ห้องหุ่น ตอนที่ 7
คืนเดียวกัน เดชหลับอยู่ ตกใจตื่น มองไปข้างๆเห็นอารีย์หลับอยู่ เดชสีหน้ากังวล
ล้มตัวลงนอนใหม่ แต่กระสับกระส่ายนอนไม่หลับ สุดท้ายเดชลุกขึ้น ค่อยๆย่องออกจากห้องอย่างเบาที่สุด ทันทีที่ประตูปิด อารีย์ลืมตา ลุกขึ้นนั่ง มองไปที่ประตูอย่างน้อยใจ น้ำตาไหลเงียบๆ ทำท่าจะหายใจไม่ออก
อารีย์รีบลุกไปที่โต๊ะ เทยาออกมารีบกิน นั่งลงหายใจหอบๆ
เดชยืนมองหุ่นเพทายสีหน้าเป็นกังวล ก่อนหันไปมองหุ่นทุกตัวในห้อง เดชพึมพำ
"เรากังวลเกินไป มันต้องไม่เกิดขึ้นอีก..ไม่แน่นอน"
เดชหันกลับขึ้นบันได หุ่นทุกตัวหันมองตามเดช
"มันไม่ใช่ความผิดของคุณเดช" ลุงทวนว่า
ทับบอก "แต่คุณเดชคงโทษตัวเองเหมือนเคย"
"ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีใครหนีกรรมของตัวเองพ้น" เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
หุ่นทุกตัวสายตาแสดงความเห็นใจเดช เว้นหุ่นเพทายที่ไร้ความรู้สึก
บริเวณโกดังเก็บศพไม่มีญาติ วัดแห่งหนึ่ง ในคืนเดียวกัน สัปเหร่อล้วนเปิดผ้าห่อศพเพทาย เห็นหน้าศพเพทายซีด สัปเหร่อปิดผ้าไว้อย่างเดิม ลุกขึ้นคุยกับมือปืน
"น่าเสียดาย ยังสาวยังสวยอยู่แท้ๆ"
ผีเพทายตรงเข้าทำร้ายมือปืนอย่างโกรธแค้น
"ไอ้สารเลว แกฆ่าฉันทำไม"
มือเพทายผ่านร่างมือปืนวืดไป เพทายตกใจหันกลับมา คร่ำครวญ
"นี่ฉันตายแล้วจริงๆเหรอ แก.."
เพทายตะโกนใส่แต่ไม่มีใครได้ยิน
"แกฆ่าฉันทำไม ฉันไปทำอะไรให้แก"
มือปืนพูดกับสัปเหร่อ
"น้าแน่ใจนะว่าที่นี่จะซ่อนศพนังเพทายได้อย่างปลอดภัย"
"แน่สิวะ นี่มันโกดังเก็บศพไม่มีญาติ ไม่มีใครมายุ่งหรอก นอกจากข้า เดี๋ยวถึงเวลาเค้าก็เอาไปรวมๆเผา ใครมันจะไปคิดว่าศพดาราดังอย่างมันจะมาอยู่ที่นี่"
สัปเหร่อ ยกห่อผ้าศพศพเพทาย จะเอาไปใส่ในซองเก็บศพ เพทายมองสุดแค้น
"พวกเลว ฆ่าฉันแล้วยังคิดซ่อนศพอีก ฉันไม่ยอมหรอก"
เพทายตรงดึงไปศพตัวเอง แต่ทำอะไรไม่ได้ คว้าได้แต่อากาศ
สัปเหร่อยัดศพไว้ในซองเก็บศพ ปิดซอง เพทายคร่ำครวญ
"ไม่นะอย่า..อย่าทำกับฉันแบบนี้"
สัปเหร่อหันมาแบมือ มือปืนส่งเงินให้
"ปิดปากให้สนิทนะน้า แล้วอย่าให้ใครมาวุ่นวายที่นี่จนเจอศพล่ะ"
"เออรู้แล้วล่ะน่า บอกลูกน้องแกดีกว่า รีบๆกลับกันไปเถอะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นจะยุ่ง"
มือปืนยกมือไหว้ก่อนรีบออกไปจากโกดัง สัปเหร่อลงมือโบกปูนปิดปากซองเก็บศพ
