xs
xsm
sm
md
lg

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 3

ในห้องรับแขก สุงถาม หลงระวังตัวตลอดเวลา
 
"ลื้อมานี่ มีธุระอะไร"
หลงเอาส้มออกมาให้สุง แต่จ้องสุงตาเขม็ง คนที่กำลังตามล่านั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว
"เถ้าแก่ไช้ทราบว่าเถ้าแก่สุงป่วย ก็เลยให้อั๊วเอาส้มมาเยี่ยม"
"ฝากบอกอาไช้ด้วยว่าอั๊วะขอบใจ...จะกี่ปีๆอาไช้อีก็เป็นคนมีน้ำใจไม่เคยเปลี่ยน"
"เถ้าแก่เป็นเจ้าพ่อมากี่ปีแล้วครับ"
"35 ปี 4 เดือน กับ 12 วัน"
"ตลอดชีวิตการเป็นเจ้าพ่อ เถ้าแก่เคยทำผิดบ้างหรือเปล่า"
"ไม่มีใครไม่เคยทำผิด คนที่ไม่เคยทำผิด คือคนที่ไม่ทำอะไรเลย ลื้อถามทำไม"
"อั๊วก็แค่อยากรู้ เจ้าพ่อใหญ่แก๊งหงส์ดำรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าเคยทำอะไรผิด"
บริเวณใต้โต๊ะ หลงค่อยๆชักมีดคมกริบออกมา เตรียมจะฆ่าสุงเต็มที่
สุงหัวเราะด้วยความขมขื่น
"อั๊วผิดตั้งแต่ตัดสินใจก้าวเข้ามาอยู่ในวงการเจ้าพ่อแล้ว"
"ที่เถ้าแก่มีทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะการเป็นเจ้าพ่อหรอกเหรอ เจ้าพ่อใหญ่อย่างเถ้าแก่คงไม่เคยรู้จักรสชาติของการสูญเสียเหมือนอย่างอั๊ว"
"ทำไมจะไม่รู้ ! ลูกชายอั๊วถูกยิงตายต่อหน้าต่อตายังไม่เรียกว่าสูญเสียอีกเหรอ"
หลงเห็นแววตาเจ็บปวดของสุง แล้วถึงกับนิ่งอึ้งไป
"ถ้าอาฉางยังอยู่ก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกับลื้อ อั๊วเห็นลื้อแล้วก็อดคิดถึงอีไม่ได้"
หลงเอามีดจะฆ่าสุงซึ่งหันหลังไปยังป้ายวิญญาณอาฉาง แต่คำพูดของหงส์ดังก้องขึ้นมาในหัว
"ที่ฉันมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อดูแลอาป๊า"
หลงชะงัก ฆ่าไม่ลง หงส์เปิดประตูเข้ามา หลงรีบเก็บมีดทันที

หงส์เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยยา เอามาวางตรงหน้าสุง ขัดจังหวะพอดี
"ยาก่อนอาหารค่ะ ซินแสกำชับให้หงส์เอายาให้อาป๊ากินตรงตามเวลา"
"อั๊วะไม่กิน"
"ไม่กินแล้วอาป๊าจะหายได้ยังไง"
"ตายเสียได้ก็ดี อั๊วะจะได้ไปอยู่กับอาฉาง"
"แล้วคณะงิ้วของเราล่ะคะ ใครจะดูแล ไหนจะงานที่สมาคมอีก"
สุงนิ่ง ไม่ตอบ ไม่แม้กระทั่งจะชายตามองหงส์
"เฮียฉางไปสบายแล้ว อาป๊าอย่าเอาแต่นิ่งหมดอาลัยตายอย่างนี้เลย หงส์ขอร้อง"
"อย่าสู่รู้มาสอนอั๊ว ออกไปได้แล้ว"
"หงส์จะไม่ไปไหนจนกว่าอาป๊าจะกินยาถ้วยนั้น"
สุงเหลือบมองหงส์ ทั้งสองจ้องตากันอย่างจะวัดใจ ไม่มีใครยอมใคร สุงหยิบถ้วยยาขึ้นมา ทำท่าเหมือนจะยกขึ้นกิน หงส์ยิ้มดีใจที่ในที่สุดสุงก็ยอมกินยาจนได้
สุงลุกขึ้นเอายาถ้วยนั้นราดรดศีรษะหงส์จนหมดถ้วย แล้วหันมานั่งมองป้ายวิญญาณอย่างเก่า
"คราวนี้ลื้อจะออกไปได้แล้วหรือยัง"
หงส์นิ่ง แล้วเดินออกจากห้องไป หลงมองตามด้วยความรู้สึกสงสาร

หงส์กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง พร้อมกับยาถ้วยใหม่ ส่วนเนื้อตัวยังคงเลอะยาเมื่อครู่อยู่ หงส์เอาถ้วยยามาวางตรงหน้าสุง สุงราดยาใส่หัวหงส์เป็นครั้งที่ 2 หงส์ก้มหน้าเดินออกไป
หลงยืนมองตาค้าง เห็นความจงเกลียดจงชังของสุงที่มีต่อหงส์ต่อหน้าต่อตา
"ทำไมเถ้าแก่ถึงได้"
"ยิ่งเห็นหน้ามัน อั๊วะก็ยิ่งเกลียด เพราะมัน อาฉางถึงต้องตาย"
"คุณหนูหงส์จะสามารถลิขิตชะตาชีวิตของใครได้ยังไง"
"มันนั่นแหละตัวซวย ตั้งแต่มันลืมตาดูโลกก็นำพาความวิบัติมาสู่ครอบครัวอั๊วะไม่หยุดหย่อน"
"บางทีเรื่องร้ายๆอาจไม่เกี่ยวกับคุณหนูหงส์ แต่เป็นเพราะเวรกรรมที่เถ้าแก่เคยทำไว้ต่างหาก ที่ย้อนกลับมาทวงคืนกับคนที่เถ้าแก่รัก"
สุงจ้องหน้าหลง ฉุกคิดขึ้นมาได้... หรือจะจริงอย่างที่หลงพูด !?
ทันใดนั้น หงส์ก็กลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับวางถ้วยยาตรงหน้าสุง
สุงมองถ้วยยาตรงหน้า แล้วเหลือบมองหงส์ที่ก้มหน้านิ่ง ตัวยังเปียกยาซกอยู่ แต่สุงค่อยเย็นลง
"ไม่กลัวว่าอั๊วจะทำยาหกใส่หัวลื้ออีกหรือไง"
"ถ้าหกอีก หงส์ก็จะไปเอามาใหม่ จนกว่าอาป๊าจะยอมกินยาหมดถ้วย"
"ลื้อนี่มันดื้อด้านเหมือนใคร"
สุงจำใจยกถ้วยยาซดรวดเดียวหมดแล้ววางกระแทกบนโต๊ะอย่างรำคาญ หงส์ยิ้มนิดๆที่มุมปาก ดีใจที่สุดท้ายแล้วสุงก็ยอมกินยาจนได้ หลงเจ็บใจตัวเอง พลาดโอกาสในการฆ่าสุงจนได้

หงส์กับหลงเดินคุยกันมุมร่มรื่น ในโรงงิ้ว หงส์เห็นผีเสื้อบินมาตอมดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วยื่นมือจะไปจับ ผีเสื้อบินหนีหายไป
"เมื่อตอนยังเด็ก ฉันชอบวิ่งไล่จับผีเสื้อกับเฮียฉาง ทุกครั้งที่ฉันไล่ตาม มันจะยิ่งบิน
หนีจากฉันไป ยิ่งพยายามวิ่งไล่มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งบินห่างออกไปทุกที จนกระทั่งตอนนี้ฉันก็ยังไล่จับมันไม่ได้"
หงส์สีหน้าเศร้าลง คิดถึงพี่ชายที่ตายไป
"ทำไมนะช่วงเวลาที่เรามีความสุขจึงมักสั้นและผ่านไปไวเสมอ"
"เพราะอย่างนั้นเราถึงได้พยายามตักตวงมันไว้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ต่อให้ไขว่คว้าเท่าไหร่ สุดท้ายความสุขก็ยังหลุดลอยไปอยู่ดี"
"อาหลง... นายเคยมีความฝันมั้ย"
"ความฝันของฉันคือทำให้คณะเฟิ่งหวงกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง อาป๊าจะได้ภูมิใจในตัวฉันบ้าง...แล้วความฝันนายล่ะคืออะไร"
"ผมเคยฝันอยากมีชีวิตราบเรียบอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมหน้ากันพ่อ แม่ ลูก เท่านี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ แต่น่าเสียดาย...ความฝันของผมไม่มีวันเป็นจริง"
"หวังว่าสักวันนายคงเจอคนที่ถูกใจ"
"ไม่รู้ว่าชาตินี้ผมจะเจอผู้หญิงคนไหนที่ทำให้ผมรักได้เท่าอาเหมยอีกหรือเปล่า"
ขณะที่ทั้งสองกำลังอยู่ในความโรแมนติกกันอยู่นั้น ตี๋เล็กก็ปราดเข้ามา ต่อยเปรี้ยงใส่หลง
"มึงเป็นใครวะ สะเออะมายุ่งกับน้องหงส์ของกู"
ตี๋เล็กถือโอกาสจับมือ หงส์จะสะบัดออก แต่ตี๋เล็กจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"หงส์ไม่ได้เป็นของเฮียหรือของใครทั้งนั้น ! ปล่อยหงส์นะ"
หลงกำหมัดแน่นระงับโกรธ
"ปล่อยคุณหนูหงส์ซะ ถ้ายังพอมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้าง"
ตี๋เล็กหันไปจ้องหน้าหลงอย่างเอาเรื่อง
"กล้าออกคำสั่งกับกู มึงรู้มั้ยว่ากูลูกใคร"
"ไม่อายมั่งหรือไง ขนาดตัวเองยังไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร ก็อย่าหวังเลยว่าคนอื่นจะรู้"
"ปากดีนักนะมึง"
ตี๋เล็กเงื้อหมัดจะต่อย แต่หลงหลบทัน
หลงสวนกลับต่อยตี๋เล็ก ถูกปากครึ่งจมูกครึ่ง เลือดกำเดาไหล
ตี๋เล็กเลือดขึ้นหน้า
"มึง"
ตี๋เล็กชักมีดพกออกมากวัดแกว่ง จะแทง หลงหลบทัน เตะมีดพกกระเด็นตกพื้น หมวยกับกุ่ยพาสุงเข้ามา เห็นหลงกับตี๋เล็กกระชากคอเสื้อ เงื้อหมัด เตรียมจะตะบันหน้ากัน
"หยุด ! พอได้แล้ว"
สุงเข้ามาห้ามทัพ ทั้งสองจึงยอมผละออกจากกัน
เต็กเดินตามเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ด เห็นตี๋เล็กเลือดออกก็ตกใจ
"ตี๋เล็ก ! เกิดอะไรขึ้น"

เต็กจ้องหน้าหลงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

เต็กโวยวายลั่น โกรธจนควันออกหู
 
"ไอ้หลงมันก็แค่ขี้ข้าเฮียไช้ กล้าดียังไงมาทำลูกอั๊วเลือดตกยางออก"
"ผู้ชายต่อยตีกันเป็นเรื่องปกติ เรื่องแค่นี้ ให้มันจบๆไปเถอะ"
ตี๋เล็กโพล่งขึ้นมา"
"ตี๋เล็ก ! นั่งลงแล้วหุบปากให้สนิท ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน อย่าสอด"
ตี๋เล็กโมโห จำต้องนั่งลงตามคำสั่งเต็ก ไม่พอใจสุง
"ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด แต่เท่าที่อั๊วรู้ คนที่เข้ามาหาเรื่องก่อนก็คือลื้อ ตี๋เล็ก"
"อาแปะไม่ยุติธรรม ! ให้ท้ายแต่ไอ้ขี้ข้า ขืนปล่อยไว้อีกหน่อยมันคงลามเป็นขี้กลาก"
"ถ้าจะให้อั๊วลงโทษอาหลง ลื้อก็ต้องถูกลงโทษด้วยที่บังอาจเข้ามาก่อความวุ่นวายในถิ่นของอั๊ว เอามั้ยล่ะ"
"ไอ้ตี๋เล็ก ! อั๊วสั่งให้หุบปากไง ! พี่ใหญ่ตัดสินยุติธรรมที่สุดแล้ว ลื้อนั่นแหละตัวก่อเรื่อง ยังไม่รีบขอโทษอาแปะสุงอีก"
"อาป๊า !"
"ขอโทษอาแปะสุงเดี๋ยวนี้ !"
ตี๋เล็กเห็นเต็กเสียงเข้มจึง ยกมือไหว้ขอโทษลวกๆแบบขอไปที
"ลื้อพาลูกชายลื้อกลับไปก่อน เดี๋ยวเรื่องทางนี้อั๊วจะจัดการให้เอง"
ตี๋เล็กฮึดฮัด จ้องหน้าสุงอย่างไม่สบอารมณ์

บริเวณลานฝึกงิ้ว สุงเอาไม้ตีหงส์อย่างแรงถึงแม้ว่าหงส์จะเจ็บ แต่ก็ไม่ยอมปริปากร้อง หมวย กุ่ย วิ่งมาขอร้องสุง
"เถ้าแก่...เรื่องนี้หงส์ไม่ผิด อย่าตีหงส์เลย" หมวยบอก
"มีลูกสาวหากไม่อบรมสั่งสอนก็ไม่ผิดอะไรกับการเลี้ยงหมู...เกิดเป็นผู้หญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว ไม่ใช่ทอดสะพานให้ท่าผู้ชายแบบนี้"
"หงส์ไม่เคยแม้แต่จะคิด"
"ปากแข็ง ตี๋เล็กกับไอ้หลงมันต่อยตีกันหัวร้างค่างแตกเพราะใคร ถ้าไม่ใช่เพราะลื้อ"
"ผู้ชายทำอะไรก็ถูกไปหมด ผู้หญิงอย่างหงส์ ถึงอยู่เฉยๆก็ผิด"
สุงจะตีซ้ำ แต่อาการแน่นหน้าอกและหน้ามืดกำเริบ จึงโยนไม้เรียวทิ้ง
"ยอกย้อน เถียงคำไม่ตกฟาก ! คุกเข่าไปครึ่งชั่วยามจนกว่าจะรู้สำนึก"
กุ่ยกับหมวยรีบประคองสุงพาออกไปพัก
หงส์นั่งคุกเข่านิ่งอยู่คนเดียว พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล น้อยใจที่เกิดมาเป็นผู้หญิง หลงแอบดูอยู่ห่างๆ มองหงส์ด้วยความเห็นใจ

เต็กต่อว่าตี๋เล็ก
"ขายหน้าจริงๆ ! ลื้อลองคิดดู มังกร พยัคฆ์ จิ้งจอก ลื้ออยากเป็นอะไร"
"ถามได้ ก็ต้องอยากเป็นมังกรสิอาป๊า"
"แล้วสิ่งที่ลื้อทำลงไปมันเป็นวิสัยของอะไร มังกรงั้นเหรอ ! พี่ใหญ่เห็นเข้าจะคิดยังไง หัดมีหัวคิดเสียบ้าง"
"อาป๊าด่าอั๊วคนเดียวก็ไม่ถูก ไอ้หลงมันมาหาเรื่องอั๊วะก่อน อาแปะสุงเข้าข้างมันไม่พอ อาป๊ายังจะมาผสมโรงด่าอั๊วอีก พูดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย"
"อย่าโง่นักเลยน่า ! หัดรู้จักเก็บอารมณ์ซะมั่ง อย่าวู่วามแสดงออกให้มันมากนัก เหมือนที่คำพังเพยเขาว่าน้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอกน่ะ เคยได้ยินมั้ย"
"จะน้ำขุ่นน้ำใสอั๊วไม่สนใจทั้งนั้น อั๊วตีสองหน้าอย่างอาป๊าไม่เป็นนี่หน่า"
"เขาเรียกว่ารู้จักพลิกแพลงไปตามสถานการณ์โว้ย ! แต่พี่ใหญ่ก็เหลือเกิน หลานตัวเองถูกรังแกขนาดนี้ยังทำทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ ลองเป็นอั๊วสิ สั่งตัดนิ้วไอ้หลงโยนให้หมากินไปแล้ว"
"ไอ้ขี้ข้า ! ฝากไว้ก่อนเถอะมึง คราวหน้ากูไม่ปล่อยมึงแน่"
ตี๋เล็กแววตาอาฆาตแค้น

หงส์ยังคงคุกเข่าที่ลานฝึกงิ้ว หลงแอบเฝ้าดูอยู่ห่างๆไม่ไปไหน พอเห็นปลอดคนแล้วจึงแอบเข้ามาหา
"ครึ่งชั่วยามแล้วครับ คุณหนู"
"กลับไปซะ ถ้าอาป๊าเห็นเข้าจะเป็นเรื่อง"
"เพราะผม คุณหนูถึงได้ถูกลงโทษ"
"ฉันผิดมาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ อาม้า เฮียฉางตายก็เพราะฉัน"
"เราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราเลือกอนาคตของตัวเองได้"
"ทุกวันนี้ฉันคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้คณะงิ้วไปรอดเท่านั้น ฉันไม่อยากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเฮียฉางก่อนตาย”
หงส์ลุกขึ้น แต่เซเนื่องจากคุกเข่าเป็นเวลานาน หลงเข้าไปประคองด้วยความอ่อนโยน ทั้งสองสบตากัน ตกอยู่ในภวังค์ หงส์รีบผละออก กลัวว่าสุงจะมาเห็นเข้า หลงได้แต่มองตามจนลับสายตา
ลานฝึกงิ้ว ตอนกลางคืน กุ่ยควงทวนฉวัดเฉวียน หมวยเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ซ้อมหามรุ่งหามค่ำขนาดเนี้ย มือเฮียหายดีแล้วเหรอ”
กุ่ยอมยิ้ม
“เผอิญได้ยาดีเลยหายไว ต้องขอบคุณคนที่ช่วยรักษาให้อั๊ว”
หมวยแอบปลื้ม เข้าใจผิดเป็นตุเป็นตะคิดว่ากุ่ยชมตัวเอง
“ค่อยยังชั่วก็ดีแล้ว พรุ่งนี้เฮียจะได้แสดงเต็มที่”
“พูดอย่างกับจะมีคนดูงั้นแหละ”
“ถ้าอุปสรรคมันเล็ก ความสำเร็จมันจะใหญ่ไปได้ยังไงล่ะ จริงมั้ย”
“มีสาระกับเค้าก็เป็นนะเนี่ย นึกว่าดีแต่ด่าๆๆ”
“ก็เฮียอยากทำตัวให้น่าด่าเองทำไมล่ะ เอ้า ! ยืนอู้อยู่ได้ ซ้อมต่อสิ”
กุ่ยบ่นพึมพำ
“สวยก็ไม่สวย ยังจะด่าเก่งอีก”
กุ่ยซ้อมงิ้วต่อ หมวยนั่งกอดอกคอยคุมกุ่ยอยู่

