฉัน ฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไร"
พิไลสะอึก พรรณรายหันไปมองน้องๆ
"ไปอัม อ๊อดเข้าบ้าน"
สามพี่น้องพากันเข้าบ้านไป ชิ้นจะลุกกลับห้อง พิไลเสียงเข้ม
"เดี๋ยว..ถ้าวันหลังแกพูดบ้าๆแบบนี้อีกฉันจะไล่แกออก ได้ยินมั้ย"
ชิ้นมองพิไล ย้อนเรียบๆ
"แหมคุณผู้หญิงตายไปวันเดียว เตรียมยกฐานะตัวเองเลยรึ แม่พิไล"
พิไลอวด
"ยังไงฉันก็ได้เลื่อนฐานะแน่ เพราะฉะนั้นแกระวังตัวไว้ให้ดี"
"เอางี้นะไว้ให้เธอได้เป็นคุณผู้หญิงจริงๆซะก่อนแล้วค่อยมาขู่ฉัน ถึงตอนนั้นฉันอาจจะกลัวขึ้นมาบ้างก็ได้ แต่ตอนนี้... ไม่"
ชิ้นเดินไปอย่างไม่สนจริงๆ พิไลมองตามเจ็บใจ
เดชวิ่งเข้ามาในห้องหุ่น ตะโกนเรียก
"อารีย์..อารีย์"
เดชมองทั่วห้อง ไม่มีอารีย์นอกจากหุ่น เดชหมดแรง ค่อยๆเดินไปยืนหน้าหุ่นอารีย์ จ้องมองน้ำตาซึม
"อารีย์...พี่ขอโทษ..อารีย์"
เดชคุกเข่าลงโอบกอดช่วงเอวหุ่นอารีย์
"พี่ผิดต่อเธอ..อารีย์..พี่มันเลว..พี่ทำให้เธอต้องตาย"
เดชสะอื้น เสียใจมาก
"พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่ด้วยอารีย์ พี่ขอโทษ"
หน้าหุ่นอารีย์ค่อยๆก้มลงมองเดชอย่างสงสาร ทว่าเดชไม่เห็น หุ่นทุกตัวมองมาที่เดชอย่างเห็นใจ
ในห้องนอน พรรณรายออกมาจากห้องน้ำ ในชุดนอนเรียบร้อย มีผ้าขนหนูผืนเล็กคล้องคอ
ออกมา พรรณมองเห็นอัมรา แต่งชุดนอน นั่งลูบผมอ๊อดที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอัมรา พรรณรายส่ายหน้า
"ตาอ๊อดเนี่ยกลัวอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้เรื่อง ไม่สมเป็นเด็กผู้ชายเลย"
"อ๊อดยังเด็กนี่คะพี่พรรณ ทุกครั้งที่กลับมาจากโรงเรียนประจำแกก็เคยนอนกับคุณแม่"
พรรณรายทำท่าหวาดๆ รีบเดินไปนั่งข้างๆอัมกระซิบ
"เธอว่าคุณแม่มาหาน้าชิ้นจริงๆหรือเปล่า"
อัมรานิ่งคิด ไม่มีท่าทางกลัว
"อัมก็ไม่รู้ค่ะ แต่ถ้าคุณแม่มาจริงๆก็ดีนะสิคะ อัมอยากเจอ"
" พี่พรรณไม่อยากเจอคุณแม่เหรอคะ"
พรรณรายสั่นหัว
"ไม่ล่ะ ถึงพี่จะคิดถึงคุณแม่ แต่ถ้าคุณแม่มาจริงๆพี่เห็นจะไม่เอาด้วย"
พรรณรีบคว้าผ้าห่มอัมรามาคลุมโปง ล้มตัวนอนเบียดพูดอู้อี้ออกมาจากโปงผ้าห่ม
"พี่นอนด้วยคนนะ"
อัมรามองอ่อนใจ พึมพำ
"พี่พรรณนะพี่พรรณ เมื่อกี้ยังว่าตาอ๊อดกลัวอะไรไม่ได้เรื่องอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ"
พรรณรายไม่ตอบนอนหลับเฉย อัมรายิ้มๆล้มตัวนอนหันไปมองอ๊อดแล้วก็หันไปมอง
พรรณราย อัมราน้ำตาซึม พึมพำ
"คุณแม่ขา อัมคิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ"
อัมราเช็ดน้ำตาแล้วหลับตา ที่ปลายเตียง อารีย์ยืนมองลูกๆทั้งสามอย่างเศร้าใจ
"แม่ก็คิดถึงลูกเหลือเกิน"
อารีย์เห็น อัมรา พรรณราย อ๊อดนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง !!
