xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 1

ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายจอแจของผู้คน ณ ท่าเรือขนส่งสินค้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งพระนคร ใน ปี พ.ศ. 2508 เวลานั้น มีเรือบรรทุกสินค้าลำใหญ่จอดเทียบท่าอยู่หลายลำ บรรดา คนงาน และ วิศวกร เดินสวนกันไปมาบนเรือลำหนึ่ง ที่กำลังลอยลำซ่อมแซมอยู่

สักครู่หนึ่ง มีหญิงสาวสวย สามคน เดินมาหยุดยืนมองไปบนเรือลำที่ซ่อม ก่อนที่อนงค์ทั้งสามนางจะหันมามองเชิดใส่กัน แล้วเดินนวยนาดแยกไปยืนรอคนละทาง
แพทริคมองจากกราบเรือลงมา เห็นผู้หญิงทั้งสามคนก็หัวเราะเบาๆ แล้วเดินหายเข้าไปด้านในของเรือ
แพทริคเดินมาในเรือ พลางมองหาไปรอบๆ มีวิศวกรคนหนึ่งเดินสวนมา เขาถาม
"ประชา…อานนท์อยู่ไหน"
"อยู่ในห้องเครื่องครับ" ประชาบอก
แพทริคพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินไปทางห้องเครื่องของเรือ มองหาอานนท์
"อานนท์ อานนท์"
แพทริคมองหา แต่ยังไม่เห็นอานนท์
"อานนท์"
อานนท์โผล่ออกมาจากด้านหลังแพทริค
"อยู่นี่...มีอะไรแพทริค ตะโกนซะลั่นเรือ"
"มีคนมารอคุณที่ท่าเรือ"
อานนท์หันไปซ่อมเครื่องต่อ
"ใครที่ไหนกันแพทริค ผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นผู้ชายก็บอกให้รอก่อน งานยังไม่เสร็จ"
"ที่ผมเห็นเป็นผู้หญิงทั้งหมดน่ะซิ"
อานนท์ชะงัก คิดว่าแพทริคแบบล้อเล่น แพทริคยิ้มยืนยัน
"จริงๆ เจ้าสาวของคุณไง ไปเลือกดูซิ"
อานนท์หรี่ตามองแพทริค เช็ดมือแล้วเดินออกไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ แพทริคเดินตาม

อานนท์เดินออกมาที่กราบเรือ แพทริคเดินตามมาด้วยสีหน้าสนุก
"นั่นไง ๆ ตั้งสามคนแน่ะ ยืนอยู่นั้น ทางโน้น และนั้นอีกคน เห็นไหม"
อานนท์มองไปที่ผู้หญิงทั้งสามคนนั่น พยายามเพ่งมองผู้หญิงทีละคน พอเห็นชัดเท่านั้นแหละ อานนท์ก็รีบหลบทำหน้าขยาด แพทริคหัวเราะ
"หลบอีกแล้ว มีเจ้าสาวมาหาที่ไรต้องหลบทุกทีอย่างนี้ เมื่อไหร่จะได้แต่งงานซะทีล่ะ"
"เจ้าสาวผมคงยังไม่เกิดมั้ง"
อานนท์มองไปที่สาวๆอีกครั้งหนึ่ง ก่อนหันมาพูดกับแพทริค
"ผมยกให้คุณทั้งสามคนเลย"
แพทริคทำสีหน้าแบบรู้ทัน....อานนท์กลัวแพทริคจะไม่ช่วย
"แพทริค...ช่วยผมอีกหนนะ"
อานนท์ยิ้มเอาใจ แพทริคทำหน้าเบื่อ
"จะให้ผมพาสาวๆ ไปทานกาแฟทำเป็นรอคุณ แล้วคุณก็หนีไปหาสาวคนอื่นอีกน่ะซิ"

อานนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ท่าทางอายที่เหมือนถูกรู้ทัน
"แล้วคุณจะต้องไปหาสาวอื่นทำไม นี่ก็สามคนแล้ว สวยๆทั้งนั้นเลย"
"ก็บอกแล้วไงสามคนนี่ยกให้ ไป..ไปจัดการเร็วๆ ผมจะลงจากเรือแล้ว"
แพทริคทำหน้าสงสัย
"คุณจะไปไหน...ห้องเครื่องข้างล่างเรียบร้อยแล้วหรือ"
อานนท์ทำท่ารำคาญ
"วันนี้มีนัดพาสาวๆ ไปดูหนัง ไปได้แล้วแพทริค."
แพทริคทำหน้าตกใจ นัดสาวๆอีกแล้วหรือนี่ อานนท์ยิ้มดันให้แพทริคเดินลงจากเรือ

บนกราบเรือ อานนท์เห็นผู้หญิงทั้งสามคนรีบเดินเข้ามาหาแพทริค และซักถามเรื่องราวของเขา เขาเห็นแพทริคทำท่าทำทางอธิบายต่างๆ มีสาวคนหนึ่งทำท่างอนเดินหนีไป อีกสองคนยอมเดินไปกับแพทริค
อานนท์มอง ยักไหล่อย่างไม่สนใจ....เดินจากไป

อานนท์ขับรถเลี้ยวเข้าบ้านพระยาพลรามวิทยาธร ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ พอลงรถ รจนากับนิศา และ เพื่อนๆอีกสามคนก็พากันวิ่งมาหา
"พี่นนท์มาแล้ว... พี่นนท์มาแล้ว" รจนาร้องบอก
อานนท์มองไปรอบๆ อย่างตกใจ
"โอ้โหสาวๆ กี่คนกันล่ะนี่...หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..."
อานนท์นับเพื่อนๆ ของรจนาด้วยสีหน้ายิ้มๆ เพื่อนๆ รจนาเห็นอานนท์ก็รีบยกมือไหว้เรียบร้อย
"นี่พี่จะควงสาวๆ ตั้งสี่คนเชียวเหรอ"
รจนากอดอกมองอย่างงอนๆ
"ห้าคนค่ะ พี่นนท์ ลืมนับน้องตัวเองเหรอคะ"
อานนท์หันมายิ้มหวานกับรจนา
"แหม…จะลืมเจ้าของวันเกิดได้ไงคะ นี่ค่ะ...ของขวัญ"
อานนท์หยิบห่อของขวัญในรถส่งให้รจนา รจนาดีใจมาก เพื่อนๆ ก็พากันกรี๊ดกร๊าด..ต่างก็ยุ
ให้รจนาแกะของขวัญ คุณหญิงแนบเดินมาหาอานนท์
"รับมือสาวๆ พวกนี้ไหวหรือเปล่าลูก"
อานนท์ยิ้ม
"สบายครับแม่...แม่ไม่ต้องห่วง ผมจะพากลับมาค่ำๆ"
คุณหญิงแนบยิ้ม เอื้อมมือไปจับแขนอานนท์อย่างรัก
"ขอบใจลูกมากที่พาน้องไปเลี้ยง...อยู่บ้านแม่ก็ไม่รู้จะทำอะไรให้เขาสนุกกัน นี่นงลักษณ์ก็ทำขนมให้กินกันไปยกใหญ่แล้ว"
รจนาเอากระเป๋าถือใบเล็กๆ น่ารักมาอวดแม่
"คุณแม่ขา...พี่นนท์ให้ของขวัญลูก ดูสิคะ...สวยจังเลย ขอบคุณค่ะพี่นนท์"
รจนายกมือไหว้อานนท์อย่างน่ารัก...คุณหญิงแนบหันไปยิ้มกับลูกสาว เอามือลูบหัวเล่น
"รีบไปกันเถอะ...เดี๋ยวจะซื้อตั๋วหนังไม่ทัน"
"เอ้าขึ้นรถได้...หนูคนนี้" อานนท์ชี้ไปที่เพื่อนน้องสาวคนหนึ่ง "ชื่ออะไรจ้ะ"
นิศามองอานนท์อย่างอายๆ
"ชื่อนิศาค่ะ"
"นิศา…มานั่งข้างหน้ากับพี่ ที่เหลือขึ้นข้างหลังเลย"
นิศาดีใจรีบขึ้นไปนั่งด้านหน้า รจนาพาเพื่อนๆ ที่เหลือขึ้นไปนั่งด้านหลัง อานนท์หันมาพูดกับ
แม่
"ไม่ต้องห่วงครับ...แหม...วันนี้ผมควงสาวทีเดียวห้าคน"
อานนท์ขับรถออกไป คุณหญิงแนบมองตามยิ้มมีความสุข

คุณหญิงแนบเดินกลับเข้ามาในบ้าน เจ้าคุณพลรามนั่งถักนิตติ้งฟังวิทยุอยู่ พอคุณหญิงแนบเดินเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นมามอง
"ไปกันหมดแล้วเหรอ"
"ไปแล้วค่ะ... พ่อนนท์นี่น่ารักเหลือเกิน อุตส่าห์พาน้องไปฉลองวันเกิด"
"แหม…แค่นี้ก็ปลาบปลื้มเหลือเกินนะ"
คุณหญิงแนบยิ้มอย่างมีความสุข
"แน่ล่ะซิคะ...ดิฉันก็ปลื้มลูกชายดิฉันสิคะ...กลัวอย่างเดียวเท่านั้น"
"กลัวไปคว้าสะใภ้ไม่ถูกใจมาละซิ ไอ้นนท์น่ะมันเลือกมากนัก คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ใช่ ระวังเถอะ...
เลือกนักมักได้แร่"
คุณหญิงแนบค้อน
"อย่ามาแช่งลูกฉันนะ... ตานนท์น่ะฉลาดพอที่จะไม่ไปตกหลุมผู้หญิงพวกนั้นหรอกค่ะ"
เจ้าคุณพลรามหัวเราะท้าทาย
"จะคอยดู"
นงลักษณ์ถือกระเป๋าเดินออกมา
"อ้าว…จะกลับแล้วเหรอลูก" พลรามถาม
"ค่ะ…ลูกทำแพนงเนื้อ กับ ไข่พะโล้ซี่โครงหมูไว้...จะต้องรีบกลับไปช่วยสิรีเลือกผ้าตัดเสื้อค่ะ."
"ถ้าพี่นนท์พาผู้หญิงมาที่บ้านละบอกแม่ด้วยนะ"
นงลักษณ์หัวเราะ
"เรื่องอะไรเค้าจะพามาล่ะคะแม่...ถ้าจะพามา ก็คงพามาไหว้พ่อกับแม่มากกว่าค่ะ คุณพ่อ...ยังช่วยยายนาทำการฝีมืออีกเหรอคะ"
"มันเพลินดี มาช่วยพ่อดูทีสิว่าตะเข็บต้องถักอย่างนี้มันสวยไหม หนูนาเค้าสอนพ่อแล้วพ่อไม่แน่ใจ"
นงลักษณ์เดินเข้าไปดู
"ถูกแล้วนี่คะ แหม คุณพ่อถักสวยกว่าหนูอีกค่ะแม่"
นงลักษณ์หันมาหัวเราะกับคุณหญิงแนบที่มองเจ้าคุณพลรามด้วยสีหน้ามีความสุข...

