เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 16
สุชาดากำลังปิ้งกุ้งบนเตาเล็กๆ อานนท์มอง อยากช่วยเต็มที่
"สุกแล้วละ...ปิ้งนานๆ เนื้อมันจะแห้งหมด"
"อยากกินละซิ...คนตะกละ..ต้องปิ้งที่หัวมันให้สุกหน่อย ไม่อย่างนั้นท้องเสียแล้วอย่ามาโทษฉันนะ"
อานนท์ยิ้ม มองสุที่สาละวนปิ้งกุ้งอย่างตั้งใจ
"อีกหน่อยคุณจะทำกับข้าวให้ผมทานทุกวันไหม"
สุชาดาหันมาทำหน้าเหรอหรา
"อ้าว...ฉันนึกว่าคุณจะทำให้ฉันทานซะอีก...ฉันทำไม่เป็นหรอก ทำได้แต่ของง่ายๆ"
"ก็ยังดี...ผมน่ะทานเป็นอย่างเดียว...เรื่องทำอาหารนี่ไม่เคยทำเลย"
"แล้วที่บ้านคุณใครทำ...คุณให้แม่บ้านทำให้ทานหรือ"
"อยู่บ้านก็นงลักษณ์เป็นคนทำ"
"น้องสาวคุณเหรอคะ"
"ใช่ครับ...นงลักษณ์เค้าเก่งทั้งทำกับข้าว ทั้งทำขนม"
"คนที่มีร้านตัดเสื้อที่คุณเคยพูดถึงใช่มั้ย"
"ใช่ครับ...ร้านเค้าลูกค้ามาก แต่เห็นว่าจะเลิกทำ"
สุชาดาเอากุ้งใส่จาน
"ทำไมถึงจะเลิกซะล่ะคะ"
อานนท์ยิ้มๆ
"เค้าเห็นว่าเราจะแต่งงาน...เค้าก็เลยจะย้ายกลับไปอยู่บ้านคุณพ่อคุณแม่...คงอยากดูแลพ่อแม่ให้เต็มที่แหละครับ"
สุชาดาสีหน้าวิตก
"เอ...อย่างนี้เท่ากับการแต่งงานของเราทำให้เขาอยู่ไม่ได้หรือเปล่าคะ"
"อย่าทำหน้าไม่สบายใจอย่างนั้นสิจ้ะสุ...ช่วงนี้เหมือนเค้าคิดมากบางอย่างละมัง...ถ้าเค้ากลับไปอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ เค้าอาจจะสบายใจขึ้นก็ได้"
สุชาดาสีหน้าครุ่นคิด อานนท์พยายามจะปลอกกุ้ง แต่ยังร้อน เลยหยิบยังไม่ได้ อานนท์เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
"ผมอยากพาคุณไปเห็นเรือนหอของเราเหมือนกันนะ"
"ฉันก็อยากพบกับน้องสาวคุณเหมือนกัน...พาฉันไปพบหน่อยได้ไหมคะ...เสร็จแล้วจะได้ไปหาคุณพ่อต่อ"
อานนท์นิ่งคิด
"ก็ดีเหมือนกันนะ...ถ้านงลักษณ์ได้พบสุเค้าจะได้สบายใจ ไม่ต้องคิดมากว่าจะเข้ากับพี่สะใภ้ได้หรือเปล่า"
"ถ้าเราจะแต่งงานกัน...ฉันก็อยากให้ทุกคนสบายใจ"
อานนท์หัวเราะ
"ไม่มีคำว่าถ้าแล้วสุ...ต้องพูดว่า เมื่อเราสองคนแต่งงานกันแล้วทุกๆ คนก็จะสบายใจ"
สุชาดายิ้ม
"แหม...มั่นใจเหลือเกินนะคะ ถ้าอย่างนั้นรีบทานกุ้งเร็วๆ สิคะเราจะได้ไปหาน้องสาวคุณ"
อานนท์พยายามแกะกุ้ง
"เร็วยังไงล่ะที่รัก กุ้งมันร้อน ยังแกะไม่ได้"
สุชาดาหยิบกุ้งมาแกะหน้าตาเฉย อานนท์มองอย่างทึ่ง
"อื้อฮือ...มือเหล็ก...อย่างนี้ตบเจ็บไหมนี่"
"อยากลองไหมล่ะ"
อานนท์ทำหัวหด
"ไม่ละคร้าบ"
สุชาดาปลอกกุ้งเสร็จ อานนท์รีบอ้าปากรอให้ป้อน แต่เธอกินเองครึ่งหนึ่ง อานนท์ทำหน้าเหรอ คว้าอีกครึ่งตัวที่เหลือมาใส่ปากยิ้มมีความสุข...
อานนท์ขับเรือเร็วพาสุชาดามุ่งหน้าสู่ท่าเรือวังศิลาขาว
อานนท์ขับรถเข้ามาจอด สุชาดากับโสภณและอานนท์เดินลงมาจากรถ อานนท์ยิ้ม
"ขอต้อนรับสู่วิมานน้อยๆ ของนายอานนท์ ซึ่งต่อไปจะเป็นเรือนหอของเราจ้ะ...เป็นไง..พออยู่ได้ไหม"
สุชาดายิ้มไม่ตอบ เดินนำอานนท์เข้าไปในบ้าน อานนท์ยิ้มรีบวิ่งตาม..
อานนท์ กับ สุสองพี่น้องเดินขึ้นมาบนบ้าน นงลักษณ์กำลังเก็บของใส่ลังกระดาษไว้ประมาณ 2 ลัง
"น้องจ๋า...กำลังทำอะไรอยู่จ๊ะ"
นงลักษณ์เงยหน้าขึ้นมามองอานนท์ สุยืนยิ้มให้ พอนงลักษณ์เห็นสุชาดาก็ยิ้มดีใจ
"กำลังเก็บของที่ไม่ใช้ใส่ลังค่ะ"
"น้องจ๋า...นี่ไงจ๊ะ สุ...ที่พี่จะแต่งงานด้วย...และนี่โส พี่ชายสุ ...นี่นงลักษณ์น้องสาวของผมครับ"
สุกับโส ยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย นงลักษณ์รับไหว้เดินมาหาจับมือว่าที่พี่สะใภ้ไว้
"แหม..ดีใจจริงๆ ที่ได้พบกันเสียทีค่ะ...คุณนนท์น่ะพูดถึงคุณแทบจะตลอดเวลา"
สุชาดายิ้มหวาน
"เรียกสุเฉยๆ ก็ได้ค่ะ...สุเรียกพี่นงลักษณ์นะคะ"
"ค่ะ...เห็นว่ารุ่นเดียวกับปริศนา...พี่น่ะรุ่นเดียวกับสิรี พี่สาวของปริศนาค่ะ...เคยพบกับสิรีหรือยังคะ"
"ยังไม่เคยเลยค่ะ...ปริศนาบอกว่าบ้านอยู่ติดกับบ้านคุณนนท์ หลังไหนบ้านปริศนาค่ะ"
นงลักษณ์ชี้ไปที่หลังคาบ้านสมร
"หลังนั้นไงค่ะ"
นงลักษณ์หันไปบอกสายใจที่ยกน้ำเข้ามาเสิร์ฟ
"เดินไปดูทีซิว่าคุณสิรีอยู่บ้านหรือเปล่า...ถ้าอยู่เชิญให้มาที่นี่หน่อยนะ"
สายใจยิ้มรับคำแล้วรีบลุกออกไป
"คุณนนท์ชมว่าพี่นงลักษณ์ทำอาหารอร่อย...มิน่าล่ะคะ คุณนนท์ถึงได้อ้วน"
นงลักษณ์หัวเราะ
"คุณนนท์จะรู้ได้ยังไงค่ะ ไม่ค่อยได้อยู่ทานข้าวที่บ้านหรอกค่ะ...สงสัยไปขอข้าวที่บ้านสุทานเสียมากกว่า"
สุชาดาเดินไปที่ระเบียง มองไปรอบๆ
"ที่นี่ก็แต่งบ้านสวยดีอยู่แล้วค่ะ...ดูน่าสบายดีออกค่ะ"
อานนท์ยิ้มดีใจ
อานนท์พาสองพี่น้องมานั่งที่ชุดรับแขกชั้นล่าง นงลักษณ์เตรียมของอยู่ที่ครัว...สุชาดาสีหน้าหม่นลง
"ฉันยังไม่อยากคิดเลยว่าถ้าแต่งงานแล้วจะต้องแยกมาไกลจากแม่...ฉันอยู่ที่บ้านคลองน้ำวนเหมือนเดิมไม่ได้เหรอคะ"
"สุไม่ต้องห่วงหรอก โสไปเรียนอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับมาช่วยแม่แล้ว....แม่ขาดสุ แต่ก็มีโสมาแทนนะ"
อานนท์คิดหนัก
"ผมก็คิดเหมือนกันว่าคุณคงทำใจลำบาก...ผมก็เลยหาทางออกเอาไว้แล้วว่า เย็นวันศุกร์พอผมเลิกงานเราก็ไปหาคุณแม่คุณ พอเช้าวันจันทร์ค่อยกลับมาอยู่ที่นี่... คุณจะได้มีเวลานอนคุยกับคุณแม่คุณ อาทิตย์ละตั้งสามคืน...ดีไหมจ้ะ"
สุชาดายิ้มค้อนแต่ก็สุขใจที่อานนท์เป็นห่วงใย
"ดีค่ะ...แต่ถ้าหากคุณต้องไปทำงานต่างจังหวัดหลายๆ วัน คุณไปส่งให้ฉันอยู่กับแม่นะคะ"
"โอเค เลยจ้ะ..พอผมกลับมา ผมก็จะไปรับคุณที่บ้านคุณแม่กลับมาบ้านเรา...แหม...คิดแล้วอยากแต่งงานเร็วๆ จังเลยสุ...ถ้าผมได้เห็นคุณทุกๆ วัน ผมจะมีความสุขที่สุดในโลก"
สุชาดายิ้มอาย สายใจเดินนำสิรี กับ โกศล ข้ามาหา อานนท์หันไปเห็นก็ยิ้มทักทาย
"สิรี คุณโกศล เชิญครับ"
สิรีมองสุชาดาแล้วก็ยิ้มให้กัน สุชาดายกมือไหว้สิรี กับ โกศล ทั้งสองคนรีบรับไหว้ สีหน้ายิ้มแย้ม
"ขอแนะนำให้รู้จักกับสุ...คุณโกศลเคยพบกับสุแล้ว" อานนท์บอก
"แม่ กับปริศนาเล่าเรื่องสุ กับ โสให้ฟังแล้วจ้ะ...พอรู้ว่าสุ มา เลยรีบชวนคุณโกศลมาทันที"