โดยมีเพทายพยายามยื้อยุด ฉุดมือไม่ให้ทำ ร้องห้ามไปด้วย
"อย่า..อย่าทำกับร่างฉันแบบนี้ ไม่นะ..ไม่"
สัปเหร่อไม่รู้เรื่องฮัมเพลงลูกทุ่งไปทำงานไป เพทายหมดแรงจะห้ามนั่งร้องไห้ฟูมฟาย
สันติเดินหิ้วกระป๋องน้ำมา ชะงัก เห็นรถกระบะจอดอยู่ ข้างๆมีมอเตอร์ไซค์ ไม่ไกลจากรถผู้ชายยืนอยู่ชะเง้อไปหลังวัด ท่าทางกระสับกระส่าย
"รถใคร..มาจอดทำอะไรในวัด"
สันติวางกระป๋องน้ำจะเดินเข้าไปถาม เห็นมือปืนเดินเร็วๆออกมาจากหลังวัดพอดี ผู้ชายรีบเข้าไปหา สองคนพูดคุยกัน ผู้ชายรีบไปขึ้นรถกระบะขับออกไปอย่างเร็ว มือปืนไปที่มอเตอร์ไซค์ขึ้นขี่ขับตามออกไป สันติเพ่งมองทำท่าคิด ภาพมอเตอร์ไซค์ที่ไปซุ่มดูเพทาย กับตอนที่ขับตามเพทายไปแว่บเข้ามาในความคิด สันตินึกได้
"มอเตอร์ไซค์คันนั้น"
สันติรีบวิ่งไป รถสองคันแล่นออกไปแล้ว สันติมองสงสัยไปทางหลังวัด ก่อนเดินไป
สันติเดินสำรวจมาทางหน้าโกดังเก็บศพ ประตูโกดังเปิดออกมา สัปเหร่อหิ้วกระป๋องใส่ปูนออกมาชะงัก ตกใจ
"อ้าวไอ้ติมาทำอะไรแถวนี้วะ"
สันติเข้ามาหาสัปเหร่อ
"ผมเห็นคนแปลกหน้าเดินออกไป ก็เลยเข้ามาดู ลุงล้วนอยู่แถวนี้เห็นมั้ยครับว่าเขามาทำอะไร"
สัปเหร่อล้วนหน้าเจื่อน แต่ทำท่าคิด
"เอ๋..ก็ไม่เห็นมีใครนี่นา แกตาฝาดหรือเปล่า กลับนอนเถอะไม่มีอะไรหร๊อก"
สันตินิ่ง แล้วมองกระป๋องปูนในมือสัปเหร่อ
"ลุงเข้าไปทำอะไรในโกดังละครับ"
สัปเหร่ออึกอัก แล้วรีบตอบ
"อ๋อ..ฝาซองศพมันแตก ข้าเลยเข้าไปโบกปูนทับ เดี๋ยวกลิ่นมันจะโชยออกมา"
" ไม่จริง แกโกหก"
วิญญาณเพทายทะลุประตูโกดังออกมา จ้องสัปเหร่ออย่างโกรธแค้น
"แกร่วมมือกับไอ้หลานเลว ซ่อนศพฉันไว้ต่างหาก"
วิญญาณเพทายหันมาเห็นสันติ เพทายดีใจ
"สันตินี่เธอเองเหรอ"
เพทายเข้าไปจับแขนสันติ แต่วืดไปอีก เพทายหันกลับมาตื่นเต้น
"สันติเธอต้องช่วยฉันนะ ร่างฉันอยู่ข้างใน เธอต้องช่วยเอาร่างฉันออกมาที แล้วไปบอกตำรวจว่าฉันถูกฆ่า"
สันติเฉยๆไม่รับรู้ มองสัปเหร่อ
"ถ้างั้นผมกลับล่ะครับลุง"
"เออไปเถอะ"
เพทายร้อนรน
"อย่าเพิ่งไปสันติ อย่าเพิ่ง โอ๊ยฉันจะทำยังไงดี"
สันติจะไป สัปเหร่อรีบเรียกไว้
"เดี๋ยวไอ้ติ"
สันติชะงัก
"ครับลุง"
"เอ้อ แกอย่าไปบอกหลวงพ่อล่ะว่าเจอข้าที่นี่"
"ทำไมครับมีอะไรเหรอ"
"ก็ไม่มีอะไร เดี๋ยวหลวงพ่อจะด่าข้านะสิว่าไม่ดูแล"
สันติยิ้มๆ
"ครับ"
