เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 11
นงลักษณ์เดินกลับมาที่บ้านด้วยท่าทางเหงาๆ ในบ้าน สายใจกำลังยกกับข้าวให้อานนท์
"อ้าว...คุณนนท์"
"พี่นึกว่าน้องจะทานข้าวเป็นเพื่อนคุณโกศลที่บ้านสิรี...ก็เลยลงมือทานก่อน...ไม่ได้"
"ทีแรกน้องก็จะทานที่บ้านสิรีเหมือนกันค่ะ...แต่น้องคิดว่าคุณโกศลน่าจะได้คุยกับสิรี แล้วก็น้าสมรตามลำพังบ้างจะดีกว่า"
อานนท์ยิ้มๆ
"หมู่นี้คุณโกศลก็เลยต้องมาเอาใจน้องพี่แทบทุกวันซินะ"
นงลักษณ์ยิ้ม สายใจตักข้าวมาให้นงลักษณ์
"มีของกำนัลมาฝากน้องทุกวันเลยค่ะ...ทำท่าเขินขอให้พาไปบ้านสิรี คุณโกศลนี่น่ารักนะคะ ถ้าได้แต่งงานกับสิรีน้องจะดีใจมาก"
อานนท์มองนงลักษณ์ยิ้มๆ
"แล้วน้องของพี่ล่ะ...มีหนุ่มๆ ที่ไหนมาเกาะแกะบ้างหรือเปล่า"
นงลักษณ์ยิ้มเศร้า
"ผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างน้อง คงไม่มีใครมาสนใจหรอกค่ะ"
นงลักษณ์ก้มหน้าทานข้าว อานนท์มองนงลักษณ์อย่างงงๆ... อานนท์ทานอาหารอิ่มลุกขึ้น
"มีของหวานเป็นถั่วแปปมะพร้าวอ่อน ทานไหมคะ"
"แหม...น้องพี่นี่ช่างทำจริงๆ พี่โชคดีแท้ๆ ที่มีน้องทำทั้งกับข้าวทั้งขนมเก่งทำให้พี่กินทุกวัน...อย่างนี้ถ้ามีไอ้หนุ่มคนไหนได้มาทาน รับรอง ไปไหนไม่รอด"
นงลักษณ์อาย สายใจเอาขนมมาให้อานนท์
"คุณนนท์ก็พูดเล่นกับน้องอยู่เรื่อย"
"พูดจริงๆ"
อานนท์มองขนมจะตักทาน แล้วก็คิดถึงสุชาดา
"มีมะพร้าวด้วย....แล้วพี่จะพาน้องไปรู้จักกับใครคนนึง"
"ใครคะ"
อานนท์ทานขนมไปยิ้มไป
"คนที่ชอบทำขนมเหมือนกัน"
อานนท์หัวเราะอย่างสุขใจ นงลักษณ์มองอย่างไม่รู้เรื่อง...
ตอนเย็น สุชาดานั่งทำมะพร้าวแก้วอยู่กับสนม ตวันเดินมาดู
"คราวนี้ทำเยอะกว่าทุกครั้งนะลูก"
สุชาดาหันมายิ้ม
"ทำเผื่อคุณนนท์ด้วยค่ะ...เค้าชอบทาน"
ตวันนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วก็ยิ้ม
"แล้วคุณนนท์เค้าจะมาอีกเมื่อไหร่"
"น่าจะพรุ่งนี้ค่ะแม่"
สุชาดากับสนมทำขนมเสร็จ
"ฉันจะเอาไปอบควันเทียนเอง...คุณไม่ต้องไปหรอก"
เธอยิ้มพยักหน้า สนมเดินออกไป
"วันนี้สุพาคุณนนท์ไปที่ไหน"
"ไปนั่งทานขนมที่คลองบ้านตาอู๋ค่ะ...แม่ค่ะ..คุณนนท์ เค้าบอกว่ารักสุ"
"เค้าบอกแล้วเหรอ...แล้วสุตอบรับเค้าหรือเปล่า"
สุชาดาทำท่าคิดหนัก
"สุกลัวค่ะแม่...แม่จำคุณวนิดาได้ไหมคะ"
"จำได้"
"เค้ายกเลิกงานแต่งงาน เพราะเค้ายังรักคุณนนท์"
ตวันยิ้ม
"เค้ากล้าทำอย่างนั้นเลยเหรอ...น่ากลัวมาก"
"สุไม่ได้กลัวคุณวนิดาหรอกค่ะ...สุกลัวใจคุณนนท์มากกว่า"
"สุคิดว่าคุณนนท์เค้าชอบวนิดา"
"คุณนนท์เค้ายืนยันว่าเป็นแค่เพื่อน...สุก็เชื่อเค้านะคะ แต่สุกลัวว่าต่อไปถ้าคุณวนิดายังตามตอแยอย่างนี้"
"กลัวคุณนนท์จะใจอ่อน...แต่แม่ไม่กลัวเรื่องนั้นหรอก"
"แม่กลัวอะไรคะ"
"เรื่องวนิดา ถ้าคุณนนท์เค้ารัก เค้าไปหาวนิดาแล้ว แต่ที่แม่เป็นห่วง ห่วงเรื่องพ่อแม่คุณนนท์มากกว่า...เค้าจะยอมรับพวกเราหรือเปล่า เพราะถ้าพ่อแม่เค้าไม่ยอมรับสุ....ชีวิตแต่งงานจะไม่มีความสุขเลย"
ตวันสีหน้าเป็นทุกข์
คุณหญิงเทพนอนให้เจียมนวด มีคุณหญิงเจริญ กับ พรรณ นั่งคุยอยู่ด้วย
"คิดแล้วก็ขำนะ ท่านเจ้าคุณยังเพ้อถึงนังนั่นอยู่อีก ป่านนี้มันไปเป็นปุ๋ยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วเค้ายังพูดถึงมันอีกมั้ยแม่เจริญ"
"ดิฉันไม่ค่อยได้เจอท่านเจ้าคุณหรอกค่ะ...ไม่อยากโมโหอีก ผู้หญิงคนนั้นท่านเจ้าคุณแค่ไปติดพัน...หรือว่ามีอะไรกันมากกว่านั้นคะคุณแม่"
"เธอจะไปอยากรู้เรื่องมันทำไม...เรื่องโบราณนานแล้ว"
"ถึงมันจะเป็นเรื่องเก่าเรื่องโบราณ...แต่ท่านเจ้าคุณยังพูดถึง ยังยกย่องมัน...คุณแม่บอกดิฉันเถอะค่ะ...ว่ามันเคยเป็นเมียท่านเจ้าคุณหรือเปล่า"
คุณหญิงเทพลุกขึ้นนั่งไม่พอใจ
"เอ๊ะแม่เจริญ....เธอจะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไม...ฉันเป็นคนให้ท่านเจ้าคุณได้ตบแต่งหล่อน ยังไม่พอใจหรือไงยะ"
คุณหญิงเจริญเช็ดน้ำหูน้ำตา
"คุณแม่ไม่เป็นดิฉันไม่เข้าใจหรอกค่ะ"
"เหรอยะ...ถ้าเธอเป็นฉันมิเป็นบ้าไปแล้วเหรอ...ผัวฉันน่ะพาเมียน้อยเข้าบ้านสามสี่คน มาให้ฉันเลี้ยงน่ะ...ยิ่งกว่าผัวหล่อนไหมล่ะ เค้าแค่พูดถึงเมียเก่าแค่นี้เธอทำท่าจะเป็นจะตาย...รอให้เค้าเอาเมียน้อยเข้าบ้านซะก่อนซี่ ค่อยมาบ่น"
คุณหญิงเจริญตาโต
"แปลว่านังลูกเจ็กลูกจีนนั่น...เคยเป็นเมียท่านเจ้าคุณใช่ไหมคะ"
คุณหญิงเจริญหน้าเสีย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น คุณหญิงเทพยังพยายามแสดงอำนาจ
"เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว หน้าที่เธอตอนนี้น่ะ ไปจัดการเรื่องเสาวนิตกับพ่ออานนท์ดีกว่า...เธอหาทางให้พ่ออานนท์มาหาแม่นิตได้หรือยัง"
คุณหญิงเจริญตอบแบบใจลอยที่มีแต่ความเจ็บช้ำ
"ยังค่ะ"
"ไปจัดการซะ แหม...ต้องไหว้วานไอ้ตระกลนี่มันขัดใจฉันจริงๆ แล้วนี่แม่ตัวดีหายไปไหน น่าจะมาอ่านหนังสือให้ฟังซิ...นังเจียม...แม่นิตอยู่ไหน"
เจียมสะดุ้ง พูดตะกุกตะกัก
"เอ้อ...น่าจะอ่านหนังสือละมังคะ...เห็นว่าใกล้สอบ"
"ดี...สนใจหนังสือซะมั่ง...เผื่อหาผัวไม่ได้...จะได้ทำมาหากินเอง"
คุณหญิงเจริญลุกขึ้นเดินไปด้วยท่าทางเหม่อลอย คุณหญิงเทพมองตาม
"อ้าว...นั่นจะกลับเหรอแม่เจริญ...อย่าทำเป็นมาคิดมากเลยน่า ผมสองสีแล้ว ทำใจซะบ้างเถอะหล่อน"
พรรณบอก
"แม่เจริญเค้าไม่เคยรู้เหรอคะว่า เจ้าคุณเคยชอบกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน"
เจียมทำตาโต
"โอ้ย...เค้าไม่เรียกไม่นับหรอก ผู้หญิงพรรค์นั้น มันแค่ทางผ่าน นี่นังเจียม ฟังแล้วก็อย่าปากสว่างล่ะ"
เจียมทำหัวหด
"เจ้าค่ะ"
เทอดนั่งหน้างอไม่สนใจเสาวนิตที่พยายามทำท่ายั่วยวนจนเริ่มไม่พอใจ
"เทอด...วันนี้เทอดเป็นอะไร ดูทำหน้าเข้าซิ บูดบึ้ง ไม่สนใจนิตแบบนี้ทำไม"
เทอดหันมามองอย่างน้อยใจ
"คนอย่างเทอดมันไม่ควรค่าให้คุณนิตมาสนใจหรอกครับ"
เสาวนิตงง แกล้งเข้าไปใกล้ๆ เทอดก็ขยับหนี
"ทำไมพูดแบบนี้...เทอดทำกับนิตอย่างนี่รู้ไหมว่านิตน้อยใจนะ"
เสาวนิตทำแกล้งสะอื้นเบาๆ เทอดรีบหันมา
"คุณนิตจะน้อยใจผมทำไม คุณนิตไปสนใจคนอื่นดีกว่า"
เสาวนิตหันมาทำหน้าเศร้า
"คนอื่นที่ไหนกัน นิตมีแต่เทอดคนเดียว เทอดจะให้นิตไปสนใจใครได้อีก...ไม่มีแล้ว"
เทอดน้อยใจ
"ทำไมจะไม่มี...ก็ผู้ชายที่คุณนิตนั่งคุยกับเขาเมื่อวันก่อนยังไง"
"ฉันนั่งคุยกับผู้ชายที่ไหน"
เทอดน้อยใจมาก
"ผู้ชายหน้าตาดีที่คุณนิตนั่งคุยกับเขาใต้ต้นไม้หน้าบ้านไง...คุณตุ๊ก็อยู่ ผมเห็นนะ เห็นที่คุณนิตป้อนขนมเค้าด้วย... คุณนิตเอาอกเอาใจเขายิ่งกว่าผมอีก"
เสวนิตแอบหน้าเสีย โดนจับได้ รีบหาทางโกหกเอาตัวรอด
"อ๋อ....โธ่เอ้ย...นึกว่าเรื่องอะไร...นั่นน่ะเพื่อนอาตระกล" เทอดหันมา "ชื่อคุณอานนท์"
"คุณนิตชอบเขามากใช่ไหม"
เสาวนิตโกหกหน้าตาเฉย
"เปล่าเลยนะเทอด...นิตไม่ได้ชอบเขานะ"
"แต่ท่าทางคุณนิตเหมือนชอบเขามาก...พูดจายิ้มแย้มกับเขา มิหนำซ้ำยังเอาใจป้อนขนมเขาอี จะให้ผมคิดยังไง"
"เทอด...ฟังนิตก่อน...คุณแม่ กับคุณย่าน่ะ...อยากให้นิตแต่งงานกับคุณอานนท์...แต่นิตไม่ได้ชอบเขา...นิตรักเทอด ที่นิตต้องทำดีกับเขาก็เพราะนิตกลัวยายตุ๊จะไปฟ้องคุณแม่ กับ คุณย่าว่านิตไม่สนใจคุณอานนท์"
เทอดสงบลงจ้องหน้า เสาวนิตรู้ว่าเทอดเริ่มเชื่อก็เลยยิ่งเสแสร้ง
"เทอดก็รู้ว่าคุณย่า กับ คุณแม่น่ะ ถ้าโกรธนิตแล้วจะทำยังไงกับนิต ทั้งดุด่า อาจจะตีนิตด้วย อาจจะตัดเงินทอง..หรืออาจจะจับนิตขังไม่ให้ไปเรียนหนังสือ...ยายตุ๊น่ะขี้ฟ้องจะตาย เพราะอิจฉาที่นิตสวยกว่า คอยจ้องหาเรื่องนิตอยู่เรื่อย"
เทอดหลงเชื่อ สงสารเสาวนิต
"โธ่..คุณนิต"
เสาวนิตร้องไห้น้ำตาไหล