บ้านเดชยามเช้า ที่โต๊ะอาหาร ชิ้นยกโถข้าวต้มมาวางบนโต๊ะ อัมราช่วยจัดช้อน ชามประจำที่ อดวิ่งเข้ามา
"คุณพ่อไม่ได้อยู่ที่ห้องนอนครับพี่อัม"
อัมรากับชิ้นชะงัก พิไลแต่งตัวสวยเข้ามาพอดี
"หรือว่าเมื่อคืนคุณพ่ออยู่ในห้องหุ่น งั้นอ๊อดรอพี่พรรณอยู่นี่นะจ้ะ เดี๋ยวพี่พรรณคงลงมา พี่จะไปดูคุณพ่อหน่อย"
พิไลขัดเสียงวางอำนาจ
"ไม่ต้องไปหรอกอัมรา น้าจะไปดูเอง"
พิไลเดินฉับๆไป ไม่สนใจใคร อัมราอึ้งๆ ชิ้นหมั่นไส้
"ช่วงนี้ดูแม่พิไลนี่ทำวุ่นวายจริงๆนะคะคุณอัม ทำตัวเหมือนจะมาเป็น..."
อัมรามองอ๊อดที่นั่งฟังอยู่รีบขัด
"น้าชิ้นคะรีบตักข้าวต้มเถอะค่ะ"
ชิ้นมองไปที่อ๊อดรู้ว่า อัมราไม่อยากให้พูดต่อหน้าอ๊อด ชิ้นรับรับคำ
"ค่ะ"
ชิ้นลงมือตักข้าวต้ม อัมรามองตามพิไลไปอย่างไม่ค่อยสบายใจ
พิไลเข้ามาในห้องหุ่น เห็นเดชนอนหลับอยู่ที่โซฟามุมห้อง พิไลส่ายหน้าเดินเข้าไปหา เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหุ่นที่ยืนอยู่ทั้งหมด พิไลยืนตะลึง
"เนี่ยเหรอห้องหุ่น"
พิไลอึ้งๆ แล้วตกใจสีหน้านึกได้
"เหมือนที่ฉันเคยฝันเห็นตอนมาอยู่ใหม่ๆเลย"
พิไลเดินไปเห็นหุ่นเด็ก หันขวับไปเจอหุ่นนางรำ หุ่นนางพยาบาล
พิไลตกใจ นึกถึง
พิไลเดินเร็วๆไปคว้าลูกกลมๆขึ้นมาถือ แล้วผงะตาเหลือก ลูกฟุตบอลกลายเป็นหัวพีทจ้องมองดุๆ เสียงน่ากลัว
"จะผ่าเหรอผ่าแบบนี้ใช่มั้ย"
หัวพีทแยกออกน่าสยอง พิไลกรี๊ด โยนหัวทิ้ง
"ว้าย..ผีหลอก"
พิไลจ้องหน้าหุ่นพีท
"แก"
พิไลถอยหลัง ตกใจหันไปเห็นหุ่นนางพยาบาล พิไลสะดุ้ง
พิไลปีนขึ้นต้นไม้ พักหอบๆ
"โอ๊ยหัวใจจะวาย"
พรรณี นางพยาบาลถาม
"ฉีดยาบำรุงหัวใจหน่อยมั้ย"
พิไลตกใจเงยหน้ามองเห็นพรรณีนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้ ถือเข็มฉีดยาตั้งท่าจะปักลงมา พิไลกรี๊ดสุดเสียง
"ว้าย"
"หุ่นพรรณี"
พิไลหันไปมองหุ่นนางรำ พิไลตาเหลือก
"นี่ก็ผีตัวนั้น"
มือหุ่นนางรำยืดยาวเข้ามา
"มาเร็วฉันช่วย"
พิไลดีใจคว้ามือดึง แต่แล้วแขนหุ่นติดมา มองหุ่นทั้งสามอย่างตกใจ
"ที่แท้ ผีที่รุมหลอกฉันก็คือผีหุ่นในห้องหุ่นนี่เอง"
พิไลมองหวาดๆ รีบ เข้าไปปลุกเดช
"พี่เดช..พี่เดชตื่นสิ"
เดชยังนอนหลับเหมือนตาย หุ่นแต่ละตัวเหลือบมองพิไลอย่างไม่พอใจ
คอพิไลมีแสงเรืองๆของตะกรุดรอดออกมา หุ่นได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรพิไลไม่ได้
เวลาต่อเนื่องมา พรรณรายเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารเช้า
