เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 1
เทศกาลสารทจีนที่ศาลเจ้า ผู้คนคึกคัก เพลงเชิดสิงโตดังระรัวเร้าใจ การต่อตัวสิงโตดูน่าตื่นเต้น
ผู้ชมตบมือกันเกรียว ทั้งหวาดเสียวและชื่นชมในความสามารถ
เหล่าคนจีนจุดธูปไหว้บูชาเทพเจ้าในศาลเจ้า เครื่องเซ่นไหว้เต็มไปหมด ไหว้ขอพร เปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา
ผู้คนกลุ่มใหญ่รุมแย่งของในพิธีทิ้งกระจาดวุ่นวาย
ภรพ , ทรงกลด, ธาม และคณินเทกระจาดลงมา หงส์ช่วยส่งของให้
มีป้ายผ้าห้อยข้างหน้าศาลเจ้า ว่า “ประเพณีทิ้งกระจาด ศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ยะ (เจ้าพ่อเสือ) ประจำปี 2500”
หลง ลูกบุญธรรมเถ้าแก่เหลี่ยงไช้ นิยมเรียกกันสั้นๆว่า "เถ้าแก่ไช้" หลงหาบกระเพาะปลาเข้ามาขายในงานประเพณี สอดส่ายสายตามองหน้าสุธี หรือ "เถ้าแก่สุง" ด้วยไฟแค้น
เสียงดนตรีโหมโรง สื่อว่างิ้วกำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้าดังขึ้น หลงมองไปยังโรงงิ้วที่ตกแต่งสวยงาม
ชาวบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหลงจะซื้อกระเพาะปลา
"กระเพาะปลาชามนึง !"
หลงพูดนิ่งๆ
"อั๊วไม่ขาย"
หลงพูดจบก็แฝงเร้นตัวปะปนกับผู้คนที่เตรียมรอดูงิ้วที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า
บริเวณหลังโรงงิ้ว ที่สถิตรูปปั้น "ฉั่งหง่วงส่วย" เทพประจำโรงงิ้ว พร้อมเครื่องเซ่นได้แก่ขนมเปี๊ยะกลมใหญ่ และสิงโตน้ำตาล
ระหว่างที่สุงอธิษฐาน นักแสดงงิ้วนั่งคุกเข่าเป็นระเบียบ ตั้งแต่ ฉาง (พระเอก) หมวย (นางเอก) กุ่ย (ตัวตลก) ไปเรื่อยๆ ทุกคนแต่งกายเป็นตัวละครในขุนศึกตระกูลหยาง มีเพียงลูกสาวสุงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้แต่งงิ้ว เธอคือ ลลิต กฤษฎาพาณิชยกุล หรือ "หงส์" จึงดูแปลกแยกกว่าคนอื่นในคณะงิ้ว
"วันนี้คณะเฟิ่งหวงจะเปิดการแสดง ขอให้การแสดงราบรื่น ผู้ชมชอบใจ ไร้อุปสรรคใดๆด้วยเถิด"
พอจบคำอธิษฐานทุกคนต่างคำนับ หวังเก็บธูปมาปัก หยิบถาดขนมเปี๊ยะมาแบ่งให้ทุกคนกินตามธรรมเนียม
สุงตรวจดูเครื่องแต่งกายชุดขุนพล สำหรับตัวละคร "หยางจงเป่า" ที่จะให้ฉาง ผู้เป็นลูกชาบคนโต สุงเห็นว่าทุกชิ้นเรียบร้อยดีแล้ว !!
"วันสารทปีนี้คนเยอะกว่าทุกปี เต็มที่นะ อาฉาง อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง" สุงบอก
"อั๊วจะทำให้ดีที่สุด อาป๊าเพื่อคณะเฟิ่งหวงของเรา"
ทันใดนั้น ... ลมแรงพัดมาวูบหนึ่งทำให้ตะเกียงน้ำมันที่อยู่หน้าศาลสถิตรูปปั้น "ฉั่งหง่วงส่วย" ดับฟึ่บลง สุงหัวใจกระตุกวูบ เพราะประเพณีของแสดงงิ้ว "ตะเกียงดับถือเป็นลาง" - ต้องให้ตะเกียงสว่างตลอดเวลาที่แสดงเปรียบเสมือนพลังชีวิต
"อาหวัง ลื้อรีบจุดตะเกียงเร็วเข้า"
หวังเป็นคนงาน ของคณะเฟิ่งหวง จึงไม่ได้แต่งชุดงิ้ว หน้าตาเลิ่กลั่ก รีบจุดตะเกียงตามคำสั่งสุงทันที
เสียงดนตรีงิ้วเริ่มบรรเลง หงส์เห็นสีหน้าพ่อไม่ค่อยดี ยืนนิ่ง หน้าซีดเผือด ก็เข้าไปเตือน
"อาป๊า เราต้องเริ่มแสดงแล้ว เดี๋ยวทางนี้หงส์จะคอยดูแลให้เอง"
ทว่า... สุงคล้ายกับไม่เห็นหงส์อยู่ในสายตา ออกจากหลังเวทีไป ใจคอไม่สู้จะดีนัก
ฝ่ายหลงแฝงกายเข้ามายังบริเวณหน้าโรงงิ้วสำเร็จ เขากวาดสายตามองหาสุงจนพบ แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
สุงนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งแถวหน้าสุด เขาเป็นทั้งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ และเป็นนายกสมาคมเลือดมังกร ขนาบข้างด้วยอนันต์ หรือ "เต็ก แก๊งกระเรียน" เจ้าของร้านขายของแห้งและเครื่องเทศกับ "ไช้ แก๊งไก่ฟ้า" เจ้าของร้านขายเครื่องเซ่นไหว้ ย่านเจริญกรุง ทั้งสามคือ พี่น้องร่วมสาบาน และยังมีบรรดาหัวหน้าแก๊งอาวุโสอื่นๆ
งิ้วบนเวทีเริ่มแสดงเรื่องขุนศึกตระกูลหยาง นักแสดงที่เล่นเป็นไพร่พลทหารออกมาก่อน
ไช้บอก
"นานๆจะได้เห็นพี่ใหญ่เล่นเรื่องขุนศึกตระกูลหยางตอน หยางจงเป่าออกทัพสักที ถ้าไม่มาดูวันนี้อั๊วะคงเสียดายจนวันตาย"
บนเวที อาฉางใช้ผ้าโรยตัวลงมาบนเวที ห้อยโหนน่าเสียวไส้ คนดูตบมือเกรียวกราว เฮลั่น
"ฝีมือรำทวนของอาฉางหาตัวจับยากจริงๆ ทั้งอ่อนช้อย ว่องไว และดุดัน สมแล้วที่คณะเฟิ่งหวงของพี่ใหญ่เป็นงิ้วอันดับหนึ่งในเยาวราช" เต็กบอก
"อาไช้ อาเต็ก พวกลื้อชมเกินไปแล้ว อาฉางยังต้องฝึกปรืออีกเยอะ"
สุงมองดูฉางอย่างภาคภูมิใจแต่สังหรณ์ใจลึกๆ ฉางเล่นได้ดีกว่าทุกครั้งเหมือนเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย
หลงเปิดฝาหม้อกระเพาะปลา ภายในมีปืนสั้นคู่ใจ เขาค่อยๆชักปืนออกมาอย่างช้าๆ ขณะที่งิ้วเล่นถึงตอนกำลังแตกทัพ ทันใดนั้น เสียงกระสุนปืนนัดแรกดังขึ้น
ซ้ง ลูกน้องเล้ง แก๊งมังกรดำและมือปืนที่แฝงตัวมากับคนดูสาดกระสุนราวกับห่าฝน เสียงปืนดังหูดับตับไหม้ หลงจะเล็งไปยังสุง แต่ผู้คนที่แตกตื่นวิ่งไปมา ทำให้ยิงได้ไม่ถนัด ผู้คนกรีดร้อง วิ่งหนีตายราวผึ้งแตกรัง ที่หนีไม่ทันก็ถูกยิงเป็นใบไม้ร่วง
ภรพ ทรงกลด คณิน ยิงสวนพวกมือปืนดุเดือด ก่อนรีบวิ่งตามไป
บอดี้การ์ดของสามพี่น้องร่วมสาบาน ยิงคุ้มกันรีบพาทั้งสามออกไปจากพื้นที่สุ่มเสี่ยงทันที
หลงไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปทันที หมายจะปลิดชีวิตสุงให้จงได้ !
หงส์ได้ยินเสียงปืนก็รีบวิ่งถลันออกมาดูด้านหน้า เห็นนักแสดงงิ้วต่างวิ่งหนีหาที่กำบังกันอลหม่าน
"เกิดอะไรขึ้นเหรอเฮีย"
ฉางบอก
"มีคนลอบถล่มโรงงิ้วเรา หงส์ รีบพาอาป๊าไปหลบหลังโรงงิ้วก่อน"
"แล้วเฮียล่ะ"
"ต้องไปลากคอมันมาให้ได้"
สุงยื้อแขนฉางเอาไว้
"อาฉาง ! อย่าไป"
หลงเล็งปากกระบอกปืนไปยังสุง เตรียมเหนี่ยวไก
"อาป๊า ! ตรงนี้ไม่ปลอดภัย รีบไปก่อนเถอะ"
หลงจะยิงสุงแต่ก็ยิงไม่ถนัด หงส์เข้ามาขวางเอาไว้ ทั้งสามคนชุลมุนชุลเกกันอยู่บนเวทีงิ้ว
"อาฉาง ไปกับอั๊ว"
ซ้งตั้งใจจะยิงสุงตามคำสั่งเล้ง แต่หงส์ขยับมาขวางวิถีกระสุน จังหวะที่ซ้งเหนี่ยวไกพอดี
ฉางเห็นซ้ง เอาปากกระบอกปืนจ่อจะยิงมาทางนี้พอดี
"อาหงส์ หลบ"
ไวเท่าความคิด ฉางเอาตัวเองบังลูกกระสุนแทนน้องสาว เลือดฉางกระเซ็นโดนหน้าหงส์
ฉางถูกกระสุนเข้าที่หน้าอก ล้มลง
"เฮีย" หงส์กรีดร้องลั่น
หงส์หันควับไป ซ้งมือปืนที่ยิงอาฉางวิ่งหนีไปแล้ว แต่หงส์กลับเห็นหลงแทนที่ หงส์จำหน้าหลงได้ติดตา!
หลงเห็นซ้งเป็นคนยิงอาฉาง จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ฆ่าเมียของเขาตายด้วย จึงรีบวิ่งตามออกไป
หลงวิ่งตาม จะจับตัวซ้งให้ได้ หลงวิ่งมาถึงทางแยก ซ้งหายไปแล้ว เจ็บใจที่ตามจับซ้งไม่ได้
บนเวทีงิ้ว สุงตาเบิกโพลง ตกใจสุดขีดกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ฉางนอนจมกองเลือด หายใจรวยระริน กระสุนถูกเข้าจุดสำคัญ
"อาฉาง"
ฉางม่านสายตาพร่าพรายเหมือนคนใกล้ตาย เห็นหงส์ร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด พลางนึกถึงวัยเยาว์ ที่เขาเป็นคนสอนงิ้วให้ หงส์อยู่หัวเราะกันสนุกสนาน
เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ
"อาฉาง"
สุงปราดเข้ามา ผลักหงส์กระเด็นด้วยความชิงชัง
"ออกไป"
สุงกอดร่างโชกเลือดของฉาง ร่ำไห้
"อาฉาง ลื้ออย่าเป็นอะไรนะ อาฉาง"
"อาป๊า... อั๊วขอโทษ อั๊วคงไม่มีโอกาสได้เล่นงิ้วให้คณะของเราอีกแล้ว หงส์... เฮียฝากอาป๊า ฝากคณะด้วย รับปากเฮียสิ หงส์"
หงส์ร่ำไห้ กุมมือที่เปื้อนเลือดของฉางไว้แน่น
"หงส์รับปาก...จะให้หงส์ทำอะไรได้ทั้งนั้น แต่เฮียอย่าเป็นอะไรนะ"
ฉางฝืนยิ้มจางๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหลับตาลง ... สิ้นใจ
"อาฉาง / เฮีย"
หงส์กับสุงกอดอาฉางปล่อยโฮออกมา แทบจะตายตาม
หงส์ ในชุดขาวไว้ทุกข์ ยกมือไหว้ขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน และต่างพากันทยอยกลับจวนจะหมดแล้ว
หงส์ เห็นพ่อนั่งนิ่งราวรูปปั้นนั่งจ้องมองรูปอาฉางที่ตั้งในงานศพอย่างไม่วางตา เพราะยังทำใจไม่ได้ที่สูญเสียลูกชายกระทันหัน
หงส์เข้ามาพร้อมกับชามข้าวต้มร้อนๆยื่นให้สุง
"ข้าวต้มร้อนๆ...อาป๊า"
"อั๊วไม่หิว" สุงบอกอย่างไม่มีเยื่อใย
"รองท้องสักหน่อยก็ยังดี อาป๊ายังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า"
"อั๊วบอกว่าไม่หิว ไม่ได้ยินหรือไง"
"ที่จริง อาป๊าควรอยู่บ้าน ไม่น่ามาร่วมงานเลย อาแปะจางบอกว่าโบราณเค้าถือ..."