มุมลับตา อาซาแอบลอบสังเกตการณ์อยู่

คฤหาสน์เสี่ยเกา เวลากลางคืน ซารายงานสถานการณ์ที่โรงงิ้วให้เกาซึ่งกำลังกลิ้งลูกเหล็กในมือฟัง
 
“ไอ้หนุ่มนั่นท่าทางไม่เอาไหน คณะเฟิ่งหวงคงสิ้นชื่อก็คราวนี้”
เกาหัวเราะในลำคอ
“น่าเสียดาย...งิ้วอันดับหนึ่งของเยาวราชต้องจบลงพร้อมๆ กับผู้สืบทอดแก๊งหงส์ดำ”
“อีกไม่นานเถ้าแก่สุงคงต้องปิดโรงงิ้วยอมขายที่ดินหัวมังกรผืนนั้นให้เสี่ยแน่ๆ”
“ได้ที่ดินผืนนั้นเมื่อไหร่ อั๊วจะสร้างตึก 9 ชั้นเปิดทั้งบ่อนแล้วก็โรงน้ำชา เอาให้ใหญ่กว่าทุกที่ที่มีในเยาวราช แต่กว่าจะถึงวันนั้น อั๊วคงอดใจรอไม่ไหว”
“เสี่ยจะทำอะไรเหรอครับ”
ซายิ้ม มีแผนการในใจ

คืนเดียวกัน หลงกำลังนั่งจิบเหล้ากับไช้ ไช้หน้าแดงก่ำเมามาย ท่องบทกวี “เดียวดายในหอตะวันตก” (ตู๋ส่างซีโหล่ว) ของหลีอวี้ กวีจีนที่โด่งดัง ไช้ฮัมเพลงเสียงอ้อแอ้ ...
เติ้งลี่จวินนำบทกวีนี้มาเป็นเพลง ... อู่เยี่ยนตู๋ซ่างซีโหล่ว เย่ว หลู่โกว...
ไช้หัวเราะ
“สุดท้ายอั๊วก็ยืนอยู่ตัวคนเดียว ไม่เหลือใคร ไม่เหลือใครสักคน”
“คืนนี้เถ้าแก่เมามากแล้ว”
“ม่ายน่อ...ยัง...ยังไม่เมา ภาษิตจีนว่าไว้ดื่มกับคนรู้ใจพันไหก็ไม่เมา รินอีก”
หลงรินเหล้าใส่จอกให้ ไช้ดื่มรวดเดียวหมด
“พี่ใหญ่นะพี่ใหญ่ อั๊วหลงนับถือมาตั้งนาน ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้โว้ย อั๊วยอมตายซะยังดีกว่าถูกไอ้เสี่ยเกามันตบหน้า”
“คนที่หนุนหลังเสี่ยเกาอยู่คงเป็นผู้มีอิทธิพลไม่น้อย ถึงได้กล้าเหิมเกริมขนาดนี้”
“ใครๆก็รู้ ไอ้เกามันซูเอี๋ยกับไอ้เมฆินทร์ คอยส่งส่วยให้มันทุกเดือนๆ พี่ใหญ่ถึงได้กลัวหัวหด ไม่กล้าแตะ ดีไม่ดีพี่ใหญ่อาจจะเห็นดีเห็นงามกับพวกมันด้วยก็ได้”
“เถ้าแก่หมายความว่าเถ้าแก่สุงอาจจะเป็นพวกเดียวกับเสี่ยเกา”
ไช้แค่นหัวเราะ
“เฮอะ ! เอาแน่เอานอนอะไรกับใจคน... ทุกวันนี้พี่ใหญ่เปลี่ยนไปมาก...มากซะจนเหมือนคนแปลกหน้าที่น่ากลัว”
ไช้ถอนใจหนักๆ แล้วยกเหล้าซดจนหมดจอก
“ไม่ว่าใครก็ตามที่ปองร้ายกับเถ้าแก่ อั๊วะไม่ปล่อยมันไว้แน่”
หลงรับปากกับไช้จริงจัง หนักแน่น ไช้พยักหน้าแล้วรินเหล้ายื่นให้อาหลง
“อั๊วเชื่อลื้อ อาหลง”
หลงยกดื่มรวดเดียวหมดจอก
ไช้หัวเราะชอบใจ
“อาหลง อั๊วว่าคืนนี้ลื้อโดนอั๊วโค่นคาโต๊ะนี่แน่ๆ”
ทั้งสองยกจอกเหล้าขึ้น แล้วดื่มพร้อมกัน

วันใหม่ หลังเวทีงิ้วเฟิ่งหวง นักแสดงกำลังแต่งหน้าทาปากอยู่หลังเวที หงส์จัดเตรียมผลไม้สำหรับศาลฉั่งหง่วงส่วย ก่อนเริ่มการแสดง
หงส์อธิษฐาน
“ขอให้การแสดงวันนี้ราบรื่นด้วยเถิด”
หวังวิ่งหน้าเริ่ดเข้ามาหาหงส์ เหงื่อแตกซ่ก
หวังหอบ
“แย่แล้ว คุณหนู”
หงส์แปลกใจ เกิดอะไรขึ้น

ชาวบ้านเบียดเสียดมุงดูหน้าโรงงิ้วเปิดใหม่แน่นขนัด โรงงิ้วเปิดใหม่ ใหญ่กว่าเดิม ดูหรูหรามากกว่าโรงงิ้วเฟิ่งหวงมาก
หลงผ่านมาได้ยินเสียงอึกทึกก็เข้ามาดู เห็นหงส์ยืนอยู่หน้าโรงงิ้ว ก็เข้ามาทัก
“คุณหนู.”
“อาหลง นายรู้มั้ยใครเป็นเจ้าของคณะ”
“ผมไม่ทราบครับ เพิ่งเปิดวันแรกคนก็แน่นอย่างที่เห็น”
“หรือจะเป็นงิ้วเร่” หวังว่า
ป้ายหรูหน้าโรงงิ้วเขียนด้วยอักษร 蝙蝠 (อ่านว่า เปี่ยนฟู่ แปลว่า ความร่ำรวย) - โรงงิ้วเปี่ยนฟู่
“ดูจากป้ายแล้วไม่น่าใช่”

หงส์ร้อนใจ รีบเบียดคนเข้าไปดูข้างใน

หลงช่วยกันคนให้หงส์เบียดคนเข้ามาภายในโรงงิ้ว
 
คนดูเต็มโรงจนไม่มีที่จะยืน บนเวทีกำลังแสดงงิ้วปักกิ่ง ฉากบู๊ดุเดือด ท่ากายกรรมผาดโผน น่าเสียวไส้
หงส์จ้องนักแสดงบนเวทีงิ้วไม่วางตา การแสดงเหนือชั้นกว่าคณะตนหลายขุม
ทุกครั้งที่ถึงจังหวะที่หวาดเสียว คนดูถึงกับอ้าปากหวอ แต่ก็ผ่านไปได้อย่างสวยงาม คนดูปรบมือเฮลั่น
แววตาของปรมาจารย์งิ้วปักกิ่งลีลาดุดัน สายตาจ้องคมกริบมายังหงส์
หงส์เห็นแล้วถึงกับเหงื่อแตก อึ้ง ทึ่ง ตะลึงงัน เลือดในกายเย็นเฉียบ ราวถูกมนต์สะกด

ฝ่ายอากุ่ยแหวกม่านออกมาหน้าเวที บรรยากาศภายในโรงงิ้วเงียบเหงา มีเด็กนั่งเล่นอยู่ 3 คน
อากุ่ยในชุดหยางจงเป่าร้องงิ้วบทโศกเมื่อรู้ว่าพี่น้องที่ออกไปรบต่างพากันตายหมด เด็กที่นั่งดูหาวหวอดๆ พอเห็นว่างิ้วน่าเบื่อก็วิ่งออกจากโรงงิ้วไป
กุ่ยมองออกไปดูเวิ้งว้าง ไม่เห็นใครสักคน โรงงิ้วทั้งสองช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กุ่ยเริ่มร้องบทงิ้วเสียงกระท่อนกระแท่นทุกที มีสะอื้นเป็นห้วงๆ ด้วยความท้อแท้ สิ้นหวัง
อยู่ๆกุ่ยก็คุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้ออกมาจริงๆ เล่นต่อไปไม่ได้แล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหน คนเล่นดนตรีมองหน้ากันอย่างงงๆ หยุดเล่นทีละชิ้นสองชิ้นจนเงียบกันทั้งวง
หมวยรีบออกมาปลอบกุ่ย
“ถ้าเฮียเล่นต่อไปไม่ไหวก็พอเถอะ”
ทันใดนั้น สุงก็เดินออกมา หน้าตาขึงขัง
“ไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ เถ้าแก่... เฮียกุ่ยยังไม่พร้อม คนดูก็ไม่มี เล่นไปก็เท่านั้น” หมวยว่า
“งิ้วยังไม่จบ ต่อให้ไม่มีคนดู ก็ต้องเล่นต่อไป ห้ามเลิกเด็ดขาด”
หัวหน้าวงดนตรีพยักหน้า บรรเลงดนตรีงิ้วต่อไป สุงหน้าตาขึงขังจริงจังจนน่ากลัว หมวยรีบเข้าหลังเวทีไป
กุ่ยแข็งใจลุกขึ้นร้องงิ้วด้วยเสียงอันสั่นเครือ โศกเศร้า น้ำตาไหลจนเครื่องสำอางเลอะเปื้อนหน้าไปหมด หมวยยืนส่งกำลังใจให้กุ่ยอยู่ด้านหลังเวที

งิ้วปักกิ่งแสดงจบลงเสียงคนเฮลั่น ตบมือเกรียว ชมกันไม่ขาดปาก หงส์เดินออกมากับหลง พลังของการแสดงงิ้วเมื่อครู่ยังคงปะทะอารมณ์อยู่
“ฉันไม่เคยเห็นงิ้วที่ลีลาดุดันขนาดนั้นมาก่อน”
“นักแสดงงิ้วคนนั้นไม่ใช่คนไทย น่าจะมาจากแผ่นดินใหญ่”
“มิน่าล่ะ ถึงได้เล่นแต่ทางบู๊ผาดโผน ผิดกับงิ้วแต้จิ๋วของเราที่เน้นร้องและร่ายรำ”
หวังบอก
“เจอคู่แข่งแบบนี้ โรงงิ้วเราต้องแย่แน่ๆ”
เสี่ยเกาเข้ามาทักทายหงส์ อาซาตามประกบคุ้มกัน
“คุณหนูหงส์อุตส่าห์แวะมาชมงิ้วปักกิ่งคณะอั๊วะ นับเป็นเกียรติอย่างสูง”
“ไม่ยักรู้ว่าเสี่ยเกาเป็นเจ้าของคณะงิ้วกับเค้าด้วย”
“อั๊วะแค่หาอะไรทำสนุกๆแก้เบื่อ ก็เลยเปิดโรงงิ้วเล่นให้คนแถวนี้ได้ชมเป็นบุญตา ยังไงตั่วโผมือใหม่อย่างอั๊วะคงต้องฝากเนื้อฝากตัวกับคณะเฟิ่งหวงด้วย”
“น่ายินดีนัก อาป๊าหงส์คงดีใจไม่น้อย หากเสี่ยเกานำข่าวนี้ไปบอกด้วยตัวเอง”
“คุณหนูหงส์ไม่ต้องห่วง อั๊วะต้องไปแน่”
เกากับหงส์จ้องตาเหมือนจะท้าทายกันกลายๆ หลงและอาซาก็จ้องตากันไม่กระพริบเช่นเดียวกัน

ฝ่ายซื่อเหนียงแอบดูกุ่ยเล่นอยู่หน้าโรงงิ้ว ไม่กล้าเข้าไปให้ลูกเห็น เธอร้องไห้ ทั้งรู้สึกผิด ทั้งสงสารลูก สุงเข้ามา เห็นซื่อเหนียงยืนแอบดูอยู่หน้าโรงงิ้วก็เอ่ยถาม
“ทำไมไม่เข้าไปนั่งดูลูกลื้อข้างในล่ะ”
“อั๊วไม่กล้า อั๊วทำผิดต่ออากุ่ยมามากพอแล้ว”
“อย่าโทษตัวเองอีกเลย”
“อากุ่ยคงไม่มีวันให้อภัยแม่เลวๆอย่างอั๊ว”
“เวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง วางใจเถอะ แล้วอั๊วจะช่วยพูดกับอากุ่ยให้เอง”
ซื่อเหนียงค้อมศีรษะคารวะสุง แล้วค่อยๆเดินอย่างคนไร้เรี่ยวแรงจากไป สุงมองตามหลังอย่างเวทนา

หมวยพอรู้เรื่องจากหงส์ก็อารมณ์ขึ้น
"เปิดโรงงิ้วใหญ่โตกลางเยาวราช ไม่บอกกล่าวเถ้าแก่สุงสักคำ ทำแบบนี้มันไม่ให้เกียรติกันชัดๆ" หมวยบอก
"เสี่ยเกาไปเอาคณะงิ้วมาจากไหน" สุงถาม
แปะจางบอก
"งิ้วปักกิ่งของจีนได้รับการขนานนามว่าเป็น “มหาอุปรากรแห่งบูรพา” งิ้วคณะนี้มีชื่อเสียงมานมนาน เป็นคณะเก่าแก่สืบทอดกันมาหลายรุ่นเชี่ยวชาญทางบู๊โดยเฉพาะ และเคยแสดงเบื้องพระพักตร์พระพันปีหลวงมาแล้ว"
หมวยตาโต
"พระพันปีหลวง ? แม่ของฮ่องเต้น่ะเหรอ"
แปะจางพยักหน้าเนิบช้า ลูบเคราใช้ความคิด
"ลงทุนจ้างคณะงิ้วมีชื่อมาจากปักกิ่ง เสี่ยเกาต้องการอะไรกันแน่"
"มันต้องการเปิดศึกกับอั๊วน่ะสิ" สุงบอก
คนอื่นๆตั้งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"เปิดศึก ?" หงส์ว่า
"ใช่ ! เสี่ยเกามันต้องการจะล้มคณะเฟิ่งหวงของอั๊วให้ได้"
"ถ้าเฮียฉางยังอยู่ต้องสู้มันได้แน่ๆ" หมวยบอก
"อากุ่ย ลื้อเตรียมตัวไว้ให้พร้อม คณะเฟิ่งหวงจะอยู่หรือจะไปขึ้นอยู่กับลื้อ"
กุ่ยนั่งเหงื่อตก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น สุงเองก็หนักใจไม่น้อย รับรู้ถึงภาระอันหนักอึ้งที่กำลังจะตามมา

เวลากลางคืน ที่หลังโรงงิ้ว หงส์แอบฝึกซ้อมอย่างหนัก แปะจางผ่านมาเห็น หยุดยืนดูหงส์ฝึกซ้อมอยู่ ฝีไม้ลายมือหงส์ดูดีกว่ากุ่ยมาก ถอดแบบมาจากอาฉางมาเปี๊ยบ
หงส์เหลือบเห็นแปะจางยืนดูอยู่ก็ตกใจ
"อาแปะจาง !"
"เถ้าแก่สุงสั่งห้าม ทำไมคุณหนูยังทำ"
"เพราะหงส์รับปากกับเฮียฉางไว้ก่อนตาย"
"รับปากว่าอะไร"
"จะดูแลอาป๊า ดูแลคณะเฟิ่งหวงแทนเฮียฉาง"
"ทุกวันนี้คุณหนูก็ดูแลทุกเรื่องในโรงงิ้วอยู่แล้ว"
"หงส์อยากเก่งเหมือนเฮียฉาง หงส์จะทำทุกทางให้คณะของเรากลับมามีชื่อเสียงเหมือนเมื่อตอนเฮียฉางยังอยู่"
"ถ้าเถ้าแก่สุงรู้ว่าฝ่าฝืนคำสั่ง คุณหนูไม่กลัวรึ"
"กลัวสิคะ หงส์ถึงได้มาแอบซ้อมอยู่นี่.... อาแปะจางอย่าฟ้องอาป๊าเลยนะคะ ถ้าอาป๊ารู้เข้า หงส์ต้องตายแน่"
แปะจางสีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หงส์ใจคอไม่ดี ก้มหน้าสำนึกผิด คิดว่าแปะจางต้องพาไปหาสุงแน่ๆ
"คุณหนูเรียนงิ้วไม่ได้...." แปะจางทิ้งจังหวะครู่หนึ่ง "จนกว่าจะทำพิธีฝากตัวเป็นศิษย์กับอั๊วะให้ถูกต้องตามธรรมเนียมเสียก่อน"
หงส์เงยหน้ามองแปะจาง ยิ้มด้วยความยินดี
"นี่หงส์ไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยคะ อาแปะ"

แปะจางยิ้มให้อย่างเมตตา

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 3 (ต่อ)