"คุณพ่อล่ะ"
อ๊อดเล่า
"คุณพ่อไม่อยู่ในห้องนอนครับ พี่อัมสงสัยว่าจะอยู่ในห้องหุ่น พี่อัมจะไปตามแต่น้าพิไลจะไปเอง"
พรรณรายชะงักไม่พอใจ
"อะไรนะ แล้วเธอก็ให้แม่คนนั้นไปตามคุณพ่อเหรอ"
"ทำไมคะก็แค่ไปตามคุณพ่อมาทานข้าว"
"เธอนี่โง่จัง ยัยพิไลคอยจ้องคุณพ่อตั้งแต่คุณแม่ยังอยู่ ตอนนี้ไม่มีคุณแม่ พวกเรายิ่งต้องคอยระวัง"
พรรณรายลุกขึ้นหงุดหงิด
"เธอนี่ไม่ได้เรื่องเลย"
พรรณเดินไปทางห้องหุ่น อัมราอึ้งๆ อ๊อดถามงงๆ
"พี่อัมครับทำไมพวกเราต้องคอยระวังน้าพิไลด้วยละครับ น้าพิไลจะทำอะไรคุณพ่อเหรอครับ"
อัมราอึกอัก
"เอ้อ..น้าพิไลไม่ได้ทำอะไรคุณพ่อหรอกจ้ะ พี่พรรณแค่กลัวน้าพิไลจะไปวุ่นวายให้คุณพ่อไม่สบายใจนะ"
อ๊อดพยักหน้าเข้าใจ อัมราลอบสบตาชิ้นพากันถอนใจโล่งอก อัมรามองไปทางห้องหุ่น
อย่างเป็นห่วง
พิไลเขย่าตัวเดชแรงๆ ตาก็เหลือบมองหุ่นอย่างไม่ไว้ใจ
"พี่เดชตื่นได้แล้ว..พี่เดช"
เดชขยับตัวลืมตางงๆพอเห็นเป็นพิไล เดชรีบลุกขึ้น เสียงไม่พอใจ
"เธอเข้ามาวุ่นวายอะไรในห้องหุ่นนี่"
"ฉันก็ไม่อยากเข้ามานักหรอก ฉันมาตามพี่เดชไปกินข้าว ไปเถอะจ้ะทุกคนรออยู่"
พิไลจับแขนเดช เดชสะบัดทำท่าเหมือนรังเกียจ
"ไม่ต้องมายุ่ง ไปให้พ้น..ไป"
เดชไล่เสียงดัง พิไลสะอึก
"พี่เดช..ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่ได้เป็นคนทำให้อารีย์ตายสักหน่อย"
เดชจ้องโกรธ
"ไม่ได้ทำก็เหมือนทำ ถ้าเธอไม่มายุ่งกับฉัน อารีย์ก็จะไม่เข้าใจผิด"
พิไลโมโห
"เอ๊ะทำไมมาโทษฉันคนเดียวล่ะ ถ้าจะผิดก็ต้องผิดทั้งคู่สิ"
เดชหัวเราะเยาะตัวเอง
"ใช่เราผิดทั้งคู่ เรามันเลวทั้งคู่ เธอก็หักหลังเพื่อน ฉันก็ทรยศเมีย พอใจหรือยัง พอใจหรือยัง"
พรรณรายบังเอิญได้ยิน ตกใจ
"คุณพ่อ"
เดชชะงักหันไปมองเห็นพรรณรายยืนจ้องอยู่อย่างคาดไม่ถึง เดชตกใจ
"พรรณราย"
พรรณรายเข้าใจทุกอย่าง พรรณหันมาจ้องพิไล
"ที่แท้คุณแม่ฉันตายก็เพราะแก"
พิไลตกใจ ที่หน้าพรรณรายมองพิไลอย่างสุดแค้น
บนโต๊ะอาหาร อ๊อดบ่น
"ทำไมไปตามคุณพ่อนานจัง อ๊อดหิวแล้วนะครับพี่อัม"
อัมรากำลังจะตอบ เสียงพิไลร้องโวยวาย เสียงพรรณราย เสียงเดชดังลั่นๆมาติดๆ
ฟังไม่ได้ศัพท์ ดังมาจากห้องหุ่น อัมราตกใจ ชิ้นพูดตื่นเต้น
"สงสัยคุณพรรณเล่นงานแม่พิไลเข้าให้แล้วมั้งคะ"
อัมรารีบบอกชิ้น
"ฝากอ๊อดด้วยนะคะน้าชิ้น"
อัมราลุกขึ้น อ๊อดลุกตาม
"อ๊อดไปด้วย"
อัมราพูดจริงจัง