แปะจางที่หงส์พูดถึงนี้คือ ครูฝึกงิ้วของคณะเฟิ่งหวง
"ดีสิ...ตายๆมันซะก็ดี อั๊วจะได้ตามไปอยู่กับอาฉางในปรโลก"
"อาป๊า... หักห้ามใจบ้างเถอะ เฮียฉางไปสบายแล้ว"
สุงโมโหเอามือปัดชามข้าวต้มตกพื้น แตกกระจาย หกเรี่ยราด
"ไม่ต้องมาสอนอั๊ว นังตัวซวย"
หมวยกับอากุ่ยที่ยืนส่งแขกอยู่ที่ด้านหน้าศาลา หันควั่บมามองพร้อมกัน
สุงตวาดลั่น
"ไปให้พ้น อั๊วไม่อยากเห็นหน้าลื้อ จะไปตายที่ไหนก็ไป ! ไป"
หงส์ถูกสุงไล่ตะเพิด เสียใจแต่เก็บความรู้สึก ค่อยๆเดินออกไป
อังคณา หรือ "หมวย" นางเอกคณะงิ้วกับกุ่ย ตัวตลกมองตามหลังหงส์ไป
หงส์ปลีกตัวออกมายังมุมลับตา น้ำตาร่วงเผาะ ทั้งเสียใจและน้อยใจระคนกัน หมวยกับกุ่ยเข้ามาทางด้านหลัง
"หงส์"
หงส์รีบปาดน้ำตา กลัวว่าคนอื่นจะเห็น แต่ก็ปิดหมวยไม่มิด
"นี่เจ้หงส์ร้องไห้เหรอ"
หงส์ฝืนยิ้ม
"ฉันไม่เป็นไรหรอก... แค่คิดว่าจะไม่มีเฮียฉางแล้วก็อดใจหายไม่ได้"
กุ่ยบอก
"ไม่รู้ไอ้พวกระยำนั่นเป็นคนของแก๊งไหน ต้องการอะไรกันแน่"
หงส์นึกถึงหน้าหลงขึ้นมาทันที
"ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าจิตใจมันทำด้วยอะไร"
"ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาซะให้พอ ปล่อยให้น้ำตาล้างความ
ทุกข์ในใจออกไปให้หมดแล้วรีบเข้มแข็ง กลับมาเป็นเจ้หงส์คนเดิมนะ" หมวยบอก
หงส์โผเข้ากอดหมวย ร้องไห้ระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมา
"เฮียฉางสละชีวิตช่วยฉันไว้ เพราะฉันคนเดียว ฉันทำให้เฮียฉางต้องตาย"
หมวยน้ำตาซึมเห็นใจหงส์ กุ่ยสงสารหงส์จับใจ
ผ่านเวลาเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน เมฆทะมึนตั้งเค้า ฟ้าคำรามครืน ก่อนที่ฝนจะกระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก หงส์ยังอยู่ในชุดขาวไว้ทุกข์เดินกางร่มไปยังศาลเจ้าเพียงลำพัง
ภายในศาลเจ้า หงส์จุดธูปด้วยใจเลื่อนลอยจนไหม้ครบทุกดอก แต่ยังคงจ่อเปลวไฟอยู่อย่างนั้น
"คุณคงมีทุกข์มากสินะ"
หงส์ได้สติ ชักธูปออก หันไปเห็นใครคนหนึ่งหันหลังให้ เขากำลังเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่อีกมุมหนึ่ง ทั้งสองคุยกันแบบไม่มองหน้ากัน
"ถึงได้มาไหว้เจ้าทั้งๆที่ฝนยังตกหนักอยู่แบบนี้" เขาพูดต่อ
"นายเองก็เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ฝ่าสายฝนมาที่นี่ตอนกลางคืนเหมือนฉัน"
"ไม่รู้ว่าระหว่างทุกข์ของคุณกับผม ทุกข์ของใครจะหนักหนาสาหัสมากกว่ากัน"
"พี่ชายฉันเพิ่งถูกยิงตาย....นายคงไม่โชคร้ายเท่าฉัน"
"7 ปีก่อนคนรักของผมถูกฆ่าตายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพราะผมเป็นต้นเหตุ ผมคงโชคร้ายไม่แพ้คุณหรอก"
"ผ่านมาตั้ง 7 ปีมาแล้ว เวลาไม่ช่วยให้นายคลายความทุกข์ลงบ้างเลยเหรอ"
"เวลายิ่งนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำทุกข์ในใจผมให้มากขึ้นเท่านั้น"
"แล้วก่อนหน้าที่นายจะสูญเสียคนรักล่ะ นายเคยมีทุกข์บ้างมั้ย"
"ไม่เคย...เราสองคนแม้จะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ใช้ชีวิตมีความสุขกันตามประสา"
"นับว่านายยังโชคดีกว่าฉัน เพราะตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยรู้จักกับ “ความสุข” อย่างใครเขาเลย"
ทั้งศาลเจ้าเงียบกริบไปชั่วขณะหนึ่ง ได้ยินแต่เสียงฟ้าเสียงฝนที่กระหน่ำอย่างหนักด้านนอก
"ฉันคงต้องอยู่กับความทุกข์ไปจนตาย แล้วทุกข์ของนายล่ะจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่"
"เมื่อถึงวันที่ผมได้ ล้างแค้น"
หงส์นึกในใจ...แล้วฉันล่ะ จะไปล้างแค้นกับใครในเมื่อคนที่ทำให้ทุกข์ใจคือพ่อของตัวเอง !?
แสงจากฟ้าแลบสาดเข้ามาก่อนดังครืน ทำให้หงส์เห็นคู่สนทนาชัดๆวูบหนึ่ง
เขาผู้นั้นมีแววตาเปี่ยมไปด้วยไฟแค้น
หงส์จำหน้าเขาได้ติดตา
หงส์ตกใจ
"แก !"
เขาเองก็ตกใจเช่นกันเมื่อรู้ว่าหงส์เป็นลูกสาวเถ้าแก่สุง ศัตรูของตน หลงรีบหนีไป หงส์รีบวิ่งฝ่าสายฝนตามหลงไปแต่ไม่ทัน หลงวิ่งฝ่าสายฝนออกไปกลืนหายไปกับความมืด
เวลาเช้ามืด เสียงกระสุนปืนดังปัง ! ลั่นขึ้นมาก่อน หงส์ซึ่งเผลอฟุบหลับบนโต๊ะ ผวาสะดุ้งตื่น ละเมอเรียก "เฮีย"
หงส์ปัดกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ล้มคว่ำหน้าลง ก่อนจะหยิบกรอบรูปนั้นหงายขึ้นมา เป็นรูปฉางและหงส์ในวัยเด็ก ฉางที่อยู่ในชุดซ้อมงิ้ว
บริเวณลานฝึกงิ้วในอดีต เสียงเชียร์ของเด็กๆ ต่างเฮลั่น ปรบมือเกรียวกราวขึ้นมาก่อน
หงส์ควงทวนไม้พลอง หมุนตัว ตีลังกา โยนไปมา เดาะไม้พลองอย่างแคล่วคล่อง หงส์ใช้เท้าเตะทวนไม้พลองลอยหวือขึ้นไปในอากาศ
ประตูเปิดออก สุงหน้าตาถมึงทึงเดินออกมา คว้าทวนไม้พลองเอาไว้ได้ พวกเด็กๆที่ยืนดูเห็นท่าไม่ดี วิ่งหนีเตลิดไปกันหมด
สุงไม่พูดพล่ามทำเพลง เอาทวนไม้พลองฟาดไปที่ก้นหงส์ไม่ยั้ง
"อั๊วะสั่งให้ลื้ออยู่บ้านเป็นกุลสตรี แต่ลื้อไม่เคยฟังอั๊วะเลย ผู้หญิงเล่นงิ้วไม่มีวันเจริญ ผู้ชายที่ไหนจะมาขอแต่งงานด้วย"
"ทำไมผู้ชายเล่นงิ้วได้ ผู้หญิงจะเล่นไม่ได้ หงส์อยากเป็นพระเอกบู๊เหมือนเฮียฉาง"
สุงกัดฟันกรอด โกรธจัด ฟาด กระหน่ำตีก้นหงส์แรงขึ้นอีก
"อวดดี ! ลื้อกล้าเถียงอั๊วะเหรอ ห๊า"
ฉางมาคุกเข่า ยุดไม้พลองเอาไว้ไม่ให้ตีน้อง
"อาป๊า พอเถอะ หงส์สำนึกผิดแล้ว"
สุงเห็นแก่ฉาง โยนทวนไม้พลองทิ้ง
"คุกเข่าไป ธูปหมดดอกเมื่อไหร่ค่อยลุก"
ธูปดอกใหญ่มาก ปักลงในกระถางตรงหน้าหงส์
ฉางบอก
"อั๊วเป็นคนสอนงิ้วให้หงส์ ถ้าอาป๊าจะทำโทษหงส์ ก็ต้องลงโทษอั๊วะด้วย"
ฉางคุกเข่าใกล้ๆหงส์ สุงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินหลุดไป
"หงส์ทำให้เฮียต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย"
"เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง อย่าว่าแต่เรื่องแค่นี้เลย มากกว่านี้เฮียก็ทำให้ได้"
หงส์ประทับใจฉาง ยิ้มทั้งน้ำตา
รูปใบนั้น หงส์จำได้ไม่เคยลืมว่า ถ่ายกันที่บริเวณลานฝึกงิ้วแห่งนี้ เป็นฝีมือถ่ายรูปของไพศาล และวันนั้นเอง พ่อไม่ยอมถ่ายรูปคู่ด้วย จึงเหลือพี่น้องแค่สองคน
ภาพถ่ายนั้นอยู่ในมือหงส์ เธอเอานิ้วปาดคราบน้ำตาที่หยดลงบนแผ่นกระจกบนรูปนั้น รู้สึกราวกับว่าเหตุการณ์ในอดีตคล้ายเกิดขึ้นเมื่อวาน
คำสั่งเสียของฉางยังคงก้องอยู่ในหัว
"หงส์ เฮียฝากอาป๊า ฝากคณะด้วย รับปากเฮียสิ หงส์"
หงส์พูดด้วยแววตามุ่งมั่นกับกรอบรูปฉาง
"อย่าห่วงเลยนะเฮีย...อั๊วจะดูแลอาป๊า ดูแลคณะเฟิ่งหวงเองอั๊วสัญญา"
หงส์ฝืนยิ้มเศร้ากับกรอบรูป รูปฉางยิ้มอบอุ่น ประหนึ่งรับรู้คำสัญญาของหงส์
ผ่านเวลามา หงส์เผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่หน้าบ้าน สุงนั่งนิ่งมองรูปฉางอย่างหมดอาลัยตายอยาก ทุกคนยังอยู่ในชุดไว้ทุกข์ โศกเศร้าต่อการจากไปของฉาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่
สุงจ้องมองไปยังหงส์ด้วยความชิงชัง หวนนึกถึงคำทำนายของซินแสง้วงเมื่อหลายปีก่อน
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ยามค่ำคืนในอดีต สุงพากิมลั้ง ผู้เป็นภรรยารอรับคำทำนายจากซินแสง้วง
ในศาลเจ้าอย่างใจจดใจจ่อ ง้วงใช้พู่กันจีนตวัดตัวอักษรภาษาจีนบนกระดาษที่ใช้เขียนคำอวยพรสีแดง แล้วยื่นให้สุง
สุงรับมาดู บนกระดาษมีอักษรจีน 3 คำคือคำว่า “เจวียน” (娟) “เมี่ยว” (妙) “หว่าน” (婉)
"เจวียน - เมี่ยว - หว่าน ทั้ง 3 คำสื่อถึงผู้หญิง ? อั๊วะจะได้ลูกสาวงั้นเหรอ"
ง้วงยิ้มพยักหน้า สุงสีหน้าผิดหวังที่ไม่ได้ลูกชาย
กิมลั้งบอก
"จะลูกชายหรือลูกสาว อั๊วก็รักทั้งนั้น.... ดวงชะตาลูกคนนี้เป็นยังไงบ้างคะซินแส"
"ทั้ง 3 คำนี้นอกจากจะสื่อถึงผู้หญิงแล้วยังหมายถึงอย่างอื่นด้วย คำว่า “เจวียน” หมายถึงดีงาม คำว่า “เมี่ยว” หมายถึงล้ำเลิศ ส่วนคำว่า “หว่าน” หมายถึง อ่อนโยน เด็กคนนี้ชะตาแรงนัก ถ้าเปรียบดังหงส์ อีก็จะงามสง่าและโผทะยานได้สูงสุดปลายขอบฟ้าเกินกว่าที่เถ้าแก่จะคาดคิดอีจะเป็นหงส์ที่พญามังกรทั้งมวลยังต้องเกรงกริ่งยอมสยบแต่ทว่า..."