ภายในห้องแปะจาง หงส์คุกเข่าต่อหน้าศาลฉั่งหง่วงส่วย
 
หงส์เข้าพิธีฝากตัวเป็นศิษย์ คารวะศาลฉั่งหง่วงส่วย และไท่จื๊อเอี๊ย ราชโอรสทั้งสาม ซึ่งเป็นเจ้าที่งิ้วแต้จิ๋ว
หงส์กราบคำนับแปะจางในฐานะครูฝึกงิ้ว
"งิ้วเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ สอดประสานกลมกล่อมทั้งบู๊บุ๋น สะท้อนให้เห็นสัจธรรมที่ว่าความงามคือความดี เฉพาะผู้ที่มีใจบริสุทธิ์สะอาดเท่านั้น จึงจะแสดงออกถึงความงดงามได้อย่างวิจิตร"
แปะจางหยิบขนม “เหม่งทึ้ง”ซึ่งเป็นขนมหวานมีลักษณะเป็นแป้งเหนียวก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้าคลุกด้วยงา รสหวาน ที่ใช้ไหว้เจ้าส่งให้หงส์กินพอเป็นพิธี เพื่อสื่อว่าได้รับไว้เป็นศิษย์แล้ว
"คราวนี้อาแปะก็เป็นครูสอนหงส์เหมือนเคยสอนให้เฮียฉางได้แล้วใช่มั้ยคะ"
แปะจางยิ้ม ส่ายหน้า
หงส์หน้าเสีย
"ทำไมล่ะคะ อาแปะ"
"อั๊วะไม่อาจฝืนคำสั่งเถ้าแก่สุงเป็นครูถ่ายทอดวิชางิ้วให้คุณหนูได้ แต่ในเมื่อคุณหนูรับปากว่าจะสืบทอดคณะเฟิ่งหวงต่อไป อั๊วะก็มีของบางอย่างจะให้"
หงส์สีหน้าแปลกใจ...อะไร
แปะจางเปิดตู้หนังสือหยิบคัมภีร์งิ้วเก่าแก่ออกมา
แปะจางมอบคัมภีร์งิ้วเก่าแก่ให้หงส์
"เถ้าแก่สุงสั่งให้เผาตำรับตำราเกี่ยวกับงิ้วทั้งหมดในห้องหนังสือ เพราะกลัวว่า คุณหนูจะเข้าไปแอบอ่าน… เหลือแต่คัมภีร์สุดยอดเคล็ดวิชางิ้วเล่มนี้เท่านั้นที่อั๊วเก็บไว้ติดตัวตั้งแต่หนุ่มจนแก่.... อั๊วยกให้คุณหนู"
หงส์เปิดคัมภีร์ดู ตื่นเต้นราวกับได้ขุมทรัพย์
"อาแปะให้คัมภีร์เล่มนี้หงส์จริงๆเหรอคะ"
แปะจางพยักหน้า
"คัมภีร์แหละคือ “ครู” ที่จะถ่ายทอดสรรพวิชาให้คุณหนู"
"ขอบพระคุณค่ะ อาแปะ หงส์สัญญาค่ะอาแปะว่าจะตั้งใจศึกษาให้ดี หงส์จะต้องเก่งเหมือนเฮียฉางให้ได้"
"ถามใจตัวเองให้ดี ที่คุณหนูอยากเรียน เพราะอยากเป็นงิ้ว หรือเพราะอยากเป็นอาฉางกันแน่"
หงส์นิ่งไปครู่หนึ่ง นั่นสิ อยากเรียนเพราะอะไรกันแน่
"หงส์อยากสืบทอดงิ้วค่ะ อาแปะ"
แปะจางยิ้มพยักหน้า พอใจในคำตอบ
" งิ้วมีหลายสำนัก หลักๆแบ่งออกเป็นงิ้ว "บู๊" ที่เน้นลีลาโลดโผน และงิ้ว"บุ๋น" ที่เน้นการขับร้องและการแสดงอารมณ์ นอกจากนี้ยังแบ่งปลีกย่อยตามลักษณะตัวละครอีก 4 ประเภท ได้แก่ตัวพระ ตัวนาง ตัวตลก และตัวหน้าลายลงไปอีก... คุณหนูจงค้นหาตัวเองให้พบว่าอยากเล่นบทไหนกันแน่"
"หงส์อยากเป็นพระเอกบู๊เหมือนเฮียฉางค่ะ"
"ถ้าฟ้าลิขิตให้คุณหนูเป็นผู้สืบทอดงิ้ว ก็ย่อมไม่มีใครขวางได้แม้แต่เถ้าแก่สุงก็ตาม"
หงส์มุ่งมั่นจะต้องเป็นผู้สืบทอดงิ้วรุ่นต่อไปให้ได้

หงส์หมกมุ่นอ่านตำราท่ารำงิ้ว รวมทั้งเคล็ดวิชาต่างๆในการฝึกงิ้ว
หงส์ตั้งใจอ่าน และลองทำตามท่าร่ายรำในตำรา อยู่ในช่วงลองผิดลองถูก ผ่านเวลามาจนหงส์สามารถจดจำและทำตามตำราเล่มต่างๆที่เป็นบทพระเอกบู๊ได้อย่างรวดเร็ว
แปะจางยืนแอบดูอยู่พยักหน้า ยิ้มพอใจ... คณะเฟิ่งหวงมีผู้สืบทอดแล้ว

บริเวณโกดังสินค้า ตอนกลางคืน มือปืนชุดดำยืนเรียงหน้ากระดานราว 10 คน ไช้เห็นหน่วยก้านของมือปืนแต่ละคนแล้ววางใจ
"อั๊วระดมทุกคนมาพร้อมแล้วครับ รอแค่เถ้าแก่สั่งการ"
"ดี ! ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน สบโอกาสเมื่อไหร่ พวกลื้อลงมือได้เลย"
"จะไม่ไวไปหน่อยเหรอครับ เถ้าแก่" ซันว่า
"พวกมันคงจะชะล่าใจ คิดว่าอั๊วยังไม่กล้าทำอะไรตอนนี้ เราต้องรีบฉวยโอกาสจู่โจมให้มันตั้งตัวไม่ติด...ใครก็ตามที่กุดหัวไอ้เกาได้ อั๊วจะตบรางวัลให้อย่างงาม ไปได้ !" ไช้ว่า
มือปืนทั้ง 10 คน ค้อมศีรษะรับคำสั่งแล้วออกไป
"หนี้เงินใช้เงิน หนี้เลือดก็ต้องใช้ด้วยเลือด ไม่อั๊วก็ไอ้เกาต้องตายกันไปข้าง !"
ไช้ขบฟันจนเป็นสันนูน

ในมุมลับตา มือปืน 1 ใน 10 ยืนแอบอยู่หน้าโกดัง ท่าทางมีพิรุธ มือปืนคนนี้เป็นคนของอาซาส่งมาเป็นไส้ศึกสอดแนมดูความเคลื่อนไหวของเถ้าแก่ไช้

โรงงิ้วเฟิ่งหวง เสียงดนตรีรัวจังหวะออกรบดังขึ้นมาก่อน กุ่ยรับบทเป็นหยางจงเป่าออกรบกับข้าศึกดุเดือดบนเวที
ด้านหน้าเวทีมีคนดูงิ้วบางตา
เสี่ยเกาเข้ามาพร้อมอาซา และนักแสดงงิ้วจากปักกิ่ง โดยมีเหล่าบอดี้การ์ดห้อมล้อม
คนดูงิ้วเห็นว่าเสี่ยเกามา ก็รีบเผ่นหนีออกไปจากโรงงิ้วทันที จนไม่เหลือคนดูสักคน
เสี่ยเกานั่งไขว่ห้างดูอากุ่ยเล่นงิ้วที่เก้าอี้แถวหน้าสุด

หงส์กับหมวยแอบดูอยู่ด้านหลังเวที
"เสี่ยเกามาทำไม" หงส์ว่า
"ต้องไม่มาดีแน่ ... อาหวัง รีบไปรายงานเถ้าแก่สุงเร็ว" หมวยบอก
อาหวังวิ่งหน้าตั้งไปรายงานสุงทันที

การแสดงบนเวทีของอากุ่ยจบลง เสี่ยเกาปรบมือให้พอเป็นพิธี อาหวังพาเถ้าแก่สุงออกมาพอดี
เกาลุกขึ้น ถอดหมวก ค้อมศีรษะเล็กน้อยให้สุงเป็นการทักทาย
"ไม่ได้มาดูงิ้วคณะเฟิ่งหวงตั้งนาน ทุกอย่างดูเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย" เกาบอก
"ได้ข่าวจากพวกเด็กๆว่าเสี่ยเกาเพิ่งเปิดโรงงิ้วเปี่ยนฟู่ แต่อั๊วยังไม่มีโอกาสได้แวะไปดูเลยสักครั้ง"
"เพราะฉะนั้น อั๊วเลยนำปรมาจารย์งิ้วจากปักกิ่งมาแสดงให้เถ้าแก่สุงได้ชมถึงที่"
เกาผายมือไปข้างหน้า ให้แสดงงิ้วจากปักกิ่งได้แสดงฝีมือ
นักแสดงงิ้วปักกิ่งของเกาตีลังกากระโดดขึ้นไปบนเวที โชว์ลีลาบู๊ดุเดือด สั้นๆ
งิ้วปักกิ่งแทงทวนจ่อปลายจมูกกุ่ยเพื่อข่มขวัญ

สุง กุ่ย หมวย หวัง แปะจาง และทุกคนในโรงงิ้วต่างรู้สึกอึ้งในความสามารถ

การแสดงจบลง สุงปรบมือให้
 
"งิ้วจากปักกิ่งของเสี่ยเกาแสดงได้ยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือ"
"เถ้าแก่สุงชมเกินไปแล้ว แต่อั๊วก็อยากรู้เหมือนกันว่างิ้วอันดับหนึ่งอย่างคณะเฟิ่งหวงกับคณะงิ้วเปี่ยนฟู่ของอั๊ว ใครจะแน่กว่ากัน จึงมาท้าประลองให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย"
"งิ้วแต่ละคณะก็ดีคนละแบบ อั๊วไม่อยากให้งิ้วเป็นต้นเหตุทำลายมิตรภาพที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี"
"หมายความว่าเถ้าแก่กลัว"
"ตั้งแต่อั๊วเกิดมายังไม่เคยรู้จักคำว่ากลัว"
เกาหัวเราะ
"ถือว่าเถ้าแก่สุงยอมรับคำท้า"
กุ่ยหน้าซีดเผือด เหงื่อตก เมื่อรู้ว่าตนเองต้องประลองกับปรมาจารย์งิ้ว
"เถ้าแก่สุงมีชื่อในวงการงิ้วมานานคงรู้ดีว่าการประลองงิ้วถือเป็นเรื่องจริงจัง คนที่แพ้การประลองจะต้องหักปลายทวน แล้วหันหลังออกไปจากวงการงิ้ว จะเปิดการแสดงที่ไหนไม่ได้อีก"
"อั๊วะเข้าใจแล้ว"
"การประลองระหว่างคณะเฟิ่งหวงกับคณะเปี่ยนฟู่จะเริ่มขึ้นในอีก 7 วัน บอกคนของเถ้าแก่สุงให้เตรียมตัวเอาไว้ให้ดี แล้วเราจะได้รู้กัน ใครจะอยู่ ใครจะไป"
เสี่ยเกาจ้องหน้ากุ่ยที่ยืนหน้าซีด เหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างดูถูก
เกากับสุงจ้องหน้ากัน ตาไม่กระพริบ

ทุกคนต่างหวั่นวิตกเมื่อรู้ว่ากุ่ยต้องลงประชันงิ้ว
"อะไรกัน ! ผู้แพ้การประลองจะต้องหักปลายทวน เปิดการแสดงที่ไหนไม่ได้อีก ทำแบบนี้เท่ากับท้าตีท้าต่อยกันชัดๆ"
"เสี่ยเกาท้าประลองงิ้ววันนี้ สำหรับอั๊วเหมือนต้องเดิมพันด้วยทุกสิ่ง เพราะถ้าแพ้ ก็หมายถึงคณะเฟิ่งหวงต้องจบลงด้วย"
"แต่คู่ประลองของอากุ่ยเป็นถึงปรมาจารย์งิ้วปักกิ่ง ลีลาบู๊ทั้งเข้มแข็งและดุดัน หงส์เกรงว่า..."
สุงจ้องหงส์ตาเขม็ง.... ประมาณว่า ใครให้ลื้อออกความเห็น หงส์ชะงักหยุดพูดทันที หลุบตาลงต่ำ
"อากุ่ยจะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด"
"อั๊วเล่นเป็นแต่งิ้วแต้จิ๋ว จะสู้ลีลาบู๊ดุเดือดอย่างงิ้วปักกิ่งได้ยังไง" กุ่ยว่า
"งิ้วปักกิ่งลีลาโลดโผนกว่างิ้วแต้จิ๋วก็จริงแต่ก็มีรากฐานเดียวกัน ลื้ออย่าห่วงไปเลย"
ทุกคนต่างมองกุ่ยเป็นตาเดียวกัน
"ถ้าชนะการประลองครั้งนี้ได้ ลื้อต้องการอะไร อั๊วจะให้ลื้อทุกอย่าง"
กุ่ยเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มหน้า รู้สึกปั่นป่วนไปหมด
"อั๊วไม่มั่นใจเลย เถ้าแก่"
"จะมั่นใจหรือไม่มั่นใจภาระนี้ก็ตกเป็นของลื้อแล้ว อากุ่ย ลื้อมาไกลเกินไปแล้ว จะถอยไม่ได้... แม้แต่ก้าวเดียว !"
หงส์รู้สึกหนักใจแทนกุ่ย

กุ่ยฝึกอย่างหนัก แต่ยังใช้ไม่ได้ ควงทวนได้หน่อยก็หลุดมือ กุ่ยไม่ท้อก้มเก็บทวน เอาซ้อมควงใหม่อย่างพยายาม

บริเวณลานฝึกงิ้ว ทุกคนนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่ ยกเว้นกุ่ยที่ยังฝึกอยู่ ไม่ยอมกินข้าวกินปลา
หมวยกวักมือหยอยๆ ตะโกนเรียกกุ่ยให้มากินข้าว กุ่ยปฏิเสธให้กินกันไปก่อน หมวยใจอ่อน เอาขันใส่น้ำไปให้กุ่ยกิน กุ่ยกระดกน้ำในขันกิน แล้วซ้อมต่อไป
หงส์พอใจที่เห็นกุ่ยพยายาม ไม่ท้อถอย

กลางค่ำกลางคืน กุ่ยก็ยังฝึกคนเดียวที่ลานฝึกงิ้ว สุงลอบมาดู พอใจ ฝีมือก้าวไปอีกขั้น ในขณะที่
หงส์แอบอ่านคัมภีร์ของแปะจาง แล้วฝึกเองที่หลังโรงงิ้วเพียงลำพัง

บริเวณโกดังร้างหลงซุ่มลับมีดจนคมกริบ เพื่อรอวันแก้แค้นให้อาเหมย หลงซ้อมปามีดไปยังเป้าไม้เข้าตรงกลางพอดี แม่นราวจับวาง
ส่วนหงส์หัวไว ฝีมือหงส์พัฒนาไปเร็วมาก เก่งขึ้นเยอะ

ผ่านเวลามา กุ่ยควงทวนเก่งขึ้น โยน-รับทวนไปมาแคล่วคล่องว่องไวขึ้น
"ฝีมือลื้อพัฒนาขึ้น"
อากุ่ยยิ้มออก
"จริงเหรอ อาแปะ"
แปะจางพยักหน้าเนิบช้า
"แต่จำไว้ให้ดี ใจที่สงบนิ่งจะเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ ทำให้ลื้อมั่นคง ป้องกันตัวแข็งแกร่ง แก่นแท้ พะบู๊คือเข้าถึงฝ่ายตรงข้าม จงใช้ใจแทนสายตา เข้าใจไหม"
"เข้าใจครับ อั๊วะจะจำไว้"
กุ่ยมีกำลังใจขึ้น เริ่มมั่นใจว่าตัวเองทำได้

หงส์จ้องเขม็ง จดจำทุกอย่างที่แปะจางสอนกุ่ยจนขึ้นใจ

หลังโรงงิ้วเฟิ่งหวงกลางดึกสงัด หงส์แอบมาฝึกหลังโรงงิ้วคนเดียว
 
เอาผ้าปิดตาฝึกงิ้ว เลียนแบบกุ่ย แต่เพิ่มความยากยิ่งขึ้นโดยการซ้อมบนเสาดอกเหมย และใช้โซ่ตรวนล่ามข้อเท้าเอาไว้เพื่อถ่วงน้ำหนัก
หงส์ร่ายรำหลบหลีกลูกมะนาวที่ห้อยแกว่งไกวไปมาอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าจะมีตรวนล่ามที่เท้าอยู่ก็ตาม
หงส์ร่ายรำผ่านด่านลูกมะนาวทุกลูกมาได้อย่างหวุดหวิด
พอถึงเสาดอกเหมยต้นสุดท้าย หงส์กลับพลาดท่าตรวนที่ข้อเท้าพันติดกับเสา ทำให้เสียหลักล้มลง ใครบางคนรับร่างหงส์ไว้ได้พอดี ก่อนที่ร่างจะถึงพื้น
หงส์รีบแก้ผ้าเปิดตาออก เห็นว่าตนอยู่ในอ้อมแขนของอาหลง
หลงมองหงส์ด้วยความเป็นห่วงที่ฝึกอย่างผาดโผน ไม่กลัวอันตราย

หลงเห็นรอยแดงเป็นปื้นรัดอยู่ที่ข้อเท้า เอื้อมมือจะถอดโซ่ตรวนที่เท้าให้หงส์
"ทำไมคุณหนูต้องทรมานตัวเองแบบนี้ด้วย...ถอดโซ่ออกซะ"
ภาพของปรมาจารย์งิ้วปักกิ่งร่ายรำดุดัน เข้มแข็ง แล่นเข้ามาในหัวหงส์
"ไม่ ! ฉันต้องทำให้ได้ นายไม่เห็นหรือไง งิ้วปักกิ่งคณะเสี่ยเกาทั้งดุดันทรงพลังและท่วงท่าน่าเกรงขามขนาดไหน"
หงส์ชักเท้ากลับ ลุกขึ้นจะไปซ้อมต่อ แต่หลงคว้ามือหงส์เอาไว้
หลงรู้สึกตัวค่อยๆคลายมือที่จับหงส์ออก
"คนเราเชี่ยวชาญผิดกัน ทางใครก็ทางมัน เปรียบเทียบกันไม่ได้"
หงส์นิ่งฟัง ไม่ตอบคำพูดใดๆ
"ลีลาบู๊งิ้วของเสี่ยเกามีแต่ความแข็งกร้าว ไม่พลิ้วไหว ผิดกับคุณหนู"
"ฉันถึงต้องฝึกฝนให้หนักขึ้นนี่ไง ใครแข็งแกร่งกว่า คนนั้นก็เป็นผู้ชนะ"
เสียงแปะจางดังขึ้นมาก่อน
"ไม่แน่เสมอไปหรอก"
หงส์กับหลงหันไปมองทางด้านหลังพร้อมกัน แปะจางยืนยิ้มอย่างเมตตา

แปะจางพาหงส์มายังรูปสัญลักษณ์หยิน-หยางบนกำแพง
"คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง กล่าวไว้ว่า... ยอมต่ำต้อย จึงรักษาตนไว้ ยอมงอจึงกลับตั้งตรงได้ ว่างเปล่าจึงเติมเต็ม ยอมเก่าจึงใหม่ได้ ผู้มีน้อยจักได้รับ ผู้มีมากกลับถูกลดทอน...นี่แหละคือเคล็ดวิชาอ่อนโยนสยบแข็งกร้าว"
"อ่อนสยบแข็งงั้นเหรอคะ"
แปะจางพยักหน้าเนิบช้า
"เคล็ดลับของวิชาอ่อนสยบแข็งนี้ไม่ใช่เรื่องของการมุ่งไปสู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องรู้จักสร้างสมดุล"
"หงส์ไม่เข้าใจ สร้างสมดุล สร้างยังไงเหรอคะ อาแปะ"
"อ่อนสยบแข็งจะบังเกิดได้ ย่อมต้องผ่านความพอดีแห่งสมดุลเป็นเบื้องแรก ไม่ใช่มุ่งสู่ความอ่อนแล้วจะเอาชนะความแข็ง แต่ต้องเข้าใจทั้งสองด้านให้ถ่องแท้เสียก่อน อ่อนโยนผสมแข็งกร้าว เปิดเผยชดเชยลอบเร้น เสริมส่งกันและกัน ทั้งหมดนี้ก็คือวิถีแห่งเต๋า...ว่างเปล่าและสมดุล"
หงส์จ้องมองไปยังสัญลักษณ์ หยิน-หยาง ฟังแล้วครุ่นคิดตาม
"เมื่อใดก็ตามที่คุณหนูเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็จะบรรลุถึงกระบวนท่าสุดยอดของพะบู๊"
"ความรู้ของเหล่าซือลุ่มลึกประดุจดังมหาสมุทร เหตุใดจึงไม่ถ่ายทอดเคล็ดวิชางิ้วให้คุณหนูหงส์เหมือนกับที่ชี้แนะให้อากุ่ย"
"ใช่ว่าอั๊วไม่อยากทำ แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของเถ้าแก่สุง ใครล่ะจะกล้าฝ่าฝืน อั๊วบอกได้แต่เพียงเท่านี้ ที่เหลือคุณหนูจงคิดใคร่ครวญด้วยเองเถอะ"
หงส์คิดเท่าไรก็ยังขบคิดปริศนาของแปะจางไม่ออก