เวลาต่อมา อานนท์แจกตั๋วหนังให้กับน้องๆ ทุกคน
"สาวๆ เวลาอยู่ในโรงหนังอย่าคุยเสียงดังกันนะจ้ะ...คนอื่นเค้าจะรำคาญ...เอ้า แล้วนี่ขนมเอาไว้ทานเวลาดูหนัง"

เพื่อนๆ รจนาดีใจ รจนารับถุงขนมมา
"แหม…พวกเราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ คนที่ทำเสียงดังในโรงหนังก็มีแต่พวกสตึเท่านั้นละค่ะ"
อานนท์ยิ้มขำ
"ดีมาก... พอหนังจบพี่จะมายืนรอแถวๆ นี้นะคะ...อย่าเดินหลงไปทางอื่นล่ะ"
"พี่นนท์ไม่ดูหนังด้วยเหรอคะ" นิศาถาม
"เอ้อ..."
อานนท์มองไปเห็นวนิดา เดินคุยยิ้มแย้มอยู่กับเพื่อนแถวๆ หน้าโรงหนัง
"หนังเด็กๆ พี่ไม่ดูหรอก...ไปกันได้แล้ว...อย่าลืมนะ หนังเลิกแล้วมาตรงนี้พี่จะรอที่นี่"
อานนท์รีบเดินไปหาวนิดา เด็กๆ พากันเดินขึ้นไปบนโรงหนัง

วนิดาเดินคุยกับเพื่อนๆ มา อานนท์แกล้งเดินสวนไปแบบไม่ได้ตั้งใจ วนิดาเห็นอานนท์รีบเรียกไว้
"คุณนนท์....คุณนนท์คะ"
อานนท์ทำเป็นแปลกใจที่เจอวนิดา
"มาทำอะไรแถวนี้คะ หรือว่านัดใครมาดูหนัง"
"ใช่แล้ว"
วนิดาหน้าเจื่อนนิดหนึ่ง
"วันนี้วันเกิดน้องสาวผมครับ...เลยพาเค้ากับเพื่อนๆ มาดูหนัง เพิ่งจะส่งเข้าโรงหนังไปเมื่อกี้ พวกคุณจะมาดูหนังเหมือนกันเหรอ"
อานนท์หันไปยิ้มกับเพื่อนๆ วนิดาด้วย วนิดายิ้มแจ่มใส หันไปบอกกับเพื่อนๆ
"พวกเราจะมาร้านตัดเสื้อในซอยข้างๆ โรงหนังค่ะ... พวกเรานี่คุณอานนท์ วิทยาธร จ้ะ"
เพื่อนวนิดายกมือไหว้อานนท์ อานนท์รับไหว้อย่างยิ้มแย้ม
"เธอคุยกับคุณนนท์ไปก่อนก็ได้ เราจะไปรอที่ร้านตัดเสื้อ" เพื่อนบอก

วนิดาพยักหน้ายิ้มดีใจที่เพื่อนรู้ใจ เพื่อนวนิดาเดินไป

ภายในร้านอาหาร อานนท์นั่งมองวนิดาด้วยสีหน้าพอใจ จนอีกฝ่ายเขิน

"โชคดีจริงๆ ที่ได้เจอคุณ...เพราะผมกำลังคิดอยู่ว่า ระหว่างรอสาวๆ เค้าดูหนังกัน ผมจะทำอะไรดี"
"แหม…เหมือนกับดามาแก้ขัดยังไงไม่รู้"
อานนท์ยิ้มๆ
"ทำไมคิดอย่างนั้นละครับ...ต้องบอกว่าชะตาของเราต้องกันถึงจะถูก"
วนิดาทำท่าอาย
"แล้วทำไมหมู่นี้คุณนนท์ถึงไม่ค่อยไปบ้านดาล่ะคะ...นี่ถ้าไม่เผอิญมาเจอกันวันนี้...ดาก็คงไม่ได้เห็นหน้าคุณ"
"หมู่นี้งานผมยุ่งมาก ต้องปรับซ่อมเครื่องเรือบรรทุกสินค้า เค้าก็เร่งจะออกเรื วันนี้ผมสัญญากับน้องไว้นานแล้ว ว่าจะพาเค้ากับเพื่อนๆ มาฉลองวันเกิด"
วนิดาค้อน
"ช่างเป็นพี่ชายที่แสนดีจริงๆ แล้วเมื่อไหร่จะว่างพาดาไปเที่ยวบ้างล่ะ"
"พองานซ่อมเครื่องเรือลำนี้เสร็จ ก็น่าจะมีเวลา จะพาดาไปเที่ยวได้แล้วละครับ"
วนิดาส่งตาหวาน
"จริงๆ นะคะ"
"จริงสิ...แล้วนี่เรามาคุยกันเป็นนานอย่างนี้ เพื่อนดาเค้าไม่รอแย่เหรอ"
"ช่างเค้าเถอะค่ะ...เราเจอกันบ่อยๆ ดาอยากคุยกับคุณนนท์มากกว่า เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก"
วนิดาส่งตาหวานให้อานนท์อีก อานนท์มองอย่างเคลิ้มๆ...

ปริศนา และ หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชา คุกเข่าอยู่หน้าคุณหญิงเทพ ยกพานใส่ผ้าไหมผูกอย่างสวย และ พวงกระแตให้ คุณหญิงเทพรับไว้ด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม หยิบกล่องเครื่องประดับใส่ในพานส่งกลับไปให้ปริศนา
"ย่าขอรับไหว้หลานทั้งสองด้วยเครื่องเพชรชุดนี้ เป็นของเก่าแก่ที่ตระกูลเราได้รับพระราชทาน ตกทอดกันมา ย่าขอมอบให้หม่อมเป็นคนดูแลต่อไปนะ"
ป้าทั้งสามนั่งกับพื้นอยู่ห่างออกไป ปริศนาดีใจ กราบที่เท้าคุณหญิงเทพ
"ปริศนากราบขอบพระคุณ คุณย่ามากค่ะ"
"ท่านชาย .เสด็จประทับข้างบนดีกว่าเพคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ...ตรงนี้ก็สบายดี"
"ไม่เหมาะสมเพคะ...เสด็จประทับบนเก้าอี้ดีกว่า"
ท่านพจน์ยิ้ม
"วันนี้มาไหว้ผู้ใหญ่ในฐานะหลานค่ะ"
ป้าทั้งสามพากันยิ้มอย่างปลื้มมาก
"ทรงน่ารักเหลือเกิน... ทูลเชิญเสวยของว่างด้วยนะเพคะ แม่สามคนนั่น กับ บ่าวหลังบ้านเตรียมขนมนมเนยไว้รับรองเพคะ"
ท่านพจน์พูดอย่างอ่อนหวาน
"เกรงจะไม่ได้ค่ะ...ชายมีผ่าตัดตอนค่ำ หลังไหว้คุณลุงก็ต้องรีบไปโรงพยาบาล"
"โถ…พ่อคุณ เป็นหมอก็ทรงเหนื่อยมากนะเพคะ แต่ก็ได้บุญเหลือเกิน ปริศนาล่ะ อยู่ทานกับย่าไหม"
"ปริศนาขอเป็นคราวหน้านะคะ"
คุณหญิงเทพค้อน
"ไม่เป็นไร...แวะมาหาย่าบ่อยๆ ล่ะ"

คุณหญิงเจริญ กับ เสาวนิตเดินขึ้นมา คุณหญิงเจริญมองปริศนากับท่านชายพจน์อย่างสนใจ เสาวนิตพอเห็นท่านพจน์ก็รีบเดินมานั่งกับพื้นใกล้ๆคุณหญิงเทพ
"เอ้า...แม่เจริญ แม่นิตมาพอดี ท่านชายเสด็จมากับปริศนา มายกผ้าไหว้ผู้ใหญ่ ปริศนา...นี่ป้าเจริญเมียของลุงเราไง เมื่อวันงานแต่งงานเค้าก็ไปกับลุงเรา แต่ไม่ได้คุยกัน แล้วนี่ก็ แม่เสาวนิต ลูกสาวแม่เจริญเขาละ..เอ้า..ก็เป็นน้องปริศนาน่ะซิ...ไหว้พี่เขาซะแม่นิต"
เจริญจึงเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวที่ห่างออกมาหน่อย อย่างวางท่าเต็มที่
เสาวนิตยกมือไหว้ปริศนา กับ ท่านชายพจน์ด้วยท่าทางแช่มช้อยมาก...แต่ตานั้นคอยมองแต่ท่านชายจนปริศนารู้สึก ปริศนากับท่านพชายก็ยกมือไหว้คุณหญิงเจริญซึ่งรับไหว้อย่างวางท่าเต็มที่
"แม่นิตไม่สบาย ไม่ได้ไปโรงเรียน .อาการดีขึ้นหรือยัง"
เสาวนิตตอบอย่างท่าทางที่คิดว่าสวยและน่าสงสาร
"ยังมีไข้บ้างค่ะคุณย่า"
"เมื่อวันงานชายไม่ได้มาคุยกับผู้ใหญ่หลายท่าน...ต้องขออภัยด้วยค่ะ"
คุณหญิงเทพยิ้มน้ำหมากหก โบกมือ
"โถ..ไม่เป็นไรเลยเพคะ ผู้ใหญ่เค้าก็เข้าใจว่าบ่าวสาวน่ะจะมัวมาคุยกับแขกยังไงไหว พิธีการออกจะเยอะ... ผู้ใหญ่เค้าก็รับแขกกันเองเพคะ"
"คุณป้ามาที่นี่แล้วปริศนาจะได้ยกผ้าให้"
ท่านพจน์รีบแก้
"ยกผ้าไหว้"
ปริศนาอายๆ
"ค่ะ..ยกผ้าไหว้พร้อมๆ กับคุณลุงเลยดีไหมคะคุณย่า"
คุณหญิงเจริญคอแข็ง แต่ก็พยายามพูดดี
"ลุงเราน่ะเค้าอยู่ตึกโน้น...จะไหว้ฉันก็ไหว้ที่นี่คนเดียวก็แล้วกันนะ...แต่รีบๆ หน่อย"
"ทำไมต้องรีบ...แม่เจริญนี่เสียมารยาทจริง ท่านชายอุตส่าห์เสด็จมาเองเชียวนะ"
คุณหญิงเจริญลอยหน้าลอยตา
"คุณแม่คะ...บ้านคุณพระวรสารน่ะเค้าจะบวชหลาน... คุณหญิงกิ่งกับดิฉันก็ชอบพอกัน จะไม่ไปช่วยเค้าดูงานได้ยังไงคะ มีเรื่องต้องหาต้องเตรียมเยอะแยะไปหมด"
คุณหญิงเทพอยากด่าดังๆ แต่เกรงใจท่านพจน์
"ดูเอาเถอะ...ดีแต่ไปเจ้ากี้เจ้าการคนอื่น...บ้านตัวละไม่เห็นจะสนใจ"
ปริศนามองหน้ากับท่านชายพจน์ เสาวนิตมองแต่ท่านชายพจน์

ปริศนาเดินคุยมากับท่านชายพจน์ สมบูรณ์เดินถือของไหว้ผู้ใหญ่เดินตามมาห่างๆ
"แม่เคยเล่าให้ปริศนาฟังเรื่องของคุณลุงที่โดนคุณย่าบังคับให้แต่งงาน...พอได้เห็นคุณป้าแล้ว ปริศนาสงสารคุณลุงจริงๆ"
ท่านชายพจน์หัวเราะ
"คุณลุงของเธออาจจะเคยชินแล้วก็ได้...อยู่ด้วยกันมาจนป่านนี้"
เสาวนิตวิ่งตามมา ปริศนาได้ยินคนวิ่งก็หันไปมอง ท่านชายพจน์หยุดเดิน
"พี่ปริศนา ท่านชายเพคะ"
"มีอะไรเหรอจ้ะเสาวนิต"
"คุณย่าให้นิตพาพี่ปริศนา กับท่านชาย ไปหาคุณพ่อค่ะ"
ปริศนายิ้มใจดี
"ความจริงไม่ต้องก็ได้จ้ะ เธอไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอจ้ะ มาวิ่งแบบนี้ไม่ดีนะ"
เสาวนิตทำเป็นหอบน้อยๆ
"นิตหายแล้วค่ะ...นิตดีใจเหลือเกินที่ได้พบพี่ปริศนากับท่านชาย พี่ปริศนารู้ไหมคะ งานแต่งงานของพี่น่ะมันช่างเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว... หนังสือพิมพ์ก็ลงค่ะ"

เสาวนิตชะม้อยตามองท่านชาย ปริศนาออกเดิน ท่านพจน์ไม่ได้สนใจ
"เหรอจ้ะ...แล้วนิตได้ไปงานแต่งงานพี่หรือเปล่า"
เสาวนิตทำจมูกย่นน่ารัก
"อยากไปจะแย่ค่ะ...แต่ไม่ได้ไป"
"ทำไมล่ะจ้ะ"
"ก็คุณแม่น่ะสิคะ...ไม่ให้นิตไป บอกว่าเป็นงานผู้ใหญ่ นิตรักคุณแม่ก็เลยต้องตามใจ... ถึงแล้วค่ะ เรือนใหญ่ของคุณพ่อ"