"เทอดจ๋า...ชีวิตนี้นิตมีแต่เทอดคนเดียว ถ้าเทอดโกรธนิต นิตจะ...จะไปฆ่าตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปจะได้พ้นทุกข์เสียที"
เสาวนิตแกล้งเดินหนี เทอดตกใจรีบโอบกอดไว้จากด้านหลัง รัเสาวนิตยิ้มพอใจที่เทอดหลงเชื่อ
"อย่านะครับคุณนิต ดวงใจของเทอด เทอดเข้าใจแล้ว เทอดขอโทษ"
เสาวนิตหันมามองเทอดด้วยสายตาหวานเชื่อม
"ต่อไปนี้อย่าเข้าใจนิตผิดอีกนะ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไรทั้งนั้น เทอดต้องฟังแต่นิตคนเดียวเท่านั้น ขอให้รู้ว่า นิตรักเทอดมากที่สุดจ้ะ"
"เทอดจะเชื่อแต่คุณนิตคนเดียว"
เสาวนิตยิ้มหวาน เทอดจึงเชยคางเสาวนิตขึ้นมาจูบ เจียมที่แอบดูอยู่สีหน้าหัวเราะสะใจ
เสาวนิตจะเดินกลับตึกใหญ่ เจียมเดินมาหาทำสีหน้าล้อเลียน
"อิ่มมาเลยซินะคุณนิต"
เสาวนิตสะดุ้งตกใจ หันไปเห็นเจียมทำหน้าล้อเลียนก็ไม่พอใจ
"ทะลึ่งจริงอีนี่ ตกใจหมด นึกว่าผีกระสือที่ไหน"
"แหม...ตกใจเหรอคะ งั้นเจียมไปตามเทอดให้มาปลอบขวัญคุณนิตดีไหมคะ"
"แกนี่มันจุ้นจ้านจริง....เรื่องอะไรมาสะเออะแอบดูฉัน"
เจียมทำเป็นแกล้งเอามือปิดตา
"ไม่ได้แอบดูเจ้าค่ะ ไม่เห็นเลยว่าคุณนิตน่ะทำตามอย่างในหนังสือทุกอย่าง"
เสาวนิตแกล้งค้อน แต่ก็ชอบที่เจียมพูด
"บ้า...แกก็อ่านเหมือนกันละซิ ถึงได้รู้"
เจียมหัวเราะร่วน
"ก็อ่านต่อจากคุณนิตละค่ะ"
สองคนเดินมาถึงประตูเข้าตึกใหญ่ด้านหลัง เสาวนิตเปิดเข้าไป เจียมยืนรีรอ เสาวนิตเลยหันมาดู
"มัวยืนรออะไรอยู่ล่ะ...เข้ามาได้แล้ว"
คนงานผู้ชายที่เป็นแฟนเจียมเดินออกมา มองเสาวนิตอย่างหื่น แต่เจียมเห็นแฟนก็ดีใจโดดเข้ากอด"คุณนิตขา...ขอเจียมไปทำตามหนังสือก่อนนะเจ้าคะ"
เสาวนิตมองแฟนเจียมที่มองมาแล้วเมินหน้า รีบเดินกลับเข้าไปไม่พูดอะไร
"คุณนิตนี่สวยจริงๆ นะ...น่าอิจฉาไอ้เทอด"
เจียมไม่พอใจ
"สนใจเหรอ....อย่างพี่ได้ฉันเป็นเมียก็บุญโขแล้ว...อย่ามาทำหวังสูงไปหน่อยเลย"
แฟนเจียมยิ้มเอาใจ
"ไม่ได้สนใจซักหน่อย...เจียมน่ะน่าดูกว่า"
เจียมกอดแฟนเดินหายไปในความมืด เฉยเดินออกมาจากหลังประตูแอบดูอยู่...
อานนท์ขับรถเข้ามาจอดหน้าตึกเจ้าคุณสุทธา เดินลงมาจากรถมองไปรอบๆ นิศาเดินลงมาเห็นอานนท์ก็ดีใจตาโต
"พี่นนท์"
นิศารีบเดินมาหาอานนท์ ยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"สวัสดีจ้ะตุ๊ อาตระกลของเธออยู่ไหม"
"อยู่ค่ะ...ยังไม่ออกมาจากห้องเลย"
นิศาเดินไปเรียกเฉยที่ออกมายืนดู
"ตาเฉย...ไปบอกอาตระกลหน่อยว่าคุณอานนท์มาหา"
"ครับ...ครับ"
เฉยรีบเดินไป นิศาเดินกลับมาหาอานนท์
"พี่นนท์ขึ้นไปนั่งรอบนห้องรับแขกไหมคะ"
"รอที่นี่ก็ได้จ้ะ ตรงนี้เย็นดี นี่เธอจะไปไหนหรือจ๊ะ"
"คุณพ่อให้ไปเรียนทำขนมกับย่าแววค่ะ...วันนี้ย่าแววจะสอนทำขนมบุหลันดั้นเมฆ...พี่นนท์อยู่ชิมไหมคะ"
อานนท์งง
"โอ้โฮ...นั้นชื่อขนมเหรอจ้ะ ฟังอย่างกับชื่อเพลง"
"ขนมค่ะ...อร่อยมากด้วย แต่ตุ๊ทำไม่รู้จะอร่อยหรือเปล่า"
อานนท์ยิ้ม
"วันนี้ไม่อร่อย วันหน้าก็อร่อย ขอแค่ตุ๊ตั้งใจ ก็จะต้องอร่อยซักวันแน่ๆ"
นิศายิ้มดีใจ
"ตุ๊คิดเหมือนพี่นนท์เลยค่ะ...ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น"
"ใช่แล้ว.."
ตระกลเดินออกมาหาอานนท์
"อาตระกลมาแล้วค่ะ...ตุ๊ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวย่าแววจะรอ ถ้ารอแล้วก็จะบ่นค่ะ สวัสดีค่ะพี่นนท์ สวัสดีค่ะอาตระกล"
นิศายกมือไหว้อานนท์ และตระกล แล้ววิ่งไป ตระกลยิ้มๆ
"นายนี่มีเสน่ห์กับผู้หญิงจริงๆ ไม่ว่าเป็นเด็ก สาวๆ หรือผู้ใหญ่ ทำยังไงน่ะ สอนฉันมั่งซิ"
"อย่ามัวแต่พูดเล่นเลยน่า ไป...รีบไปแต่งตัวเร็วๆ"
"นายจะพาฉันไปไหนแต่เช้า ที่จริงวันนี้ฉันตั้งใจจะไปที่บ้านนายอยู่แล้ว"
"ไปกินอาหารฝีมือน้องสาวฉันอีกละซิ...แต่ถ้าวันนี้นายไปก็คงผิดหวัง"
ตระกลแปลกใจ
"ทำไมล่ะ"
"ตอนที่ฉันมานี่...เค้ากำลังเตรียมตัวจะไปกับคุณโกศล"
ตระกลหน้าเครียดขึ้นมาทันที
"คุณโกศล....เค้าสนิทกันมากเหรอ"
"สนิทกันมาก...ตอนนี้น่ะแกะกันไม่ออกเทียว"
ตระกลกัดริมฝีปาก หน้าซีด แต่อานนท์ไม่ทันสังเกตุ
"ตอนนี้น่ะ..คุณโกศลต้องมาหานงลักษณ์ทุกวัน...จะไปไหนก็ต้องมีนงลักษณ์ไปด้วยทุกที่เพราะ..."
อานนท์พูดไม่จบ ตระกลก็ถามสวนขึ้นมาด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
"เค้าชอบกันมากหรือไง"
อานนท์หัวเราะ
"ชอบกันมาก....นายอยากไปหาเขาหรือไง ตอนนี้อย่kเพิ่งไปเลยนะ...ปล่อยให้เขาสานสัมพันธ์กันให้เรียบร้อยก่อน"
ต่างเข้าใจคนละความหมาย ตระกลคิดว่าอานนท์อยากได้ตระกลเป็นแฟนกับนงลักษณ์มากกว่าตัว
อานนท์พูดเพราะนงลักษณ์กำลังเป็นสะพานให้โกศลไปหาสิรี ตระกลมองหน้าอานนท์อย่างผิดหวัง
"แปลว่านายเห็นด้วยกับคุณโกศล"
อานนท์ยิ้ม
"เห็นด้วยอย่างที่สุด...อย่าไปสนใจพวกเขาเลย เราไปของเรากันดีกว่า มีผู้หญิงสาวสวยราวนางฟ้าให้นายไปพบ...ฉันจะพานายไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลย"
ตระกลน้อยใจ
"ผู้หญิงคนนี้นายอยากให้ฉันสนใจยังงั้นเหรอไง"
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้...แต่ฉันแน่ใจว่า ถ้านายได้รู้จักเขาดี นายต้องชอบแน่ๆ"
ตระกลฮึดฮัดกำมือแน่นพยายามอดกลั้นความรู้สึก คิดว่าอานนท์อยากกันให้พ้นนงลักษณ์ ก็ประชด
"ก็ได้...ฉันจะยอมทำตามที่นายต้องการ"
อานนท์ยิ้มดีใจ...
วนิดาเพิ่งตื่นนอนไม่นาน กำลังรื้อเสื้อผ้า หยิบชุดที่ดูธรรมดาออกมาดู ประภาเคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา สีหน้าประภายิ้มดีใจ
"แต่งตัวสวยๆ แล้วรีบลงไปเถอะลูก"
วนิดาทำหน้าเบื่อๆ
"ใครมาแต่เช้าอย่างนี้ล่ะคะ"
ประภาพูดอย่างดีใจ
"คุณอานนท์จ้ะ"
วนิดาเบิกตาโต
"ใครนะคะ"
"คุณอานนท์ของหนูไงจ้ะ...รีบแต่งตัวเร็วๆ เข้าสิ อย่าให้เขาต้องรอนาน"
ประภาเดินออกไป วนิดาสีหน้าดีใจมาก ถึงมากที่สุด
"คุณอานนท์"
วนิดาเอาชุดที่ดูธรรมดาเปลี่ยนเป็นชุดสวย ยิ้มอย่างสุขใจสุดๆ
วนิดาแต่งตัวสวยเดินลงบันไดมา อานนท์ กับ ตระกลที่นั่งรออยู่ พอวนิดาเดินเข้ามาก็ลุกขึ้นยืนให้ วนิดามองอานนท์อย่างดีใจมาก
"คุณนนท์"
อานนท์ยิ้ม
"วนิดา"
วนิดารีบเดินมาหาอานนท์
"คุณนนท์หายไปเสียนาน งานที่เมืองนนท์เสร็จแล้วเหรอคะ"
"เสร็จแล้วครับ...เอ้อ...จำตระกลได้ไหม"
วนิดาหันไปยิ้มกับตระกลอย่างหวาน
"จำได้สิคะ....คุณตระกลเคยมาส่งดา...ทำไมดาจะจำไม่ได้"
วนิดาลงนั่ง อานนท์ กับ ตระกลจึงนั่งด้วย
"เอ้อ...ผมรู้เรื่องดา กับ คุณโกศลแล้ว...เสียใจด้วยนะ"
วนิดายิ้มยักไหล่
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...เรายังเป็นเพื่อนกัน...คุณโกศลบอกคุณนนท์เหรอคะ"
"ครับ"
วนิดามองอานนท์นิ่ง
"แล้วคุณโกศลบอกคุณนนท์หรือเปล่าคะ...ว่าเพราะอะไร"
อานนท์คิดนิดหนึ่ง
"ไม่ได้บอก...แต่ผมเดาว่าคุณกับคุณโกศลคงคิดแตกต่างกัน"
วนิดายิ้ม
"แหม...ดากับคุณโกศลตกลงกันด้วยดีตั้งนานแล้ว ทำไมคุณนนท์มาช้านักล่ะคะ"
"ก็ผมเพิ่งเจอตระกล"
วนิดางง ตระกลก็งง
"คะ"
อานนท์หัวเราะ
"คือผมตั้งใจจะพาตระกลมาชวนดาพูดคุยด้วยจะได้ไม่เหงา"
ตระกลมองหน้าอานนท์
"ตระกลเค้าเป็นวิศวกรที่เก่งมาก...มีเรื่องมาคุยเยอะแยะ"
"เหรอคะ"
"ใช่...จริงไหมตระกล...นายเล่าเรื่องเหมืองทางใต้ที่นายทำให้วนิดาฟังซิ น่าสนุกออก"
ตระกลหน้าเหรอหรา วนิดาสีหน้างอนๆ แล้ว
"ดาไม่รู้เรื่องทำเหมือง จะคุยรู้เรื่องได้ไงคะคุณนนท์"
อานนท์โบกมือ ทำเป็นเรื่องสนุกเสียเหลือเกิน
"สนุกซี่...ตระกล...นายเล่าให้ดาฟังอย่างที่มันสนุกๆ นะ เหมือนที่นายเคยเล่าให้ฉันฟังน่ะ...หรือไม่ก็เล่าเรื่องคุณพี่ของนายก็ได้...ตระกลเค้าเป็นน้องชายเจ้าคุณสุทธานะ ท่านเจ้าคุณน่ะชอบคุยกับตระกล...เค้าก็จะมีเรื่องสนุกๆมาคุยให้ฟังไงล่ะ"
ตระกลมองหน้าอานนท์ขรึมๆ อานนท์ยิ้มแจ่มใส วนิดาน้อยใจ...