"ผมละคิดแล้วว่านายนนท์ต้องพาสุมาเป็นเจ้าสาวของเค้าแน่ๆ...แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นญาติกับสิรีด้วย"
"ดีใจจริงๆ ที่ได้มีน้องสาว น้องชายเพิ่มมาอีกสองคน" สิรีบอก
"สุ กับโส ก็ดีใจมากค่ะที่ได้เจอกับพี่ๆ น้าสมรอยู่ไหมคะ สุจะได้เดินไปหา"
นงลักษณ์ กับ สายใจ เดินช่วยกันถือของกินออกมาวาง ไม่มีใครสนใจนงลักษณ์
"ไม่อยู่จ้ะ ไปหาปริศนา กับ อนงค์...สุอยู่นานๆ สิจ้ะ ตอนเย็นๆจะได้พบกับคุณแม่"
"สุตั้งใจว่าจะไปหาคุณพ่อช่วงเย็นค่ะ"
"ไม่เป็นไรจ้ะ...เอาไว้คราวหน้าก็ได้...ว่างเมื่อไหร่ก็มา แล้วนี่จะแต่งงานเมื่อไหร่"
"งานแต่งงานอีกสองเดือนครับ...แต่วันศุกร์นี้จะไปสู่ขอที่คลองน้ำวน...แล้วงานแต่งงานของสิรี กับคุณโกศลล่ะ เมื่อไหร่" อานนท์ถาม
สิรียิ้มอายๆ
"ประมาณสองเดือนเหมือนกันครับ...เราจะมีพิธีหมั้นตอนเช้ารดน้ำตอนบ่าย แล้วก็งานเลี้ยงตอนเย็น...วันเดียวเสร็จเลย"
"เพราะอีกสามเดือนคุณโกศลจะต้องไปอยู่โตเกียว...เราเลยต้องเตรียมของหลายอย่าง...ทั้งเตรียมเรื่องแต่งงานกับเตรียมจัดของที่จะไปญี่ปุ่น" สิรีบอก
นงลักษณ์มองคนโน้นคนนี้คุยกันด้วยสีหน้าที่พยายามยิ้ม
"สุ...เราไปฮันนิมูนญี่ปุ่นกันดีไหม"
สุชาดายิ้ม
"ผมกำลังจะชวนคุณอานนท์ กับ สุอยู่เชียว"
อานนท์หันไปยิ้มกับสุชาดาอย่างนึกสนุก
"แหม...น่าสนุกนะสุ...แต่งงานพร้อมๆ กันสองคู่..นี่ถ้าตระกลยอมแต่งกับวนิดาก็ดีน่ะซิ...เราจะได้แต่งงานกันทีเดียวสามคู่เลย ไอ้เราหรืออุตส่าห์หวังดีให้คบกับนงลักษณ์ ยังทำเฉยอยู่ได้"
นงลักษณ์ทำช้อนหล่นจากมือ ทุกคนหันไปมอง
"คุณนนท์เป็นคนแนะนำให้คุณตระกล" นงลักษณ์ถามเสียงสั่น "ชอ[กับคุณวนิดาเองเหรอคะ"
อานนท์ยิ้มแป้นภูมิใจ
"ใช่จ้ะ...ตระกลน่ะสมกับวนิดาจะตาย...ไม่แน่นะ... ถ้าวนิดาชอบตระกลละก็...คงจับตระกลแต่งงานแน่ๆ"
อานนท์หัวเราะชอบใจ โกศล กับ สิรี มองหน้ากันอย่างสงสารนงลักษณ์ นงลักษณ์มือสั่น..ไม่มีใครเห็นนอกจาก สิรี กับ โกศล..
"เอ้อ...ฉันจะเข้าไปดูผลไม้หน่อยนะคะ...พี่มีส้มหวานๆจะปอกให้สุทาน"
"พอแล้วค่ะพี่นงลักษณ์...แค่นี้ก็เยอะแล้วจ้ะ"
นงลักษณ์สีหน้าไม่ค่อยดี
"เอาเถอะจ้ะ...คนอื่นจะได้ทานด้วย"
นงลักษณ์ผลุนผลันลุกออกไป ทุกคนเงียบมองตาม...โกศลมองหน้ากับสิรี
นงลักษณ์วิ่งหนีมาจากอานนท์ ร้องไห้จนลงไปนั่งสะอึกสะอื้น...
"คุณนนท์นะ...คุณนนท์"
คุณหญิงเทพนั่งหน้าคว่ำไม่พอใจ
"นี่เจ้าคุณเค้าจะเอายังไงกัน...มีลูกสาวลูกชายใหม่โผล่มา ถึงขั้นจะตบแต่งลูกสาว แล้วไม่เห็นมาบอกมากล่าวอะไรซักคำ เจ้าคุณทำแบบนี้เหมือนไม่เห็นหัวแม่"
คุณหญิงเจริญโกรธ
"คุณแม่จะไปอยากรู้เรื่องลูกอีผู้หญิงหากินนั่นทำไมกันคะ ถ้าคุณแม่ไปรับรู้เรื่องพวกมัน ก็แปลว่าคุณแม่ยอมรับมันนะคะ ดิฉันไม่ยอมนะคะคุณแม่"
"ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะยอมรับซะหน่อย...หล่อนก็ตีโพยตีพายไปได้...อย่ามาเสียงดังกับฉันนักเลยแม่เจริญ...ปวดหัว"
เจ้าคุณสุทธาพาลูกชายและลูกสาวเดินขึ้นมาบนตึกคุณหญิงเทพ อานนท์ตามมาด้วย ทุกคนตกใจ คุณหญิงเจริญรีบลุกขึ้น เจ้าคุณสุทธาเดินมายืนตรงหน้าเจริญ
"เธอขึ้นไปอยู่บนห้องเธอก่อนไป"
คุณหญิงเจริญไม่พอใจมาก มองสองพี่น้องอย่างเคียดแค้นเกลียดชัง คุณหญิงเทพนั่งคอแข็ง
"อย่ามาไล่ฉันนะ ที่นี่ตึกคุณแม่ ไม่ใช่ตึกใหญ่ของท่านเจ้าคุณ"
"จะตึกไหนมันก็บ้านฉัน...ถ้าเธอไม่ยอมขึ้นไป อยากนั่งอยู่ที่นี่ก็ได้...แต่ถ้าเธอทำมารยาทเลวทรามกับลูกฉัน... ฉันจะไม่ไว้หน้าเธอต่อไป"
"ขึ้นไปอยู่ข้างบนก่อนเถอะแม่เจริญ"
คุณหญิงเจริญแค้นมาก พยายามกลั้นน้ำตา ลุก เดินขึ้นไปข้างบน
"สุ กับ โส มากราบเท้าคุณย่าสิลูก"
สองพี่น้องคลานเข้าไปกราบที่เท้าคุณหญิงเทพที่ยังนั่งคอแข็ง
"กราบเท้าคุณย่าค่ะ...สุดีใจที่ได้มากราบคุณย่าวันนี้"
"โสก็ดีใจครับ...คุณย่ายังสาวอยู่เลยนะครับ"
คุณหญิงเทพค้อน
"อย่ามาปากหวานเอาใจฉันหน่อยเลย"
"ผมพาลูกสองคนมากราบคุณแม่วันนี้...เพราะมีเรื่องจะเรียนให้คุณแม่ทราบอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ โสจะมากราบลากลับไปเรียนต่อที่อังกฤษ...โสจะพาไพจิตรไปเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่โน่นด้วย"
คุณหญิงเทพยังทำคอแข็ง
"แน่ใจเหรอว่าตาจิตรจะไปเรียนกับเขาได้"
โสภณยิ้ม
"ไพจิตรเรียนดีนะครับคุณย่า...ผมพาเค้าไปทดสอบภาษาอังกฤษมาแล้ว ไพจิตรทำได้ดีครับ โรงเรียนที่อังกฤษก็ตอบรับให้ไพจิตรเข้าเรียนแล้วครับ"
คุณหญิงเทพแอบทำหน้าภูมิใจ
"ก็ลองฉันไม่เคี่ยวเข็ญให้ท่องหนังสือทุกวันดูสิ ป่านนี้ก็คงไม่ได้เรื่องเหมือนพี่สาวน่ะแหล่ะ"
"จริงครับ..ไพจิตรโตมาเรียนดีก็เพราะได้คุณแม่ดูแลจริงๆ"
"แล้วอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องอะไร"
"ครับ...อีกเรื่องที่จะเรียนคุณแม่คือ สุกำลังจะแต่งงานกับอานนท์"
คุณหญิงเทพนิ่งอึ้ง พิศ เพริศ พรรณ ต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลัก สุชาดามองอย่างไม่เข้าใจ..
"สองคนนี่ไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่"
"นานแล้วครับ...อานนท์ไปทำงานติดตั้งเครื่องจักรในสวนของตวันถึงได้รู้เรื่องกัน อานนท์กับปริศนาถึงได้พาสุ กับโสมาหาผม"
"ผมไปทำงานที่สวนคลองน้ำวนของนายตวันอยู่นาน ได้พบสุกับโสที่นั้น ผมกับสุอยากแต่งงานกัน...คุณพ่อคุณแม่จะไปสู่ขอ ถามไถ่กันขึ้นมาถึงได้รู้ว่าความจริง สุกับโสเป็นลูกของท่านเจ้าคุณสุทธาครับ"
"แปลว่าพ่ออานนท์รู้ว่าสุ เป็นลูกสาวเจ้าคุณ หลังจากที่ตกลงใจว่าจะแต่งงานกัน"
"ครับ...แต่ถึงสุจะเป็นลูกชาวสวนธรรมดาๆ ผมก็จะแต่งงานกับสุครับ"
"แล้วได้ฤกษ์สู่ขอมาแล้วเหรอ"
"วันศุกร์นี้ละครับ"
"จะมากันที่นี่เหรอ"
เจ้าคุณสุทธาบอก
"ไม่ละครับ...เราจะไปกันที่คลองน้ำวน...ที่บ้านตวัน"
คุณหญิงเทพถอนใจ รู้สึกผิดในใจที่พรากลูกพรากพ่อมานาน แต่ก็ยังไว้ฟอร์ม..
