xs
xsm
sm
md
lg

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 2

ตอนกลางวัน กุ่ยนอนเปล หลับในท่าก่ายหน้าผากอยู่ที่หลังโรงงิ้ว
 
ทันใดนั้น หมวยก็สาดน้ำถังใหญ่โครมลงไปที่กุ่ย กุ่ยสะดุ้ง ตาหูแหก โวยวายแหกปากลั่นไม่เป็นภาษามนุษย์ ดิ้นตกจากเปล ก้นจ้ำเบ้ากับพื้น หน้าเหยเก พลางเอ็ดตะโร)
"เล่นอะไรของลื้อเนี่ย อาหมวย เปียกหมด เห็นมั้ยเนี่ย"
"คนอื่นเขาซ้อมกันเหนื่อยแทบตาย ตัวเองหนีมานอนสบายตรงนี้ ใช้ได้เหรอ ลุกไปซ้อมเดี๋ยวนี้"
"ต่อให้ซ้อมอีกพันรอบ อั๊วก็ทำไม่ได้อยู่ดี ขนาดเฮียฉางยังฝึกตั้งหลายปีกว่าจะรำได้อย่างที่เห็น แล้วอั๊วะล่ะ กว่าจะเป็น คงชาติหน้าตอนบ่ายๆ"
"คนเราจะแพ้หรือชนะมันที่อยู่ความคิด ถ้าเฮียกุ่ยมัวแต่คิดว่าทำไม่ได้ ก็ไม่มีวันที่จะทำได้สำเร็จ" หงส์บอก พลางหยิบทวนยัดใส่มือกุ่ย มองกุ่ยแววตากร้าว
"เลิกดูถูกตัวเองเสียที แล้วกลับไปซ้อมได้แล้ว"
กุ่ยนิ่งไปชั่วขณะ ใจอ่อนลงเมื่อจ้องตาหงส์ เหมือนจะยอมทำตาม ก่อนตัดสินใจเด็ดขาด
"อั๊วตัดสินใจแล้ว... อั๊วจะไปบอกเถ้าแก่สุงให้หาคนอื่นมาเป็นพระเอกแทนอั๊ว"
"ง่ายดีนี่ โลกนี้ไม่มีอะไรง่ายเท่ากับการยอมแพ้อีกแล้ว"
"คนขี้แพ้อย่างอั๊วก็ทำได้แค่นี้แหละเจ้"
หมวยเข้ามาขวางกุ่ยไม่ยอมให้ไป , กุ่ยจะขยับไปทางไหน หมวยก็ขยับตาม
"หลีกไป"
"ไม่ ! หมวยไม่ยอมให้เฮียยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้เด็ดขาด"
"โธ่เว๊ย ! บอกแล้วไงว่าอั๊วไม่อยากเป็น… ไม่อยากเป็น... บังคับอยู่ได้ หลบไป !"
ขณะที่กุ่ยกับหมวยทะเลาะกันล้งเล้ง สุงเข้ามาได้ยินเข้าพอดี
"อากุ่ย"
กุ่ยหันมาเห็นสุงสีหน้าถมึงทึงก็ใจหายวาบ
"ตามอั๊วมา"
กุ่ยสีหน้าเลิ่กลั่ก...งานเข้าแล้วกู !!

กุ่ยนั่งจ๋องอยู่ต่อหน้าสุงเพียงลำพังในห้อง บรรยากาศกดดันน่าอึดอัด
"ลื้ออยู่คณะเฟิ่งหวงมานานแค่ไหนแล้ว อากุ่ย"
"ตั้งแต่อั๊วจำความได้ เถ้าแก่"
"ยี่สิบเจ็ดปีแล้วสินะ... ยี่สิบเจ็ดปีที่อั๊วไม่เคยเห็นหน้าแม่ของลื้ออีกเลย"
สุงรินน้ำชาจากกาลงในถ้วย

ในอดีต ยามค่ำคืน สุงรินน้ำชาจากกาลงในถ้วยให้ กำลังยกขึ้นดื่ม เสียงลมพายุพัดหน้าต่างตีปึงปัง สุงลุกขึ้นจะไปปิดหน้าต่าง พลันได้ยินเสียงทารกร้องอุแว้ๆดังมาจากหน้าโรงงิ้ว
สุงแปลกใจเด็กที่ไหนร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด แข่งกับเสียงลมพายุ

สุงกางร่มผลักประตูโรงงิ้วออกมา ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาแล้ว เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวบอกยี่ห้อว่าเป็นผู้หญิงหากิน มีผ้าผืนหนึ่งพันปิดบังอำพรางหน้าตัวเอง กำลังเอาเด็กทารกมาทิ้งที่หน้าโรงงิ้ว ท่าทางอาลัยอาวรณ์ลูกอยู่ไม่น้อย
นางชื่อ ซื่อเหนียง เมื่อเห็นสุงออกมา ก็รีบขยับตัวจะหนี
"เดี๋ยว"
ซื่อเหนียงหยุดชะงัก ยืนหันหลังให้ เนื้อตัวเปียกโชก แต่ไม่ยอมหันกลับมาคุยกับสุงตรงๆ
"ลื้อคิดดีแล้วเหรอ"
ซื่อเหนียงค่อยๆหันมาช้าๆ ในใจว้าวุ่นสับสนไปหมด สุงเห็นหน้าซื่อเหนียงชัดๆ หน้าตาจัดว่าสวยทีเดียว
"ถ้าลูกอยู่กับฉัน โตไปคงไม่พ้นเป็นแมงดาคุมซ่อง... ฉันฝากลูกด้วยนะ เถ้าแก่"
ซื่อเหนียงพูดจบก็ตัดใจวิ่งฝ่าสายฝนหายไป
เถ้าแก่สุงเก็บทารกน้อยคนนั้นขึ้นมาอุ้ม มองอย่างเวทนา

กุ่ยฟังอดีตของตนแล้วน้ำตาคลอ สุงเลื่อนถ้วยน้ำชาที่เทเมื่อครู่ส่งให้กุ่ย
"ลื้อโตในโรงงิ้วมาด้วยกันกับอาฉาง อาหงส์ อั๊วเห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ถึงไม่ใช่ลูก ก็เหมือนลูก...ถ้าอาฉางยังอยู่ อั๊วคงไม่ขอให้ลื้อต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจตัวเองมากถึงขนาดนี้ หรอก อากุ่ย... แต่อั๊วมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ นอกจากลื้อ"
"เถ้าแก่... อั๊วทำไม่ได้หรอก มันยากเกินไป อั๊วกลัว กลัวจะต้องเสียใจจนวันตาย ถ้าคณะงิ้วของเราต้องสิ้นชื่อด้วยฝีมือของอั๊ว"
"ลื้อเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่ขาดความพยายาม ถ้าลื้อถอดใจคิดว่าทำไม่ได้ อุปสรรคแค่เศษหินเล็กๆในรองเท้า ลื้อก็จะมองเห็นเป็นภูเขา แต่ถ้าหากลื้อมีกำลังใจฮึดสู้ ต่อให้พายุร้ายก็เสมือนสายลมอันแผ่วเบา...อั๊วขอเถอะนะ อากุ่ยถือว่าทำเพื่ออั๊วสักครั้งจะได้มั้ย"
"แล้วถ้าอั๊วทำไม่สำเร็จล่ะ เถ้าแก่"
"ถ้าทำเต็มที่แล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็สุดแท้แต่บุญแต่กรรมเถอะ"
กุ่ยเห็นเถ้าแก่สุงแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้

เดินมายังลานฝึกงิ้ว เห็นทุกคนกำลังฝึกอยู่อย่างแข็งขัน ก็ยิ่งละอายแก่ใจตัวเอง
แปะจางเป็นห่วง
"ลื้อหายไปไหนมาห๊า อากุ่ย ทุกคนเป็นห่วง รู้มั้ย... หรือว่าลื้อไม่สบาย"
กุ่ยคุกเข่าลงตรงหน้าแปะจาง สำนึกผิด
"อาแปะ... อั๊วผิดไปแล้ว อั๊วขอโทษ คราวหน้าอั๊วจะไม่เหลวไหลอีก"
"ลุกขึ้นๆ... ทำผิดแล้วสำนึกผิดเป็นสิ่งที่ดี ไม่มีใครว่าอะไรลื้อหรอก... ลื้อมาก็ดีแล้ว
รีบมาซ้อมเร็วเข้า คนอื่นเขารอลื้ออยู่"
กุ่ยพยักหน้า ตั้งใจจะฝึกซ้อมให้หนักขึ้นกว่าเดิม
หมวยส่งยิ้มให้กุ่ย แต่กุ่ยกลับมองผ่านหมวยไปยังหงส์ หมวยเก้อเล็กๆ กุ่ยมองหงส์ ยิ้มบางๆให้

หงส์ยิ้มตอบ แต่ยังไม่วายวิตก

หงส์เอาสมุดสเกตช์วิธีฝึกท่าร่ายรำงิ้วออกมาเปิดดู
 
เรียนงิ้วแบบครูพักลักจำ หงส์ เห็นทวนไม้ไผ่วางอยู่ มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นใคร จึงหยิบทวนไม้ไผ่ขึ้นมา หงส์ควงทวนร่ายรำตามท่าที่จดมา ทำได้ดุดันไม่แพ้ฉาง แต่อ่อนช้อยงดงามกว่า หงส์ปีนผ้า แล้วโหนขึ้นไปวาดลวดลายได้สักพัก แต่พลาด !!
ร่างหงส์ร่วง ผล็อยตกลงมาทันที ทันใดนั้น หลงก็รีบเข้ามารับร่างหงส์เอาไว้ได้ทัน ทั้งสองสบตากัน

หงส์กับหลงคุยกันที่ลานฝึกงิ้ว
"ทำไมคุณหนูถึงได้อยากเล่นงิ้วเป็นพระเอกบู๊ล่ะครับ"
"ฉันอยากเก่งเหมือนเฮียฉาง พี่ชายฉันเป็นพระเอกงิ้วที่เก่งที่สุดในเยาวราช โรงงิ้วเฟิ่งหวงมีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขวัญ ก็เพราะลีลาพะบู๊ของเฮียฉางแตกต่างจากงิ้วคณะอื่น เฮียฉางคือภาคภูมิใจของอาป๊า"
"คุณหนูก็เลยอยากทำให้เถ้าแก่สุงภูมิใจบ้าง"
"ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก แค่อาป๊าไม่เกลียดฉัน ฉันก็ดีใจแล้ว"
"ไม่มีพ่อคนไหนเกลียดลูกตัวเองได้ลงคอหรอกครับ"
"แล้วถ้าลูกที่เกิดมาเป็นตัวซวย ทำให้แม่และพี่ชายต้องตายอย่างฉันล่ะ พ่อที่ไหนจะรักได้ลง"
หลงมองหงส์อึ้ง เห็นใจขึ้นมาทันที
"เอ้อ...แล้วนายมาที่นี่ทำไมเหรอ"
หลงไม่กล้าสบตาหงส์ ความจริงคือจะมาดักฆ่าสุง
"เผอิญผมผ่านมาแถวนี้น่ะครับ"
หงส์ฟังแล้วรู้สึกทะแม่งๆ

เวลากลางคืน หงส์เล่าเรื่องหลงที่คาใจให้หมวยฟัง
"หมวยว่า...อาหลงต้องชอบเจ้แน่ๆเลย ถึงได้มาด้อมๆมองๆอยู่แถวนี้"
"บ้าสิ ! เป็นสาวเป็นนางอย่าพูดจาซี้ซั่วน่า"
"ก็มันจริงนี่นา...ไม่งั้นอาหลงจะมาที่นี่ทำไมบ่อยๆ"
"เค้าอาจจะแค่บังเอิญผ่านมาจริงๆก็ได้"
"เหรอ.... บังเอิญหรือว่าจงใจมาหาเจ้กันแน่"
"พอๆๆ.... พูดอะไรเพ้อเจ้อ เจ้ไม่คุยด้วยแล้ว"
"เอ้า ! แล้วเจ้จะหน้าแดงทำไมเนี่ย"
หงส์อายจนหน้าแดง รีบลุกหนีไป หมวยตามไปล้อตามประสาพี่น้อง น่ารักๆ

คืนนั้น หงส์นั่งสเกตช์ท่ารำงิ้ว แต่ภาพของหลงเข้ามารบกวนในหัว พร้อมคำพูดสนับสนุนของหมวยที่ว่า “อาหลงต้องชอบเจ้แน่ๆเลย” แทรกเข้ามา
หงส์ก้มลงมองสมุดสเกตช์ตกใจ สเกตช์ภาพหน้าอาหลงโดยไม่รู้ตัว
"บ้าจริง"
หงส์รีบฉีกกระดาษหน้านั้นและขยำทิ้ง พยายามไล่หลงออกไปจากความคิดตัวเอง

หลงนั่งบนดาดฟ้า เป่าใบไม้เป็นเพลง ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต เป่าใบไม้เป็นเพลงให้อาเหมยที่นอนตักอยู่ฟัง
อาเหมยนั่งซักผ้าอยู่ หลงโผล่เข้ามาสวมกอดด้านหลัง อาเหมยสะดุ้งเล็กน้อย เอาฟองจากผงซักฟอกป้ายจมูกหลง ทั้งสองหัวเราะกันคิกคัก
เหตุการณ์ตอนถล่มรถประจำทาง หลงกอดศพอาเหมยร้องไห้ปานจะขาดใจ
หลงหยุดเป่าใบไม้กะทันหัน
"อั๊วะสาบานว่าจะเอาเลือดไอ้คนถ่อยมาเซ่นดวงวิญญาณลื้อให้ได้ อาเหมย"
หลงชักปืนออกมา แววตากร้าว ไฟแค้นในใจคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง

ไช้ก้าวเท้าฉับๆมายังมุมลับตาหลังบ้านกัดฟันกรอดเป็นสันนูน อาซันยืนรออยู่ก่อนแล้ว
"มันกล้าดียังไงเข้ามาเปิดบ่อนในถิ่นอั๊ว"
"คนของเราจำนวนไม่น้อยหันไปเข้ากับแก๊งค้างคาว เพราะติดหนี้พนันบ่อนเสี่ยเกาครับเถ้าแก่"
"ลื้อจัดการได้มั้ย"
"แต่เถ้าแก่สุง"
"เดี๋ยวอั๊วคุยกับพี่ใหญ่เอง ลื้อมีปัญหาหรือเปล่า"
ซันส่ายหน้าไม่มีปัญหา ไช้บุ้ยหน้าให้รีบไปจัดการซะ ซันโค้งรับ ไช้กำมือแน่น โกรธควันออกหู
"เป็นไงเป็นกันสิวะ ไอ้เกา ! ไอ้ชิงหมาเกิด"
หลงแอบได้ยินโดยตลอด แววตาไม่สบายใจพอเดาออกว่าไช้ให้อาซันไปทำอะไร

โต๊ะพนันคลาคล่ำด้วยนักพนันที่กำลังเสี่ยงดวงอย่างหน้าดำคร่ำเคร่ง ซันพร้อมกับลูกน้องเข้ามาในบ่อน แต่นักเลงคุมบ่อนเห็นไม่คุ้นหน้า เลยเข้ามาสกัดไว้ก่อน
"เพิ่งมาครั้งแรกเหรอเฮีย"
"ใช่ ได้ข่าวว่าที่นี่รับแทงไม่อั้น... อั๊วเลยมาพนันกับลื้อโดยเฉพาะ" ซันบอก
"พนันอะไร"
"พนันชีวิต"
ซันชักปืนออกจากซอกเอวยิงไปยังนักเลงคุมบ่อนเป็นคนแรก ตามด้วยลูกน้องเกาคนอื่นๆ
นักพนันในบ่อนหนีตายโกลาหล เพียงไม่กี่นาทีทั่วทั้งบ่อนก็เต็มไปด้วยคราบเลือด คนของเกาตายเรียบ ซันกับลูกน้องเดินออกจากบ่อนมาอย่างเท่ห์ ขึ้นรถเคลื่อนออกไป

เสี่ยเกาเข้ามาในบ่อน เห็นสภาพระเนระนาดยับเยิน เต็มไปด้วยคราบเลือด ก็ข่มอารมณ์โกรธ
"คนของเราเป็นยังไงมั่ง"
ซาส่ายหน้า... ไม่รอดเลยสักคน
"คนที่ตาย...จ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวเขาด้วย"
ทันใดนั้น สายตาเกา ก็เหลือบเห็นตัวอักษรจีนเขียนด้วยเลือดสดๆขนาดใหญ่อยู่ที่ผนังด้านในสุดของบ่อน
ตัวอักษรจีนนั้น คำว่า 走狗 อ่านว่า โจ๋วโก่ว (Super คำแปล - “สุนัขรับใช้”)
เกากัดฟันกรอด เงียบจนน่ากลัว
"เสี่ยจะให้อั๊วจัดการกับพวกมันยังไง"
"ยัง ! เรื่องระหว่างอั๊วกับไอ้แก่ไช้มันไม่จบง่ายๆแน่"