ซินแสง้วงมองไปยังลายปูนปั้นรูปหงส์และมังกรที่ผนังศาลเจ้า
"มีอะไรเหรอคะ ซินแส"
"แต่ทว่าเด็กคนนี้จะทำให้เถ้าแก่พบกับความสูญเสียใหญ่หลวงถึง 3 ครั้ง"
กิมลั้งกับสุงมองหน้ากัน อย่างวิตกกังวล
"สูญเสีย ? อั๊วต้องสูญเสียอะไร"
ซินแสง้วงนิ่ง ได้แต่ถอนใจหนักๆ แต่ไม่ตอบ
"ซินแสได้โปรดชี้แนะ ไม่มีวิธีไหนแก้ไขได้บ้างเลยเหรอคะ"
"ทุกคนเกิดมาต่างต้องพบกับการสูญเสียพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นธรรมดา ทุกอย่างฟ้าดินได้ลิขิตเอาไว้แล้ว ไม่มีใครหลีกเลี่ยงไปได้"
สุงฟังคำทำนายของซินแสง้วงแล้วไม่ค่อยสบายใจ
คืนคลอด ในห้องสุง เสียงร้องโอดโอยของกิมลั้งสลับกับเสียงหมอตำแยที่กำลังข่มท้องดังขึ้นมาก่อน สุงกระสับกระส่ายรออยู่หน้าห้อง เดินพล่านเป็นเสือติดจั่น หมอตำแยกำลังทำคลอดกิมลั้งอยู่ในห้อง
เสียงกิมลั้งหวีดร้องสุดเสียงก่อนเงียบไป ตามด้วยด้วยเสียงทารกร้องไห้จ้าดังขึ้น สุงรีบผลักประตูเข้าไปทันที หมอตำแยเพิ่งจะทำคลอดเสร็จ กิมลั้งนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
"ลูกเมียอั๊วะเป็นยังไงมั่ง"
"เถ้าแก่ได้ลูกสาว แข็งแรงปลอดภัยดี แต่เถ้าแก่เนี้ย...." หมอตำแยส่ายหน้า
สุงกอดร่างไร้ลมหายใจของกิมลั้ง แล้วร้องไห้โฮ เสียใจอย่างสุดซึ้ง
"อากิมลั้ง"
หมอตำแยส่งทารกหน้าตาน่าเอ็นดูให้ สุงมองดูหงส์ด้วยความเกลียดชัง อยากจะทุ่มทารกน้อยลงพื้นให้ตายไปซะ แต่พอเห็นหน้าไร้เดียงสาก็ทำไม่ลง
นั่นเป็นการสูญเสียตามคำทำนาย ครั้งที่ 1
การสูญเสียครั้งที่ 2 ตอนที่มือปืนคนหนึ่งเอาปากกระบอกปืนจ่อยิงมาทางหงส์
ฉางร้องตะโกนบอก
"อาหงส์ หลบ"
ฉางเอาตัวเองบังลูกกระสุนแทนน้องสาว เลือดฉางกระเซ็นโดนหน้าหงส์ ฉางถูกกระสุนเข้าที่หน้าอก ล้มลง
สุงวิ่งขึ้นมาบนเวที ตาเบิกโพลง ตกใจสุดขีดกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
"อาฉาง"
สุงกอดอาฉางปล่อยโฮออกมา แทบจะตายตาม
บริเวณหน้าแท่นบูชารูปฉาง ภายในบ้านสุงมองหน้าหงส์ตาไม่กะพริบด้วยความชิงชัง
"เพราะลื้อคนเดียว... ทั้งแม่ลื้อ พี่ชายลื้อถึงต้องตาย ลื้อมันตัวซวย เกิดมาพร้อมกับความวิบัติ"
หงส์น้ำเสียงราบเรียบ
"ถ้าหงส์ตาย แล้วอาม้ากับเฮียฟื้นขึ้นมาได้ หงส์ก็ยอม"
สุงเข้าใจผิดคิดว่าหงส์พูดประชด จึงตบหน้าหงส์อย่างแรง ทุกคนซึ่งอยู่ในที่นั้นต่างตกใจ
"ต่อให้ลื้อตายอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง ก็ไม่อาจชดใช้ได้หมด จำเอาไว้"
เต็กเข้าไปประคองแล้วพาสุงแยกออกไป ไช้มองหงส์แล้วส่ายหน้าด้วยความสงสาร ก่อนตามสุงไปอีกคน
หงส์น้ำตาคลอ แต่พยายามกลั้นน้ำตา ทุกคนภายในคณะงิ้วที่พักอยู่ในบ้าน มองหงส์อย่างเห็นใจ
กุ่ยไม่ค่อยพอใจที่สุงตบหน้าหงส์ขนาดนั้น
"เถ้าแก่สุงทำกับหงส์เกินไป ไม่มีใครหรอกอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"
"เฮียฉางถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา เถ้าแก่ก็เลยยังทำใจไม่ได้คงต้องใช้เวลาสักระยะนะเจ้หงส์" หมวยว่า
"ถ้าวันนั้นเฮียฉางไม่ช่วยเจ้ไว้ เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ บางทีฉันอาจจะเป็นตัวซวยจริงๆเหมือนอย่างที่อาป๊าพูด"
"อย่าโทษตัวเองเลย เฮียฉางทำบุญมาเท่านี้ เจ้ต้องเข้มแข็งเข้าไว้ ดวงวิญญาณของเฮียฉางจะได้หมดห่วงไปสู่สุคติ"
"ไม่รู้ว่าฟ้าเกลียดอะไรฉันนักหนา ถึงได้สาปฉันให้เป็นตัวซวยอย่างนี้ อาม้าตายก็เพราะฉัน เฮียฉางตายก็เพราะฉัน นี่ฉันเป็นคนฆ่าเฮียฉางจริงๆน่ะเหรอ"
หวังบอก
"ไม่ใช่เพราะเจ้หงส์หรอก ต้องโทษไอ้สารเลวที่มันมาถล่มโรงงิ้วต่างหาก"
"จนป่านนี้ยังมืดแปดด้าน หาตัวคนร้ายที่แท้จริงไม่ได้อย่าให้รู้นะว่ามันเป็นใครจับได้ อั๊วะจะแล่เนื้อเอาเกลือทาให้สาสมเลยคอยดู" กุ่ยว่า
"ถ้าเจอมันอีกเมื่อไหร่ ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่"
ภาพที่หลงจ่อปืนจะยิงอาฉาง แวบเข้ามา หงส์จำได้ติดตา แม้ตายก็ไม่มีวันลืม ไฟแค้นสุมแน่น
ผ่านเวลาเล็กน้อย โรงงิ้วเฟิ่งหวงที่บรรยากาศเหงาหงอย ภายในห้องรับแขกบ้านสุง ไช้กระแทกจอกน้ำชาลงกับโต๊ะอย่างมีน้ำโห เสียงดังลั่น โผงผาง ไม่กลัวใคร
"จะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ไอ้เสี่ยเกา หัวหน้าแก๊งค้างคาว ก็อย่างที่รู้ มันส่งคนมาเหยียบจมูก ถิ่นพวกเราตั้งหลายหนหลายครั้ง ข้ามมาหาเรื่อง มาตีหัวหมาด่าแม่คน ทำอย่างนี้มันใช้ได้เหรอ อั๊วะสุดทนแล้ว แตกให้มันแตกไป"
เต็กบอก
"เรื่องนี้ไม่ควรวู่วาม ต้องใจเย็นๆ สืบดูให้รู้แน่ชัดเสียก่อนว่าเป็นใครกันแน่ เสี่ยเกาเป็นคนสนิทของ “ท่าน” ถ้ามีเรื่องต้องแตกหักขึ้นมารองก็รู้ว่าท่านจะเข้าข้างใคร"
"ไอ้เมฆินทร์น่ะเหรอ ไอ้คนขายชาติ ช่างหัวมันสิ ให้มันใหญ่มาจากไหน อั๊วะก็ไม่กลัว ครั้งนี้ไอ้เสี่ยเกามันทำเกินไป ส่งหมามาลอบกัด กะจะให้ตายยกแก๊ง ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับพี่ใหญ่คนเดียวว่าจะเอายังไง อยากจะแก้แค้นให้อาฉางหรือเปล่า" ไช้บอก
"ถึงยังไงคนตายแล้วก็ไม่อาจฟื้นคืน อั๊วะไม่ต้องการให้พวกพ้องต้องมานองเลือด"
ไช้ไม่ค่อยพอใจที่สุงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่มีความเด็ดขาดเหมือนก่อน
เถ้าแก่ไช้นั่งอยู่ในรถ บ่นอุบ
"กลัวไม่เข้าเรื่อง ลูกตายทั้งคน ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้"
ซันบอก
"เถ้าแก่สุงคงไม่อยากมีเรื่องกับเสี่ยเกา"
"ยิ่งเฉยพวกมันก็ยิ่งได้ใจ คนอย่างไอ้เกาได้คืบจะเอาศอก อีกหน่อยทั้งเยาวราช คงตกเป็นของมัน พี่ใหญ่นั่งเก้าอี้นานเกินไปแล้วใจเย็นจนพวกมันไม่เห็นหัว"
ไช้อารมณ์เสีย โมโหที่สุงเอาแต่นิ่งเฉย ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง
รถแล่นมาถึงสี่แยกกลางซอย ชายจับกังคนหนึ่งขนลังกับเข่งจำนวนมากมาขวางทางอยู่
คนขับรถเบรกเอี๊ยด ลงจากรถมาด่าชายคนนั้น
"เฮ้ย ! หลีกทางหน่อยดิวะ ขนของขวางทางอย่างนี้อยากมีเรื่องหรือไง"
ทันใดนั้น ชายจับกังก็ควักปืนออกมาแล้วยิงคนขับรถทะลุขมับ ตายแบบไม่ทันตั้งตัว ตามมาด้วยมือปืนอีกสองคนที่ออกมาจากที่ซ่อน แล้วกระหน่ำยิงใส่เสี่ยไช้ทันที
ไช้ตาค้าง ไม่คาดคิดว่าจะถูกลอบสังหาร
"เถ้าแก่รีบหนีไปก่อนอั๊วะจะยิงคุ้มกันให้" ซันบอก
"ระวังตัวด้วย"
ไช้มองซันด้วยสายตาขอบคุณ ก่อนเปิดประตู ลงจากรถ รีบหนีไป
ซันยิงคุ้มกันไช้จนกระทั่งหนีเข้าตรอกเล็กๆที่อยู่ข้างทางไปได้
บอดี้การ์ดลูกน้องซันยิงสวนไปมา ประวิงเวลาให้ไช้หนี ในที่สุดก็พลาดท่าถูกมือปืนลึกลับยิงตายคาที่ มือปืน 2 วิ่งตามไช้ไป ส่วนอีกคนที่ปลอมตัวไล่ตามซันไปอีกทาง
ไช้วิ่งหนีไม่คิดชีวิตมายังตรอกเล็กๆ หันไปเห็นมือปืน 2 คน วิ่งตามเข้ามาใกล้ทุกที ไช้ควักปืนที่พกมายิงสู้ เหนื่อยแทบขาดใจ จนกระทั่งกระสุนหมด
มือปืนอีกคน วิ่งอ้อมไปดักหน้าไช้เอาไว้ ไช้ไปไหนไม่รอดอยู่ระหว่างความเป็นความตาย
มือปืนคนหนึ่งยกปืนขึ้นมา จ่อปากกระบอกจะยิง ไช้เหงื่อแตกคิดว่าไม่รอดแน่
เสียงปังดังขึ้น ! มือปืน 1 ทรุดลงไปกองกับพื้นแทนที่จะเป็นไช้
หลง อย่างเท่ ถือปืนอยู่ ควันกรุ่นจากปากกระบอก เขาเป็นคนยิงมือปืน 1
มือปืน 2 จะยิงหลง แต่หลงไวกว่ายิงมือปืน 2 เข้ากลางแสกหน้า ตายคาที่ ไช้รอดตายหวุดหวิด
อาซันตามมาทันเห็นหลงอยู่กับไช้ แต่ไม่ไว้ใจจ่อปืนเล็งไว้ที่หลงทันที
หลงเอาหาบกระเพาะปลาขึ้นบ่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีท่าทีกลัวปืนที่อาซันจ่ออยู่แม้แต่น้อย
ไช้ยกมือปราม อาซันลดปืนลง
ไช้ทักหลง
"ลื้อชื่ออะไร"
"อั๊วชื่อหลง"
ไช้มองหน้าหลงอย่างพินิจพิจารณา
"ไหนลองแบมือให้อั๊วะดูซิ"
หลงแปลกใจ แต่ก็ยอมแบมือ ไช้จับมือหลงสัมผัสที่นิ้วชี้เป็นพิเศษ
"นิ้วชี้ลื้อด้านนี่หว่า ลื้อทำไปอะไรมา"
"อั๊วเป็นคนขายกระเพาะปลา ไม่ก็รับจ้างไปตามเรื่อง ใครจ้างอะไรอั๊วก็ทำ"
ไช้แค่นหัวเราะ
"คนขายกระเพาะปลา อย่าว่าแต่ยิงคนตายเลย แค่จับปืนเฉยๆมือยังสั่น... มองตาปราดเดียว อั๊วก็รู้แต่แรกแล้วว่าลื้อไม่ใช่ธรรมดา แต่เป็นนักฆ่า" ไช้ตบบ่าหลง "อั๊วดีใจที่ได้เจอคนมีฝีมืออย่างลื้อ แต่มันน่าโมโห ที่ลื้อกล้าโกหกอั๊ว มันดูถูกสติปัญญาอั๊วมากเกินไป"
"เถ้าแก่ก็เห็น ตอนนี้อั๊วเป็นคนขายกระเพาะปลาจริงๆ อั๊วไม่ได้โกหก"
"แต่ลื้อบอกอั๊วไม่หมด"
"อั๊วไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องอั๊วก็ไม่อยากจดจำ"
ไช้จ้องตาหลงเขม็ง คาดคั้นความจริง
"ลื้อมีชนักปักหลังมาใช่มั้ย"
หลงสู้ตาแต่ไม่ตอบ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อั๊วขอตัว"
หลงเอาหาบขึ้นบ่า กำลังจะเดินจากไป