สุงนั่งเหม่อหน้าป้ายวิญญาณฉาง ผมหงอกขาวโพลนทั้งหัว ดูแก่ไปมากกว่าก่อนฉางตายจนน่าตกใจ
สุงหวนคิดถึงเมื่อครั้งที่อาฉางยังมีชีวิตอยู่
ฉางกำลังฝึกงิ้วอย่างแข็งขัน เหงื่อไหลโทรมกาย สุงเดินเข้ามาหาอาฉาง ยิ้มด้วยความภูมิใจ
"อาฉาง ลื้อเป็นคนมีพรสวรรค์ในการฝึกงิ้ว หากลื้อรับช่วงในการดูแลคณะเฟิ่งหวง อั๊วะคงจะเบาใจ"
"อั๊วยังต้องเรียนรู้จากอาป๊าและอาแปะจางอีกเยอะ"
"ถ้าอั๊วไม่อยู่แล้ว หัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนต่อไปก็คือลื้อ"
"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ อาป๊าสุขภาพแข็งแรง ยังปกครองแก๊งหงส์ดำได้อีกนาน อีกอย่างอั๊วะก็อยากเป็นนักแสดงงิ้วมากกว่าเป็นเจ้าพ่อ"
"อั๊วะรู้ว่าลื้อไม่ชอบนักเลง ไม่ชอบในสิ่งที่อั๊วะมีและเป็นอยู่ แต่บางครั้งคนเราก็ไม่อาจเลือกเส้นทางชีวิตที่จะเดินได้ เหมือนลื้อนั่นแหละที่เลือกเกิดเองไม่ได้"
"ถึงแม้จะเลือกเกิดไม่ได้ แต่คนเราก็สามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้ไม่ใช่เหรอ"
"สักวันลื้อจะรู้ อาฉาง ลื้อเกิดจากสายเลือดมังกร ลื้อก็ต้องตกอยู่ภายใต้กฎของมังกรอย่างไม่มีทางหลีกพ้น"
อาฉางถึงกับนิ่งไป
สุงถอนใจ
"สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่มีอะไรยั่งยืน อั๊วเองก็แก่ลงไปทุกวัน จะตายวัน ตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ วันนึงก็ต้องล้มลงเหมือนคนอื่นๆ"
"คนเราอาจแก่ชราได้ด้วยสังขาร ขอเพียงอย่างเดียวอย่าปล่อยให้หัวใจแก่ชราก็พอ"
สุงหัวเราะลั่นชอบใจในคำพูดของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

สุงแค่นหัวเราะในโชคชะตา
"ถูกของลื้อ อาฉาง... คนเราอาจแก่ชราได้ด้วยสังขาร ขอเพียงอย่างเดียวอย่าปล่อยให้หัวใจแก่ชราก็พอ ทุกวันนี้หัวใจของอั๊วแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว"
สุงยกเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวหมดจอก เสียงหัวเราะของสุงเบาลงเรื่อยๆ ก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆไหลพรากออกมากลายเป็นร้องไห้

ห้องทำงาน เถ้าแก่ไช้อ่านข้อความลับในกระดาษเล็กๆ รอยยิ้มพึงพอใจผุดพรายบนใบหน้า
พอไช้อ่านจบ ก็เอากระดาษจ่อเปลวไฟตะเกียงน้ำมันก๊าด เผาทิ้งทำลายหลักฐานทันที
"อาซันส่งข่าวมาบอกว่าพรุ่งนี้ไอ้เกาจะเข้าไปที่โกดังตั้งแต่เช้ามืด"
"น่าแปลก เสี่ยเกาไปทำอะไรที่นั่นตั้งแต่ไก่โห่" หลงว่า
"ดวงมันจะถึงฆาต มัจจุราชกำลังจะมาเอาชีวิตมัน ใครหน้าไหนก็ยื้อไว้ไม่ได้"
"เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หากเถ้าแก่สุงรู้เข้า"
"รู้ก็ให้รู้ไป ! มาถึงขั้นนี้ ไม่ต้องไว้หน้ากันอีกแล้ว"
หลงจนคำพูด ไม่รู้จะทัดทานไช้อย่างไรอีกต่อไป
"อั๊วแทบจะอดใจรอไม่ไหว พรุ่งนี้บัญชีแค้นระหว่างแก๊งไก่ฟ้ากับแก๊งค้างคาวจะได้จบลงสักที อั๊วจะล้างโคตรพวกมันให้หมดสิ้น"
ไช้ระเบิดหัวเราะลั่น กระหยิ่มใจเมื่อคิดว่าเกาจะตายในไม่ช้า
หลงขมวดคิ้วเครียด ยังไม่วางใจ รู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากล

เช้ามืด รถของเถ้าแก่เกาแล่นมาจอดที่หน้าโกดัง อาซาเปิดประตูให้ เกาลงจากรถ เดินเข้าไปข้างใน
อีกมุมหนึ่ง อาซันที่ซุ่มดักรออยู่ก่อนแล้ว พยักหน้าส่งรหัสให้มือปืนคนอื่นๆตามเข้าไป
 
อาซันและมือปืนของเถ้าแก่ไช้ทุกคนหายเข้าไปในโกดัง

อาซันพามือปืนบุกเข้าไปในโกดัง เห็นเงาตะคุ่มๆของเสี่ยเกา อาซา และบอดี้การ์ดยืนอยู่ในเงามืด
 
อาซันส่งสัญญาณให้มือปืนทุกคนที่ซุ่มอยู่ ให้กระหน่ำยิง โจมตีพร้อมกัน
"ฆ่ามันทุกคนที่ขวางหน้า"
มือปืนของเถ้าแก่ไช้ 9 คน ทุกคนกระหน่ำยิงใส่กลุ่มของเสี่ยเกาดังปังๆๆๆๆ !!!
ร่างของเสี่ยเกาในเงามืดล้มคว่ำระเนระนาด นิ่งสงบ ไม่มีเสียงร้องสักแอะ
อาซันเห็นตายเรียบแล้ว จึงเข้าไปดูศพใกล้ๆ ให้แน่ใจว่าเสี่ยเกาตายแน่แล้ว
อาซันเห็นร่างที่นอนคว่ำอยู่เป็นหุ่นที่สวมชุดของเสี่ยเกาและบริวาร
อาซันตาเหลือกค้าง
"บัดซบ ! เราหลงกลมัน"
ทันใดนั้น ประตูเหล็กโกดังขนาดใหญ่ที่เปิดอยู่ก็เลื่อนปิดลงดังกึง !!
"ทุกคนระวังตัวให้ดี"
มือปืนของเถ้าแก่ไช้เริ่มใจคอไม่ดี ถอยกรูดหันหลังชนกัน ระวังภัยที่อาจจะมาได้จากรอบทิศ
เสียงเสี่ยเกาดังขึ้น แต่ไม่รู้ว่าดังก้องมาจากทางไหน
เสียงเกาหัวเราะ
"รนหาที่ตายแท้ๆ ไอ้พวกสวะ"
อาซันยิงเปะปะ กระสุนดังแคร้ง ! แต่ไร้วี่แววของเสี่ยเกา
"แน่จริง มึงก็ออกมาสิวะ" ซันบอก
เสี่ยเกา อาซา และบอดี้การ์ดอาวุธครบมือยืนอยู่มุมสูง
"ยิง"
สิ้นคำสั่งเสี่ยเกา มือปืนสาดกระสุนรัวไม่ยั้ง ใส่อาซันกับพรรคพวก ปังๆๆๆ !!
ทั้งซันและมือปืนต่างร้องระงม "อ๊าก"
อาซันกับมือปืนของเถ้าแก่ไช้ทุกคนตายเกลื่อน นอนจมกองเลือด
"ปิดประตูตีแมวมันสนุกอย่างนี้นี่เอง"
เสี่ยเกาแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ดวงตาวาวโรจน์

ไช้หน้าซีดเผือด ช็อก เข่าอ่อนถึงกับทรุด เมื่อรู้ว่าอาซันและมือปืนทั้งหมดที่ส่งไปตายเรียบ
"ช่วงนี้เถ้าแก่ควรเก็บตัวสักระยะ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกไปไหน"
"อาหลง... อย่าให้อาหลิวรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด อั๊วไม่อยากให้อีกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ"
"ครับ เถ้าแก่"
ไช้ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น กระดกเหล้ารวดเดียวหมดจอกแล้วกระแทกกับโต๊ะปัง
"เจ็บใจนัก ! ไอ้พวกระยำ มันรู้ระแคะระคายได้ยังไง"
"อั๊วะสงสัยว่าเกลือจะเป็นหนอน"
ไช้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน... ใครมันบังอาจเป็นไส้ศึกให้เสี่ยเกา

มือปืนที่เป็นสายของอาซายืนยิ้มกริ่ม
"ลื้อทำดีมากที่ช่วยเป็นสายให้อั๊วกำจัดเสี้ยนหนามแบบถอนรากถอนโคน แก๊งไก่ฟ้าตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด"
"ยังเหลือก็แต่ไอ้หลง มือขวาเถ้าแก่ไช้เพียงคนเดียวเท่านั้น เสี่ยจะให้เก็บมันเลยมั้ยครับ" ชาบอก
"ยัง ! ปล่อยขี้ข้ามันไว้สักคน เดี๋ยวไอ้แก่ไช้จะกระอักเลือดตายเป็นจิวยี่เสียก่อน"
เสี่ยเกาบุ้ยหน้ากับอาซาให้เอารางวัลมาให้มือปืนที่เป็นสายให้
อาซาเอากระเป๋าหนังสีดำใบใหญ่มาวางตรงหน้า
"รางวัลสำหรับลื้อ ลองเปิดดูสิ" เกาบอก
"ขอบคุณครับเสี่ย"
มือปืนดวงตาละโมบ ค่อยๆเปิดกระเป๋าหนังออกด้วยมืออันสั่นเทา ตื่นเต้น สิ่งที่อยู่ภายในกระเป๋า มีเพียงปืนกระบอกหนึ่งเท่านั้น มือปืนตาเหลือกลาน เห็นความตายอยู่ตรงหน้า ขยับหนี
อาซาไม่รอช้า ควักปืนยิงเปรี้ยงใส่มือปืนที่ขาทันที มือปืนล้มตึงลงกับพื้น คลานกระเสือกกระสนหนีตาย
เสี่ยเกาเดินเข้ามาใกล้ คุกเข่าลง แล้วกระชากจิกผมมือปืนขึ้นมา
"งูพิษที่คิดหักหลังแม้กระทั่งเพื่อนพ้องอย่างลื้อ ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป หากอั๊วชุบเลี้ยงไว้ ลื้อก็คงคิดคดทรยศกับอั๊วไม่วันใดก็วันนึง... ฉะนั้น ตามไปอยู่กับพวกเพื่อนๆลื้อนั่นแหละ ดีแล้ว"
เกาบุ้ยหน้ากับอาซา
อาซาก้าวเข้ามา จ่อกระบอกปืนไปยังหน้าผากมือปืน ลั่นปืนเปรี้ยง
มือปืนตายคาที่ เกาโยนเหรียญลงบนศพมือปืน
"ไปสู่ที่ชอบๆเถอะนะ อั๊วซื้อทางให้แล้ว"
เกาสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะดุ้งสะเทือน เห็นการฆ่าคนเป็นผักปลา

หงส์หมกมุ่นกับตำรา ขบคิดปริศนาแปะจาง
"อะไรคืออ่อนสยบแข็งของอาแปะจางกันแน่นะ"
เสียงหมวยกับกุ่ยเถียงกันดังล้งเล้งแทรกขึ้นมาก่อน หงส์แปลกใจสองคนทะเลาะอะไรกัน
กับหมวยแย่งกาละมังเต้าหู้กันอยู่ในครัว
"ไม่เอาด้วยหรอก ! งานบ้านงานครัวเป็นหน้าที่ของผู้หญิง จ้างให้อั๊วก็ไม่ทำ"
หงส์เข้ามาแอบดูที่หน้าต่างครัว มุมหนึ่ง
"กะอีแค่หั่นเต้าหู้แค่เนี้ย ช่วยหน่อยไม่ได้หรือไง" หมวยบอก
"หั่นไม่เป็น กินเป็นอย่างเดียว"
"ไม่ยากหรอกน่า สอนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ทำเป็น"
"เซ้าซี้อยู่ได้ บอกว่าทำไม่เป็นก็ทำไม่เป็นดิ"
"เอ๊ะ ! ก็บอกว่าเดี๋ยวสอนไง"
"จะสอนทำไม อั๊วไม่อยากเรียน"
กุ่ยกับหมวยยัดเยียดกาละมังใส่เต้าหู้ไข่กันไปมา จนกระทั่งเต้าหู้ไข่ลื่นไหลออกจากกาละมัง
"เฮ้ย"
ไวเท่าความคิด กุ่ยรีบโผเข้าไปคว้าเต้าหู้ไข่ก่อนจะตกถึงพื้นอย่างรวดเร็วด้วยลีลางิ้วที่ร่ำเรียนมา
กุ่ยดีใจรับเต้าหู้ไข่เอาไว้ได้ แต่ทว่าพอคลายมือออก เต้าหู้ไข่แหลกเหลวเละคามือ กุ่ยหันมายิ้มแหยๆกับหมวย
"เล่นอะไรของเฮียเนี่ย เห็นมั้ย เต้าหู้เละหมดแล้ว ไปไกลๆเลยนะ"
หมวยเอาตะหลิวไล่ตีกุ่ยให้ออกไปจากครัว
"โอ๊ยๆๆ ! ก็บอกแล้วไงว่าอย่าให้ช่วย"
กุ่ยร้องโวยวายลั่น วิ่งออกจากครัวไป หงส์ยืนมองหมวยไล่กุ่ย ส่ายหน้า ยิ้มขำๆ

หงส์มองเต้าหู้ไข่ที่เหลวเละอย่างเพ่งพินิจ เหมือนกำลังจะเข้าใจว่าอะไรคืออ่อนสยบแข็ง

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 3 (ต่อ)

หลังโรงงิ้ว เวลาต่อเนื่องมา หงส์หันมาเห็นคัมภีร์ที่แปะจางมอบให้ ถูกลมแรงพัดปลิวสะบัด
 
กระดาษเหลืองกรอบในคัมภีร์ถูกลมพัดปลิวเป็นแผ่นๆ ตามแรงลม
หงส์เอี้ยวตัวคว้ากระดาษเหล่านั้น ด้วยความรวดเร็วและเบามือ ก่อนที่ลมจะพัดหายไป
เธอรับกระดาษที่ปลิวว่อนด้วยความอ่อนโยน เธอมองกระดาษในมือ เข้าใจขึ้นอีกขั้น อ่อนโยนผสมแข็งกร้าวเป็นอย่างนี้เอง !
ผ่านเวลาจากกลางวันเป็นกลางคืน หงส์มองเต้าหู้ไข่ในมือ เสียงแปะจางดังแทรกเข้ามาในหัว
"อ่อนโยนผสมแข็งกร้าว เปิดเผยชดเชยลอบเร้น เสริมส่งกันและกัน ทั้งหมดนี้ก็คือวิถีแห่งเต๋า...ว่างเปล่าและสมดุล"
หงส์ทำจิตให้ว่างเปล่า อวัยวะทุกส่วนสมดุล ก่อนโยนเต้าหู้ไข่ขึ้นไปกลางอากาศ เต้าหู้ไข่ตกลงมา หงส์ช้อนรับด้วยลีลางิ้วอันอ่อนโยน แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
เต้าหู้ไข่ในมือเป็นทรงสวยงาม ไม่เละเลยแม้แต่น้อย
หงส์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่สามารถทำได้แล้ว
เสียงสุงดังเอ็ดตะโรดังขึ้นมาก่อน
"อาหงส์"
หงส์สะดุ้ง ทำเต้าหู้ไข่ที่อยู่ในมือตกลงพื้นแหลกเละ สุงยืนจ้องหงส์ตาดุ เห็นเต้าหู้ไข่ก้อนนั้นแตกกระจายที่พื้น
"นั่นลื้อทำอะไรน่ะ... เต้าหู้ดีๆ ลื้อเอามาโยนทิ้งทำไม"
หงส์นิ่ง หน้าซีด เหงื่อแตกเต็มหน้า กลัวว่าสุงจะจับได้ว่าแอบมาฝึกงิ้ว
"อั๊วถาม ทำไมไม่ตอบ"
หงส์อึกอัก
"อาป๊า... หงส์...เอ่อ..."
หงส์จะยอมรับสารภาพ ทันใดนั้นเต็กก็หน้าตาตื่นเข้ามา
"พี่ใหญ่ เกิดเรื่องแล้ว"
สุงสีหน้าเบื่อหน่าย
"มีอะไร"
"เฮียไช้ !"
สุงสีหน้าเครียด หันมาสั่งหงส์ก่อนไป
"เก็บกวาดซะให้เรียบร้อย อย่าให้อั๊วะเห็นว่าเล่นพิเรนทร์อะไรอย่างนี้อีก"
หงส์ก้มหน้ารับคำ สุงรีบร้อนตามเต็กออกไปทันที
หงส์โล่งใจ รอดไปได้อีกมื้อ แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

หมายเหตุ : การฝึกโยนเต้าหู้บนอากาศแล้วต้องกระโดดคว้าก้อนเต้าหู้นั้นโดยไม่ให้แตกเป็นเคล็ดวิชาการฝึก “อ่อนสยบแข็ง” ของสำนักบู๊ตึ๊ง โดยฝึกหายใจไปพร้อมกับการเคลื่อนไหว ไม่มีการเกร็งเบ่งพลัง ซึ่งจะโยงเข้าสู่ธีมเรื่องคือ “ความอ่อนที่ใช้สยบความแข็งคือความเมตตา” ซึ่งเป็นคุณธรรมหลักในเรื่อง “หงส์”