เกาแม้ภายนอกจะดูเหมือนคนใจเย็น วางเฉย ทว่าแววตากลับอาฆาตแรง

โรงงิ้วเฟิ่งหวง กลางดึกสงัด สุงไม่พอใจไช้ที่กล้าทำอุกอาจนอกเหนือคำสั่ง
 
"สิ่งที่ลื้อทำลงไปมันผิดพลาดใหญ่หลวง"
"ตรงไหน ? ตรงที่อั๊วะชิงลงมือตัดไฟเสียแต่ต้นลมน่ะเหรอที่พี่ใหญ่ตัดสินว่าอั๊วผิด กล้าเปิดบ่อนในถิ่นอั๊ว ทำอย่างนี้มันหยามศักดิ์ศรีกันเกินไป ต้องสั่งสอนให้ไอ้พวกปากสิ้นกลิ่นน้ำนมมันรู้สำนึกซะบ้าง"
"แค่สั่งสอน ลื้อถึงกับส่งเด็กไปยิงคนของเสี่ยเกาถึงในบ่อน"
ไช้ขึ้นเสียง
"นึกว่าอะไร กะอีแค่หมาข้างถนนตายไม่กี่ตัว พี่ใหญ่ต้องถึงกับเรียกอั๊วมาพบกลางดึกอย่างนี้เลยเหรอ"
"คำสั่งอั๊วไม่มีความหมายแล้วใช่ไหม อาไช้"
ไช้นิ่ง เบือนสายตามองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาสุง รู้ดีว่าการกระทำครั้งนี้ขัดคำสั่งสุง
"อั๊วว่าอย่าใช้อารมณ์เลย ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่า ถึงยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน" เต็กบอก
ไช้แค่นหัวเราะ
"พี่น้อง ! จนป่านนี้ลื้อยังกล้าพูดคำๆนี้อีกเหรอ ถ้าพี่ใหญ่ยังคิดถึงพี่ถึงน้อง คิดถึงวันที่เราสามคนสาบานร่วมกันในคุกเมื่อสามสิบปีก่อน คงไม่นั่งเฉยปล่อยให้มันหยามน้ำหน้าอั๊วจนถึงวันนี้หรอก"
"เสี่ยเกาเป็นคนสนิท “ท่าน” จะหุนหันพลันแล่นไม่ได้ ลื้อเคยคิดมั่งไหมว่าทำแบบนี้ แล้วพี่น้องแก๊งสามวิหคของเราจะเป็นยังไงบ้างจากความวู่วามของลื้อ"
"เลิกอ้างพี่น้องเสียที อั๊วว่าพี่ใหญ่คิดถึงเก้าอี้ตัวเองมากกว่า"
ไช้พูดจบก็ลุกพรวดออกจากห้องไป สวนกับหงส์ที่ยกป้านน้ำชาเข้ามาให้ มองอย่างงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
สุงเอ็ดตะโร
"อาไช้ !"
สุงโกรธจัดจนแน่นหน้าอก หน้ามืด หายใจไม่ออก ทรุดลงนั่งกับเก้าอี้
เต็ก / หงส์เรียก
"พี่ใหญ่ !! / อาป๊า"
หงส์เข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วง สุงปัดมือลูกสาวออก ไม่อยากให้มายุ่ง ค่อยๆสูดหายใจลึกๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีอาการแบบนี้
หงส์มองสุงอย่างเป็นห่วง ระคนน้อยใจที่สุงแสดงท่าทีรังเกียจตนอย่างเห็นได้ชัด
เต็กมองสุงยิ้มกริ่มในใจ ใกล้เวลาที่จะได้ขึ้นเป็นประมุขแก๊งหงส์ดำทุกที

หงส์ห่มผ้าให้สุงที่นอนอยู่บนเตียง
หมวยบอก
"เถ้าแก่เป็นยังไงบ้างเจ้"
"กินยาหลับไปแล้ว อาป๊าเครียดเกินไป อาการก็เลยกำเริบ"
"ก็น่าเครียดอยู่หรอก ไหนจะเรื่องโรงงิ้ว ไหนจะเรื่องที่สมาคม วุ่นวายไปหมด"
"เป็นเจ้าพ่อมันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง ดีนะที่เจ้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับงานที่สมาคม ไม่งั้นคงปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน" หงส์ว่า
"ลูกผู้หญิงอย่างเราทำแค่งานในบ้านก็พอแล้ว เรื่องอื่นนอกบ้านปล่อยให้พวกผู้ชายเค้าจัดการไปก็ละกัน... เนอะ"
หมวยกับหงส์ชวนกันออกไป ปล่อยให้สุงพักผ่อน
พอหงส์กับหมวยออกไปจากห้องแล้ว สุงก็ลืมตาขึ้น มองไปยังกรอบรูปภาพเก่าๆที่ข้างฝา รูปสุง ไช้ และเต็ก ถ่ายด้วยกันวันดื่มน้ำสาบานที่ศาลเจ้า สุงจ้องภาพนั้นนิ่งนาน หวนคิดถึงความหลังในอดีต

สุงนั่งชันเข่าอยู่ในคุก เพราะเหตุช่วยพี่น้อง เสียงเอะอะโวยวายเหมือนคนเมาเหล้าทะเลาะกันของเต็กกับไช้ดังขึ้นมาก่อน
"เข้าไป" จำรวจบอก
ตำรวจเปิดประตูคุกแล้วผลักเต็กกับไช้ที่เมาอ้อแอ้เข้าไปข้างใน สุงตกใจเมื่อเห็นหน้าขี้เมาทั้งสองเต็มๆตา
"อาไช้ อาเต็ก"
ไช้กับเต็กเมื่อเห็นตำรวจไม่อยู่แล้ว ก็สร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง
"เฮียสุง"
"พวกลื้อสองคนเข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง"
ไช้บอก
"อั๊วะกับอาเต็กแกล้งเมาอาละวาดที่ตลาดเก่า ตำรวจก็เลยลากคอมานี่"
สุงเห็นใบหน้าบวมช้ำของเต็กกับไช้ ก็ได้แต่ถอนใจ ส่ายหน้า พูดอะไรไม่ออก
"เฮียตงให้อั๊วสองคนมาส่งข่าวว่ากำลังวิ่งเต้นหาทางช่วยเฮียสุงอยู่"
"ถึงลื้อไม่บอก อั๊วก็รู้... เราห้าพี่น้องต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่มีวันทอดทิ้งกัน"
"เฮียสุงยอมเสียสละติดคุกแทนพี่น้อง อั๊วสองคนซาบซึ้งน้ำใจเฮียสุงนัก ได้โปรดรับอั๊วกับอาเต็กเป็นน้องร่วมสาบานด้วย"
ไช้ชักมีดสั้นออกมาจะกรีดเลือดสาบาน สุงจับมือไช้ห้ามเอาไว้
"ไม่ต้องหรอก ! ชีวิตนี้อั๊วกรีดเลือดสาบานได้แค่หนเดียวเท่านั้น" สุงบอก
เต็กกับไช้มองหน้ากันเลิ่กลั่ก กลัวว่าจะไม่ได้เป็นพี่น้องกับสุง
สุงหันหน้าไปยังพระจันทร์ที่สาดแสงลอดลูกกรงคุกเข้ามา
"เทพเจ้าทั้งปวงโปรดเป็นพยาน... ข้าพเจ้าขอสาบานว่าจะเป็นพี่น้องกับอาไช้และอาเต็กไปจนวันตาย หากข้าพเจ้าผู้หนึ่งผู้ใดคิดคดทรยศหักหลัง ขอจงมีอันเป็นไป อย่าได้ตายดีภายใน 3 วัน 7 วัน"
สิ้นคำสาบานขอสุง ทั้งสองก็คารวะสุงพร้อมกัน
เต็ก / ไช้เรียก "พี่ใหญ่"

ทั้งสามยิ้มให้กันเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพอันแน่นเหนียว !

หลิวยื่นถุงกระดาษใส่เห็ดหอมให้หงส์
 
"เห็ดหอมอย่างดีจากเมืองจีน... อั๊วฝากให้เฮียสุงด้วยนะ"
"อาป๊ารู้เข้าคงเกรงใจแย่"
"ไม่เป็นไรน่า คนอื่นคนไกลซะที่ไหน พี่น้องกันแท้ๆ"
"ขอบพระคุณค่ะ อาซิ่ม… ค่ำแล้ว หงส์ขอตัวกลับก่อน วันหลังจะแวะมาเยี่ยมใหม่"
หลิวพยักหน้ารับแล้วหันไปสั่งหลง
"อาหลง ลื้อเดินเป็นเพื่อนไปส่งอาหงส์ให้อั๊วที"
"ครับ เถ้าแก่เนี้ย... เชิญคุณหนู"
หลงพินอบพิเทาจนหงส์อดยิ้มไม่ได้ หลิวยืนมองจนกระทั่งหลงลับสายตา แล้วผลุบหายเข้าไปในร้านทันที

หลิวเข้าในห้องพักคนงานของหลง กวาดตามองอย่างจับผิด เปิดตู้เสื้อผ้ารื้อหาหลักฐานที่จะบอกว่า หลงเป็นใครกันแน่ หาจนเหนื่อย แต่ไม่พบอะไรนอกจากเสื้อผ้าและเครื่องใช้จำเป็น
หลิวนั่งลงที่เตียง ทันใดนั้นเท้าของหลิวก็กระทบเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้เตียง เธอก้มลงหยิบกล่องไม้ที่หลงซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมา มองอย่างแปลกใจ... มีอะไรอยู่ข้างใน !?
หลิวเปิดกล่องไม้ออกเห็นรูปเหมย และของใช้ส่วนตัวของเหมยเช่นกำไลหยก, ปิ่นปักผม ไม่พบอะไรที่สื่อว่าหลงเป็นคนร้าย
ทันใดนั้น หลิวเผลอทำกล่องใบนั้นหลุดมือ ร่วงลงพื้น เผยให้เห็นว่ากล่องใบนั้นเป็นกล่อง 2 ชั้น
หลิวก้มลงหยิบกล่องขึ้นมา เปิดชั้นล่างดู ตาเบิกกว้าง มีปืนอยู่ในกล่อง !

หลงเดินมาส่งหงส์ท่าทางพินอบพิเทาเหมือนนายกับบ่าว
"นายเป็นคนแถวนี้เหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อน"
"ผมเคยอยู่ที่นี่พักนึงแต่มันนานมากแล้ว ตั้งแต่ผมเข้ามาหางานทำที่เยาวราช"
"นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าก่อนจะมาอยู่กับอาเจ็กไช้ นายทำงานอะไรมาก่อน"
"ผมขายกระเพาะปลาครับ"
"ดูจากการพูดการจาแล้วไม่น่าใช่... นายไม่ได้เป็นแค่คนขายกระเพาะปลาใช่มั้ย อาหลง... ถ้าคิดจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องไว้ใจกัน นายอย่ามีลับลมคมในกับฉันได้มั้ย"
หงส์จ้องตาหลงรู้สึกใจอ่อนยวบ ชั่งใจครู่หนึ่งก่อนตอบ
"ผมเคยเป็นคนขับรถมาก่อน"
"แค่คนขับรถ ทำไมต้องปิดบังฉันด้วย"
"เพราะคนที่ผมขับรถให้ไม่ใช่คนธรรมดา"
"ใคร"
หลงคิดถึงเรื่องในอดีต ที่เล้งบังคับให้หลงฝังจันทร์ชมพูทั้งเป็น
"เรื่องมันยาว ไว้วันหลังผมจะเล่าให้คุณหนูฟัง"
หลงมาส่งหงส์หน้าโรงงิ้ว เห็นรถเกาจอดอยู่ มีซายืนคุ้มกันกับบอดี้การ์ดอีก 1 คนที่หน้าโรงงิ้ว
"ดูเหมือนเถ้าแก่สุงคงกำลังมีแขกคนสำคัญ"
"เสี่ยเกามาที่นี่ทำไม ? อาหลง ฉันเข้าไปก่อนนะ"
หลงคำนับหงส์ เธอรีบเข้าโรงงิ้วไป หลงขมวดคิ้ว ไม่ไว้วางใจ ระแวงว่าสุงกับเกาจะรวมหัวเป็นพวกเดียวกัน

บริเวณลานฝึกงิ้ว กลางแจ้ง เกาเอาส้อมจิ้มขนมไหว้พระจันทร์บนโต๊ะเข้าปาก สีหน้าบ่งบอกว่า ขนมนี้รสชาติไม่เลว
"ขนมไหว้พระจันทร์ของคณะเฟิ่งหวงกลมกล่อมสมคำร่ำลือจริงๆ... แต่ที่เถ้าแก่สุงให้เกียรติเชิญอั๊วะมาที่นี่ เห็นทีคงไม่ใช่แค่จิบน้ำชานั่งชมพระจันทร์ล่ะมั้ง"
" วันนี้ถือเป็นฤกษ์มงคล เป็นวันแห่งมิตรภาพและความสมัครสมานสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตั้งแต่เมื่อครั้งชาวฮั่นกู้ชาติปลดแอกจากพวกมองโกล... ที่อั๊วเชิญเสี่ยเกามาในวันนี้ก็เพื่อจะเจรจาเรื่องที่แก๊งไก่ฟ้ากับแก๊งค้างคาวหมางใจกัน"
เกาหัวเราะในลำคอ
"เถ้าแก่ไช้ส่งคนไปถล่มบ่อนอั๊ววินาศสันตะโร คนของอั๊วตายเป็นเบือ ยังมีอะไรต้องเจรจากันอีก"
"แต่เท่าที่อั๊วรู้มา บ่อนของเสี่ยเกาเข้ามาตั้งในถิ่นของอาไช้"
"พวกเด็กๆมันทำกัน อั๊วจะไปรู้ได้ยังไง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่เห็นจะต้องถึงเป็นถึงตาย... แค่เถ้าแก่ไช้เอ่ยมาคำเดียว อั๊วจะสั่งให้เด็กย้ายบ่อนออกไปทันที"
"อาไช้เองก็วู่วามไปหน่อย เสี่ยเกาอย่าถือสาเลยนะ ที่มันแล้วก็ให้มันแล้วไป"
เกาชักยั๊วะ ขึ้นเสียง มีอารมณ์, หงส์เข้ามา ได้ยินพอดี
"มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ เถ้าแก่ไม่ใช่อั๊วก็พูดได้นี่ คนของอั๊วถูกรังแกจะให้ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้ยังไง เลิกเข้าข้างเถ้าแก่ไช้เสียที ให้ความเป็นธรรมกับอั๊วมั่งสิ หรือต้องให้เรื่องนี้ถึงหูท่าน เถ้าแก่ถึงจะพอใจ"
"เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน อั๊วว่าอย่าทำให้ท่านไม่สบายใจเลยจะดีกว่า"
สุงข่มอารมณ์โกรธ
"ลื้อจะเอายังไงก็ว่ามา"
"ให้เถ้าแก่ไช้คุกเข่าสำนึกผิดตรงหน้าอั๊ว แล้วอั๊วจะยอมยกโทษให้"
"ลื้อขอมากเกินไปแล้ว... จริงอยู่อาไช้มีส่วนผิด แต่ก็ใช่ว่าลื้อจะถูก เพราะลื้อคอยถือหางให้ท้ายอย่างนี้นี่เอง เด็กของลื้อถึงได้กำเริบเสิบสานกล้าเป็นนักเลงข้ามถิ่น"
"เห็นทีเราจะคุยกันไม่รู้เรื่อง" เกาลุกขึ้น "ในเมื่อเถ้าแก่สุงตั้งแง่หาว่าแก๊งค้างคาวเป็นฝ่ายผิด อั๊วก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ฮึ ! ต่อแต่นี้ไปอั๊วคงไม่ต้องเกรงใจใครอีก" เกาบอกสมุน "กลับ"
เกาหัวเสียออกจากโรงงิ้วไป
สุงทรุดลงนั่งกับเก้าอี้อย่างคนหมดแรง เหนื่อยหน่ายกับวงการนี้เต็มทน

หงส์มองสุง อย่างไม่ค่อยสบายใจนัก เสี่ยเกามาที่นี่ต้องไม่ได้มาดีแน่ !

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

สุงกุมขมับ รู้ดีว่าเรื่องร้ายๆกำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า ขณะที่เต็กเดินพล่านเป็นเสือติดจั่น
 
"ท่าทางเสี่ยเกาคงไม่ยอมจบง่ายๆ ถ้าท่านรู้ว่าเรามีเรื่องบาดหมางกับคนของท่าน" เต็กถอนใจหนักๆ "อั๊วไม่อยากจะคิด"
"อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อั๊วทำใจไว้แล้ว"
"เพราะเฮียไช้คนเดียว เรื่องถึงได้ลุกลามบานปลายขนาดนี้"
หงส์เข้ามาในห้อง เห็นสีหน้าสุงกับเต็กไม่สู้จะดีนัก
" เสี่ยเกามาที่นี่ มีธุระอะไรหรือคะอาป๊า อาเจ็ก"
"ไม่ใช่เรื่องของลื้อ ลื้อไม่จำเป็นต้องรู้"
"หงส์เป็นลูกอาป๊า จะรู้เรื่องในแก๊งสามวิหคบ้างไม่ได้เชียวเหรอ"
"ผู้หญิงอย่างลื้อ รู้ไปก็เท่านั้น"
"เป็นผู้หญิงแล้วยังไงเหรอ อาป๊า"
"ผู้หญิงอย่างลื้อไม่ต่างจากแม่โคอ่อนแอและโง่เขลา ไม่มีวันอยู่ร่วมกับมังกรได้ จำเอาไว้ ออกไปได้แล้ว อั๊วมีเรื่องอีกมากต้องปรึกษาอาเต็ก"
หงส์ฟังคำเปรียบเปรยของสุงแล้วถึงกับสะอึก หันหลังออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

เวลาต่อมา สุงมองป้ายวิญญาณฉาง แล้วพูดเบาๆกับเต็กคล้ายคนไม่มีชีวิตจิตใจ
"อีกไม่นานอั๊วะจะวางมือหันหลังให้วงการนักเลง ไปจากที่ที่น่าเบื่อหน่ายนี่สักที"
"พี่ใหญ่แน่ใจแล้วเหรอ" เต๊กถาม
สุงพยักหน้าเนิบช้า
"เป็นเจ้าพ่อเหมือนขึ้นหลังเสือ ไม่ใช่เรื่องง่าย ใจต้องกล้าและมีฝีมือ แต่การก้าวลงจากหลังเสือยิ่งยากกว่า เพราะเสือพร้อมตะปบคอได้ทุกเมื่อ ตำนานเจ้าพ่อในวงการนักเลงจึงมักถูกบันทึกด้วยเลือดแทนน้ำหมึกเสมอ มีแค่ไม่กี่คนที่ล้างมือจากวงการแล้วจะได้แก่ตาย"
"แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่อยากเป็นเจ้าพ่อ แม้ต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกก็ยอม"
"อำนาจเหมือนกองไฟ คนในวงการเหมือนแมงเม่า แมงเม่าที่บินเข้ากองไฟอย่างไม่กลัวตาย เมื่อเข้ามาแล้วก็ยากที่จะกลับออกไป...อาเต็ก ทุกวันนี้แก๊งกระเรียนของลื้อเป็นยังไงบ้าง"
"ทุกอย่างเรียบร้อยดี พี่ใหญ่ ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง"
"ปัญหาหลักใหญ่ภายในแก๊งไม่ใช่งาน แต่คือความวุ่นวายของคน ลื้อเตรียมตัวไว้ให้พร้อม ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนต่อไป คงต้องลำบากลื้อแล้ว"
"ขอแค่พี่ใหญ่สั่งมาคำเดียว อั๊วพร้อมเสมอ"
เต็กดวงตาเป็นประกาย เก็บความยินดีไว้ไม่มิด