"สุ กับ โส ไปกราบคุณป้าสามคนซะซิลูก..คุณป้าพรรณ คุณป้าพิศ คุณป้าเพริศ"
สองพี่น้องคลานไปกราบสามป้าแก่ทีละคน ป้าแก่ทั้งสามต่างก็ปลาบปลื้ม ลูบหน้าลูบหลังอย่างถูกชะตา คุณหญิงเทพมองแล้วก็แอบทำหน้ายิ้มๆ
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
เจ้าคุณสุทธา เดินคุยกับลูกทั้งสองและอานนท์ กลับมาที่ตึกใหญ่
"คุณย่าไม่เห็นน่ากลัวนี่คะคุณพ่อ...แหม..สุกลัวแทบแย่ กลัวคุณย่าจะไล่ตะเพิดเราออกมา"
"นั่นสิครับ...โส ก็เตรียมพร้อมจะวิ่งตลอดเวลา...แต่คุณย่ากลับมองสุ กับ โส ด้วยท่าทางเอ็นดูซะด้วยซ้ำ"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"นั่นสิครับ...ผมคิดว่าผมตาฝาดไปคนเดียว...ก่อนจะกลับเหมือนท่านจะยิ้มๆ ให้สุด้วยนา"
สุชาดาดีใจ
"จริงเหรอคุณนนท์ สุไม่ค่อยกล้ามองหน้าคุณย่าเท่าไหร่"
เจ้าคุณสุทธาถอนใจอย่างโล่งอก
"พ่อก็โล่งอกเลย พ่อสบายใจแล้ว คุณย่าไม่ได้รังเกียจลูกทั้งสองคนของพ่อเลย"
"แล้วคุณย่าจะไปร่วมงานวันศุกร์นี้ไหมคะ"
"พ่อว่าอย่าเพิ่งดีกว่า...เพราะถ้าคุณย่าไปเจอกับแม่เขาน่ะ พ่อเองยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดหรือเปล่าเลย"
ทั้งหมดหัวเราะชอบใจ
"แล้วนี่เสาวนิตกลับมาหรือยังครับ"
เจ้าคุณหน้าเครียด ถอนใจทันที
"กลับมาแล้ว... ไม่รู้จะทำยังไง จะลองพยายามอบรมบ่มนิสัยเสาวนิตดูสักหน่อย...หวังว่าถ้าใกล้ชิดกับเขาให้มากกว่าเมื่อก่อน อาจจะเปลี่ยนแปลงนิสัยให้ดีขึ้น"
"ลูกสาวอีกคนของคุณพ่อเหรอคะ"
"ใช่จ้ะ..คนโตของแม่เจริญ...เป็นพี่สาวตุ๊ กับ ไพจิตร สุจะช่วยพ่อดูแลน้องได้ไหมลูก"
สุชาดายิ้มดีใจ
"ด้วยความยินดีเลยค่ะคุณพ่อ"
ตอนค่ำ ตวันนั่งฟังลูกทั้งสองเล่าด้วยสีหน้าครุ่นคิด...
"ลูกสองคนได้พบคุณย่าแล้วเหรอ...แม่ดีใจที่คุณย่าไม่ไล่สุกับ โสออกมา"
"คุณย่าไม่มีท่าทางรังเกียจเราค่ะ...แต่จะให้ยอมรับเลยคงต้องใช้เวลา คุณพ่ออยากให้คุณย่าเห็นสุ กับโส"
"โสว่าถ้าที่บ้านคุณพ่อไม่มีเรื่องยุ่งๆ ซะก่อน คุณพ่ออาจจะมาหาคุณแม่วันนี้เลยก็ได้ เพราะคุณพ่ออยากคุยกับคุณแม่เรื่องพิธีสู่ขอของสุ"
"ไม่น่าเชื่อว่าครอบครัวเจ้าคุณจะยุ่งเหยิงขนาดนี้"
"สุสงสารคุณพ่อมากเลยค่ะ...เสาวนิตทำให้คุณพ่อเสียใจมาก"
"สิ่งที่ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่เสียใจมากที่สุดก็คือมีลูกที่ไม่ดี...เด็กอายุสิบแปดอย่างเสาวนิต น่าจะพออบรมสั่งสอนกันได้นะ"
"ผมคิดว่ามันคงจะสายเกินไปแล้วก็ได้ครับ...ถ้าเสาวนิตมีแม่ที่เป็นเรื่องเป็นราวก็คงไม่เสียคนถึงแค่นี้"
"แม่ว่าอาจจะมีเหตุผลอย่างอื่นที่กดดันให้เสาวนิตใจแตกขนาดนี้ก็เป็นได้"
"แล้วถ้าเค้าเป็นเองล่ะครับ...ประกอบกับมีแม่ที่สนับสนุนในทางที่ผิด...ก็เลยไปกันใหญ่"
"แม่ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกผู้ดีมีตระกูลจะเสียคนเองนะโส"
ตวันมองสุชาดานิ่ง อานนท์พยายามเปลี่ยนเรื่อง
"นายตวันครับ...คุณแม่ผมฝากให้มาเรียนถามว่า อยากให้ท่านจัดเตรียมอะไรมาบ้างไหมครับ สำหรับวันที่ท่านจะมาสู่ขอ"
"คงไม่ต้องไปรบกวนท่านหรอกคุณอานนท์"
สุชาดามองหน้าแม่และตัดสินใจพูด
"แม่คะ...สุอยากให้แม่ดีกับคุณพ่อหน่อยนะคะ...ตอนนี้ คุณพ่อต้องเจอแต่เรื่องกลุ้มใจเป็นทุกข์ คุณพ่อตื่นเต้นมากที่จะได้พบแม่...สุอยากให้คุณพ่อมีความสุขกับเค้าบ้างค่ะ"
ตวันค้อนลูกสาว
"แหม...ไม่ทันไรก็เห็นอกเห็นใจคุณพ่อขนาดนี้เชียวหรือ"
"สุ กับ โส ก็เห็นใจคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองคนละครับ...แต่พอดีตอนนี้เราได้เจอเรื่องแย่ๆ ที่บ้านคุณพ่อมา...โสว่า บ้านเรามีความสุขมากกว่าที่บ้านคุณพ่อเยอะเลย"
"บ้านหลังใหญ่ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป"
สุชาดายิ้มหวาน
"แปลว่าคุณแม่ตกลงแล้วนะคะที่จะดีกับคุณพ่อ"
ตวันยิ้ม
"เอาเป็นว่าแม่จะไม่ทำให้คุณพ่อของลูกๆ เป็นทุกข์ก็แล้วกันจ้ะ"
สุชาดาหันไปหัวเราะดีใจกับอานนท์ โสเข้าไปกอดแม่...
ตอนค่ำ อานนท์เดินจูงมือมากับสุชาดามาในสวน อานนท์สีหน้ามีความสุข แต่สุชาดาสีหน้าครุ่นคิด
"อะไรทำให้ว่าที่เจ้าสาวของนายอานนท์ทำหน้าครุ่นคิดอย่างนี้จ้ะ"
อานนท์เอานิ้วจิ้มเบาๆ ไปที่คิ้วที่กำลังขมวดมุ่นของสุชาดา
"ขมวดคิ้วอย่างนี้เดี๋ยวคิ้วย่นหมดไม่รู้นะ"
สุชาดาหันมายิ้ม
"ฉันอดคิดเรื่องเสาวนิตไม่ได้ค่ะ...อย่างที่แม่พูด..อะไรเป็นสาเหตุให้เสาวนิตกดดันถึงกับต้องทำเรื่องไม่ดีขนาดนั้น"
อานนท์ไม่อยากพูดถึง
"บางเรื่องเราไม่ควรเก็บมาคิดนะจ้ะ"
"แต่เค้าก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องนี่คะ...การกระทำของเค้าทำให้คุณพ่อกลุ้มใจ..ฉันก็เลยอดเอามาคิดไม่ได้"
"คิดไปก็ไม่มีประโยชน์...เราทำอะไรไม่ได้...ถ้าคุณสงสารคุณพ่อคุณก็ทำให้ท่านดีใจดีกว่า...เช่น..พาท่านมาหาคุณ แม่คุณ ผมว่าถ้าท่านได้เห็นหน้านายตวัน...คงลืมความทุกข์ทั้งหมดในโลกนี้เลย"
"จริงเหรอคะ...ถ้าอย่างนั้นวันศุกร์นี้ฉันจะหาทางให้คุณพ่อได้คุยกับแม่นานๆ...คุณช่วยฉันคิดหน่อยซิว่าจะทำยังไงดีที่จะให้คุณพ่ออยู่ที่นี่นานๆ"
อานนท์ทำท่าอย่างเก๋
"เชื่อฝีมือนายนนท์ได้ แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก รู้แต่ว่า เวลาผมอยู่กับคุณ ผมก็ลืมความทุกข์ทั้งหมดในโลกนี้เหมือนกัน...ไหนๆ วันศุกร์นี้จะมาสู่ขอแล้ว...เอ้อ... ขอหอมแก้มทีได้ไหม"
สุชาดาอายตาโต
"ไม่ได้"
"ใจร้าย...แค่หอมนิดเดียวก็ให้ไม่ได้"
"เอาไว้หลังจากวันศุกร์นี้ไปค่อยมาคุยกันใหม่"
อานนท์ทำท่าจะเป็นลม
"โอ้ย...อีกตั้งสามวัน...หรือสี่วัน..ขอวันนี้นิดนึงก่อนนะ"
สุชาดากลั้นหัวเราะ
"บอกว่าไม่ให้ก็ไม่ให้ซิ"
"ไม่ให้จริงๆ นะ"
"จริงซิ"
อานนท์ก้มลงหอมแก้มสุชาดาอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งหนี..สุชาดาตกใจตาโต
"ไชโย...ไชโย"
สุชาดาเอามือกุมแก้มที่โดนหอมแล้วก็ยิ้มออกมา
เจ้าคุณสุทธานั่งดูรูปใบเล็กๆ ของตวัน เครื่องเล่นจานเสียงเปิดเพลง I Adore You...สีหน้าเจ้าคุณค่อยๆ ยิ้มกับรูป มีเสียงเคาะประตู ตระกลพูดอยู่ข้างนอก
"คุณพี่ครับ"
"เข้ามาซิตระกล"
ตระกลเปิดประตูเข้ามา
"วันนี้กลับค่ำเลยนะ"
ตระกลเดินมานั่งใกล้ๆ
"ครับ...ช่วงนี้งานมาก..เมื่อกี้ผมเดินผ่านตึกคุณหญิงเทพ เห็นเอะอะกันใหญ่"
เจ้าคุณสุทธายิ้มปลงๆ
"พี่ให้เสาวนิตไปอยู่กับแม่เขา...ไม่อยากให้อยู่ที่นี่แล้ว"
"เสาวนิตกลับมาแล้วเหรอครับ"
"เทอดเป็นเพื่อนกับลูกชายคุณพระอนุสรณ์ พาไปอยู่ที่นั่น..ไปก่อวีรกรรมยั่วยวนให้ลูกหลานเค้าชกต่อยกัน ถึงโดนส่งกลับมา...ทีแรกพี่ตั้งใจจะเอากลับมาอบรมสั่งสอนเอง หวังว่าคงจะพอเปลี่ยนนิสัยได้บ้าง แต่ดูแล้ว
เสาวนิตไปไกลเกินกว่าที่พี่คิด...แปลกมาก..หน้าตาสวยงามราวกับเทพธิดา แต่นิสัยชั่วเหลือเกิน...พี่เสียใจเหลือเกินตระกล"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าทุกข์ร้อนมาก
"ผมอยากให้คุณพี่ทำใจเสียเถิดครับ"
"ใจพี่อยากจะตัดออกไปเลย...แต่ยังไงๆ ก็เป็นลูก พี่ตัดขาดจากยายนิตไม่ได้...พี่จึงต้องควบคุมเขา...นิสัยชั่วของเขาไม่ได้ร้ายกาจอยู่แค่ในบ้าน แต่ยังไปทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน...พี่เป็นพ่อ..พี่ต้องหาทางควบคุมเสาวนิตให้ได้"
"ก็ส่งไปอยู่ที่ตึกโน้นแล้วนี่ครับ"
"พี่ไม่ไว้ใจแม่เจริญ...เสาวนิตน่ะเจ้าเล่ห์ ช่างโกหก เจริญน่ะโง่กว่าลูกมากนัก...พี่ออกจะสังหรณ์ใจว่าเสาวนิตกับเจริญจะพากันก่อเรื่องอีก"
เจ้าคุณสุทธาเป็นทุกข์
วันใหม่ นิศากำลังช่วยพลับ เลือกดอกไม้ตากใส่กระด้ง ไพจิตรนั่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
"คุณจิต...ไปเมืองนอกแล้วอย่าไปเอาแหม่มกลับมาล่ะ" แววบอก
ไพจิตรหน้าเหรอหรา
"เอากลับมาทำไม"
แววหันไปหัวเราะกับพลับ
"ก็เอากลับมาเป็นเมียน่ะซิคุณจิตร"
ไพจิตรอายร้องลั่น
"โอ้ย..ใครเค้าจะเอาแหม่มมาเป็นเมีย"
"อ้าว...มีน่ะซิคะ...ลูกออกมางี้น่ารั๊ก เหมือนตุ๊กตา"
ไพจิตรยิ้มเขิน
"ไม่เอาหรอก...คุยกันไม่รู้เรื่อง"
"คุณจิตก็ท่องภาษาอังกฤษเยอะๆ ก็คุยกับเค้ารู้เรื่องไปเอง"
"มีเมียคนไทยดีกว่าค่ะคุณ...ฝรั่งน่ะเขาเก่ง...เขาไม่มานั่งเอาอกเอาใจผัวเหมือนผู้หญิงไทยหรอก...เขาคอยแต่จะให้เราเอาใจ"
"โห...ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่าไปสนใจแหม่มเลยคุณจิต...ดีไม่ดีคุณจิตเอาใจเขาคนเดียวไม่พอ...เขาจะให้ตุ๊คอยเอาใจเขาด้วย ตุ๊ไม่เอานะ...ไล่กลับเมืองนอกไปเลย"
แววกับพลับหัวเราะชอบใจ ไพจิตรหัวเราะอายๆ
"คุณตุ๊ก็พูดเล่นเสียเรื่อย"
แจ๋ว เดินเข้ามา
"คุณจิตร คุณตุ๊...คุณหญิงเจริญให้ไปพบค่ะ บอกว่ามีเรื่องสำคัญ รีบไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ"
แจ๋วเดินกลับไป ไพจิตร กับ นิศามองหน้ากัน...