"อยู่กับน้าชิ้นจ้ะ เดี๋ยวพี่มา"
อ๊อดจำต้องนั่งลง อัมรารีบวิ่งไปที่ห้องหุ่น ชิ้นมองตามไปอย่างตื่นเต้น
อัมราวิ่งเข้ามาในห้องหุ่น ตกใจ เห็นพรรณรายดิ้นกรี๊ดๆจะเข้าไปเล่นงานพิไล แต่ถูกเดชยึดตัวไว้ พิไลยืนอึ้งๆ ผมเผ้ายุ่งอยู่มุมหนึ่ง ทั้งโกรธทั้งตกใจกับท่าทางของลูกสาว
"ปล่อยพรรณ..ปล่อยพรรณ พรรณจะฆ่ามัน"
"ไม่ได้นะพรรณราย..หยุดพ่อบอกให้หยุด"
อัมราเข้ามาหาพี่สาวกับพ่อ
"อะไรกันคะ"
พรรณพูดหอบๆ
"นังพิไล..มันเป็นคนฆ่าคุณแม่"
อัมรางงอัม
"พี่พรรณพูดเรื่องอะไรคะ น้าพิไลจะฆ่าคุณแม่ได้ยังไง คุณแม่หัวใจวายนะคะ"
"ก็เพราะมัน..มันยั่วคุณพ่อ แล้วคุณแม่มาเห็นคุณแม่เลยช็อคไง"
อัมราตกใจ พรรณรายดิ้นกรี๊ดเหมือนคนเสียสติ
"ปล่อย..ปล่อยพรรณ พรรณจะตบมัน"
พรรณรายดิ้นสุดแรงจนหลุด พุ่งเข้าหาพิไล เงื้อมือจะตบ พิไลตกใจ
"ว้าย"
เดชตะโกนสุดเสียง น่ากลัว
"อย่าทำร้ายพิไล"
พรรณชะงัก หันมามองเดชอย่างผิดหวัง
"คุณพ่อ..คุณพ่อช่วยมันเหรอคะคุณพ่อทำแบบนี้ได้ยังไง นี่คุณพ่อรักผู้หญิงคนนี้เหรอคะ"
เดชอึดอัด
"มันไม่ใช่อย่างที่พรรณคิด โธ่พ่อจะพูดยังไงดี แต่พรรณทำร้ายพิไลไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดเข้าใจมั้ย"
พรรณรายกำมือแน่น แค้นสุดขีด หันมาตะโกนลั่นห้องหุ่น
"พรรณเกลียดคุณพ่อ"
พรรณรายวิ่งออกไปอย่างเสียใจสุดขีด อัมราตะลึง มองพิไลและเดชเดชอย่างไม่อยากเชื่อ
ก่อนรีบวิ่งตามพี่สาวออกไป เดชกุมหัว ร้องออกมาเหมือนคนบ้า
"อ๊าก"
พิไลตกใจ ค่อยๆขยับจะเข้ามาหาเดช จะปลอบ เดชตะโกนสุดเสียง
"ออกไป๊"
พิไลสะดุ้งตกใจ รีบวิ่งออกจากห้องหุ่น เดชทรุดลงทุบพื้นห้องอย่างบ้าคลั่ง
หุ่นทุกตัวมองเดชอย่างเห็นใจ อารีย์หันมองเดชอย่างสงสาร
อัมราวิ่งตามพรรณรายมาที่หน้าบ้าน ชิ้นกับอ๊อดอยู่ที่นั่นด้วย พรรณรายขับรถออกไปอย่างเร็ว
"พี่พรรณคะ..พี่พรรณ"
ชิ้นถามงงๆ
"เกิดอะไรขึ้นคะคุณอัม คุณพรรณท่าทางโกรธจัดเลย น้าถามอะไรก็ไม่ตอบ"
"นั่นสิครับพี่อัม อ๊อดพูดด้วยพี่พรรณก็ไม่พูด"
อัมราถอนใจ
"ไม่มีอะไรจ้ะอ๊อด น้าชิ้นคะช่วยพาอ๊อดไปทานข้าวก่อนได้มั้ยคะ ไม่ต้องรอใครแล้ว"
ชิ้นจะถามแต่เห็นอัมหน้าเครียด เลยรีบรับคำ
"ได้ค่ะไปค่ะ คุณอ๊อดไปทานข้าวกัน"
ชิ้นพาอ๊อดไป อัมมองออกไปทางหน้าบ้านท่าทางเป็นห่วง
สันตินั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร เสียงเคาะประตูห้อง สันติหันไปตะโกนถาม"ใครครับ"