หงส์ออกมานั่งที่ลานฝึกงิ้ว เห็นแปะจางไหว้พระจันทร์เสร็จพอดี
"คุณหนู"
"อาแปะ ผู้หญิงอย่างหงส์เป็นได้แค่แม่โคเท่านั้นน่ะเหรอ"
แปะจางหัวเราะเบาๆ
"ในประวัติศาสตร์จีน บูเช็กเทียน และซูสีไทเฮามิใช่ผู้หญิงหรอกหรือ ถ้าสตรีเป็นเพียงแม่โค ไฉนจึงยืนอยู่เหนือบัลลังก์มังกรได้"
"แล้วทำไมอาป๊าถึงไม่ยอมให้หงส์รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในแก๊ง"
"วิถีของนักเลงต้องเหี้ยมหาญดุดัน ริจะขึ้นเป็นใหญ่ กายใจต้องเข้มแข็งเด็ดขาด จึงจะสามารถเป็นผู้นำให้คนอื่นยอมก้มหัวให้ได้ หากเป็นแม่ทัพแล้วไม่กล้าตัดหัวคนจะปกครองคนได้อย่างไร"
"แต่หงส์ว่าความนุ่มนวล เยือกเย็นน่าจะครองใจคนได้มากกว่าการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ... ผู้ชายชอบหลงคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด ดูถูกผู้หญิงว่าด้อย แต่ผู้ชายจำนวนไม่น้อยก็ตายด้วยน้ำมือผู้หญิงมานักต่อนักแล้ว จริงมั้ยคะ อาแปะ"
แปะจางพยักหน้า เห็นด้วย มองหงส์อย่างชื่นชม หงส์เฉลียวฉลาดสมกับเป็นลูกสาวสุงจริงๆ
"สักวันหงส์จะทำให้อาป๊ายอมรับในตัวหงส์ให้ได้"
หงส์สายตาเปี่ยมไปด้วยความมาดมั่น

บริเวณระเบียงห้องหลงตอนกลางคืน หลงเปิดกล่องที่หงส์ให้ เห็นขนมไหว้พระจันทร์รูปหงส์อยู่ข้างใน เขาทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองดวงจันทร์กลมโต คิดถึงตอนที่เดินไปส่งหงส์เมื่อตอนหัวค่ำ

หลงเดินไปส่งหงส์ที่โรงงิ้ว สองข้างทางประดับโคมไฟสีแดงในเทศกาลไหว้พระจันทร์ โรแมนติกมาก
"ไหว้พระจันทร์คืนนี้ ถ้านายขอพรได้หนึ่งข้อ นายจะขออะไร"
"ขอให้ดวงวิญญาณอาเหมย คนรักของผมมีความสุข…แล้วคุณหนูล่ะ"
"ขอให้อาป๊ารักฉันบ้าง แค่ครึ่งหนึ่งของเฮียฉางก็ยังดี"
"คุณหนูเป็นลูกสาวเถ้าแก่สุง ทำไมอีจะไม่รัก"
"เพราะฉันเป็นต้นเหตุทำให้อาม้า ทำให้เฮียฉางต้องตาย อาป๊าเกลียดฉัน หาว่าฉันเป็นตัวซวย นำความวิบัติมาให้ แม้แต่หน้าฉันก็ยังไม่อยากมอง จนบางทีฉันก็อยากจะหนีไปไกลๆ ไปซะให้พ้นๆ"
"การที่เราวิ่งหนีความเศร้าไม่ได้หมายความว่าเราจะวิ่งไปเจอกับความสุขเสมอไป"
"ดวงจันทร์ยังมีขึ้นมีแรม นับประสาอะไรกับชีวิตคนเรา ฉันจะอดทนรอจนกว่าจะถึงวันที่ชีวิตฉันสดใสเหมือนดวงจันทร์ที่อยู่บนโน้น"
หงส์แหงนมองดวงจันทร์บนฟากฟ้า ยิ้มเศร้า แต่ยังมีประกายแห่งความหวัง

หลงเริ่มรู้สึกดีกับหงส์ กลับเข้ามาในห้อง กวาดตามอง เห็นบางอย่างผิดสังเกต ก็รู้ว่าห้องตัวเองถูกรื้อค้น เขารีบก้มลงหากล่องใส่ปืนที่ซ่อนอยู่ใต้เตียง แต่ไม่พบ
ทันใดนั้น กล่องไม้ที่หลงกำลังหาอยู่ก็ถูกโยนโครมตรงหน้า เห็นปืนที่ซ่อนอยู่ชั้นล่าง หลงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นหลิวยืนมองตนอยู่ด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจ ก็ใจหายวาบ
"ลื้อกำลังหากล่องใบนี้อยู่ใช่มั้ย"
หลงเงียบ ก้มหน้า ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี
"ก่อนมาอยู่นี่ ลื้อทำอะไรมาก่อน"
"อั๊วะรับจ้างย้อมผ้า"
"โกหก ! จนป่านนี้ลื้อยังกล้าปากแข็ง แค่เห็นหน้าลื้อ อั๊วะก็รู้เช่นเห็นชาติแล้ว"
"อั๊วะทำอะไรผิด"
"พกปืนเข้ามาอยู่ในบ้านอั๊วะ แค่นี้ลื้อก็ผิดมหันต์แล้ว คนดีๆที่ไหนเค้าทำกัน รีบเก็บสมบัติของลื้อแล้วไสหัวไปซะ ก่อนที่เฮียไช้จะกลับมา"
"ขอให้อั๊วะได้ลาเถ้าแก่ไช้เป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย เถ้าแก่เนี้ย"
"ไม่ได้ ! ถ้าลื้อไม่ไป อั๊วะจะเรียกตำรวจมาลากคอลื้อ"
หลิวพูดจบก็เดินออกจากห้องหลงไป

หลงขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเหตุผลที่หลิวไล่ตน

หลงสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกจากร้าน
 
หันกลับมามองร้านเป็นครั้งสุดท้าย... เสียใจที่ไม่ได้อยู่ลาไช้ เขาคุกเข่าลงหน้าร้าน แสดงการคารวะ ล่ำลาไช้และหลิว ผู้มีพระคุณทั้งสองเป็นครั้งสุดท้าย พูดเบาๆ
"เถ้าแก่ไช้... เถ้าแก่เนี้ย... อั๊วลาก่อน"
หลงก้มหัวคารวะที่หน้าร้านเสร็จแล้วก็ลุกเดินจากไป
หลิวซึ่งแอบยืนมองอยู่ที่หน้าต่างชั้นบน คิดในใจ... ตัวเองทำถูกหรือผิดกันแน่ที่ไล่หลงไปจากร้าน

ผ่านเวลาเล็กน้อย ไช้นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นมามองหน้าหลิว แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
"อาหลงน่ะเหรอลาออก ! อีบอกหรือเปล่าว่าทำไม"
"เปล่า...มันบอกอั๊วแค่นี้ แล้วก็รีบเก็บของออกจากร้านไปเมื่อตอนหัวค่ำ"
หลิวตอบไช้อย่างไม่สบตา ไช้จับโกหก
"ลื้อกำลังโกหกอั๊วอยู่ใช่มั้ย อาหลิว"
หลิวนิ่ง ไม่ตอบ ไม่แก้ตัวอะไรทั้งสิ้น
"อยู่กินกันมาสามสิบกว่าปีทำไมอั๊วจะไม่รู้นิสัยใจคอของลื้อ ลื้อไล่อาหลงไปทำไม"
"มันซ่อนปืนไว้ในห้อง"
"แค่นั้นน่ะเหรอ ปืนอั๊วก็มี มีหลายกระบอกด้วย ทำไมลื้อไม่ไล่อั๊วไปอีกคนล่ะ"
"เฮีย...มันเหมือนกันซะที่ไหน อาหลงมันก็แค่จับกังคนนึง"
"อาหลงเป็นคนช่วยชีวิตอั๊ว ไม่ใช่แค่จับกัง ! อั๊วผิดหวังในตัวลื้อจริงๆ"
ไช้ส่ายหน้า อารมณ์ขุ่น เดินออกจากห้องไป
"เฮีย !! ฟังอั๊วก่อน"
หลิวไม่เข้าใจไช้... เรื่องแค่นี้ทำไมต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วย

หงส์แอบมาที่ลานฝึกงิ้วตอนกลางดึก มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นใคร จึงหยิบทวนไม้ไผ่ขึ้นมาซ้อม
ฝีมือรำทวนของหงส์อ่อนช้อยงดงามขึ้นเรื่อยๆ จากการฝึกสังเกต เรียนรู้ด้วยตัวเอง หงส์แหงนมองผ้าที่ห้อยอยู่ที่เคยตกลงมา แววตามุ่งมั่น แล้วปีนขึ้นไปอีกครั้ง พยายามเลียนแบบอาฉาง
หงส์ตกแอ้กลงมาที่พื้นอย่างจัง เจ็บไม่น้อย เจ็บแปล๊บๆที่ข้อศอก มองดูจึงรู้ว่าเป็นแผลเลือดซึม
หงส์ไม่ยอมแพ้ ปีนกลับขึ้นไปใหม่อีกครั้ง แล้วหงส์ได้ยินเสียงเพลงเป่าใบไม้ดังขึ้นมา ที่หน้าโรงงิ้ว

หลงนั่งหน้าเศร้า เป่าใบไม้ที่ด้านหน้าโรงงิ้ว ทันทีที่ผลักประตูผลั๊วะออกมา หงส์ไม่เห็นใคร นอกจาก... ใบไม้เพียงใบเดียว เธอก้มลงหยิบใบไม้นั้นขึ้นมา กวาดตามองหาหลง แต่ไม่พบ แปลกใจ
มุมลับตา หลงก็แอบดูหงส์อยู่เช่นเดียวกัน ก่อนตัดใจจากไป

ภายในร้านเครื่องเซ่นไหว้ของเต็ก เวลากลางคืน เต็กโวยวายเสียงดังลั่น
"ฝันไปเถอะ ! อั๊วไม่มีวันรับนังผู้หญิงหยำฉ่านั่นมาเป็นสะใภ้เด็ดขาด"
"อาป๊า... หยกมณีเป็นนักร้องภัตตาคาร ไม่ใช่ผู้หญิงตามโรงน้ำชาสักหน่อย"
"คือกันนั่นแหละ ! ผู้หญิงเหลวแหลกพรรค์นั้น ผ่านผู้ชายมาตั้งเท่าไหร่แล้ว ผู้หญิงมีออกตั้งมาก หาที่มันดีๆกว่านี้หน่อยได้มั้ย ลื้อเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย อาตี๋เล็ก หัวเด็ดตีนขาดอั๊วก็ไม่ยอมให้ลื้อเอามันมาทำเมีย"
ตี๋เล็กไม่สบอารมณ์
"แต่อั๊วรักหยกมณีนี่อาป๊า ชาตินี้อั๊วรักใครไม่ได้อีกแล้ว"
"อีกไม่นานพี่ใหญ่วางมือ อั๊วขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำแทน มีทั้งอำนาจทั้งบารมี แต่กลับมีลูกสะใภ้เป็นนักร้องเต้นกินรำกิน อั๊วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าลื้อไม่มีปัญญาหาเมียดีๆ อั๊วจะหาให้"
"พอเลย ! อั๊วไม่ยอมให้อาป๊าจับคลุมถุงชน แต่งงานกับคนที่อั๊วไม่ได้รักเด็ดขาด"
"อั๊วรู้จักลูกสาวพวกเจ้าพ่อเยอะนา ขาวๆสวยๆทั้งนั้น เหงียเงี่ยยิ่งกว่านังนักร้องนั่นเป็นล้านเท่า อั๊วรับรอง ลื้อเห็นจะต้องถูกใจจนลืมนังผู้หญิงนั่น"
"พูดอะไรฟังกันบ้างสิอาป๊า อั๊วบอกว่าไม่ก็คือไม่ ถ้าอาป๊าไม่ขอหยกมณีให้อั๊ว ก็อย่ามาเจ้ากี้เจ้าการยุ่งเรื่องหัวใจของอั๊ว เข้าใจมั้ย"
ตี๋เล็กพูดจบก็เดินออกจากร้านไปอย่างไม่เกรงกลัวผู้เป็นพ่อ
"หน็อย ไอ้ลูกเทวดา เง็กเซียนส่งมาเกิดหรือไงวะ ดูมันเถียงฉอดๆ อั๊วเป็นเตี่ยลื้อนะโว้ย ไอ้ตี๋เล็ก"
เต็กตะโกนด่าตี๋เล็กไล่หลัง... มีลูกชายกับเขาทั้งทีก็เอาดีไม่ได้

ภายในห้อง หยกมณีนุ่งชุดคลุมออกมาจากห้องน้ำ เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เห็นหน้าต่างเปิดอ้าออก ผิดสังเกต แปลกใจ จะเดินไปปิด
ทันใดนั้น ตี๋เล็กก็รวบร่างหยกมณีกอดไว้แน่นจากทางด้านหลัง เธอดิ้น
"ใครน่ะ"
ตี๋เล็กไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดเกมรุก ฝังจมูกลงไปที่ซอกคอของหยกมณีฟอดใหญ่
"เฮียตี๋เล็ก ! เข้ามาในห้องหยกได้ยังไง"
"ก็ปีนเข้ามาน่ะสิ เฮียคิดถึงหยกแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว"
"ปล่อยหยกนะ ถ้าไม่ปล่อย หยกจะร้องเรียกให้คนช่วย"
"ใครหน้าไหนมันจะมาช่วยเธอ ไอ้อันน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ ป่านนี้มันคงตามรองมือ รองตีนไอ้ทรงกลดอยู่ที่ไหนสักที่ ตะโกนให้คอแตก มันก็ไม่มา"
หยกมณีครุ่นคิดหาวิธีเอาตัวรอด ตี๋เล็กระดมจูบไม่ยั้ง
หยกมณีแสร้งมารยา
"เบาๆสิคะ เฮียตี๋เล็ก จู่โจมแบบนี้ หยกช้ำไปทั้งตัวแล้ว"
"หยกเป็นของเฮียเถอะนะ อีกหน่อยพออาป๊าขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ หยกเป็นเมียเฮียก็จะพลอยสบายไปทั้งชาติ"
"ตำแหน่งประมุขหงส์ดำคนต่อไปจะเป็นเถ้าแก่เต็กแน่เหรอคะ"
"แน่ซะยิ่งกว่าแน่ อาแปะสุงเป็นคนบอกกับอาป๊าเองว่าจะวางมือ แล้วจะมีใครในแก๊งสามวิหคเหมาะสมไปกว่าอาป๊าไม่มีอีกแล้ว ถึงตอนนั้นเฮียก็จะได้เป็นหัวหน้าแก๊งกระเรียนแทนอาป๊าสักที ส่วนหยกก็จะได้เป็นเมียเจ้าพ่อ ดีมั้ย"
หยกมณีพูดพลางรินเหล้าใส่จอก แล้วส่งให้ตี๋เล็ก
"เช่นนั้นหยกขอยกเหล้าจอกนี้แสดงความยินดีกับเถ้าแก่เต็กและเฮียตี๋เล็กล่วงหน้า"
ตี๋เล็กรับจอกเหล้า ดื่มรวดเดียวหมด
"คราวนี้... มาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า"
ตี๋เล็กกระหวัดร่างหยกมณีไว้ในอ้อมแขน แล้วโถมทับลงบนเตียง ตาพร่าพราย ยานอนหลับในเหล้าเริ่มออกฤทธิ์ ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบลง
หยกมณีผลักร่างตี๋เล็กออกไป ถอนใจอย่างโล่งอก รอดไปได้
หยกมณียิ้มเยาะ
"หลับให้สบายนะคะ เฮียตี๋เล็ก"

หยกมณีอดกังวลถึงสิ่งที่ตี๋เล็กพูดไม่ได้... ทำไมเถ้าแก่สุงจะวางมือ !?