"เออขอบใจ ว่างๆมากินเหล้ากันนะข้าเลี้ยงเอง"
"ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่กินเหล้า"
สัปเหร่อควักเงินให้ร้อยหนึ่ง
"เออจริงด้วย เอ้างั้นเอาเงินไป เผื่ออยากกินอยากซื้ออะไร"
สันติมองเงิน แต่ไม่รับ แปลกใจ สัปเหร่อคะยั้นคะยอ
"เอาสิเอาไปเหอะ"
"เงินตั้งร้อยบาทเลยนะครับ"
"เออข้าให้เอาไปเหอะ"
"ขอบคุณครับลุง แต่ผมไม่อยากได้อะไรลุงเก็บไว้เถอะ"
สัปเหร่อเก็บเงินยักไหล่ไม่สน สันติเดินไปทางที่พักตัวเอง เพทายยืนคิด
ระหว่างสองคนจะตามใคร แล้วตัดสินใจจะตามสันติ แต่จู่ๆร่างเหมือนโดนแรงดึง
จากสิ่งที่มองไม่เห็น เพทายตกใจ
"นี่มันอะไรกัน โอ๊ยช่วยด้วย สันติช่วยด้วย"
วิญญาณเพทายถูกพลังลึกลับดึงถอยหลังหายไปในความมืด
วิญญาณเพทายปรากฏขึ้นในห้องหุ่น เพทายงงๆมองรอบๆแล้วแปลกใจ
"ทำไมฉันถึงมาที่นี่"
เพทายตกใจ หุ่นทุกตัวหันมามอง เพทายผงะ
"หุ่น..หุ่นมีชีวิต"
ท่านเจ้าคุณนรบดินทร์โยกเก้าอี้ช้าๆ
"ยินดีต้อนรับสู่ห้องหุ่น"
เพทายถอยกรูดตกใจ
"นี่มันอะไรกัน"
สมศรี หุ่นนางรำหัวเราะ
"เธอจะกลัวพวกเราทำไม ในเมื่อตอนนี้เธอก็คือวิญญาณเหมือนเรา"
เพทายชะงัก
"จริงด้วย ฉันตายแล้ว ฉันจะกลัวผีพวกนี้ทำไม"
เพทายกลับมาเหมือนเดิม เริ่มซัก
"ทำไมวิญญาณทุกคนถึงสิงอยู่ในหุ่นล่ะ"
ทวีศักดิ์ หุ่นนักยิงธนูบอก
"พวกเราก็ไม่รู้ มันเหมือนมีอะไรดึงดูดให้พวกเรามาที่หุ่นของตัวเอง แล้วเราก็อยู่ในหุ่นมาตลอด"
วิญญาณเพทายนิ่งคิดถึงเดชตัดสินใจอธิบาย
"คุณคงทราบเรื่องที่ผมเลิกปั้นหุ่นมานานมาก"
"ค่ะ..ฉันถึงต้องการให้คุณปั้นฉันไงคะ"
"ที่ผมไม่ปั้นหุ่นอีกก็เพราะว่า...ผมปั้นใครเสร็จคนนั้นก็จะต้องตายทุกคน"
เพทายนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนหัวเราะอย่างขำมากๆ
"ตายจริง ไม่อยากเชื่อว่าคุณจะงมงาย เชื่อเรื่องอาถรรพ์อะไรแบบนี้ แต่ฉันไม่เชื่อค่ะ"
เพทายเข้าใจไปคนเรื่อง
"หมายความว่าที่ฉันต้องตายเพราะอาถรรพณ์"
เพทายวิ่งไปที่หุ่นตัวเอง
"พอหุ่นฉันเสร็จ ฉันถึงต้องตายเหรอเนี่ย"
หุ่นทั้งหมดตกใจกับความคิดเพทาย
"เธอกำลังเข้าใจผิด"
วิญญาณเพทายส่ายหน้า คร่ำครวญ
"ไม่..ไม่ผิด ฉันเข้าใจแล้ว นี่ถ้าฉันไม่ยอมเป็นแบบให้ปั้น ฉันก็คงไม่ต้องตาย ฉันกำลังมีอนาคตที่สดใส ฉันกำลังเป็นดาราดังที่ใครๆก็รู้จัก ฉันกำลังจะมีเงินมีบ้าน มีรถมีทุกอย่างที่เสี่ยจะซื้อให้ โอ๊ยทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ต้องเกิดกับฉัน"