ปริศนาหันไปดูเรือนหลังใหญ่สวยงาม แต่กลับดูเงียบเหงา

อ่านต่อหน้า 2

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

เสาวนิต พาปริศนากับท่านชายพจน์เดินเข้ามาในตึกใหญ่ของเจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์ และนำทั้งสองไปที่ห้องรับแขก
"นิตจะไปเรียนให้คุณพ่อทราบนะคะ"
เสาวนิตเดินออกไปตามเจ้าคุณสุทธาฯ ที่ห้องอีกด้านหนึ่ง ...ท่านชายพจน์หันไปสั่งสมบูรณ์
"เอาของวางไว้บนโต๊ะแล้วไปเอารถมาจอดที่นี่"
"กระหม่อม"
ปริศนามองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกหดหู่
"ที่นี่สวย...แต่เหงานะเพคะ ปริศนาคิดว่าคุณลุงคงผิดหวังที่ตัดสินใจตามใจ คุณย่า….เพราะเดี๋ยวนี้ปริศนารู้เลยว่า ถ้าเราต้องถูกบังคับให้แต่งงานโดยปราศจากความรัก...มันคงเหมือนตายทั้งเป็น"
ปริศนาหันไปมองท่านชายด้วยความสีหน้าเศร้า ท่านชายพจน์มองปริศนาแล้วก็ยิ้มล้อๆ
"อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจอะไรในเวลาสั้นๆ"
ท่านชายพจน์เอื้อมมือไปจับมือปริศนาเป็นเชิงปลอบใจ
เจ้าคุณสุทธาฯ เดินออกมา ด้วยชุดเหมือนเพิ่งกลับจากทำงาน เสาวนิตเดินตามมา พอเจ้าเห็นปริศนา กับท่านชายพจน์ก็ดีใจ ยืนตรงโค้งคำนับท่านชาย ท่านชายพจน์ยกมือไหว้ ส่วนปริศนาลงนั่งกราบ
"กราบเจ้าคุณลุงค่ะ"
เสาวนิตสังเกตท่าทางปริศนาอย่างสนใจ
"หลานปริศนา...ท่านชาย ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ดีกว่าปริศนา"

เมื่อทั้งหมดนั่งที่ชุดรับแขกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"กระหม่อมต้องขออภัยที่ไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะเสด็จ... เลยไม่ได้เตรียมอะไรต้อนรับ"
"ไม่เป็นไรครับ...ที่ตึกโน้นก็เลี้ยงดูเรามาแล้ว"
"คุณลุงเพิ่งกลับจากที่ทำงานเหรอคะ"
"กลับมาพักหนึ่งแล้ว"
เจ้าคุณมองท่านชายและปริศนา ด้วยความรู้สึกยินดีในความรักของทั้งสอง
"ชีวิตครอบครัวหลังแต่งงานกันแล้วเป็นยังไรบ้างละ"
ท่านชายพจน์หันมายิ้ม ปริศนายิ้มตอบอย่างมีความสุข เจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์มีความสุขไป
ด้วย
"แล้วนี่ไม่มีแผนไปฮันนิมูนกันเลยหรือ"
"มีครับ...กะกันไว้ว่าจะไปยุโรปกันครับ"
"ท่านชายทรงมีพระญาติเป็นข้าราชการสถานทูตที่อังกฤษค่ะ"
เจ้าคุณสุทธาฯ ยิ้มๆ
"แหมดีจริง....ชีวิตคู่ไม่มีอะไรจะสำคัญเท่าความหวานชื่น มีชีวิตชีวาที่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ถ้าขาดสิ่งนี้ไปความรักมันก็จะค่อยๆ โรยรา จนไม่เหลืออะไร ขอให้หลานรักษาความหวานชื่น แก่กันนี้ไว้จนแก่เฒ่า....ไม่ว่าปัญหาอะไรจะหนักแค่ไหน เราก็ไม่ต้องกลัว"
เจ้าคุณสุทธาฯ พูดแล้วท่าทีก็ค่อยๆ สลดไป คุณหญิงเจริญเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
เจ้าคุณสุทธาหันไปมองแล้วก็เมิน
"คุณแม่....ไหนว่าจะไปบ้านคุณป้ากิ่งไงคะ" เสาวนิตว่า
คุณหญิงเจริญค้อนเจ้าคุณ
"ต้องขอโทษที่มาขัดจังหวะ แม่นึกว่าแขกจะกลับไปแล้ว ท่านเจ้าคุณรู้ไหมว่าทำไมแม่ตุ๊ยังไม่กลับ...รถไปรับมีแต่ตาจิตรกลับมาคนเดียว ถามว่าน้องไปไหนก็ไม่รู้เรื่อง"
"ก็ตุ๊เค้าก็บอกเธอเมื่อเช้าแล้วไงว่า วันนี้เค้าไปงานวันเกิดเพื่อน...รถบ้านเพื่อนมารับจากโรงเรียนไงล่ะ".
คุณหญิงเจริญนึกขึ้นมาได้ แต่เมื่อเห็นปริศนามองอยู่ก็อยากจะแสดงอวดอำนาจ ท่านชายพจน์หันไปทางอื่นทำหน้ายิ้มๆ
"แต่นี่มันเย็นจนจะค่ำแล้วนะ...น่าจะกลับได้แล้ว"
เสาวนิตนึกอายท่านชาย เลยพูดแก้ให้แม่อย่างอ่อนหวาน
"โธ่…คุณแม่คะ .ยายตุ๊เพิ่งไปได้ไม่นาน งานวันเกิดเค้าก็ต้องกินเลี้ยงกันจนค่ำสิคะ...ค่ำๆ ยายตุ๊ก็คงมาค่ะ"
คุณหญิงเจริญเดินขึ้นข้างบน แต่ยังบ่นดังๆ ไปตลอดทาง
"ตัวแค่นี้ริไปงานค่ำๆ มืดๆ มีอย่างที่ไหนกัน ตามใจกันดีนัก อีกหน่อยจะได้เสียเด็ก"
เจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์สีหน้าเบื่อระอา ปริศนามองเหตุการณ์รอบ ๆ ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

ภายในร้านไอศครีม ย่านราชวงศ์ บนโต๊ะมีถ้วยไอศครีมที่ทานหมดแล้วจำนวนมากวางอยู่ รจนากับเพื่อนๆ อีกสามคนกำลังดื่มน้ำ ส่วนนิศาทานไอศครีมในถ้วยเป็นคำสุดท้ายหมดพอดี อานนท์มองนิศาอย่างล้อๆ
"อีกสักถ้วยไหมจ้ะนิศา"
นิศายิ้มอายๆ
"พอแล้วค่"
"พี่จะพาสาวๆ กลับไปส่งที่บ้านของหนูนานะจ้ะ...แล้วหนูนาให้รถที่บ้านไปส่งเพื่อนๆ ก็แล้วกัน"
"ได้ค่ะ...พี่นนท์จะไปเที่ยวต่อใช่ไหมล่ะคะ...น่าจะพาพวกเราไปด้วยนะคะ" รจนาบอก
อานนท์หรี่ตามองรจนา
"อย่ามาใจแตก...พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอ เป็นเด็กเป็นเล็กจะไปเที่ยวดึกๆ ดื่นๆ ไม่ได้ค่ะ"
อานนท์พูดอย่างล้อเลียน เด็กๆ ขำในท่าทางของอานนท์ โดยเฉพาะนิศาที่ถูกใจมาก

บรรยาการถนนยามหัวค่ำ มีรถวิ่งประปราย อานนท์ขับรถส่งรจนาและเพื่อนๆ ขับรถพลางผิวปากอย่างสบายอารมณ์ ส่วนรจนาและเพื่อนนั่งแหย่กระเซ้ากันหลังรถ นิศานั่งหน้าเหม่อมองอานนท์อย่างมองเทพบุตร

เวลาค่ำ นิศาเดินขึ้นบ้านมาถือถุงใส่ขนมมาด้วย เจอแม่ยืนตีหน้ายักษ์ มีเสาวนิตยืนอยู่ใกล้ๆ นิศาหน้าเสีย แต่ก็พยายามทำเป็นยิ้มยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะคุณแม่"
"อะไรกันแม่ตุ๊...ทำไมกลับมาเอาป่านนี้"
"ตุ๊เรียนคุณแม่เมื่อเช้าแล้วนี่ค่ะว่าวันนี้ขอไปงานวันเกิดเพื่อน คุณแม่ก็อนุญาตตุ๊เอง"
"เมื่อไหร่กัน ฉันจำไม่ได้ วันนี้ไม่ใช่วันหยุด พรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียน ฉันจะอนุญาตให้แกไปได้ไง"
เสาวนิตทำหน้าไม่พอใจ
"ยายตุ๊นี่ชอบโมเม...หรือไม่บางทีคุณแม่กำลังยุ่งๆ เลยไม่ทันฟังถนัด...เอามาทึกทักว่าคุณแม่อนุญาต"
"ไม่จริง พี่นิตก็นั่งอยู่ด้ว ทำไมมาพูดว่าตุ๊แบบนี้"
คุณหญิงเจริญโมโหมากเสียงดัง
"จริงอย่างแม่นิตว่านะแหล่ะ...ตุ๊นี่..ใช้ไม่ได้..แม่จะต้องตีสั่งสอนซะบ้างดีไหม"
เสาวนิตรีบวิ่งไปหยิบไม้เรียวมาส่งให้ คุณหญิงเจริญรีบรับมา แล้วเดินย่างเข้ามาหาลูกสาว นิศาถอยหนีอย่างไม่มีใครช่วย...
"เป็นเด็กเป็นเล็กยังริอ่านทำอย่างนี้ โตขึ้นจะซักแค่ไหน ยังไงวันนี้แกก็ต้องโดนทำโทษ"
นิศาพยายามอ้อนวอน ยกมือไหว้
"ตุ๊ขอโทษ...แต่คุณแม่เป็นคนอนุญาตตุ๊จริงๆ ตุ๊ไม่ได้โกหก"
คุณหญิงเจริญไม่ฟัง โมโหพาลเสียงดัง
"ยังจะมีหน้ามาเถึยงอีก...มานี่"
คุณหญิงเจริญกระชากนิศามาจะตี นิศาร้องไห้ เสียงเจ้าคุณสุทธาฯ ดังขึ้น
"อะไรกัน"
เจ้าคุณสุทธาฯเดินมา คุณหญิงชะงักแสยะปากอย่างสะใจ
"แหม…เจ้าคุณพอลูกสาวคนโปรดจะโดนตีละก็รีบออกมาจากวิมานได้นะคะ"
เจ้าคุณถอนใจ กวักมือเรียกลูกสาว นิศารีบวิ่งไปหาพ่อเช็ดน้ำตาป้อยๆ
"เมื่อเช้าฉันก็นั่งอยู่ที่ตุ๊ขอเธอไปงานวันเกิดเพื่อน...เธอเป็นคนพูดเองว่าจะไปไหนก็ไป...ตุ๊รีบไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน"
นิศารีบวิ่งขึ้นบันไดไป คุณหญิงเจริญมองอย่างโกรธ
"ทำไมท่านเจ้าคุณต้องทำอย่างนี้ทุกที...ดิฉันจะสอนลูกไม่ได้หรือไง...ทำไมมาให้ท้ายลูกผิดๆ"
"ที่ฉันทำเพราะไม่อยากให้ลูกมันดูถูกเธอหรอกนะแม่เจริ"
เจ้าคุณเดินกลับเข้าห้องไป คุณหญิงเจริญอยากจะร้องกรี้ด เสาวนิตหงุดหงิดที่นิศาไม่
โดนตี