เงียบ สันติสีหน้าแปลกใจ ลุกไปเปิดแล้วตกใจ
"คุณพรรณราย"
พรรณรายยืนตัวสั่นเพราะแรงสะอื้น โผเข้าหาสันติกอดไว้แน่นร้องไห้เสียใจมาก
"ช่วยฉันด้วยนายอาร์ต ช่วยฉันที"
"เกิดอะไรขึ้นครับคุณพรรณ"
สันติดันตัวพรรณรายออก มองร้อนใจ พรรณรายเอาแต่ส่ายหน้าร้องไห้ไม่หยุด
ดำเกิง บุญเรือน อาทรมองหน้ากันแปลกใจ อาทรตอบแทนทุกคน
"น้องพรรณไม่ได้มาที่นี่ มีอะไรหรือเปล่าครับน้องอัม"
อัมราสีหน้ากังวล อึกอัก
"พี่พรรณเอ้อทะเลาะกับคุณพ่อนะคะ แล้วก็ขับรถออกไป ไม่ได้บอกใครว่าจะไปไหน อัมนึกว่าอาจจะแวะมาที่นี่"
บุญเรือนกังวล
"ตายจริง..ถ้าไปเกิดอุบัติเหตุแล้วจะว่ายังไง"
ดำเกิงมองปรามดำเกิง
"เอ้าพูดอะไรแบบนั้นเล่าคุณ หนูอัมยิ่งใจไม่ดีอยู่"
"อุ๊ย..ป้าขอโทษนะจ้ะ ป้าก็แค่เป็นห่วง"
"น้องอัมลองโทรไปตามบ้านเพื่อนน้องพรรณหรือยังครับ"
"โทร.แล้วค่ะ อัมโทร.ไปที่บ้านเพื่อนสนิทของพี่พรรณทุกคน แต่พี่พรรณไม่ได้ไปหาใครเลย"
อัมราสีหน้าท่าทางร้อนใจมาก ดำเกิงลุกขึ้น
"เดี๋ยวลุงจะลองติดต่อพรรคพวกที่เป็นตำรวจให้เค้าช่วยเช็คสิว่ามีแจ้งอุบัติเหตุที่ไหนบ้าง"
อัมรายกมือไหว้ เสียงสั่น
"ขอบคุณมากค่ะคุณลุง"
ดำเกิงพยักหน้ารีบไปที่โทรศัพท์ บุญเรือนขยับเข้ามาโอบอัมราไว้ อัมรากอดบุญเรือน
"อัมเป็นห่วงพี่พรรณจังค่ะคุณป้า"
"ใจดีๆไว้ลูก ไม่มีอะไรหรอกเชื่อป้า"
อาทรมองอัมราอย่างสงสารมาก เผลอแสดงความรู้สึกออกมาเต็มที่ บุญเรือนมองอาทรอย่างแปลกใจ
อัมรากับอ๊อดแต่งตัวพร้อมไปวัด รออยู่ ชิ้นอยู่ด้วย เดชเดินอิดโรยออกมาสมทบ
"ไปกันได้แล้ว"
อัมรารีบบอก
"แต่พี่พรรณยังไม่กลับมาเลยนะคะคุณพ่อ"
เดชนิ่ง ก่อนตอบเหนื่อยๆ
"เดี๋ยวคงตามไปที่วัดเอง ไปกันเถอะ"
พิไลแต่งตัวสวยเข้ามา ยิ้มแย้ม หันไปสั่งชิ้น
"ดูแลบ้านช่องให้ดีนะชิ้น"
เดชมองพิไลพูดนิ่งมาก
"เธอไม่ต้องไป"
พิไลชะงัก
"อะไรนะคะ"
"ตั้งแต่คืนนี้ห้ามเธอไปที่งานศพอารีย์อีก แล้วก็ห้ามขึ้นมาบนตึกนี้ด้วย"
ชิ้นสะใจ พิไลตกใจ
"พี่เดช"
"ถ้าไม่ฟังกันก็เก็บข้าวของออกไปได้เลย"
เดชหันมาสั่งชิ้น
"ดูด้วยนะชิ้น ถ้าใครไม่ทำตามที่ฉันสั่ง ชิ้นจัดการได้เลย"
ชิ้นสะใจ รีบรับคำ
"ได้ค่ะคุณผู้ชาย"
เดชเดินไปที่รถ อัมราจูงอ๊อดตามไป เดชขับรถออกไป พิไลมองตามเจ็บใจ
"เอ้าได้ยินเต็มสองหูแล้วไม่ใช่เหรอจ้ะแม่พิไล แล้วจะมายืนเกะกะอยู่ทำไมแถวนี้ละ"
พิไลจ้องชิ้น
"ถ้าฉันไม่ไป แกจะทำไม"