เพทายเปลี่ยนอารมณ์เป็นโกรธแค้น
"ไอ้เดช เพราะแก แกคนเดียวทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้"
เพทายหน้าตาน่ากลัวมาก
"แกฉันจะฆ่าแก"
เพทายจะออกไปเล่นงานเดช ท่านเจ้าคุณออกคำสั่งเสียงดัง
"ขวางไว้"
พีทกระโดดลงมาขวาง เพทายผลักกระเด็น เพทายจะออกไป ทับ ลุงทวนเคลื่อนเข้าไปขวางทางอย่างรวดเร็ว
"ฟังพวกเราก่อน" ลุงทวนบอก
"ไม่ฟัง หลีกไปฉันจะไปฆ่าไอ้เดช"
ลุงทวนกับทวีศักดิ์ช่วยกันจับแขนเพทายไว้คนล่ะข้าง เพทายดิ้น พรรณีปรากฏร่างขึ้นตรงหน้าเพทาย พยายามอธิบาย
"เธอไม่ได้ตายเพราะคุณเดช"
เพทายตวาด
"หุบปากไปเลย พวกแกมันเป็นหุ่นทาส ที่ไอ้เดชมันเลี้ยงไว้ใช้งานใช่มั้ยล่ะ ฉันจะไม่ยอมเป็นอย่างพวกแกหรอก"
เพทายสะบัดอย่างแรงจนหลุด หายวับไปอย่างรวดเร็ว
หุ่นทั้งหมดตกใจ หุ่นเจ้าคุณพยักหน้า หุ่นทั้งหมดหายไปจากห้องหุ่นทันที
ในห้องนอน เดชนอนหลับสนิทอยู่กับอารีย์ เพทายสีหน้าเจ็บแค้นปรากฏกายพุ่งเข้าจะบีบคอเดช ไม้ตะพดเข้ามาขวางไว้ เพทายชะงัก เจ้าคุณนรบดินทร์พูดดุๆ
"เธอทำร้ายพ่อเดชไม่ได้"
"แต่มันฆ่าฉัน มันต้องชดใช้ ฉันจะฆ่ามันฆ่าคนในครอบครัวของมันให้หมด"
เพทายพุ่งเข้าไปหาอารีย์ ทับยื่นดาบมากั้นไว้อีก เพทายชะงักจ้องทับแค้นๆ
"แกไม่เกี่ยวถอยออกไปไอ้ดารากระจอก"
ทับโกรธ ดวงตาเรืองแสงแดงก่ำขึ้น จ้องเพทาย จนผงะหงายล้มกระเด็นไป
"อย่ามาดูถูกฉัน ฉันใช้ความสามารถในการแสดงไม่ได้ใช้เรือนร่างอย่างเธอ"
เพทายมองหุ่นทั้งสองอย่างเจ็บใจ ก่อนหายวับไป
เพทายโผล่มาปรากฏร่างคุกเข่าอยู่ระหว่างพรรณรายกับอัมราที่นอนหลับสนิทอยู่ที่เตียง เพทายยิ้มน่ากลัว พุ่งหมายเอาสองมือบีบคอสองพี่น้องคนละข้างอย่างแรง เสียงกร๊อบ บ่งบอกว่า กระดูกคอหัก เพทายปล่อยมือหัวเราะสะใจ
"ฆ่าไอ้เดชไม่ได้ ฆ่าลูกมันสองคนก็ได้ฮ่ะๆๆ"
พรรณรายกับอัมราลืมตาโพลง ลุกขึ้นคอเอียงๆ ต่างพุ่งเข้าจับตัวเพทาย
เพทายตกใจ "แก"
อัมรากลายเป็นหน้าเป็นสมศรี หุ่นนางรำ พรรณรายกลายหน้าเป็นพรรณี หุ่นนางพยาบาล
เพทายแค้น
"พวกแกอีกแล้วเหรอ"
เพทายสะบัดรีบหายตัวไป หุ่นทั้งสองมองหน้ากัน แล้วหายตัวไป ทั้งคู่
บนเตียงนอน พรรณรายกับอัมรานอนหลับสนิทไม่รู้เรื่อง
เพทายมาปรากฏตัวในห้องนั่งเล่นอย่างสุดแค้น