เวลากลางคืน ที่ร้านเถ้าแก่ไช้ หลิวกำลังสาละวนสั่งคนงานปิดร้านอยู่ พอเห็นคนเข้าร้านมาก็หันกลับมามอง
สุง เต็ก สีหน้าเคร่งเครียด พร้อมด้วยบอดี้การ์ดของเต็กจำนวนหนึ่ง
หลิวดีใจ
"เฮียสุง อาเต็ก... ไปยังไงมายังไง ถึงมานี่ซะค่ำเชียว"
"พอดีพี่ใหญ่อีมีธุระนิดหน่อย" เต็กบอก
"นั่งก่อนสิ เชิญตามสบายนะ เดี๋ยวอั๊วเอาของว่างกับน้ำชามาให้"
เต็กนั่งลง แต่สุงร้อนใจ นั่งไม่ติด หน้าเครียด แต่พยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ
"อาไช้อยู่มั้ย"
หลิวพยักหน้า
"อาเฮียอยู่ข้างบน เดี๋ยวอั๊วขึ้นไปตามมาให้"
ไช้หน้าแดงก่ำ เพิ่งดื่มเหล้ามา เดินลงบันไดมากับหลงพอดี
"อั๊วอยู่นี่ล่ะ ! ลื้อมีธุระอะไรกับอั๊วเหรอ"
"อั๊วมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย" สุงบอก
"งั้นก็เข้าไปคุยกันข้างในสิ"
ไช้เดินนำสุงกับเต็กเข้าไปข้างใน หลงสัมผัสได้ว่าสุงกับไช้ต้องมีเรื่องบาดหมางกันแน่

สุงนั่งหน้าเครียด บอกบุญไม่รับ ต่างฝ่ายต่างเงียบ บรรยากาศทั่วทั้งห้องเงียบจนน่าอึดอัด
"ลื้อมีอะไรก็ว่ามา" ไช้บอก
"นองเลือดจนได้ ! เพราะความวู่วามของลื้อแท้ๆ อาไช้ !"
"เห็นขี้ดีกว่าไส้ ! เมื่อไหร่ลื้อจะตาสว่างเสียที คนของอั๊วถูกไอ้เกาฆ่าตาย ลื้อยังหาว่าเป็นความผิดอั๊วอีกเหรอ"
"แต่ลื้อส่งคนบุกไปยิงเสี่ยเกาถึงถิ่น เค้าก็ต้องป้องกันตัว อั๊วห้าม ทำไมลื้อไม่ฟัง อั๊วพูดซ้าย ลื้อก็ไปขวา อั๊วบอกถูก ลื้อก็ว่าผิด ลื้อไม่เห็นหัวอั๊วแล้วใช่มั้ย"
"เสียแรงที่อั๊วทุ่มเทกายใจเป็นบันไดรองตีนให้ลื้อมานานนับสิบๆปี ในสายตาคนอื่น ลื้ออาจเป็นประมุขสมาคมเลือดมังกร มีอำนาจน่าเกรงขาม แต่สำหรับอั๊ว ลื้อเป็นตาแก่ขี้ขลาดตาขาวเห็นแก่ตัวขึ้นทุกวัน"
"อาไช้ !"
"ใจเย็นๆก่อนพี่ใหญ่ อาไช้ก็ด้วย อย่าวู่วาม มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา เราสามคนเป็นพี่น้องกันมา 30 กว่าปี อย่ามาแตกกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย" เต็กบอก
"ลื้อยังจำได้มั้ย พี่ใหญ่ เมื่อ 30 ปีก่อน ตอนที่เราสามพี่น้องยังขัดสน ตอนนั้นลื้อป่วยหนักจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด"

ไช้เล่าเรื่องราวในอดีตรื้อฟื้นให้สุงฟัง

บริเวณห้องแถวไม้ซอมซ่อ ทั้งหมดอยู่ในวัยหนุ่ม สุงไข้ขึ้นหนาวสั่น ไช้จับตัวสุง เห็นว่าตัวร้อนจัด
 
"ตัวร้อนอย่างกับไฟ ไข้ไม่ยอมลดเลย เอายังไงดี อาเต็ก"
"เฮียไช้อยู่เฝ้าพี่ใหญ่ที่นี่ อั๊วะจะรีบไปบอกเฮียตง" เต็กบอก
เต็กพูดจบก็รีบใส่เสื้อทับเสื้อกล้าม แล้วรีบออกไปตามตง
สุงเหงื่อแตก หน้าแดงก่ำ เริ่มเพ้อเพราะพิษไข้
" อาป๊า... อาม้า... อั๊วหนาว"
ไช้เห็นอาการสุงที่แย่ลงทุกที ก็ชักร้อนใจ ผุดลุกผุดนั่ง อยู่ไม่สุข
"ไม่ได้การแล้ว ถ้าไม่ได้ยา พี่ใหญ่ตายแน่"
ไช้อดใจรอเต็กไปตามคนอื่นไม่ไหว รีบออกไปข้างนอกทันที

ไช้วิ่งออกมากลางตลาดเยาวราชที่มีคนพลุกพล่าน ไช้หาวิธีหาเงินไปซื้อยาให้สุง แต่จนปัญญา
เหลือบ เห็นขอทานพิการนั่งขอทานอยู่ มีคนให้สตางค์ ก็คิดวิธีออก ไช้คุกเข่า แหกปากตะโกนลั่น
"ใครอยากกระทืบอั๊วก็เชิญเลย"
ชาวบ้านชายต่างหันมามองไช้เป็นตาเดียวกัน
ชาวบ้านชายถาม
"บ้าหรือเปล่าวะ อยู่ดีไม่ว่าดี อยากถูกกระทืบ"
"อั๊วยอมเจ็บตัวแลกกับเศษเงินของพี่ชาย ได้โปรดเถอะ ช่วยกระทืบอั๊วที จะเตะจะต่อย จะทำอะไรอั๊วได้ทั้งนั้น"
ไช้คุกเข่าวิงวอนชาวบ้านที่ล้อมวงกันเข้ามาดู ต่างชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานาหาว่าไช้เป็นคนบ้า
นักเลงร่างล่ำคนหนึ่งท่าทางเหมือนกุ๊ย หักนิ้วเป๊าะๆย่างสามขุมเข้ามา
"เดี๋ยวอั๊วจะช่วยสงเคราะห์ให้"
นักเลงเข้ามาหวดกำปั้นใส่ปลายคางไช้ จนเห็นดาวระยิบระยับ
พวกนั่งเลงกลุ้มรุมกระทืบกินโต๊ะไช้ แล้วตัดไป

ไช้นอนจุก ระบม หมอบอยู่กับพื้น ใบหน้าปูดบวมช้ำเพราะถูกต่อย ไช้ตะกายไปเก็บเศษเงิน และแบงก์ที่อยู่บนพื้น มองเงินในมือ ยิ้ม... มีเงินซื้อยาให้สุงแล้ว

บรรยากาศของเยาวราช ประมาณปี พ.ศ.2470 ไช้กลับมาที่ห้องแถวไม้ซอมซ่อพร้อมกับห่อยา
เมื่อไช้เข้ามาในห้อง เห็นเต็กพาทุกคนมาเยี่ยมสุง ตงกำลังป้อนยาให้สุงกินอยู่ ข้างๆมีหมั่นโถววางอยู่ ไช้รู้สึกผิดหวังเล็กๆ
สุงเห็นไช้หน้าตาฟกช้ำดำเขียวกลับมาก็ถามไช้ด้วยความเป็นห่วง
"หน้าลื้อไปโดนอะไรมา"
ไช้ฝืนยิ้มกลบเกลื่อน
"อั๊วะซุ่มซ่ามเองพี่ใหญ่ ปู๋ปี้ตันซิน...ไม่ต้องเป็นห่วง"
"ตั้งแต่ไอ้ตี๋เพ้งตาย เยาวราชก็สงบขึ้นเยอะ น่าจะตายๆไปซะตั้งนานแล้ว" เซ็งบอก
เซียะบอก
"ช่วงนี้เฮียสุงอย่าเพิ่งโหมงานหนัก พักผ่อนให้มากๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น"
"ไว้หายเมื่อไหร่อั๊วพาไปโรงน้ำชา" เส็งว่า
เซียะตบกะโหลกเส็งที่พูดเล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา
"เรื่องงานที่ลื้อไปรับจ้างเป็นจับกังโรงงิ้ว อั๊วกับอาเซียะจะจัดการให้เอง" ตงว่า
"ขอบใจพวกลื้อทุกคนมาก"
"พี่ใหญ่ อาการลื้อเป็นยังไงมั่ง ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วหรือยัง" ไช้ถาม
สุงพยักหน้าช้าๆอย่างคนเพิ่งฟื้นไข้แทนคำตอบ
"ยาของซินแสท้ายตรอกที่เฮียตงไปเจียดมาดีจริงๆ ได้ผลชะงัดนัก"
ไช้มองห่อยาในมือ เสียดายที่อุตส่าห์ได้มา แต่ไม่มีโอกาสให้สุงกิน

แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเนินนานเท่าไร แต่ไช้ก็ยังจำได้ดี
"น่าเสียดาย... ที่วันนั้นลื้อไม่ได้กินยาของอั๊ว"
"อั๊วไม่เคยลืมความหวังดีของลื้อ อาไช้"
"ที่อั๊วกับพี่ใหญ่มาหาเฮียไช้วันนี้ ก็แค่อยากจะมาเตือนลื้อ เรื่องมันแล้วก็ให้มัน
แล้วไป อย่าให้ต้องลุกลามเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเลยนะ" เต็กบอก
"พี่น้องแก๊งสามวิหคทุกคนจะได้ไม่ต้องมาตายเพราะความวู่วามไร้สมองของลื้ออีก" สุงบอก
"ลื้อพูดออกมาได้ยังไง ถิ่นอั๊วมันก็เหมือนบ้านอั๊ว ไอ้เฮงซวยพวกนั้นมันเหยียบจมูกอั๊วอยู่ เป็นลื้อ ลื้อจะทำยังไง อีโธ่ ! อั๊วสุดจะทนแล้ว" ไช้ว่า
"จะต้องให้อั๊วอธิบายอีกสักกี่หนกี่ครั้ง ลื้อถึงจะเชื่ออั๊ว"
"อั๊วว่า..."
เต็กกำลังจะอ้าปากพูด แต่ถูกไช้ยกไม้ยกมือสั่งให้หยุด ขี้เกียจจะฟัง
"อาเต็ก ! พอที ลื้อไม่ต้องมาอธิบายแล้ว.... ให้อั๊วถามลื้อดีกว่า พี่ใหญ่ คำถามเดียว แต่ลื้อต้องนึกดูให้ดี แล้วก็ตอบมาจากหัวใจของลื้อ ระหว่างอั๊วซึ่งเป็นพี่น้องร่วมน้ำสาบานของลื้อ กับคนเน่าจนจับไม่ติดมืออย่างไอ้เกา ลื้อจะเลือกใคร"
สุงกระอักกระอ่วนกับคำถามของไช้ที่บีบบังคับให้ต้องเลือกข้าง

หลงแอบดูอยู่ที่หน้าห้องทำงานไช้ ได้ยินเสียงเถียงกันดังลั่นของสุงกับไช้ เห็นสามพี่น้องเถียงกันอย่างหนัก สบโอกาสที่จะได้แก้แค้นให้อาเหมย

ไช้รอฟังคำตอบจากปากสุงใจจดจ่อ
"ว่าไง พี่ใหญ่ ! อั๊วอยากจะรู้คำตอบของลื้อ อยากรู้ด้วยว่าหัวใจลื้อทำด้วยอะไร"
"ลื้อกำลังบีบบังคับให้พี่ใหญ่ต้องเลือกนะ อาไช้ " เต็กบอก
"มันถึงเวลาแล้ว ! ลื้อต้องเลือกพี่ใหญ่ คนที่เมินเฉย ไม่เลือกข้างท่ามกลางความแตกแยกคือคนเห็นแก่ตัว"
"พี่ใหญ่เป็นถึงประมุขสมาคมเลือดมังกร เป็นที่นับหน้าถือตา ก็ต้องยอมอดทนเป็นกลาง ลื้อจะให้เลือกข้างได้ยังไง"
"ระหว่างฆาตกรกับคนที่ถูกฆ่า ถ้าลื้อยังบอกว่าอยู่ตรงกลาง นั่นแปลว่าลื้อกำลังเข้าข้างคนชั่ว" ไช้บอก
"อาไช้ ลื้อเลิกเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เสียที"
"ลื้อนั่นแหละ พี่ใหญ่ หัดฟังคนอื่นเค้าบ้าง ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ใครถูกก็ต้องว่าไปตามถูก ไม่ใช่มัวแต่เอาหูไปนา เอาตาไปไร่แบบนี้"
"หมาบ้า 2 ตัวกัดกัน ลื้อบอกได้มั้ยล่ะว่าตัวไหนผิด ตัวไหนถูก"
"อั๊วผิดหวังในตัวลื้อจริงๆ พี่ใหญ่ ! ลื้อเอาแต่ห่วงเก้าอี้ จนลืมก้มลงมองตีนตัวเองว่ากำลังย่ำอยู่บนเส้นทางที่เรียกว่า สารเลว" ไช้ตะคอกใส่หน้าสุง
"อาไช้"
สุงโกรธจัดผลักอกไช้ล้มลงแล้วควักปืนขึ้นมาจะยิงไช้
ไช้หัวเราะลั่น
"ในที่สุด ใจลื้อที่เคยยึดมั่นคุณธรรมมาทั้งชีวิตก็พ่ายแพ้ต่ออำนาจความเลวจนได้ เฮียสุง ! เอาสิ ยิงอั๊วเลย ฆ่าอั๊วให้ตายคามือเหมือนที่ลื้อเคยฆ่าไอ้ตี๋เพ้งนั่นแหละ"
หลงแอบดูอยู่ด้านนอก ประตูปิดไม่สนิท เห็นสุงเอาปืนจ่อจะยิงไช้ก็ตกใจ
สุงระงับโกรธ เก็บปืน แล้วออกจากห้องไป
เต็กส่ายหน้ารีบตามสุงไป
ไช้ตะโกนไล่หลัง
"ไม่แน่จริงนี่หว่า ! เฮียสุง ลื้อมันบ่มิไก๊ ไร้น้ำยา"

ไช้กำมือแน่น เดือดปุดๆ เหมือนเอาน้ำมันราดบนกองเพลิง

สุงกับเต็กออกมาจากห้องไช้... ไร้วี่แววหลง
 
สุงกับเต็กเดินออกไป หลงแอบอยู่หลังเสา
หลงยิ้มนิดๆที่มุมปาก ชักปืนออกมา จ่อยิงทางด้านหลังของสุงระยะประชิด
ไช้ออกมาเห็นเข้าเสียก่อน จึงห้ามหลงไม่ให้ยิงสุง
"อาหลง ! อย่า"
หลงยอมลดปืนลง เชื่อไช้

หลงกับไช้นั่งกินเหล้าดับกลุ้มกัน
"อั๊วรู้ว่าลื้อจะปกป้องอั๊ว อาหลง"
อาหลงแอบรู้สึกกระดาก ที่จริงแล้วจะยิงสุงเพื่อแก้แค้นส่วนตัว
"แต่ถึงยังไงเราก็พี่น้องร่วมสาบานกัน ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาดหรอก"
"เถ้าแก่สุงอาจจะต้องการกำจัดเถ้าแก่ให้พ้นทางก็ได้"
"ถ้าอีจะทำ อีลงมือทำไปนานแล้ว"
"เถ้าแก่สุงจะยิงเถ้าแก่ เถ้าแก่ไม่โกรธมั่งเลยเหรอ"
"หากเทียบกับสิ่งที่พี่ใหญ่เคยทำให้อั๊วตอนหนุ่มๆ ต่อให้วันนี้อั๊วต้องถูกอียิงตาย อั๊วก็ไม่เสียดายชีวิต"
หลงชักแปลกใจ ทำไมไช้ถึงได้พูดราวกับว่าสุงเป็นคนดีเสียเต็มประดา
ไช้กระดกเหล้าจนหมด
"ทำไมมันหมดไวจังเลยวะ ลื้อไปเอาเหล้ามาให้อั๊วอีกสิ อาหลง"
หลงมองไช้ที่เมามายจนแทบไม่ได้สติ

หลงประคองร่างไช้ที่เมามายเดินไม่ไหวมาที่เตียง เสียงดัง โวยวาย อ้อแอ้ พร่ำเล่าเรื่องในอดีตที่สุงฆ่าตี๋เพ้ง แบบไม่ได้สติ
"ไอ้ตี๋เพ้ง... มึงจำเอาไว้... ว่ากูชื่อสุง "
ไช้หัวเราะลั่น พอหัวถึงหมอนก็กรนหลับไป
"หมู่นี้เฮียไช้กินเหล้าบ่อยเหลือเกิน ไม่รู้กลุ้มใจอะไรนักหนา"
"บุรุษกับสุราเป็นของคู่กัน เพราะสุราบันดาลให้ให้ลืมเรื่องที่ควรลืมเลือน และเลิกหมกมุ่นกังวลกับสิ่งที่ไม่ควรคิดถึง" หลงว่า
"อาหลง...ลื้อกับเฮียไช้กำลังปิดบังอะไรอั๊วอยู่หรือเปล่า"
"ทำไมเถ้าแก่เนี้ยถึงได้ถามอย่างนั้น"
"ตั้งแต่เฮียสุงคุยกับเฮียไช้เมื่อตอนหัวค่ำ มีอะไรบางอย่างแปลกไป เฮียไช้ได้เล่าอะไรให้ลื้อฟังหรือเปล่า"
หลงหลบตา
"เปล่าครับ เถ้าแก่ไม่ได้พูดอะไรกับอั๊ว"
"อาซันก็หายหน้าไปไหนไม่รู้ เฮียไช้บอกว่าอีลากลับไปอยู่บ้านนอก แต่อั๊วไม่อยากจะเชื่อ บอกตามตรงนะอาหลง อั๊วสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเฮียไช้"
"เถ้าแก่จะต้องปลอดภัย"
"ทำไมลื้อถึงมั่นใจ"
"เพราะอั๊วรับปาก... เถ้าแก่เนี้ยกำลังอยากให้อั๊วรับปาก"
หลิวพยักหน้า
"ขอบใจลื้อมากนะ อาหลง"
หลิวมองอาหลงด้วยความตื้นตัน

สุงนั่งหน้าเครียดคิดถึงเรื่องที่มีปากเสียงขั้นรุนแรงกับไช้
เต็กบอก
"ท่าทางเฮียไช้ระยะหลังๆ มานี้คงอยากจะแยกตัวออกเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับแก๊งสาม
วิหคอีกต่อไป อีคงเอือมเต็มที และคงจะเลือกทางเดินของอีในเร็ววันนี้"
"ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก มีเรื่องได้ไม่เว้นแต่ละวัน อั๊วคงจะไร้น้ำยาจริงๆอย่างที่อาไช้มันว่า" สุงบอก
"เฮียไช้คงจะดื่มเหล้ามาหนักถึงได้พูดอะไรโผงผางขนาดนี้ แต่อันที่จริงถึงจะไม่ดื่ม อีก็เป็นคนพูดเถรตรงอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่"
"วันนี้ที่มันว่าอั๊วด่าอั๊วต่อหน้า อั๊วไม่ว่าอะไรหรอกนะอาเต็ก แต่ที่อั๊วเจ็บใจจนแทบอยากจะยิงมันทิ้ง ก็ตรงที่มันกล้าส่งคนไปถล่มเสี่ยเกา ไม่ยอมฟังอั๊วเลย มันเคยคิดบ้างมั้ยว่าอะไรจะตามมา"
"เฮียไช้ทำอะไรพลการอย่างนี้จะเป็นที่ครหาได้ว่ามีพี่ใหญ่คอยให้ท้าย...อันที่จริง ลื้อเป็นถึงประมุขสมาคมเลือดมังกร น่าจะต้องเด็ดขาดมากกว่านี้"
สุงกุมขมับ
"จะให้อั๊วแล่เนื้อเถือหนังพี่น้องกันเองหรือไง"
"ลื้อก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว พี่ใหญ่"
เต็กได้โอกาสเสี้ยมสุง