เช้าวันใหม่ ตี๋เล็กนอนถอดเสื้อ ร่างเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเพียงลำพัง
 
เมื่อขยับรู้สึกตัวตื่น ก็รู้สึกเล็กปวดหัวหนึบ สะบัดศีรษะไล่ความมึนงง เหลือบเห็นกระดาษโน้ตวางอยู่ที่หัวเตียง
บนกระดาษโน้ตมีข้อความและรอยลิปสติกรูปริมฝีปากของหยกมณีประทับอยู่ ตี๋เล็กหยิบมาอ่าน
"เมื่อคืนนี้วิเศษสุดๆจนลืมไม่ลงเลยค่ะ"
" ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลยวะ"
ตี๋เล็กขมวดคิ้ว นั่งคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

ศาลเจ้ายามเช้า หงส์ไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิม ให้ช่วยคุ้มครองโรงงิ้ว
"ขอให้อาป๊าสุขภาพแข็งแรง... และขอให้อากุ่ยทำสำเร็จด้วยเถอะ"
ทันใดนั้นหยกมณีก็เดินกรีดกรายเข้ามายืนใกล้ๆหงส์ พลางหัวเราะเบาๆ
"ถึงกับต้องอ้อนวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเลยเหรอ หืม"
หงส์ลุกพรวด
"แล้วจะให้หงส์ทำยังไง หรือเจ้มีวิธีที่ดีกว่านี้"
"ท้อแท้ง่ายๆอย่างงี้นี่เอง เถ้าแก่สุงถึงได้ยกเก้าอี้ประมุขแก๊งหงส์ดำให้คนอื่น"
"หมายความว่ายังไง"
"เด็กโง่เอ๊ย...ฉันได้ข่าวเถ้าแก่สุงจะวางมือจากวงการ"
"เป็นไปไม่ได้"
"ได้หรือไม่ได้ ฉันก็ได้ยินมาอย่างนั้น... ไม่รู้เถ้าแก่สุงคิดยังไงถึงได้ยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำให้เถ้าแก่เต็ก แทนที่จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขอย่างเธอ"
"หงส์เป็นผู้หญิงจะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งได้ยังไง ตั้งแต่เปิดสมาคมเลือดมังกรมา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยเป็นหัวหน้าแก๊งมาก่อน"
"ไม่เคยมี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีนี่ มันขึ้นอยู่กับเธอต่างหากว่าจะสามารถทำให้พวกผู้ชายยอมก้มหัวให้ผู้หญิงอย่างเธอได้หรือเปล่า แต่ถ้าเธอคิดว่าตัวเองไร้น้ำยา จะนั่งกราบไหว้ฟ้าดินหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่อย่างนี้ก็ตามใจ"
หยกมณีพูดกลั้วหัวเราะ แล้วเดินออกไป ปล่อยให้หงส์ครุ่นคิดคำพูดของหยกมณีตามลำพัง

ภายในห้อง สุงนั่งเล่นหมากรุกจีนอยู่คนเดียว หน้าป้ายวิญญาณอาฉาง สุงมองไปยังเก้าอี้ว่างเปล่าที่อยู่เบื้องหน้า หวนคิดถึงเมื่อครั้งฉางยังมีชีวิตอยู่

สุงเลื่อนหมากในกระดานแล้ว พลางนึกถึงอดีตที่ฉางนั่งเล่นหมากรุกอยู่
"รุกฆาต ! ลื้อแพ้แล้ว อาฉาง" สุงหัวเราะ
"การเดินหมากของอาป๊ารัดกุม ไม่เปิดช่องให้อั๊วเลยแม้แต่ตาเดียว อั๊วไม่มีทางเอาชนะอาป๊าได้"
"เล่นหมากรุกอย่าเอาแต่บุก ต้องรู้จักระวังข้างหลังด้วย เดินหมากผิดตาเดียว หมายถึงแพ้ทั้งกระดาน ลื้อเป็นลูกชายอั๊ว วันข้างหน้าจะต้องสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำต่อจากอั๊ว อยู่ในวงการนักเลง ลื้อต้องรอบคอบให้มาก เพราะถ้าพลาดแม้แต่ก้าวเดียวย่อมหมายถึงชีวิต"
"อั๊วจะจดจำไว้ อาป๊า"
สุงยิ้มภูมิใจในตัวอาฉาง

สุงมองนิ่งไปยังเก้าอี้ตัวเดิมที่ว่างเปล่า ไม่มีอาฉางบนโลกใบนี้อีกแล้ว หงส์เดินเข้ามา มองไปยังกระดานหมากรุก เห็นว่าสุงเดินหมากเสียเปรียบเข้าขั้น “จน”
"หมากของอาป๊าบอกว่าไม่มีสมาธิ อาป๊ามัวแต่ระวังขุนจนลืมเบี้ยที่อยู่ใกล้ตัว ปล่อยช่องให้อีกฝ่ายรุกฆาต"
"อั๊วเพิ่งรู้ ว่าลื้อเล่นหมากรุกเป็นกับเค้าด้วย อาแปะจางสอนลื้อเหรอ"
หงส์ส่ายหน้าช้าๆ
"หงส์แอบจำตอนที่อาป๊าเล่นหมากรุกกับเฮียฉาง"
สุงมองหน้าหงส์ อดทึ่งในความสามารถหงส์ไม่ได้
"ตั้งแต่เฮียฉางตาย อาป๊าก็หวั่นไหวจนเสียสมาธิ ทำให้อาป๊าเดินหมากพลาดทั้งๆที่ไม่เคยมาก่อน"
"อั๊วไม่ได้เรียก เข้ามาทำไม"
"หงส์เป็นห่วงอาป๊า เห็นวันนี้ไม่ได้ออกไปข้างนอก ก็เลยเข้ามาดู"
"อั๊วยังไม่ตาย รู้แล้วก็ออกไปได้ละ"
"ได้ยินว่าอาป๊าจะให้อาเจ็กเต็กขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนต่อไปจริงหรือเปล่าคะ"
"ใครมันคาบข่าวไปบอกลื้อล่ะ ! ใช่ ! อั๊วะจะลงจากตำแหน่งทั้งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ"
หงส์ได้ยินแล้วรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
"ทำไมล่ะคะอาป๊า"
"เพราะอั๊วไม่ต้องการกลับมาเป็นเจ้าพ่ออีกแล้ว"
"ถึงจะลงจากตำแหน่งเจ้าพ่อ แต่อาป๊าจะมัวหมดอาลัยตายอยากอยู่อย่างนี้ไม่ได้ ถึงยังไง โรงงิ้วเฟิ่งหวงของเราก็ยังต้องการให้อาป๊าเป็นเสาหลักนะคะ"
สุงเหลือบมองหน้าลูกสาว ดูหงส์แข็งแกร่งกว่าสุงในตอนนี้เสียอีก
"ลื้อออกไปได้แล้ว อั๊วะอยากอยู่คนเดียว"
หงส์ทำท่าจะเดินออกจากห้องสุงไป
"เดี๋ยว"
หงส์สะดุ้งเฮือก
สายตาสุงเห็นข้อศอกของหงส์ติดผ้ากอซปิดปากแผล
"ข้อศอกลื้อไปทำอะไรมา"
หงส์หลบตา
"หงส์ซุ่มซ่ามไปหน่อยก็เลยหกล้ม"
"อย่าให้รู้ว่าลื้อยังดื้อด้านขัดคำสั่งอั๊วแอบเล่นงิ้ว ! ไปได้"
สุงจ้องหงส์ตาเขม็ง หงส์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

ฝ่ายกุ่ยฝึกกำลังข้อแขนโดยการปีนผ้า แล้วม้วนตัว ตีลังกาบนนั้น ซ้อมคนเดียวอย่างหนัก
หมวยกับหงส์เข้ามาเห็นกุ่ยตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมก็ค่อยยิ้มออก
"ไม่เลว... ตั้งใจทำก็ทำได้นี่ เห็นทีแรกป้อแป้ นึกว่าจะไปไม่รอด" หมวยบอก
กุ่ยกระโดดฟุ่บลงมาข้างๆหมวย
"นินทาอะไรอั๊วห๊ะ อาหมวย"
"เปล่านินทาสักหน่อย ฉันจงใจให้เฮียได้ยินเลยแหละ"
"เจ้ดีใจที่ลื้อไม่ยอมแพ้ ฝีมือลื้อพัฒนากว่าแต่ก่อนมาก ขึ้นเวทีคราวหน้า คนดูต้องชอบแน่ๆ"
"แต่ถึงยังไงฝีมืออั๊วก็ยังห่างไกลเฮียฉาง"
"ไม่หรอก" หมวยว่า
กุ่ยใจชื้น ยืดอกโอ่ มีความหวังขึ้นมา
"ไม่ติดฝุ่นเลยต่างหาก" หมวยพูดต่อ
กุ่ยหน้าแตกเพล้ง
"ใจคอจะไม่ให้กำลังใจอั๊วมั่งเลยใช่มั้ย"
"ชมมากเดี๋ยวเหลิง รอให้คนแห่มาดูงิ้วคณะเราแน่นโรงเมื่อโรงเมื่อไหร่ค่อยมาเอาคำชมจากหมวย"
"อั๊วขึ้นแท่นเป็นพระเอกงิ้วเบอร์หนึ่งของเยาวราชเมื่อไหร่ อย่ามาง้อก็แล้วกัน"
"อากุ่ย ลื้ออย่าหักโหมมากนัก ดูแลสุขภาพด้วย เจ้เป็นห่วง" หงส์บอก
กุ่ยยิ้มหน้าบาน พยักหน้ารับคำ
หงส์ยิ้มให้กุ่ยแบบน้องชาย ก่อนเดินออกไป
กุ่ยยิ้มไม่หุบ หน้าบานเป็นจานเชิง ปลื้มที่หงส์เป็นห่วง เพราะแอบมีใจให้หงส์มานานแล้ว หมวยเอาข้อศอกกระทุ้งท้องกุ่ยแรงๆ
"ยืนยิ้มคนเดียวอยู่นั่นแหละ หายเหนื่อยแล้วก็ไปฝึกต่อสิ"
หมวยเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป ออกแนวหึงเล็กๆพอน่ารัก กุ่ยเบ้ปาก ทำท่าล้อเลียนหมวยทันใดนั้น กุ่ยเหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่หน้าโรงงิ้ว
ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวซอมซ่อ มีผ้าคลุมบังหน้ายืนชะเง้อชะแง้อยู่นอกรั้ว
พอหญิงนางนั้นเห็นว่า กุ่ยเห็นเข้าก็รีบผละหนีไปทันที

กุ่ยแปลกใจ ใครมายืนด้อมๆมองๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก

บริเวณศาลเจ้าจีน หลงเก็บของใส่กระเป๋า เมื่อคืนนี้อาศัยศาลเจ้านอน ซินแสง้วงเดินเข้ามา
 
"เมื่อคืนนี้หลับสบายดีมั้ย"
หลงพยักหน้า
"ขอบคุณซินแสที่เมตตาให้ที่พัก"
"แล้วนี่ลื้อจะไปไหนต่อล่ะ"
หลงส่ายหน้า ยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง
"ชีวิตที่ไร้จุดหมายก็ไม่ต่างอะไรกับฝุ่นละอองที่ล่องลอยไปกับสายลม ไม่รู้ว่าจะพัดไปที่ไหนและเมื่อไหร่"
"ถึงชีวิตอั๊วะจะไม่มีจุดหมาย แต่อั๊วะก็มีเป้าหมาย"
"หากเป้าหมายนั้นทำให้คนอื่นต้องทุกข์ แล้วใจลื้อจะเป็นสุขได้อย่างไร"
หลงครุ่นคิดตามคำสอนของง้วง
"เอ้อ... เมื่อกี้นี้ อั๊วเห็นคุณหนูหงส์อีมาที่นี่แน่ะ"
หลงสับสน ใจหนึ่งก็อยากเจอ อีกใจหนึ่งก็อยากหนีหน้า

หงส์หยิบธูปจะจุดไหว้เทพเจ้า มีมือหนึ่งหยิบธูปเช่นกัน เธอดีใจนึกว่าเป็นหลง แต่พอเงยหน้ามองกลับไม่ใช่ เป็นหนุ่มตี๋คนอื่น หงส์ผิดหวังเล็กๆ
ขณะที่หงส์ไหว้ขอพรเทพเจ้าอยู่ หลงแอบมองดูอยู่ห่างๆ เธอรู้สึกว่ามีใครแอบมองอยู่ รีบหันไป
มีแต่ความว่างเปล่า หลงไม่อยู่แล้ว หงส์กวาดตามองหา แต่ไม่พบ นึกในใจ... วันนี้หลงไปไหนนะ ?
หงส์ไม่เห็นหลงมาที่ศาลเจ้าเหมือนเช่นเคยอดเป็นห่วงหลงไม่ได้... รู้สึกคล้ายบางอย่างในชีวิตขาดหายไป

บนถนนเยาวราช ในบรรยากาศพลุกพล่าน บริเวณย่านภัตตาคารฉั่วเทียนเหลา หลงสะพายกระเป๋าเดินทางเดินใจลอยจนกระทั่งชนพลั่กเข้ากับชายใส่สูทและสวมแว่นดำสีสนิท
เจ็ง โวยวายลั่น กร่างสุดฤทธิ์ เลือดร้อนมาก จะควักปืนออกมา แต่จือห้ามไว้ ทั้งสองคนเป็นสมุนของเกา
"มึงเดินประสาอะไรวะ ไอ้ลูกหมา"
หลงมองหน้าเจ็งกับจือตาไม่กะพริบ กำหมัดแน่น พยายามข่มระงับอารมณ์โกรธ
เจ็งผลักอกหลงจนเซ
"หรือมึงจะเอา"
จือจ้องหน้าเจ็งทำนองปราม แล้วหันมาพูดหน้านิ่งๆกับหลง
"ถ้าไม่อยากเจ็บตัว รีบไสหัวไปซะ" จือบอก
หลงเดินผ่ากลางระหว่างจือกับเจ็งอย่างจงใจ
เจ็งไม่พอใจ อยากเข้าไปกระทืบ แต่จือมองห้ามปรามไว้ แล้วบุ้ยหน้าส่งรหัสว่า.... ให้รีบไป
"ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าให้เจอหน้าอีกนะมึง" เจ็งบอก
จือกับเจ็งเดินไปยังหน้าภัตตาคารฉั่วเทียนเหลา หลงเห็นซาทักทายจือกับเจ็งสั้นๆตามประสาคนรู้จัก ก่อนหายเข้าไปในภัตตาคาร
หลงเห็นซาเข้าก็จำได้ว่าเป็นคนของเสี่ยเกา มองตามสงสัย
"เสี่ยเกามาพบใคร หรือเถ้าแก่สุงจะอยู่ที่นี่"
หลงไม่รอช้าเอาปืนซ่อนไว้เตรียมพร้อมจะฆ่าสุงเต็มที่ แล้ว รีบตามจือกับเจ็งเข้าไปข้างในทันที

หงส์มาหาหลงที่ร้านเถ้าแก่ไช้ ชะเง้อมองเข้าไปในร้าน แต่ก็ไร้วี่แวว คนงานจีนคนหนึ่งเดินแบกกระสอบของแห้งออกมาจากด้านในร้าน หงส์รีบเข้าไปถาม
"พี่ชาย.... คนงานที่ชื่อหลงอยู่มั้ย"
"คนงานที่ชื่อหลงอยู่มั้ย"
"ออกไปแล้ว ? ออกไปไหน พี่ชายพอรู้ไหม"
คนงานส่ายหัว ไม่รู้ หงส์จนปัญญา ไม่รู้จะไปตามอาหลงที่ไหน

ด้านหลังภัตตาคารฉั่วเทียนเหลา หลงแอบดูลาดเลาอยู่ที่มุมตึก แล้วแอบเข้ามาทางด้านหลัง เนื่องจากด้านหน้ามีบอดี้การ์ดของเมฆินทร์คุ้มกันอย่างแน่นหนา
บอดี้การ์ดเมฆินทร์ตรวจตราความเรียบร้อยเดินสวนออกมา หลงรีบหลบฉาก หลงเห็นชุดบริกรที่เสิร์ฟอยู่ภายในร้าน ก็คิดหาวิธีเข้าไปในภัตตาคารได้ทันที

หลงสวมชุดบริกรปลอมตัวแทรกซึมเข้ามาภายในภัตตาคารได้สำเร็จ เอาปืนใส่ในถาดมีฝาครอบ กวาดตามอง เห็นซา และบอดี้การ์ดของเสี่ยเกายืนคุ้มกันอยู่หน้าห้องวีไอพี อย่างแน่นหนา
หลงมั่นใจว่าคนร้ายที่บงการลอบสังหารเถ้าแก่ไช้ต้องอยู่ข้างในนั้นแน่
หลงขมวดคิ้ว จะฝ่าด่านบอดี้การ์ดเข้าไปข้างในได้ยังไง
เวลาต่อมา หลงเข็นรถอาหารมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องวีไอพี ซายืนขวางหน้าประตูอยู่จ้องเขม็งมายังหลง
"เดี๋ยว"
ซาเดินมาเปิดฝาครอบอาหาร ตรวจดูความปลอดภัยของนาย ให้ลุ้นๆว่าจะเจอปืนหลง แต่ไม่เจอ
บอดี้การ์ดอีก 2 คนเข้ามาค้นตัวอาหลงว่ามีอาวุธพกติดตัวมาหรือไม่ สื่อให้เห็นว่ารัดกุมมาก
บอดี้การ์ดทั้งสองไม่เห็นสิ่งผิดปกติในตัวหลง ก็พยักหน้าให้ซา เป็นสัญญาณว่าปลอดภัย
"เข้าไปได้ !"
บอดี้การ์ดเปิดประตูให้หลงเข็นรถเข็นอาหารเข้าไปภายในห้องวีไอพี

หลงเข็นรถอาหารเข้ามาภายในห้องวีไอพี มีบอดี้การ์ดร่างล่ำอีก 2 คนยืนสกัดอยู่ บอดี้การ์ดจับรถเข็นไว้ไม่ให้หลงผ่านเข้าไปยังด้านหลังฉากมู่ลี่ไม้ไผ่ที่เมฆินทร์กับเกานั่งอยู่
"ลื้อรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวพวกอั๊วะเอาเข้าไปเอง"
บอดี้การ์ดยกอาหารเข้าไปเสิร์ฟที่โต๊ะจีนขนาดใหญ่ที่อยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ หลงพยายามเพ่งมองลอดรอยต่อระหว่างไม้ไผ่เข้าไปด้านใน แต่ไม่เห็นหน้าเมฆินทร์
เสียงเกากับเมฆินทร์คุยกันดังมาจากมู่ลี่ไม้ไผ่

บอดี้การ์ดของเมฆินทร์ลำเลียงอาหารนำมาวางบนโต๊ะ
"วิ่งโร่มาหาฉัน เดือดร้อนอะไรมาอีกล่ะ" เมฆินทร์ถาม
"เรื่องเถ้าแก่ไช้" เกาบอก
เมฆินทร์หัวเราะเบาๆ
"ไอ้ไช้มันแมวเก้าชีวิตแท้ๆ ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย"
"แต่ตอนนี้เห็นทีคงจะไม่จบง่ายๆ เพราะเถ้าแก่สุงยื่นมือเข้ามาช่วย"
"เค้าเป็นพี่น้องร่วมน้ำสาบานกันก็ย่อมเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเป็นธรรมดา"
"ผมเกรงว่าหากปล่อยเถ้าแก่ไช้ไว้จะกลายเป็นหอกข้างแคร่เข้าสักวัน"
"ก็แค่เสือแก่เขี้ยวหักไร้พิษสงตัวนึง แกจะกลัวอะไร"
"ขึ้นชื่อว่าเสือถึงอย่างไรก็ไว้ใจไม่ได้วันยันค่ำ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าส่งคนมายิงถล่มบ่อนอุกอาจอย่างนี้"
"แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง"
"ถ้าไม่มีเถ้าแก่ไช้สักคน ผลประโยชน์มหาศาลที่เคยเป็นของแก๊งไก่ฟ้าจะตกเป็นของเราทั้งหมด ผมจะตอบแทนในความกรุณาของท่าน...หกสิบ-สี่สิบ"

"มันจะน้อยไปหน่อยหรือ... ต้องห้าสิบ-ห้าสิบ มันถึงจะค่อยคุ้มค่าเหนื่อย"