ภายในห้องนอนของสองพี่น้อง เสาวนิตเอาขนมของนิศาออกมากินจนเลอะเทอะ แกะห่อโน้นห่อนี้วุ่นวายไม่เกรงใจ อันไหนอร่อยก็กินจนเกือบหมด นิศาเดินกลับเข้ามาในห้อง หลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีผ้าเช็ดตัวถือมาด้วย นิศาเอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งที่ราวผ้า พอหันมาเห็นเสาวนิตนั่งกินขนมสบายใจก็โมโหมาก
"พี่นิต มากินของตุ๊ทำไม"
นิศาวิ่งมาเก็บขนมใส่ถุง เสาวนิตทำท่าไม่แคร์ ยังเอาขนมอีกห่อซ่อนไว้
"คนไม่มีมารยาท...อย่างนี้เค้าเรียกลักกินขโมยกินรู้มั้ย"
"ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้น่าตุ๊...ขนมแค่นี้เป็นพี่น้องแบ่งกันกินไม่ได้หรือไง"
นิศาหันมาจ้องหน้าเอาเรื่อง
"แล้วเวลาพี่นิตมีขนม เคยแบ่งให้ตุ๊หรือเปล่าล่ะ...อาตระกลฝากขนมมาให้ตุ๊ ยังเอาไปกินคนเดียวหมด
พี่นิตนิสัยไม่ดี"
เสาวนิตค้อน แต่แสร้งทำว่าสำนึกผิด
"ตุ๊พูดอย่างนี้พี่ก็เสียใจนะ"
นิศาชะงักเพราะคิดว่าพี่สาวสำนึกผิดจริง จึงเลิกบ่นว่า ส่งขนมให้ห่อหนึ่ง
"เอ้า...แบ่งให้อีกอันเดียวนะ พี่นิตกินไปตั้งเยอะแล้วนี่"
เสาวนิตแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ เอาถุงขนมไปเก็บที่โต๊ะเขียนหนังสือของตัวเอง
"เพื่อนตุ๊นี่ใจดีนะ...ให้ขนมมาตั้งเยอะ"
นิศาทำท่าภูมิใจ
"พี่นนท์เป็นคนซื้อให้"
"ใครกันพี่นนท์"
"คุณอานนท์... พี่ชายของรจนา ทั้งหล่อ โก้ และใจดี"
นิศาทำหน้าฝันแบบเด็กๆ เสาวนิตล้อ
"พระเอกของตุ๊เหรอ"
"ใช่…พระเอกของตุ๊...คนอื่นห้ามยุ่ง"
เสาวนิตทำตาชวนฝัน
"แต่พระเอกของตุ๊ ไม่มีทางสู้พระเอกของพี่ได้หรอก แสนหล่อ แสนโก้ และแสนรวย เสียอย่างเดียว"
"เสียอย่างเดียว...เค้าไม่สนใจพี่นิต"
เสาวนิตสีหน้าผิดหวัง
"ไม่ใช่…เค้ามีเมียแล้ว ถ้าไม่มีเมียเค้า เค้าต้องสนใจพี่แน่ๆ"
นิศาหัวเราะชอบใจ
"มันก็คือเค้าไม่สนใจพี่นิตน่ะแหล่ะ...เค้าเป็นใครน่ะ"
เสาวนิตทำท่าชวนฝัน
"หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชา"
"เค้าแต่งงานกับญาติของเรานี่"
"เธอรู้ได้ไง"
"แหม…ใครๆ ในบ้านนี้เค้าก็รู้กันทั้งนั้นแหล่ะ...เลิกฝันไปได้เลย"
เสาวนิตทำท่าหมายมั่น

"คอยดูนะตุ๊ พี่จะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่โก้ และรวยอย่างท่านชายพจน์ให้ได้"

นิศาทำหน้าเบื่อหน่าย ลงนอนห่มผ้าหันหลังให้พี่สาว เสาวนิตเห็นนิศานอนก็หยิบ
ขนมที่ซ่อนไว้ออกมากิน

อานนท์เดินเข้ามาในสโมสรในตอนค่ำ ซึ่งไม่ค่อยมีคนมากนัก มีนักเทนนิสนั่งอยู่โต๊ะหนึ่ง อีกโต๊ะตระกลนั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียวอย่างเหงาๆ อานนท์เดินมาหา
"วันนี้สมาชิกหายไปไหนกันหมด"
ตระกลตอบแบบเบื่อๆ
"กลับกันไปหมดแล้ว คุณเสมอต้องไปรับลูกกับเมียที่บ้านแม่ยาย ประวิชก็ลูกไม่ค่อยสบาย ท่านชายก็ติดผ่าตัด"
อานนท์หัวเราะลงนั่ง
"สู้เราสองคนไม่ได้ ไม่ต้องมีภาระรุงรัง อิสระเสรี"
อานนท์ทำท่าสบายอกสบายใจจนตระกลหมั่นใส้
"ดูทำท่าเข้าซิ...สบายอกสบายใจเหลือเกินนะ"
"แน่นอน อยากไปไหนก็ไป...อยากทำอะไรก็ทำ..ไม่ต้อง" อานนท์ทำท่าดัดเสียง "เมียจ๋า...ขอตังหน่อยสิจ้ะ...เมียจ๋า..คืนนี้ ขอกลับดึกหน่อยนะ...อ้าว...ไม่ได้เหรอ"
ตระกลหัวเราะ บริกรเอาแก้วเครื่องดื่มมาให้ อานนท์พยักหน้าขอบใจ
"แต่บางคนเค้าชอบที่เป็นอย่างนั้นนะ"
อานนท์จิบเครื่องดื่ม
"ชอบยังไง...มีคนคอยจิกกบาล กระดิกทำอะไรก็ต้องขออนุญาต"
"การที่เราจะแต่งงานกับใครซักคนนะ...มันหมายถึงเราอยากใช้ชีวิตกับเค้า สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน...คอยดูแลกันและกัน มีคนที่รักเราคอยอยู่ที่บ้านเวลาที่เรากลับไป ที่เราต้องทำเป็นขอโน่นขอนี่เค้า...ไม่ได้แปลว่ากลัวเค้า...แต่ให้เกียรติเค้าต่างหาก เพราะเค้าเป็นคนมาเติมเต็มชีวิตเรา" ตระกลว่า
อานนท์เอามือเท้าคางมองทำตาปริบๆ
"แล้วไง...แล้วถ้าเกิดเจ้าหล่อนดีแต่นอนขี้เกียจ คอยแต่สูบเงินเราขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจ ชอบหาเรื่องชวนทะเลาะ...ดีแต่แต่งตัวสวย แต่ไม่รู้จักสมบัติกุลสตรีล่ะ"
"แล้วจะไปเอาผู้หญิงอย่างนั้นมาทำไมเล่า..ทำเป็นพูดดีไปเถอะ กันจะคอยดูซิว่าเจ้าสาวของนายนะจะเป็นยังไง"
ลีน่าแต่งชุดเล่นเทนนิสสวย เดินเข้ามาในห้องอาหารกับเพื่อนหญิงอีกสองคน ลีน่าหอบแร็คเก็ต และลูกเทนนิสเข้ามาด้วย อานนท์หันไปเห็นลีน่าก็ชะงักทันที ลีน่ากับเพื่อนพากันมานั่งโต๊ะห่างออกไปจากโต๊ะอานนท์หน่อยหนึ่ง ลีน่าไม่ได้สนใจใคร..
เพื่อนลีน่า ชื่อตู่ตู๋ บอก "สงสัยสุคงไม่มาแล้วละลีน่า"
ลีน่าทำหน้าผิดหวัง
"สุงานยุ่งซะเรื่อย"
ซอนย่าบอก
"บ้านสุอยู่ไกล"

ลีน่าเอาแร็คเก็ตกับลูกเทนนิสวาง ลูกเทนนิสหล่นกลิ้งไปทางอานนท์ ลีน่าลุกขึ้นจะไปหยิบลูก
เทนนิสแต่ช้ากว่าอานนท์ที่รีบหยิบลูกเทนนิส ไปส่งให้ลีน่า
"ขอบคุณค่ะ"
"ด้วยความยินดีครับ...เอ้อ...เพิ่งมาที่นี่เหรอครับ...คือผมเป็นสมาชิกที่นี่ มาแทบทุกวัน แต่ไม่เคยเห็นคุณ"
ลีน่ายิ้มสวย
"เอ้อค่ะ...ฉันเป็นสมาชิกใหม่ แต่รันนัมเบอร์ของคุณพ่อ"
อานนท์ยิ้มกว้างขวาง
"ผมชื่ออานนท์ วิทยาธร ครับ…นั่นเพื่อนผมชื่อ ตระกล"
"ฉันชื่อลีน่าค่ะ...เพื่อนฉัน ซอนย่า กับ ตู่ตู๋"
ลีน่าส่งมือให้อานนท์จับ
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
อานนท์รีบจับมือลีน่า.....ซอนย่า กับ ตู่ตู๋ หันไปสบตายิ้มกัน

นงลักษณ์ กำลังทำกล้วยไข่เชื่อมอยู่ในครัว ตระกลใส่ชุดเทนนิส ถือแแรคเก็ตเดินเข้าบ้านมาไม่เห็นใคร ได้กลิ่นขนมจึงเดินเข้ามาในครัว หยุดยืนมองนงลักษณ์ครู่หนึ่งนงลักษณ์เงยหน้าเห็นตระกลก็เขิน
"คุณตระกล...มาเมื่อไหร่คะ ไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง"
ตระกลยิ้มสบายใจ
"เพิ่งมาถึงครับ...นัดไปเล่นเทนนิสกับนายนนท์..กำลังทำอะไรอยู่ครับ"
นงลักษณ์ตักกล้วยไข่เชื่อมใส่จานแก้วเล็กๆ
"กล้วยไข่เชื่อมค่ะ...ต้นหลังบ้านออกมาเครือใหญ่.. ลองชิมไหมคะ"
นงลักษณ์ตักกะทิราดใส่กล้วยเชื่อมแล้วส่งให้ ตระกลรับมาสีหน้าชื่นชม
"น่าทานมากครับ"
"ระวังนะคะ...ยังร้อนอยู่"
ตระกลค่อยๆ ชิม ทำหน้าพอใจมาก
"อร่อยครับ อร่อยมาก ผมไม่เคยทานกล้วยไข่เชื่อมอร่อยอย่างนี้เลย หอมดอกไม้อะไรน้า"
"ใช้น้ำลอยดอกมะลิทำน้ำเชื่อมค่ะ"
ตระกลมองนงลักษณ์อย่างทึ่ง
"มิน่า..ถึงได้หอมหวานอย่างนี้"
ตระกลยิ้มให้นงลักษณ์อย่างเต็มใจสบายใจ นงลักษณ์อาย อานนท์แต่งชุดเทนนิสเดินลงมา
ได้ยินเสียงก็เดินเข้ามาดู
"มาจีบน้องสาวฉันเหรอ"
ตระกลสะดุ้ง นงลักษณ์เดินหนี
"มาขอขนมทาน...จะลองชิมไหมล่ะ อร่อยนะ"
"ไม่ล่ะ...สายแล้ว รีบไปกันเถอ"
ตระกลยิ้มล้อๆ
"ใจมันบินไปก่อนตัวแล้วละซิ"

อานนท์ยักคิ้ว ยิ้มเจ้าเล่ห์

อานนท์ตีเทนนิสคู่กับลีน่า ส่วนตระกลคู่กับซอนย่า ทั้งสี่คนตีเทนนิสกันอย่างสนุกสนาน
ลีน่าหัวเราะแจ่มใส อานนท์คอยมองลีน่าจนตีลูกพลาด
"ตั้งใจตีหน่อยอานนท์...นายไม่เคยแพ้ง่ายๆ อย่างนี้" ตระกลบอก
"คุณนนท์ unlucky in game but lucky in love หรือเปล่าคะ"
อานนท์มองตาลีน่าอย่างมีความหมาย
"ผมก็กำลังมองๆ อยู่นี่ละครับ"
ลีน่าอาย
"พักกันก่อนก็แล้วกัน"
อานนท์หันไปตอบตระกล
"ได้เลย"
อานนท์เดินไปนั่งที่ม้านั่งข้างสนามเทนนิส ซอนย่ามาชวนลีน่าเดินไปห้องน้ำ ตระกลเดินมา
นั่งกับอานนท์
"เป็นไง...ท่าทางนายสนใจลีน่ามากนะ"
อานนท์ทำท่าตื่นเต้น
"ยอมรับเลย...ลีน่าสวยน่ารักขนาดนี้จะอดใจได้ไง"
ตระกลหัวเราะ ดื่มน้ำ
"พูดอย่างนี้ทุกที...คราวก่อนแม่อะไรนะ"
"อะไร…กันจำไม่ได้"
"นั่นแหล่ะ...นายก็พูดอย่างนี้แหล่ะ...แล้วเมื่อไหร่เค้าจะกลับเดนมาร์คล่ะ"
"เค้าบอกว่ายังไม่แน่...เค้าคงติดใจเมืองไทยแล้วละ...แม่เค้าก็อยู่ที่นี่...เค้าคงไม่กลับเดนมาร์คหรอก ถ้าจะไปก็ไปเยี่ยมพ่อเท่านั้น แล้วนายล่ะ...สนใจซอนย่าหรือเปล่า"
ตระกลส่ายหน้า
"อย่างกันชอบผู้หญิงเรียบๆ...ผู้หญิงแบบซอนย่ากันคงตามเค้าไม่ทัน"
อานนท์หัวเราะ
"นายนี่มันเชยจริงๆ นะตระกล...ผู้หญิงเรียบๆ ซิน่าเบื่อ ผู้หญิงแบบนี้ละน่าสนใจ น่าค้นหา ก็ลองคบดูไม่เห็นเสียหาย เราจะได้นัดไปไหนมาไหนกันเป็นสองคู่ แหม...อยากไปเล่าให้ปริศนาฟังจริงๆ"
อานนท์มองตระกล ตระกลนั่งดื่มน้ำยิ้มๆ ไม่ตอบ...