"คุณแม่จะเรียกเราสองคนไปด่าซะก็ไม่รู้คุณตุ๊" ไพจิตรว่า
พลับบอก
"คงไม่กล้าละมังคะ...ท่านเจ้าคุณท่านเอาจริงขนาดนี้"
"แต่ตุ๊ว่าต้องเป็นอย่างที่คุณจิตรพูดแน่ๆ ค่ะย่าพลับ"
"ไม่อยากไปเลย...ไม่ไปได้ไหมคุณตุ๊"
"ถ้าคุณสองคนไม่ไป คุณหญิงจะยิ่งโมโหมากนะคะ จะต้องหาเรื่องมาต่อว่าแน่ๆ เลยคะ...ยังไงๆ คุณก็ควรจะไปนะคะ ท่านอาจจะแค่อยากถามอะไรเท่านั้นก็ได้ค่ะ" แววว่า
นิศาหันไปมองหน้ากับไพจิตร
"ตุ๊รู้จักคุณแม่ดีค่ะ...คุณแม่จะเรียกเราสองคนไปด่าแน่ๆ"
"คุณแม่โดนคุณพ่อกำหราบไปแล้ว...คงไม่ด่าว่าเรารุนแรงหรอก"
นิศามองหน้ากับไพจิตร พลับก็มองหน้ากับแววอย่างใจไม่ดี
คุณหญิงเจริญชี้หน้าด่านิศา กับ ไพจิตร อย่างเกรี้ยวกราด เสาวนิตนั่งอ่านหนังสืออ่านเล่นปรายตามองนิศา กับ ไพจิตรด้วยสีหน้าเยาะเย้ยสะใจ ไพจิตร กับ นิศา สีหน้าหวาดกลัว
"ไอ้ลูกอกตัญญู...ฉันไม่น่าให้แกสองคนเกิดมาเลย โดยเฉพาะแกนังตุ๊ ยุยงพ่อแกดีนักใช่ไหม"
"ตุ๊ไม่ได้ยุคุณพ่อสักหน่อย"
"โกหก...แกมันหน้าด้าน ไอ้จิตรก็เหมือนกันเลวทั้งสองคน เลวเหมือนพ่อแก...พ่อแกมันหน้ามืด ดีแต่หลงอีพวกผู้หญิงหากิน...คอยดูนะ...ฉันจะไปด่าพวกแกทุกวัน ฉันจะไปด่าพ่อแกทุกวัน...หัวหงอกซะเปล่า ไม่มีความคิด หมามันยังรักลูก พ่อแกมันเลวยิ่งกว่าหมา"
นิศาโมโหมาก จ้องหน้าแม่นิ่งแต่ไม่โต้ตอบ ไพจิตรทนไม่ได้ เถียงออกมา
"คุณแม่อย่าใช้คำพูดหยาบคายว่าคุณพ่อลับหลังอย่างนี้ เก่งจริงทำไมถึงไม่ไปว่าท่านต่อหน้าล่ะ ผมจะคอยดู เล่นลับหลังอย่างนี้เขาเรียกว่าคนขี้ขลาด"
เจริญยิ่งโมโหมาก ตะโกนเสียงดัง
"ไอ้จิตรนี่แกเข้าข้างพ่อแกมาว่าแม่อย่างนี้เหรอ ไอ้เลว กูจะด่าพ่อมึง มึงจะทำไม ไอ้คนทรยศ ไอ้คนอยุติธรรม แน่จริงมึงก็ไปบอกพ่อมึงซิ ถ้ามึงไม่ไปบอกพ่อมึง มึงก็ไม่ใช่คน เป็นหมาเหมือนพ่อมึง"
นิศาโกรธมาก คุณหญิงเทพเดินออกมากับพรรณ
"แม่เจริญ...มันจะมากไปแล้วนะ นี่หล่อนถึงกับด่าผัวที่เลี้ยงดูหล่อนมาอย่างนี้เชียวหรือ"
"เธอเป็นอย่างนี้นี่เอง...เจ้าคุณถึงทนเธอไม่ได้" พรรณบอก
"ใช่ซิ...ฉันมันไม่มีดีซักอย่าง...อย่าคิดจะมารุมฉันกันง่ายๆ นะ ถึงไล่ฉันก็ไม่ไป ฉันเป็นเมียมีทะเบียน..ใครจะมาทำไมกู...หน้าไหนก็ไล่กูไม่ได้"
"นังเจริญ"
คุณหญิงเทพโมโหจนเซจะล้มลง พรรณ นิศา ไพจิตรช่วยกันรับร่างคุณหญิงเทพ พรรณรีบเอายาดมมาให้ดม
"พอได้แล้วแม่เจริญ...เธอยิ่งหยาบคายเท่าไหร่คนเค้าก็รู้กำพืดเธอเท่านั้น คุณแม่อุตส่าห์ชุบเลี้ยงเข้าข้างเธอ เธอยังแว้งมากัดท่านได้"
คุณหญิงเจริญร้องไห้ เสาวนิตหน้าเสีย
"ก็ทุกคนรุมกันทำร้ายฉันทำไม...รุมกันว่าลูกฉันทำไม"
"ใครไปรุมทำร้ายเธอ...เธอทำตัวเอง...ดูซิ..ยายตุ๊มันตัวเล็กเท่านี้ มันยังมีเลือดพ่อเป็นผู้ดีเสียยิ่งกว่าเธออีก...ตุ๊ ไพจิตรกลับไปตึกใหญ่" พรรณบอก
นิศาเม้มปากแน่น
"ไปเถอะพี่จิตร เราไม่ควรมาตั้งแต่ต้น"
นิศาหันไปพูดกับแม่เสียงแข็ง
"ทีนี้คุณแม่อย่ามาเรียกเราเสียให้ยากเลย...จ้างให้ก็ไม่มาหาอีก เราเลิกเชื่อฟังคุณแม่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" นิศาร้องไห้ "มีอย่างที่ไหน...อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี เรียกเขามาด่าคุณพ่ออย่างหยาบ พี่นิตลูกรักของคุณแม่น่ะเชื่อให้มากๆ เถอะ ตุ๊จะคอยดู"
นิศาฉุดมือไพจิตรรียวิ่งหนีไป เจริญกรี๊ดลั่น
"อีตุ๊...อีตุ๊...อีลูกเนรคุณ..อีลูกเลว..มึงมาลอยหน้าเถียงกูเหรอ"
เสาวนิตโกรธที่นิศาย้อน
"อย่าไปเรียกมันค่ะคุณแม่...มันสองคนไม่ใช่ลูกคุณแม่อีกต่อไป มันว่าคุณแม่เจ็บแสบมาก...มันพูดแบบนี้เท่ากับมันว่าคุณแม่เป็นไพร่น่ะสิคะ"
คุณหญิงเจริญชะงักฟังเสาวนิตยุยง ร้องกรี๊ดออกมาอีก คุณหญิงเทพลุกขึ้นเดินเข้าบ้านไป พรรณ เดินตามไปด้วย...
นิศาจูงมือกับไพจิตร วิ่งหนีเจริญมาไกล หยุดยืนหอบลงนั่งที่ม้านั่งในสวนใกล้ๆ
"คุณแม่ช่างร้ายกาจเหลือเกิน...ตุ๊ไม่คิดเลยว่าคุณแม่จะพูดว่าเรากับคุณพ่อหยาบคายขนาดนั้น"
"นี่ขนาดพี่เตรียมใจว่าจะเจอคุณแม่ด่าว่าเราแล้วนะ.. ยังทนไม่ได้...คุณตุ๊..เราจะบอกคุณพ่อดีไหม"
"ตุ๊สงสารคุณพ่อ...ตุ๊ไม่อยากบอก"
"แค่คุณพ่อควรจะรู้ ไม่อย่างนั้นคุณพ่อจะเข้าใจว่าคุณแม่ยอมสงบอยู่กับคุณนิตโดยดี"
"ถ้างั้นเราก็บอกคุณพ่อ...แต่อย่าเล่าคำหยาบที่คุณแม่พูด"
ไพจิตรคิดนิดหนึ่งแล้วก็ทำหน้าอยากร้องไห้
"แล้วมันจะเหลืออะไรไปเล่าให้คุณพ่อฟังเล่าคุณตุ๊...ก็คุณแม่น่ะพูดหยาบทุกคำเลย"
พี่น้องมองหน้ากันอย่างทุกข์ใจ...