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

เกากลอกตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง
 
"ตกลง ! แต่ครั้งนี้หวังว่าจะไม่พลาดเหมือนคราวที่แล้วอีกนะครับท่าน"
"อาเจ็ง แกส่งคนไปจัดการให้ฉันที คราวนี้แกไปกับมันด้วย"
"จะให้ลงมือเมื่อไหร่ครับท่าน" เจ็งถาม
"สองยาม คืนนี้ !"
จือมองลอดผ่านมู่ลี่ไม้ไผ่ เห็นหลงก้มหน้า ไม่ชัดนัก แต่ก็คลับคล้ายคลับคลา แต่ไม่แน่ใจ
เจ็งรับคำสั่งเมฆินทร์ เดินออกไป

เจ็งเดินผ่านหลงที่ยืนก้มหน้า แล้วตัดใจเดินออกจากห้องไปอย่างไม่ทันสังเกต หลงเหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้า นึกเป็นห่วงเถ้าแก่ไช้ที่กำลังจะมีภัยถึงชีวิต

อาหารจานสุดท้ายถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เป็นปลาหลี่ฮื้อผัดคึ่นฉ่าย
"ปลาหลี่ฮื้อจานนี้ ฉันไม่ได้สั่ง "
หลงซึ่งยืนอยู่ด้านนอก สะดุ้งเล็กน้อย... งานเข้าแล้วกู !
"ต้องขอประทานโทษด้วยครับท่าน"
จือชักสังหรณ์ใจ ไม่ค่อยชอบมาพากล ปราดออกมาดูนอกมู่ลี่ทันทีว่าใครเป็นคนเอามา

จือออกมา กวาดตามองหา... แต่ไม่พบหลงแล้ว หันไปถามบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่
"ใครเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟ"
"มันเพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เองครับ"
จือไม่รอช้ารีบตามออกไปข้างนอกทันที

หลงรีบสาวเท้าฉับๆ เพื่อให้พ้นฉั่วเทียนเหลาก่อนที่จะผิดสังเกต จือรีบวิ่งตามออกมาทันที เห็นหลังหลงไวๆ ก็รีบตามไป หลงสาวเท้าหายเข้าไปมุมทางเดิน
จือตามไปกระชากไหล่กลับมาทันที บริกรชายอีกคนหันกลับมา หน้าตาเหรอหรา จือเจ็บใจ บริกรชายคนที่ตนวิ่งตามมาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
หลงหนีรอดออกไปจากภัตตาคารฉั่วเทียนเหลาได้อย่างหวุดหวิด

หลงมาลอบสังเกตการณ์แถวๆหน้าบ้านไช้ นึกถึงคำสั่งเอาชีวิตที่เพิ่งได้ยินมา
"จะให้ลงมือเมื่อไหร่ครับท่าน"
"สองยาม คืนนี้"
หลงแววตาวิตกเป็นห่วงเถ้าแก่ไช้
"คนที่สั่งฆ่า ไม่ใช่เถ้าแก่สุง... มันเป็นใคร"
ทันใดนั้น เสียงของหลิวก็ดังขึ้น
"ทางนี้ค่ะ"
หลิวพาชานนท์ และตำรวจอีก 2 นายมาจับหลง
"จับมันเลยค่ะ คุณตำรวจ"
หลงถูกตำรวจใส่กุญแจมือ
"นี่มันอะไรกันครับ เถ้าแก่เนี้ย"
"คุณนายหลิวแจ้งว่านายมายืนลับๆล่อๆหน้าร้าน ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ"
"ผมไม่ได้ทำอะไรผิด มาจับผมข้อหาอะไร"
หลิวบอก
"ไอ้ผู้ร้ายปากแข็ง ! มันมีปืนเถื่อน ถ้าไม่เชื่อ หมวดก็ลองค้นกระเป๋ามันดูสิ"
ตำรวจอีกคนกระชากกระเป๋าหลงออกมา รื้อจนเจอกล่องไม้ พอเปิดออกมาก็เจอปืนจริงๆ
หลิวปราดเข้าไปตบหน้าหลงฉาดใหญ่
"เลี้ยงไม่เชื่อง ฉันดูแกไว้ไม่ผิดจริงๆ นี่คงด้อมๆมองๆหาโอกาสแก้แค้นที่ฉันไล่แกออกใช่มั้ย ไอ้เนรคุณ"
หลงไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร หลิวมองตนในแง่ลบจนยากเกินจะอธิบายจริงๆ
ชานนท์บอกกับตำรวจอีกนาย
"จ่า ! เอาตัวหมอนี่ไปสอบสวนที่โรงพัก"
ตำรวจเอาตัวหลงไปโรงพัก หลิวสาแก่ใจที่ตำรวจจับตัวหลงไปได้

หงส์เดินคอตกกลับมายังโรงงิ้ว หลังจากที่หาหลงจนทั่ว แต่ก็ไม่พบ ทันทีที่หงส์ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาก็เห็นสุง หน้าตาถมึงทึงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว บรรยากาศตึงเครียด
สุงหยิบสมุดสเกตช์ท่ารำงิ้วกับโพยที่ใช้ท่องบทร้องงิ้วขึ้นมา
"อั๊วเจอมันซ่อนอยู่ในห้องลื้อ"
หงส์หน้าซีดเผือด ใจหายวาบ
"ดูเหมือนลื้อจะอยากวัดรอยเท้าอาฉาง เล่นบทบู๊มากเลยสินะ ถึงได้จดท่ารำและบทร้องของหยางจงเป่าเอาไว้ทุกตัวอักษรแบบนี้"
สุงฉีกสมุดสเกตช์และโพยบทร้องโยนลงในกระถางไฟ ต่อหน้าต่อตา
หงส์น้ำตารื้นด้วยความเสียดาย
"อาป๊า หงส์ผิดไปแล้ว ยกโทษให้หงส์ด้วย"
"รู้ว่าผิด แต่ลื้อก็ยังกล้า ! ลื้อจะลองดีกับอั๊วใช่มั้ย ห๊า นังลูกสารเลว"
สุงคว้าไม้พลองกระหน่ำตีหงส์ไม่ยั้ง
กุ่ย หมวย และอาหวังที่กำลังซ้อมงิ้วอยู่ ได้ยินเสียงเอะอะ ก็รีบวิ่งเข้ามาห้ามสุง
"พอเถอะค่ะ เถ้าแก่ เจ้หงส์สำนึกผิดแล้ว" หมวยบอก
"หลีกไป อาหมวย อั๊วจะตีมันให้ตาย"
กุ่ยยุดไม้พลองสุงเอาไว้
"เจ้หงส์ เถ้าแก่สุงกำลังโกรธ รีบไปสิ"
หงส์ยังดื้อแพ่ง คุกเข่านิ่ง ไม่ยอมไปไหน ยอมถูกสุงตีอยู่ตรงนั้น
"อั๊วสอนทำไมไม่รู้จักจำ ผู้หญิงเล่นงิ้วไม่มีวันเจริญ"
หงส์นึกถึงคำพูดที่หลงเคยบอก
"ศิลปะไม่มีวันทำให้ใครตกต่ำ ไม่ว่าหญิงหรือชาย"
"อาหงส์ ! เดี๋ยวนี้ลื้อกล้าเถียงอั๊วเหรอ อย่าอยู่เลย นังลูกชั่ว "
สุงยิ่งโกรธ กระหน่ำตีหงส์ จนกระทั่ง...แน่นหน้าอกหายใจไม่ทัน หน้ามืด ไม้พลองหลุดจากมือ ตกพื้น
ทั้ง 4 คนโพล่ง

"เถ้าแก่ / อาป๊า"

สุงนอนอยู่บนเตียงในห้อง หงส์ห่มผ้าให้ มีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด
 
หมวยบอก
"เถ้าแก่นะเถ้าแก่ เมื่อกี้ยังตีหงส์จนน่วมไปทั้งตัว สุดท้ายเจ้หงส์ก็ต้องคอยมาดูแล"
"เจ้ผิดเองที่ฝ่าฝืนคำสั่งอาป๊าแอบเล่นงิ้ว"
"ไม่รู้เถ้าแก่จะห้ามอะไรนักหนา อั๊วะเคยได้ยินมาว่าตอนอาม้าเจ้หงส์สาวๆก็เคยเป็นนางเอกงิ้วที่นี่มาก่อน" กุ่ยบอก
กุ่ยยังพูดไม่ทันจบ หมวยก็รีบเอามือปิดปากกุ่ยทันที
"เบาๆสิ ! เถ้าแก่ยิ่งไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้อยู่ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก"
"ทุกวันนี้เจ้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่หน้าตาเป็นยังไง แม้แต่รูปถ่ายแม่สักใบ เจ้ก็ยังไม่เคยเห็น"
กุ่ยกับหมวยประหลาดใจ มองหน้ากัน
หมวย / กุ่ยถามพร้อมกัน
"ทำไมล่ะ"
"ตอนอาม้าตาย อาป๊าบอกว่าเผารูปทิ้งไปหมดแล้ว"
หงส์มองสุงอย่างไม่เข้าใจ เรื่องที่แม่เคยเป็นนางงิ้วมาก่อนถูกลบหายไปจากความทรงจำ

ไช้พุ้ยข้าวต้มกินอยู่ หน้าบึ้งตึง ยังโกรธหลิวที่ไล่หลงออกไปอยู่ ไม่ยอมพูดด้วยสักคำ หลิวเห็นบรรยากาศเงียบเกินไป เลยพยายามชวนไช้คุยด้วย
หลิวตักกับข้าวให้
"วันนี้เหนื่อยมั้ยเฮีย ประชุมที่สมาคมทั้งวัน"
ไช้เสียงแข็ง
"อั๊วก็เหนื่อยของอั๊วทุกวันนั่นแหละ"
"นี่เฮียยังโกรธอั๊วะเรื่องอาหลงอยู่ใช่มั้ย"
ไช้พุ้ยข้าวต้มกินต่อ ไม่ตอบ ไม่ค่อยสบอารมณ์
"คนเลวๆอย่างมัน สมควรอยู่ในคุกในตะรางนั่นแหละดี"
ไช้กระแทกตะเกียบลงบนชาม แล้วลุกพรวดออกไปทันที
หลิวยังสะใจอยู่ลึกๆที่เอาตำรวจมาลากคอหลงไปได้

หลงถูกใส่กุญแจมืออยู่ในห้องสอบสวน ชานนท์วางปืนของหลงตรงหน้า ถามคาดคั้นความจริง
"คราวนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่านายจะเอาปืนนี่ไปทำอะไรที่ร้านเถ้าแก่ไช้"
หลงนิ่ง ไม่ยอมตอบ ตำรวจยศจ่าเข้ามาในห้องสอบสวน ตะเบ๊ะชานนท์
"หมวดครับ สารวัตรให้มาเชิญไปพบด่วนครับ"
ชานนท์ออกจากห้องสอบสวนไป ปล่อยให้ตำรวจนายนั้นคุมตัวหลงไว้แทน หลงมองไปที่นาฬิกาซึ่งแขวนอยู่ บอกเวลา 23.40 น. ใกล้จะสองยามเต็มทีแล้ว
"ผมขอบุหรี่สักตัวได้มั้ยจ่า"
จ่าเอาไฟแช็คจุดบุหรี่แล้วยื่นให้หลง
หลงแกล้งทำเป็นหยิบบุหรี่ไม่ถึง ทำให้จ่าต้องเข้ามาใกล้ๆ หลงอาศัยจังหวะที่จ่าเผลอ ใช้ขาล็อกคอจ่าไว้ จ่าเอื้อมจะหยิบปืนขึ้นมาต่อสู้ หลงใช้เท้าเหวี่ยงจ่ากระแทกกำแพง เอาสันมือฟันที่ต้นคอ จ่าหมดสติไป
"ขอโทษด้วยนะจ่า แล้วผมจะกลับมามอบตัว"
หลงหยิบพวงกุญแจจากร่างจ่า ไขกุญแจมือของตัวเอง แข่งกับเวลาที่ใกล้เข้ามาทุกที
ชานนท์ได้ยินเสียงคล้ายคนต่อสู้กัน ก็รีบไขเปิดประตูเข้ามาภายในห้องสอบสวน ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ก็เห็นร่างจ่าสลบอยู่
"จ่า"
หลงซึ่งแอบอยู่หลังประตู อาศัยช่วงชุลมุน ปีนหน้าต่างหนีออกจากโรงพักไป

หน้าปัดนาฬิกาลูกตุ้มแบบตั้งพื้น เข็มยาวเดินทับเข็มสั้นที่เลข 12 ลูกตุ้มตีบอกเวลา 2 ยาม
ไช้กับหลิวนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง อาเจ็งและนักฆ่าชุดดำ มีไอ้โม่งคลุมปิดหน้าปิดตาแบบนินจาเอาเชือกตะขอ ปีนระเบียงขึ้นมา
ไช้ได้ยินเสียงผิดปกติ สะดุ้งตื่น ค่อยๆเปิดลิ้นชักหยิบปืนออกมาป้องกันตัว
หลิวงัวเงีย
"มีอะไรเหรอเฮีย"
ไช้ส่งสัญญาณให้เงียบ
"ชู่วว์.... มีคนบุกเข้ามา"
ทันใดนั้นนักฆ่าทั้งสามก็พุ่งทะลุกระจกเข้ามาในห้องนอนไช้
หลิวกรีดร้องลั่นตกใจ
ไช้ยิงปืนใส่นักฆ่า 1 แต่นักฆ่า 2 เข้ามาช่วย เตะปืนจากมือไช้กระเด็นไป ทำให้ปืนลั่น
"เตรียมตัวลงนรกได้แล้ว ไอ้แก่ !" นักฆ่า 2 สั่งนักฆ่า 1 "ฆ่ามัน"
ไช้ถูกนักฆ่า 1 ถีบกระเด็น ไปกองใกล้ๆกับหลิว นักฆ่า 1 เงื้อดาบคมกริบหมายจะฟันเถ้าแก่ไช้พร้อมๆกับอาหลิว
หลงเปิดประตูเข้ามาทันเวลา ยิงนักฆ่า 1 ตายคาที่
นักฆ่า 2 เข้ามาทางด้านหลังล็อคคอหลง แล้วหักมือหลงทำให้ปืนร่วงหล่นพื้น แล้วเตะปืนทิ้ง
เจ็งบอก
"ฤทธิ์มากนักนะมึง"
เจ็งประเคนหมัดเท้าเข่าศอกใส่หลงไม่ยั้ง จนร่วงลงไปกองกับพื้น
หลงเลือดกบปาก เจ็งกระชากผมหลงขึ้นมา ดูหน้าหลงชัดๆ ก็จำได้ว่าเคยเจอที่หน้าภัตตาคารฉั่วเทียนเหลา
"อ้อ... มึงนี่เอง ! ถุย"
เจ็งถ่มน้ำลายใส่หน้าหลง
"กูจะฆ่านายมึงก่อนแล้วค่อยมาจัดการกับมึง ไอ้ลูกหมา"
เจ็งส่งสัญญาณให้นักฆ่า 2 รีบไปจัดการไช้กับหลิวที่อยู่มุมห้อง
หลงรวบรวมกำลังเอาหัวโขกหน้าเจ็งจนหน้าหงาย แล้วคว้าเอาหน้าไม้ ที่ตั้งโชว์อยู่ในห้อง ก่งสายยิงไปยังร่างนักฆ่า 2 ทะลุหัวใจตายคาที่ทันที
เจ็งเห็นท่าไม่ดีรีบกระโจนหน้าต่างหนีไป หลงขยับจะตาม
"อาหลง ! ไม่ต้องตาม"

ไช้ห้าม แต่ไม่ทัน หลงวิ่งตามเจ็งออกไปแล้ว

เจ็งวิ่งหนีออกมา เสียงหวอดังใกล้เข้ามาทุกที
 
เจ็งรีบกระโดดหลบหนีไป หลงวิ่งตามเจ็งออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่รถตำรวจมาถึงพอดี
แสงไฟจากไซเรนรถตำรวจจับหน้าหลงจนแดงฉาน
ตำรวจทุกนายลงจากรถ เล็งปากกระบอกปืนไปยังร่างหลง รอพียงคำสั่งยิงจากชานนท์เท่านั้น
"หยุด ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าขยับ"
หลงวางปืนในมือลงกับพื้น ยกมือทั้งสองข้าง ยอมให้ตำรวจจับกุมตัวแต่โดยดี
ไช้กับหลิววิ่งตามมา เห็นหลงถูกตำรวจใส่กุญแจมือเรียบร้อยแล้ว

ภายในคฤหาสน์เมฆินทร์หลังใหญ่โต สมกับเป็นนักการเมืองใหญ่ที่มีอิทธิพลในเขตเยาวราช
เจ็งเหงื่อแตกหน้าซีดเผือด รู้ดีว่าเมฆินทร์เป็นคนเหี้ยมลึก
เจ็งพูดปากสั่น
"ผมพลาดไปแล้วครับท่าน"
"คนทำงานพลาดสมควรได้รับการลงโทษ"
เมฆินทร์หยิบปืนลูกโม่ขึ้นมา ใส่กระสุน3 นัด แล้วหมุนลูกโม่
"ปืนกระบอกนี้มีกระสุนอยู่ 3 นัด ถ้าแกพอมีดวงอยู่บ้างก็คงรอด ขอให้แกโชคดี"
เจ็งหยิบปืนบนโต๊ะขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา เอาปืนจ่อที่ขมับตัวเอง เหงื่อไหลเป็นทาง กลัวตาย
เจ็งค่อยๆเหนี่ยวไก เสียงดังแชะ... ไม่มีกระสุน
เจ็งดีใจที่รอดตายมาได้
"วันนี้ชะตาแกยังไม่ถึงฆาต ไสหัวไป"
เจ็งค้อมศีรษะแล้วรีบออกไปทันที
"ตอนนี้ไอ้เถ้าแก่ไช้มันคงระวังตัวแจ ไม่เปิดช่องให้เราเล่นงานมันง่ายๆ " เกาบอก
"ถ้าแก๊งสามวิหคมันหันหน้าเข้าหากันเมื่อไหร่ แก๊งของแกคงราบเป็นหน้ากลอง หนำซ้ำยังจะเดือดร้อนมาถึงฉันด้วย"
เกาเริ่มร้อนใจ
"เราจะทำยังไงกันดีล่ะครับท่าน"
เมฆินทร์ครุ่นคิดหาทางแก้เกม