ในห้องน้ำหญิงที่สโมสร ลีน่ากำลังเติมเครื่องสำอาง ซอนย่ายืนคุยด้วยท่าทางแบบสาวเปรี้ยว
"ฉันไปสืบประวัตินายอานนท์ วิทยาธรนี่มาแล้วนะ เค้าเป็นวิศวกร พ่อชื่อ พระยาพลราม"
ลีน่าทำหน้าพอใจ
"โอว…เค้าก็มีฐานะนะซิ"
"ก็น่าจะพอสมควรละลีน่า...เธอนี่โชคดีจริงๆ นะ ดูท่าทางเค้าจะชอบเธอมากนะ"
"เธอว่าเค้าจะตกหลุมรักฉันไหม"
"เธอก็ต้องแสดงให้สุดฝีมือละ...อย่าลืมล่ะ ผู้ชายไทยนะ เค้าชอบผู้หญิงเรียบร้อย...อย่าไปเผลอหลุดตัวเองออกมา"
"รับรอง…มือชั้นนี้แล้ว"

ลีน่าสีหน้าหมายมั่น

อ่านต่อหน้า 3

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ยามเย็น อานนท์ยืนรินไวน์แจกทุกคนอยู่ตรงบริเวณท่าน้ำวังศิลาขาว เห็นสนเอาของว่างมาเสิร์ฟให้ จึงยิ้มทักอย่างอารมณ์ดี

"ขอบใจมากนะสน...ไวน์หน่อยไหม"
สนหัวเราะ
"ขอบพระคุณครับ"
"ไม่ต้องให้ปริศนานะ...ปริศนาไม่อยากดื่มไวน์วันนี้"
"ทำไมล่ะ...วันนี้เป็นโอกาสพิเศษ เราน่าจะดื่มไวน์ฉลองกันหน่อย"
ปริศนาและตระกลมองหน้าอานนท์
"ฉลองเรื่องอะไรกันคะ ทำไมวันนี้คุณนนท์ทำท่าระเริงจริง"
"ร่าเริงปริศนา...ร่าเริง...ระเริงน่ะไม่ค่อยจะดีนะ"
ตระกลยักคิ้ว
"อานนท์เค้ากำลังจะมีข่าวดีน่ะ...เค้าเลยอยากรีบมาบอกปริศนา"
ปริศนายิ้ม
"ข่าวดีอะไร...อย่าบอกนะว่าหาเจ้าสาวเจอแล้วนะ"
อานนท์ยิ้มกริ่ม
"ดูเหมือนมีหลายคนอยากจะเห็นเจ้าสาวของนายอานนท์ คราวนี้ไม่แน่นะ"
ปริศนาทำท่าตื่นเต้น
"จริงเหรอ...ใครที่ไหน...ปริศนารู้จักหรือเปล่า"
อานนท์ทำฟอร์ม
"ไม่รู้จัก"
ตระกลแอบกระซิบ
"ชื่อลีน่า"
"ลีน่า...ไม่ใช่คนไทยเหรอ"
อานนท์ทำท่าหงุดหงิด
"นั่งเฉยๆ ก็ได้นะตระกล...ปากสว่างจริงๆ...เล่นบอกอย่างนี้ปริศนาก็ไม่ตื่นเต้นกันพอดี"
ปริศนาหัวเราะกับท่าทางอานนท์
"คุณนนท์...ท่าทางจะเอาจริงนะ"
"รอให้ปริศนาเห็นลีน่าซะก่อนเถอะ...ทั้งเรียบร้อย ทั้งน่ารัก กิริยามารยาทเป็นกุลสตรีทุกกระเบียด
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้นายอานนท์เพ้อได้ยังไง"

ปริศนาหันไปหัวเราะ กับอานนท์สีหน้ามีความสุข

อานนท์พาลีน่ามาไหว้พระที่วัด ลีน่าไหว้พระอย่างสวยงาม จากนั้นอานนท์ชวนสาวเจ้าไปให้อาหารสัตว์ในบริเวณวัด ลีน่าดูมีความสุขกับการโปรยทานให้อาหารสัตว์มาก ทั้งสองจูงมือกันอย่างมีความสุข
อานนท์ยังได้พาลีน่าตระเวนไปไหว้พระที่วัดอื่นๆ อีก 3-4 แห่ง ในสองวันนี้

อยู่มาวันหนึ่ง อานนท์พาลีน่าไปทานอาหาร เธอทานอาหารนิดเดียว แต่คอยเอาอกเอาใจอานนท์มาก
ตัดอาหารให้ และคอยดูแลตลอดเวลา
"คุณนนท์ลองชิมนี่ดูสิคะ...อร่อยค่ะ"
อานนท์มองลีน่าอย่างพอใจ
"ผมเห็นคุณทานนิดเดียว...คอยแต่ตักอาหารให้ผม"
"ลีน่าอยากให้คุณนนท์ทานเยอะๆ ค่ะ จะได้มีแรงพาลีน่าไปเที่ยวบ่อยๆ"
"ผมอยากพบคุณทุกๆ วันเลยนะลีน่า"
ลีน่ายิ้มอายๆ
"ลีน่าก็เหมือนกันค่ะ"
ลีน่าทำอายม้วน อานนท์ยิ่งพอใจ
"ลีน่า...คุณยังต้องการกลับไปอยู่ที่เดนมาร์คหรือเปล่า"
"พ่ออยากให้ลีน่าไปอยู่ด้วย....พ่อบอกว่าที่โน่นดีกว่าเมืองไทย"
อานนท์ทำหน้าเศร้า
"ถ้าคุณกลับเดนมาร์คผมคงแย่แน่ๆ....ผมไม่อยากให้คุณไปเลย"
"ลีน่าก็ไม่อยากไปแล้ว ลีน่าชอบเมืองไทย ชอบคนไทยด้วย"
ลีน่ามองอานนท์อย่างมีความหมาย อานนท์จับมือลีน่ามากุมไว้อย่างซึ้งใจ

ฉาก 4บ้านพระยาพลราม – ห้องนั่งเล่น
เวลากลางวัน วันใหม่
ผู้แสดงพระยาพลราม คุณหญิงแนบ อานนท์ รจนา

พระยาพลรามกับรจนา กำลังช่วยกันถักนิตติ้งเสื้อหนาวซึ่งจวนจะเสร็จเป็นตัวแล้ว อานนท์เดินเข้ามารจนาดีใจวิ่งมากอดพี่ชาย
"พี่นนท์"
อานนท์มองพ่อที่กำลังทำการฝีมือก็หัวเราะ
"โอ้โห...ฝีมือคุณพ่อถักเหรอคะ"
รจนาอวด
"น้องก็ช่วยคุณพ่อด้วยค่ะ"
"ช่วยด้วยปากนะซิ...พรุ่งนี้จะเอาไปส่งครูแล้ว"
คุณหญิงแนบเดินเข้ามา
"ตานนท์...จะมากินข้าวเย็นกับแม่เหรอ"
อานนท์ทำท่าเจ้าเล่ห์
"ครับ...และผมมีเรื่องจะมาปรึกษาคุณพ่อ กับ คุณแม่ครับ"
คุณหญิงแนบ หันไปสบตากับ พระยาพลราม ผู้เป็นพ่อ

อานนท์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"ผมคิดว่าผมเจอผู้หญิงที่จะมาเป็นสะใภ้ของคุณพ่อ คุณแม่แล้วครับ"
พระยาพลรามหัวเราะหึหึ คุณหญิงแนบตื่นเต้น
"จริงเหรอลูก...ไปเจอที่ไหนล่ะ"
"เค้าไปตีเทนนิสที่สโมสรที่ผมเป็นสมาชิกครับ"
แม่ชักหน้าอึ้งไปนิดหนึ่ง
"ผมอยากจะมาขอแหวนคุณแม่วงเล็กๆ ไปหมั้นเค้าไว้ก่อน"
แม่เรอดังเอิ้ก
"อะไรจะไปหมั้นกันง่ายๆ อย่างนั้นล่ะพ่อนนท์... มันต้องยกขันหมากกันนะลูก"
"แค่ทำให้เค้ามั่นใจว่าผมอยากแต่งงานกับเค้าจริงๆ ครับ"
"แกแน่ใจเหรอว่าอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แน่ๆ" พลรามถาม
"แน่ใจที่สุดครับ...เค้าถูกใจผมทุกอย่าง...ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ได้พบเค้าจะต้องชอบแน่ๆ เค้าเป็นผู้หญิงเรียบร้อยเอาใจเก่ง"
"แล้วเค้าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร"
"พ่อเค้าเป็นคนเดนมาร์ครับ...แต่แม่เป็นคนไทย"
คุณหญิงแนบหงายหลังพิงเก้าอี้ตาลอย เรอออกมาอีกเอิ้กใหญ่...

ในร้านอาหารประจำของเพื่อนๆ ลีน่า ซอนย่า ตู่ตู๋ และ แพท ยกแก้วเบียร์ชนกันอย่างสนุกสนาน
ซอนย่าเปิดประเด็น
"ฉันว่านายอานนท์นี่เสร็จลีน่าแน่นอน"
"ไม่มีทางรอดมือฉันไปได้" ลีน่าพูดพลางหัวเราะเสียงดัง
"แน่ใจเหรอลีน่าว่าเธอต้องการทำแบบนี้ ถ้าไม่รักกันจริงก็ไม่น่าไปหลอกเค้า"ตู่ตู๋ว่า
"น่าสงสารผู้ชายคนนั้นนะ" แพทบอก
"จะสงสารทำไม อยากมาติดใจเอง ช่วยไม่ได้"
"ใช่…อยากรวยดีนัก โดนหลอกนิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอก" ซอนย่าบอก
ตู่ตู๋เตือนลีน่าเตือนด้วยความเป็นห่วง
"ผู้ชายนะไม่ยอมให้หลอกง่ายๆ หรอกนะ"
"สำหรับลีน่า...ไม่มีผู้ชายคนไหนจะพ้นมือไปได้ จริงมั้ยซอนย่า"
ลีน่าหัวเราะกับซอนย่าเสียงดัง สุชาดา สุทธากุลเดินเข้ามา
"มีเรื่องถูกใจอะไรกันจ๊ะลีน่า ซอนย่า...เสียงหัวเราะดัง สนั่นไปถึงถนน"
"วันนี้สุมาได้จริงๆด้วย...ดีใจจังเลย" ตู่ตู๋บอก
ตู่ตู๋ลุกขึ้นดึงสุให้นั่งลงข้างๆ
"สุ…วันนี้มาได้เหรอจ้ะ" แพทบอก
ลีน่าหันไปเห็นสุชาดาก็ดีใจมาก
"สุ...สุ มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง"
"มีหนุ่มมาให้ลีน่าหลอกอีกแล้ว" ซอนย่าบอก
"ทำไมต้องไปหลอกเค้าด้วย"
"ก็เค้าอยากมาให้ลีน่าหลอกเอง"
"สุ เธอช่วยพูดให้สองคนนี้เลิกล้มความตั้งใจซะทีเถิด" ตู่ตู๋บอก
"อย่าไปหลอกเค้าเลยบาปกรรมนะ"
ซอนย่าโห่สุชาดา
"โธ่สุ...หยุดเป็นคนดีซักวันเถอะน่า"
สุชาดาฝืนยิ้ม
"ฉันมาคบหญิงเจ้าเล่ห์อย่างเธอได้ไงนะ ไหนลีน่า ถ้าอยากเล่าก็เล่ามาเร็วๆ"
ลีน่าจะเล่า แต่ซอนย่ารีบห้ามไว้แล้วแย่งพูด
"เดี๋ยวซอนย่าเป็นคนเล่าเอง"
ซอนย่าพยายามทำท่าเรียบร้อยให้สุชาดาดู แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา

อานนท์ ประวิช และ ตระกล นั่งดื่มเครื่องดื่มคุยกันในสโมสร
"แหม…ชักอยากจะเห็นลีน่าของนายแล้วซิ"
"วันนี้แม่เค้าไม่ค่อยสบาย...ไม่อย่างนั้นก็มาด้วยแล้ว นี่..." อานนท์เอาแหวนออกมาอวด "ไปขอแหวนแม่มา"
ประวิชมองหน้ากับตระกล
"เฮ้ย…ไปขอแหวนแม่มาแล้วด้วย เอาจริงแน่เหรอ" ประวิชถาม
"นั่นซิ...นายเพิ่งเจอเค้าไม่กี่ครั้งเอง" ตระกลบอก
"ก็มัวแต่งุ่มง่ามอย่างนายป่านนี้ถึงยังหาแฟนไม่ได้ซักทีไง คนนี้นะกันมั่นใจ" อานนท์โอ่
"แต่ของอย่างนี้ดูให้ดีๆ ก่อนดีกว่านะอานนท์" ประวิชเตือน
"แล้วนายไปรู้จักพ่อแม่เค้าหรือยัง"
อานนท์ทำตาปริบๆ
"ยัง"
"แล้วรู้หรือเปล่าว่าบ้านเค้าอยู่ที่ไหน"
อานนท์ทำตาปริบๆ อีก
"ไม่รู้หรอ"
ประวิชมองหน้ากับตระกล
"แล้วเค้ามีพี่น้องกี่คน" ตระกลถาม
"ไม่รู้"
"แล้วรู้เรื่องอะไรเค้าบ้าง" ประวิชถาม
อานนท์จำนน แกล้งทำหงุดหงิด
"แล้วพวกนายจะมาถามกันทำไม ประวัติอะไรนั่นนะ ไม่สำคัญ มันสำคัญที่ว่าเราสองคนพอใจ ถูกใจกันหรือเปล่า เรื่องอื่นไม่สำคัญ จริงไหมประวิช อย่างนายแต่งงานกับอนงค์น่ะ คนอื่นสำคัญด้วยเหรอ"
ประวิชทำหน้าเฉยๆ
"ฉันกับอนงค์รู้จักกันเป็นปีก่อนแต่งงานกัน"
อานนท์อึ้ง
"เชย…กันไม่ชอบอย่างนั้นหรอก ไม่ตื่นเต้น"
ตระกลถาม
"แต่ถ้าแต่งงานกันไปแล้ว ไปเจอเรื่องเบื้องหลังที่นึกไม่ถึง จะยังตื่นเต้นอีกไหม"
"เช่นอะไร"
"เช่นเค้าเคยมีสามีมาแล้ว... มีลูกติดอีก หรือเป็นนักพนัน มีหนี้สินท่วมหัว หรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง...หรือ..."
อานนท์ไม่อยากฟังรีบห้าม
"พอๆๆ ไม่มีทางเป็นอย่างที่นายว่าแน่"
อานนท์มองหน้า ตระกล กับ ประวิช ด้วยสีหน้าหวาดๆอยู่เหมือนกัน

เวลาที่ผ่านไป ภายในร้านอาหาร เหลือเพียงสุชาดานั่งคุยกับลีน่าสองคน เพื่อนคนอื่นๆ กลับไปแล้ว
"แม่ไม่ยอมหยุดเลยสุ....เมื่อสองวันก่อนก็ไปเล่นเสียมาอีก"
ลีน่าสีหน้าเศร้าๆ สุชาดามองอย่างเห็นใจ
"ลีน่าคุยกับแม่เรื่องนี้หรือเปล่า"
ลีน่าพยักหน้า
"คุยหลายหนแล้ว แต่ เค้าหยุดไม่ได้จริงๆ นะสุ...ผีพนันมันเข้าสิงซะแล้ว เราไม่รู้จะทำยังไง เจ้าหนี้ก็มาริบข้าวของในบ้านจนจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว ทุกวันนี้ก็แทบนั่งกินข้าวกับพื้น"
"แล้วพ่อลีน่าล่ะ...ไม่ช่วยอะไรเลยเหรอ"
ลีน่าถอนใจ
"เค้าช่วยไม่ไหว...เค้าถึงหนีไปเดนมาร์คเพราะคิดว่า..ถ้าพ่อไม่อยู่ช่วย แม่คงเลิก แต่แม่ไม่เลิก มิหนำซ้ำ พ่อส่งเงินให้ลีน่าใช้ แม่ก็มาขออยู่เรื่อย"
"แล้วทำไมไม่พาแม่ไปอยู่เดนมาร์คกับพ่อเลย"
"แม่ออกนอกประเทศไม่ได้ เพราะเจ้าหนี้บางคนไปแจ้งความไว้แล้ว...ลีน่าถึงต้องหาผู้ชายรวยๆ มาแต่งงานด้วย ลีน่าอยากหาเงินมาใช้หนี้ให้มันหมดสิ้นไปสักที"
"แต่มันไม่ยุติธรรมกับผู้ชายคนนั้นเลยนะลีน่า"
"ถ้าเค้ารักลีน่า...เค้าก็ต้องยอมเสียสละ"
สุชาดาถอนใจ
"ถ้าผู้ชายที่จะแต่งงานกับลีน่าจะยอมใช้หนี้ขนาดนี้ให้... เค้าจะต้องรักลีน่ามากๆ เลยนะ"
"ลีน่าจะต้องทำทุกอย่างให้คุณนนท์รักลีน่ามากๆ ให้ได้"
"เค้าชื่ออะไรนะ"
"อานนท์…อานนท์ วิทยาธร"

สุชาดานิ่งนึก ใช้ความคิด

ทั้งสามคนนั่งทานของว่าง กับเครื่องดื่มอยู่ที่ห้องอาหารสโมสร

"อานนท์ ชีวิตแต่งงานมันก็เหมือนซื้อล็อตเตอร์รี่ละนะ" ประวิชเตือน
"คำนี้เค้าใช้กับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ" ตระกลบอก
"ใช้กับผู้หญิงยังไง" อานนท์ถาม
"ผู้หญิงเค้าชอบพูดกัน...ใครแต่งงานได้สามีดี ฐานะดี ก็เหมือนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง"
"อ๋อ…ใครแต่งงานได้สามีไม่ดีก็เหมือนโดนหวยกิน" อานนท์ว่า
"เออ…"
ประวิชบอก
"ผู้ชายก็ใช้ได้ ผู้ชายบางคนเลือกแต่งงานกับผู้หญิงที่คิดว่าดีแน่ๆ แต่พออยู่ๆ ไป จากนางฟ้ากลับกลายร่างกลายเป็นแม่มด หรือจากนางอ้อนแอ้นกลายเป็นนางหมูพะโล้ ก็เหมือนโดนหวยกินเหมือนกัน"
"จะบอกว่าตัวเองโชคดีได้เมียอย่างอนงค์แล้วเหมือนถูกหวยละซิ"
ประวิชทำท่าสบายใจ
"แน่นอน… สุขกายสบายใจ อนงค์นี่เป็นแม่บ้านแม่เรือนชั้นยอด นอกจากคอยดูแลกันแล้วนะ เค้ายังดูแลทุกคนด้วย"
ตระกลเห็นด้วย
"อานนท์ นายจะมีเมียน่ะ นอกจากเป็นเมียที่ดี ต้องเป็นแม่ที่ดีด้วย ลูกมันถึงจะมีความสุข ครอบครัว
มีความสุข...เราก็เหมือนขึ้นสวรรค์"
อานนท์หัวเราะ
"นายยังไม่แต่งงานซักหน่อย รู้เรื่องมีครอบครัวดีอย่างนี้ได้ไง"
ตระกลสีหน้าหม่นหมอง
"ก็เพราะกันอยู่กับคนที่เป็นแม่เป็นเมีย...แต่ทำให้บ้านเป็นนรกอยู่ทุกวันน่ะซิ"
อานนท์ มองหน้ากับประวิช

บริเวณโถงบ้าน เสาวนิตแอบเอาเงินให้เจียม เจียมแอบเอาหนังสืออ่านเล่นให้เสาวนิต
"พรุ่งนี้ไปเอามาอีกเล่มนึง"
เจียมทำท่าสู่รู้
"อีกเล่มที่ว่าเหรอเจ้าคะ"
เสาวนิตยิ้มกริ่มพอใจ
"เออ…คราวนี้เอาไปซ่อนใต้เตียงล่ะ ทำลับๆ ล่อๆ แบบนี้ ถ้ามีคนเห็นไปฟ้องคุณแม่ฉันก็โดนตีแย่น่ะซิ"
คุณหญิงเจริญเดินลงมาจากบนบ้าน เรียก
"นังเจียม...นังเจียม"
เสาวนิตรีบวิ่งหนีออกไปทางด้านหลัง เจียมเดินมานั่งพับเพียบต่อหน้าคุณหญิง
"คุณนิตหายไปไหน"
"เอ้อ…หนูยังไม่เห็นเลยค่ะ"
เจริญตวาด
"อะไรกัน แกอยู่บ้านภาษาอะไร"
"เอ้อ…คุณหญิงจะสั่งถึงคุณนิตไว้ก็ได้ค่ะ หนูจะไปบอกคุณนิตให้"
"ไม่ต้องมาทำสู่รู้เรื่องของเจ้านายหน่อยเลย...ไปตามยายตุ๊มาหาฉันหน่อย"
"คุณตุ๊อ่านหนังสืออยู่บนห้องเจ้าค่ะ"
คุณหญิงเจริญเต้น
"ก็ไปตามามาซี่อีนี่"
"ค่ะ…ค่ะ"
เจียมรีบลุกขึ้นวิ่งออกไป

บริเวณสวนหลังบ้านเจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์ เสาวนิตเดินเปิดหนังสืออ่านมาเรื่อยๆ สีหน้ายิ้มแย้มถูกใจ บางตอนอ่านแล้วเสาวนิตก็หยุดยืนหลับตาทำสีหน้าชวนฝัน...เดินอ่านมาเรื่อยๆ จนมาชนเอากับเทอดที่ก้มทำต้นไม้อยู่ เสาวนิตไม่ทันระวังก็หกล้ม
"ว้าย"
เทอดตกใจ รีบคว้าตัวเสาวนิตไว้ เสาวนิตหันมาสบตากับเทอด เทอดพยุงเสาวนิตให้ยืน
"ขอโทษครับ เจ็บมากหรือเปล่าครับ"
"ไม่เป็นไรจ้ะ เธอเป็นใคร ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน"
"เอ้อ…ผมชื่อเทอดครับ เป็นหลานป้าพลับ"
เสาวนิตมองเทอดอย่างพอใจที่เทอดหน้าตาดี แต่ก็ทำไว้ตัว
"ฉันชื่อ เสาวนิต เป็นลูกสาวคนโตของพระยาสุทธา เจ้าของบ้านนี้"
เทอดรีบลงนั่งยกมือไหว้
"ผมต้องขอโทษที่ไม่ดูให้ดีทำให้คุณต้องหกล้มครับ"
"เรียกฉันว่าคุณนิตก็ได้จ้ะ โอ้ย..."
เสาวนิตแกล้งทำเป็นเจ็บข้อเท้ายืนไม่ไหว ทำท่าจะล้ม เทอดรีบพยุงอย่างตกใจ
"เป็นอะไรครับ"
เสาวนิตแกล้งทำว่าเจ็บมาก
"เทอด...ฉันเจ็บข้อเท้า พาฉันไปนั่งที่โน่นหน่อย"
เสาวนิตชี้ไปที่ม้านั่งในสวนใกล้ เทอดพยายามพยุงจะให้เดินไป แต่เสาวนิตไม่ยอมเดิน
"โอ้ย...ไม่ไหว เดินไม่ไหว"
"ผมจะไปตามคนมาช่วยนะครับ"
"อย่า…ไม่ต้อง ถ้าเธอเดินหายไปฉันคง...ฉันคงเป็นลม ล้มลงตรงนี้ก็ได้"
เทอดงง
"ผมจะทำยังไงดีครับ"
"เธออุ้มฉันไหวไหมเทอด...อุ้มฉันไปวางที่นั่นที"
เทอดอุ้มเสาวนิตขึ้นอย่างง่ายดาย ก่อนจะเดินไปที่นั่ง แล้วได้ยินเสียงคุณนายพลับตะโกนเรียก
อย่างร้อนรน
"เทอด...เทอด"