ลานฝึกงิ้ว เวลากลางคืน กุ่ยควงพลองฝึกงิ้วอย่างเอาเป็นเอาตาย หงส์เดินเข้ามาหากุ่ย
"อีก 3 วันก็จะถึงวันประลองแล้ว...อากุ่ยลื้อเป็นความหวังเดียวของคณะเรา"
"อย่าห่วงเลยเจ้ อั๊วสัญญาว่าจะต้องเอาชนะให้ได้ ต่อให้ปรมาจารย์งิ้วจากปักกิ่ง ลีลาบู๊เข้มแข็งดุดันขนาดไหนก็ต้องมีจุดอ่อน"
"จุดอ่อน ลื้อรู้เหรอ"
"ยังไม่รู้หรอก... อั๊วรู้แต่ว่าทุกคนต่างก็มีจุดอ่อน เพียงแต่ว่ามันจะถูกซ่อนเร้น หรือเผยให้เห็น เปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นงาน สำคัญก็ตรงที่อั๊วจะหามันพบหรือเปล่าเท่านั้น"
หงส์คิดตามกุ่ย... นั่นสินะ จุดอ่อนของอีกฝ่ายคืออะไร ?
หงส์เหลือบเห็นมือกุ่ยที่ยังคงพันผ้าพันแผลอยู่
"มือลื้อเป็นยังไงบ้าง"
"ไม่เจ็บแล้วล่ะ คืนนี้คงแกะผ้าพันแผลออกได้... ขอบใจมากนะ เจ้หงส์"
หงส์พยักหน้าด้วยความโล่งใจ เข้าใจว่ากุ่ยขอบใจที่ถาม แต่ที่จริงแล้วกุ่ยเข้าใจผิดคิดว่า หงส์ทำแผลให้

ในห้องนอน กุ่ยค่อยๆแกะผ้าพันแผลออก มือหายดีเป็นปกติแล้ว คำพูดของเถ้าแก่สุงแล่นเข้ามาในหัวกุ่ย
"ถ้าชนะการประลองครั้งนี้ได้ ลื้อต้องการอะไร อั๊วจะให้ลื้อทุกอย่าง"
กุ่ยคิดถึงใบหน้าของหงส์ที่ส่งยิ้มให้ตน
"ถ้าอั๊วโชคดีเป็นฝ่ายชนะ อั๊วจะขอเจ้หงส์เป็นรางวัลจากเถ้าแก่สุง"
กุ่ยยกผ้าพันแผลขึ้นมาหอมเบาๆอย่างทะนุถนอม แล้วเอาผ้าพันแผลวางไว้ใต้หมอน เอนตัวลงนอนหลับไปอย่างมีความสุข

บ้านเถ้าแก่เต็ก เช้าวันใหม่ ตี๋เล็กกับเต็กกินข้าวมื้อเช้าด้วยกัน
"เสียดาย ! อาแปะไช้น่าจะส่งคนไปยิงอาแปะสุงให้ตายๆไปซะให้รู้แล้วรู้รอด อาป๊า จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำสักที"
"ต่อให้เฮียไช้อีนิสัยยอมหักไม่ยอมงอ แต่ก็คงไม่กล้าทำรุนแรงกับพี่ใหญ่ ถึงยังไงก็
เป็นพี่น้องกัน" เต็กบอก
"กะอีแค่พี่น้องร่วมน้ำสาบาน ใช่คลานตามออกมาซะที่ไหน เงินทอง อำนาจ ศักดิ์ศรี ของแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร ขนาดพี่น้องแท้ๆฆ่ากันตายก็ยังมี" ตี๋เล็กว่า
"พี่ใหญ่ดำรงตำแหน่งอีกไม่นานก็คงจะวางมือ ช่วงนี้ลื้อต้องทำตัวให้มันดีๆนะตี๋เล็ก เรื่องกินเหล้าเข้าบ่อนน่ะเพลาๆลงมั่ง พี่ใหญ่อีจะได้ยอมรับลื้อเป็นลูกเขย"
"ก็พยายามอยู่... แต่ดูเหมือนอาแปะสุงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าอั๊วสักเท่าไหร่ เจอหน้าทีไร ด่าอั๊วทุกที... ยิ่งแก่ก็ยิ่งเลอะ"
"อีก็เตือนไปตามประสาผู้ใหญ่ ลื้อก็อย่าเก็บเอามาใส่ใจสิวะ....แล้วนี่ความสัมพันธ์ระหว่างลื้อกับอาหงส์ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว จะทำอะไรก็รีบๆทำเข้าสิ"
"เรื่องนั้นอาป๊าไม่ต้องเป็นห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอั๊วเอง"

ตี๋เล็กยิ้มกรุ้มกริ่ม

บริเวณศาลเจ้า ผู้คนกราบไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิมปางยืนประทานพรเหยียบมังกร
 
หงส์คุยกับหลงที่มุมหนึ่งในศาลเจ้า เบื้องหน้าเทวรูปเจ้าแม่กวนอิม
"ฉันคงฝึกซ้อมหลังโรงงิ้วอีกต่อไปไม่ได้แล้ว"
"ทำไมล่ะครับ คุณหนู งิ้วเป็นศิลปะที่ต้องหมั่นฝึกฝนไม่ใช่เหรอ"
"ตอนนี้อาป๊าเริ่มระแคะระคาย ฉันคงต้องย้ายไปฝึกที่อื่น"
"หาสถานที่ฝึกงิ้วไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีอาณาบริเวณที่เงียบสงบ จึงจะทำให้จิตใจจดจ่อมีสมาธิ ถ้าไม่ฝึกที่โรงงิ้วเฟิ่งหวง คุณหนูจะฝึกที่ไหน"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"
หงส์มองด้วยสายตาวิงวอนต่อเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมที่ทรงยิ้มด้วยความเมตตา
"บางทีอาจถึงเวลาที่ฉันต้องเลิกเล่นงิ้วแล้วก็ได้"
เสียงซินแสง้วงดังเข้ามา
"ทำไมถึงได้ถอดใจง่ายนักล่ะ คุณหนูหงส์"
หงส์กับหลงหันมาพร้อมกัน เห็นซินแสง้วงยืนอยู่
"ซินแสง้วง !"
หงส์ดีใจที่ได้พบซินแสง้วงอีกครั้ง

ซินแสง้วงไขกุญแจที่ล่ามโซ่เปิดประตูบานใหญ่ของวิหารเก่าหลังหนึ่งในบริเวณศาลเจ้า
"วิหารสี่เทียนไต้อ๊วงหลังนี้เก่าแก่ทรุดโทรม เลยปิดรอการบูรณปฏิสังขรณ์ชั่วคราว ในระหว่างนี้ คุณหนูจะฝึกซ้อมที่นี่ไปพลางๆก่อนก็ได้... ลองเข้าไปดูสิ"
หงส์ลองเดินสำรวจภายในวิหารตามคำเชิญของซินแสง้วง หงส์เห็นรูปปั้นเทพเจ้าสี่เทียนไต้อ๊วง หรือ ท้าวจตุโลกบาลของจีนในชุดนักรบถืออาวุธต่างๆกัน แลดูขลัง แต่ละองค์หน้าตาน่ากลัวเพื่อป้องกันไม่ให้ภูตผีปีศาจเข้ามาในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ได้
"เงียบสงบ...เหมาะเป็นสถานที่ฝึกงิ้วที่สุด" หงส์บอก
"กว้างขวางไม่ใช่เล่น คุณหนูหงส์ใช้ที่นี่ฝึกซ้อมงิ้วได้จริงๆเหรอครับ ซินแส"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ศาลเจ้าเป็นที่พึ่งพิงของผู้ตกทุกข์ได้ยาก ช่วยดับร้อนผ่อนเย็นแก่คนทุกชนชั้น"
"ขอบคุณซินแส เช่นนั้นหงส์คงต้องรบกวนแล้ว"
ซินแสง้วงยิ้ม พยักหน้าด้วยความเต็มใจ
สายตาหลงมองออกไปด้านนอกเห็นผู้คนแน่นขนัด เปี่ยมศรัทธา ต่างมาขอพรจากเทพเจ้า
"ศาลเจ้าที่นี่คงจะศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้คนถึงได้หลั่งไหลมากราบไหว้บูชาไม่ขาดสาย"
"ศาลเจ้าเป็นเสมือนคำตอบข้อเดียว เพื่อตอบโจทย์หลายข้อของคนหลายวัย ตั้งแต่เด็ก คนหนุ่มสาว และคนเฒ่าแก่ ซึ่งเข้ามากราบไหว้เทพเจ้าที่ศาลเดียวกัน"
หงส์มองไปยังรูปปั้นขนาดใหญ่ของท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ที่เสมือนกำลังจ้องมองมายังหงส์เช่นกัน
"เทพเจ้ามีอิทธิฤทธิ์สามารถช่วยบันดาลให้ได้ตามคำขอจริงๆน่ะเหรอคะ"
"ไหว้ได้อย่าขอ ขอได้แต่ห้ามรอ คนเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ให้พึ่งพิงลำแข้งของตนเป็นหลัก หากงอมืองอเท้า เทพเจ้าที่ไหนก็ไม่อาจช่วยได้"
หงส์ฟังคำสอนของซินแสง้วงแล้วได้สติ เกิดความมุมานะพยายามขึ้นมา

หงส์เดินออกมาหน้าศาลเจ้า เห็นตี๋เล็กดักรออยู่ก่อนแล้ว
"นึกแล้วเชียวว่าน้องหงส์จะต้องมาที่นี่"
หงส์เอือมระอาที่ตี๋เล็กชอบตามมาวอแวด้วย
"เฮียเพิ่งถอยรถญี่ปุ่นออกมาใหม่ ให้เฮียขับไปส่งน้องหงส์ที่โรงงิ้วนะจ๊ะ"
"เห็นจะไม่รบกวน หงส์มีคนกลับด้วยแล้ว"
หลงเดินออกมาพอดี
"นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้ขี้ข้านี่เอง"
"การดูถูกคนอื่นให้ต่ำลง ไม่ได้ทำให้ตัวเองดูสูงขึ้นหรอกนะคะ"
"มันก็แค่ลิ่วล้อปลายแถว ทำไมน้องหงส์ต้องปกป้องมันด้วย"
"ถ้าเฮียตี๋เล็กว่างมากนักล่ะก็ เอาเวลาไปช่วยเถ้าแก่เต็กดูแลกิจการเครื่องเซ่นไหว้จะดีกว่า อย่ามาเกะกะระรานคนอื่นเค้าเลย มันน่ารำคาญ"
หงส์พูดจบก็เดินไปอย่างเหม็นขี้หน้า หลงยิ้มนิดๆที่มุมปากกับตี๋เล็ก ก่อนตามหลังหงส์ไป
ตี๋เล็กเจ็บใจ รู้สึกเสียหน้าหลงอย่างแรง

หงส์กับหลงกลับมายังโรงงิ้ว
"ดูท่าทางคุณตี๋เล็กจะมีใจให้คุณหนู" หลงบอก
"ผู้หญิงคนไหนได้แต่งงานกับผู้ชายพรรค์นั้นคงเหมือนตกนรกไปทั้งชาติ"
"แต่ถ้าหากเป็นบัญชาของเถ้าแก่สุงล่ะครับ"
หงส์นิ่งไม่ยอมตอบ แต่หนักใจ
นักแสดงในโรงงิ้วต่างถือข้าวของสัมภาระออกมาจากโรงงิ้ว
"พวกลื้อขนข้าวขนของจะไปไหนกัน" หงส์ถาม
นักแสดงเหล่านั้นก้มหน้านิ่ง ไม่รู้จะตอบหงส์อย่างไร ลาหงส์แบบดีๆ
นักแสดงชายบอก
"อั๊วลาล่ะนะ คุณหนู ดูแลตัวเองด้วย"
พอพูดจบ นักแสดงในโรงงิ้วก็ยกโขยงกันออกไป ปล่อยให้หงส์ยังยืนงงงันอยู่ หงส์รีบเดินเข้าไปถามหวัง
"อาหวัง ! พวกเค้าไปไหนกัน ทำไมวันนี้ถึงไม่ยอมซ้อมงิ้ว"
อาหวังก้มหน้านิ่ง อึกๆอักๆไม่กล้าตอบ หงส์เห็นอากัปกิริยาของหวังแล้ว เริ่มสัมผัสได้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

มุมร่มรื่น ในโรงงิ้ว อารมณ์ขึ้น พูดด้วยเสียงดังลั่น
"ไปซะได้ก็ดี พวกไม่รู้จักบุญคุณคน"
หมวยบอก
"คิดแล้วมันก็น่าเจ็บใจ กินข้าวหม้อเดียวกันมาตั้งนาน พอคณะเราตกอับเข้าหน่อย ก็ถีบหัวเรือส่ง หอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่คณะเสี่ยเกากันหมด"
"อย่าว่าเค้าเลย เป็นใครก็ต้องตัดสินใจแบบนี้กันทั้งนั้น ขืนอยู่ต่อก็คงอดตาย"
กุ่ยเอากำปั้นต่อยต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆระบายอารมณ์ หมวยรีบห้าม
"เพราะอั๊วเป็นต้นเหตุแท้ๆ" กุ่ยบอก
"อย่าโทษตัวเองเลยเฮีย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรอก" หมวยว่า
หลงเห็นใจ
"นักแสดงพากันลาออกเกือบหมด คุณหนูจะทำยังไงต่อไป"
หงส์ถอนใจ
"ตอนนี้คงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ให้คนที่ยังอยู่หัดเล่นงิ้วแทนคนที่ออกไปก่อนจนกว่าจะรับคนใหม่เข้ามา"
"อาหวัง ลื้อมาหัดฝึกงิ้วกับอั๊ว"
หวังเหรอหรา
"อั๊วเหรอ"
"ก็ลื้อน่ะสิ ! เริ่มจากบทสั้นๆง่ายๆ อย่างพลทหารหรือพ่อบ้านไปก่อนก็ได้"
หวังพยักหน้า รับคำ แม้จะไม่ค่อยมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้
"อาป๊ารู้เรื่องแล้วหรือยัง"
กุ่ยกับหมวยมองหน้ากัน แล้วพยักหน้า...สุงรู้เรื่องแล้ว

ภายในห้อง สุงหน้าดำคร่ำเคร่ง หารือกับเต็กและแปะจางอยู่
"ล้มเลิกการประลองซะเถอะพี่ใหญ่ อั๊วกลัวว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย เต็มที่ก็แค่เสียหน้า
ยังดีกว่าต้องหักปลายทวน เปิดการแสดงที่ไหนไม่ได้อีก" เต็กบอก
สุงมองหน้า รู้สึกผิดหวังในตัวเต็ก
"ลื้อจะชักแม่น้ำทั้งห้าหว่านล้อมให้อั๊วยอมแพ้อย่างงั้นเหรอ"
"ถึงสู้ต่อไปก็สู้ไม่ได้ พี่ใหญ่ลองคิดดูให้ดีๆ อากุ่ยเพิ่งจะหัดเล่นงิ้วได้แค่ปี-ครึ่งปี ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะลงสังเวียนกับปรมาจารย์งิ้วแห่งปักกิ่ง ฝีมือไร้เทียมทานขนาดนั้นได้แล้วเหรอ มีหวังเงี้ยวเซี๊ยว... จบเห่กันพอดี จริงมั้ยเฮียจาง"
แปะจางได้แต่นั่งนิ่ง น้ำท่วมปาก
"อั๊วกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้หรอกนะ อาเต็ก" สุงบอก
เต็กถอนใจหนักๆที่เกลี้ยกล่อมสุงไม่เป็นผล
หงส์เปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะพอดี ค้อมหัวแสดงความเคารพทุกคนอย่างนอบน้อม
"อั๊วกำลังคุยธุระกับอาเต็กอยู่ ใครใช้ให้ลื้อเสนอหน้าเข้ามา"
"อาป๊า... เรื่องคนงิ้วที่ลาออก"
"อั๊วรู้แล้ว ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ ลื้อออกไปได้ละ"
"คุณหนูมีอะไรก็ว่ามาเถอะ" แปะจางบอก
"หงส์จะมาขออนุญาตให้อาแปะจางสอนคนงานที่สมัครใจเล่นงิ้ว"
ทุกคนหันมามองหงส์เป็นตาเดียวกัน
"ลื้อคิดจะทำอะไรของลื้อน่ะ อาหงส์" เต็กถาม
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คณะเฟิ่งหวงก็ต้องก้าวต่อไป และจะแพ้การประลองครั้งนี้ไม่ได้เป็นอันขาด"

หงส์พูดด้วยแววตามุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวเกินหญิง

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 3 (ต่อ)

หลงมาดักรอหน้าโรงงิ้ว หาโอกาสจะฆ่าสุง ตี๋เล็กกระชากบ่าหลงอย่างแรง แล้วทำหน้ายียวนใส่
 
มีสมุนนักเลงยืนอยู่ข้างหลัง
หลงพยายามจะหลบ แต่ตี๋เล็กก็ขยับมาดักเอาไว้ กะจะหาเรื่อง
"จะรีบไปไหนเล่า"
"ต้องการอะไร"
"หมูเขาจะหาม แส่เอาคานเข้ามาสอด... ลื้อนี่มันชอบเสือกเรื่องของชาวบ้านจริงๆ"
"คราวก่อนเพราะมีเรื่องต่อยตีกัน ทำให้คุณหนูหงส์พลอยต้องถูกเถ้าแก่สุงลงโทษอย่างหนัก... วันนี้อั๊วไม่อยากมีเรื่อง"
หลงยอมข่มใจ จะเดินออกไป
"เดี๋ยว ! คิดจะกลับง่ายๆอย่างงี้น่ะเหรอ ไอ้ลูกหมา"
หลงกำหมัดแน่น พยายามคุมอารมณ์
"ลื้อจะเอาอะไรอีก"
"คราวก่อนมันไม่จบ มาต่อกันจบดีกว่า"
ตี๋เล็กเปิดเกม ต่อยหน้าหลงก่อน หลงหลับทัน สมุนทั้งสามของตี๋เล็กรุมเล่นงาน แต่หลงสู้ยิบตา ไม่เพลี่ยงพล้ำแม้แต่หมัดเดียว สมุนของตี๋เล็กถูกหลงต่อยจนหมอบกระแต ร่วงไปทีละคน สองคน
หลงกับตี๋เล็กเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว ตั้งท่าเตรียมจะสู้กันเต็มที่