เต็กประคองสุงจากเตียงมานั่งที่เก้าอี้ เต็กรายงานเหตุการณ์เมื่อคืน
"อาไช้กับอาหลิวล่ะ ปลอดภัยดีหรือเปล่า" สุงถาม
"ไม่มีใครเป็นอะไร พี่ใหญ่ ตอนนี้เฮียไช้กำลังวิ่งเต้นช่วยเด็กในร้านที่ชื่ออาหลงอยู่ ถ้าไม่ได้มันช่วยเอาไว้ เฮียไช้ก็คงสิ้นชื่อไปแล้ว"
"รู้มั้ยว่าพวกไหน"
"สายของอั๊วรายงานว่าพวกมันเป็นนักฆ่าเดนตายถูกฝึกมาเพื่อฆ่าโดยเฉพาะ ยังไม่มีเบาะแสว่าใครส่งพวกมันมา"
หงส์ถือถาดอาหาร 2 ที่เข้ามาวาง เต็กขยับปากทำท่าจะเล่าให้ฟัง แต่สุงยกมือห้ามเสียก่อน
หงส์จัดสำรับวางบนโต๊ะ ถึงแม้จะอยากรู้ แต่ก็ไม่กล้าถาม
"อย่านึกว่าอั๊วไม่รู้นะ ว่าลื้อตะแคงหูฟังอยู่"
สุงเห็นอาหารที่หงส์ยกมาก็ไม่พอใจ มีข้าวสวย ซุปผักโขม ผัดผักกาดขาว
"แก๊งหงส์ดำยากจนข้นแค้นนักหรือไง ถึงได้เอาอาหารพื้นๆอย่างนี้มารับรองแขก"
"หงส์จัดอาหารชุดนี้มาให้เพราะเห็นว่าระยะนี้อาป๊าไม่ค่อยสบาย แน่นหน้าอก หายใจขัดอยู่บ่อยครั้ง"
"เพราะอย่างนั้นอั๊วถึงต้องกินยาอยู่นี่ไง"
"โรคบางอย่างไม่ใช่แค่อาศัยยาจะช่วยรักษาได้ ถ้าไม่กินอาหารบำรุงควบคู่ไปด้วย จะกินยาอีกสักเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์"
"ลื้อรู้ได้ยังไงผักโขมกับแปะฉ่ายช่วยรักษาอาการของอาป๊าลื้อได้"
หงส์ก้มหน้าหลบตาสุง
"อั๊วอ่านมาจากตำรายาในห้องหนังสือ"
"อ่านตำรายาด้วยรึ" เต็กหัวเราะชอบใจ "ลื้อนี่ชงเม้ง... ฉลาดเกินหญิงจริงๆ"
"สู่รู้ ! งานการอื่นไม่มีทำแล้วหรือไง โบราณว่าไว้ไม่มีผิด ผู้หญิงรู้หนังสือเป็นเรื่องอาภัพ ยิ่งรู้มาก ยิ่งหัวแข็ง ปกครองยาก"
"อาหงส์พูดก็ถูกนะพี่ใหญ่ ร่างกายต้องมาก่อน ของอร่อยไว้ทีหลัง...เอาน่า อาหงส์อีปรารถนาดี อยากให้พี่ใหญ่สุขภาพแข็งแรง เจี๊ยะๆๆ ของดีๆทั้งนั้น"
เต็กมองหน้าหงส์ด้วยความชื่นชม เริ่มหมายตามองไว้เป็นลูกสะใภ้

ณ มุมร่มรื่นของโรงงิ้ว หงส์ประหลาดใจเมื่อรู้ว่าหลงกลับมา
"อาหลงกลับมาแล้วเหรอ"
"เขาลือกันให้โขมงว่าเมื่อคืนมีโจรบุกเข้าไปปล้นร้านเถ้าแก่ไช้ โชคดีนะที่อาหลงมาช่วยไว้ได้ทัน เลยไม่มีใครเป็นอะไร" หมวยบอก
"อาหลงช่วยชีวิตอาเจ็กไช้ ทำไมถึงได้ถูกตำรวจจับ"
"หมวยก็ไม่รู้เหมือนกัน ฟังคนในตลาดเค้าเล่ามาอีกที"
"โธ่เอ๊ย... นึกว่าจะแสนรู้ไปซะทุกเรื่อง”
"แสนรู้ ? แสนรู้เค้าใช้กับหมาไม่ใช่เหรอเฮีย"
"ก็ไม่รู้สิ เห็นลื้อชอบกัดอั๊วนักนี่"
หมวยหยิก กุ่ยร้องลั่น
"โอ๊ยๆๆๆๆ.... สงสัยตอนเด็กลื้อจะชอบกินของหวาน ถึงได้ดุขนาดเนี้ย"
หมวยค้อนกุ่ยปะหลับปะเหลือก
"แล้วตอนนี้อาหลงอยู่ที่ไหน"

หงส์ถามด้วยความเป็นห่วง

หลงนั่งซุกตัวอยู่มุมหนึ่งในห้องขัง หงส์มาเยี่ยมหลงที่ห้องขัง ทั้งสองคุยกันผ่านลูกกรงเหล็ก
 
"คุณหนู"
หงส์ตัดพ้อ
"มีอะไรทำไมนายถึงไม่บอกฉัน นึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา แล้วยังกล้าทำเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบนี้อีก"
"ผมเหมือนคนที่ตายแล้วนับตั้งแต่สูญเสียคนรักเมื่อ 7 ปีก่อน ทุกวันนี้จะอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญ"
"ถึงชีวิตฉันจะไม่ได้ดีไปกว่านายนัก แต่อย่างน้อยฉันก็มีความความหวัง"
"ความหวัง"
"ใช่ ความหวังคือเหตุผลที่คนเรายังมีลมหายใจต่อไป อยู่เพื่อคนที่เรารัก เหมือนฉัน...ที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อดูแลอาป๊า"
"เหตุผลที่ทำให้ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปคือ ความแค้น ผมคงตายตาไม่หลับ ถ้ายังไม่ได้แก้แค้นให้อาเหมย"
"นายจะแก้แค้นยังไง"
"เชื่อผมเถอะ คุณหนูไม่อยากรู้หรอก"
หงส์จ้องหน้าหลง แม้ใบหน้าเขาจะเย็นชา แต่ดวงตากลับดุดัน จะรอวันฆ่าสุงให้จงได้

หงส์กลับมาที่โรงงิ้ว เจอสุงยืนหน้ายักษ์อยู่
"มัวไปเถลไถลที่ไหนมา บ้านช่องอยู่ไม่ติด"
หงส์ก้มหน้านิ่ง ยอมรับคำด่าโดยดี
"เป็นลูกผู้หญิงอย่าเที่ยววิ่งแร่หาผู้ชายให้มันมากนัก เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะด่ามาถึงอั๊วะได้ ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ ใครที่ไหนเค้าจะเอาไปเป็นเมีย"
สุงพูดจบก็เดินออกไปอย่างเหม็นขี้หน้า

ภายในบ้าน เล็กนั่งเอาขาดพาดที่โต๊ะ นั่งทำหูทวนลมฟังผู้เป็นพ่อ
"อาหงส์อีทั้งสวย ทั้งขยัน ทั้งฉลาด แถมยังเป็นถึงลูกสาวหัวหน้าแก๊งหงส์ดำประมุขสมาคมเลือดมังกรอีกต่างหาก ไม่มีใครเหมาะสมกับลื้อเท่าอีอีกแล้ว"
"ต่อให้ลูกสาวอาแปะสุงสวยยิ่งกว่านางฟ้านางสวรรค์ อั๊วก็ไม่สนใจ บอกแล้วไง อั๊วจะไม่แต่งงานกับใคร นอกจากหยกมณีคนเดียวเท่านั้น อาป๊าอย่าเปลืองน้ำลายชักแม่น้ำทั้งห้าซะให้ยาก"
"ลื้อจะเลี้ยงมันเป็นนางบำเรออั๊วะก็ไม่ว่า แต่เมียตกเมียแต่ง ช่วยเลือกให้มันสมฐานะอั๊วหน่อยได้มั้ย อั๊วไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน"
"ใครมันขืนพูดมาก อั๊วจะเราะฟันมันให้หมดปาก"
เต็กถอนใจหนักๆ
"นังผู้หญิงหยำฉ่านั่นมันมีดีอะไรนักหนาห๊ะ ลื้อถึงได้หลงหักปักหัวปำ หรือว่า...มันเล่นมนต์ดำทำคุณไสยใส่ลื้อ ไหนดูซิ"
เต็กจับหน้าตี๋เล็กพลิกไปมาดูว่าหน้าดำหรือเปล่า ตี๋เล็กปัดมือเต็กออก
"เหลวไหลน่าอาป๊า หยกมณีเป็นนักร้องนะไม่ใช่พวกแม่มดหมอผี อย่าซี้ซั้วน่ะ"
ตี๋เล็กขยับหยิบเสื้อแจ๊คเกตหนังมาสวม
"ลื้อจะออกไปไหนอีก"
"ออกไปหาอะไรเจริญหูเจริญตาข้างนอกแก้เซ็ง"
"อ้าว ! แล้วเรื่องอาหงส์ล่ะ"
"บอกแล้วไงว่าอั๊วะไม่แต่ง ถ้าอาป๊าอยากแต่งก็แต่งเองสิ"
"ไอ้ตี๋เล็ก ! ไอ้เฉาฉุ่ย ! กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน"
ตี๋เล็กเดินออกจากร้านไป ปล่อยให้เต็กด่าล้งเล้งไล่หลัง

ตำรวจไขกุญแจเปิดประตูห้องขัง หลงขยับตัวมอง หลิวหิ้วปิ่นโต ของกินเข้ามาเยี่ยมหลงถึงในห้องขัง ทรุดตัวนั่งลงข้างๆอย่างไม่ถือตัว
หลงโค้งให้ฃ
"เถ้าแก่เนี้ย"
"อั๊วทำของกินมาฝากลื้อ"
หลิวเปิดปิ่นโตให้หลง มีอาหารอย่างดีมากมาย
"ของน่ากินทั้งนั้น ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยมาก"
หลิวเสียงเครือ
"อาหลง ลื้อเป็นยังไงบ้าง"
"อยู่ในนี้ อั๊วสบายดี เถ้าแก่เนี้ยไม่ต้องเป็นห่วง"
"ใจเย็นๆนะ เฮียไช้กำลังวิ่งเต้นหาทางช่วยลื้ออยู่"
หลงยิ้มเศร้า พยักหน้า นึกขอบคุณเถ้าแก่ไช้
"ที่ลื้อต้องตกอยู่ในสภาพนี้เพราะอั๊วแท้ๆ"
"เป็นเพราะอั๊วทำตัวอั๊วเองต่างหาก เถ้าแก่ไช้กับเถ้าแก่เนี้ยมีพระคุณกับอั๊ว แค่อีไว้ใจคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างอั๊ว อั๊วก็ซึ้งใจแล้ว"
"อั๊วทำไม่ดีกับลื้อ ลื้อไม่โกรธอั๊วมั่งเลยเหรอ อาหลง ลื้อว่าอั๊ว...ด่าอั๊วก็ได้"
หลงยิ้มจางๆ ส่ายหน้า
"อั๊วไม่เคยนึกโกรธเถ้าแก่เนี้ยเลย"
หลิวยอมก้มหัวขอขมาอาหลง ร้องไห้ สำนึกผิด อาหลงรีบห้าม
"อั๊วขอบใจลื้อจริงๆ ชีวิตอั๊วกับเฮียไช้เป็นหนี้ลื้อแล้ว อาหลงเอ๊ย"
หลิวเข้าไปกอดหลง รู้สึกรักหลงเหมือนลูกแท้ๆ

เวลากลางคืน หลงนอนไม่หลับครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่เล้งสั่งให้หลงฆ่าจันทร์ชมพู โดยบอกว่าเป็นคำสั่งสุง
คำพูดของหงส์ตอนที่มาเยี่ยมในคุกดังขึ้นมาในหัว
"ความหวังคือเหตุผลที่คนเรายังมีลมหายใจต่อไป อยู่เพื่อคนที่เรารัก เหมือนฉัน... ที่ทุกวันนี้มีชีวิตอยู่เพื่อดูแลอาป๊า"
แต่สำหรับเขา
"คนที่ผมรักตายไปแล้ว จะเหลือก็แต่คนที่ผมแค้นเท่านั้น ผมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากฆ่าคนที่คุณหนูรัก"

หลงทอดสายตามองออกไปนอกช่องแสงที่เห็นแต่ความมืดแห่งรัตติกาล

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

หงส์นอนไม่หลับเดินออกมาข้างนอก บริเวณลานงิ้ว
 
กุ่ยยังคงถอดเสื้อ ฝึกซ้อมงิ้วอย่างหนัก เหงื่อโทรม หงส์เดินเข้ามา จัดท่าทางให้กุ่ย เช่น ยกแขนให้ได้ระดับ จัดหน้าให้มองตรง ฯลฯ
"พระเอกบู๊ท่าทางต้องสง่าผ่าเผย ยืดอกขึ้น สายตามองตรง ไม่ก้มหน้า"
"นั่นแหละปัญหาของอั๊ว อั๊วเล่นแต่ตัวตลกนี่นา เคยเป็นพระเอกกับเค้าซะที่ไหน"
"นักแสดงงิ้วที่ดีต้องเล่นได้ทุกบทบาท เจ้เคยได้ยินอาป๊าพูดอยู่บ่อยๆ"
"พรุ่งนี้ต้องขึ้นแสดงแล้ว อั๊วไม่มั่นใจเลย กลัวคนดูจะโห่ไล่เหมือนคราวก่อน"
"ลืมความผิดพลาดล้มเหลวไปซะ จดจ่อแต่สิ่งที่จะลงมือทำดีกว่า"
"เจ้หงส์เป็นกำลังใจให้อั๊วด้วยนะ"
"เจ้เชื่อว่าลื้อทำได้"
หงส์ยิ้ม พยักหน้า กุ่ยมีกำลังใจขึ้นมาทันที หมวยเข้ามาแอบเห็นหงส์กับกุ่ยคุยกันสองต่อสอง สะเทือนใจตามประสาคนแอบชอบ

วันใหม่ กลองงิ้วตีรัวด้วยป่วงเซียงชุดเจ็ดนางฟ้า เบิกโรงก่อนถึงการแสดงจริงดังขึ้นมาก่อน
หน้าเวที หมวยใส่ชุดนางฟ้ารำพัดอยู่ พร้อมกับนางฟ้าอีก 6 นาง แปรขบวนสวยงาม กุ่ยในชุดหยางจงเป่ายังคงนั่งคุกเข่าต่อหน้าแท่นบูชาฉั่งหง่วงส่วยคล้ายจะวิงวอนขอกำลังใจจากเทพเจ้า
หงส์เดินเข้ามาใกล้ เห็นมือของกุ่ยสั่นและชุ่มเหงื่อ จึงเอามือกุมมือเอาไว้
กุ่ยหันมามอง เห็นหงส์ยิ้มให้กำลังใจ
หมวยรำป่วงเซียงเสร็จเข้าหลังเวทีมา เห็นเข้าพอดี หงส์เห็นหมวยเข้ามา ก็พยักหน้า... ถึงเวลาที่กุ่ยจะต้องออกไปแล้ว
กุ่ยจับทวน อาวุธคู่กายออกไปยังหน้าเวที
กุ่ยตีลังกาออกมาหน้าเวที สุงยืนมอง เอาใจช่วยกุ่ยอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง คนดูโหรงเหรง พอเห็นว่าเป็นกุ่ยก็ลุกเดินออกจากโรงงิ้วไปจนไม่เหลือสักคน กุ่ยมองอดเสียกำลังใจไม่ได้
หงส์กับหมวยแอบดูอยู่หลังเวที เอาใจช่วย กุ่ยยังคงร่ายรำต่อไป ถึงแม้จะไม่มีคนดูเลยสักคน
ใครคนหนึ่งก้าวเท้าเดินเข้ามาในโรงงิ้ว สวนกับคนอื่นที่เดินออกไป ผู้หญิงนางนั้นคือ ซื่อเหนียงแม่ของกุ่ย เธอแต่งตัวปอนๆ มีผ้าคลุมหน้า ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้แถวหลังสุดของโรงงิ้ว
กุ่ยเห็นว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนดู จึงแสดงอย่างสุดความสามารถที่ได้ซ้อมมาอย่างหนัก ซื่อเหนียงดูอากุ่ยเล่นงิ้วไปก็ร้องไห้ไป เสียใจที่ตนเป็นแม่ที่เลว
อากุ่ยปีนผ้าขึ้นไป เป็นโชว์ที่ผาดโผน
กุ่ยหันมาเห็นซื่อเหนียงร้องไห้ก็แปลกใจจนเสียสมาธิ จึงพลาดตกลงมากระแทกพื้นเวทีอย่างแรง
หงส์ / หมวยเรียก "เฮียกุ่ย"
หงส์ หมวย และนักแสดงอื่นๆรีบวิ่งเข้าไปหากุ่ยที่นอนร้องโอดโอยอยู่บนเวทีงิ้ว
ซื่อเหนียงตกใจสุดขีด รีบปราดวิ่งเข้าไปหากุ่ยทันที

แขนเดาะ หงส์เอาผ้าพันที่แขนคล้องคอให้เรียบร้อย
"แค่แขนเดาะนิดหน่อย โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก"
"ดีแล้วนี่ อยากใจลอย มัวเหม่ออะไรอยู่ก็ไม่รู้ สม ! เจ็บตัวจนได้" หมวยบอก
"นี่อาหมวย ถ้าไม่ช่วย ก็อย่าซ้ำเติมกันดีกว่า"
ณ มุมหนึ่ง ซื่อเหนียงแอบยืนลูกชาย น้ำตารื้น อยากจะเข้าไปใกล้ๆ แต่ก็ไม่กล้า
หมวยเห็นซื่อเหนียงด้อมๆมองๆ เลยเดินมาบอก
"วันนี้มีเหตุขัดข้องนิดหน่อย ต้องขอโทษอาซ้อด้วย วันหลังค่อยมาชมใหม่นะคะ"
ซื่อเหนียงพยักหน้า หันมามองกุ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์
สุงเข้ามาเผชิญหน้ากับซื่อเหนียง ทั้งสองต่างตกใจไม่แพ้กัน
"ลื้อ"
ซื่อเหนียงส่ายหน้า ส่งสายตาวิงวอนสุงว่าอย่าบอกใคร แล้วรีบออกไปจากโรงงิ้วทันที
สุงยังตะลึง คิดไม่ถึงว่าซื่อเหนียงจะกลับมา หงส์สังเกตเห็นความผิดปกติของสุง และผู้หญิงที่รีบผลุนผลันออกจากโรงงิ้วเมื่อครู่