"เดี๋ยว ! อาหลง"
หลงชะงัก รอฟังไช้พูดต่อไป
"คนอย่างลื้อไม่สมควรจะทำงานแบบนี้ ไปอยู่กับอั๊วะเถอะ แก๊งไก่ฟ้ายินดีต้อนรับ"
หลงครุ่นคิด ตัดสินใจว่าจะเข้าไปอยู่ร่วมแก๊งไก่ฟ้ากับไช้ดีหรือไม่
เต็กตกใจ รู้เรื่องจากลูกน้องว่า ไช้ถูกลอบยิง
"ว่าไงนะ อาไช้ถูกลอบยิง"
"ครับเถ้าแก่" โส่ยบอก
"แล้วรู้ตัวคนบงการหรือยัง"
"ยังครับ...บางทีอาจเป็นพวกเดียวกับที่ถล่มโรงงิ้วก็ได้"
เต็กถอนใจเฮือกใหญ่
"ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก ปีนี้มันปีอะไรกันวะ"
โส่ยนึกอยู่ครู่หนึ่ง
"ปีไก่ครับ"
"อั๊วะรู้แล้ว" เต็กกวาดตามองไม่เห็นศักดา หรือ "ตี๋เล็ก" ลูกชาย
"แล้วนี่ตี๋เล็กมันหายหัวไปไหน"
โส่ยอึกๆอักๆ ไม่กล้าตอบ เต็กอิดหนาระอาใจกับลูกชายคนนี้จริงๆ
ในฉั่วเทียนเหลา เวลากลางคืน หยกมณีร้องเพลงอยู่บนเวที ตี๋เล็กนั่งที่โต๊ะวีไอพี มีสาวๆนั่งขนาบซ้ายขวาออดอ้อน คอยป้อนเหล้าให้
ตี๋เล็กมองหยกมณีอย่างพอใจ ถอดสร้อย ยื่นให้บริกร บุ้ยหน้าบอกให้เอาไปให้หยกมณี
หยกมณีร้องเพลงจบ บริกรเอาสร้อยไปให้หยกบนเวที กระซิบกระซาบประมาณว่า แขกโต๊ะนั้นฝากมาให้
หยกมณียิ้มโปรยเสน่ห์ เดินนวยนาดมาหาตี๋เล็กที่โต๊ะ
"หนีมาเที่ยวคนเดียวแบบนี้ คุณตี๋เล็กไม่กลัวเถ้าแก่เต็กว่าเอาเหรอคะ"
"ก็อย่าให้อาป๊าอั๊วะรู้สิ"
ทันใดนั้น ก็มีเสี่ยที่อยู่ในอาการเมาเหล้า เข้ามาฉุดแขนหยกมณีไว้
"มาคุยกับเฮียก่อนสิจ๊ะ"
"นี่ ! ตามคิวสิคะ ใครมาก่อนก็ได้ก่อน"
ตี๋เล็กผลักอกเสี่ย แล้วเอาขวดเหล้าฟาดที่หัวเสี่ยอย่างแรง จนเลือดอาบ
"คนนี้กูจอง อย่าเสือก"
"เฮ้ย ! มึงเป็นใครวะ"
"กู... ตี๋เล็ก ลูกเถ้าแก่เต็กหัวหน้าแก๊งกระเรียน จำใส่กะลาหัวมึงไว้"
ตี๋เล็กกระทืบเสี่ยคนนั้นจนกระทั่งสลบไป พลางถุยน้ำลายใส่
"นึกว่าจะแน่" ... แล้วหันไปถามคนที่ยืนมอง "มองอะไร"
ทุกคนรีบหลบตา แหวกเป็นทาง ไม่กล้ายุ่ง
"อย่าหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะคะ หาอะไรมาดื่มดับโมโหสักหน่อยดีกว่า"
ตี๋เล็กบอกกับบริกร
"น้อง !เอาเหล้ามาแก้วซิ"
หยกมณีมองตี๋เล็กแล้วแอบเบะปาก ระอาใจกับพวกนักเลงอันธพาลที่มักไม่ค่อยจะตายดี
ภายในห้องรับแขก วันรุ่งขึ้น เล็กนั่งหูทวนลม ยกขาพาดโต๊ะ ทำหูทวนลม ไม่นำพาคำสั่งสอนของเต็ก
"กลับมาไม่ทันไร หาเรื่องให้อั๊วะปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน อุตส่าห์ส่งเสียให้ไปเรียนถึงปีนังก็ดันผ่าก่อเรื่องต่อยตีกับคนอื่นจนเรียนไม่จบจะไปทำอะไรกิน"
"อาป๊าเป็นถึงหัวหน้าแก๊งกระเรียน ต่อให้อั๊วะอยู่เฉยๆ นั่งๆนอนๆ ไปวันๆ ก็ไม่อดตายหรอกน่าถึงเวลาอั๊วะก็รับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทนอาป๊า ไม่เห็นจะยาก"
"ลื้อคิดว่าปกครองคนมันง่ายนักหรือไง ต้องรู้จักยืดหยุ่น พลิกแพลงร้อยแปด คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อบ่อปึ๋งเนี่ยอย่างลื้อ ใครเขาจะยอมก้มหัวให้"
"ใครหัวแข็ง ไม่ยอมลงให้อั๊วะ ก็สั่งสอนมันซะ ไม่เห็นจะยาก"
"คิดว่าใช้กำลังแล้วจะทำให้คนอื่นยอมสยบอยู่ใต้อุ้งเท้าหรือไง มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ใช้วิธีการอย่างลื้อ...หัดรู้จักใช้สมองซะบ้าง ไม่เคยได้ยินหรือไง มีเพื่อนห้าร้อยยังน้อยไป มีศัตรูแค่คนเดียว รับมือไม่ไหว"
"แต่อั๊วะคนเดียวรับมือศัตรูได้ห้าร้อยคน อาป๊าคอยดูละกัน อั๊วะนี่แหละ จะทำให้ทุกคนในเยาวราช ต้องยอมก้มหัวให้แก๊งกระเรียน"
ตี๋เล็กพูดด้วยความมั่นใจ เต็กส่ายหน้าระอิดระอาไม่ค่อยจะเชื่อน้ำยาตี๋เล็ก
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 1 (ต่อ)
สุงเรียกทุกคนมาประชุมที่บ้าน และยังอยู่ในช่วงแห่งการไว้ทุกข์
หมวยบอก
"คณะเฟิ่งหวงเรามีชื่อเสียงมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะเฮียฉาง ตอนนี้ไม่มีเฮียฉาง
แล้ว ใครจะเป็นพระเอกแทนล่ะคะ"
นักแสดงงิ้วทุกคนต่างก้มหน้านิ่ง รู้ตัวว่าไม่มีความสามารถเท่าฉาง
"ลื้อก็แล้วกัน อากุ่ย"
ทุกคนหันไปมองอากุ่ยเป็นตาเดียวกัน ทุกคนไม่ค่อยเชื่อฝีมือ
กุ่ยเลิ่กลั่ก
"อั๊วเคยเล่นแต่ตัวตลก เป็นพระเอกไม่ได้หรอกครับ เถ้าแก่"
"ค่อยๆฝึกไปเดี๋ยวก็เป็นเอง"
"แต่อั๊วว่า อากุ่ยไม่เหมาะที่จะเป็นพระเอก เถ้าแก่ได้โปรดทบทวนอีกสักครั้ง" หมวยบอก
"อากุ่ยไม่เหมาะแล้วใครเหมาะ" สุงจ้องไล่ทีละคน "ลื้อ...ลื้อ..หรือว่าลื้อ"
ทุกคนต่างก้มหน้านิ่ง
"เวลานี้ไม่มีใครเหมาะไปกว่าอากุ่ยอีกแล้ว" สุงบอกกับจาง "เฮียจาง อั๊วฝากด้วย"
แปะจางน้อมรับคำสั่ง สุงสั่งจบก็ลุกออกไปเหมือนคนไร้หัวใจ กุ่ยหนักใจ ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นพระเอกมาก่อน หงส์กดดันแทนกุ่ย
บริเวณลานฝึกงิ้วในเวลากลางคืน กุ่ยเอาทวนฝึกงิ้วฟาดควั่บๆสะเปะสะปะระบายอารมณ์
"ทำไมต้องเป็นอั๊วด้วย"
"เพราะอาป๊าไว้ใจเฮีย"
"ขนาดอั๊วยังไม่ไว้ตัวเองเลย ทำไมเถ้าแก่ต้องฝากความหวังไว้กับคนไม่เอาไหนอย่างอั๊ว"
"ตอนนี้เฮียไม่มีทางเลือกแล้ว นอกจากตั้งใจฝึกซ้อมให้มาก"
"อั๊วทำไม่ได้ และไม่มีวันทำได้ด้วย"
"อย่าพูดว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ทำ เฮียกลัวล้มทั้งๆที่ยังไม่เริ่มเดิน"
"โธ่เว๊ย!บังคับอั๊วกันเข้าไป คอยดูนะ สักวันอั๊วจะหนีไปจากที่นี่ให้พ้นๆ"
กุ่ยพูดจบก็โยนทวนฝึกงิ้วทิ้ง แล้วเดินพรวดๆออกไป
หงส์เริ่มวิตกว่า หากกุ่ยหนีไปจากโรงงิ้วจริงๆ จะทำอย่างไร ?
ภายในห้องทำงาน เก้าแก่ไช้กำลังทำบัญชี ดีดลูกคิดอยู่ หลิว เมียเถ้าแก่เดินเข้ามาปรึกษา
"เฮียคิดดีแล้วเหรอ อาหลงมันเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า หนีคดีจากไหนมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮียรับมันมาทำงานอั๊วไม่ว่า แต่ให้มันมาอาศัยอยู่ร่วมชายคากับเรา บอกตามตรง อั๊วไม่ไว้ใจมันเลย"
"คิดมากน่า อาหลิว ถ้าไม่ได้อาหลงช่วยไว้ อั๊วะซี้แหงแก๋ไปแล้ว ตอนนี้ได้อาหลงมาอยู่ใกล้ตัวอั๊วก็เบาใจ"
"อั๊วกลัวแต่จะชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านน่ะสิเฮีย"
"อั๊วมองคนไม่ผิดหรอก สักวันอาหลงจะเป็นกำลังสำคัญให้กับแก๊งไก่ฟ้าของเรา"
หลิวยังไม่วางใจอาหลงเสียทีเดียว
ในห้องพักคนงาน เวลากลางคืน เมื่อ 7 ปีที่แล้ว อาหลงเปิดกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาด้วยความทะนุถนอม กล่องไม้ 2 ชั้น ชั้นบนก่อนมีรูปถ่ายขาวดำสีซีดของผู้หญิงชาวบ้านคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย
หลงคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
หลงจูงเหมยหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามตรอกอย่างรีบร้อนและระแวดระวัง
"เกิดอะไรขึ้นเหรอเฮีย ทำไมเราต้องหนี"
"อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้อาเหมย เราต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วเฮียจะเล่าให้ฟัง"
หลงพาเหมยเลี้ยวไปที่ตรอกอีกตรอกหนึ่ง แล้วต้องชะงัก ซ้ง ลูกน้องของเล้งยืนถือปืนดักหน้าอยู่
"จะหนีไปไหน"
หลงรีบเอาเหมยหลบหลังทันที ซ้งจะเหนี่ยวไก แต่หลงไวกว่า ใช้เท้าเตะจนปืนในมือซ้งกระเด็น
หลงจะชักปืนขึ้นมายิงบ้าง แต่ซ้งก็ไวพอที่จะป้องกันตัว หลงกับซ้งต่อสู้กัน
สุดท้ายเหมยโดนยิงจนสิ้นใจ ขณะที่หลงโดนยิงจนบาดเจ็บสาหัส ซ้งจากไปอย่างสะใจเพราะคิดว่าหลงตายแล้ว
สภาพตรอกอันเวิ้งว้าง เหมยนอนเป็นศพนิ่งอยู่ หลงเลือดท่วมตัว ตะเกียกตะกายมาหาศพอาเหมยที่อยู่ตรงหน้า
"อาเหมย"
หลงกอดศพเหมยร้องไห้เหมือนคนเป็นบ้า
หลงเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้มองรูปถ่ายอาเหมย
"อีกไม่นานหรอกอาเหมย คนที่ทำกับลื้อ มันต้องชดใช้"
แววตาหลงแข็งกร้าวขึ้นมาราวกับเป็นคนละคน
หลิวกำลังจ่ายเงินค่าแรงลูกน้องอยู่ เถ้าแก่ไช้กับหลงเพิ่งกลับมาจากการเก็บค่าคุ้มครอง ไช้บอกซัน
"ลื้อคอยจับตาดูแก๊งค้างคาวไว้ให้ดี มีอะไรให้รีบมารายงานอั๊วะ"
"ครับ เถ้าแก่"
"เถ้าแก่จะออกไปไหนอีกหรือเปล่าครับ"
"วันนี้พอแค่นี้...ลื้อเอารถไปเก็บได้เลย"
"เสร็จธุระแล้ว อั๊วะขออนุญาตเถ้าแก่ออกไปข้างนอกได้ไหมครับ"
ไช้รู้ทัน
"จะไปศาลเจ้าอีกละซิ"
หลงพยักหน้า
"ครับ"
ไช้หัวเราะ
"ลื้อนี่มันใจพระจริงๆ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องไปศาลเจ้า จะไปไหนก็ไปเถอะ"
"ขอบคุณครับเถ้าแก่"
หลงเดินออกไป หลิวมองดูอยู่อีกมุม ยังไม่วางใจหลง
ที่ศาลเจ้า หงส์ทำบุญให้อาฉางเสร็จพอดี เธอกวาดตามองหาเผื่อว่าจะเจอหลงอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบ หงส์จึงขยับลุกออกจากศาลเจ้าไป