"เอ้าฉันก็ต้องทำตามคำสั่งคุณผู้ชายนะสิจ้ะ อย่างฉันนะไม่ได้ขู่นะแต่ทำจริง ว่าไงจะไปไม่ไป"
ชิ้นรุกไล่พิไลอย่างเอาเรื่อง พิไลแค้น
"ฝากไว้ก่อนเถอะแก"
พิไลสะบัดเดินหลุดเฟรมไปอย่างโมโหมาก ชิ้นมองตามยิ้มเย้ยสะใจ
อัมราเอาเครื่องเซ่นมาวางที่ข้างโลงศพอารีย์ อัมราเคาะโลงเบาๆน้ำตาคลอ
"คุณแม่ขาอัมเอาอาหารที่คุณแม่ชอบมาให้แล้วนะคะ ถ้าวิญญาณคุณแม่มีอยู่จริง ช่วยบอกอัมหน่อยได้มั้ยคะว่าพี่พรรณไปอยู่ที่ไหน อัมเป็นห่วงพี่พรรณมากค่ะ"
อัมราเช็ดน้ำตาหันกลับมา เห็นสันติยืนรออยู่ห่างๆ
"น้องอัมครับ..พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย"
อัมราข่มใจถามเรียบๆ
"เรื่องอะไรคะ"
"เรื่องคุณพรรณราย"
อัมราถอนใจ
"ถ้าเป็นเรื่องเมื่อวานไม่ต้องอธิบายอะไรอัมหรอกค่ะ"
อัมราเดินไป สันติพูดต่อ
"น้องอัมกำลังตามหาคุณพรรณอยู่ไม่ใช่เหรอครับ"
อัมราชะงัก หันกลับมาดีใจ
"พี่อาร์ตรู้เหรอคะว่าพี่พรรณอยู่ไหน"
สันติมองตอบนิ่งๆ แต่สีหน้าท่าทางเป็นการยอมรับ
เวลาต่อมา สันติกับอัมราเห็นพรรณรายนอนตะแคงหันหลังมาทางประตู ท่าทางเหมือนหลับสนิท มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งเฝ้าอยู่มุมห้อง หันมามองสันติ ทำปากพะงาบๆ ไม่มีเสียงประมาณว่า พรรณหลับอยู่ อัมรายืนมองอยู่ที่ประตูมองเด็กสาวแล้วหันมามองสันติเชิงถามว่าใคร
สันติกระซิบเบาๆ
"แก้วลูกของลุงชมคนทำเมรุในวัดครับ พี่วานให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณพรรณ ไม่งั้นคนจะเอาไปนินทาได้"
อัมรามองสันติอย่างเข้าใจ คุยเบาๆ
"อัมตามหาพี่พรรณทุกที่เลย ไม่คิดว่าพี่พรรณจะมาอยู่กับพี่อาร์ต"
"พี่ก็ตกใจตอนเห็นคุณพรรณ เธอมาเคาะห้องยืนร้องไห้ตัวสั่น"
อัมรามองสันติ
"พี่พรรณคงเล่าให้พี่อาร์ตฟังหมดแล้วใช่มั้ยคะ"
"ครับ ท่าทางคุณพรรณเธอเสียใจที่คุณอาเดชเข้าข้างคุณน้าพิไล"
"อัมว่าคุณพ่อไม่ได้เข้าข้างน้าพิไลนะคะ แต่ท่านคงมีเหตุผลอะไรซักอย่าง วันนี้คุณพ่อก็ไม่ให้น้าพิไลมาที่งานแล้วก็ยังสั่งห้ามไม่ให้ขึ้นไปที่ตึกด้วยค่ะ"
"ถ้าคุณพรรณรู้คงจะรู้สึกดีขึ้น น้องอัมจะคุยกับคุณพรรณเลยมั้ยครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะให้พี่พรรณพักให้เต็มที่ดีกว่า เดี๋ยวตอนจะกลับค่อยมารับก็แล้วกัน อัมจะไปบอกคุณพ่อก่อน คุณพ่อจะได้สบายใจ"
อัมราถอยออกไป สันติปิดประตูอย่างเบาที่สุด พรรณรายลืมตาสีหน้าครุ่นคิด
อัมราเดินมากับสันติ ใกล้ถึงศาลา สันติหยุด