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ในร้านอาหาร บ๋อยเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้โกศลกับสิรี โกศลยกแก้วขึ้นชน
"ผมขอดื่มให้กับอนาคตของเราทั้งสองคน"
สิรีอาย
"อนาคตอะไรกันคะ"
โกศลมองสิรียิ้มๆ
"คุณก็รู้นี่นา...ผมแก่เกินไปสำหรับคุณหรือเปล่า"
สิรียิ้ม
"คุณไม่ได้แก่สักหน่อยค่ะ"
"ผมเคยเห็นผู้หญิงมาเกือบครึ่งโลก...เคยผิดหวังมาแล้ว แต่ผมไม่เคยแน่ใจเท่าครั้งนี้เลย...คุณรังเกียจผมหรือเปล่าสิรี"
สิรีพยายามรวบรวมสติ
"ฉันกลัวที่สุดคือความผิดหวัง....ฉันเคยเจ็บปวดกับมันมาแล้ว"
"ผมเข้าใจ...คนผิดหวังสองคนมาพบกัน...ผมคิดอะไรรู้ไหม"
"อะไรคะ"
"คิดว่าคนที่เค้าทำให้เราสองคนผิดหวัง เพราะเค้าไม่ใช่คนที่ถูกกำหนดว่าจะต้องอยู่กับเรา ถ้าเราคนใดคนหนึ่งสมหวังไปก่อนที่เราจะพบกัน เราก็คงไม่ได้เจอกัน"
สิรียิ้ม
"แปลว่าความผิดหวังของเราเป็นสิ่งที่ดีเหรอคะ"
โกศลหัวเราะ
"ใช่....ต้องกลับไปขอบใจคนที่ทำให้เราผิดหวังไหมนี่"
"นั่นสิคะ....แต่ถ้าเราไปขอบใจเขาๆ คงไม่เข้าใจหรอกค่ะ"
สิรีหัวเราะกับโกศลอย่างมีความสุข
"นี่ผมเข้าใจไปเองหรือเปล่า"
"เรื่องอะไรคะ"
"ก็...เรื่องของเรา...นี่เรากำลังตกลงคบหากันแล้วใช่ไหม สิรี"
สิรีอาย
"ไม่รู้สิคะ"
"รู้หน่อยเถอะ....ผมจะได้มาหาคุณได้โดยไม่ต้องไปรบกวนคุณนงลักษณ์ให้พาผมมาหาคุณทุกวัน"
"มันจะเร็วไปไหมคะ"
โกศลหัวเราะเบาๆ
"เคยได้ยินไหม...บ้านไกล เวลาน้อย ผมต้องรีบทำเวลา ยิ่งได้พบคุณ ได้แน่ใจอย่างนี้...ผมว่าช้าไปซะด้วยซ้ำ"
สิรีอาย เปลี่ยนเรื่องพูด
"คุณว่าเมื่อกี้ท่าทางนงลักษณ์ดีใจไหมคะ"
โกศลยิ้มพยักหน้า
"ดีใจมากที่เห็นรถคุณตระกล"
สิรีตาโต
"คุณก็สังเกตเหรอคะ"
"ผมว่าผมดูคุณตระกลออกมาพักหนึ่งแล้วนะ"
"ฉันก็....ไม่แน่ใจ"
"แน่ใจได้เลย...สองคนนี่เค้าชอบกันแน่ๆ"
"แต่นงลักษณ์ไม่รู้นะคะ"
"ก็คุณตระกลมัวแต่ไม่กล้า อย่างผมนี่ดีไหม ผมแน่ใจว่าผมชอบคุณ...ผมบอกเลย"
สิรียิ้ม กล้าที่จะมองโกศลล้อๆ
"บอกเมื่อไหร่กันคะ...ไม่ได้ยินเลย"
โกศลยิ้มหวาน เอื้อมมือมาจับมือสิรีที่วางบนโต๊ะ
"บอกตอนนี้เลยก็แล้วกัน...สิรีครับ...ผมชอบคุณมาก...มาก...มาก"
สิรีอายยิ้มสุขใจ...
ค่ำแล้ว นงลักษณ์นั่งอยู่คนเดียว สีหน้ามีแต่ความเศร้า สายใจแอบเข้ามามองด้วยความเป็นห่วง
เช้าวันใหม่ อานนท์เดินลงมาจากรถกับตระกล ตระกลลงมาจากรถแล้วก็หยุดยืนนิ่ง อานนท์จะเดินเข้าในบ้านวนิดา หันมาเรียก
"ตระกล ตระกล"
ตระกลสะดุ้งเพราะกำลังเหม่อ
"อะไร"
"หมู่นี้ทำไมนายชอบเหม่ออยู่เรื่อย...เป็นอะไรน่ะ"
"เปล่า"
"อะไรเปล่า"
อานนท์เดินมาหาตระกล
"แรกๆยังไม่สนิทกัน นายกับวนิดาก็อาจจะยังเขินๆกัน... แต่พอนายสนิทกับเค้าแล้วนายจะชอบ"
"สำหรับนายนี่อะไรๆก็ง่ายไปหมดนะ"
"ก็อย่าไปคิดว่ามันจะเป็นปัญหาไปหมดซิ...มัวแต่คิดอย่างนายน่ะไม่ทันเค้าหรอก"
ตระกลหน้าเครียดทันทีเพราะโดนใจ
"ถูกของนาย"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"รู้อย่างนี้ก็ต้องทำตัวตามสบาย...ยิ้มเข้าไว้เพื่อน"
อานนท์พาตระกลเดินเข้าไปในบ้านวนิดา
ประภาและหลวงยศลือชานั่งต้อนรับอานนท์กับตระกลที่ห้องรับแขก
"ต้องขอโทษที่มารบกวน"
ประภาสีหน้าเรียบเฉย....ส่วนหลวงยศลือชา ผู้เป็นลุงอารมณ์ไม่ดี
"ไม่ได้รบกวนอะไรเลย...ทานขนมสิคะ"
"ก่อนหลานดาจะกลับมา...ฉันมีบางอย่างจะถามหน่อย"
อานนท์ยิ้ม ตระกลมองอานนท์แบบงงๆ
"ครับ"
"เห็นว่าเป็นลูกชายเจ้าคุณพลรามเหรอเรา"
"ครับ...ท่านรู้จักกับคุณพ่อของผมเหรอครับ"
"รู้จักกันดี"
อานนท์รู้ว่า ลุงวนิดาชวนคุยเหมือนอยากเอาเรื่อง แต่ก็ยังยิ้มแย้มทำไม่รู้ไม่ชี้
"เหรอครับ...ผมจะไปเรียนให้คุณพ่อทราบ"
"ฝากบอกว่าฉันอาจจะไปขอคุยด้วย"
ประภามองหน้าหลวงยศลือชา
"คุณคะ"
"ได้ครับ...ผมจะไปเรียนคุณพ่อว่าท่านจะไปคุยด้วย...คุณพ่อคุณแม่ของผมท่านก็ทราบครับว่า ผมกับวนิดาคบหาเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว"
"ฉันมันคนโบราณ...ไม่ค่อยเคยเห็นว่าผู้หญิงผู้ชายจะคบหาเป็นเพื่อนกันได้ยังไง...ฉันว่ามันเป็นข้ออ้างของผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมากกว่า....ประเภทคบเผื่อเลือก"
อานนท์ยิ้มอย่างเรียบร้อย
"จริงครับ...ผู้ชายบางคนชอบหว่านเสน่ห์กับผู้หญิง แต่ผู้หญิงบางคน เค้าก็ชอบหว่านเสน่ห์กับผู้ชายเหมือนกัน...ทำให้เราหยุดคิดกันไว้แค่เพื่อนจะดีกว่า ท่านว่าจริงไหมครับ"
หลวงยศลือชานิ่งอึ้งหน้าเริ่มไม่พอใจเพราะโดนอานนท์ย้อน
"แต่ก็ควรจะรับผิดชอบความรู้สึกของผู้หญิงถ้าเค้าคิดไม่เหมือนกัน"
"แต่ผมจะชัดเจนครับ อย่างผมกับวนิดา เราเคยรู้จักกันตั้งแต่เมืองนอก วนิดาเป็นเพื่อนที่น่ารักที่ผมจะรักษาความเป็นเพื่อนของเราไปตลอด"
"เธอพยายามยืนยันความเป็นเพื่อนกับยายดาเหลือเกินนะ"
"ดิฉันคิดว่าหนูดาเป็นเพื่อนกับอานนท์น่ะดีแล้วค่ะเพราะถ้าเกิดว่าสองคนนี่ชอบพอกัน...ดิฉันคงปวดหัวแน่ๆ" ประภาบอก
ประภาพูดแล้วหัวเราะเพื่อให้บรรยากาศคลี่คลาย
"ผมจะรักษาจิตใจเพื่อนๆทุกคนครับ ตระกลก็เหมือนกัน ผมกับตระกลเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ยังเด็กๆคุณพ่อของผมกับเจ้าคุณสุทธาพี่ชายตระกลเคยทำงานด้วยกันครับ ท่านคงรู้จักใช่ไหมครับ"
"เจ้าคุณสุทธาลูกเจ้าคุณเทพน่ะ...ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ.. นี่เหรอลูกชายเจ้าคุณเทพ...เออ...เค้าหน้าเหมือนกันนะ"
หลวงยศลือชาหัวเราะ
"เจ้าคุณพ่อเธอน่ะ...เจ้าชู้ นี่คงลูกคนละแม่กับเจ้าคุณสุทธาซินะ"
ตระกลสีหน้าเรียบเฉย
"ครับ"
ลุงนึกถูกชะตาตระกลโบกมือ
"โอ้ย...ผู้ชายเราน่ะ ลูกเมียไหนก็คือลูก ไม่มานั้งคิดเล็กคิดน้อยอย่างผู้หญิงเขาหรอก"
อานนท์มองหน้ากับตระกลยิ้มๆ อานนท์รู้ว่าลุงถูกชะตากับตระกล
"ตระกลนี่...เค้าอยากมารู้จักวนิดา...ผมก็เลยพามา"
ประภามองหน้ากับหลวงยศลือชา ตระกลมองหน้าอานนท์ ประภาพูดยิ้มๆ
"แปลว่าที่มานี่เพราะพ่อตระกลอยากมาเหรอจ้ะ"
อานนท์จ้องหน้าตระกล
"เอ้อ...ครับ"
"นึกว่าอานนท์อยากมาหาวนิดาเสียอีก"
"ถ้าเธออยากมาหาหลานดา...เธอมาเองก็ได้นะ ไม่ต้องให้ใครพามาหรอก" หลวงยศลือชาบอก
อานนท์ดีใจ
"ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมฝากตระกลไว้ด้วยคนด้วยนะครับ ผมจะไปธุระสักหน่อย...นะตระกล...เย็นๆฉันจะมารับนาย"
"ไม่เป็นไร...ให้รถที่นี่ไปส่งได้ ตระกล อยู่คุยกับลุงก่อนนะ จะเล่าเรื่องคุณพี่เธอให้ฟัง อย่าเพิ่งรีบกลับเลย...ถ้าอานนท์มีธุระก็กลับไปเถอะ" หลวงยศลือชาบอก
"ถ้าอย่างนั้นผมต้องลาเลยนะครับ...ไปก่อนนะตระกล"
อานนท์รู้ตัวว่าเหมือนโดนไล่ ตระกลมองคนโน้นคนนี้ที อย่างยังงงอยู่ อานนท์ลุกเดินออกไปประภาแอบทำหน้าไม่พอใจ
"ขอตัวสักครู่นะครับ"
ตระกลเดินตามออกไป
อานนท์เดินมาที่รถจอดอยู่หน้าบ้านวนิดา ตระกลรีบเดินตามมาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
"อานนท์....อานนท์"
อานนท์กำลังจะขึ้นรถหยุดหันไป
"อานนท์...นี่มันอะไรของนาย...เอาฉันมาทิ้งไว้ที่นี่อีกทำไม"
"ใจเย็นๆตระกล...ที่ฉันทำอย่างนี้ก็เพราะหวังดีกับนายนะ"