หลงเดินสวนเข้ามาในศาลเจ้า จะมาทำบุญให้อาเหมย คลาดกับหงส์ไปเสี้ยววินาที
เสียงเอะอะดังเหมือนคนตีกัน ตามด้วยเสียงหวีดร้องดังมาจากทางหน้าศาลเจ้า หลงมองตาม แต่ยังไม่ลุกขึ้น เห็นเรื่องคนตีกันเป็นเรื่องปกติ บริเวณหน้าศาลเจ้า หงส์รีบวิ่งไปดูต้นเสียงทันทีด้วยความอยากรู้
หงส์ออกมาหน้าศาลเจ้า เห็นสมุนเกากับสมุนไช้ยกพวกตีกัน ฝ่ายไช้เสียเปรียบ บาดเจ็บระนาวเพราะใช้มีดเป็นอาวุธทั้งสองฝ่าย
หงส์เห็นม่วยจู เด็กผู้หญิงยังไม่รู้ความ ถูกทิ้งร้องไห้จ้าอยู่ด้วยความกลัว หงส์รีบปราดเข้าไปกลางวงล้อม สวนกับคนอื่นที่วิ่งหนีไปอีกทาง หงส์อุ้มม่วยจูไว้ แต่ตัวเองกลับตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม
สมุนเกาชักมีดออกมาจะฟันสมุนไช้ หงส์อยู่กลางรัศมีคมมีด หลงตามออกมา เห็นหงส์พอดี
"ระวัง"
หลงรีบฝ่าวงล้อม พุ่งตัวเข้าไปช่วยหงส์
มีดของสมุนเกาฟันเข้าที่แขนของหลงอย่างจัง
หงส์กลิ้งทับบนตัวหลง หลบลงที่ข้างทาง ซึ่งเป็นเข่งผักกองสุมๆสูงท่วมหัวกำบังจากลูกหลง
ทั้งสองจ้องตากันระยะประชิด หลงเพิ่งจะได้มองหงส์เต็มๆตาครั้งแรก
หงส์ตกใจเมื่อรู้ว่าหลงคือคนที่ยิงอาฉาง จะขยับหนี แต่ถูกหลงรวบร่างเอาไว้ไม่ให้ออกไป
"แก ! ไอ้ฆาตกร ! แกฆ่าเฮียฉางทำไม"
"ผมไม่ได้ยิงพี่ชายคุณหนู"
"ฉันไม่เชื่อ ! แกมันผู้ร้ายปากแข็ง"
"ถ้าผมเป็นคนยิงพี่ชายคุณหนูคงหนีไปกบดานที่อื่นนานแล้ว ไม่มาวนเวียนอยู่แถวนี้ให้จับได้หรอก"
"ทำไมฉันต้องเชื่อแกด้วย"
"ผมสาบานว่าคนที่ผมจะยิงไม่ใช่พี่ชายคุณหนู"
หงส์จ้องตาหลง แม้จะยังไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เชื่อว่าหลงไม่ได้โกหก น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง
"ไม่ใช่นาย แล้วใคร"
ทันใดนั้น สมุนเกาก็ปรี่เข้ามาเตะเข่งผักออก ถือดาบเล่มยาววาบเข้ามาขัดจังหวะ
หงส์หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม โผเข้ากอดหลงไม่รู้ตัว ม่วยจูเบียดตัวอยู่ตรงกลางระหว่างหงส์กับหลง
พอสมุนเกาเห็นหน้าหลงก็จำได้ว่าเป็นคนขับรถของไช้
"มึงแก๊งไก่ฟ้านี่หว่า"
หงส์มองหน้าหลง คิดไม่ถึงว่าเป็นคนของไช้ ด้วยเหตุนี้ หงส์จึงเริ่มเชื่อว่า หลงไม่ได้ยิงอาฉาง เพราะเป็นคนของไช้ น้องร่วมสาบานพ่อของตัว
"จะฆ่าก็ฆ่าอั๊วะ ปล่อยเด็กกับผู้หญิงไป"
สมุนเกาหัวเราะ ไม่ตอบ เงื้อดาบจะฟันหลง หลงเอาตัวบังหงส์และม่วยจูเอาไว้
คมสันต์ หรือ เสี่ยเกา หัวหน้าแก๊งค้างคาวก้าวเข้ามาพร้อมกับซาสมุนมือขวา เอาปืนยิงขึ้นฟ้า
สมุนเกาชะงักเมื่อเห็นนายใหญ่มา
เกากระดิกนิ้วเรียกตัวหัวหน้าให้มาหา หัวหน้าท่าทางพินอบพิเทาเข้ามาหาเกา
เกาเอาปืนตบหน้า จนเลือดกบปาก
"ที่นี่มันไม่ใช่ กลับไปซะ"
สิ้นคำประกาศิตของเกา สมุนรีบสลายตัวล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
เกาเหลือบเห็นหงส์ก็จำได้ว่าเป็นลูกสาวเถ้าแก่สุง เกาผงกหัวให้พอเป็นพิธี
เหยียดยิ้มนิดๆที่มุมปาก แล้วหันกลับออกไป
แม่ของม่วยจู ฐานะยากจน แต่ตัวปอน มีอาชีพเย็บเสื้อผ้าอยู่แถวศาลเจ้า
เธอหน้าตาตื่นวิ่งเข้าด้วยความเป็นห่วง
"อาม่วยจู"
แม่ม่วยจูวิ่งเข้ากอดลูกร้องไห้ น้ำหูน้ำตาไหล ดีใจที่ลูกไม่เป็นอันตราย พูดพร่ำขอบคุณหงส์ไม่ขาดปาก
"โตยเชี้ย คุณหนูที่ช่วยลูกสาวอั๊วะเอาไว้ โตยเชี้ยนะ...โตยเชี้ย"
แม่ของม่วยจูแทบจะก้มลงกราบคารวะหงส์ที่ช่วยลูกสาวตัวเองไว้ได้
หลงประทับใจจนเผลอยิ้มนิดๆที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มครั้งแรกหลังจากที่คนรักตายจากไป
หลงเดินมาส่งหงส์ที่โรงงิ้ว คอยเป็นบอดี้การ์ดอารักขาให้
"เจ้าพ่อใหญ่หัวหน้าแก๊งค้างคาวอย่างเสี่ยเกา แค่พูดไม่กี่คำ ทุกอย่างก็จบ"
"เจ้าพ่องั้นเหรอ"
หลง รู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า “เจ้าพ่อ” ทำให้ใจกระหวัดคิดถึงเสี่ยเล้ง
"ถ้าไม่บอกว่าเป็นคนของอาเจ็กไช้ ฉันคงคิดว่านายเป็นมือปืนที่ยิงเฮียฉาง"
"ผมบอกแล้วไงว่าคนที่ผมจะยิงไม่ใช่พี่ชายคุณหนู"
"นายชื่ออะไรนะ"
"อาหลงครับ"
"อาหลง... ทำไมฉันถึงไม่คุ้นหน้านาย"
"ผมเพิ่งมาเป็นคนขับรถให้เถ้าแก่ไช้เมื่อไม่นานนี้ครับ"
"มิน่าล่ะ"
หงส์พยักหน้า คลายใจว่าหลงไม่ใช่คนร้ายที่ยิงอาฉางจริงๆ
หงส์เห็นหลงเลือดไหล โดนลูกหลงตอนที่วิ่งฝ่าเข้ามาช่วย
"นายเลือดออก"
หงส์มองหลงด้วยความเป็นห่วง
ภายในห้องรับแขก เถ้าแก่ไช้รู้เรื่องที่สมุนเกามากร่างที่ศาลเจ้า หลงทำแผลเรียบร้อย
"นี่สมุนไอ้เกามันกล้ามากร่างถึงถิ่นอั้วะเลยเหรอ! บัดซบที่สุด"
สุงบอกหลง
"ขอบใจลื้อมากที่ช่วยลูกสาวอั๊ว...ลื้อเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่เหรอ"
"ครับ เถ้าแก่"
"ตามสบายนะอาหลง โรงงิ้วเฟิ่งหวงต้อนรับเสมอ คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของลื้อ"
สุงเดินไปที่ตู้หยิบยาขวดหนึ่งมาให้หลง
"เอายานี่ไปใส่แผลซะจะได้หายเร็วขึ้น"
"ขอบคุณครับเถ้าแก่ แต่แผลบางอย่าง ต่อให้ยาดีแค่ไหนก็ไม่มีวันรักษาหาย"
หลงค้อมตัว ก่อนเดินออกไป
ไช้แค้นมาก โกรธจนตัวสั่นที่สมุนของเกาข้ามถิ่นมาหยามน้ำหน้าอีกแล้ว
"ไอ้เกา"
หงส์กับหลงมานั่งที่ม้านั่งหินอ่อน มุมร่มรื่นภายในโรงงิ้ว
"แผลนายเป็นยังไงมั่ง"
"ตอนนี้เลือดหยุดแล้วครับ อีกไม่กี่วันก็คงหาย"
"แย่จริง เพราะฉันคนเดียว ทำให้นายต้องพลอยเจ็บตัวไปด้วย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ แผลแค่นี้ไกลหัวใจ"
"นายนี่มันปากเก่งจริงๆ"
"คุณหนูเล่นงิ้วเป็นมั้ยครับ"
"แค่งูๆปลาๆน่ะ ไม่เก่งเหมือนพี่ชายฉันหรอก"
"ถ้ามีโอกาส ผมจะแวะมาดูคุณหนูเล่นงิ้วที่นี่"
"อาป๊าฉันไม่ยอมให้ฉันขึ้นเวทีงิ้วหรอก...ไม่มีวัน"
"ทำไมล่ะครับ"
"ไม่รู้ซิ รู้แต่ว่า...อาป๊าไม่ชอบให้ฉันเล่นงิ้ว ห้ามฉันเล่นงิ้วเด็ดขาด"
หลงมองหงส์อย่างเห็นใจ ตัดสินใจไม่ถามต่อ
หงส์ลอบมองหน้าหลงแวบหนึ่งสบายใจขึ้น รู้สึกว่าคุยกับหลงแล้วถูกคอ มีกำลังใจแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้
"ก่อนนายมาอยู่กับอาเจ็กไช้ นายเคยทำอะไรมาก่อน"
หลงนิ่ง ไม่ยอมตอบ หงส์แปลกใจว่าแท้จริงแล้วหลงเป็นใครกันแน่
ในห้องรับแขกบ้านสุง วงสนทนาของพี่น้องร่วมสาบานทั้งสาม
ไช้เมากรึ่มๆกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะปัง ! โกรธควันออกหูที่ลูกน้องเกาข้ามถิ่นมาหาเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
"อั๊วเหลืออดแล้วจริงๆ นับตั้งแต่นี้ อั๊วจะไม่ยอมปล่อยให้ไอ้เสี่ยเกามันลูบคมอั๊วอีกต่อไป"
เต็กบอก
"ตามหลักก็ต้องเจรจากับฝ่ายนั้นดูก่อน ว่าเสี่ยเการู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า หรือว่าพวกเด็กมันทำกันเอง"
"อาเต็กลื้อจะให้เจรจาอะไรกับมันอีก ยิ่งนับวันไอ้เสี่ยเกามันยิ่งกำแหง ถ้าไม่รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม อีกหน่อยมันนึกอยากจะทำอะไรก็ทำน่ะสิ"
"อั๊วเห็นด้วยกับอาเต็ก" สุงบอก
"พี่ใหญ่ ลื้อเป็นพี่ประสาอะไร กองไหนขี้กองไหนไส้ ลื้อแยกไม่ออกแล้วเหรอ มันทำอะไรอั๊วะบ้าง ลื้อก็เห็น หรือต้องรอให้มันส่งคนมาฆ่าอั๊วะก่อน ลื้อถึงจะพอใจ" ไช้บอก
"อาไช้!อั๊วะเป็นถึงนายกสมาคมเลือดมังกร ทำอะไรผลีผลามได้ที่ไหน เมื่อไหร่ ลื้อจะเลิกวู่วามเสียที ความหุนหันพลันแล่นของลื้อจะทำให้พี่น้องเราต้องเดือดร้อน"
"เป็นไงเป็นกันสิ อั๊วไม่กลัวหรอก เวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน ลื้อไม่ใช่เฮียสุงคนเดิมที่อั๊วะเคยรู้จักอีกแล้ว อั๊วอยากจะรู้นัก ถ้าเป็นเมื่อสามสิบปีก่อนลื้อจะพูดอย่างนี้มั้ย"
สุงมองภาพรูปถ่ายสามคนที่แขวนอยู่ข้างฝา แล้วคิดถึงเรื่องเมื่อสามสิบปีก่อน
ไช้เมื่อครั้งยังเป็นจับกัง ถูกตี๋เพ้ง อันธพาลขาใหญ่ในเยาวราชขณะนั้น กระทืบปางตาย
"ไอ้ไช้ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน มึงกล้ามากำแหงกับกูเหรอ หากินในถิ่นกู ก็ต้องแบ่งให้กูบ้างสิโว้ย เฮ้ย ! ไปค้นตัวมัน"
ตี๋เพ้งบุ้ยหน้า ให้ลูกน้องไปค้นเงินมาจากตัวไช้ไปให้หัวหน้า เต็กอยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วย
"เงินทำทุนอั๊วะ อย่าเอาไป"
สุงเข้ามาอย่างเท่ห์พร้อมด้วย เซี๊ยะ ตง เซ็ง และเส็ง
"ไอ้ตี๋เพ้ง! คืนเงินให้อาไช้น้องชายอั๊วไปซะ"
"ไอ้หน้าอ่อน ! มึงกล้าสั่งกูเหรอ" ตี๋เพ้งหัวเราะบอก "ก็ได้ ! กูจะคืนเงินให้น้องมึงก็ได้แต่มึง
ต้องมาวัดกับกูตัวต่อตัว มึงกล้ามั้ยล่ะ ไอ้ลูกหมา"
เพื่อนทั้ง 4 ขยับตัว เตรียมลุยเต็มที่
"เฮียสุงใจเย็นๆก่อน ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้ คนกันเองทั้งนั้น