"พวกแกมันเป็นหุ่นทาสรับใช้จริงๆ หึไอ้เดชนะไอ้เดช"
เพทายเจ็บใจมองไปที่แจกันราคาแพงมุมห้อง เพทายสะบัดหน้า แจกันลอยละลิ่วไป
ตามแรงสะบัดหน้าจะกระแทกกับฝาผนัง แต่จู่ๆก็หยุดนิ่ง พีทปรากฏร่างขึ้นรับเอาไว้
"ไม่เอานะป้า ทำลายข้าวของไม่ดีนะ"
" ไอ้เด็กผี กล้าดียังไงมาเรียกฉันป้า"
เพทายมองไปทางตู้โชว์ จ้องตาแดงฉาน ตู้โชว์ค่อยๆเอนจะล้ม แล้วหยุดอยู่กับที่ ลุงจวนปรากฏร่างขึ้นดันเอาไว้ บ่นเซ็งๆ
"มันหนักนะแม่คุณ"
เพทายเจ็บใจ
"ดูสิพวกแกจะมีปัญญาช่วยไอ้เดชได้ซักเท่าไร"
เพทายหันไปจ้องทางไหนก็กลายเป็นลมพายุข้าวของปลิวว่อน เพทายหัวเราะสะใจ
เจ้าคุณนรบดินทร์ ทับ สมศรี พรรณี ปรากฏร่างขึ้นด้านหลังเพทายมองอย่างโมโห
หุ่นทั้งสี่มองหน้ากัน ก่อนพยักหน้าให้กัน ร่วมมือกันเข้าจับตัวเพทายไว้จนได้
เพทายโวยวายดิ้น แต่สู้แรงไม่ได้
"ปล่อยฉันนะไอ้หุ่นบ้า ปล่อยสิปล่อย"
เพทายล้มลงที่พื้นหน้ารั้วบ้านเดช เพทายมองแค้น
หุ่นทั้งหมดยืนมองเพทาย เจ้าคุณนรบดินทร์ยกไม้ตะพดขึ้นชี้หน้าเพทาย
"ไปให้พ้น อย่ากลับมาที่นี่อีก แล้วจำไว้ให้ดี ถ้าเธอคิดร้ายกับคุณเดชหรือคนในครอบครัวนี้ พวกเราไม่ยอมแน่"
เพทายเจ็บใจจะทำอะไรก็ไม่กล้า เพราะหุ่นทั้งหมดยืนจ้องถมึงถึงหน้าตาน่ากลัว เอาเรื่อง ค่อยๆพากันเคลื่อนตัวเข้าหาเพทาย เพทายมองเจ็บใจ
"ฝากไว้ก่อนเถอะ"
เพทายหายตัวไปอย่างรวดเร็ว หุ่นทั้งหมดโล่งใจมองกันและกันอย่างเหนื่อยๆ ก่อนค่อยๆพากันหายไป
เช้าวันใหม่ ในห้องนอนพงษ์ ผอบถือหนังสือพิมพ์วิ่งอย่างตื่นเต้นเข้ามาในห้อง"พงษ์..พงษ์ดูอะไรนี่เร็ว"
ผอบกางหนังสือพิมพ์ จะให้ดูแล้วชะงัก พงษ์ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงไม่รับรู้อะไร ผอบฉุน เข้าไปเขย่าตัวพงษ์แรงๆ
"พงษ์ตื่นซะทีสิ ตื่นๆๆๆเร็วๆเข้า"
พงษ์งัวเงียพลิกตัวหนี
"อะไรกันแม่ โอ๊ย หนวกหูชะมัด คนจะหลับจะนอน"
"นอนบ้านอนบออะไร ตื่นๆๆเร็วเข้า"
ผอบกระชากพงษ์ให้ลุกนั่งจนได้ พงษ์รำคาญ
"โอ๊ยอะไรกันแม่ จะให้รีบตื่นไปไหนยังเช้าอยู่เลย"
ผอบกางหนังสือพิมพ์ไปตรงหน้าพงษ์
"นี่ๆๆแกดูนี่สิ"
พงษ์ปัดหนังสือพิมพ์ออก
"แม่ก็บอกมาสิผมขี้เกียจดู ง่วงจนลืมตาจะไม่ขึ้นอยู่แล้ว"
พงษ์นั่งซวนเซจะล้ม ผอบส่ายหน้า
"ก็แกมันไม่ได้เรื่องแบบนี้ไง ถึงชวดเป็นลูกเขยเศรษฐี"
"เลิกพูดเรื่องยัยอัมราทีน่าแม่ แม่ก็รู้ว่าผมทำไม่สำเร็จก็เพราะไอ้ผีเจ้าที่ มันเล่นงานผมต่างหาก หึแม่ก็โดนเข้ากับตัวเองแล้วนี่"