ทั้งเทอดและเสาวนิตตกใจกลัวคนมาเห็นในสิ่งที่ตัวเองทำ เทอดรีบก้มตัวลงไม่ให้คุณนายพลับมองเห็น
"เทอด เทอด อยู่แถวนี้หรือเปล่า"
ก่อนที่คุณนายพลับจะเดินมาถึง เทอดรีบลุกขึ้นให้ป้าพลับเห็นโดยปล่อยให้เสาวนิตนั่งอยู่กับพื้น
"ครับป้า....ผมอยู่นี่ครับ"
"มาๆ ไปกับป้าเร็วๆ"
เทอดมองเสาวนิตที่นั่งหน้างอที่พื้น และรีบเดินออกไปหาป้า

เสาวนิตผิดหวังกับแผนที่วางไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า

อ่านต่อหน้า 4

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 1 (ต่อ)

คุณหญิงเจริญนั่งหน้าบึ้งคอยนิศา นิศาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น

"คุณแม่ให้เรียกตุ๊เหรอคะ"
"ก็ใช่น่ะซิ ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ให้แม่รอตั้งนาน"
"ตุ๊อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบค่ะ"
คุณหญิงเจริญไม่สนใจ ทำหน้าเบื่อๆ
"อ่านเยอะๆอย่างนี้ถ้าไม่ได้ที่หนึ่งน่าดู...พรุ่งนี้เตรียมตัวไปวัดกับคุณย่า"
นิศาทำหน้าเบื่อ
"ไม่เอาหรอก คราวที่แล้วตุ๊ก็ไปแล้ว คราวนี้ให้พี่นิตไปบ้างสิคะ"
คุณหญิงเจริญตวาด
"เอ๊ะตุ๊นี่...ทำไมต้องเถียงแม่ทุกคำ แม่บอกให้ตุ๊ไปก็ไปสิ"
นิศาพยายามอ้อนวอน
"โธ่คุณแม่...คุณแม่รู้ไหมว่าไปวัดกับคุณย่านะ...มันน่าเบื่อแค่ไหน ทีพี่นิตไม่เห็นจะค่อยไป"
คุณหญิงเจริญทำท่าจะตวาดนิศาอีก พอดี พรรณ รีบเดินเข้ามา
"แม่เจริญ...เจ้าคุณอยู่ไหน"
"มีเรื่องอะไรกันคะ"
"คุณแม่น่ะซิ เดือดยายพลับใหญ่แล้ว จะมาเรียกเจ้าคุณไปช่วยห้ามทัพหน่อย ไม่งั้นยายพลับโดนเฉดหัว
ออกจากบ้านแน่ๆ"
นิศารีบรับอาสา
"ตุ๊ไปตามคุณพ่อเองค่ะ"
นิศาวิ่งไป
"ยายพลับไปก่อเรื่องอะไรคะ...คุณพี่ทราบไหมคะ"
"ยายพลับเอาหลานชายมาอยู่ด้วย...ไม่ขออนุญาตท่านก่อน"
คุณหญิงเจริญยิ้มสะใจ

ณ เรือนคุณหญิง พลับกับเทอดหมอบก้มหน้านิ่ง คุณหญิงเทพยืนเท้าสะเอวจิกด่าอย่างถืออำนาจใหญ่ พิศ กับ เพริศ นั่งมองตาปริบๆ
"แกมันกำเริบมากเกินไปแล้วอีพลับ ลำพังตัวแกกูให้มีที่คุ้มหัวอยู่ก็บุญแล้ว แกมีสิทธิ์อะไรเอาหลานแกเข้ามาอยู่ในบ้านกู"
พลับร้องไห้
"อิฉันได้กราบเรียนท่านเจ้าคุณไปแล้ว...ท่านเจ้าคุณเป็นคนอนุญาตให้อิฉันเอาหลานมาอยู่ด้วยได้"
"ถึงท่านเจ้าคุณจะยอมให้แกเอาหลานมาอยู่ก็เถอะ... แกมันแก่ หัวหงอกแล้วไม่มีความคิดหรือไง จะเอาอ้ายอีที่ไหนเข้ามากินมาถ่ายบ้านกู...ทำไมไม่พามันมาให้กูดูหน้ามันก่อน...ทำไมต้องให้กูรู้เอง"
คุณหญิงเทพโยนของใส่หน้าพลับจนหน้าหัน เจ้าคุณสุทธารีบเดินเข้ามา
"คุณแม่ครับ...ผมต้องกราบขอโทษด้วย ผมไม่ดีเอง ลืมนึกที่จะบอกให้แม่พลับพาหลานมากราบคุณแม่ก่อน"
คุณหญิงเจริญ นิศา และ พรรณเดินตามขึ้นมา
"อย่ามาออกรับแทนมันเลยท่านเจ้าคุณ...อีพลับน่ะแหล่ะมันควรจะรู้เอง ทีเรื่องอื่นตอแหลรู้ดีสารพัด...ยิ่งเรื่องที่มันถนัดชอบลักซ่อนนอนแบให้ผัวชาวบ้าน...มึง... ดีแต่ทำเรื่องข้ามหัวกู สารเลว กูไม่น่าให้มึงอยู่ที่นี่
เลย…มันน่าเฉดหัวออกไปให้พ้นบ้านนัก"
พลับลนลานมองหน้าเจ้าคุณ
"คุณแม่ครับ...ครั้งนี้ผมขอสักครั้งหนึ่งเถิดครับ...ถ้าคุณแม่ไล่ยายพลับกับหลานไป..กระผมก็เหมือนมีบาปติดตัวที่มีส่วนทำให้เขาเดือดร้อน"
เจ้าคุณเดินมาหาคุณหญิงแม่ ประคองเดินไปนั่งอย่างอ่อนโยน
"นึกว่าทำบุญกับลูกนกลูกกาไม่มีทางไป...บุญกุศลที่ได้จะตกอยู่แก่คุณแม่...ให้พบให้เจอแต่สิ่งที่ดีไม่มีตกต่ำ"
คุณหญิงเทพสงบลง
"ผมเห็นว่าเด็กคนนี้เรียนดีน่าสนับสนุน นี่เขาก็จะเรียนเป็นหมอ"
คุณหญิงเทพมองเทอดแบบไม่เชื่อขี้หน้า
"เป็นหมอเชียวหรือ อย่างมันนี่นะ"
"ครับ เทอดสอบเข้าหมอได้แล้ว พ่อเขาก็เป็นนายอำเภอ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าไม่ได้ใบบุญคุณแม่...เด็กมันก็คงเรียนไม่จบ เทอดมากราบท่านเสียสิ"
เทอดคลานเข้าไปกราบเท้าคุณหญิงเทพอย่างนอบน้อม แล้วก็ก้มอยู่อย่างนั้น คุณหญิงเทพ
ถอนใจ
"นี่แม่เห็นแก่ท่านเจ้าคุณหรอกนะลูก" แล้วหันไปตวาดพลับต่อ "อีพลับ ดูหลานแกให้ดี อย่าให้ไปทำรุ่มร่ามที่ตึกของท่าน ที่นี่ก็ไม่ต้องมาถ้าข้าไม่ได้เรียก จะอยู่ที่นี่ อย่ามาทำมือห่างตีนห่างต้องช่วยทำงาน แม่พิศ...ลูกมอบหมายงานให้มันด้วย"
"เจ้าค่ะคุณแม่"
คุณหญิงเทพไล่
"ไป..ไสหัวกลับไปให้หมด เบื่อหน่ายอีพวกนี้นัก เลี้ยงไว้เปลืองข้าวสุก"
พลับกับเทอดกราบลาแล้วพากันรีบเดินกลับไป คุณพิศ คุณเพริศ คุณพรรณพากันซุบซิบเกี่ยงกันไปมา คุณหญิงเทพหันไปมอง
"มีอะไรกัน...แม่สามคนนี่มีอะไรกัน ยุกยิกเกี่ยงกันเรื่องอะไร"
คุณพรรณบอก
"เอ้อ….เราสามคนอยากจะขออนุญาตคุณแม่ออกไปซื้อของใช้ที่บางลำพูพรุ่งนี้ค่ะ"
"พุทโธ่…เรื่องแค่นี้ก็ให้แม่เจริญเค้าไปจัดการให้ซิ...เป็นสาวเป็นแส้จะออกจากบ้านไปตะลอนๆ ยังไงยะหล่อน...ให้แม่เจริญเค้าไป เค้ามันคนมีผัวแล้ว ไม่มีใครมาเกาะแกะหรอก"

นิศาหัวเราะ สามป้าหน้างอ
"หัวเราะอะไรแม่ตุ๊...ย่าพูดอะไรน่าขำเหรอ"
เจ้าคุณสุทธามองสบตากับลูกสาว
"เปล่าค่ะคุณย่า...เหน็บมันกินขาตุ๊จั๊กกะจี้"
คุณหญิงเจริญหันมาดุอย่างไม่พอใจ
"ตุ๊นี่ก็พูดเป็นเล่นไม่เข้าเรื่อง...ผู้ใหญ่เค้ากำลังพูดเรื่องเป็นงานเป็นการ…ทำเป็นหัวเราะออกมาได้"
คุณหญิงเจริญเดินไปหยิกแขนนิศา นิศาทำหน้าเจ็บ ตาแดงจะร้องไห้ เจ้าคุณลุกขึ้นยืน
"ผมลาคุณแม่ละครับ...ไปตุ๊ กลับกับพ่อ"
"อ้าว…น่าจะอยู่กินข้าวกับแม่ที่นี่นะ"
"เจ้าเฉยมันคงจัดการให้ผมไว้แล้วครับ...ให้แม่เจริญอยู่รับทานกับคุณแม่ก็แล้วกัน"
เจ้าคุณสุทธายกมือไหว้ลาแม่กับพี่สาวแล้วเดินกลับไป นิศาวิ่งตามไปด้วย คุณหญิงเจริญค้อนตาม
อย่างหมั่นไส้

เจ้าคุณสุทธาสีหน้าไม่มีความสุข เดินกลับตึกใหญ่กับนิศา
"ทำไมคุณย่าถึงไม่ชอบย่าพลับล่ะคะ"
เจ้าคุณนิ่งไปนิดหนึ่ง
"เรื่องของผู้ใหญ่...ตุ๊อย่าไปยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ เดี๋ยวแม่เค้าจะตีเอา"
นิศาทำหน้ามุ่ย พยายามชวนคุย
"แต่เมื่อกี้ตุ๊ขำจริงๆ ที่คุณย่าไม่ยอมให้คุณป้าสามคนออกไปบางลำพู แล้วให้คุณแม่ไปแทนเพราะจะได้ไม่มีใครมาเกาะแกะ" นิศาหัวเราะ พูดต่อ"อย่างคุณแม่ไม่ต้องกลัวคนมาเกาะแกะหรอกค่ะ ถ้ามีผู้ชายมาเดินใกล้ๆ คุณแม่นะ มันจะเข้ามาจี้เอามากกว่า"
นิศาพูดแล้วก็หัวเราะ...เจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์ก็เกือบจะยิ้มกับคำพูดของลูกสาว แต่ก็ทำหน้าขรึมเดินไปเรื่อยๆ เหมือนไม่ได้สนใจ...