ไช้ขึ้นมาที่โรงพักพร้อมด้วยบอดี้การ์ดคุ้มกันสมฐานะเจ้าพ่อ ชานนท์ ออกมาพบไช้ ทั้งสองเผชิญหน้ากัน
"อั๊วมารับคนของอั๊ว"

หลงนั่งจับเจ่าอยู่ในคุก ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าของตนจะเป็นเช่นไร ตำรวจมาไขเปิดประตูห้องขังให้ หลงเห็นไช้เดินอย่างสง่าผ่าเผย มารับหลงด้วยตัวเอง
"เถ้าแก่"
"ลื้อไม่ต้องกินข้าวแดงแล้ว อาหลง"
"ขอบคุณครับ เถ้าแก่"
ไช้หัวเราะเบาๆ ตบบ่าหลงด้วยความเอ็นดู รักเหมือนลูกแท้ๆ
"นับตั้งแต่นี้ไป ลื้อไม่ต้องมาขับรถให้อั๊วแล้ว"
หลงตกใจ
"ทำไมล่ะครับ"
"อั๊วจะให้ลื้อมาเป็นมือขวา คอยคุ้มกันอั๊ว"
"แล้วเถ้าแก่รู้หรือยังครับว่าคนที่สั่งฆ่า มันเป็นใคร"

ไช้กัดฟันแน่นด้วยความแค้น มั่นใจว่าเป็นเกาแน่ๆ

ในเวลาต่อมา หงส์มาเยี่ยมหลงที่ห้องขัง แต่ไม่พบ
 
"มีคนมาประกันตัวนายหลงออกไปแล้ว" ชานนท์บอก
"ใครพาออกไปเหรอคะ"
"เถ้าแก่ไช้"
หงส์ยิ้มออก รีบไปหาหลงทันทีด้วยความดีใจ
ชานนท์ยืนยิ้มมองตามจนเหลียวหลัง ตำรวจอีกนายหนึ่งเข้ามาแซว
"มองจนเหลียวหลังเลยนะหมวด"
"แซวผู้บังคับบัญชา อยากถูกย้ายหรือไงจ่ายวด"
จ่ายวดหัวเราะเบาๆ
"ผมไม่กล้าหรอกครับ ถ้าหมวดอยากเจอเธออีก ก็ลองไปตรวจพื้นที่แถวๆโรงงิ้วเฟิ่งหวงดูสิครับ"
จ่ายวดยักคิ้วให้ชานนท์อย่างรู้ทันว่า แอบมีใจให้หงส์

หงส์มาที่ศาลเจ้ากวาดตามองหาหลงแต่ไม่พบ ทันใดนั้นเสียงเพลงเป่าใบไม้ก็ดังขึ้น หงส์ดีใจ รีบตามเสียงนั้นไปทันที
หงส์ตามมายังต้นเสียง เห็นหลงนั่งเป่าเพลงใบไม้อย่างเท่ หลงอยู่ในชุดคนสนิทไช้อย่างเต็มตัว
"ฉันดีใจที่นายกลับมา"
"ตราบใดที่ภารกิจของผมยังไม่สำเร็จลุล่วง ผมก็ยังไปไหนไม่ได้"
"อาเจ็กถูกลอบปองร้าย นายรู้มั้ยว่าเป็นฝีมือใคร เสี่ยเกาใช่มั้ย"
"เถ้าแก่มีทั้งศัตรูทั้งในที่ลับและที่แจ้ง"
"หมายความว่ายังมีมือที่สามอีกงั้นเหรอ"
"ผมเห็นหน้ามันไม่ชัด ได้ยินแต่เสียงมัน"
"ต้องเป็นพวกเดียวกับที่ยิงเฮียฉางแน่ๆ... ฉันจะไปบอกอาป๊า"
"อย่านะครับ คุณหนู"
หลงรีบจับมือหงส์ห้ามไว้
หมวยหิ้วตะกร้าจะไปตลาด ผ่านมาที่ศาลเจ้าเห็นหลงจับมือหงส์เข้าพอดี หมวยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนรีบเดินหลุดไป เข้าใจว่าทั้งสองจีบกันอยู่
พอหลงรู้สึกตัวก็ค่อยคลายออก
"ห้ามฉันทำไม อาเจ็กไช้กำลังตกอยู่ในอันตราย จะรอให้มือมืดมันหวนกลับมาเล่นงานอีกหรือไง"
"ผมกลัวว่ามันจะไหวตัวซะก่อน บางทีคนที่อยู่เบื้องหลังการสั่งฆ่าเถ้าแก่ไช้กับ คนที่ฆ่าอาเหมยอาจจะเป็นคนๆเดียวกันก็ได้"
หงส์อึ้ง
"นายว่าอะไรนะ"
"ลางสังหรณ์ของผมบอกว่า อีกไม่ช้าไอ้ฆาตกรเลือดเย็นจะต้องเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของมันออกมา"
หลงยังคงปักใจเชื่อว่าสุงคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ดี

ไช้ตบโต๊ะปังด้วยความโมโห
"อั๊วนึกแล้วว่าจะต้องเป็นมัน ไอ้เกา ไอ้เก๊าเจ้ง ชาติสุนัขรับใช้"
"แต่คนที่เสี่ยเกาคุยด้วย อั๊วไม่เห็นหน้า เลยไม่รู้ว่ามันเป็นใคร"
"จะเป็นใครก็ช่าง แต่ถ้ามันรวมหัวกับไอ้เกาคิดจะโค่นอั๊ว มันก็ต้องตายกันไปข้าง"
"เถ้าแก่อย่าเพิ่งวู่วาม ศัตรูอยู่ในที่ลับ เราต้องระวังตัวให้มากขึ้น"
"การป้องกันที่ดีที่สุดคือการทำลายฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้" ไช้ถามอาซัน "อาซัน ลื้อมีมือมีตีนอยู่เท่าไหร่"
"มือปืนในสังกัดอั๊ว ระดมทั้งหมด ไม่น้อยกว่ายี่สิบครับ เถ้าแก่"
ไช้พยักหน้ารับรู้ พอใจกับจำนวน
ไช้มองไปยังรูปที่ถ่ายร่วมกับสุงและเต็ก 3 พี่น้องกอดคอรักกันมาก
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ใหญ่คงไม่ปล่อยให้อั๊วต้องรับมือหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แบบนี้" ไช้ถอนใจหนักๆ "น่าเสียดาย...พี่ใหญ่คนเดิมที่อั๊วเคยรู้จักได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว"
หลงมองไช้ อดเห็นใจไม่ได้

หมวยทายาให้กุ่ยที่แขน กุ่ยแหกปากร้องลั่น
"โอ๊ย ! เบาๆหน่อยสิ มือหนักชะมัดยาด"
"เป็นผู้ชายอกสามศอก แค่นี้ทำสำออยไปได้ อยู่เฉยๆสิ รู้จักอดทนซะมั่ง"
"ผู้ชายไม่ใช่คนหรือไง เจ็บเป็นเหมือนผู้หญิงนั่นแหละ รู้งี้รอเจ้หงส์มาทาให้ดีกว่า มือเบากว่าลื้อตั้งเยอะ"
"คำก็เจ้หงส์ สองคำก็เจ้หงส์ ไม่ทงไม่ทามันแล้ว อุตส่าห์ไปซื้อยาที่ตลาดให้ เสียเวลาจริงๆ"
หมวยพูดจบก็งอนตุ้บป่องออกไป
กุ่ยเกาหัวงงๆ
"เอ้า ! อั๊วพูดอะไรผิดวะเนี่ย"
กุ่ยหันมาเห็นสุงยืนอยู่ ก็สะดุ้งเล็กน้อย
"อุ้ย ! เถ้าแก่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ"
สุงมองกุ่ยจริงจัง... มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย

ภายในห้อง สุงนั่งคุยกับกุ่ยตามลำพัง
"เถ้าแก่ อั๊วขอโทษ....ที่อั๊วแทนเฮียฉางไม่ได้"
"ลื้อไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"
"อั๊วจะตั้งใจให้มากกว่านี้ ไม่ทำให้เถ้าแก่ต้องผิดหวังอีก"
สุงจ้องหน้ากุ่ย
"อากุ่ย... 27 ปีมานี่ ลื้อเคยอยากเจอพ่อแม่ที่แท้จริงของลื้อบ้างมั้ย"
"ไม่อยากครับเถ้าแก่"
"ทำไมถึงไม่อยาก"
"เพราะอั๊วไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ตั้งแต่อั๊วจำความได้ก็มีแต่เถ้าแก่สุงเท่านั้นที่เลี้ยงดูอั๊วมา พ่อแม่เป็นใคร อั๊วไม่เคยรู้จัก แล้วอั๊วก็ไม่อยากรู้จักด้วย"
"อย่าพูดอย่างนั้น พระคุณของพ่อแม่กว้างใหญ่ดั่งแผ่นฟ้า ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ แสดงความกตัญญูแม้เพียงถั่วหนึ่งเม็ด ยังดีกว่ารอให้ท่านตายแล้วไหว้ด้วยหัวหมู"
กุ่ยชักแปลกใจ
"ทำไมอยู่ๆเถ้าแก่ถึงพูดเรื่องนี้กับอั๊วล่ะ"
สุงนิ่งชั่วขณะก่อนตอบ
"เพราะวันนี้ แม่ของลื้อ มาที่นี่"
กุ่ยปะติดปะต่อภาพซื่อเหนียงที่มาแอบดูตอนตกลงมาด้วยความเป็นห่วง
"ไม่จริง ! เถ้าแก่ล้ออั๊วเล่นใช่ไหม"
"ผู้หญิงที่มาดูลื้อเล่นงิ้วคือแม่บังเกิดเกล้าของลื้อ อากุ่ย"
กุ่ยช็อกอ้าปากค้าง ตั้งตัวไม่ติด เมื่อเห็นสุงกล่าวยืนยันหนักแน่น
 
กุ่ยวิ่งพรวดพราดออกจากห้องสุงไป ยังรับความจริงไม่ได้

กุ่ยวิ่งออกมาหลังโรงงิ้ว แล้วเอาหน้าตัวเองจุ่มลงไปในถังไม้ใบใหญ่ๆใส่น้ำอยู่เต็ม
 
แม้หน้ากุ่ยจะจุ่มอยู่ในถังน้ำ แต่ภาพของซื่อเหนียงแล่นเข้ามาในหัว ตั้งแต่มาด้อมๆมองๆแอบดูตอนฝึกงิ้ว ซื่อเหนียงดูอากุ่ยเล่นงิ้วไปก็ร้องไห้ไป จนถลาเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วงเมื่อกุ่ยตกลงมา
กุ่ยโผล่พรวดขึ้นมาจากถังน้ำ หอบแฮ่กๆ
“ไม่จริง ! อั๊วไม่มีแม่ แม่อั๊วตายไป”
กุ่ยเอาหลังพิงฝา ร้องไห้ เสียใจที่ถูกแม่ทอดทิ้งไม่ดูดำดูดีตั้งแต่แบเบาะ

คืนนั้น หมวยเปิดประเด็นคุยเรื่องกุ่ยกับหงส์
“น่าเห็นใจเฮียกุ่ยนะเจ้ อุตส่าห์ซ้อมหามรุ่งหามค่ำทุกคืน แต่ฝีมือก็ยังห่างไกลเฮียฉางลิบลับ”
“คงต้องให้เวลาอากุ่ยฝึกต่อไปสักระยะ”
“ตอนนี้คนดูงิ้วคณะเรามีไม่ถึงหนึ่งในสิบ ขืนเป็นแบบนี้ โรงงิ้วต้องเจ๊งแน่ๆ”
“อาป๊าตั้งใจจะอนุรักษ์งิ้วแต้จิ๋วเอาไว้ไม่ให้สูญหาย โรงงิ้วเฟิ่งหวงเปรียบเหมือนลมหายใจของอาป๊า... เจ้รับปากกับเฮียฉางไว้แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้ก็ต้องรักษาโรงงิ้วเอาไว้ให้ได้”
“ต่อให้เล่นงิ้วแทบตาย ถ้าไม่มีคนดูก็เปล่าประโยชน์”
“ถ้าทำด้วยใจรักและตั้งใจไม่ย่อท้อ สักวันก็จะมีคนเห็นคุณค่าเองนั่นแหละ”
“โอ้โห... เจ้หงส์ของหมวย หน้าตาว่าสวยแล้ว แต่ใจเจ้สวยยิ่งกว่า... จะว่าไปอาหลงนี่ตาถึงสมกับเป็นมือขวาคุ้มกันหัวหน้าแก๊งไก่ฟ้าจริงจริ๊ง”
“เกี่ยวอะไรกับอาหลงด้วย”
“ก็เค้าจีบๆเจ้อยู่ไม่ใช่เหรอ หมวยรู้นะว่าเจ้กับอาหลงไปเจอกันที่ศาลเจ้าอยู่บ่อยๆ”
หงส์ตกใจ
“ใครบอก”
หมวยทำท่ากระซิบกระซาบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“หมวยมีพรายกระซิบ”
หมวยพูดจบก็เผ่นแน่บหนีไปทันที ปล่อยให้หงส์โวยวายไล่หลัง
“อาหมวย ! เดี๋ยวเหอะ เอาใหญ่แล้วนะเรา กลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ”
หงส์เริ่มสงสัยในตัวเองว่าตนรู้สึกอย่างไรกับหลงกันแน่…. แค่เพื่อน หรือมากกว่านั้น ?

หลงนั่งเป่าใบไม้เป็นเพลงอยู่ที่ดาดฟ้า
“กำลังคิดถึงคนรักเก่าของลื้ออยู่เหรอ”
“เถ้าแก่รู้”
ไช้หัวเราะเบาๆ
“อั๊วะอาบน้ำร้อนมาก่อน เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้... อาหลงเอ๊ย เมื่อคิดเสพสุขอันหวานชื่นของความรัก ลื้อก็ต้องเตรียมใจสำหรับความขื่นขมปวดร้าวจากความรักด้วย… ยิ่งรักมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก”
“รอยขาดของเสื้อผ้าเย็บปะได้ แต่บาดแผลในหัวใจไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเย็บสมานได้”
“ความรักไม่ทำร้ายใคร มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่ทำร้ายตัวเอง อั๊วรู้ว่าลื้อเจ็บ แต่ชีวิตคนเรายังต้องก้าวต่อไป ลื้อจะยอมปล่อยให้ความรักมารัดคอลื้อจนตายทั้งเป็นเลยเชียวเหรอ”
หลงครุ่นคิดตามไช้ เริ่มได้สติกลับคืนมาบ้าง

หลงนอนอยู่ในห้องที่ไช้จัดไว้ให้อย่างดี สมฐานะมือขวา ทว่าเขากำลังฝันร้าย ถึงเหตุการณ์วันที่อาเหมยถูกยิงตาย เหงื่อผุดเต็มหน้า
ซ้งจ่อปืนจะยิงเหมย เสียงปืนลั่นเปรี้ยง !
หลงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อผุดเต็มหน้า เหมือนฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนอยู่ทุกค่ำคืน
“อาเหมย !”
หลงปวดหัวหนึบ ยกมือขึ้นลูบหน้า หยิบกำไลหยกของอาเหมยในกล่องหัวนอนมาจูบ
“อีกไม่นานหรอก มันจะต้องรับกรรมที่มันก่อไว้”
หลงรู้สึกปวดใจไม่น้อยที่ยังไม่มีโอกาสแก้แค้นสุงเสียที

บรรยากาศเยาวราชตอนกลางวัน เต็กแต่งชุดเตรียมออกไปข้างนอก เคาะประตูเรียกหน้าห้องตี๋เล็ก ปังๆๆๆ !!!
“ตี๋เล็ก ! ไอ้ตี๋เล็ก เรียกตั้งนานยังไม่ตื่น มันหลับหรือมันตายวะเนี่ย” เต็กบอกพ่อบ้าน “อาโส่ย...ลื้อไปเอากุญแจสำรองมาไขห้องไอ้ตี๋เล็กที”
“ครับ เถ้าแก่”
อาโส่ยเอากุญแจพวงใหญ่มาไขห้องตี๋เล็ก เต็กเปิดประตูห้องเข้าไป

เต็กเห็นตี๋เล็กนอนอยู่ในชุดไปเที่ยว กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง
“ไอ๊หยา....ไอ้ตี๋เล็ก กลับมาทำไมลื้อไม่อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนวะ ดูสิเนี่ย กลิ่นเหล้า เหม็นคลุ้งไปหมด”
ตี๋เล็กทนหนวกหูเสียงโวยวายของเต็กไม่ไหว เอาหมอนอุดหูตัวเอง แล้วนอนต่อ
“โวยวายอะไรแต่เช้าเลยอาป๊า คนจะหลับจะนอน”
“เช้าที่ไหนวะ แหกขี้ตาดูซิ สายโด่งจนแดดส่องก้นแล้วยังไม่ลุกอีก จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
ตี๋เล็กหลับต่อ ไม่สนใจเต็ก
“ไม่ลุกใช่มั้ย”
เต็กหรี่ตามองตี๋เล็ก ต้องหาวิธีปลุกตี๋เล็กให้จงได้

เสียงประทัดดังปังๆๆ ใกล้ๆตี๋เล็ก ตี๋เล็กตาหูแหกสะดุ้งตื่น แหกปากลั่น นึกว่าถูกรัวยิง
“เฮ้ย ! ใครยิงกูวะ ใคร”
สายตาตี๋เล็กเห็นอาโส่ยเอาไม้ผูกกับประทัดอยู่ ก็โกรธจัด จะเข้าไปบีบคอ
“ไอ้โส่ย มึง”
เต็กรีบเข้ามาห้ามตี๋เล็กพัลวัน
“พอได้แล้ว ไอ้ตี๋เล็ก ! อั๊วะเป็นคนสั่งอาโส่ยเอง”
“อาป๊า ! ว่างนักหรือไง ! เล่นเป็นเด็กอมมือไปได้”
“รีบลุกขึ้น อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย แล้วเตรียมตัวไปกับอั๊วะ”
“ไปไหน”
เต็กยิ้ม ไม่ตอบ ปล่อยให้ตี๋เล็กงงเป็นไก่ตาแตก