ก่อนหน้านี้ ... สุงมองดูโรงงิ้วที่ว่างเปล่า ไม่มีคนด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ นึกถึงเมื่อครั้งที่โรงงิ้วรุ่งเรืองถึงขีดสุด ตอนที่อาฉางยังมีชีวิตอยู่ วันนี้... โรงงิ้วว่างเปล่า สุงเห็นแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้ ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้คนดูแถวหน้าสุด รู้สึกหวงแหนโรงงิ้วอันเป็นที่รัก กลัวว่าจะต้องปิดกิจการลง

สุงจ้องหน้าหงส์อย่างไม่พอใจ
"พูดเพ้อเจ้ออะไรออกมา ผู้หญิงอย่างลื้อจะไปรู้อะไร ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก"
"ตอนนี้นักแสดงงิ้วคณะเราลาออกไปกันเกือบหมดแล้ว จะเหลือก็แต่อากุ่ยกับหมวยเท่านั้น ถ้าไม่ฝึกคนที่ยังอยู่คณะเราให้เล่นงิ้ว แล้วจะเปิดแสดงได้ยังไง"
"จะยากอะไร ก็ประกาศรับคนมาเพิ่มสิ"
"แล้วถ้ายังหาคนไม่ได้ล่ะคะ"
สุงถึงกับนิ่งงันไปเมื่อเจอหงส์ต้อนจนมุม
"ตอนนี้นักแสดงมีฝีมือแห่ไปสมัครที่โรงงิ้วเปี่ยนฟู่ของเสี่ยเกากันหมด อย่าว่าแต่รับนักแสดงงิ้วเข้าคณะเราเลย แม้แต่คนงานสักคนยังหายากเต็มที ถ้าไม่มีนักแสดงแล้วใครจะดู เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว"
แปะจางพยักหน้าเห็นด้วยกับหงส์ ในขณะที่เต็กส่ายหน้า จะต้องทำให้ยุ่งยากทำไม
"ทำไมอั๊วต้องทำตามลื้อด้วย" สุงว่า
"ถ้าเฮียฉางยังอยู่ ก็จะทำอย่างเดียวกับที่หงส์ทำ"
แปะจางกับเต็กต่างหนาวๆร้อนๆ ที่หงส์กล้าพูดจี้ใจดำสุงเรื่องอาฉาง
"ออกไปให้พ้นหน้าอั๊วะเดี๋ยวนี้ นังตัวซวย !"
สุงโกรธจนตัวสั่น จ้องหงส์ตาเขม็ง ไล่ตะเพิดหงส์ออกไปจากห้อง สุงรู้สึกห่อเหี่ยวท้อแท้ อย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่มีคนดู โรงงิ้วคงต้องเจ๊งแน่ๆ

หลงสู้ตัวต่อตัวกับตี๋เล็กอย่างดุเดือด สมุนตี๋เล็กเล่นทีเผลอ ถือเชือกเส้นใหญ่ๆในมือคนละเส้น แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้กัน สมุนตี๋เล็กใช้เชือกหวดหลงจนล้มลง แล้วรีบคล้องเป็นบ่วงบาศ มัดร่างหลงจนล้มลงกระดิกกระเดี้ยไม่ได้
ตี๋เล็กได้ที ประเคนหมัดเท้าเข่าศอกใส่หลงไม่ยั้ง
หลงสะบัดหลุดจากพวกหมาหมู่เป็นฝ่ายเอาคืนบ้าง
กุ่ย หมวย อาหวัง หน้าตาตื่นวิ่งเข้ามา
"เค้าแป๋ ! มีเรื่องกันอีกแล้ว" กุ่ยว่า
"ต้องไปตามเถ้าแก่สุง" หวังบอก
"ไม่ได้ ! ขืนไปตามเถ้าแก่สุงออกมา หงส์ก็ถูกทำโทษอีกน่ะสิ"
"แล้วจะปล่อยให้อาหลงถูกลูกชายเถ้าแก่เต็กซ้อมจนตายหรือไง"
หมวยกลอกตาไปมาครู่หนึ่ง แล้วก็คิดแผนออก
"นึกออกแล้ว"
หมวยแกล้งตะโกนดังๆหลอกให้ตี๋เล็กได้ยิน
"เถ้าแก่สุงมา"
หลงกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ ตี๋เล็กถูกหลงต่อยจนหน้าบวมปูด หงายหลังไป หลงเงื้อจะต่อยซ้ำ แต่พอได้ยินชื่อเถ้าแก่สุงเข้าก็ชะงักทันที
"ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ! เฮ้ย กลับ" ตี๋เล็กว่า
ตี๋เล็กกับสมุนออกไปจากโรงงิ้วด้วยความอาฆาตแค้น
หงส์เดินเข้ามา เห็นหลงถูกซ้อมจนหน้าช้ำไปหมด จึงรีบเข้าไปหาหลงด้วยความเป็นห่วง
"นี่มันอะไรกัน"
กุ่ยเห็นหงส์เป็นห่วงหลงก็รู้สึกหึงขึ้นมาตงิดๆ

มุมร่มรื่นในโรงงิ้วเฟิ่งหวง หงส์เอาน้ำแข็งประคบแผลฟกช้ำให้หลง
"คนนิสัยอันธพาลอย่างเฮียตี๋เล็ก นายไม่น่าเข้าไปยุ่ง"
"ผมพยายามเลี่ยงแล้ว แต่คุณตี๋เล็กเข้ามาหาเรื่องผม คงยังเจ็บใจเรื่องคราวก่อน"
"นายเลยต้องมาเจ็บตัวเพราะฉันอีกแล้ว ฉันคงเป็นตัวซวยอย่างที่อาป๊าบอกจริงๆ ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ฉันถึงได้เดือดร้อน มีอันเป็นไปกันหมด นายเองก็เหมือนกัน ควรอยู่ห่างๆฉันเอาไว้"
"ผมไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลพรรค์นั้น คนส่วนใหญ่เกรงกลัวคำว่า "ซวย" มากกว่าที่จะกลัวผลแห่งเวรกรรม ทั้งๆสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากกรรม ไม่ใช่ความซวย"
"ถ้าอาป๊าเชื่ออย่างที่นายเชื่อบ้างก็คงจะดี ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นตัวซวยของอาป๊าเหมือนอย่างทุกวันนี้"
หงส์ฝืนยิ้มเศร้าๆจนหลงรู้สึกสงสารหงส์จับใจ

อีกมุมหนึ่ง กุ่ยแอบยืนดูหงส์กับหลงคุยกันอยู่สองต่อสอง ก็ออกอาการหึงจนหน้ามืดตามัว
ควงไม้พลองสำหรับซ้อมงิ้วฟาด หวดอากาศดังควั่บๆ ระบายอารมณ์ไปเรื่อย หมวยยืนมองกุ่ยอยู่ห่างๆ ด้วยความร้าวรานใจ คนที่กุ่ยหมายปองไม่ใช่ตน แต่เป็นหงส์

ตอนกลางคืน โคมไฟที่แขวนหน้าศาลเจ้าส่องแสงในความมืด ซินแสง้วงใช้พู่กันจีนเขียนหมึกแดงคำอวยพรภาษาจีนลงบนโคมไฟกระดาษที่เอาไว้แขวนหน้าศาลเจ้า
ซินแสง้วงเห็นใครบางคนยืนอยู่ จึงเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ เสี่ยเกายืนยิ้มให้ มีอาซาและเหล่าบอดี้การ์ดยืนคุ้มกันแน่นหนา
"ได้ยินมาว่าซินแสทำนายทายทักได้แม่นยำราวกับตาเห็น เป็นความจริงหรือไม่"
ซินแสง้วงยังคงวาดพู่กันลงบนโคมไฟ โดยไม่สนใจเสี่ยเกาแม้แต่น้อย
"อั๊วะเป็นแค่คนเฝ้าศาลเจ้า ไม่ใช่หมอดูตาทิพย์ ลื้อคงมาหาผิดคนแล้ว"
"อย่าถ่อมตัวนักเลย ทั้งเยาวราชมีใครไม่รู้จักซินแสง้วงผู้หยั่งรู้ฟ้าดินผู้นี้บ้าง" เกาบอก
"ลิขิตฟ้าชะตาดินไม่มีผู้ใดบังอาจล่วงรู้ได้ ลื้อกลับไปซะเถอะ"
"อั๊วะไปแน่ แต่ซินแสต้องบอกมาก่อนว่าดวงชะตาของอั๊วะต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไง จะได้ขึ้นเป็นใหญ่เหมือนที่อั๊วะตั้งใจไว้หรือไม่"
ซินแสง้วงเงยหน้าขึ้นมองเกา สีหน้าราบเรียบ แล้วหยิบกระดาษสีขาว ตวัดพู่กันเขียนด้วยหมึกแดง แล้วยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ เการับไปดูอย่างแปลกใจ
กระดาษแผ่นนั้นเขียนอักษรจีนคำว่า “小心” อ่านว่า เสี่ยวซิน แปลว่า ระวัง
เกาถาม
"หมายความว่ายังไง"
"อักษร “เสี่ยว” ตัวแรกแปลว่า “เล็ก” ส่วนอักษร “ซิน” ตัวหลังแปลว่า “ใจ” เมื่ออักษรสองตัวรวมกัน “เสี่ยวซิน” หมายถึง ระวัง”
"ระวัง ! จะให้อั๊วะระวังอะไร"
"อีเกอะเสียวข่งฮุ่ยสื่ออี้โซวต้าฉวนเฉินม่อ... รูเล็กๆอาจทำให้เรือลำใหญ่ล่มลงได้ฉันใด ความประมาทย่ามใจก็ทำให้คนพินาศย่อยยับได้ฉันนั้น."
ซินแสง้วงพูดจบก็ใช้พู่กันเขียนโคมกระดาษต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
เสี่ยเกาแม้จะไม่พอใจคำทำนายของซินแสง้วง แต่ก็อดหวั่นวิตกในคำทำนายไม่ได้

ภายในวิหารเก่า ใบหน้าของท้าวจตุโลกบาลคล้ายกำลังจ้องลงมามองดูหงส์ที่กำลังฝึกงิ้วอย่างหนัก
 
หงส์ฝึกงิ้ว โดยโยนรับเต้าหู้ ฝีมือหงส์รุดหน้าไปมาก สามารถตีลังกาผาดโผน และรับเต้าหู้ได้โดยไม่เละ จนกระทั่งจบกระบวนท่า
หลงเข้ามายืนดูหงส์อยู่ห่างๆ ที่มุมหนึ่งของวิหาร ถึงกับตบมือให้ด้วยความชื่นชม
"ฝีมือคุณหนูรุดหน้าไปมาก แต่ว่า..."
"อะไรเหรอ อาหลง"
"มันยังขาดความเข้มแข็ง ดุดันไปหน่อย"
"ฉันควรจะทำยังไงดี อะไรคือ “อ่อนโยนผสมแข็งกร้าว” ของอาแปะจางกันแน่"
หลงหยิบหมั่นโถวที่ใช้ไหว้เจ้าบนแท่นบูชาขึ้นมา แล้วพูดกับหงส์
"คุณหนูลองแย่งหมั่นโถวนี่จากผมให้ได้สิครับ"
หงส์รีบคว้า หลงชักหลบ หงส์เริ่มแย่งด้วยลีลาที่ดุเดือดยิ่งขึ้น ท่วงท่าของหลงเป็นกังฟูเล็ก ในขณะที่ท่วงท่าของหงส์เป็นลีลาของงิ้ว คนหนึ่งอ่อน คนหนึ่งแข็ง ระหว่างที่หงส์แย่งหมั่นโถว หลงก็สอนวิชาบู๊ไปด้วย
"อย่าเกร็ง.... ฝึกหายใจไปพร้อมกับการเคลื่อนไหว"
หงส์หัวไว ทำตาม ค่อยคลายอาการเกร็งลง
"การจู่โจมต้องรวดเร็ว ฉับไว อย่าเปิดช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้าม.... ดีครับ"
ท่วงท่าของหงส์สอดประสานกลายเป็นท่วงท่าที่สวยงาม อ่อนโยนผสมแข็งกร้าวในที่สุด
หงส์สามารถแย่งหมั่นโถวจากหลงได้สำเร็จ รู้แล้วว่า...ความแข็งกร้าวในแบบผู้ชายนั้นเป็นอย่างไร ?

หงส์เดินคุยกับหลงที่ลานกว้างของศาลเจ้า ดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า
"เรื่องขออนุญาตให้คนงานหัดเล่นงิ้ว เถ้าแก่สุงว่ายังไงบ้างครับ"
หงส์ส่ายหน้า
"อาป๊าไล่ฉันออกมาก่อน เลยยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไป"
"ถ้าเถ้าแก่สุงไม่ยอมล่ะครับ"
"โรงงิ้วเฟิ่งหวงคงต้องปิดไม่มีกำหนดจนกว่าจะหานักแสดงใหม่ได้จนครบ"
"หรือไม่คณะเฟิ่งหวงก็ต้องชนะการประลองครั้งนี้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนมา ถึงตอน
นั้น นักแสดงงิ้วที่ลาออกไปก็จะพากันกลับมาเอง"
"นายคิดว่าคณะเฟิ่งหวงของฉันจะเอาชนะงิ้วจากปักกิ่งของเสี่ยเกาได้มั้ย"
"ผมไม่ทราบหรอกครับ... แต่คุณหนูลองดูนั่น"
หลงชี้ไปยังกลุ่มดาว “หงส์” ที่เจิดจรัสสุกสกาวบนฟากฟ้า
"ดาวหงส์... สวยจังเลย"
"คืนนี้ดาวหงส์เจิดจรัสบนฟากฟ้า สว่างไสวที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการประลองที่กำลังจะเกิดขึ้น"
"ไม่ว่าเรื่องที่นายเล่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม ฉันขอบใจนายมากนะ อาหลง"
หลงเผลอยิ้มให้หงส์อย่างลืมตัว หงส์แหงนมองไปยังกลุ่มดาวหงส์ที่ส่องประกายสุกสว่างเปี่ยมด้วยความหวัง

(หมายเหตุ : ดาวหงส์เป็นกลุ่มดาวทางซีกฟ้าเหนือที่สวยงาม เรียงตัวเป็นรูปหงส์กำลังบินมุ่งไปทางทิศตะวันตก ตามแนวทางช้างเผือก ดาวหงส์จะอยู่กลางท้องฟ้าเวลา 3 ทุ่ม ในวันที่ 10 กันยายนของทุกปี)

คืนเดียวกัน สุงนอนไม่หลับ ยังคิดไม่ตกเรื่องคนงิ้วที่ลาออกไป ว่าจะทำอย่างไรต่อดี
คำพูดของหงส์แล่นเข้ามาในหัวสุง
"ตอนนี้นักแสดงมีฝีมือแห่ไปสมัครที่โรงงิ้วเปี่ยนฟู่ของเสี่ยเกากันหมด อย่าว่าแต่รับนักแสดงงิ้วเข้าคณะเราเลย แม้แต่คนงานสักคนยังหายากเต็มที เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว"
แปะจางพยักหน้าเห็นด้วยกับหงส์ ในขณะที่เต็กส่ายหน้า จะต้องทำให้ยุ่งยากทำไม
"ทำไมอั๊วต้องทำตามลื้อด้วย" สุงถามลูกสาว
"ถ้าเฮียฉางยังอยู่ ก็จะทำอย่างเดียวกับที่หงส์ทำ"
สุงเหมือนคนจนแต้ม เริ่มคล้อยตามคำพูดหงส์
แปะจางเข้ามาขัดจังหวะ แหงนมองดูดาวบนท้องฟ้า แล้วนับนิ้วคำนวณ ทำปากขมุบขมิบ
"เฮียจาง... ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอ"
"คืนนี้ดาวหงส์เจิดจรัสบนฟากฟ้า ส่องสว่างสดใสที่สุดในรอบ 25 ปี"
"ดาวหงส์งั้นเหรอ"
สุงแหงนหน้ามองดาวหงส์แล้วหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตอันขมขื่น

คืนนั้นในอดีต สุงตาแดงก่ำอุ้มทารกหงส์แบเบาะออกมายังลานงิ้ว หลังจากเพิ่งรู้ว่าเมียจากโลกนี้ไปแล้ว ทารกหญิงในห่อผ้า เพิ่งแรกคลอดตัวยังแดงๆ สุงมองทารกนั้นด้วยความชิงชัง ความคิดชั่วแล่นเข้ามาในหัว จะโยนลูกทิ้งลงพื้นให้ตายๆไปซะ
"ช้าก่อน... เถ้าแก่สุง"
สุงหันไปเห็นซินแสง้วงยืนอยู่
"ลิขิตแห่งฟ้าเป็นเครื่องชี้นำโชคชะตา ทุกคนเกิดมาต่างมีกรรมเป็นของตนเอง ทารกไร้เดียงสาเพิ่งลืมตาดูโลก จะไปรู้อะไรด้วย"
สุงชะงัก จ้องมองทารกน้อย ทั้งเกลียดทั้งแค้น
"เด็กน้อยคนนี้เกิดภายใต้อิทธิพลดาวหงส์ ดวงชะตากล้าแข็งนัก ต่อไปภายหน้าจะ
ได้ค้ำหนุนจุนเจือแก๊งหงส์ดำ ชนิดมิอาจหาผู้ใดทาบรัศมีได้"
สุงแหงนมองดาวหงส์บนฟ้าที่ส่องประกายสุกจ้า สลับกับมองทารกน้อยตรงหน้า
"ไว้ชีวิตทารกน้อยคนนี้เถอะ ถึงยังไงก็ได้ชื่อว่าลูกลื้อ"
"ถ้าอั๊วไม่เชื่อซินแสล่ะ"
"ยังไงลื้อก็ต้องเชื่ออั๊ว"
สุงคิดหนักเมื่อได้ยินซินแสง้วงทัก

สุงยังจดจำคำทำนายของซินแสง้วงในอดีตได้อย่างแม่นยำ
"เมื่อ 25 ปีก่อน ดาวหงส์ทำให้อั๊วต้องสูญเสียเมียรักไป คราวนี้มีอะไรที่อั๊วจะต้องสูญเสียอีกล่ะ"
"ตามตำนาน หงส์เป็น 1 ใน 4 สัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ อันได้แก่ มังกร กิเลน เต่า และหงส์ ดังนั้นการที่ดาวหงส์ปรากฏครั้งนี้จึงมิใช่ลางร้าย ตรงกันข้าม กลับจะเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับแก๊งหงส์ดำ"
สุงไม่ค่อยเชื่อแปะจางเท่าไรนักว่า ดาวหงส์ปรากฏจะเป็นลางดี
"หากเถ้าแก่ยังไม่เชื่อก็ลองดูโน่น"
แปะจางผินหน้าไปยังกลุ่มดาวมังกรที่อยู่ทางซีกฟ้าด้านเหนือ
สุงตกใจ
"ดาวมังกร ! ทำไมถึงปรากฏพร้อมกับดาวหงส์ได้"