"ลื้อไม่ต้องห้ามอั๊ว อาเต็ก! ... มึงจะเอามีดหรือปืน"
"ปืนมันตายเร็วเกินไป มีดดีกว่าโว้ย"
ตี๋เพ้งแสยะยิ้มเหมือนเสือร้ายจะขย้ำลูกแกะ
มีดสองเล่มถูกปักลงบนโต๊ะพร้อมกัน ทั้งสองหยิบมีดขึ้นมาดวลกัน คนที่อยู่รอบๆ เฮลั่น พนันขันต่อกัน ส่วนใหญ่อยู่ข้างตี๋เพ้งเจ้าถิ่นเดิม
สุงเปิดเกมส์บุกก่อน ตี๋เพ้งหลบฉาก เอามีดฟันที่กลางหลังสุง แล้วถีบสุงล้มกระเด็น มีดกระเด็นร่วงจากมือสุง ตี๋เพ้งตามมาเหยียบมือสุงไว้ไม่ให้หยิบมีด แล้วเอามือจ่อคอหอยสุงไว้
"มึงมีดีแค่นี้เองเหรอ ห๊า! ไอ้ลูกหมา งั้นก็ตายซะ"
ตี๋เพ้งเงื้อมีดจะแทงสุง เขาเอาแขนซ้ายรับคมมีด จนมีดปักคาที่แขนของสุงมิดด้ามดึงไม่ออก
สุงอาศัยจังหวะช่วงที่ตี๋เพ้งเผลอหยิบมีดที่หล่นอยู่ แล้วแทงสวนที่หน้าอกของตี๋เพ้งทันทีจนล้มตึง
"มึงจำเอาไว้ ว่ากูชื่อสุง"
สุงกระหน่ำแทงตี๋เพ้งจนกระทั่งขาดใจตาย
สุง ในปัจจุบันไม่หลงเหลือความเลือดร้อนเหมือนแต่ก่อนแล้ว
"เมื่อสามสิบปีก่อน พี่ใหญ่ไม่เคยกลัวใครแม้กระทั่งความตาย ลืมแล้วหรือไง เพราะโค่นไอ้ตี๋เพ้ง เจ้าถิ่นได้ เฮียถึงได้เป็นเถ้าแก่สุง ประมุขใหญ่มีคนก้มหัวให้อย่างทุกวันนี้ ตอนนี้เฮียสุงคนเดิมหายไปไหน"
"อย่าพูดถึงอดีตอีกเลย ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อสามสิบปีที่แล้ว วันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ ไม่หวนย้อนกลับ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว อาไช้"
ไช้ชักสีหน้าไม่พอใจที่สุงเหมือนคนถอดใจ
หลงมองอาณาเขตกว้างใหญ่ของโรงงิ้วเฟิ่งหวงแล้วเปรยขึ้น
"โรงงิ้วเฟิ่งหวงอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลสมฐานะหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ"
"อาแปะจางบอกว่าที่ตรงนี้อยู่ในตำแหน่งหัวมังกร ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของกันทั้งนั้น เคยมีนักการเมืองใหญ่มาขอซื้อ แต่อาป๊าไม่ยอมขาย จะเก็บไว้ท่าเดียว"
"กว่าจะมีวันนี้ เถ้าแก่สุงคงต้องผ่านอะไรมาไม่น้อย"
"ตอนหนุ่มๆ สมัยยังเป็นดาวรุ่ง อาป๊าคงเอาเรื่องอยู่ ไม่อย่างงั้นคงไม่นั่งเก้าอี้ประมุขสมาคมเลือดมังกร เป็นพี่ใหญ่ในวงการนักเลงได้จนถึงทุกวันนี้" หงส์หัวเราะเบาๆ "มีใครบ้างล่ะกล้าขัดคำสั่งเถ้าแก่สุง หัวหน้าแก๊งหงส์ดำ"
"มิน่า... อาป๊าคุณหนูถึงได้ชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้"
หงส์สะกิดใจกับคำพูดและน้ำเสียงกร้าวของอาหลงเล็กๆ หงส์เห็นไช้เดินออกมาจากห้องรับแขกพอดี
หงส์มาส่งไช้ที่หน้าประตู
"อาเจ็กน่าจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อน"
"ไม่น่อ... อั๊วต้องรีบกลับไปเจี๊ยะปึ้งกับอาหลิว ว่างๆลื้อก็แวะไปเยี่ยมอีที่บ้านบ้างสิ อีบ่นถึงลื้ออยู่บ่อยๆ"
ไช้เหลือบเห็นสุงออกมายืนส่งที่หน้าห้อง ก็เปลี่ยนอารมณ์ เป็นหน้าบอกบุญไม่รับทันที
ไช้พูดกับหงส์แต่เสมองไปทางสุง
"อั๊วกลับก่อนนะ.... ไป อาหลง"
หงส์สัมผัสได้ว่าไช้กับสุงมีปัญหากัน หลงก้มหัวนิดนึงให้หงส์
ก่อนกลับหลงหันไปมองสุงแวบหนึ่งด้วยสายตาเจ็บแค้น แล้วตามไช้ออกไป
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ตรงมุมแท่นบูชา สุงยังคงจับจ้องที่รูปของฉาง แล้วบอกเต็ก
"ถ้าอั๊วจะวางมือจากวงการ ลื้อเห็นว่ายังไง"
"หากพี่ใหญ่ต้องการย่อมทำได้"
"แล้วคนที่อยู่ในแก๊งหงส์ดำล่ะ จะทำยังไง"
"ถึงตอนนั้นต้องหาหัวหน้าคนใหม่ที่ทุกคนยอมรับ...พี่ใหญ่ถามเรื่องนี้ทำไม"
"วันไหนที่อั๊วลงจากตำแหน่ง อั๊วฝากแก๊งหงส์ดำด้วยนะ อาเต็ก"
"พี่ใหญ่วางใจเถอะ...อั๊วะรับรองจะไม่ทำให้พี่ใหญ่ต้องผิดหวัง"
เต็กตาลุกวาว ยินดีปรีดาที่จะได้ขึ้นเป็นใหญ่ในแก๊งหงส์ดำ
เต็กกลับมาที่บ้าน หัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
"อาฉางตาย พี่ใหญ่ก็ไร้คนสืบทอดตำแหน่ง เฮียไช้ก็ขวานผ่าซากเกินไป จะมีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เท่ากับอาป๊าลื้อไม่มีอีกแล้ว"
ตี๋เล็กบอก
"ถ้าขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำก็เท่ากับทั้งเยาวราชตกเป็นของอาป๊าเลยน่ะสิ"
"แน่นอน รวมทั้งโรงงิ้วเฟิ่งหวงของพี่ใหญ่ด้วย ถึงตอนนั้น ลื้อก็จะได้เป็นลูกชายของเจ้าพ่อที่ใหญ่ที่สุดในเยาวราช"
"ถ้างั้นอั๊วะขอยกเหล้าจอกนี้แสดงความยินดีกับอาป๊า ในฐานะหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่ ล่วงหน้าเลยแล้วกัน ดื่ม !"
สองพ่อลูกหัวเราะลั่น ยกเหล้ายกให้กัน วาดฝันสวยหรู
ภัตตาคารฉั่วเทียนเหลา หยกมณีกำลังดีดผีผาเพลง “เก็บดอกไม้” (gan hua hui) ตี๋เล็กนั่งฟังเพลินๆพลางจิบเหล้า แล้วมองไล่ไปตามต้นขาวยาวเรียวจนกระทั่งถึงร่องอกอันเย้ายวนของหยกมณี
ตี๋เล็กยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หยกมณีหยุดเล่นก่อน แล้วกระดิกนิ้วเรียกให้หยกมณีเข้ามาหา
"ท่าทางเพลง “เก็บดอกไม้” ของหยกคงไม่ถูกใจเฮียตี๋เล็กกระมังคะ"
"ใครว่าล่ะ...ฟังแล้วเฮียแทบขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นต่างหาก แต่เฮียอยากให้หยกทำอย่างอื่นให้มากกว่า"
ตี๋เล็กเอานิ้วไต่ไปตามต้นแขน แววตาเล้าโลม ยื่นหน้ามาใกล้ๆแก้มหยก เธอหลบตี๋เล็กด้วยจริตจก้านมารยาหญิง ต้องการหวงตัวไว้สำหรับอาอัน
"พูดอะไรไม่รู้ ฟังแล้วจั๊กกะจี้พิกล หยกก็เขินเป็นนะคะ"
ตี๋เล็กตามไปคว้าตัวหยกมณีรวบตัวมาซุกไซ้ซอกคออย่างหื่นกระหาย
"อย่าเล่นตัวนักเลยน่า มาเป็นของเฮียดีกว่า รับรอง...เฮียจะเลี้ยงหยกอย่างดี ไม่ต้องมาเป็นนักร้องอยู่ในภัตตาคารกระจอกๆแบบนี้"
หยกมณีผลักตี๋เล็กออกไม่ยอมให้เข้าใกล้ ตี๋เล็กโมโหหมดอารมณ์
"นี่เธอยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่ใช่มั้ย"
"เฮียอันเป็นผู้ชายคนแรกของหยกไม่มีผู้หญิงคนไหนลืมรักครั้งแรกของตัวเองได้ลง"
"โธ่เว้ย ! ไอ้นั่นมันมีอะไรดีนักหนา เธอถึงตัดใจจากมันไม่ได้เสียที กะอีแค่ลิ่วล้อไอ้ทรงกลด บอกมาซิ ฉันสู้มันไม่ได้ตรงไหน"
"เรื่องของหัวใจมักไม่ค่อยมีเหตุผล บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าเสมอไป"
ตี๋เล็กจับแขนหยกมณี บีบอย่างแรง เพราะเป็นคนชอบใช้กำลัง
"คนอย่างตี๋เล็กอยากได้อะไรแล้วต้องได้"
หยกมณีหัวเราะ
"เว้นก็แต่หัวใจของหยกมั้งคะ"
"ทำไปเล่นตัวไปเถอะ อาป๊าขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำแทนอาแปะสุงเมื่อไหร่ ทุกอย่างใน เยาวราชก็จะอยู่ในอุ้งมือฉัน รวมทั้งเธอด้วย หยกมณี"
ตี๋เล็กออกจากห้องไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
"เถ้าแก่เต็กน่ะเหรอ จะขึ้นเป็นประมุขหงส์ดำคนต่อไป"
หยกมณีตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าเต็กจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำต่อจากสุง
หลงเอากระสุนใส่รังเพลิง ซ้อมยิงปืนกับขวดกระเบื้องในโกดังร้าง ภาพซ้งแวบขึ้นมาในหัว
หลงหลับตาลง แล้วลั่นไกยิงอย่างแม่นยำไม่มีพลาดเป้าสักนัด
หลงได้ยินเสียงใครบางคนยืนอยู่ทางด้านหลัง หันควับ พร้อมจ่อกระบอกปืนใส่ ไช้ยืนมองอยู่ หลงรีบลดปากกระบอกยืนลง ก้มหัวให้
"เถ้าแก่"
"ฝีมือไม่เลวนี่หว่า ! ลื้อยิงปืนมากี่ปีแล้ว"
"7 ปีแล้วครับเถ้าแก่"
ไช้แค่นหัวเราะ
"เหอะ ! อย่างนี้นี่เองนิ้วชี้ลื้อถึงได้ด้านกว่านิ้วอื่น มันทำอะไรให้ลื้อล่ะ ลื้อถึงได้แค้นขนาดนี้"
"มันฆ่าคนรักของอั๊ว"
"ถ้าอยากแก้แค้น ทำไมยังไม่ลงมือ"
หลงพยักหน้า
"มีโอกาสเมื่อไหร่ อั๊วไม่ปล่อยมันไว้แน่"
หลงแววตากร้าว เป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องแก้แค้นคนที่ฆ่าอาเหมยให้ได้
วันใหม่ นักแสดงงิ้วกำลังซักซ้อมที่ลานฝึกงิ้วเพื่อขึ้นเวทีวันรุ่งขึ้น กุ่ยเปลี่ยนสถานภาพจากตัวตลกมาเป็นท่าร่ายรำของพระเอกบู๊ ในบทบาท "หยางจงเป่า" ด้วยท่าทางป้อแป้ ดูไม่เข้มแข็งแม้แต่น้อย
แปะจางสอนปากเปียกปากแฉะ ส่ายหัว สอนอย่างไรก็ไม่ขึ้น กุ่ยเคยชินกับการเล่นบทตัวตลก
หงส์ใช้วิธีครูพักลักจำ ลอบสังเกตที่แปะจางสอนกุ่ย ตาไม่กะพริบ
หน้าตาเหรอหราเมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้ต้องขึ้นเวที
"ไม่ไหวหรอกครับ เถ้าแก่ ขืนให้อั๊วขึ้นเวทีวันพรุ่งนี้ อั๊วต้องถูกโห่แน่ๆ"
"อากุ่ยยังจำท่าไม่ได้ อั๊วเห็นว่ายังไม่พร้อม ควรเลื่อนการแสดงออกไปก่อน" จางบอก
"จะไม่มีการผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป" สุงว่า
"ถ้าคนดูรู้ว่าพระเอกไม่ใช่เฮียฉาง แต่เป็นเฮียกุ่ยอั๊วกลัวว่าจะเกิดเรื่อง"
"หากคณะเฟิ่งหวงหาตัวตายตัวแทนอาฉางไม่ได้ อั๊วจะปิดโรงงิ้ว"
ทุกคนร้อง
"เถ้าแก่ !"