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
นงลักษณ์นั่งเหม่อ สีหน้าซูบซีดเหมือนคนไม่สบาย คิดถึงคำพูดอานนท์ มีลังกระดาษสำหรับเก็บของเตรียมปิดร้านวางไว้หลายกล่อง
"ไม่แน่นะ...ถ้าวนิดาชอบตระกลละก็...จับตระกลแต่งงานแน่ๆ"
นงลักษณ์หลับตานิ่ง นั่งพิงกับเก้าอี้อย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ปริศนาเดินเข้ามา
"ฮัลโหล...พี่นงลักษณ์ สวัสดีค่ะ"
นงลักษณ์ตกใจรีบลุกขึ้นมา
"ปริศนา"
ปริศนามองนงลักษณ์อย่างพิจารณา
"ปริศนาเอาชุดมาแก้หน่อยค่ะ...น้ำหนักน่าจะขึ้นมากอยู่ ใส่แล้วแทบหายใจไม่ออก"
"ได้ค่ะ...จะให้พี่แก้ขยายขนาดไหนค่ะ"
ปริศนายิ้มอายๆ
"ก็เกือบนิ้วละค่ะ"
นงลักษณ์เหมือนใจไม่อยู่กับตัว...ปริศนามองอย่างเป็นห่วง
"เย็นนี้ปริศนานัดพี่สิรีกับคุณโกศลทานข้าวที่บ้าน นงลักษณ์ไปด้วยกันมั้ย"
นงลักษณ์ส่ายหัว
"คุณนนท์ก็จะพาว่าที่เจ้าสาวไปด้วยนะ"
นงลักษณ์ยิ้มเศร้าๆ
"ไม่ละปริศนา...พี่ไม่อยากออกไปไหนเลย กำลังเก็บของ"
"เก็บของไปไหน"
"ปิดร้านและกลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ของพี่น่ะซิจ้ะ... คุณนนท์เค้าจะแต่งงานแล้วนี่...พี่อยู่ก็เกะกะเปล่าๆ"
"ถ้าอย่างนั้นนงลักษณ์ก็แต่งงานด้วยซิ"
นงลักษณ์ยิ้มเศร้ามาก
"ใครเขาจะมาสนใจผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างพี่"
"ไม่จริงหรอก...นงลักษณ์น่ะสวยอ่อนหวานแบบไทยแท้ คล้ายๆอนงค์น่ะแหล่ะ...แต่นงลักษณ์เก่งกว่า...ถ้าปริศนาเป็นผู้ชายนะจะขอนงลักษณ์แต่งงาน"
นงลักษณ์หัวเราะ แต่ก็ยังดูเศร้า
"ขอบใจนะปริศนา...แต่ไม่มีผู้ชายคนไหนเค้าคิดอย่างนั้นหรอกจ้ะ"
นงลักษณ์อยากจะร้องไห้ ต้องพยายามทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน ปริศนามองอย่างพิจารณา...
ปริศนานั่งทานของว่างอยู่กับ สิรี และ โกศลในวังศิลาขาว
"สิรีได้พบกับนงลักษณ์บ้างหรือเปล่า"
"เจอกันเมื่อวันก่อน...ทำไมเหรอปริศนา"
"วันนี้ปริศนาไปบ้านคุณนนท์ เจอนงลักษณ์"
ปริศนาพูดอย่างใช้ความคิด
"นงลักษณ์เหมือนคนไม่สบายเลย"
สิรี กับโกศลมองหน้ากัน
"ปริศนาคิดว่านงลักษณ์ไม่สบายเหรอ" สิรีถาม
ปริศนาพยักหน้า
"ใช่...แต่ไม่ใช่ไม่สบายๆ อย่างเราๆ นี่นะ..หน้าตาของนงลักษณ์ตอนนี้เหมือนคนอกหัก เหมือนอนงค์ตอนที่คิดว่าประวิชรักปริศนา"
โกศลยิ้มถาม
"ปริศนาแน่ใจหรือ"
"ปริศนาคิดว่าเดาไม่ผิด...ปริศนาเชี่ยวชาญพอใช้เรื่องดูคนที่มีความทุกข์...ต้องมีเรื่องร้ายๆ อย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับนงลักษณ์ ไม่งั้นท่าทางจะเศร้าเหมือนปลาออก...เอ้ย.. ปลาสำลักน้ำได้ไง"
โกศล สิรีหัวเราะ
"เห็นไหมสิรี...ผมเคยบอกคุณแล้วว่าปริศนาน่ะรู้ทันคน เก่งที่หนึ่งไม่มีอะไรจะตบตาปริศนาได้"
ปริศนาตาโต
"แปลว่าคุณโกศลรู้ว่านงลักษณ์เป็นอะไร"
"ทีแรกเราก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่านงลักษณ์เป็นอะไร แต่ตอนนี้เราแน่ใจแล้วว่านงลักษณ์น่ะ...อกหัก" สิรีบอก
"คุณนนท์รู้ไหมว่า น้องสาวตัวเองน่ะอกหัก"
"คงไม่รู้หรอก...แล้วอานนท์ก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าตัวเองเป็นคนทำให้คุณนงลักษณ์อกหัก" โกศลบอก
ปริศนางง
"คุณนนท์ทำให้นงลักษณ์อกหัก...ยังไงกัน.."
อานนท์จูงมือมากับสุชาดาเดินยิ้มแจ่มใสเข้ามาหาปริศนา และ สิรี กับโกศล
"ฮัลโหล...ปริศนาทำไมทำหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะ"
อานนท์พาสุชาดามาลงนั่ง ปริศนาหันไปยิ้ม
"สุ...วันนี้คุณนนท์จะต้องโดนเล่นงานละนะ"
สุชาดายิ้มขำ อานนท์โวย
"อะไรกันปริศนา...จะเล่นงานผมเรื่องอะไร"
"ก็คุณนนท์เป็นคนทำให้นงลักษณ์อกหัก"
อานนท์หน้าเหรอหราหัวเราะ
"ปริศนาพูดตลกอะไรกัน...นงลักษณ์อกหักที่ไห"
"คุณนนท์ไม่ได้สังเกตุนงลักษณ์บ้างเหรอคะว่าท่าทางเค้าไม่สบายใจ" สิรีถาม
"ใช่...สังเกตุหรือเปล่าว่าหน้าตาของเขาเหมือนปลานอกน้ำ..เอ้ยไม่ใช่...ปลาสำลักน้ำ"
อานนท์งง
"ปลาอะไรมันจะสำลักน้ำกันปริศนา"
สุชาดาบอก
"คุณนนท์...แต่เมื่อวันที่ไปบ้านคุณ สุก็รู้สึกเหมือนกันว่า พี่นงลักษณ์ดูเศร้า แล้วก็เครียดนะคะ"
"ไม่มีอะไรหรอก...ก็ไอ้เรื่องฮีสทีเรียแบบโอลเมททั้งหลายน่ะซิ ก็จู่ๆ สิรีเพื่อนรักจะแต่งงาน ลาออกจากร้านจะไปอยู่ญี่ปุ่น นงลักษณ์ก็คงเหงา...คงสงสารตัวเองน่ะ"
"ผิด" ปริศนาโพล่ง
โกศลยืนยัน "ใช่..ผิด"
อานนท์งง
"อะไรคุณโกศล ใช่..ผิด"
"ก็คุณนนท์เข้าใจนงลักษณ์ผิดน่ะซิ" สิรีบอก
"คุณโกศล กับ พี่สิรี รู้ใช่ไหมคะว่าพี่นงลักษณ์เป็นอะไร" สุชาดาถาม
"คุณอานนท์ วิทยาธร...นงลักษณ์น่ะกำลังอกหัก... อกหักอย่างแรง"สิรีบอก
อานนท์หัวเราะแปลกใจ
"เฮ้ย...น้องแกจะอกหักเพราะใครกัน...หน้าตาแกไม่สมจะรักใครเป็น...".
สุชาดาทำหน้าไม่เห็นด้วย
"คุณนนท์"
ปริศนาเสียงแข็ง
"คุณอานนท์ วิทยาธร...คุณช่วยน้องสาวได้อย่างแข็งขันมาก เอาละ...ไม่ต้องออกความเห็นอีกแล้ว ฟังผู้ใหญ่เสียบ้าง"
อานนท์กลั้นหัวเราะ แต่หันไปเห็นสายตาดุๆ ของสุชาดาก็เลยไม่กล้าหัวเราะ
"คุณโกศล...พี่นงลักษณ์อกหักจริงใช่ไหมคะ"
"จะอกหักยังไง...น้องไม่เห็นจะเจอกับใครที่ไหน" อานนท์บอก
โกศลยิ้ม
"ลองคิดดีๆ สิครับ...ว่ามีผู้ชายที่ไหนไปมาหาสู่บ้าอานนท์เป็นประจำบ้าง"
อานนท์ทำท่าคิด
"ก็ไม่เห็นมีใคร...มีแต่คุณโกศล กับ ตระกล เอง"
อานนท์หยุดชะงัก เหมือนจะนึกได้ โกศล กับ สิรียิ้มๆ
"คิดออกแล้วเหรอนายนนท์" สิรีว่า
อานนท์ทำหน้าประหลาดใจสุด ปริศนาหัวเราะดีใจ
"ตระกล...ตระกลนั่นเอง" อานนท์ว่า
โกศลพยักหน้ายิ้มดีใจ
"คุณโกศลกับฉันน่ะแอบสังเกตุมาตั้งนานแล้ว" สิรีบอก
"คุณตระกลน่ะหลงรักคุณนงลักษณ์มาก...แต่ไม่กล้า ผมเคยแกล้งแหย่ทำเป็นสนิทกับคุณนงลักษณ์ แกยังหึงแทบจะต่อยผม"
อานนท์เอามือกุมหัว
"โอ๊ว...ว้าว มิน่า...ตระกลมันถึงไม่ยอมสนในวนิดาเลย"
"แต่พอมาตอนหลังคุณตระกลก็หายไป...ผมยังสงสัยว่า ทำไมคุณตระกลถึงไม่มาหานงลักษณ์"
สิรีย้ำ "แล้วนงลักษณ์ก็เอาแต่เศร้า แทบจะไม่ยอมกินไม่ยอมนอนจนผอมเหมือนคนไม่สบาย"
"จนหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำ"
สุชาดาบอก
"แล้วเมื่อวันก่อนคุณก็ยังพูดอีกว่าเป็นคนแนะนำตระกลให้กับวนิดา"
อานนท์เอามือปิดหน้า
"โอว...my god"
"เข้าใจแล้วใช่ไหมอานนท์...ที่ว่าคุณทำให้น้องสาตัวเองอกหัก" โกศลบอก
อานนท์พูดไม่ออก เอามือกุมหัว สีหน้าสำนึกผิด
"อย่างนี้นี่เองตระกลถึงหาเรื่องมาขอข้าวกินแทบทุกวัน นงลักษณ์ก็ทำขนม ทำกับข้าวไว้รอ...โธ่...โธ่...กระผมผิดไปแล้วขอรับ...กระผมยอมรับผิดทุกอย่าง...นี่ตระกลคงคิดว่า ผมไม่อยากให้เค้าไปยุ่งกับนงลักษณ์ ถึงได้แนะนำให้ไปชอบกับวนิดาแทน"
อานนท์เอามือเขกหัวตัวเอง
"ทำไมมันถึงได้โง่อย่างนี้...นายอานนท์เอ้ย"
สุชาดาหันไปหัวเราะกับปริศนา
"พอเถอะค่ะคุณนนท์...คุณจะต้องไปเป็นคนทำให้พี่นงลักษณ์กับคุณตระกล สมหวังรู้ไหม"
อานนท์คว้ามือสุชาดามาจูบ
"สุจ๋า...รอยู่ที่นี่นะ...ผมขอไปแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองก่อนนะจ้ะ"
อานนท์รีบลุกขึ้น
"ไม่ต้องห่วงคุณนนท์...ปริศนาจะดูแลสุเอง"
อานนท์รีบวิ่งไป หันมายิ้ม
"ขอบใจจ้ะปริศนา"
ทุกคนหันมาหัวเราะให้กัน...