(หมายเหตุ : ปกติดาวมังกรจะปรากฎในวันที่ 20 กันยายน ส่วนดาวหงส์จะปรากฏในวันที่ 10 กันยายน)

"ในยุคสามจักรพรรดิห้ากษัตริย์ของจีน สมัยพระเจ้าซุ่นตี้ขึ้นครองราชย์ เกิดฝนฟ้าแปรปรวน บนท้องฟ้าปรากฏร่างของมังกรและหงส์ขึ้นพร้อมกัน ชาวเมือง พากันแตกตื่น เชื่อกันว่าเป็นนิมิตแห่งสวรรค์ ทำให้แผ่นดินร่มเย็นเป็นสุข ผู้มีคุณธรรมจะขึ้นเป็นใหญ่ และสันติสุขจะบังเกิด"
สุงแหงนมองไปยังดาวหงส์และดาวมังกรที่เจิดจรัสคู่กันบนท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ

(หมายเหตุ : ยุคสามจักรพรรดิห้ากษัตริย์ของจีนหมายถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นตำนานเทพนิยายจีน)

คืนเดียวกัน เสี่ยเกาทำพิธีอยู่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์
 
จุดเทียนแดงสว่างไสว เซ่นไหว้ขอพลังอำนาจจากดาวมังกร
เกาอธิษฐานเบาๆ
"ขออำนาจแห่งดาวมังกรโปรดจงบันดาลพลังให้แก่ข้าด้วยเถิด"
เกาก้มลงกราบคารวะดาวมังกร เป็นอันเสร็จพิธี
ซาบอก
"ถึงแม้ว่าตอนนี้เสี่ยจะยังไม่ได้ขึ้นเป็นประมุขสมาคมเลือดมังกร แต่ก็มีอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือแล้ว"
"ถึงอั๊วจะมีพร้อมทั้งลาภยศและอำนาจ แต่ไร้ซึ่งตำแหน่งก็ไม่มีความหมายอะไร"
"อย่าห่วงไปเลยครับ อีกไม่นาน ทั้งเก้าอี้ประมุขเลือดมังกรและโรงงิ้วเฟิ่งหวงจะต้องตกเป็นของเสี่ยแน่นอน เวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่าเสี่ยอีกแล้ว"
"แต่ซินแสง้วงเตือนให้อั๊วะระวัง อย่าได้ประมาท"
"เสี่ยจะเชื่ออะไรกับคำพูดของคนแก่เฝ้าศาลเจ้าเลอะเลือน"
"ซินแสเฒ่าผู้นี้ได้ชื่อว่าหยั่งรู้ฟ้าดิน ทำนายทายทักเหตุการณ์ต่างๆได้แม่นยำราวตาเห็นมานักต่อนัก แม้แต่จิ้งจกทักเขายังให้ระวัง นับประสาอะไรกับคำพยากรณ์ของซินแสง้วง... นี่อั๊วต้องระวังอะไรกันแน่"
เกาอดวิตกกังวลกับคำทำนายของซินแสง้วงไม่ได้

หลงมาส่งหงส์ที่หน้าโรงงิ้ว
"นายคิดว่าดวงดาวบนฟ้าสามารถลิขิตชะตาชีวิตคนเราได้งั้นเหรอ"
"ขงเบ้งกล่าวไว้ว่าคนเป็นผู้สร้าง ส่วนฟ้าเป็นผู้กำหนด เพราะเราไม่มีทางรู้ได้ว่าฟ้าจะกำหนดให้เราไปทิศทางไหน แต่ถ้าหากมัวแต่รอคอยโชคชะตา ไม่ยอมไขว่คว้าพยายาม ฟ้าจะประทานความสำเร็จมาให้ได้อย่างไร"
หงส์แปลกใจ
"นายรู้จักขงเบ้ง ! เคยอ่านสามก๊กด้วยเหรอ "
"ผมเรียนไม่สูง พออ่านออกเขียนได้งูๆปลาๆ อาศัยชอบฟังคนอื่นเล่ามากกว่า"
หงส์มองหลงด้วยความชื่นชม ก่อนนึกขึ้นมาได้ถึงสิ่งที่ยังคาใจ ว่าจะถามตั้งนานแล้ว
"จำได้แล้ว นายเคยเล่าให้ฉันฟังว่าก่อนจะมารับจ้างย้อมผ้า นายเคยเป็นคนขับรถมาก่อน... เจ้านายเก่าของนาย “ไม่ใช่คนธรรมดา” เค้ามีอิทธิพลมากเลยเหรอ เป็นใครบอกฉันได้มั้ย"
ภาพเหตุการณ์อันแสนโหดร้ายเรื่องที่เล้งฆ่าจันทร์ชมพูแล่นเข้ามาในหัวหลง เขาเริ่มมีพิรุธ "เรื่องมันผ่านมาตั้ง 7 ปีแล้ว คุณหนูจะอยากรู้ไปทำไมเหรอครับ"
หงส์สังเกตได้ว่าหลงมีพิรุธ ทำให้ยิ่งอยากรู้
"เพราะนายกำลังมีบางอย่างปิดบังฉันอยู่ ถ้ายังเห็นว่าเราเป็นเพื่อนกันก็บอกฉันมา"
"ผมเคยเป็นคนขับรถให้..."
หงส์จ้องหน้าหลง ตั้งใจฟังเป็นพิเศษ ก่อนที่หลงจะพูดออกมานั้น เสียงสุงดังตวาดขึ้นมาก่อน
"อาหงส์"
หงส์สะดุ้ง ทั้งหงส์และหลงหันไปมองพร้อมกัน
สุงมองหงส์กับหลงสีหน้าไม่พอใจอย่างแรงที่ยืนคุยด้วยกันสองต่อสองในยามวิกาล

สุงตบหน้าหงส์ฉาดใหญ่จนหงส์ล้มลงกระแทกพื้นลานฝึกงิ้ว เลือดกบปาก
"ระรี้ระริกเหมือนแม่หมูติดสัด วิ่งพล่านหาแต่ตัวผู้"
"อาป๊า หงส์กับอาหลงเป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น"
"กลางค่ำกลางคืน ลื้อออกไปไหนกับผู้ชายตามลำพัง"
"หงส์...ไป...ศาลเจ้า"
"ไปศาลเจ้า... ตอนกลางวันทำไมไม่รู้จักไป"
หงส์ได้แต่นิ่งเงียบ น้ำท่วมปาก จะบอกว่าออกไปฝึกงิ้วที่ศาลเจ้าก็ไม่ได้
สุงเห็นหงส์ท่าทางมีพิรุธ ก็ยิ่งโกรธ
"นังลูกเวร ! ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ หากไม่ได้ออกไปทำเรื่องงามหน้า ลื้อจะมัวอมพะนำมีลับลมคมในทำไม"
"อาป๊า... ฟังหงส์ก่อน หงส์เปล่า"
"หุบปาก ! ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เป็นลูกผู้หญิงต้องรู้จักสำรวม ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ห้ามผิดแบบแผนจารีต ห้ามหว่านเสน่ห์หรือรับไมตรีจากชายอื่น ต้องรู้จักรักนวลสงวนตัวสมเป็นกุลสตรี ไม่ใช่ทำเรื่องบัดสีไร้ยางอายแบบนี้"
หงส์ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ได้แต่ยอมถูกพ่อด่า น้ำตาร่วงเผาะ
"คุกเข่าลง ! สำนึกในสิ่งที่ทำให้ดี ถ้าอั๊วะไม่สั่ง ลื้อก็ห้ามลุก"
สุงหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินออกไป ปล่อยให้หงส์คุกเข่าน้ำตานองหน้าอยู่คนเดียว หลงแอบดูหงส์อยู่หน้าโรงงิ้ว สงสารหงส์จับใจ ไม่ยอมห่างไปไหน

ผ่านเวลาจนกระทั่งฟ้าสาง เช้าวันใหม่ น้ำค้างหยดลงบนใบไม้ หงส์ยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม หลงเดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
"เช้าแล้ว คุณหนูลุกขึ้นเถอะครับ"
"ฉันยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าอาป๊าจะอนุญาต"
"แต่คุณหนูไม่ผิด ผมจะไปเล่าความจริงให้เถ้าแก่สุงฟังเดี๋ยวนี้"
"อย่า ! อาหลง "
หลงชะงัก
"ทำไมล่ะครับ"
"นายช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก นายยิ่งพูด อาป๊าจะยิ่งโกรธ ไม่มีใครทำให้อาป๊าเปลี่ยนใจได้ทั้งนั้น"
"อย่าทรมานตัวเองแบบนี้เลย ผมขอร้อง"
"กลับไปซะเถอะ... ฉันต้องทำตามคำสั่งของอาป๊า"
"คุณหนู"
หงส์แววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมแพ้

สุงตบโต๊ะปัง จนหมวย กุ่ย และหวังที่มาอ้อนวอนขอร้องสุงให้ยกโทษให้หงส์ต่างสะดุ้งเฮือก
"อั๊วแทบอยากจะเฆี่ยนนังลูกไม่รักดีให้เนื้อหลุดเสียด้วยซ้ำ จะได้หลาบจำ เป็นถึงลูกสาวหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ แต่กลับทำตัวเหลวแหลก เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล มันน่านัก"
"เจ้หงส์ไม่มีวันทำเรื่องอัปยศอย่างนั้นแน่" กุ่ยบอก
"อีกอย่างอาหลงก็เป็นคนของเถ้าแก่ไช้ ใช่คนอื่นคนไกลซะที่ไหน จะกล้าทำเรื่องฉาวโฉ่แบบนั้นได้ยังไง... เถ้าแก่ยกโทษให้เจ้หงส์สักครั้งเถอะนะคะ" หมวยบอก
"ไม่ต้องพูดมาก ! อั๊วไม่อยากเห็นหน้าพวกลื้อ จะไปไหนก็ไป ! ไปสิ"
ทั้งสามมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จนปัญญาจะช่วยหงส์
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องสุงก็เปิดออก หลงก้าวเข้ามา ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน
"อาหลง !"
หมวย กุ่ย หวัง ต่างมองหลงตาค้าง ตกใจที่หลงกล้าเข้ามาในห้องสุง

หงส์คุกเข่ากลางแดดเปรี้ยงๆ เหงื่อหยดเป็นน้ำ หน้าซีด ปากแห้งแตก
 
แววตาเหม่อลอยไปยังหอกที่ใช้ฝึกงิ้วที่ลานฝึก แล้วหวนคิดถึงเมื่อครั้งอาฉางยังมีชีวิตอยู่

ในอดีต อาฉางซ้อมเตะหอก 8 เล่มพร้อมๆกันได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว
 
หงส์มองตาโตด้วยความทึ่งในความสามารถของพี่ชาย
"ว้าว ! ลูกเตะหอกสะท้านของอู๋เซิง พระเอกฝ่ายบู๊ต้องฝ่าด่านหอกให้ได้ 8 เล่ม งิ้วคณะอื่นเค้าฝ่าด่านหอกได้แค่ 4 เล่มเอง เฮียฉางเก่งกว่าตั้งเยอะ อีกหน่อยคณะเฟิ่งหวงของเราต้องดังแน่ๆ"
"โรงงิ้วเฟิ่งหวงคือชีวิตของอาป๊า เฮียจะไม่ทำให้อาป๊าผิดหวังเด็ดขาด"
"สักวันหงส์จะต้องเก่งอย่างเฮียฉางให้ได้ อาป๊าจะได้ภูมิใจในตัวหงส์บ้าง"
"หงส์ทั้งสวยทั้งเก่ง ต้องทำได้อยู่แล้ว เฮียจะรอดู… สัญญานะ"
"สัญญา"
สองพี่น้องยิ้มให้กัน เกี่ยวก้อยแทนคำมั่นสัญญา

หงส์ฝืนยิ้มทั้งๆที่น้ำตาคลอ
"หงส์มันไม่เอาไหน... ทำตามที่เคยสัญญาเอาไว้กับเฮียไม่ได้สักอย่าง"
ฉางเคยสั่งเสียก่อนที่จะขาดใจตายบนโรงงิ้วว่า
"หงส์... เฮียฝากอาป๊า... ฝากคณะด้วย รับปากเฮียสิ หงส์"
หงส์ร่ำไห้ กุมมือที่เปื้อนเลือดของฉางไว้แน่น
"หงส์รับปาก...จะให้หงส์ทำอะไรได้ทั้งนั้น แต่เฮียอย่าเป็นอะไรนะ"
ฉางฝืนยิ้มจางๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหลับตาลง สิ้นใจ
หงส์ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอัดอั้นตันใจ
"แม้แต่...คำสั่งเสียของเฮียก่อนตาย หงส์ก็ยังทำตามไม่ได้"
หงส์พยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่แสดงอาการอ่อนแอออกมาให้เห็น

หลงยังไม่ทันจะพูดอะไร ก็ถูกสุงพูดดักคอไว้ก่อน
"จะมาขอให้อั๊วยกโทษให้อาหงส์อีกคนหรือไง"
"เรื่องนี้เพราะอั๊วเป็นต้นเหตุ ถ้าอั๊วไม่อาสาพาคุณหนูมาส่งก็คงไม่เกิดเรื่อง"
สุงมองหน้าหลงอย่างรู้ทันว่าจะพูดอะไร
"เลยจะให้อั๊วลงโทษลื้อด้วยอีกคนใช่มั้ย"
"ไม่ว่าโทษจะหนักสักแค่ไหน อั๊วก็ยินดีรับ ขอเพียงเถ้าแก่ยกโทษให้คุณหนูเท่านั้น"

กุ่ยเบ้ปาก หมั่นไส้หลง พูดเบาๆกับหมวย
"อีโธ่ ! ทำเป็นเสนอหน้าออกรับแทน นึกว่าเป็นพระเอกหรือไง"
หมวยชู่ว์ปากใส่ เอาข้อศอกกระทุ้งท้องกุ่ยเบาๆ ปรามว่าอย่าปากเสีย

สุงกับหลงจ้องตากันไม่กระพริบ เหมือนท้าวัดใจ อารมณ์สุงค่อยเย็นลงเมื่อเจอคนจริงอย่างหลง
"อั๊วจะถามลื้ออีกครั้ง เมื่อคืนลื้อกับอาหงส์ไปไหนกันมา"
"ไปศาลเจ้าครับ"
"จะให้อั๊วเชื่อว่าลื้อสองคนไปศาลเจ้ากันกลางดึกอย่างงั้นเหรอ"
"ครับ... เรื่องนี้ซินแสง้วงเป็นพยานได้"
"ไหว้เจ้ากันทั้งคืนเนี่ยนะ"
"ด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย อั๊วขอยืนยันว่าคุณหนูหงส์ไม่ได้ประพฤติเสื่อมเสียแม้แต่น้อย... ที่คุณหนูไปศาลเจ้าตอนดึกๆ ก็แค่ไปฝึกซ้อมงิ้วเท่านั้น"
ทุกคนต่างตกใจเมื่อรู้ว่าหงส์แอบไปฝึกงิ้ว
สุงชะงัก
"ลื้อว่ายังไงนะ อาหงส์ฝึกเล่นงิ้วงั้นเหรอ"
สุงขบกรามแน่น โกรธจัดที่รู้ว่าหงส์ขัดคำสั่งแอบเล่นงิ้ว รีบลุกพรวดออกไปทันที
หมวย / หวังร้องเรียก "เถ้าแก่"
หมวยกับหวังรีบวิ่งตามสุงออกไปทันที เหลือเพียงกุ่ยกับหลงเพียง 2 คนเท่านั้น
กุ่ยประจันหน้าจ้องหลงตาเขม็ง ไม่สบอารมณ์ที่บังอาจฟ้องเรื่องหงส์เล่นงิ้ว

บริเวณลานฝึกงิ้ว สุงปราดเข้าคว้าหอกที่ใช้เล่นงิ้วกระหน่ำฟาดหงส์อย่างแรงไม่ยั้ง หมวย กุ่ย หวังรีบตามมาห้าม
"นังลูกชั่ว ! กล้าขัดคำสั่งอั๊วแอบเล่นงิ้ว ลื้อนี่มันสารเลวจริงๆ"
หลงปราดเข้ามาคุกเข่า เอาตัวเองบังร่างหงส์เอาไว้ ยอมถูกสุงตีแทน
"เถ้าแก่ อั๊วขอร้อง อย่าทำอะไรคุณหนูเลย ถ้าจะตี ก็ตีอั๊วแทนเถอะ"
"ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของลื้อ หลีกไป"
"อั๊วไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณหนูหงส์ไม่ผิด ถ้าเถ้าแก่ไม่เห็นใจคุณหนู ก็ขอให้เห็นแก่ดวงวิญญาณของอาฉาง พี่ชายของคุณหนูด้วย"
พอสุงได้ยินชื่ออาฉางก็ยิ่งเคียดแค้นทวีคูณ เหมือนถูกแทงใจดำเข้าไปอีก โกรธจนตัวสั่น
"บังอาจนัก ! พูดเพ้อเจ้ออะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่า" กุ่ยบอก
"หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ! อย่าเอ่ยชื่ออาฉางให้อั๊วะได้ยินอีก"
"ถ้าอาฉางรู้ว่าคุณหนูหงส์ถูกเถ้าแก่ลงโทษเพราะทำตามที่เคยรับปากไว้ก่อนตายว่าจะดูแลเถ้าแก่ ดูแลคณะงิ้วให้ดีที่สุด ดวงวิญญาณของอาฉางคงไม่มีวันเป็นสุข"
"ลื้อ"
สุงเงื้อทวนจะฟาด แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก หอกในมือร่วงหล่นลงพื้น ทรุดฮวบลงกับพื้นทันที
หมวยกับกุ่ยเข้าไปประคองร่างสุงเอาไว้ทันก่อนที่ศีรษะจะกระแทกพื้น
"เถ้าแก่"
"อาป๊า"
หงส์คลานเข่าจะเข้าไปดูสุงด้วยความเป็นห่วง แต่ถูกสุงกลับฝืนยกมืออันสั่นเทาโบกมือไล่กะปลกกะเปลี้ย
สุงพูดกระท่อนกระแท่น
"ออก....ไป ! อย่าเข้ามาใกล้อั๊ว"
สุงตาพร่าพราย หงส์คุกเข่าเสียงสั่นด้วยความเป็นห่วง
" อาป๊า.... หงส์ผิดไปแล้ว ยกโทษให้หงส์ด้วย...อาป๊า"
หลงมองหงส์ที่ร้องไห้ด้วยความเห็นใจ รู้สึกผิดที่ทำให้เรื่องราวยิ่งลุกลามบานปลายเข้าไปอีก

สุงสติสัมปชัญญะดับวูบลง เสียงหงส์ดังก้องด้วยความเป็นห่วงก่อนทุกอย่างจะดับมืดไป
 
จบตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น