"หวังดีอะไร"
"ก็นายจะได้มีแฟนกับเค้าซะทีไงตระกล...วนิดาน่ะสวยนะ ใครได้เป็นแฟนน่ะโชคดี"
"แล้วทำไมนายไม่เป็นแฟนกับวนิดาซะเองล่ะ"
อานนท์หงุดหงิด
"ก็ฉันมีสุอยู่ทั้งคน...จะไปสนใจผู้หญิงคนอื่นได้ไงล่ะ นี่ ตระกล ฉันว่าท่าทางคุณลุงวนิดาก็ดูจะถูกชะตากับนายนะ ถ้านายไม่รีบคว้าโอกาสดีๆอย่างนี้ไว้ จะน่าเสียดาย"
ตระกลสีหน้าเศร้าๆคิดว่าอานนท์อยากให้โกศลชอบกับนงลักษณ์มากกว่าตัว
"นายอยากให้ฉันชอบกับวนิดาจริงๆเหรอ"
"จริงที่สุด นายสบายใจได้ ฉันอยากให้นายชอบกับวนิดา ถ้านายกับวนิดาเป็นแฟนกัน ฉันจะดีใจที่สุด... เพราะวนิดาจะได้ผู้ชายที่ดีที่สุด นายก็จะได้ผู้หญิงที่สวยและดี"
ตลอดเวลาตระกลมองอานนท์อย่างรู้สึกน้อยใจ
"อย่าทำหน้าอย่างนั้นซิ...ทำหน้าหล่อๆเหมือนที่นายเคยทำ"
ตระกลหงุดหงิด
"ฉันไม่เคยทำ...ไม่ใช่นายนี่"
"ทำไมจะไม่เคยทำ...ฉันเห็นเวลานายอยู่กับนงลักษณ์ ออกจะทำหน้าหล่อร่าเริง...นายก็ทำอย่างนั้นแหล่ะกับวนิดา...ไปละนะ"
ตระกลเจ็บปวด แต่อานนท์ไม่รู้ อานนท์ขึ้นรถขับออกไป ตระกลเดินกลับมา
อานนท์นั่งคุยกับปริศนาที่ท่าน้ำวังศิลาขาว ปริศนาหัวเราะชอบใจ
"เก่งมากคุณนนท์...นับว่านกสองตัวโดนยิงทีเดียว"
อานนท์ที่กำลังหัวเราะ หยุดหัวเราะทำหน้าเบื่อ
"ปริศนา...ขอร้องละ...อย่าพูดสุภาษิตให้เค้าเสียเลยนะ...มีที่ไหนนกสองตัวโดนยิง อะไรเค้ามีแต่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว"
ปริศนาหัวเราะ
"นั่นแหล่ะๆปริศนาหมายถึงอย่างนั้น...เท่ากับแผนของปริศนาได้ผลใช่ไหมล่ะ"
"ได้น่ะซิ...แต่"
"แต่อะไร"
"แต่ตระกลทำหน้าแปลกๆ....ดูไม่สนใจวนิดาเอาซะเลย เป็นผู้ชายคนอื่นคงดีใจน่าดู"
ปริศนาทำหน้าครุ่นคิด
"หรืออาตระกลจะชอบผู้หญิงคนอื่น"
อานนท์ปฏิเสธเสียงสูง
"ไม่มี๊...ไม่เห็นตระกลเคยพูดถึงผู้หญิงที่ไหนเลย"
"ถ้าอย่างนั้นอาตระกลอาจจะยังเขินอยู่ก็ได้...รอให้สนิทกับคุณวนิดาอีกหน่อยก็อาจจะดีขึ้น"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"จริงของปริศนา...ตอนนี้เราก็หายห่วงได้ทั้งสองคู่"
ปริศนาหัวเราะชอบใจ
"ปริศนารู้เรื่องคุณโกศลกับสิรีแล้ว...ดีใจที่สุดเลย อาส่งข่าวมาบอกว่าคุณโกศลเขียนจดหมายไปบอกอาเรื่องสิรี...คุณนนท์เราอาจจะมีงานแต่งงานถึงสองคู่"
อานนท์ทำหน้าเจ้าเล่ห์
"สามคู่ต่างหากปริศนา"
ปริศนาเหล่
"คุณนนท์ยังไม่ได้เล่าเรื่องของตัวเองให้ปริศนาฟังเลยนะ"
อานนท์รีบลุกขึ้นเดินไปที่เรือสุธน
"อีกไม่นานปริศนา...อีกไม่นาน"
อานนท์เดินไปขึ้นเรืออย่างร่าเริงแล้วขับเรือออกไป ปริศนามองตามยิ้มๆ...
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
อานนท์ขับเรือพระสุธนไปด้วยสีหน้ามีความสุขเห็นวิวสวยๆข้างทาง
เวลาต่อมา อานนท์เดินมาที่หน้ากระท่อมโสภณด้วยสีหน้ามีความสุขว่าจะได้พบสุชาดา
"สุ....สุ"
ตวันเปิดประตูออกมา อานนท์ทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย รีบยกมือไหว้ตวัน ตวันรับไหว้ยิ้มๆ
"มาหาสุหรือคุณอานนท์"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"ครับ"
"เชิญเข้ามาก่อนสิ"
อานนท์เดินตามตวันเข้าไปในกระท่อมโสภณ...
ตวันมองอานนท์อย่างพิจารณา
"ทั้งโสและสุไม่อยู่หรอก ฉันใช้ให้เขาสองคนไปซื้อของในเมือง คุณอานนท์มาก็ดีแล้ว เพราะฉันมีธุระจะพูดกับคุณนิดหน่อย"
"ครับ"
อานนท์ใจไม่ค่อยดี แต่ก็พยายามให้ตวันเห็นความจริงใจ
"คุณเดาออกไหมว่าฉันอยากจะพูดกับคุณเรื่องอะไร"
"ดูเหมือนจะเดาออกครับ"
ตวันมองอานนท์ยิ้มๆ
"ถ้างั้นก็ดีแล้ว...ฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมยกแม่น้ำทั้งห้าละนะ เรามาพูดตรงไปตรงมากันทีเดียวว่า การที่ชายหนุ่มหรูหราอย่างคุณมาชอบลูกสาวฉัน...คุณมีความจริงใจแค่ไหนกันแน่"
อานนท์นิ่งตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"ผมรักสุ...ต้องการจะแต่งงานกับสุ"
ตวันยิ้มๆ
"เอ...ฉันไม่เคยเห็นคุณจะเกี้ยวพาลูกสาวฉันเลยนะ คุณมาทำงานที่นี่เป็นเดือน ฉันก็เห็นคุณพูดคุยกับสุเหมือนกับเป็นเพื่อนกัน คุณจะมาบอกว่ารักสุเลยเชียวเหรอ"
"ผมรักสุเกินกว่าที่จะไปพูดจาเกี้ยวพาราสี หรือแสดงกิริยาที่ไม่สมควรต่อเขาจนเสียมิตรของเรา จนกว่าผมจะแน่ใจว่าสุก็มีไมตรีต่อผมเช่นกัน...เวลานี้ผมขอเรียนตามตรงว่า...ผมกำลังรอให้แน่ใจว่าสุไม่รังเกียจผม"
"เมื่อแน่ใจแล้ว...คุณจะทำอย่างไรต่อไป"
"ผมจะขอสุแต่งงาน แล้วผมจะให้คุณพ่อคุณแม่ผมมาสู่ขอสุต่อนายตวันตามประเพณีครับ"
ตวันนิ่งไปนิดหนึ่ง
"สุบอกว่าคุณพ่อของคุณเป็นพระยาใช่ไหม"
"ถูกแล้วครับ...พระยาพลรามวิทยาธร...แม่ผมชื่อคุณหญิง"
"คุณเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล...คุณพ่อคุณแม่ของคุณจะไม่รังเกียจเหรอถ้าลูกชายมาแต่งงานกับลูกเจ๊กแป๊ะชาวสวนคลองน้ำวนอย่างสุ"
อานนท์นิ่งไป
"ผมคง...ตอบแทนคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้...แต่สำหรับผม... ผมไม่สนใจว่าสุจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร...ผมรักสุ..ไม่ว่าสุจะเป็นใครก็ตาม...ผมจะแต่งงานกับสุเท่านั่น...ผมมีงานทำ...มีเงินเดือน..บริษัทที่รับทำงานให้นายตวัน...เป็นบริษัทของผมกับหุ้นส่วนฝรั่งอีกคนหนึ่ง...ผมเลี้ยงสุได้ ผมแน่ใจว่าสุจะสุขสบายไม่แพ้เมื่อสุอยู่ที่นี่ครับ"
ตวันสีหน้ากังวล
"ฉันแน่ใจว่าคุณจะเลี้ยงดูภรรยาของคุณได้อย่างดี....แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของคุณรังเกียจสุ ฉันก็ไม่เต็มใจที่จะให้ลูกสาวคนเดียวของฉันไปถูกใครรังเกียจ ถึงแม้สุจะเป็นเพียงลูกสาวเจ้าของสวนคลองน้ำวนเท่านั้น แต่ฉันก็เลี้ยงลูกของฉันมาอย่างดี ให้มีความหยิ่งในตัวเอง ให้ถือว่าเป็นกุลสตรี มีวิชาความรู้มีความสามารถที่จะทำอะไรได้หลายๆอย่าง และไม่เคยเสียหายด่างพร้อยเลย ถ้าจะมาถูกรังเกียจเพราะเป็นลูกของใครที่ไม่หรูหรา ฉันกลัวลูกของฉันจะทนความอยุติธรรมอย่างนั้นไม่ได้"
"แต่ผมแน่ใจว่าคุณพ่อคุณแม่ของผมคงไม่รังเกียจสุถ้าได้รู้จัก...คุณพ่อคุณแม่ของผมเป็นคนดี....จึงวัดคนด้วยความดี....ด้วยวิชาความรู้ความสามารถไม่ใช่วัดด้วยความโก้ความรวย หรือความหรูหรา คุณพ่อคุณแม่ผมเป็นคนใจกว้าง รักลูกมาก ท่านจะพยายามทำความ เข้าใจกับสิ่งที่ลูกตัดสินใจครับ"
ตวันพยักหน้าช้าๆอย่างรับรู้ แต่สีหน้าก็ยังกังวล
"ผมดีใจที่วันนี้ผมได้เปิดอกพูดกับนายตวัน...อันที่จริงผมหาโอกาสที่จะเรียนให้ทราบนานแล้ว ผมกลัวว่าจะมีคนเข้าใจผมผิด...คิดว่าผมเจ้าชู้มาทำเป็นเล่นๆกับสุ...ผมไม่อยากให้สุต้องเสียหาย"
ตวันหัวเราะ
"คนแถวนี้ถ้าใครมาทำเจ้าชู้ไก่แจ้กับลูกสาวเค้าละก็...เป็นโดนตีหัวแตกตกน้ำทุกรายทีเดียวแหล่ะ"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"อย่างไรก็ตาม ผมยังไม่อยากให้สุรู้เรื่องนี้...ผมอยากจะเป็นคนบอกกับสุเองเมื่อถึงเวลา...ได้ไหมครับ"
"ก็แล้วแต่คุณ ที่ฉันคุยกับคุณวันนี้ ไม่ได้จะเร่งรัดให้คุณต้องมาแต่งงานกับสุxถ้าคุณไม่ทำให้สุเสียใจ...ฉันก็จะดีใจ"
"ผมขอสัญญาว่าจะไม่ทำให้สุเสียใจอย่างเด็ดขาดครับ"
อานนท์มั่นใจ...