"เออๆๆๆช่างมัน นี่แต่ตอนนี้แม่มีหนทางแล้วนะ ดูนี่สิ"
ผอบพยายามยื่นหนังหนังสือพิมพ์ไปตรงหน้า พงษ์รำคาญ กระชากมาอ่านแบบไม่สนใจ
แต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นตั้งใจอ่าน
"โอโหคุณอาเดชดังใหญ่แล้วนะแม่ เอ๊ะไม่ยักรู้ว่าสนิทสนมกับดาราดังอย่างคุณเพทายด้วย"
"นั่นสิ..มันเลยทำให้แม่คิดอะไรดีๆออก"
"อย่าบอกนะว่าจะให้ผมกลับไปจีบลูกสาวบ้านนั้นอีก ไม่เอาล่ะผมไม่อยากหัวโกร๋น"
"ไม่ต้องหรอก แม่มีเป้าหมายใหม่ให้แกแล้ว"
พงษ์งง ผอบชี้ที่รูปเพทาย พงษ์มองตามตกใจ
"อ๊ะจะให้เล่นดาราดังขนาดนี้เลยเหรอแม่ ไม่ไหวมั้ง กว่าจะเข้าถึงตัวคงต้องรอชาติหน้า"
"โง่ทำไม..เราก็ใช้บ้านคุณเดชเป็นสะพานสิ"
พงษ์คิดตามทำท่าสนใจ
"ก็ไม่เลว..แล้วเราจะเริ่มกันเมื่อไรละแม่"
"คืนงานวันเปิดตัวหุ่นคุณเพทายที่บ้านหลังใหม่ไง"
"คุณเพทายเค้าไม่ได้เชิญเรานะ"
ผอบยิ้มมีเลศนัยผอบ
"แต่คุณเดชเป็นแขกรับเชิญคนสำคัญ เราก็ไปแสดงความยินดีกับคุณเดชไง"
พงษ์เข้าใจ พยักหน้า สองแม่ลูกมองหน้ากันก่อนยิ้มร้ายกาจพอๆกันทั้งคู่ สีหน้าแววตาหมายมาด
สันติเดินสะพ่ายยาม ถือถุงของที่รับบิณฑบาตมาเต็มสองมือ เดินตามหลวงตามาเรื่อยๆ
ชาวบ้านมาดักใส่บาตรที่หน้าประตูทางเข้าวัด หลวงตาให้ศีลให้พร ก่อนเดินเข้าวัด สันติตามมาเรื่อยๆ ผ่านศาลาวัด หลวงตาชะงักมอง สันติมองตาม เห็นสัปเหร่อ นอนกลิ้งหลับอย่างหมดสภาพ ขวดเหล้าล้มอยู่ข้างๆตัว
"ให้เหล้ากินตัวเองอีกแล้วเจ้าล้วน"
หลวงตาถอนใจเบื่อๆ
"ช่วงนี้ไม่มีใครตายเลยว่างมากสินะ วันๆไม่เห็นทำอะไร"
สันติออกรับแทน
"แต่เมื่อคืนลุงล้วนแกยังเข้าไปโบกปูนปิดฝาซองศพไม่มีญาติที่โกดังเลยครับ แกกลัวกลิ่นศพจะโชยออกมา"
หลวงพ่องง
"ศพที่ไหนกัน ถ้ามีศพเข้ามาในวัดหลวงตาก็ต้องรู้สิ"
สันติอึ้ง หลวงตาส่ายหน้าระอา
"มันคงหลอกเจ้าละสิ จะให้เจ้ามาพูดให้หลวงตาฟังว่ามันดูแลทำโน้นนี่ในวัด เจ้าล้วนนี่กะล่อนตั้งแต่หนุ่มจนแก่ คบแต่พวกเกะกะเกเร กินเหล้าเมายา นี่ไม่ติดว่าเห็นแก่พ่อแม่มันที่ฝากฝังไว้ก่อนตายล่ะก็ หลวงตาคงไล่ตะเพิดไปเสียนานแล้ว เฮ้อ"
หลวงตาเดินต่อไปที่กุฏิ สันติมองสัปเหร่อ สีหน้าครุ่นคิด
สันติเปิดประตูห้องเข้ามา เพทายวิ่งถลาเข้ามาอย่างดีใจ
"สันติ"