อานนท์ขับรถด้วยความเร็ว...ยังโกธรกับตัวเองที่เป็นคนก่อเรื่อง
อานนท์ขับรถเข้ามาจอดอย่างเร็ว รีบลงจากรถจนไม่ได้ปิดประตู อานนท์รีบวิ่งขึ้นไปบนตึก
มองหาคนในบ้าน เฉยเดินออกมาจากด้านหลัง อานนท์รีบเข้าไปถาม
"คุณตระกลกลับมาแล้วหรือยัง"
"กลับมาแล้วครับ...นั่งอยู่ที่สวนด้านหลังครับ"
อานนท์ดีใจ รีบวิ่งเข้าไปด้านหลัง
ตระกลนั่งใจลอยอยู่ที่สวนหลังบ้าน อานนท์กึ่งเดิน กึ่งวิ่งเข้ามาหา ตระกลเงยหน้ามองแบบเนือยๆ อานนท์ยืนยิ้มแฉ่ง..
"มีอะไรรีบร้อนนักหนาอานนท์"
"เป็นอะไรไปเล่าตระกล ป่วยไม่สบายหรือ"
"เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร"
"ตกลงว่านายไม่ได้ไปบ้านวนิดาตามที่กันแนะนำแล้วใช่ไหม"
ตระกลตอบเรียบๆ
"นายไม่ต้องถามถึงวนิดาอีกหรอก...ฉันเลิกไปที่นั่นแล้ว"
"ทำไมล่ะ...ฉันว่าวนิดาน่ะ...น่ารักดีนา"
ตระกลส่ายหน้าช้าๆ
"ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับฉัน...ฉันเคยบอกนายแล้วไง ว่าผู้ชายธรรมดาๆ อย่างฉันไม่ชอบวนิดา"
อานนท์หันไปเห็นกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้
"นี่นายตัดสินใจจะไปทำงานที่ภูเก็ตจริงๆ เหรอ"
"จริงซิ...ฉันว่าฉันเบื่อกรุงเทพแล้วละ...กำลังหาทางบอก คุณพี่ ท่านเคยขอร้องไม่ให้ฉันไปอยู่ที่ไหน เพราะท่านเหงา...แต่ตอนนี้คุณพี่มีสุ กับ โส มาหาบ่อยๆ แล้วก็ยังจะมีนายมาเป็นลูกเขยอีก ต่อไปก็คงไม่เหงาแล้วละ"
อานนท์แอบทำหน้าเจ้าเล่ห์
"แล้วหลานสาวนายกำลังจะแต่งงานตั้งสองคน ไม่อยู่งานแต่งงานให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อนหรือ"
ตระกลสงสัย
"เอ๊ะ...หลานสาวอะไรจะแต่งงานตั้งสองคน...สุจะแต่งงานกับนายคนเดียวเท่านั้น...จะมีหลานสาวคนไหนที่จะแต่งงานอีกล่ะ"
อานนท์ยิ้มกริ่ม
"สุจะแต่งงานกับฉัน ก็หลานสาวคนหนึ่ง...สิรีจะแต่งงานก็หลานสาวนายอีกคนหนึ่งไง"
"สิรีจะแต่งงานหรือ...จะแต่งกับใครกัน"
"อ้าว...นี่นายไปอยู่ที่ไหนมา ใครๆ เค้าก็รู้กันทั้งเมืองแล้ว"
อานนท์แกล้งพูดไม่มองหน้าตระกล
"สิรีเค้าจะแต่งงานกับคุณโกศลน่ะซิ..เค้าสมกันดีออกจะตาย"
อานนท์แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ตระกลผุดลุกขึ้น ตาเบิกโพลง แล้วก็ลงนั่งอีก อานนท์พยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทาง ตระกลไม่เชื่อหู ถามเสียงตะกุกตะกัก
"อะ...อะ..ไรนะ."
ตระกลหันมาจับแขนอานนท์แน่น
"หลานสิรีจะแต่งงานกับคุณโกศลจริงๆ หรืออานนท์"
อานนท์ยิ้ม
"จริงซี่...สิรีจะแต่งงานกับคุณโกศล แล้วสองคนก็จะไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกัน...ตอนนี้ทั้งสองคนมีความสุขมาก"
อานนท์แกล้งทำหน้าเศร้า
"ตรงกันข้ามกับนงลักษณ์ ซึ่งกำลัง..."
ตระกลถามอย่างคาดคั้น
"อะไร...นงลักษณ์เป็นอะไร"
อานนท์ทำหน้าเศร้า
"กำลังอกหัก...เพราะ...เพราะใครคนหนึ่งทิ้งเขาไป"
อานนท์เหล่มองหน้าตระกล ตระกลกลืนน้ำลายอย่างยาก พูดเสียงสั่น
"นายพูดจริงๆ หรืออานนท์"
"ฉันจะหลอกเอาอะไร...นายไม่เชื่อก็ไปดูเอาเองซิ"
"น้องกำลังเบื่อโลกทนทุกข์ทรมานมาก...เบื่อจนแทบจะฆ่าตัวตาย หรือ..ป่านนี้อาจจะตัดช่องน้อยเฉพาะตัวเสียแล้วก็เป็นได้...หนสุดท้ายที่ฉันเห็นน้องกำลังอาการหนักเต็มที"
ตระกลรีบลุกขึ้นยืน
"ฉันขออนุญาติไปหาเธอหน่อยนะอานนท์...ฉันรออีกไม่ได้จนวินาทีเดียว...ฉันรักเธอจนจะบ้าตายอยู่แล้ว นายรู้หรือเปล่า..โธ่..อานนท์..ฉันทนทุกข์ทรมานเพราะคุณนงลักษณ์มานานแล้ว นึกว่าฉันรักเธอข้างเดียว... ไม่คิดเลยว่า...อยู่ไม่ได้แล้ว"
ตระกลรีบวิ่งออกไปจากห้อง อานนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ใช้นิ้วปัดจมูกอย่างสมใจ...
นงลักษณ์กำลังเตรียมกับข้าวสำหรับทำบุญเลี้ยงพระ สายใจช่วยนงลักษณ์ยกน้ำพริกมะขามที่เพิ่งทำเสร็จออกมาวาง
"แหม...คราวนี้น่าทานมากค่ะคุณ....นี่ถ้าคุณอานนท์ไม่มาขอให้ทำไปเลี้ยงพระ...คุณคงไม่ยอมเข้าครัวเป็นแน่"
นงลักษณ์ยิ้มเศร้าๆ
"ฉันก็ทำของฉันอยู่แทบทุกวัน"
"คุณขา...แค่ต้มข้าวต้ม ต้มไข่...เจียวไข่ ไข่ตุ๋น ไม่น่าเรียกว่าทำกับข้าวหรอกนะคะ...คุณไม่ได้เข้าครัว
จริงๆ แบบนี้นานมาก...ก็ตั้งแต่....เค้าไม่มา"
สายใจประชดประชันนิดหน่อยแทนเจ้านาย มีเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน นงลักษณ์สะดุ้ง สายใจคอยฟัง
"เสียงรถใครคุ้นๆ ค่ะ...จะว่ารถคุณนนท์ก็ไม่ใช่"
นงลักษณ์ถอนใจ
"คงไม่ใช่บ้านเราหรอกสายใจ...หากระปุกมาใส่น้ำพริกนี่เถอะ"
ตระกลเดินเข้ามาทางด้านหลังของนงลักษณ์ สายใจเห็นตระกลขยี้ตาอย่างไม่แน่ใจ ตระกลยืยิ้ม นงลักษณ์เงยหน้ามองสายใจที่ยืนยิ้มแฉ่งอย่างดีใจ ตระกลเรียกเบาๆ
"คุณนงลักษณ์."