ตระกลเดินคุยกับวนิดา
"ฉันคิดแล้วว่าคุณนนท์ต้องไปติดใจสาวชาวสวนที่เมืองนนท์ อยากรู้จริงๆว่าคุณนนท์เห็นดียังไง...คุณตระกลเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ ดาแปลกใจที่คุณนนท์ชอบสุ ผู้หญิงแบบสุ คนอย่างคุณนนท์ไม่น่าจะไปชอบมากขนาดนั้น"
"เค้าคงถูกใจกันที่นิสัยใจคอด้วยละมังครับ...นายนนท์ไม่ใช่คนที่จะชอบใครง่ายๆ เค้าอาจจะดูช่างคุยก็จริง แต่ถ้าลงว่าเขาปักใจชอบใคร...คงไม่เปลี่ยนใจ"
วนิดาเม้มปากอย่างพยายามสะกดความเสียใจ
"คุณตระกลนี่รู้ใจเพื่อนดีจริงนะคะ"
"นายนนท์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม....คบกันนานมากแล้ว"
"แล้วคุณนนท์รู้ใจคุณตระกลหรือเปล่าคะ."
ตระกลพยายามไม่ทำท่าน้อยใจผิดหวัง
"คงรู้ละมังครับ"
วนิดามองตระกล
"ถ้าอย่างนั้นที่คุณนนท์พาคุณมาที่นี่ เพราะรู้ใจคุณเหรอคะ คุณอยากมาหาดาเอ หรือโดนคุณนนท์บังคับให้มา"
ตระกลมองวนิดา
"เค้าไม่ได้บังคับผมหรอกครับ แต่ผมต้องขอสารภาพว่า ผมคิดไม่ถึงว่าจะได้มาพบกับคุณวนิดาแบบนี้"
"แบบนี้คือแบบไหนคะ...แบบมาแนะนำให้เราเป็นเพื่อนกันหรือมาแนะนำอยากให้เราชอบพอกัน"
ตระกลเขินๆมองวนิดาอย่างรู้สึกเห็นใจ
"เค้าบังคับผมไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ...ผมอยากมาเอง"
วนิดามองอานนท์นิ่งนิดหนึ่ง
"คุณอยากมาเอง ...ตามที่คุณนนท์แนะนำ"
ตระกลพยักหน้าช้าๆ
"แล้วคุณผิดหวังหรือเปล่าล่ะคะ"
ตระกลยิ้มมองวนิดานิ่ง
"ผมจะผิดหวังอะไร...ผมน่าจะถามคุณคำนี้มากกว่า"
วนิดายิ้ม
"ดาดีใจนะคะที่เห็นคุณยิ้ม...เพราะตั้งแต่คุณมาที่บ้านดา ดาเพิ่งเห็นคุณยิ้มนี่แหล่ะ เอาละค่ะ..อย่างน้อยดาก็ดีใจที่ดาได้เพื่อนใหม่เป็นคนดีอย่างคุณตระกล"
อีกมุมหนึ่ง ลุงกับแม่เลี้ยงวนิดายืนแอบดูวนิดาคุยกับตระกล
"ฉันว่านายตระกลนี่ดูท่าทางดีกว่านายอานนท์ซะอีก"
"นายอานนท์เค้าคงอยากให้มาชอบกับหนูดาน่ะซิคะ...ถึงได้พามาหาสองสามครั้งแล้ว...แต่ดิฉันไม่แน่ใจว่าจะถูกใจหนูดาพอที่จะทำให้ลืมนายอานนท์ได้หรือเปล่า"
หลวงยศลือชาหงุดหงิด
"ไม่ลืมก็ต้องลืม...ท่าทางนายอานนท์ไม่ได้ใยดียายดาซักนิด ตระกลนี่ดูจะดี...แต่ฉันก็อดกังวลไม่ได้ว่า...ผู้ชายอย่างตระกลที่มีเทือกเถาเหล่ากอหน้าที่การงานดีอย่างนี้ จะมีผู้หญิงซ่อนไว้หรือเปล่า"
"แหม...คงไม่มีหรอกค่ะคุณ...ถ้ามีอานนท์คงไม่พามาแนะนำกับหนูดาหรอกค่ะ"
หลวงยศลือชามองตระกลที่เดินคุยกับวนิดา...
สิรีเดินมาที่ร้านกับโกศลด้วยสีหน้าเป็นห่วง นงลักษณ์นั่งเย็บเสื้ออยู่คนเดียวด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังและเศร้าหมอง
"นงลักษณ์"
นงลักษณ์สะดุ้งหันไปมอง
"อ้าว...สิรี"
นงลักษณ์าพยายามยิ้มแย้ม
"ฉันไปหาเธอที่บ้าน...สายใจบอกว่าเธอมาร้านตั้งแต่เช้าแล้ววันนี้วันหยุดเธอมาทำอะไร"
"หมู่นี้มันมีเสื้อค้างเยอะ...ลูกค้าก็มาเร่งฉันก็เลยอยากมาทำให้เสร็จๆบ้างจ้ะ"
"เราไปไหว้พระที่อยุธยากันมา สิรีเค้าซื้อขนมมาฝาก"
"ฉันเอาไว้ที่บ้านเธอ...แต่พอรู้ว่าเธอมาร้านก็เลยนึกเป็นห่วง"
นงลักษณ์พยายามยิ้ม
"ขอบใจมากนะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก เย็บตัวนี้เสร็จก็จะกลับบ้านแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้น ฉันจะช่วยเธอทำเสื้อตัวนี้จะได้เสร็จเร็วๆ เราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน...นะคะคุณโกศล"
"อย่าเลยสิรี...วันนี้ก็เป็นวันหยุดของเธอ...ฉันทำคนเดียวได้จ้ะ"
"แต่ถ้าช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆนะครับ...มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ไหมครับ...ผมเย็บผ้าเป็นนะ"
สิรียิ้มมีความสุข คว้ากระดุมมาเย็บติดที่เสื้อช่วยนงลักษณ์
"คุณน่ะเหรอคะเย็บผ้าเป็น"
"พูดแล้วจะว่าคุย...อยู่เมืองนอกผมทำของผมเองนะ เสื้อขาดกระดุมหลุด ผมก็ทำของผมเอง ทีแรกก็ดูไม่ได้... หลังๆก็พอใช้ได้นะ ทำไงได้ ไม่มีคนทำให้นี่ครับ"
นงลักษณ์ยิ้ม
"แต่นี้ไปก็มีคนทำให้แล้วค่ะ...สิรีทำเสื้อเก่งซะด้วย"
โกศลมองสิรีอย่างพอใจ
"นั่นสิครับ...ผมดีใจจริงๆที่มีคนมาเย็บผ้าให้"
สิรีหันไปหัวเราะกับโกศลอย่างมีความสุข นงลักษณ์มองแล้วก็แอบทำหน้าเศร้า
นงลักษณ์เดินเข้ามาในบ้าน คุณหญิงแนบนอนให้สายใจนวดอยู่ พระยาพลรามนั่งอ่านหนังสือสบายๆพอนงลักษณ์เดินเข้ามาก็ยิ้มให้ รจนาดีใจที่เจอพี่สาว วิ่งออกไปรับและพาเดินเข้ามา
"กลับมาแล้วเหรอลูก"
นงลักษณ์เดินไปนั่งไหว้พ่อกับแม่
"คุณพ่อคุณแม่มานานแล้วเหรอคะ"
"ไปรับหนูนาที่โรงเรียนแล้วก็เลยมาหา...แม่เค้าบ่นคิดถึงลูก"
คุณหญิงแนบจะลุกขึ้น
"พอละสายใจ...แหม...แกนี่มือหนักดีจริง พ่อกับแม่คิดถึงลูก ทำไมหายไปหลายวัน ไม่ไปหาพ่อกับแม่บ้างล่ะ"
เจ้าคุณพลรามเห็นสิ่งผิดปกติบนใบหน้านงลักษณ์
"มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
นงลักษณ์พยายามยิ้ม
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...คุณนนท์งานยุ่ง หนูก็ต้องเย็บเสื้อค่ะ ช่วงนี้งานเยอะ...เลยไม่ได้ไปหาคุณพ่อคุณแม่"
พลรามมองนงลักษณ์อย่างพิจารณา
"พ่อว่านงลักษณ์ดูซูบไปนะลูก...หน้าก็เซียวๆ"
"นั่นน่ะสิ...ไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า สายใจ ฉันให้แกมาคอยดูแลคุณสองคนน่ะ...ทำไมปล่อยให้คุณนงลักษณ์เป็นแบบนี้"
สายใจก้มหน้า
"หมู่นี้คุณงานยุ่ง...เลยไม่ค่อยได้ทานข้าวค่ะ"
"อะไรกัน งานก็ยุ่งแล้วไม่กินข้าวอีก เดี๋ยวก็ได้เจ็บไข้กันพอดี"
นงลักษณ์พยายามยิ้ม
"หนูไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ...สายใจก็คอยเป็นห่วงหนูอยู่เรื่อยละค่ะ...ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยววันนี้หนูทำกับข้าวให้คุณพ่อคุณแม่ทานกับหนูที่นี่ดีไหมคะ"
"ดีนะเจ้าค่ะ...คุณท่านสองคนอยู่ด้วยคุณนงลักษณ์จะได้ทานข้าวเยอะๆ"
"จะไปทำให้มันเหนื่อยทำไม...ออกไปกินข้าวที่เยาวราชกันดีกว่า...แล้วนี่เจ้านนท์จะกลับเมื่อไหร่"
"เอาแน่ไม่ได้หรอกค่ะ...บางวันก็กลับ แต่ส่วนใหญ่คุณนนท์จะทานข้างนอกกับเพื่อนมาแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องคอย...ไปกันเถอะ..จะได้ไม่ต้องกลับมืด เจ้านนท์นี่มันดีแต่อยู่นอกบ้าน...ไม่ค่อยจะดูแลน้องเลย"
"งานเค้ายุ่งนี่คะ...รู้ๆกันอยู่ว่าเค้ามันหนุ่มสังคมมีเพื่อนเยอะ"
พระยาพลรามค้อนคุณหญิงแนบ
"ออกรับกันดีเหลือเกิน...นี่ถ้าเจ้านนท์มันไปคว้าผู้หญิงไม่เอาไหนมาเป็นลูกสะใภ้เธอ...จะว่ายังไง"
แนบค้อน
"ลูกชายฉันเค้าไม่หลงผิดอย่างนั้นหรอกค่ะ"
"จะคอยดู"
ทั้งหมดพากันเดินออกไปสายใจมองตามยิ้มๆ...
พระยาพลราม คุณหญิงแนบนงลักษณ์และรจนาจะเดินเข้าไปนั่งในร้านอาหารจีน รจนาดีใจเกาะแขนพ่อแจ
"หนูนาอยากมาทานร้านนี้นานแล้วค่ะคุณพ่อ"
"อยากมาทานไอสครีมลิ้นจี่ใช่ไหมล่ะ...วันนี้พ่อให้ทานสองถ้วย"
รจนาดีใจตาโต
"โอ...คุณพ่อ..พรุ่งนี้ลูกจะไปอวดกับนิศา...นิศาน่ะชอบทานไอศครีมเป็นที่สุด"
บ๋อยเดินเอาเมนูมาส่งให้
"อยากทานอะไรก็สั่งสิลูกนงลักษณ์"
"คุณแม่สั่งเถิดค่ะ...คุณแม่ชอบทานอะไรหนูก็ชอบอย่างนั้น"
นงลักษณ์สีหน้าแจ่มใสขึ้น คนอื่นๆช่วยกันสั่งอาหาร นงลักษณ์มองไปรอบๆ ร้านแล้วก็ต้องตกตะลึงด้านในของร้าน ตระกลนั่งทานอาหารกับวนิดา วนิดาท่าทางเอาใจ ตระกลคีบอาหารให้ เขานั่งหันข้างจึงไม่เห็นนงลักษณ์และนงลักษณ์ก็ไม่เห็นว่าตระกลไม่ได้มีสีหน้ามีความสุข นงลักษณ์พยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ แนบเห็นท่าทางลูกสาวผิดปกติไป
"นงลักษณ์...เป็นอะไรลูก"
นงลักษณ์ปากคอสั่นพูดไม่ออก
"หนู..หนู."