เพทายพุ่งทะลุผ่านร่างสันติออกไปด้านหลัง สันติชะงักรู้สึกแปลกๆ หันขวับกลับไปมอง พึมพำ
"ทำไมรู้สึกเหมือนมีลมมาปะทะตัวเราอย่างแรง"
สันติมองในห้องแคบๆ
"ลมจะเข้ามาทางไหนกัน"
เพทายดีใจ วิ่งกลับมายืนตรงหน้าสันติ
"นี่เธอ เธอรับรู้ใช่มั้ยว่ามีฉันอยู่ใกล้ๆนี่นะ สันติ สันติเธอได้ยินฉันมั้ย"
สันติเดินไปนั่งมุมห้อง สีหน้าครุ่นคิด เพทายมานั่งลงข้างๆ พยายามจะติดต่อสันติ
"สันติช่วยฉันด้วย ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร"
สันติครุ่นคิด ... ตอนที่มือปืนเดินเร็วๆ ออกมาจากหลังวัด ผู้ชายรีบเข้าไปหา สองคนพูดคุยกัน ผู้ชายรีบไปขึ้นรถกระบะขับออกไปอย่างเร็ว มือปืนไปที่มอเตอร์ไซค์ขึ้นขี่ขับตามออกไป สันติเพ่งมอง ทำท่าคิดภาพมอเตอร์ไซค์ที่ไปซุ่มดูเพทาย กับตอนที่ขับตามเพทายไปแว่บเข้ามา
ในความคิด สันตินึกได้
สันติสงสัย เพทายพยายามต่อ
"ฟังให้ดีนะสันติ ร่างฉันอยู่ในโกดังเก็บศพเธอต้องไปที่นั่นนะ ไปเอาศพฉันออกมา"
สันติยังคิด... สันตินิ่ง แล้วมองกระป๋องปูนในมือสัปเหร่อ
"ลุงเข้าไปทำอะไรในโกดังละครับ"
สัปเหร่ออึกอัก แล้วรีบตอบ
"อ๋อ..ฝาซองศพมันแตก ข้าเลยเข้าไปโบกปูนทับ เดี๋ยวกลิ่นมันจะโชยออกมา"
สันติสงสัย เพทายพยายามต่อ
"ฉันรู้ว่าเธอกำลังสงสัยใช่มั้ย ฉันอยู่ข้างๆเธอนี่ไงสันติ เธอต้องช่วยฉัน ได้ยินมั้ย"
สันติคิด เสียงหลวงตาเข้ามาในความคิด
"ศพที่ไหนกัน ถ้ามีศพเข้ามาในวัดหลวงตาก็ต้องรู้สิ"
สันติสงสัยมากขึ้น เพทายยังพยายามต่อ
"ไปที่โกดังได้ยินมั้ยไปเอาศพฉันออกมา ขอร้องนะสันติ ช่วยฉันด้วยไปที่โกดังเก็บศพ เอาศพฉันออกมาที"
สันติลุกพรวดขึ้นอย่างตัดสินใจเด็ดขาด สันติรีบเดินออกไปจากห้อง เพทายมองตามสันติอย่างตื่นเต้นดีใจสุดๆ
สันติเดินสำรวจอย่างระวังบริเวณหน้าโกดังเก็บศพ
มองบริเวณรอบๆอย่างพิจารณา พึมพำสันติก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ
ร่างเพทายปรากฏขึ้น
"เข้าไปในโกดังสิ สันติ เข้าไป"
สัปเหร่อเดินมาช้าๆ สันติไปหยุดหน้าโกดัง มองสงสัย
"มีอะไรอยู่ในโกดังเก็บศพ ทำไมลุงล้วนต้องโกหก"
สันติลังเล สัปเหร่อยืนมองสันติอยู่ไม่ไกล แววตาน่ากลัว
"ไอ้เวรนี่มันวอนซะแล้ว"
สัปเหร่อมองซ้าย ขวาเห็นหินก้อนเท่าฝ่ามือก้อนหนึ่ง สัปเหร่อหยิบขึ้นมาไว้ในมือ
กระชับแน่น ค่อยๆย่างสามขุมเข้าหาสันติทางด้านหลัง สันติเอื้อมมือผลักประตูโกดังเปิดออก