เวลาต่อมาที่โรงงิ้วเฟิ่งหวง สุงทักทายตี๋เล็กที่นั่งทำหน้าเซ็ง บอกบุญไม่รับ
“ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ ตี๋เล็ก”
“เกือบสิบปีแล้วพี่ใหญ่ ตั้งแต่เมียอั๊วะตายก็ส่งอาตี๋เล็กไปเรียนต่อที่ปีนัง”
“ลื้อจบอะไรมาล่ะ”
ตี๋เล็กอ้ำอึ้ง “เอ่อ... อ่า” ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเรียนไม่จบ
“อั๊วส่งไปเรียนด้านบริหาร แต่หมู่นี้งานที่ร้านยุ่ง ก็เลยเรียกตัวตี๋เล็กให้กลับมาช่วย”
สุงอมยิ้ม พยักหน้า แต่ก็อ่านออกว่าตี๋เล็กเป็นคนไม่เอาถ่าน
“กลับมาอยู่เมืองไทยก็ดี จะได้ช่วยอาป๊าลื้อดูแลกิจการของแก๊งกระเรียน”
“อั๊วก็ตั้งใจไว้ว่าอย่างนั้น พี่ใหญ่... อั๊วเองก็แก่ลงทุกวันๆ อยากให้อาตี๋เล็กมันเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที อั๊วะอยากอุ้มหลานใจจะขาด”
“ลื้อเจอผู้หญิงที่ถูกตาต้องใจเลยหรือยังล่ะ”
เต็ก / ตี๋เล็กโพล่งพร้อมกันแต่ไปกันคนละทาง “ยัง / เจอแล้ว”
เต็กถลึงตาใส่ตี๋เล็ก ทำนองปรามว่าอย่าพูดมาก
“ตกลงว่าเจอหรือยังไม่เจอกันแน่”
“ตี๋เล็กเพิ่งกลับมายังไม่ค่อยได้เจอใคร ดีไม่ดีอาจจะเจอคนถูกใจแถวนี้ก็เป็นได้”
หงส์ถือป้านน้ำชา เปิดประตูเข้ามา
ตี๋เล็กเห็นหงส์เข้าก็ถึงกับตกตะลึง.... คนนี้แหละ ใช่เลย
เต็กกระซิบเบาๆกับตี๋เล็ก
“นี่ล่ะ อาหงส์... ลูกสาวอาแปะสุงที่อั๊วเคยบอก”
หงส์รินหล่อฮั่งก้วยใส่ถ้วยส่งให้เต็ก
“หล่อฮั้งก้วยผสมโสมค่ะ อาเจ๊ก”
“กลิ่นหอมใช้ได้” หลังจิบแล้ว “ชื่นใจจริงๆ... ลองให้เฮียตี๋เล็กเค้าชิมหน่อยสิ อาหงส์”
หงส์รินหล่อฮั่งก๊วยใส่ถ้วยให้ตี๋เล็ก ที่ยังนั่งตาค้าง จ้องหงส์ ตาไม่กระพริบ
หงส์ส่งถ้วยให้ ตี๋เล็กแกล้งจับมือ แต๊ะอั๋งหงส์

“ขอบใจมากนะจ๊ะ น้องหงส์”

หงส์รีบชักมือออก ชักไม่ชอบหน้า ตี๋เล็กมองหงส์ยิ้มกรุ้มกริ่ม จนหงส์รู้สึกอึดอัด
 
สุงแกล้งกระแอมดังๆ
“อะแฮ้ม !!! เสร็จแล้วจะเสนอหน้าอยู่ทำไม มีอะไรก็รีบไปทำ”
หงส์ค้อมตัวรีบออกไป ตี๋เล็กมองตาม ยิ้มหน้าระรื่น
“เดี๋ยวอั๊วะมานะอาป๊า”
เต็กพยักหน้าอมยิ้ม รู้ทันทุกอย่างเป็นไปตามแผนการดูตัวที่ตนวางไว้ ตี๋เล็กกระดี๊กระด๊ารีบออกไปทันที

หลังโรงงิ้ว หงส์กำลังเก็บผ้าผืนใหญ่ที่ตากเต็มราวใส่ตะกร้า พอหงส์ดึงผ้าออกก็เห็นตี๋เล็กส่งยิ้มให้ หงส์สะดุ้งเล็กน้อย
"เฮียตี๋เล็ก"
"ผ้าตั้งเยอะ ให้เฮียช่วยนะจ๊ะ น้องหงส์"
"ไม่เป็นไร หงส์ทำเองได้"
"น่า... ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรามันคนกันเองมา... เฮียช่วย"
ตี๋เล็กช่วยเก็บผ้าฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง โอบร่างหงส์ไว้ในอ้อมแขน
"ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี น้องหงส์ของเฮียดูสวยขึ้นผิดหูผิดตา"
"ปล่อย !"
ตี๋เล็กยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เบียดตัวเองเข้าไปใกล้หงส์มากขึ้น เอาปลายนิ้วเขี่ยที่แก้มหงส์
"เย็นนี้โรงหนังเฉลิมบุรีมีหนังเข้าใหม่ ไปดูกับเฮียมั้ย"
"หงส์ไม่ชอบดูหนัง"
"หรือว่าน้องหงส์อยากจะไปนอนฟังเพลงกับเฮียบนตึกเก้าชั้นจ๊ะ"
หงส์จ้องตาเขม็ง แล้วเงื้อมือตบหน้าตี๋เล็กฉาดใหญ่
"หยาบคาย ! หงส์ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า ถ้าอดอยากปากแห้งมากนักก็ไปหาเอาที่โรงน้ำชาโน่น"
หงส์จ้องตี๋เล็กตาเขียว ถือตะกร้าผ้าเดินออกไปอย่างหัวเสีย
"เจ็บๆอย่างเนี้ย เฮียชอบ"
ตี๋เล็กมองตามหลัง หงส์ยิ้ม ถึงแม้จะยังเจ็บหน้าแต่ก็ถูกใจ

ณ ร้านเครื่องเซ่นไหว้ของเถ้าแก่เต็ก ตี๋เล็กหน้าระรื่นเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลง
"อาป๊า อั๊วรักอาหงส์"
เต็กกำลังซดน้ำชาอยู่สำลักพรวด
" ห๊ะ ลื้อว่าไงนะ อาตี๋เล็ก"
"โธ่ อาป๊า หูตึงหรือไง อั๊วะบอกว่า อั๊วรักอาหงส์"
"ไอ๊หยา ! ลื้อสองคนไปรักกันตอนไหนวะ"
ตี๋เล็กเพ้อๆ
"เจอหน้ากันหนแรก อั๊วก็รู้ทันทีว่าคนนี้ใช่เลย... ตั้งแต่เกิดมาอั๊วยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยกระชากใจเท่าอาหงส์มาก่อนเลย"
"แล้วนังนักร้องหยำฉ่านั่นล่ะ ลื้อตัดใจได้แล้วเหรอ"
"จะฟื้นฝอยหาตะเข็บพูดถึงหยกมณีทำไมอีก ก็อาป๊าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากได้อีมาเป็นสะใภ้"
"เออ ให้มันได้อย่างงี้สิ ไหนเคยรักมันจะเป็นจะตาย"
"อาป๊า... อาป๊าไปสู่ขออาหงส์ให้อั๊วทีสิ
"จะบ้าเหรอ เพิ่งเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว จะให้อั๊วไปสู่ขอ ฝันไปเถอะ"
ตี๋เล็กเข้าไปบีบนวดเต็กอย่างประจบ
"น่านะ...อาป๊า ไหนๆอาแปะสุงก็จะยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำอาป๊าอยู่แล้ว ถ้าอาป๊าออกปากขอลูกสาวมาเป็นสะใภ้ สานไมตรีสองแก๊งให้เป็นทองแผ่นเดียวกัน มีเหรออาแปะสุงจะปฏิเสธ"
ตี๋เล็กชักแม่น้ำทั้งห้าหว่านล้อมเต็กจนเริ่มคล้อยตาม

กุ่ยฝึกซ้อมงิ้วอยู่คนเดียว เสียงของสุงยังคงก้องอยู่ในหัว
"ผู้หญิงที่มาดูลื้อเล่นงิ้วคือแม่บังเกิดเกล้าของลื้อ อากุ่ย"
ภาพของซื่อเหนียงยังคงวนเวียนอยู่ในหัว จนกระทั่งกุ่ยใจลอยเผลอทำพลองหลุดมือ พลองกลิ้ง... ไปหยุดอยู่ที่เท้าซื่อเหนียงซึ่งแอบยืนมองอยู่
"กลับมาทำไมอีก"
ซื่อเหนียงเห็นอาการเย็นชากับน้ำเสียงของกุ่ย ก็รู้ได้ทันทีว่ากุ่ยรู้ความจริงแล้ว
"อากุ่ย...ฟังแม่ก่อน"
กุ่ยเสียงลั่น
"ยังกล้าเรียกตัวเองว่าแม่อีกเหรอ"
หงส์และคนอื่นๆในโรงงิ้วได้ยินเสียงกุ่ยเอ็ดตะโรก็วิ่งเข้ามาดู
"25 ปีตั้งแต่ลื้อทิ้งอั๊วะไป ลื้อเคยนึกเป็นห่วงบ้างมั้ยว่า อั๊วะจะเป็นตายร้ายดียังไง ถ้าเถ้าแก่สุงไม่เมตตาให้ที่อยู่ที่กิน ชีวิตของอั๊วะคงไม่ต่างอะไรกับหมาข้างถนน อั๊วะอยากจะรู้นัก หัวใจลื้อทำด้วยอะไร"
ซื่อเหนียงน้ำตาร่วงพรู อยากจะพูดออกมาว่า แม่ผิดไปแล้วลูก แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ จุกแน่นไปหมด
"กลับไปซะ มาทางไหน ก็ไปทางนั้น แล้วชาตินี้อย่ากลับมาให้อั๊วะเห็นหน้าลื้ออีก"
กุ่ยไล่ตะเพิดซื่อเหนียงออกไปจากโรงงิ้วอย่างไร้เยื่อใย หงส์และทุกคนยืนมอง รู้สึกเช่นเดียวกัน งุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

กุ่ยยังคงฝึกซ้อมคิวบู๊อยู่เพียงลำพังที่ลานฝึกงิ้วอย่างหนัก หวังจะให้ลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
หงส์เดินเข้ามา ดูรู้ทันทีว่ากุ่ยจิตใจวอกแวก
"อาแปะจางสอนว่าเล่นงิ้วจิตใจต้องแน่วแน่มั่นคง ไม่วอกแวกหวั่นไหว แต่ท่ารำของลื้อวันนี้ดูซัดส่าย ไม่มีพลัง... ถ้ายังไม่มีสมาธิ เฮียก็อย่าเพิ่งฝึกเลยดีกว่า"
กุ่ยนิ่งขรึม ไม่ต่อปากต่อคำ แปลกกว่าทุกครั้ง ! หงส์เข้าไปดูใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่ากุ่ยมีน้ำตา
"ลื้อร้องไห้"
กุ่ยรีบเช็ดน้ำตา สะกดกลั้นความรู้สึก
"เปล่า"
"คิดเรื่อง... อาซ้อ คนนั้นอยู่ใช่มั้ย"
"ทำไมอั๊วต้องไปเสียเวลาคิดถึงคนพรรค์นั้นด้วย"
"โกหกใครก็โกหกได้ แต่อย่าโกหกใจตัวเอง... ลื้อกำลังเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปวันนี้"
กุ่ยนิ่ง ในใจยอมรับ หงส์พูดจี้ใจดำเข้าอย่างจัง
"ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกในไส้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อาซ้อคงไม่เลือกเส้นทางนี้แน่"
"เจ้หงส์รู้ได้ยังไง ว่าเค้าทำลงไปเพราะความจำเป็น ไม่ใช่เพราะเห็นแก่ตัว"
"เพราะเจ้เป็นผู้หญิง... ผู้หญิงย่อมเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกันดี... ลื้อยังโชคดีที่มีโอกาสได้พบหน้าแม่บังเกิดเกล้าอีกครั้ง แต่เจ้สิ แม้แต่รูปถ่ายแม่สักใบก็ยังไม่เคยได้เห็น"
กุ่ยหันมามองหน้าหงส์ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจค่อยคลายลงไปกว่าตอนแรก

หมวยถือเชิงเทียนออกมาที่ลานฝึกงิ้ว ตรวจตราความเรียบร้อยในโรงงิ้วยามค่ำคืนตามปกติ หมวยเห็นเงาตะคุ่มๆของใครบางคนนอนอยู่ ก็ใจหายวาบ
"ใครน่ะ หรือว่า... ผี" หมวยพูดเสียงเบา
หมวยค่อยๆถือเชิงเทียนย่องเข่าไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆ เห็นกุ่ยนอนหมดสภาพ เธอส่ายหน้า
"โธ่เอ๊ย นึกว่าใคร เฮียกุ่ยน่ะเอง... นอนเข้าไปได้"
หมวยปัดยุงให้ กุ่ยยังคงหลับไม่รู้เรื่อง
"ดูซิเนี่ย ยุงกัดลายพร้อยไปทั้งตัว"
หมวยเห็นมือกุ่ยมือพองแตกเลือดซึม เนื่องจากซ้อมอย่างหนักก็สงสารเห็นใจ

หมวยเอาผ้าซับเลือด แล้วทายาให้ที่มือกุ่ยขณะที่กุ่ยยังหลับอยู่ เอาผ้าพันที่มือให้เรียบร้อย
หมวยมองกุ่ยขณะหลับแล้วแอบยิ้ม
"เวลาหลับก็น่ารักดีเหมือนกัน"
หมวยเขี่ยจมูกกุ่ยเบาๆ ก่อนยกเอากาละมังน้ำเดินออกไปเปลี่ยน
หงส์ออกมาเห็นกุ่ยหลับอยู่ก็เข้าไปเขย่าตัวปลุก
"อากุ่ย !ตื่น "
กุ่ยงัวเงียตื่นขึ้นมามึนหัว เห็นหงส์เป็นคนแรก
"เจ้หงส์… นี่อั๊วะเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เจ้มาก็เห็นลื้อนอนตากยุงตรงนี้แล้ว"
"ยังไม่สว่างเลย ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ"
กุ่ยล้มตัวจะนอนต่อ แต่หงส์ยุดแขนเอาไว้
"นอนตรงนี้ไม่ได้ อยากถูกยุงหามหรือไง ถ้าจะนอนก็กลับไปนอนต่อที่ห้องลื้อ ลุก !"
กุ่ยพยักหน้า หาวหวอดๆ บิดขี้เกียจ ยังสะลึมสะลือ
"รู้แล้วน่า...เดี๋ยวอั๊วก็ไปเองแหละ"
หงส์ส่ายหัว แล้วดินออกไป กุ่ยแอบมองตามหลังหงส์แล้วยิ้มชื่น กุ่ยยกมือขึ้นจะปิดปากหาว เห็นมือตัวเองมีผ้าพันแผลพันอยู่ก็แปลกใจ หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
กุ่ยนั่งคิดสะระตะ ตื่นขึ้นมาเห็นหงส์เป็นคนแรกเลยคิดว่าหงส์เป็นคนทำให้
"ขอบใจมากนะเจ้หงส์ที่เป็นห่วงอั๊ว"
กุ่ยเข้าใจผิด หลงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ลุกออกไป หมวยกลับมา ไม่เห็นกุ่ยแล้ว คลาดกันพอดี
"อ้าว ! เมื่อกี้ยังหลับอุตุ ไปไหนซะละ อุตส่าห์ทำแผลให้ ไม่อยู่ขอบใจสักคำ"
หมวยบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ปากก็บ่น แต่ในใจก็แอบรัก

เช้ามืด หลงยืนอยู่หน้าป้ายวิญญาณอาเหมยที่แขวนรวมกับป้ายวิญญาณของคนอื่นๆในศาลเจ้าเต็มไปหมด หลงพูดเบาๆกับป้ายวิญญาณอาเหมย มีส้มไหว้พอเป็นพิธี
"อาเหมย... วันนี้ครบรอบวันตายของลื้อ"
เขาคิดถึงตอนที่อาเหมยถูกยิงตาย
"7 ปีที่ผ่านมา อั๊วไม่เคยลืม วันนี้แหละ อั๊วจะฆ่ามัน แล้วเอาเลือดมาเซ่นดวงวิญญาณลื้อ"
หลงดวงตาแข็งกร้าว

โรงงิ้วเฟิ่งหวง เช้าวันใหม่ หงส์ออกมาเปิดประตูใหญ่ เจอหลงที่ดักอยู่พอดี
"อาหลง !"
หลงเสียงเครียด
"เถ้าแก่สุงอยู่มั้ยครับ"
"อยู่ในห้องน่ะ นายมีอะไรเหรอ"
"ได้ยินว่าเถ้าแก่สุงไม่ค่อยสบาย ผมเลยอยากจะมาเยี่ยม"
หงส์เหลือบมองในมือหลง เถือถุงส้มมาด้วยเหมือนจะเอามาเยี่ยมจริงๆ
"อาเจ็กไช้ไม่มาด้วยเหรอ"
"เปล่าครับ ผมมาคนเดียว"
หงส์เริ่มรู้สึกแปลกๆ จึงหาทางบ่ายเบี่ยง กันท่าไม่ให้หลงเข้าไปพบสุง
"อาป๊าไม่ค่อยแข็งแรง นานๆทีถึงจะออกมารับแขก นายมีอะไรฝากไว้กับฉันก็ได้"
ทันใดนั้น สุงก็ออกมาพอดี ได้ยินเข้า ก็เอ็ดหงส์ลั่น
"เสนอหน้าเจ้ากี้เจ้าการดีนัก ! ไม่ใช่เรื่องของลื้อ จะไปไหนก็ไป"
หงส์เดินก้มหน้าออกไป
"ลื้อมีธุระอะไรกับอั๊วเหรอ อาหลง"

หลงเผชิญหน้ากับสุง จ้องตาไม่กะพริบ !
 
จบตอนที่ 2 
กำลังโหลดความคิดเห็น