"น้องอัมครับพี่ขอเวลาสักครู่ได้มั้ย พี่อยากอธิบายเรื่องเมื่อวาน"
อัมราหยุดเดิน มองหน้าสันติ พูดจริงจัง
"ไม่ต้องหรอกค่ะ อัมคิดว่าอัมเข้าใจแล้วค่ะ"
สันติไม่แน่ใจ อัมรามองหน้าสันติ ยิ้มให้
"ยิ่งมีเรื่องวันนี้ อัมคิดว่าอัมคงไม่ต้องการคำอธิบาย"
สันติดีใจ
"น้องอัม..น้องอัมเชื่อใจพี่ใช่มั้ยครับ"
"ค่ะอัมเชื่อใจพี่อาร์ต และต้องขอบคุณที่พี่อาร์ตช่วยดูแลพี่พรรณเป็นอย่างดี"
สันติถอนใจโล่งอก ยิ้มออกมาได้
"พี่ดีใจจัง เมื่อวานเห็นท่าทางน้องอัมแล้วพี่นอนไม่หลับทั้งคืน"
"อัมขอโทษนะคะที่ทำเหมือนไม่ไว้ใจพี่อาร์ต"
สันติทำขรึม
"ไม่ยกโทษให้ น้องอัมทำใจพี่หายหมดเลย"
อัมรากำมือยื่นไปข้างหน้า สันติงง
"อะไรครับ"
"อัมเก็บใจพี่อาร์ตไว้ให้แล้วไงคะที่นี่ยกโทษให้ได้หรือยังเอ่ย"
สันติยิ้ม
"พี่จะยกโทษให้ ถ้าน้องอัมสัญญาว่าจะเก็บใจพี่ไว้ตลอดไป"
อัมราหน้าแดง สันติมองคาดคั้น
"ค่ะ.. รีบไปหาคุณพ่อกันเถอะค่ะ"
"ไปครับ"
สองคนยิ้มอย่างเข้าใจกัน รีบพากันเดินไปที่ศาลาวัด
เวทย์มองพิไลที่กำลังก้มกราบ เทิดอยู่ด้วย
"เป็นไงล่ะตะกรุดของข้า"
"ศักดิ์สิทธิ์จริงๆค่ะ ผีมันไม่กล้ามาหลอกฉันแล้ว"
เวทย์หัวเราะชอบใจ เทิดรีบเสริม
"ก็พี่บอกแกแล้ว ของดีของพี่เวทย์แต่ละอย่างนะสุดยอดทั้งนั้น"
พิไลถอนใจเฮือกใหญ่ จนอกกระเพื่อม เวทย์กลืนน้ำลาย ถามแปลกใจ
"เอ้าแล้วมีเรื่องหนักอกหนักใจอะไรอีกล่ะ"
พิไลหันไปมองเทิด เทิดรีบบอกแทน
"มันกลุ้มใจที่ผัวไม่รักไม่หลงมันนะจ้ะ แถมตอนนี้ยังทำท่าจะไล่มันออกจากบ้านอีก"
เวทย์มองพิไลอย่างพอใจเวทย์
"หน้าตาสะสวยขนาดนี้ไม่น่าเชื่อนะว่าผัวจะไม่รักไม่หลง"
พิไลอ้อน
"พี่เวทย์ช่วยฉันอีกครั้งได้มั้ยจ้ะ ถ้าสำเร็จฉันก็จะได้ครอบครองทรัพย์สินเงินทองทุกอย่าง ถึงตอนนั้นฉันจะสมนาคุณพี่เวทย์ให้เต็มที่เลยจ้ะ"
เวทย์มองพิไล พิไลสบตาหว่านเสน่ห์ใส่ เวทย์พยักหน้า
"ก็ได้..งั้นก็ไปกันเลย ไอ้เทิดเตรียมของ"
"จ้ะพี่เวทย์"
เวทย์ลุกขึ้นหายเข้าไปในห้องนอนด้านใน พิไลหันมาถามเทิดงงๆ
"จะไปไหนกันพี่เทิด"
"เดี๋ยวแกก็รู้"
พิไลแปลกใจ
เวทย์เดินนำเข้าไปในป่าช้า เทิดตาม พิไลเดินมองซ้ายขวาหวาดๆ พิไลเริ่มเห็นหลุมศพไกลๆ เสียงนกกลางคืน บินวนเวียนร้องน่ากลัว พิไลคว้าแขนเทิด
"เดี๋ยวพี่เทิด"
"อะไร"
"นี่มันป่าช้านี่พี่ เราจะมาทำอะไรที่นี่"
เวทย์ได้ยินหันมามอง เสียงขรึม
"อยากได้ของดีก็ไม่ต้องกลัว ตามมา"