สุงพูดจบก็เดินออกไปทันที, หงส์มองตาม กลัวว่า สุงจะเลิกโรงงิ้วตามที่ลั่นวาจา
ในมุมลับตา หน้าโรงงิ้ว หลงดักซุ่ม หาโอกาสจะลอบยิงสุง แต่สุงไม่ออกมาจากโรงงิ้วเลย
หลงจับด้ามกระบอกปืนที่เหน็บอยู่ที่กางเกง เตรียมพร้อมจะชักออกมายิงทุกเมื่อ
"อาหลง !"
หลงใจหายรีบหันกลับไป เห็นหงส์ยืนอยู่ เหงื่อซึม คิดว่าหงส์รู้แล้วว่าตนจะมาฆ่าสุง
"คุณหนู"
"วันนี้ไม่มีงิ้วแสดงหรอกนะ"
"งั้นเหรอครับ"
"เพิ่งรู้ว่านายชอบดูงิ้วกับเค้าด้วย"
หลงพยักหน้าตามน้ำ โล่งใจ ที่หงส์ไม่ผิดสังเกต
มุมร่มรื่น ใกล้ๆนั้น หลงพยายามล้วงข้อมูลจากหงส์
"เถ้าแก่สุงไม่ออกจากโรงงิ้วไปไหนบ้างเหรอครับ"
"ตั้งแต่เฮียฉางตาย วันๆอาป๊าก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกไปไหน งานที่สมาคมก็ให้อาเจ็กเต็กคอยดูแลทั้งหมด นานๆถึงจะออกไปประชุมสักที นายถามทำไมเหรอ"
"ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากรู้จักเจ้าพ่อใหญ่อย่างเถ้าแก่สุงให้มากขึ้นเท่านั้น"
หงส์พูดกลั้วหัวเราะ
"ทำไม ? นายอยากเป็นเจ้าพ่อมั่งหรือไง"
หลงเจ็บปวด
" วิถีของเจ้าพ่อเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและความตาย ผมไม่เคยคิดอยากเป็นหรอกครับ ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าพ่อด้วยซ้ำ"
"ถ้างั้นนายมาเข้าแก๊งอาเจ็กไช้ทำไม"
"เพราะผมมีหนี้ต้องสะสาง"
"นายต้องทำงานใช้หนี้อาเจ็กเหรอ"
หลงจ้องหน้าหงส์ ไม่ตอบ ลุกพรวดขึ้น
"ผมออกมาข้างนอกนานเกินไปแล้ว ขอตัวกลับก่อน"
หลงพูดจบก็เดินออกไป สวนกับหมวยที่เดินเข้ามาพอดี
หงส์กับบหมวยช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในครัว
"ผู้ชายคนนั้นใครน่ะ เจ้หงส์"
"อาหลง... เป็นคนขับรถให้อาเจ็กไช้น่ะ"
"เหรอ ? ท่าทางไม่เห็นเหมือนคนขับรถเลย"
"สนใจเค้าหรือไง"
"แหวะ... หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่ยักมีเสน่ห์ อยู่ด้วยคงเบื่อแย่"
"ลืมไป หมวยชอบคนอารมณ์ขันอย่างอากุ่ย" หงส์พูดพลางหัวเราะ
หมวยรีบกระโจนเข้ามาปิดปากหงส์
"เบาๆสิเจ้ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า.... พูดไรก็ไม่รู้ เขินนะ"
หงส์ยิ้ม รู้ทันว่าหมวยแอบรักอากุ่ยอยู่
ณ มุมแท่น เวฃลากลางคืน สุงนั่งมองรูปของฉางนิ่ง ยังทำใจไม่ได้ หงส์เข้ามาในห้องสุง
"อาป๊า หงส์มีเรื่องอยากจะขอ"
"อะไร"
"หงส์ขอฝึกงิ้วได้ไหม อาป๊า"
"ถ้าจะพูดเรื่องนี้ ลื้อออกไปได้ละ"
"แต่หงส์อยากเป็นพระเอกบู๊เหมือนเฮียฉาง"
"อย่าคิดวัดรอยเท้าอาฉาง ลื้อไม่มีวันเป็นได้อย่างที่อาฉางเป็น"
"หงส์รับปากกับเฮียไว้ก่อนตายว่าจะดูแลคณะของเรา"
"ไม่จำเป็น คณะเฟิ่งหวงมีอากุ่ยเป็นพระเอกแล้ว"
"ถ้าเฮียกุ่ยทำไม่ได้"
"แต่..."
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ออกไปได้แล้ว ! ... อั๊วบอกให้ออกไปไง"
หงส์ออกไปจากห้อง น้อยใจที่สุงไล่อย่างไม่ไยดี
หงส์ออกมาที่ลานฝึกงิ้ว คำพูดสุงยังก้องอยู่ในหัว แปะจางเดินเข้ามาหา
"คุณหนู...มานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้"
"อาแปะจาง... ถ้าวันนั้นคนที่ตายคือหงส์ ไม่ใช่เฮียฉาง อาป๊าคงไม่เสียใจเท่านี้"
"โชคชะตามนุษย์ ฟ้าดินเป็นผู้กำหนด ไม่มีใครฝืนได้ เรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่า
คิดถึงมันอีกเลยดีกว่า"
"หงส์อยากเล่นงิ้วเป็นหยางจงเป่า อาแปะช่วยสอนหงส์หน่อยได้ไหม"
"คุณหนูน่าจะเล่นเป็นนางเอกมากกว่า ทำไมถึงอยากเป็นพระเอกบู๊นักล่ะ"
"หงส์อยากเก่งเหมือนเฮียฉางอาป๊าจะได้ภูมิใจในตัวหงส์บ้าง"
"กว่าทุกคนจะชื่นชมได้อาฉางต้องฝึกฝนอย่างหนักคุณหนูเป็นผู้หญิงจะทนได้หรือ"
"ผู้หญิงอาจจะมีร่างกายต่างผู้ชาย แต่หัวใจนั้นไม่ต่างกัน ขอแค่อาแปะสอนให้ จะเหนื่อยจะหนักแค่ไหน หงส์ทนได้ทั้งนั้น นะคะอาแปะ"
แปะจางส่ายหน้า
"คำสั่งของเถ้าแก่สุงถือเป็นเด็ดขาด คุณหนูเลิกล้มความตั้งใจเสียเถอะ"
หงส์หน้าม่อย หมดหวัง แม้ว่าแปะจางจะเห็นใจ แต่ก็จนปัญญาจะช่วย
หงส์นั่งพนมมือ มองเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมตรงหน้า
"เมื่อไหร่นะอาป๊าจะใจอ่อนยอมให้หงส์เล่นงิ้วเสียที"
หงส์หวนคิดถึงเมื่อตอนเด็ก
หงส์ในวัยเด็กถูกสุงเอาไม้เรียวตีโทษฐานที่แอบเล่นงิ้ว
"ริแอบมาเล่นงิ้ว ! สอนเท่าไหร่ไม่รู้จักจำ ลื้อนี่มันดื้อด้านจริงๆ"
"ทำไมหงส์ถึงเล่นงิ้วไม่ได้ล่ะคะ ทีเฮียฉางยังเล่นได้เลย"
สุงตวาด
"ไม่ต้องมาเถียง ! อั๊วะสั่ง ลื้อต้องทำตาม"
หงส์หน้าม่อย ไม่เข้าใจว่าเล่นงิ้วผิดตรงไหน
"ไปตักน้ำใส่ตุ่มให้เต็มให้หมด ถ้ายังไม่เสร็จ ลื้อห้ามไปไหนเด็ดขาด"
หงส์ให้ไปมองตาโต อ้าปากหวอ.... ตุ่มใบใหญ่ตั้งเรียงเป็นตับ สุงสั่งจบก็กลับเข้าห้องไป
มุมลับตา ภรพ ทรงกลด ธาม คณิน แอบดูอยู่หลังพุ่มไม้ วิ่งปรู๊ดออกมา
"อาหงส์... ไปเล่นกันเถอะ" ทรงกลดบอก
หงส์ส่ายหน้า
"อาป๊าให้หงส์ตักน้ำให้เต็มทุกตุ่ม"
ธามแย่งถังน้ำไป
"มา ! เฮียช่วย"
ภรพ ทรงกลด ธาม คณิน ช่วยกันตักน้ำใส่ตุ่มคนละไม้คนละมือ หงส์ยิ้มร่า ยืนให้กำลังใจเฮียอยู่
ธามเทน้ำใส่ตุ่มใบสุดท้ายเต็มพอดี ทั้ง 4 หอบแฮ่กๆ เนื้อตัวเปียกโชก หงส์ตัวแห้งอยู่คนเดียว
สุงเดินเข้ามาดู เห็นน้ำเต็มทุกตุ่ม รู้ว่าเด็กทั้ง 4 ช่วยหงส์ จะโกรธก็โกรธไม่ลง
ภรพหอบแฮ่ก
"หงส์ออกไปเล่นกับพวกอั๊วะได้หรือยัง"
"พวกลื้อจะไปไหนก็ไป"
เด็กทั้ง 4 ยิ้มร่า จูงมือหงส์ออกไปเล่นนอกโรงงิ้วทันที
หงส์หวนคิดถึงภาพทรงจำในวัยเด็กแล้วเผลอยิ้มเศร้าๆ ... เสียงเป่าใบไม้เป็นทำนองเพลงเศร้าๆ ลอยมาตามลม หงส์ลุกขึ้น เดินตามเสียงเพลงนั้นออกไปด้วยความประหลาดใจ
หงส์เดินตามเสียงเพลงออกมาภายนอกศาลเจ้า จนเห็นหลงนั่งเป่าใบไม้เป็นเพลงทำนองหวานปนเศร้าอยู่ จึงยืนฟัง
หลงเหลือบเห็นหงส์เข้าก็หยุดเป่าทันที
"ทำไมไม่เป่าต่อล่ะ"
"เพลงนี้เป็นเพลงระหว่างผมกับอาเหมยคนรักของผมเท่านั้น"
"ได้เบาะแสคนที่ฆ่าคนรักของนายแล้วหรือยัง"
"ไอ้มือปืนที่ยิงอาเหมย ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน ผมก็ต้องตามล่ามันให้เจอ"
"เรื่องคนร้ายที่ยิงเฮียฉางก็ยังไม่คืบหน้าเหมือนกัน ทุกอย่างมืดแปดด้านไปหมด"
"ถ้าจับตัวคนที่ฆ่าพี่ชายได้ คุณหนูจะทำยังไง"
"ฉันไม่รู้ อาป๊ากับอาเจ็กคงเป็นคนจัดการ"
"ถ้าผมเจอมัน ผมจะฆ่ามันเหมือนที่มันทำกับอาเหมยเมื่อ 7 ปีก่อน"
"บ้านเมืองมีขื่อมีแป นายจะแก้แค้นตามอำเภอใจได้ยังไง"
"ในเมื่อกฎหมายไม่สามารถเอาผิดพวกมัน ให้ความเป็นธรรมกับคนตัวเล็กๆอย่างผมได้ ผมก็จะตามล้างหนี้แค้นแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน"
แววตาหลงกร้าวขึ้นมาจนน่ากลัว เจ็บใจที่คนรักต้องตายอย่างไร้ค่า มุ่งจะล้างแค้นให้ได้
เสียงดนตรีโหมโรงบรรเลง งิ้วกำลังจะเริ่มแสดง คนดูเริ่มมาจับจองที่นั่งบางตากว่าทุกครั้ง หลังโรงงิ้วหงส์ตามหาอากุ่ยที่หน้าหิ้งบูชาเทพเจ้าฉั่งหง่วงส่วย แต่ก็ไม่พบ
หงส์เจอกับหมวยที่กำลังตามหากุ่ยพล่านอยู่เช่นเดียวกัน
"ว่าไง เจอเฮียกุ่ยมั้ย"
หมวยหน้าเลิ่กลั่ก
"ไม่มี ไม่รู้เฮียกุ่ยหายไปไหน"
หงส์ร้อนใจ
"อีก 10 นาทีก็จะเริ่มแสดงแล้ว"
หงส์ร้อนใจหากุ่ยจนทั่ว แต่ก็ไม่พบ
หงส์แหวกราวที่แขวนชุดงิ้วเรียงรายแน่นเต็มไปหมด เห็นกุ่ยยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ข้างใน เหงื่อแตก ประหม่าจนเห็นได้ชัด
"เฮียกุ่ย! มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย" หมวยบอก
"อั๊วะจำบทไม่ได้เลยสักบรรทัดเดียว"
หงส์น้ำเสียงเด็ดขาด
"ได้เวลาแล้ว จะจำได้หรือไม่ได้ เฮียก็ต้องออกไป"
"มันยากเกินไปอั๊วะทำไม่ได้หรอก"
หงส์โมโห
"จะให้การแสดงวันนี้ล่มหรือไง"
หมวยจับมือกุ่ยอย่างให้กำลังใจ
"เฮียต้องทำให้ได้ คณะเฟิ่งหวงของเราฝากไว้ที่เฮียแล้ว"
หงส์พยักหน้าส่งสัญญาณ สื่อว่ากุ่ยต้องออกไปหน้าเวทีแล้ว กุ่ยเดินกะปลกกะเปลี้ยออกไปอย่างไม่มีแรง หงส์หนักใจถ้ากุ่ยเป็นแบบนี้ โรงงิ้วเฟิ่งหวงจะไปรอดไหม หงส์เริ่มคิดที่จะฝึกงิ้วเสียเอง