พลรามมองนงลักษณ์อย่างเป็นห่วง
"ไม่สบายหรือเปล่า...เมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่นี่นา"
คุณหญิงแนบจับตัวนงลักษณ์อย่างห่วงกังวล
"ตายจริง...ทำไมตัวสั่นอย่างนี่ล่ะลูก...ท่านเจ้าคุณ"
"หนู...เวียนหัวค่ะ"
"กลับบ้านกันเถอะ...นงลักษณ์...ไหวไหมลูก"
นงลักษณ์พยายามยิ้ม
"หนูไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ...ไม่เป็นไร"
"ไม่เป็นไรอะไร...หน้าซีดเป็นไก่ต้มอย่างนี้...กลับกันเถอะค่ะ"
พระยาพลรามหยิบเงินให้บ๋อย
รจนาหน้าเสีย
"อ้าว...หนูเลยอดกินไอศครีม"
แนบหันมาดุ
"ก็พี่เค้าไม่สบายเห็นไหมหนูหนา...คราวหน้าค่อยมาทานก็ได้"
นงลักษณ์อดที่จะมองไปที่ตระกลกับวนิดาไม่ได้ สีหน้าปวดร้าวอย่างหักใจไม่ได้ แนบจูงลูกสาวเดินออกไปจากร้านอาหาร นงลักษณ์พยายามเดินไม่ให้ตระกลเห็น... ตระกลกับวนิดานั่งทานอาหารกันโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"คุณทานอย่างกับแมวดม"
"ผมไม่ค่อยหิว"
วนิดายิ้มๆ
"วันนี้ทั้งวันคุณก็ทานกลางวันไปนิดเดียว...คุณทำท่าเหมือนกับอะไรรู้ไหม"
ตระกลมองหน้าวนิดา
"เหมือนคนอกหัก"
ตระกลพยายามเสแสร้งยิ้มๆ
"คนอย่างผมใครจะมาสนใจ"
"แล้วถ้ามีล่ะคะ"
"ไม่มีหรอกครับ"
"คุณนนท์เค้าอยากให้ดาสนใจคุณไง...ได้ไหมคะ"
ตระกลมองวนิดานิ่ง
"แต่คุณ....สนใจนายนนท์ไม่ใช่หรือครับ"
วนิดาพยายามอยากลืมอานนท์
"กำลังจะลืมแล้วค่ะ"
"ลืมได้ง่ายๆก็ดีน่ะซิ"
"คนเค้าไม่ได้ชอบเรา....จะไปสนใจเค้าทำไม..สนใจคนที่อยู่ตรงหน้าเราไม่ดีกว่าหรือ"
วนิดามองตระกลยิ้มๆ
"จริงของคุณ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ทานเยอะๆนะคะ คุณมากับดา เลิกคิดถึงคนอื่น ทานเป็ดนี่ซิคะ อร่อยนะ ดารู้จักร้านอาหารอร่อยๆตั้งหลายที่...แล้วจะพาไป"
ตระกลมองวนิดายิ้มตักอาหารให้อย่างรู้สึกพอใจ...
สิรีเดินมาส่งโกศลที่รถ
"พรุ่งนี้ตอนเย็นผมจะไปรับที่ร้านนะครับ"
สิรียิ้ม
"ถ้าคุณจะมารับฉันบ่อยๆคุณจะไม่เสียงานเหรอคะ"
"ไม่หรอกครับ...ผมก็ทำงานให้เรียบร้อยก่อน...แต่ถ้าเราแต่งงานกัน...ผมก็จะไม่ให้คุณต้องไปทำงานอีกแล้ว"
"คุณยังไม่เคยขอฉันแต่งงานซักหน่อย"
โกศลหัวเราะ
"อ้าว...ผมว่าที่ผมทำทั้งหมดนี่คุณจะรู้ซะอีก"
"ฉันไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองหรอกค่ะ...คุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้"
สิรีสีหน้าหม่นลงนิดหนึ่ง โกศลจับมือทั้งสองข้างของสิรีไว้
"สิรี...ตอนนี้คุณยังไม่แน่ใจในตัวผมไม่เป็นไร...แต่ต่อไปคุณจะรู้เอง...ผมไม่เหมือนผู้ชายใจโลเลคนนั้น... ความรู้สึกของผมที่มีให้คุณ...ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่งงานกับผมนะ"
สิรียิ้มดีใจจนน้ำตาไหล
"ค่ะ"
โกศลดึงสิรีมากอดอย่างทะนุถนอม...
ตระกลนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องนอน หยิบหนังสือมาจะอ่านแต่ก็อดคิดถึงนงลักษณ์ไม่ได้
ฝ่ายนงลักษณ์นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวอย่างน่าสงสารในห้องนอน นึกถึงภาพที่เห็นในร้านอาหาร
เช้าวันใหม่ นงลักษณ์แต่งตัวไปทำงานยืนชงกาแฟด้วยสีหน้าบึ้งตึง อานนท์เดินเข้ามาในห้องทานอาหรยิ้มแย้มทักทาย
"วันนี้ไปร้านแต่เช้าเชียวเหรอน้อง"
นงลักษณ์ตอบโดยไม่หันมามอง
"ค่ะ"
นงลักษณ์ชงกาแฟมาวางให้ อานนท์เริ่มสังเกตุว่านงลักษณ์ดูผิดปรกติ
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
นงลักษณ์เดินเก็บโน่นเก็บนี่ไปเรื่อย
"เปล่าค่ะ"
"แต่พี่ว่าน้องดูเหมือนคนไม่สบายนะจ้ะ...ไปหาหมอซักหน่อยไหมพี่จะพาไป"
"ไม่ค่ะ...น้องไม่ได้เป็นอะไร"
อานนท์จิบกาแฟตาก็คอยมองนงลักษณ์ที่เดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วง
"เอ...แต่พี่ว่าท่าทางน้องแปลกๆนะ...ไปหาหมอหน่อยดีกว่า..สมมุติว่าไม่ได้เป็นอะไรอย่างน้องว่าก็ดีไป...หรือถ้าเป็น..หมอเค้าจะได้รักษาแต่เนิ่นๆทิ้งไว้ไม่ดีหรอกนะ โรคภัยไข้เจ็บ"
นงลักษณ์เสียงแข็งหันมาตอบ
"คุณนนท์...น้องบอกว่าไม่ไป ไม่ไป น้องไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
นงลักษณ์สะอื้น ยกมือปิดหน้าวิ่งขึ้นบันไดไป อานนท์มองตามอย่างตกตะลึง สายใจวิ่งเข้ามาดูด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก
"คุณนงลักษณ์ร้องไห้ทำไมคะ"
อานนท์ลุกขึ้นยืนถอนใจ
"เป็นโรคโอลด์เมทกำเริบซะละมังสายใจ...คงเห็นสิรีเค้ามีแฟนมีความสุข...ก็เลยสงสารตัวเองขึ้นมาละมัง"
อานนท์เดินออกไป สายใจสีหน้าเป็นทุกข์....
สุชาดาแต่งตัวสวยนั่งปักกุหลาบใส่แจกัน สนมเดินเอาตะกร้าใส่กุหลาบกับใบเฟิร์นมาให้อีก สุชาดามองกุหลาบอย่างมีความสุข
"แหม...วันนี้กุหลาบบานเยอะดีจริง"
"ฉันเอาไปบนบ้านตั้งสองแจกันใหญ่แล้วนะ"
อานนท์มาหยุดยืนดูสุชาดาด้วยสีหน้าพอใจ แต่เธอไม่เห็นอานนท์
"หนม...ฉันว่าฉันจะลองขายกิ่งตอนกุหลาบดูนะ...หนมว่าจะขายได้ไหม"
"ไม่รู้สิคุณ...กุหลาบน่ะมันเลี้ยงยาก...เขาซื้อไปถ้าเลี้ยงไม่ดีก็ตาย"
"ถ้างั้นเราก็เขียนคู่มือบอกวิธีเลี้ยงขายด้วยดีไหม"
"แหม...คุณนี่หัวการค้าเก่งจริงๆ...คิดอะไรก็ขายได้เป็นเงินเป็นทองไปหมด"
สุชาดาหันมาเห็นอานนท์ก็ยิ้มดีใจ
"จะอยู่เฉยๆให้เป็นง่อยทำไมล่ะ...สมองน่ะถ้าไม่ใช้อีกหน่อยก็ฝ่อหมด"
"อื้อหือ...สวยเก่งฉลาดขนาดนี้...น่าขอแต่งงานด้วยจริงๆ"
สุชาดาเขิน แต่ก็ทำเป็นเถียง สนมยิ้มๆแล้วก็เดินออกไป
"อ๋อ...แล้วถ้าเกิดต่อไปฉันขี้เกียจไม่อยากทำอะไรคุณก็ทิ้งฉันละซิ"
"เรื่องอะไรจะทิ้งให้โง่...ผมก็เก็บคุณไว้ข้างๆผมซิ..คุณก็คอยคุยกับผม นะ...ผมชอบคุยกับคุณ ผมว่าเราสองคนคุยกันถูกคอได้สนุกที่สุด...ผมไม่มีวันเบื่อเลยที่จะคุยกับคุณ"
สุชาดายิ้ม
"ก็จริงของคุณ...เราสองคน..หาเรื่องมาคุยกันได้ตลอด"
สุชาดายิ้ม อานนท์เดินมานั่งใกล้ๆ
"วันนี้คุณสวยจัง...ยิ่งอยู่กับดอกกุหลาบอย่างนี้ด้วย เหมือนกับนางในฝันของผมเลย"
สุชาดามองล้อๆ
"อย่ามาทำโรแมนติกกับฉันเลยคุณอานนท์"
"นานๆทีน่ะสุ...ตามธรรมดาผมเป็นคนที่ไม่โรแมนติคเลย ปริศนาเค้าค่อนผมเสม"
สุชาดาแปลกใจ
"ใครคือปริศนา"
"ปริศนาคือผู้หญิงที่ดีที่น่ารักที่สุด...มีความเข้าใจเห็นใจมนุษย์ที่สุด และสวยที่สุดอ้าว ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะสุ...อิจฉาที่ผมพูดถึงปริศนาเหรอ"
สุชาดาหน้างอเสียงเขียว
"ธุระอะไร ฉันไม่ใช่คนบ้านี่ จะได้ไปเที่ยวอิจฉาคนที่ไม่รู้จัก"
อานนท์หัวเราะ
"อิจฉาสิดี...แสดงว่าสุชอบอานนท์ แต่สุจ๋า ปริศนาน่ะเค้าแต่งงานแล้ว...เขามีสามีที่รักและเขามีความสุขที่สุด ในชีวิตแต่งงานเขาเป็นเพื่อนที่ดี...แต่อย่าไปพูดถึงคนอื่นเลยมาพูดเรื่องของเราดีกว่า"
สุชาดายิ้มเขินที่ทำให้อานนท์จับได้ว่าหึง
"คุณจะพูดเรื่องอะไร"
อานนท์หยิบกุหลาบดอกสวยขึ้นมาดอกหนึ่งจูงมือสุเธอออกมายืนแล้วอานนท์ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง
"สุ...ผมรักคุณ...คุณจะแต่งงานกับผมไหม"
สุชาดาดีใจมาก แต่พยายามสงบนิ่ง
"นี่คุณพูดจริงๆเหรอคุณอานนท์"
อานนท์ลุกขึ้นยืน
"จริงซิ...ของอย่างนี้ใครเค้าพูดเล่นๆกันล่ะ...สุจ๋า...รักผมบ้างหรือเปล่า"
สุชาดาพยักหน้าช้าๆ
"คุณน่าจะรู้ว่าฉันชอบคุณมาก"
อานนท์เดินเข้ามาใกล้จับมือไว้
"ใช้คำว่ารักจะมากไปไหมสุ"
สุยิ้มสั่นหัวน่ารัก
"ไม่มากไปหรอกจ้ะ แต่เรื่องแต่งงานคุณคิดดูแล้วแน่หรือ คุณไม่อายหรือที่จะมาแต่งงานกับคนบ้านนอกคอกนาอย่างฉัน"
"ถ้าผมอาย...ผมจะมาขอคุณแต่งงานทำไมเล่า...ขอสารภาพว่าผมหลงรักสุนานแล้ว ตั้งแต่วันที่เราไปเรือเสียด้วยกันวันนั้น..ผมรู้ตัวว่าจะต้องแต่งงานกับคุณเท่านั้น คุณล่ะพร้อมจะเป็นเจ้าสาวของนายอานนท์คนนี้ไหม"
อานนท์ยื่นดอกกุหลาบให้ สุชาดายิ้มหวานรับดอกกุหลาบนั้นแล้วพยักหน้า อานนท์ดีใจยกตัวสุชาดาขึ้นสูง ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของกระท่อมโสภณ สนมแอบมอง หันมายิ้มดีใจ
อานนท์ขับเรือด้วยสีหน้าลิงโลดใจมีความสุขมากจนต้องตะโกนออกมา
เวลาเย็นใกล้ค่ำ คุณหญิงแนบนั่งอยู่บนตั่งใหญ่ที่นอกชานริมครัว รายล้อมไปด้วยบริวารที่กำลังช่วยกันเตรียมอาหาร อานนท์เดินเข้ามากราบแม่ที่ตัก คุณหญิงแนบวางมือกอดอานนท์ไว้ด้วยความรัก ปลาบปลื้ม
"เออ...วันนี้ฝนจะตก พ่อใหญ่มาหาแม่ถึงก้นครัว"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"แหม...ผมก็เคยวิ่งมาหาคุณแม่ที่นี่บ่อยๆนี่ครับ"
แนบยิ้มดีใจ
"นั่นมันสมัยไหนกันจ้ะ สิบปีที่แล้วละซิ แล้วมาเอาป่านนี้จะมากินข้าวกับแม่ด้วยดีไหมล่ะลูก"
"ผมก็กะว่าจะมาขอข้าวคุณแม่ทานเย็นนี้ครับ"
แนบหันไปสั่งบริวาร
"เอ้า...ถ้างั้นเร็วๆหน่อย เอ็งไปเอาเนื้อเค็มมาปิ้งแล้วทุบเยอะๆ" แนบหันมาพูดกับอานนท์ "แม่จะทำเนื้อเค็มต้มกะทิของชอบของลูก"
"ดีจริงครับคุณแม่...นงลักษณ์เคยทำให้ทานแต่อร่อยสู้ของคุณแม่ไม่ได้"
"แน่ละซิ...ก็แม่เป็นคนสอนนงลักษณ์เองนี่นา"
อานนท์มองแม่อย่างรักมาก...