นงลักษณ์รีบหันไป เห็นตระกลยืนยิ้มอยู่ น้ำตานงลักษณ์เอ่อขึ้นมาทันที สายใจค่อยๆ เดินหลบไป ตระกลเดินเข้ามาหานงลักษณ์ จับมือไว้
"คุณตระกล"
ตระกลดึงนงลักษณ์เข้ามากอด นงลักษณ์น้ำตาไหลด้วยความดีใจ สายใจแอบมองน้ำตาไหลปลื้มใจ
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
สุชาดานั่งคุยอยู่กับปริศนาที่โต๊ะนั่งเล่นท่าน้ำวังศิลาขาว อานนท์รีบเดินเข้ามาตะเบ๊ะใส่ปริศนา
"เรียบร้อยทุกอย่างครับ หม่อมปริศนา...คาดว่าตอนนี้ ตระกลมันคงนอนหนุนตักอ้อนนงลักษณ์อยู่"
ปริศนาหันไปหัวเราะกับสุชาดา
"แหม...อาตระกลคงไม่ทำ sweet อย่างนั้นหรอก..ถ้าเป็นคุณนนท์ละก็ไม่แน่"
"ฉันอยากเห็นอาตระกล กับพี่นงลักษณ์ ตอนนี้จังเลย" สุชาดาบอก
"ก็คงอ้อนกันไปอ้อนกันมาตามประสาคนแก่น่ะแหล่ะ.. ยังไงก็สู้เราสองคนไม่ได้หรอก"
"ปริศนาจะต้องรีบทูลท่านชายว่าของขวัญที่เตรียมไว้สองชิ้นไม่พอเสียแล้ว...เพราะจะต้องเตรียมของขวัญแต่งงานไว้ถึงสามชิ้น"
ทุกคนหัวเราะสนุก
ในสวนหลังบ้าน ตระกลนั่งทานของทานเล่นที่นงลักษณ์จัดมาให้อย่างอร่อย
"คุณไม่รู้หรอกว่าผมคิดถึงฝีมือทำอาหารและขนมของคุณมากแค่ไหน"
สายใจเดินเอาแก้วน้ำยาอุทัยมาให้ ทั้งคู่ แล้วพูดล้อ
"คิดถึงเท่านั้นเหรอคะคุณ"
ตระกลหันไปยิ้มกับสายใจ
"คิดถึงคนทำมากกว่าหลายร้อยหลายพันเท่าเลยสายใจ"
สายใจยิ้มเดินกลับไป นงลักษณ์ยิ้มมีความสุข ตระกลมองนงลักษณ์อย่างรักมาก
"คุณผอมไปมากนะ"
"คุณก็เหมือนกันค่ะ...เอ้อ...ฉันอยากจะถามอะไรสักหน่อย"
"คุณถามผมได้เลยทุกเรื่อง"
"คุณ กับ...คุณวนิดา"
ตระกลหยุดทาน
"เอาเป็นว่า...วนิดาไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมอยากแต่งงานด้วยก็แล้วกัน แล้วผมคิดว่า...ผมก็ไม่ใช่ผู้ชายที่วนิดาจะรัก"
"แต่...ฉันเคยเห็นคุณ กับคุณวนิดาไปเที่ยวกัน"
"ถูกแล้ว...ผมไปเที่ยวกับวนิดาบ่อยมาก...เพราะตอนนั้น ผมอยากลืมคุณ"
"ทำไมคะ...ทำไมคุณถึงอยากลืมฉัน"
ตระกลจับมือนงลักษณ์ไว้
"ผมรู้ตัวว่าผมรักคุณมากนานแล้ว ยิ่งตอนที่นายนนท์ไม่อยู่ ใช้ให้ผมมาดูแลคุณ ผมยิ่งแน่ใจ ถึงนายนนท์ไม่ใช้ ผมก็ต้องมาหาคุณทุกวัน แต่ผมคิดว่าคุณชอบกับคุณโกศล คุณโกศลมีหน้าที่การงานดีกว่าผมมากนัก ถ้าคุณแต่งงานกับเค้า คุณก็จะมีโอกาสที่ดีในชีวิตมากกว่าจะมาชอบกับคนอย่างผม"
นงลักษณ์หัวเราะ
"คุณโกศลเค้ากำลังจะแต่งงานกับสิรีค่ะ...แล้วฉันก็ไม่มีใจที่จะมองใครอีก"
ตระกลยิ้มแจ่มใส
"พอผมรู้จากนายนนท์ว่าหลานสิรี จะแต่งงานกับคุณโกศล...ผมก็รีบบอกนายนนท์ว่าผมรักคุณมากที่สุด แล้วก็รีบมาหาคุณทันทีเลย"
อานนท์เดินจูงมือสุ เดินเล่นที่ทางเดินสวยๆ อานนท์หัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข
"นึกถึงสีหน้าของตระกลตอนที่รู้ว่านงลักษณ์ไม่ได้ชอบกับคุณโกศลแล้วขำไม่หาย"
"แล้วทำไมตอนนั้นคุณก็ไม่เฉลียวใจเลยเหรอว่าพี่นงลักษณ์กับอาตระกลชอบกัน"
อานนท์ทำท่าคิด
"นั่นสินะ...ผมดันไปคิดว่านงลักษณ์เค้าอยากจะทำกับข้าวให้ผมกับเพื่อน...บางทีก็เอาไปแจกบ้านสิรี...ไม่เคยคิดว่า เค้าจะชอบตระกล ถ้าผมสังเกตให้ดีก็จะรู้ว่านงลักษณ์เค้าก็บอกใบ้ให้รู้แล้วละว่า ชอบตระกล....เหมือนคุณที่บอกใบ้กับผมเหมือนกัน"
สุทำหน้าเหรอหรา
"ฉันทำอะไร...ฉันทำอะไร บอกใบ้คุณตั้งแต่เมื่อไหร่"
อานนท์ยิ้ม
"ก็ทำอย่างนี้แหล่ะ"
"ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"
"ก็เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรนี่แหล่ะ...ผมถึงได้รักคุณ ผู้หญิงคนอื่นที่ผมเคยเจอน่ะ พยายามทำทุกอย่างที่จะแต่งงานกับผมให้ได้ แต่คุณไม่เคยทำอะไรเลย คุณมีแต่ความจริงใจ เป็นเพื่อนที่ดี ผมชอบคุยกับคุณ มันรู้สึกอุ่นใจ เหมือนอยู่บ้าน รู้ตัวอีกทีผมก็รักคุณอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน"
"อีกหน่อยถ้าคุณพบว่าฉันก็มีนิสัยที่ไม่ดีล่ะ...คุณจะเลิกรักฉันไหม"
"นิสัยไม่ดีเช่นอะไรบ้างล่ะ"
สุชาดาทำท่าคิด
"ฉันขี้โมโห ตื่นสายบางวัน ไม่ชอบให้ใครมาบ่น เพราะฉันไม่ใช่คนขี้บ่น"
"แล้วผมขี่บ่นหรือเปล่า"
สุชาดายิ้มพยักหน้า
"ขี้บ่นมา"
"ผมว่าผมพูดมาก...แต่ไม่ได้ขี้บ่น"
"หรืออาจจะทั้งสองอย่าง...ถามหน่อยซิ...คุณเกลียดคนแบบไหนมากที่สุด"
"ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ"
"ไม่เหมือนกันเหรอ"
"ไม่เหมือนกันหรอก...ถ้าผู้ชาย ผมเกลียดผู้ชายที่ไม่มีจุดยืนของตัวเอง...ปากก็บอกว่าสมถะ แต่ก็หลงใหลไปกับอำนาจเงินทอง ผมเสียศรัทธากับคนแบบนี้"
"แล้วถ้าผู้หญิงล่ะ"
"ผมเกลียดผู้หญิงที่ไม่รู้จักประมาณตน...อยากได้อยากมีตามคนอื่น...ใครอยู่ด้วยก็หาความสุขไม่ได้...หรืออาจจะนิสัยเสียตามกันไปเลยก็ได้...ผมสมเพชคนอย่างนี้ แล้วคุณล่ะสุ คุณเกลียดคนแบบไหน"
สุชาดามองไปข้างหน้า
"สิ่งที่ฉันเกลียด..มันไม่ซับซ้อนอย่างของคุณ...ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าโกหกแล้วไม่ต้องมาพูดกับฉันต่อไปอีก เพราะฉันถือว่าไม่ให้เกียรติกัน แล้วก็ขี้ขลาดมากด้วย"
อานนท์ทำหน้าเจ้าเล่ห์
"แต่...ถ้าจำเป็นต้องโกหกเพราะไม่อยากให้เสียใจล่ะ"
"เลยต้องโกหก"
"ยังงั้นละมั้ง"
"ก็รู้ๆ ว่าไม่ชอบจะโกหกทำไม...ฉันขอบอกคุณไว้เลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าโกหกฉัน"
"จริงๆ มันยากเหมือนกันนะ...การโกหกของผมไม่ได้แปลว่าผมพูดไม่จริง หรือ เอาตัวรอด หรือใส่ร้ายใครให้เสียหาย แต่บางทีผมโกหกเพราะผมสงสาร...แต่...ผมสัญญา..ผมสัญญาว่าจะไม่โกหกคุณ"
สุชาดายิ้มพอใจ อานนท์ยกมือเธอขึ้นมาจูบ มองหน้าอย่างรักมาก
นิศานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องเจ้าคุณสุทธา เจ้าคุณสุทธานั่งฟังเพลงด้วยสีหน้าใช้ความคิด
"คุณพ่อคะ...คุณจิตรจะไปเรียนที่เมืองนอกจริงๆ เหรอคะ"
"จริงจ้ะ...พอตุ๊จบมอแปด พ่อก็จะให้ตุ๊ไปเหมือนกัน"
นิศาเดินมานั่งใกล้ๆ พ่อ
"พี่สุบอกกับตุ๊เหมือนกันค่ะ...ตุ๊คิดดูแล้วก็กลัวๆ"
"กว่าตุ๊จะไป...ไพจิตรก็คงเก่งได้เรื่องพอที่จะดูแลตุ๊ได้"
"ตุ๊ว่าคุณจิตรก็คงจะกลัวๆ เหมือนกัน"
"ไพจิตรก็จะมีโส คอยดูแลให้จนกว่าไพจิตรจะอยู่เองได้ จำไว้นะลูก ชีวิตคนเราคือการผจญภัย..ขอให้เราเตรียมพร้อม ไม่ประมาท..เราก็จะค่อยๆ แก้ปัญหาไปได้... ตุ๊เป็นคนไม่เหลวไหล ตั้งใจเรียน...พ่อแน่ใจว่าตุ๊จะไปเรียนที่เมืองนอกได้อย่างดี..พ่อก็จะไปส่งตุ๊เอง"
นิศายิ้มภูมิใจ ตระกลเปิดประตูเข้ามาหน้าตาแจ่มใส
"ยังไม่นอนกันอีกหรือครับ...อ้อ ตุ๊ก็อยู่ด้วย"
"เป็นไงล่ะตระกล หน้าบานมาเชียวนะ"
ตระกลยิ้มมีความสุข
"ผมเพิ่งรู้ครับคุณพี่ว่าเวลาเราสุขใจเพราะสมหวังมันเป็นอย่างนี้เอง"
"มันอิ่มเอิบใจเหมือนตัวจะลอย...อะไร ๆ ก็ดีไปหมด"
ตระกลหัวเราะมีความสุข
"จริงๆ ด้วยครับ...ผมว่าตอนนี้ต่อให้มีคนมาต่อยหน้าผม ผมก็คงไม่โกรธ"
"โอ้โห...อาตระกลเป็นเอามากนะคะคุณพ่อ"
นิศามองหน้าเจ้าคุณสุทธา
"ตุ๊อยากให้คุณพ่อมีความสุขเหมือนอาตระกล"
"ตุ๊ไม่โกรธพ่อหรอกหรือที่พ่อไม่ได้รักแม่ของตุ๊แล้ว"
นิศาพูดอย่างครุ่นคิด
"ไม่ค่ะ...ตุ๊อยากให้คุณพ่อมีความสุขสมหวังอย่างที่คุณพ่อต้องการ"
เจ้าคุณสุทธายิ้มอย่างมีความสุขที่นิศาเข้าใจ
"วันศุกร์นี้แล้วตุ๊...วันศุกร์นี้แล้ว"
คุณหญิงเทพทานอาหารกับลูกสาวทั้งสาม
"แม่เจริญนี่ยิ่งแก่ยิ่งเลอะ เป็นเมียภาษาอะไรด่าผัวเป็นหมูเป็นหมาได้ยังไง เค้าอุตส่าห์ชุบเลี้ยงมาจนแก่ แม่ชักจะไม่อยากมองหน้าแล้ว"
พรรณถอนใจ
พิศบอก
"หนูละสังหรณ์ใจว่าแม่เจริญ กับ แม่นิตจะก่อเรื่องขึ้นอีก"
"นั่นน่ะซิ...แม่นิตนี่ตั้งแต่กลับมาไม่เห็นจะคิดทำอะไร วันๆ เอาแต่นอนอ่านหนังสืออ่านเล่น แล้วก็ลงมากินข้าว ไม่เห็นจะขนขวายเรื่องเรียนหนังสือกับเขาบ้างเลย พูดเตือนก็ไม่ฟัง" พรรณว่า
"มันจะไปเรียนกับเขาได้ยังไง...ที่หนีออกจากบ้านนี่ก็เพราะหนีสอบไล่...ไปอยู่บ้านเพื่อนที่ไหนก็ไม่รู้"
เพริศบอก
"หนูไม่เชื่อว่าแม่นิตหนีไปอยู่บ้านเพื่อน...หนีไปอยู่กับไอ้เทอดมากกว่า...ไม่งั้นเจ้าคุณจะไล่ไอ้เทอดออกจากบ้านทำไม"
"อ้าว...นี่เจ้าคุณไล่ไอ้เทอดไปแล้วหรือ"
"ให้ไปอยู่ที่อื่นค่ะ...แต่เจ้าคุณก็ยังส่งเสียให้เรียนต่อให้จบ เพราะอีกสองปีเทอดก็จะจบเป็นหมอแล้ว" พรรณว่า
"พูดก็พูดเถอะนะ...อย่างแม่นิตน่ะได้ผัวอย่างไอ้เทอดก็บุญแล้ว อย่างพ่ออานนท์น่ะ...อย่าไปหวังเขาเลย" เพริศบอก
"เค้าจะสู่ขอกันอยู่แล้วยังจะไปพูดถึงเขาทำไม" พิศว่า
เพริศค้อน
"ฉันแค่เปรียบเทียบเฉยๆ...ย่ะ"
คุณหญิงเทพสีหน้าครุ่นคิด
"เค้าจะสู่ขอกันวันไหนนะ"
"มะรืนค่ะคุณแม่...หลานสาวอีกคนของคุณแม่จะมีคนมาสู่ขอแล้วนะคะ"
คุณหญิงเทพยิ้มพอใจ....