หน้าเวที เสียงตบมือดังเปาะแปะ คนดูบางคนนั่งแทะเม็ดก๊วยจี๊ แล้วถุยเปลือกทิ้ง กุ่ยร่ายรำป้อแป้อยู่บนเวทีเงอะๆงะๆ ดูก็รู้ว่า เพิ่งจะหัดเล่นร้องติดๆขัดๆ คนดูส่ายหน้า บางคนทนดูไม่ได้ ลุกออกไปจากโรงงิ้ว
กุ่ยโยนทวนขึ้นไป ปรากฏว่าพลาด ทวนลอยไปฟาดเปรี้ยงที่หัวคนดูอย่างจัง
ดนตรีงิ้วหยุดเล่น อากุ่ยหน้าตาเลิ่กลั่ก ทำอะไรไม่ถูก
หมวยกับหงส์ที่แอบดูให้กำลังใจกุ่ย อยู่หลังเวที ตาค้าง คนดูที่ถูกทวนตีแสกหน้า ทนไม่ไหว ลุกขึ้น โวยวายลั่น
"ทนดูไม่ไหวแล้วโว้ย!!! เพิ่งหัดเล่นหรือไงวะ"
คนดู 2 บอก
"รำชุ่ยๆอย่างนี้ ยังจะมีหน้ามาเล่นอีกไป๊"
คนดู 3บอก
"พระเอกคนเดิมไปไหน ทำไมไม่ออกมาเล่น"
คนดูต่างโห่ไล่ เอาข้าวของ รองเท้าปาใส่กุ่ยบนเวที จนกุ่ยต้องรีบหนีเข้าหลังเวทีไป
สุงซึ่งยืนดูอยู่ในมุมมืด หลังโรงงิ้ว ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง แววตาถอดใจ
อาซา มือขวาเสี่ยเกาแอบสังเกตการณ์อยู่ที่มุมหนึ่งในโรงงิ้ว
สุงทอดสายตามองโรงงิ้วตรงหน้า แล้วสะเทือนใจ สภาพโรงงิ้วระเนระนาด เต็มไปด้วยซากสิ่งของที่คนดูทิ้งไว้ คนดูออกไปจากโรงงิ้วหมดแล้ว กุ่ยคุกเข่าตรงหน้า สำนึกผิด
"เถ้าแก่ อั๊วะไร้ความสามารถ ยกโทษให้อั๊วะด้วย"
"ไม่ใช่ความผิดของลื้อ มันเป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว"
"ขืนเป็นแบบนี้ ชื่อเสียงของคณะเฟิ่งหวงที่สั่งสมมานานต้องย่อยยับเพราะอั๊วะแน่ หาพระเอกคนใหม่แทนอั๊วะเถอะครับ เถ้าแก่ อั๊วะทำไม่ได้จริงๆ"
สุงไม่ตอบ ลุกขึ้นเดินออกจากโรงงิ้วไป หงส์ยืนมองเหตุการณ์อยู่ คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ยามค่ำคืน สุงซดเหล้าหมดจอก น้ำตาไหล ปาจอกเหล้าลงพื้นระบายความอัดอั้นในใจ จอกเหล้าถูกเขวี้ยงตกแตกที่เท้าของหงส์ซึ่งยืนอยู่
"อาป๊าเมามากแล้ว พอเถอะ อย่าดื่มอีกเลย"
สุงปัดมือหงส์ออกด้วยความชิงชัง
"อย่ามายุ่งกับอั๊วะ... เพราะลื้อ" สุงชี้หน้า "ลื้อมันตัวกาลกิณี นังตัวซวย"
สุงผลักหงส์กระเด็นกระแทกแง่ตู้จนหัวแตก เลือดไหล
สุงเมามาย เดี๋ยวอาละวาด เดี๋ยวร้องไห้ จนหมดแรงหลับไป
"อาฉาง...ลื้ออย่าตายนะ"
สุงละเมอร้องไห้ หงส์แบกร่างสุงไปนอนที่เตียงเอาผ้าห่มห่มให้ น้ำตานองหน้า สงสารพ่อ
หงส์เดินเข้ามานั่งเหงาๆหน้าเวที เอาผ้ามากดห้ามเลือดที่ศีรษะเอาไว้
มองเวทีงิ้วด้วยความเศร้าใจ และอาลัย คิดถึงอดีต เมื่อครั้งที่ฉางยังมีชีวิตอยู่
ฉางตีลังกาล้อเกวียนอย่างคล่องแคล่ว หงส์ตบมือ มองฉางด้วยความทึ่ง
"เฮียเก่งจัง ทำได้ยังไง"
"ฝึกบ่อยๆ ก็เป็นเอง หงส์ก็ทำได้"
"ถ้าหงส์เป็นผู้ชาย อาป๊าคงยอมให้หงส์ฝึกเล่นงิ้วแบบเฮีย"
"อาป๊าไม่อยากให้หงส์ต้องเหนื่อย หงส์อย่าน้อยใจอาป๊าเลยนะ"
"หงส์เป็นลูกสาว อาป๊าไม่รักหงส์หรอก หงส์เคยได้ยินอาป๊าพูดกับอาเจ๊กไช้กับอาเจ็กเต็กว่ามีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน"
"อาป๊าก็ไปพูดไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกตัวเองหรอก เชื่อเฮียสิ"
ฉางลูบหัวหงส์อย่างเอ็นดู
หงส์คิดถึงฉาง น้ำตาร่วงเผาะ
"อาป๊าไม่ได้เกลียดหงส์จริงๆใช่มั้ย เฮีย"
หงส์คิดถึงฉางจับใจ
ไช้ดื่มเหล้า กำลังเมากรึ่มๆ เล่าเรื่องราวในอดีตของตนอย่างออกรสออกชาติ
"ไอ้ตี๋เพ้ง มึงจำเอาไว้ ว่ากูชื่อสุง !"
ไช้ทำท่าเลียนแบบ สุงกระหน่ำแทงตี๋เพ้งจนกระทั่งขาดใจตาย ก่อนค่อยๆทรุดลงนั่งเก้าอี้
"อย่าว่าแต่คนในบ่อนเลย แม้แต่ผียังไม่กล้าลืมชื่ออี...จนถึงวันนี้สามสิบปีมาแล้ว แต่ภาพนั้นยังติดตาอั๊วะเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน...เห็นรอยแผลเป็นที่แขนของพี่ใหญ่ทีไร มันทำให้อั๊วะคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นทุกที... มันเกิดขึ้นเพราะอั๊วะ เป็นเพราะพี่ใหญ่ปกป้องอั๊วะแท้ๆ"
ไช้กระดกเหล้ารวดเดียวหมดจอก หลงรินเหล้าเติมให้
"วันเวลามันช่างผ่านไปไวจริงๆ ถ้าย้อนคืนย้อนวันกลับไปได้ ก็คงดี"
"เถ้าแก่มีปัญหากับเถ้าแก่สุงใช่มั้ยครับ"
ไช้แปลกใจ
"ลื้อรู้ได้ยังไง"
"คืนนี้เถ้าแก่เล่าถึงแต่คุณความดีของเถ้าแก่สุงให้อั๊วะฟัง แล้วก็ดื่มเหล้า... พอดื่มเหล้าแล้วเถ้าแก่ก็พูดอีก"
"เห็นเซื่องๆอย่างนี้ ลื้อนี่หัวดีใช้ได้ ! ใช่ ! อั๊วะกับพี่ใหญ่แตกคอกัน"
"พี่น้องก็เหมือนลิ้นกับฟัน มีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ทะเลาะกันเดี๋ยวก็ดีกัน"
"แต่คราวนี้ไม่ ! ไม่คิดเลยว่าพี่ใหญ่ที่อั๊วะเคยนับถือจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ต่อแต่นี้ไปแก๊งไก่ฟ้าจะหวังพึ่งพาอะไรแก๊งหงส์ดำได้ ถ้าวันนั้นลื้อไม่ช่วยเอาไว้ อั๊วะคงถูกคนของไอ้เกาฆ่าตายไปแล้ว"
"คนที่ลอบปองร้ายเถ้าแก่อาจไม่ใช่คนที่เถ้าแก่กำลังคิดก็ได้"
ไช้ชะงัก
"ลื้อหมายความว่ายังไง"
ไช้จ้องหน้าหลงอย่างแปลกใจ
ในอดีต เถ้าแก่ไช้ถูกมือปืนลึกลับไล่ยิง มือปืน 2 จะยิงหลง แต่หลงไวกว่ายิงมือปืน 2 เข้ากลางแสกหน้า ตายคาที่ , ไช้รอดตายหวุดหวิด
หลงพลิกดูที่หลังมือของศพมือปืน หาร่องรอยที่บ่งบอกว่าสังกัดแก๊งไหน แต่ไม่พบรอยสักใดๆ
หลงแปลกใจ
หลงเล่าให้ไช้ฟังต่อ
"ถ้าเป็นพวกมันเป็นคนของเสี่ยเกาต้องมีรอยสักรูปค้างคาวที่ข้อมือขวา แต่นี่ไม่มี"
"ลื้อแน่ใจนะ อาหลง"
หลงพยักหน้า แววตามั่นใจมาก
ไช้ถึงกับอึ้ง
"ถ้าไม่ใช่ แล้วมันเป็นพวกไหนกันแน่"
"อาจมีใครคอยบงการอยู่เบื้องหลังก็ได้"
ไช้ตบโต๊ะปัง
"ต้องเป็นไอ้พวกที่ลอบถล่มโรงงิ้วเมื่อวันสารทจีนแน่ๆ"
หลงตากร้าว
"หรือไม่...ก็เป็นคนใกล้ตัวที่เถ้าแก่คาดไม่ถึง"
หลงเข้าใจว่า บางทีอาจจะเป็นสุงที่สั่งฆ่าไช้ก็เป็นได้ แต่ยังไม่กล้าพูด ไช้หนักใจยิ่งขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าศัตรูในที่ลับของตนคือใครกันแน่
อาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลของคฤหาสน์คมสัน หรือ "เสี่ยเกา" ด้านหน้ามีน้ำพุตามหลักฮวงจุ้ย
เสี่ยเกากลิ้งลูกเหล็กกลม 2 ลูกในมืออย่างสบายใจ อาซายืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง
บ้านเกาเต็มไปด้วยวัตถุมงคลเครื่องรางจีนอาทิ ปี่เซียะ กิ่งหลิว เนื่องจากเป็นคนที่เชื่อถือเรื่องฮวงจุ้ยมาก
"สิ้นอาฉางไปสักคน คณะเฟิ่งหวงก็ไม่ต่างจากหงส์ปีกหัก อั๊วะอยากรู้นักว่าจะไปกันได้อีกสักกี่น้ำ"
"แต่ถึงยังไงเถ้าแก่สุงคงไม่ตกลงขายที่ดินโรงงิ้วให้เสี่ยง่ายๆ"
"คนอย่างอั๊วะอยากได้อะไรแล้วต้องได้... ทำเลโรงงิ้วอยู่ในตำแหน่งหัวมังกรขุมพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน “เยาวราช” พอดี เชื่อกันว่าหากใครได้ครอบครองก็จะช่วยเกื้อหนุนดวงชะตาให้ขึ้นเป็นใหญ่...เป็นมังกรที่อยู่เหนือมังกร"
"แก๊งหงส์ดำใช้โรงงิ้วเฟิ่งหวงเป็นที่มั่นมากว่า 30ปี พวกมันจะยอมเหรอครับเสี่ย"
"ลื้อก็ทำให้ “หงส์” กลายเป็น “ค้างคาว” ซะสิ เกลี้ยกล่อมให้พวกมันมาอยู่แก๊งเรา แต่ถ้าใครมันหัวแข็งดื้อด้าน... ก็ส่งไปลงนรกซะ"
"ครับ เสี่ย" ชารับคำ
เกาพูดน้ำเสียงราบเรียบมาก แต่แววตาเป็นประกายอำมหิต ซาโค้งรับคำสั่งเกา
แปะจางสอนท่ารำงิ้วดังล้งเล้งขึ้น นักแสดงชายต่างซักซ้อมท่าร่ายรำตามบทบาทของตัวเอง แปะจางคุมเข้มสอนบทบู๊อยู่
หงส์แอบนั่งสเก็ตช์ท่าร่ายรำบทบู๊ที่แปะจางสอนคนอื่นอยู่ลงในสมุดวาดเขียนอย่างตั้งใจอยู่ที่มุมหนึ่ง
หมวยมายืนทางด้านหลังหงส์
หงส์ใจหายวาบ นึกว่าสุงมา รีบเอาสมุดสเกตช์ซ่อนไว้ข้างหลังทันที
หมวยกลั้นหัวเราะ
"หมวยเอง ! ดูสิ ทำหน้าอย่างกะเห็นผีไปได้"
"หมวย... นึกว่าอาป๊าซะอีก ตกใจแทบแย่"
"หมวยไม่เข้าใจเลย ทำไมเถ้าแก่สุงถึงไม่ยอมให้เจ้เล่นงิ้วแทนเฮียฉางให้รู้แล้วรู้รอด"
"อาป๊าคงเห็นว่าอากุ่ยเหมาะจะเป็นพระเอกคณะเรามากกว่าเจ้"
"เฮียกุ่ยน่ะเหรอ" หมวยเบ้ปาก "หมวยไม่อยากจะเชื่อน้ำยา ทำตัวลมเพลมพัด เอาแน่เอา
นอนได้ซะที่ไหน"
หงส์กวาดตามอง
"วันนี้อากุ่ยไปไหนไม่มาซ้อม หมวยรู้หรือเปล่า"
หมวยทำหน้าเอือมระอาเมื่อพูดถึงกุ่ย
จบตอนที่ 1