ทุกคนกำลังรับประทานอาหารเย็น คุณหญิงแนบยังวุ่นวายจัดอาหารให้อานนท์
"ไปตักต้มจิ๋วมาให้คุณนนท์อีก...อ้อ..แล้วเอาไก่อบที่ฉันซื้อจากโฮเต็ลเมื่อวานใส่ถ้วยมาด้วย"
พระยาพลรามค้อน
"เจ้าค่ะ"
คนใช้เดินออกไป
"น่าจะชวนนงลักษณ์มาด้วย...จะได้มากินข้าวกับพ่อแม่ เรามันทิ้งให้น้องต้องอยู่บ้านกินข้าวคนเดียวอยู่เรื่อย" พระยาพลรามบอก
อานนท์ยิ้มๆอย่างเถียงไม่ออก
"จริงครับ...ผมไม่ค่อยได้ดูแลนงลักษณ์เท่าไหร่...แต่เค้าก็สบายดีนะครับ...บางทีก็เดินไปคุยกับบ้านสิรี"
"สบายดีที่ไหน...เมื่อวันก่อนพ่อกับแม่ไปที่บ้านเราน่ะ พาน้องออกไปกินข้าวเยาวราชไม่ทันได้กิน...
นงลักษณ์ไปเป็นลม" พลรามบอก
อานนท์ตกใจ
"เหรอครับ...ไม่เห็นนงลักษณ์พูดให้ผมฟังเลย...ผมก็สังเกตเหมือนกันว่าดูเค้าท่าทางแปลกๆชวนไปหาหมอก็ไม่ยอมไป"
"หนูนาว่าพี่นงลักษณ์ต้องไม่สบายแน่ๆ...คุณแม่จำได้ไหมคะที่ร้านอาหารน่ะ...พี่นงลักษณ์หน้าซีดเหมือนไก่ต้มอย่างที่คุณแม่พูดจริงๆ"
คุณหญิงแนบวางช้อนอย่างเป็นทุกข์
"เอ...หรือจะให้นงลักษณ์กลับมาอยู่บ้านดีไหมคะคุณ... พ่อใหญ่งานยุ่งไม่มีเวลาดูแลน้องอย่างนี้..ให้กลับมาอยู่กับเราดีกว่า"
"คุณแม่ลองพูดกับนงลักษณ์ดูซิครับ...ถ้าคุณแม่ชวนเขาอาจจะมา แต่ผมไม่คิดว่านงลักษณ์เจ็บป่วยทางกาย อาจจะเจ็บป่วยทางใจมากกว่า"
"เจ็บป่วยทางใจเรื่องอะไร...แปลว่ามีใครไปทำให้เค้าเจ็บช้ำน้ำใจอย่างนั้นเหรอไง"
"ไม่มีใครทำให้น้องเสียใจอะไรหรอกครับ...สิรีเพื่อนสนิทเค้าจะแต่งงาน...ปกตินงลักษณ์จะไปไหนมาไหนกับสิรีแทบทุกวัน ตอนนี้สิรีเค้าอยู่กับคู่รัก..นงลักษณ์ก็เลยอาจจะเหงาน่ะครับ อาจจะคิดมากเห็นเพื่อนมีคู่รักแต่ตัวเองไม่มี"
"แม่ว่าไม่ใช่นะ...น้องไม่ใช่คนอิจฉาคิดมากอย่างนั้นหรอก เค้าเป็นเจ้าของร้านตัดเสื้อใหญ่ปกครองคนเยอะไป...ไม่ใช่หรอก...แม่กลัวเค้าจะไม่สบายมากกว่า"
"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราไปหานงลักษณ์อีกนะแม่แนบ...ถ้าลูกยอมมาอยู่กับเราก็รับมาด้วยกันเลย"
"ถ้าพี่นงลักษณ์กลับมาอยู่บ้าน...ใครจะอยู่กับพี่นนท์ล่ะคะพี่นนท์คงผอมแย่เพราะไม่มีคนทำกับข้าวให้กิน"
พระยาพลรามหัวเราะ
"ไม่ต้องไปห่วงพี่เค้าหรอกลูก...เค้าก็คงหาสาวมาทำให้เค้ากินเองน่ะแหล่ะ...จริงไหมล่ะเจ้านนท์"
อานนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ตอบ คุณหญิงแนบมองอย่างเอะใจ
"อย่าบอกนะว่าตอนนี้ไปติดใจสาวที่ไหนอีก...ฮึ"
"ผมจะมาเรียนคุณพ่อคุณแม่เรื่องนี้ละครับ"
พระยาพลรามมองหน้าคุณหญิงแนบ...
ภายในห้องนั่งเล่นบ้าน อานนท์ยกถ้วยน้ำชาสวยๆมาให้พระยาพลรามที่นั่งสบายๆ พระยาพลรามมอง อานนท์ยิ้มๆ
"ทำมาเอาใจพ่อแบบนี้...จะให้พ่อแม่ไปขอใครล่ะคราวนี้ ลูกเต้าเหล่าใคร...สาวสังคมที่ไหน"
คุณหญิงแนบเดินมานั่งใกล้ๆ
"แต่แม่สาวอะไรที่พ่อใหญ่ชอบควงคนนั้นแม่ไม่ค่อยชอบนะ"
อานนท์ยิ้มประจบ
"คนนี้รับรองคุณพ่อคุณแม่ต้องชอบแน่ๆครับ"
รจนามายืนแอบฟังที่ข้างประตู
"ไม่ใช่สาวสังคมครับ...ผมอยากจะกราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ให้ไปสู่ขอให้ผม"
พระยาพลรามหัวเราะเบาๆ
"คราวนี้ดูจะหนักแน่นจริงจังนะ"
แนบยิ้มๆ
"พอจะใช้พ่อแม่ละทำมาพูดจาเพราะพริ้งเชียวนะ...ว่าแต่เขาเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ คราวนี้เป็นคนเรียบร้อยดีทีเดียวหรือ หวังว่าคงไม่ปรู๊ดปร๊าดอย่างแม่อะไรต่างๆของเราที่แล้วมานะพ่อใหญ่...แม่อะไรที่มาเท้าสะเอวใส่แม่ให้รีบไปขอเขาเร็วๆน่ะ แบบนั้นพ่อแม่เวียนหัวเต็มทนลมแทบจับ"
"คนนี้ของผมเป็นคนเรียบร้อยมาก...ขยันขันแข็งมีวิชาความรู้"
"ฟังดูออกจะเข้าที...ชื่ออะไรน่ะ" พลรามบอก
"ชื่อสุครับ"
"สุรึ....สุอะไร"
อานนท์ชักอักอัก
"สุ...สุ...เอ้อ...สุอะไรผมก็ไม่ทราบ เรียกกันว่าสุเฉยๆ"
อานนท์หัวเราะแหยๆ
"อะไร้...พ่อใหญ่นี่เป็นยังไง...ชื่อเสียงเรียงนามเขาก็ยังไม่รู้ แล้วจะให้พ่อแม่ไปขอแล้วหรือนี่...เดี๋ยวก็ขายหน้าเขาแย่"
อานนท์พูดอย่างแน่ใจ
"ไม่ขายหน้าหรอกครับ ผมรู้จักเขาดีทุกอย่างนอกจากชื่อ..เรียกกันว่าสุๆไม่ได้เอาใจใส่ที่จะถามว่าสุอะไร แต่ผมว่าชื่อเขาต้องเพราะแน่ๆ"
"เขาเป็นพวกไหน...นามสกุลอะไร" แนบถาม
อานนท์อึกอักอีก...