เช้าวันใหม่ อานนท์ยืนมองสุชาดาจัดห้องรับแขกที่จะใช้สำหรับพิธีสู่ขอในวันพรุ่งนี้ สุชาดาเอาแจกันกุหลาบหลายใบใหญ่มาวางไว้ที่มุมห้อง
"สวยมากที่สุด"
สุชาดาหันมายิ้ม
"สนมเพิ่งตัดมาเมื่อกี้นี้เองค่ะ...พรุ่งนี้ก็จะบานสวยพอดี"
อานนท์ยิ้ม
"ผมไม่ได้หมายถึงดอกไม้...ผมหมายถึงคุณต่างหาก"
"จะเชื่อดีไหมนะ"
อานนท์เดินมาจับมือสุชาดา
"ผมอยากให้พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเรา...ผมจะได้ไม่ต้องขับเรือไปๆ มาๆ อีก"
สุชาดาทำเป็นงอน
"เริ่มเบื่อแล้วเหรอคะ...ที่ต้องขับเรือไปๆ มาๆ"
อานนท์หัวเราะ
"ไม่ใช่อย่างนั้น ขอพูดใหม่นะ ผมจะได้อยู่กับคุณทุกๆ วัน คุณรู้ไหม...แค่ผมเดินกลับไปขับเรือกลับบ้าน ผมก็คิดถึงคุณจะแย่แล้ว"
สุชาดายิ้มๆ แต่ก็มีสีหน้ากังวล อานนท์มองแล้วก็ขมวดคิ้ว
"มีอะไรจ้ะ"
"เปล่าค่ะ"
อานนท์จูงสุชาดาไปนั่งจับมือไว้ทั้งสองมือ
"บอกผมเถอะ...คุณยังกังวลอะไร"
อานนท์มองคาดคั้น สุชาดายิ้มหวาน
"คุณก็รู้ว่าฉันเป็นคนขี้กังวล...แต่...ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกค่ะ ฉันคงจะตื่นเต้นพรุ่งนี้น่ะ"
อานนท์ลุกขึ้นยืน ดึงสุชาดาขึ้นมากอดไว้ สีหน้าค่อยๆ รู้สึกมั่นคง
"อย่ากังวลอะไรทั้งนั้น...ผมรักคุณ...รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน"
อานนท์เชยคางสุชาดา
"เชื่อผมนะ"
"ค่ะ"
ในการเตรียมสถานที่สำหรับการหมั้นหมาย สนมกับมีทำความสะอาดพื้นที่ด้านล่างตัวบ้าน, จูเหลียงเตรียมกับข้าวและการประกอบอาหารในครัว มีนายตวันยืนดู, สุชาดาจัดแจกันดอกไม้ โดยมีอานนท์ช่วยอยู่ข้างๆ ส่วนโสภณคุมคนงานย้ายเครื่องเรือน
จนพระอาทิตย์ตกดิน
อีกมุมหนึ่งของบ้านตวัน โสภณนั่งดื่มไวน์กับตวัน เครื่องเล่นแผ่นเสียงเล่นเพลงเพราะๆ สุชาดาเดินเข้ามา
"อานนท์กลับไปแล้วเหรอลูก"
"ค่ะ...กว่าจะไล่กลับไปได้แทบแย่"
"อีกสองเดือนก็ไม่ต้องไล่แล้ว" โสภณบอก
สุชาดาถอนใจเบาๆ ลงนั่งใกล้แม่ ตวันยิ้มมองลูกสาว
"กลัวอะไรลูก"
สุชาดาหันไปมองตวัน
"ทำไมแม่รู้ล่ะคะ"
ตวันหัวเราะเบาๆ
"ใครจะรู้จักลูกของแม่ดีเท่าแม่ล่ะจ้ะ"
"พรุ่งนี้เค้าจะมาขอแล้วยังจะกลัวอะไรอีกล่ะ"
"สุ...อดคิดถึงเรื่องคุณนนท์ กับ ลีน่าไม่ได้...แล้วยังจะคุณวนิดาอีก"
"เรื่องในอดีต...อย่าไปเอามันมาคิดเลยลูก"
"สุก็บอกตัวเองอย่างนั้นค่ะแม่...แต่มันอดคิดไม่ได้ ต่อไป ถ้าวันนึงคุณนนท์เค้าเบื่อสุ หรือเราเกิดอยู่ด้วยกันไม่ได้...ต้องเลิกรากัน...สุจะทำยังไงล่ะคะ"
"อ้าว...อย่างงี้พรุ่งนี้เค้ามาขอก็ตอบไม่ตกลงเหรอ" โสภณพลางหัวเราะ
"ชีวิตคู่น่ะ...ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ...คนที่มีหน้าที่หนักที่สุด...ก็คือคนที่เป็นเมีย...แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะยากไปซะทั้งหมด...ถ้าสามีของเราเค้ารักเรา...ช่วยกันสองคนประคองกันไป ชีวิตคู่ก็จะมีความสุข"
"แล้วถ้าคุณนนท์เค้าไปสนใจผู้หญิงคนอื่นอีกล่ะคะแม่.. ถ้าเค้าไม่ค่อยกลับบ้าน..ปล่อยให้สุเป็นฝ่ายเฝ้าบ้านอยู่คนเดียว"
"สุก็ต้องอดทน ต้องใจเย็น ต้องหนักแน่น ผู้หญิงคนไหนที่จะมาแย่งสามีของเราไป...เราต้องสู้...ต้องสู้อย่างฉลาดไม่ใช่แบบโง่ๆ อย่างแม่...ถ้าแม่ฉลาด แล้วก็ใจเย็น แม่กับคุณพ่อคงไม่ต้องแยกจากกันเหมือนอย่างนี้"
"พรุ่งนี้แม่ก็จะได้พบกับพ่อแล้วนะครับ"
ตวันนิ่งไป สองพี่น้องมองหน้ากันยิ้มๆ
"แม่ดีใจไหมคะ"
ตวันยิ้ม
"แน่นอนจ้ะ...แม่ตื่นเต้นแน่ๆ"
"อยากรู้จริงๆ ว่าระหว่างแม่ กับ สุ ใครจะตื่นเต้นมากกว่ากัน"
สุชาดาแอบยิ้มกับโสภณแล้วเอามือแอบชี้ตวัน
บรรยากาศตอนเช้า
เจ้าคุณพลรามนั่งหน้างออยู่หน้าบ้าน ใส่เสื้อม่อฮ่อมผูกผ้าขาวม้า รจนาแต่งตัวธรรมดามากๆ คุณหญิงแนบเดินออกมาใส่ผ้าถุงราคาถูก กับเสื้อธรรมดาๆ มีสไบเล็กๆ ห่ม เจ้าคุณพลรามมองคุณหญิงแนบอย่างงอน
"แม่แนบ...แน่ใจเหรอว่าเราควรจะแต่งตัวแบบนี้ นี่เราจะไปขอลูกสาวเค้าให้ตาใหญ่นะ...ไม่ได้ไปดำนา"
แนบค้อน
"อย่าเถียงซิ"
"จะไม่เถียงได้ไง...ผู้หญิงน่ะเค้าเป็นลูกสาวเจ้าคุณสุทธา ไม่ได้เป็นสาวบ้านนอกอย่างที่เราเข้าใจตะแรกน่ะ ฉันไม่อยากเป็นตัวตลกหรอกน่ะ"
แนบหงุดหงิด
"จะตลกอะไรล่ะ..ถึงเค้าจะเป็นลูกสาวเจ้าคุณพลราม แต่แม่เค้าก็เป็นชาวสวนน่ะ...เค้าอยู่แต่ในสวนมาเป็นสิบๆ ปี คิดดูให้ดีสิ...เค้าก็คงแต่งอย่างนี้แหล่ะ...จะได้เหมือนๆ กัน เราแต่งตัวสวยๆ ไปเค้าจะอายเราน่ะซิ"
เจ้าคุณพลรามหันไปถอนใจ..... รถอานนท์แล่นเข้ามาจอดในบ้าน อานนท์กับนงลักษณ์แต่งตัวอย่างสวยงามเดินเข้ามา ทั้งสองแปลกใจที่เห็นเจ้าคุณพลรามกับคุณหญิงแนบแต่งตั;ธรรมดามากๆ
"ทำไมคุณพ่อคุณแม่ยังไม่แต่งตัวกันละครับ"
เจ้าคุณพลรามหันไปมองหน้าคุณหญิงแนบแบบจะเอาเรื่อง คุณหญิงแนบทำไม่รู้ไม่ชี้ นงลักษณ์มองหน้ากับอานนท์แบบงงๆ
อ่านต่อตอนที่ 17