วันใหม่ อานนท์เดินอยู่หน้าโรงหนังชี้ขวนกันดูใบปิดหนัง ด้วยท่าทางมีความสุข อานนท์จับมือลีน่าไว้ตลอดเวลา วนิดาเดินมากับแม่เลี้ยง ชื่อ ประภา เห็นอานนท์กับลีน่าก็หน้าเสีย หยุดยืนมองอย่างผิดหวังจนแม่เลี้ยงสังเกตเห็น
"มองใครลูกหนูดา"
วนิดาพยายามกลบเกลื่อน พอมองหาอานนท์อีกทีก็ไม่เห็น
"เอ้อ…เปล่าค่ะ...เหมือนคนรู้จักแต่ไม่ใช่"

ในเวลาต่อมา วนิดานั่งรถไปกับประภา ผู้เป็นแม่เลี้ยง มีคนขับด้านหน้า วนิดายังคงอารมณ์เสียที่เห็นอานนท์กับหญิงอื่นๆ
ประภาเรียก "ป้า" เมื่อคุยกับวนิดา
"ป้าอยากจะแนะนำคนน่าสนใจให้หนูรู้จักสักคน"
"ใครคะ"
"คุณโกศล"
"ใครกันคะคุณโกศล"
"เคยเป็นเลขาทูตที่อเมริกา...ตอนนี้กลับมาอยู่กระทรวง เค้าเป็นญาติห่างๆ ของป้าเอง"
"หนูไม่เคยรู้จักเค้านี่คะ"
"ป้าอยากให้หนูรู้จักคุณโกศล...เค้าเป็นคนมีอนาคตที่ดีจ้ะ ฐานะทางบ้านเค้าก็ดี...ป้าเห็นเค้าตั้งแต่เด็กๆ"
วนิดานั่งเงียบ
"เค้าเคยรักกับผู้หญิงคนนึงตั้งนาน... แต่ทำไมไม่แต่งงานกันก็ไม่รู้ คงไม่ใช่เนื้อคู่กัน ป้าจะชวนเค้ามาทานข้าวที่บ้านเรา"
"ก็ดีค่ะ"
"เราจะไปร้านผ้าที่สะพานหันหน่อยดีไหม"
วนิดาทำหน้าไม่ค่อยสบายใจ
"กลับบ้านดีกว่าค่ะ...หนูปวดหัว"
ประภาแปลกใจ
"อ้าว…เป็นอะไร ถ้างั้นก็กลับบ้านเลยแล้วกัน"

วนิดามีสีหน้าระทมทุกข์ชัดแจ้ง

ทางฝ่ายอานนท์พาลีน่ามาดูหนังด้วยกันสองต่อสอง สีหน้าท่าทางมีความสุขมาก

"ผมรู้สึกว่าผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก"
ลีน่ายิ้มน่ารัก
"คุณนนท์น่ะ...ปากหวาน"
"ไม่ได้ปากหวาน.....มีแต่คนมองผมด้วยความอิจฉา"
"เค้าอาจจะอิจฉาลีน่าก็ได้...ที่ได้มาควงหนุ่มหล่ออย่างคุณนนท์"
อานนท์มองลีน่าอย่างหลงใหล
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็ปากหวานเหมือนกัน"
ลีน่าทำเป็นหัวเราะ
"เคยชิมเหรอคะถึงรู้ว่าปากลีน่าหวาน"
อานนท์มองลีน่านิ่ง
"ผมอยากชิมจะแย่แล้ว"
ลีน่าหัวเราะ เอามือจุ๊ปาก สั่นหัวอย่างน่ารัก

นงลักษณ์กำลังนั่งทำกับข้าวอยู่กับสาวใช้ ตระกลเดินเข้ามาในครัว
"วันนี้มีอะไรทานครับ"
นงลักษณ์เงยหน้าเห็นตระกลก็ดีใจ...แต่ก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจที่ตระกลแวะมา
"คุณตระกล! ไม่ได้ยินเสียงรถเลยนะคะ"
ตระกลกลัวนงลักษณ์จะประหม่าจึงรีบอธิบาย
"พอดีแวะเอาของมาให้คุณสมรครับ....รถจอดอยู่บ้านโน่น...ไม่มีใครอยู่บ้าน เลยคิดแวะมาคุยกับอานนท์ครับ"
"คุณนนท์ก็ยังไม่กลับค่ะ"
ตระกลได้กลิ่นอาหารที่นงลักษณ์ทำ หอมแตะจมูก
"แค่กลิ่นก็ชวนน้ำลายสอแล้วครับ"
"มีน้ำพริกมะขาม กับแกงจืดปลาหมึกยัดไส้ค่ะ"
"โอ้โห...ต้องขอฝากท้องเย็นนี้ซะแล้วละครับ ได้ยินว่ามีน้ำพริกมะขามแล้วหิวเลย"
นงลักษณ์ดีใจ
"ยินดีเลยค่ะ...ฉันจะได้มีเพื่อนทานข้าว คุณนนท์กว่าจะกลับก็ดึกละค่ะ...สายใจทำไข่เจียวเพิ่มอีกอย่างก็แล้วกัน"
"ค่ะคุณ"
ตระกลมองนงลักษณ์อย่างสบายใจ

อานนท์ขับรถมาส่งลีน่า ที่หน้าบ้านใหญ่โตหลังหนึ่ง
"ถึงแล้วค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ"
"ให้ผมเข้าไปส่งไหมครับ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ...แค่นี้ก็ขอบคุณคุณนนท์มากแล้ว"
ลีน่ารีบเปิดประตูรถลงไป ยืนโบกมือให้อานนท์ ก่อนทำท่าจะหันหลังเข้าบ้าน แต่ก็หันมายืนโบกมือ
ให้อานนท์อีก อานนท์จึงขับรถไป ดูทางกระจกส่องหลัง ก็เห็นลีน่ายืนโบกมือให้ อานนท์ยิ้มกับตัวเอง พอรถของอานนท์ขับลับไป ลีน่าก็เดินเลยจากบ้านหลังใหญ่ มาที่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านไม้ธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ดูแย่มากนัก ลีน่าเปิดประตูเข้าไป

บ้านลีน่าเป็นบ้านไม้ ภายในบ้านมีแค่โต๊ะกินข้าวเก่าๆ ตัวหนึ่ง กับเก้าอี้อีก 2 ตัวเท่านั้น แม่ลีน่า ท่าทางเหมือนพวกเมียเช่า กำลังนั่งถอดไพ่ พอลีน่าเข้าไปก็หันมามองทำหน้าเฉยๆ
"เอ้านี่...จดหมายพ่อแก"
แม่โยนจดหมายให้ ลีน่าหยิบจดหมายมา มีรอยแกะซองแล้ว ลีน่ามองหน้าแม่
"นึกว่าจะมีเงินใส่มาบ้าง...ไม่มีเลย...ใจดำ"
ลีน่าถอนใจ
"เมื่อต้นเดือนแม่ก็เอาไปแล้วนี่"
"ให้มานิดเดียวใช้สองวันก็หมดแล้ว พ่อแกเค้าเขียนมาว่าไง"
ลีน่าอ่านจดหมาย
"พ่ออยากให้ลีน่าไปเดนมาร์ค ถ้าลีน่าตกลงไปให้โทรเลขไปบอก พ่อจะมารับ พี่เบ็นเข้าคอลเลจแล้ว"
"แล้วเค้าไม่ถามถึงฉันบ้างหรือไง"
ลีน่าเงยหน้ามองแม่ไม่ตอบ แม่ลีน่าทำท่าสะใจ
"อีกไม่นานมันก็คงมีเมียใหม่ แกกับไอ้เบ็นเตรียมตัวมีแม่ใหม่ได้เลย"
"โธ่แม่...แม่ก็เลิกเล่นซะทีสิคะ เราค่อยๆ ใช้หนี้เค้าให้หมด แม่จะได้ไปอยู่กับพ่อ แต่ลีน่าอาจจะแต่งงานที่นี่"
แม่หยุดถอดไพ่หันมาถาม
"แกมีแฟนแล้วเหรอ ใคร...รวยหรือเปล่า"
"ชื่อ อานนท์ วิทยาธร เห็นว่าพ่อเป็นพระยา"
"จะพระยา พระยอดอะไรฉันไม่รู้...ไม่เคยรู้จักพวกผู้ดีมีตระกูล แล้วเค้าจะเอาแกเหรอ มีแม่อย่างนี้"
"ถ้าเขารักฉันจริง...เค้าก็ต้องยอมรับซิแม่"
"ฝันไปเถอะ...พ่อแม่เค้าไม่มีวันยอมให้ลูกเค้ามาแต่งกับผู้หญิงลูกครึ่งอย่างแกหรอก...ไอ้พวกผู้ดีมันไม่เห็นหัวพวกเรา"
ลีน่าเครียด

ทางด้านอานนท์ เดินเข้าบ้านมายังห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นพระยาพลรามแต่งตัวอย่างฝรั่ง สูบซิการ์ จิบบรั่นดี ส่วนแม่ใส่กระโปรงพองอย่างฝรั่ง ทำผมเป็นหลอดๆ นั่งจิบน้ำชา มีแต่รจนาที่แต่งตัวปรกตินั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะ พ่อ กับแม่ไม่สนใจอานนท์ อานนท์จึงค่อยๆ เดินไปหารจนา กระซิบถาม
"หนูนา...พ่อ กับแม่เป็นอะไรคะ เค้าแต่งตัวจะไปไหน"
รจนาค้อนกระซิบตอบพี่ชาย "ก็ตั้งแต่พี่นนท์มาบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าจะแต่งงานกับแหม่ม…ก็เลยเป็นอย่างนี้ค่ะ คุณแม่บอกว่าต้องทำตัวให้ชินไว้"
"แล้วคุณพ่อก็ยอมเหรอ"
"ก็ดูเอาสิคะ...ยังมีอย่างอื่นอีกนะ"
"อะไรอีก"
อานนท์พยายามกลั้นหัวเราะ
พระยาพลรามทัก
"Good evening my son….We all prepare for our daughter in law…"
อานนท์หัวเราะงอหาย
"พ่อครับ...ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้"
แม่โบกมือห้าม
"Speak english please"
อานนท์เดินไปกอดคุณหญิงแนบ
"คุณพ่อ คุณแม่ครับ...ผมดีใจมากที่ทำให้ผมขนาดนี้ แต่ถ้าผมจะแต่งงานกับลีน่า เค้าก็จะต้องปรับตัว
เหมือนกับเรา แล้วลีน่าเค้าก็เป็นคนไทยครับ เค้าพูดไทยชัดกว่าหนูนาอีก"
รจนาค้อน
"พี่นนท์"
"บอกแล้วไม่เชื่อ"
"อุตส่าห์หัดพูดภาษาอังกฤษแทบตาย....ดีเหมือนกัน แต่งตัวแบบนี้ร้อนจะตายชัก"
รจนาวิ่งมาหาแม่
"ไชโย…นานึกว่าต้องแต่งตัวเป็นแหม่มกะปิอย่างคุณแม่ซะแล้ว"
อานนท์เอามือขยี้หัวน้องอย่างเอ็น

ถนนกรุงเทพในเวลากลางคืน มีรถวิ่งประปราย อานนท์ขับรถเข้ามาจอด... ลงจากรถมองเข้าไปเห็นนงลักษณ์นั่งคุยกับใคร...สงสัยมองรอบๆ ไม่มีรถแขกมาที่บ้าน

อานนท์เดินเข้ามาในบ้าน ตระกลกำลังช่วยนงลักษณ์เลาะตะเข็บผ้าอยู่ พออานนท์เดินเข้ามานงลักษณ์กับตระกล ก็เงยหน้ามอง
"ตระกล…มานั่งทำอะไรของนาย"
ตระกลหัวเราะ
"ช่วยคุณนงลักษณ์เลาะตะเข็บผ้า"
"เฮ้ย…วิศวกรมานั่งเลาะตะเข็บ...ทำเป็นพ่อฉันอีกคนไปได้ ช่วยแม่ทำงานบ้านทุกอย่าง"
นงลักษณ์อายหน้าแดง อานนท์นั่งลงข้างๆตระกล
"คุณตระกลมาหาป้าสมร แต่ยังไม่มีใครอยู่บ้าน เลยมารอคุณนนท์ ทานข้าวมาหรือยังคะ"
"พี่แวะไปที่บ้านมา คุณแม่ไม่ยอมให้กลับถ้าไม่ทานข้าวเย็นกับท่าน…พี่ขอน้ำเย็นๆสักแก้วนะจ๊ะ"
นงลักษณ์ลุกขึ้นไปหาเครื่องดื่มให้อานนท์ เมื่อลับหลังนงลักษณ์
"ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านกลับช่อง...เดี๋ยวคนที่บ้านก็เป็นห่วงหรอก"
"ไม่มีใครเค้าสนใจกันหรอก"
"พูดเหมือนไม่อยากกลับบ้านนะ....รีบหาเมียแต่งงานซะซิ...จะได้มีบ้านของตัวเอง"
ตระกลยิ้มเขิน
"ก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน แล้วนายล่ะกับลีน่าไปถึงไหนแล้ว"
"กันตัดสินใจแล้ว...กันจะขอลีน่าแต่งงานเร็วๆ นี้แหล่ะ... พ่อ กับแม่ก็ตามใจกัน"
"พ่อกับแม่นาย น่ารักจริงๆ"
นงลักษณ์กำลังยกเครื่องดื่มเข้ามา ทั้งสามได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้านจึงหันไป สงสัยว่าใครจะมาหาตอนดึกๆ เช่นนี้ อานนท์เองก็หันมามองหน้ากันกับตระกล

นงลักษณ์มองจ้องสองหนุ่มด้วยความสงสัยในท่าที

อ่านต่อ ตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น