"เอ...อะไรน้า"
"แล้วพ่อของเค้าชื่ออะไร...เป็นใครเหล่าไหนก๊กไหนกัน"
อานนท์ยิ้มแหะๆเหงื่อตก
"เป็นใครชื่ออะไร....เอ้อ...ผมก็ไม่ทราบครับ...รู้แต่ว่าแม่ของเขาชื่อตวัน...เป็นเจ้าของสวนมะพร้าวในคลองน้ำวน"
พระยาพลรามเกาหัวยิกๆอย่างหัวเสีย คุณหญิงแนบเอามือตบอก
"อุ๊วะ!!..ไม่เห็นจะรู้อะไรซักอย่างเกี่ยวกับคู่รักของตัวเอง พ่อเขาเป็นใครชื่ออะไรอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เจ้าตัวชื่ออะไร...ก็ยังไม่รู้เลยแล้วจะให้พ่อแม่ไปขอได้ยังไงวะ...ไอ้เรานี่มันเหลวไหลไม่จบสิ้นอย่างงี้น่ะเรอะ...อยากจะมีเมีย"
รจนาหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
"แล้วไปรู้จักคบหากับเค้าที่ไหน...แน่ใจเหรอว่าเค้าตัวเปล่ายังโสด ไม่ได้มีลูกมีผัวมาก่อน" แนบถาม
"แน่สิครับ...โธ่คุณแม่...เรื่องสำคัญอย่างนี้ไม่รู้ก็แย่นะซิ เรื่องชื่อเต็มของเขา เรื่องนามสกุล หรือพ่อเป็นใคร ผมไม่ได้เอาใจใส่เพราะเห็นว่าไม่สำคัญ"
"อะไรไม่สำคัญ สำคัญมากด้วย เราไม่รู้ว่าเทือกเถาเหล่ากอเค้าเป็นยังไง จะไปเดาได้ยังไงว่าเค้าเป็นคนประเภทไหน..แล้วไปรู้จักกันมานานหรือยัง"
"นานแล้วครับ...ผมรู้จักเขาเพราะแม่เขาเป็นเจ้าของสวนมะพร้าวแม่เค้าสั่งซื้อเครื่องจักรจากบริษัทผม"
พระยาพลรามพูดหัวเราะๆ
"อ้อ...เป็นชาวสวนแฮะ...ลูกสาวชาวสวนน่ะพ่อจะบอกให้ ไม่ต้องไปสู่ขอให้ลำบากหรอกไ ปพาเขาหนีมาก็สิ้นเรื่อง ทีหลังค่อยไปขอขมาพ่อแม่เขา"
อานนท์ก้มหน้านิ่งอย่างไม่พอใจคำพูดของพ่อ...พยายามที่จะไม่น้อยใจพูดต่อด้วยเสียงเรียบๆ
"คุณพ่อเข้าใจผิด...สุไม่ได้เป็นคนสตึๆไร้การศึกษาอย่างที่คุณพ่อคิด...เขาเป็นคนอย่างเราๆนี่แหล่ะฐานะทางบ้านเขาก็ดี...เขาไม่มีอะไรที่จะด้อยไปกว่าเราเลย...ผมรักเขา...ไม่ได้หลง จึงไม่ได้ตาบอด ตาของผมเปิดมองเห็นอะไรควรหรือไม่ควร ผมคงไม่เลือกเมียชนิดที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องอับอายเป็นที่เสื่อมเสียถึงคุณพ่อคุณแม่เป็นอันขาด"
พระยาพลรามรู้ว่าอานนท์ไม่พอใจก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงมองอานนท์ตาเขียว
"โอ๊ะ...ฉันรู้ดีว่าแกเลือกเมียชนิดไหนจากแม่อะไรต่างๆของแกตามที่ฉันเคยเห็นมาแล้ว แม่คนใหม่นี่ก็อีกละวะ เห็นเขาในสวนมะพร้าว ก็มาฝันหวานต่างๆนาๆเกี่ยวกับเขา .ทำมาพูดซะสวยหรู. นี่เห็นพ่อแม่เป็นหมูให้ต้มเล่นตามสบายละซินะ"
อานนท์รู้ว่าพ่อโกรธก็พยายามอธิบาย
"เปล่าครับคุณพ่อ...ผมอยากพาคุณพ่อคุณแม่ให้ไปเห็นสุ"
พระยาพลรามถอนใจ คุณหญิงแนบจึงตัดบท
"เอาละๆพ่อใหญ่ วันหลังค่อยพูดกันใหม่...ลูกจะมาพูดกับพ่อแม่ถึงเรื่องสำคัญปานนี้ต้องให้เป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้ มีอย่างที่ไหน...รักผู้หญิงจะแต่งงานกับเขา แต่ไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเขา เขาชื่ออะไรก็ไม่รู้นามสกุลอะไรก็ไม่รู้ลูกเต้าเหล่าใครก็ยังไม่รู้เลย"
อานนท์มองพ่อแม่อย่างเกรงๆ
"จะมาทำหัวสมัยใหม่ว่าไม่สนใจเรื่องสำคัญอย่างนี้ไม่ได้ ที่มาที่ไปของคนเป็นสิ่งสำคัญ ถึงเราจะไม่ได้ดูถูกดูแคลนโคตรเหง้าของเขา แต่เราก็ต้องรู้กำพืดรู้ประวัติเขามันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนิสัยคนเรามันก็มาจากสิ่งที่เป็นตัวตนของเขาพวกนั้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี จะสูงส่งหรือต่ำต้อย เราก็ต้องรู้ เพราะจะต้องใช้ชีวิตมีลูกมีเต้ากับเขาไปอีกจนชั่วชีวิต...เข้าใจไหมพ่อใหญ่"
"ครับ"
อานนท์ใช้ความคิด
ยามเช้า บนคลองในสวนมะพร้าว อานนท์ขับเรือด้วยสีหน้ารีบเร่ง
อานนท์เดินเข้ามาในบ้านตวัน จูเหลียงกำลังจะตั้งโต๊ะอาหารเช้า หันมาเห็นอานนท์ก็ส่งภาษาจีน
"นายช่างใหญ่มาแต่เช้า"
อานนท์ยิ้ม
"เอ้อ...จูเหลียงช่วยตามสุให้หน่อยนะครับ"
"ล่ายฮ่ะ...ลอเหลียวนะฮะ"
จูเหลียงเดินหายไป โสภณเดินออกมาเห็นอานนท์ก็ยิ้ม
"คุณนนท์...มาแต่เช้าเลยนะครับ"
"ผมมีธุระสำคัญต้องคุยกับสุครับ"
"ธุระสำคัญเหรอครับ"
สุชาดารีบเดินออกมาเห็นอานนท์ก็ดีใจ
"สำคัญขนาดต้องมาแต่เช้าอย่างนี้เลยเหรอคุณอานนท์"
อานนท์ท่าทางจริงจัง
"สุ...บอกผมที ชื่อเต็มของคุณชื่ออะไร"
สุยิ้มๆ
"เอาอีกแล้ว...อยากรู้ไปทำไมจ้ะ"
"ผมไปกราบขอให้คุณพ่อคุณแม่มาสู่ขอคุณ...ท่านถามชื่อกับนามสกุลคุณผมไม่รู้สักอย่าง สุ...คุณต้องบอกผมนะ...ว่าไงจ้ะสุ"
สุชาดามองอานนท์นิ่ง
"สุชาดา...ฉันชื่อสุชาดา...ชื่อธรรมดาๆเท่านั้นเอง"
"แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกผม"
"ทำลึกลับเล่นสนุกไปอย่างนั้นเองแหล่ะ คุณจะได้สนใจมากๆ อยากรู้ว่าชื่ออะไรแน่"
สุชาดายิ้มน่ารัก
"พอรู้แล้วผิดหวังไหมล่ะ"
อานนท์ยิ้ม
"ไม่ผิดหวังเลย...ผมชอบชื่อของคุณมากทีเดียวนะ...แล้วนามสกุลล่ะ"
โสภณบอก
"เรานามสกุลสุทธะครับ"
อานนท์ดีใจ
"สุชาดา สุทธะ เพราะดีออก โสภณพี่ สุชาดาน้อง ทีนี้คุณพ่อคุณแม่ของผมจะได้มาขอเสียที...แล้วคุณพ่อของคุณสองคนล่ะ...เราจะไปพบท่านได้ที่ไหน"
สองพี่น้องมองหน้ากัน
"ฉันไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน"
อานนท์งง
"เรารู้แต่ว่า คุณพ่อของเราชื่อวิสุทธิ์ แค่นั้นเราคิดว่า คุณพ่อน่าจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะคุณแม่ไม่เคยบอกว่าท่านเสียไปแล้ว แต่นอกจากนั้ คุณแม่ไม่เคยเล่า"
ตวันเดินเข้ามาฟังเงียบๆ
"เราสองคนก็ไม่อยากถาม...เพราะรู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่เราพูดถามเรื่องพ่อ แม่จะเศร้า...เศร้ามาก"
"ท่านอาจจะเสียชีวิตไปแล้วกระมัง"
ตวันเดินเข้ามา
"ยัง...ยังหรอก...คุณวิสุทธิ์ยังมีชีวิตอยู่ อยู่บ้านแม่ของเขาที่กรุงเทพนี่เอง"
ตวันเดินมานั่งที่เก้าอี้ สุชาดารีบเดินมานั่งข้างๆ
"แม่คะ"
ตวันจับมือลูกสาว
"ถึงเวลาแล้วที่แม่จะเล่าเรื่องคุณพ่อของลูก คุณอานนท์ ฉันยอมรับว่าคุณเป็นคนดี รักลูกสาวฉันจริงๆคุณไม่รังเกียจว่าสุจะเป็นใคร ผู้ชายบางคนเห็นผู้หญิงเป็นลูกชาวสวนไม่มีหน้ามีตาในสังคมไม่โก้หรูหรา เค้าก็ไม่อยากแต่งงานด้วยหรอก คุณรักสุด้วยตัวของสุเองแท้ๆ ฉันยินดีที่คุณจะให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณมาสู่ขอสุ"
อานนท์ยกมือไหว้อย่างดีใจ
"ขอบพระคุณมากครับ..ผมต้องขอโทษที่มาถามในเรื่องที่อาจทำให้ทุกคนไม่สบายใจ...ผมแน่ใจว่าผมรักสุจริง สำหรับผมเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว"
"แต่คุณพ่อคุณแม่ของคุณต้องการรู้ประวัติของคนที่ลูกชายต้องการจะแต่งงานด้วย มันก็ถูกแล้ว...ผู้ใหญ่ก็ต้องการรู้"
"แต่ถ้านายตวันไม่อยากพูดเรื่องคุณพ่อของสุ...ผมก็เข้าใจครับ"
"แล้วคุณจะไปบอกคุณพ่อคุณแม่คุณอย่างไร"
"ผมคิดว่าผมคงจะพอหาทางได้"
สุมองอานนท์อย่างเห็นใจ ตวันมองสุชาดาแล้วก็ถอนใจ
"ฉันคิดว่าคงถึงเวลาที่ฉันจะบอกว่าพ่อของโสกับสุคือใคร"
ตวันมองอานนท์นิ่งสีหน้าเศร้า
"แม่คะ...ถ้าแม่พูดเรื่องนี้แล้วทำให้แม่เสียใจ...แม่ไม่ต้องบอกพวกเราก็ได้ค่ะ" สุชาดาบอก
"จริงครับ...แค่เรารู้ว่าคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว"
"แต่ผมว่า...สุกับโสควรจะได้รู้เรื่องคุณพ่อของเขานะครับ"
สุชาดาหันไปค้อน
"ถ้าคุณเดือดร้อนนักหนาที่ฉันเป็นลูกไม่มีพ่อ...คุณก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก"
อานนท์เสียใจ
"สุ...ผมไม่ได้สนใจซักนิดว่าคุณพ่อของคุณจะเป็นใคร มีตัวตนหรือไม่ ที่ผมพูดเพราะผมเห็นแก่คุณ ถ้าคุณพ่อของคุณยังมีชีวิตอยู่ คุณกับโสก็มีสิทธิ์ที่จะรู้...ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับคุณ"
"คุณอานนท์ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้าคุณแต่งงานกับสุ คุณก็จะไม่น้อยหน้าใคร เรื่องการศึกษาของสุคุณคงรู้แล้วว่า สุจบอินทีเรียร์จากปีนัง พ่อของสุ..."
ตวันหยุดตั้งสติ
"พ่อของสุเกิดในสกุลเก่าแก่สกุลหนึ่งของไทย...ปู่ทวดล้วนเป็นพระน้ำพระยา...รับราชการในตำแหน่งสำคัญๆมาทั้งนั้น"
"ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อของผมอาจจะรู้จักก็ได้ครับ"
"ถ้าฉันบอกชื่อไปคุณคงรู้จักแน่นอน"
"ผมอยากทราบว่า...นายตวันคิดจะให้โสกับสุพบกับพ่อของเขาบ้างไหมครับ"
ตวันอึกอัก
"ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่กล้าคิด ไม่กล้าหวังอะไรทั้งนั้น พ่อของสุกับโสอาจจะไม่อยากพบเราก็ได้"
"แต่ถ้าอยากพบล่ะครับ...ผมว่าคนเป็นพ่อทุกคนจะอย่างไรก็ตามต้องอยากเห็นหน้าลูกตัวเองทุกคน...สุล่ะจ้ะ...สุมีความเห็นยังไง"
สุชาดามองหน้าตวัน
"สุไม่รู้...พูดไม่ถูก...โสล่ะ"
โสภณยิ้ม
"โสก็พูดไม่ถูก...โสยังงงอยู่เลย...โสคิดว่าพ่อตายไปแล้ว พอรู้วันนี้ว่า พ่อยังมีชีวิตอยู่ก็อยากรู้ว่าพ่อเป็นยังไง"
อานนท์พูดต่อ
"แสดงว่าโสก็อยากพบคุณพ่อของโสเหมือนกัน"
โสภณคิดนิดหนึ่งพยักหน้ายิ้มๆ
"ถึงคุณพ่อจะอยากพบหรือไม่นับว่าเราเป็นลูก...แต่ได้เห็นหน้ากันสักครั้งก็ยังดี"
สุชาดาเข้มแข็ง
"จริงค่ะแม่...สุก็ไม่ได้หวังให้พ่อยอมรับ...แต่อย่างน้อยสุก็จะได้รู้ว่าพ่อเป็นใคร"
ตวันอึดอัดในการต้องพูดถึงอดีต แต่สายตาทุกคนมองอย่างอยากรู้ความจริง
"มันผ่านมานานยี่สิบกว่าปีแล้ว ถ้าเราไปแสดงตัว แม่ไม่รู้ว่าทางตระกูลสุทธากุลเค้าจะนึกยังไง จะต้อนรับเราหรือไม่"
อานนท์เอะใจ
"ตระกูลสุทธากุล...คุณพ่อของสุกับโสนามสกุลสุทธากุลเหรอครับ"
"ถูกแล้ว...คุณพ่อของสุคือ คุณวิสุทธิ์ สุทธากุล....พระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์"
อานนท์ตกตะลึงอ้าปากค้าง
"ท่านเจ้าคุณสุทธา"
อานนท์อึ้งกิมกี่.....
อ่านต่อตอนที่ 12