เวทย์เดินลึกเข้าไป เทิดตาม พิไลมองรอบๆสีหน้าหวาดมาก
จู่ๆเสียงหมาหอนโหยหวนขึ้นมา พิไลตกใจรีบวิ่งตามทุกคนไปติดๆ
หน้าหลุมศพหนึ่ง เวทย์ยืนหลับตานิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง ลืมตาหันมาบอกเทิด
"ศพนี้ล่ะ"
พิไลถามเสียงสั่น
"ศะ..ศพใครจ้ะพี่"
"ข้าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นศพตายทั้งกลมเป็นใช้ได้"
เวทย์ถอยห่างออกไปพอควร หยิบไม้ยาวประมาณหนึ่งศอก สี่อันออกจากย่ามส่งให้เทิด
เทิดรีบเดินไปปักสี่มุม เวทย์หยิบด้ายสายสิญจน์ออกมา พึมพำท่องคาถาตลอดที่เดินไปพันกับไม้สามด้านเหลือทางเข้าหันมาบอก เทิดกับพิไล
"เข้าไปอยู่ข้างใน ข้าจะว่าคาถาปิดไม่ให้ภูตผีเข้าไปได้ จำไว้ให้ดีนะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกจากวงสายสิญจน์เด็ดขาด"
เทิดกับพิไลรีบเข้าไป เวทย์ตามเข้าไปก่อนพันสายสิญจน์ด้านสุดท้ายกับไม้ ท่องคาถากำกับ
เทิดหยิบเทียนออกมาจุดปักให้ตรงพื้น พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรม
เวทย์นั่งลงแล้วเริ่มบริกรรมคาถา ลมเริ่มพัดแรง
เมฆดำทะมึนเคลื่อนบดบังพระจันทร์ นกกลางคืนบินส่งเสียงร้องแหลม หมาหอนโหยหวน พิไลหน้าเสียจับแขนเทิดแน่น เทิดหันมาปรามเบาๆ
"เห็นอะไรก็ห้ามส่งเสียงนะไม่งั้นจะรบกวนสมาธิพี่เวทย์"
พิไลพยักหน้าหวาดๆ แล้วสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนอะไรแตก พิไลตะลึง เห็นดินแตกแยกยุบลงไป เสียงกรี๊ดร้องแหลมปรี๊ด โหยหวนน่าสยดสยอง มือผีค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากหลุม ก่อนที่ร่างเน่าเฟะจะค่อยโผล่ขึ้นมานั่ง หันเฉพาะหัว หันมองมาทางเวทย์อย่างน่ากลัว ขยับปากเสียงโกรธเกรี้ยว
"พวกแกมารบกวนฉันทำไม"
ศพลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างเน่าเปื่อยรุ่งริ่ง ตากลวงโบ๋แต่แดงฉานหันมายืนจังก้าจ้องเวทย์ ปากบริกรรมคาถาต่อเนื่อง เทิดสีหน้าหวาด แต่พิไลถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง ศพกรีดร้องอย่างโกรธมาก ยืดตัวขึ้นสูงกว่าต้นตาล ก่อนก้มลงมาหา ส่งเสียงก้องกังวาน
"แกตาย"
พิไลสติแตก ร้องกรี๊ดก่อนลุกวิ่งออกจากวงสายสิญจน์อย่างไม่คิดชีวิต เทิดตกใจตะโกนเรียก"เฮ้ยพิไล อย่าออกไป"
เวทย์ลืมตาสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน ศพผีตายทั้งกลมมองตามพิไลไปอย่างน่ากลัว
จบตอนที่ 8