สันติรีบเข้าไปด้านใน สัปเหร่อจู่โจมจะตาม เพทายตกใจหันขวับมาอย่างเร็ว เป็นลมวูบมาปะทะร่างสัปเหร่ออย่างแรง จนผงะหงาย ซวนเซ สัปเหร่อตกใจ มองไปข้างหน้าเห็นร่างเพทายเลือนๆ สัปเหร่อตาเหลือก ตกใจสุดขีดร้องลั่น
"ผีหลอก..เฮ้ย"
สัปเหร่อหันกลับวิ่งสุดชีวิต เพทายยืนงงก้มมองตัวเอง
"มันเห็นฉันด้วยเหรอ"
สันติพรวดพราดออกมา มองรอบๆแปลกใจ
"เสียงลุงล้วนนี่ ร้องเหมือนตกใจอะไร"
เพทายรีบคุยกับสันติ
"เจอศพฉันแล้วใช่มั้ยสันติ"
สันติไม่รับรู้ เพทายแปลกใจ
"ทำไมไอ้สัปเหร่อมันเห็นฉันได้ แต่เธอทำไมไม่เห็นล่ะ"
สันติงงๆ ทำท่าจะเข้าไปในโกดังใหม่ แต่เด็กวัดวิ่งมาทักซะก่อน
"พี่ๆๆได้ยินเสียงลุงล้วนร้องหรือเปล่า แกเป็นอะไรไปนะ"
"ได้ยินแต่พี่ยังไม่เห็นตัวแกเลย"
"งั้นไปช่วยกันหาหน่อยสิ โดนใครเค้าตีหัวเอาหรือเปล่าก็ไม่รู้"
สันติมองในโกดังอย่างเสียดาย เพทายรีบห้าม
"อย่าเพิ่งไปนะ ช่วยฉันก่อน"
สันติหันมาพยักหน้ากับเด็ก สองคนพากันไป เพทายขัดใจได้แต่มองตามไปอย่างเสียดาย
กลางวัน พิไลแอบดู สามแม่ลูกนั่งคุยกัน อารีย์เลือกเครื่องประดับชิ้นน่ารักจากกล่องตรงหน้าส่งให้พรรณราย
"เส้นนี้ก็น่ารักดีนะลูก จี้เพชรรูปหัวใจ เหมาะสมกับวัยของพรรณ"
อัมรามองตาม
"จริงๆด้วยค่ะน่ารักจังเลย พี่พรรณใส่แล้วต้องสวยมากๆ"
พรรณรายไม่รับมองแล้วเบ้ปาก
"ไม่เอาละพี่ไม่ชอบใส่เพชร ดูเชยๆแก่ๆยังไงก็ไม่รู้ คุณแม่ขาพรรณไม่ใส่หรอกค่ะ อีกอย่างมันไม่เข้ากับชุดของพรรณเลย"
"แต่งานคืนนี้ค่อนข้างเป็นทางการ แม่ว่าถ้าปล่อยให้คอเกลี้ยงไปจะดูไม่เหมาะนะจ้ะ"
"พรรณมีสร้อยของพรรณแล้วค่ะ ครบชุดเลยพรรณเพิ่งไปซื้อมาเอง"
พรรณหันไปหยิบถุงเล็กๆออกมา ดึงสร้อยเส้นยาวออกมาอวด อารีย์ยิ้มแหยเก
"มันก็น่ารักดี แต่ถ้าจะใส่ไปงานคืนนี้แม่ว่าไม่ค่อยเหมาะมั้งจ้ะ สีสันมันฉูดฉาดสะดุดตาเกินไปหน่อย"
"ต้องแบบนี้ละคะถึงจะเหมาะคืนนี้นักข่าวเยอะแยะ บางทีลูกสาวแม่อาจจะได้เป็นดารากับเค้าบ้างก็ได้นะคะ"
พรรณรายลุกขึ้น
"พรรณขอตัวไปลองกับชุดก่อนนะคะ"
พรรณรายวิ่งออกไปอย่างร่าเริง อารีย์ถอนใจหันมาส่งสร้อยให้อัมรา
"งั้นอัมใส่ก็แล้วกันนะลูก"
อัมราตื่นเต้น รับสร้อยมาดู
"ขอบคุณค่ะคุณแม่ น่ารักจังเลย"
อารีย์ยิ้มพอใจ พิไลแอบดูอยู่ไม่พอใจ พึมพำ
"ลูกหนอลูกทำไมมันโง่จัง แบบนี้อีกหน่อยของดีๆมีค่าก็ตกเป็นของยัยอัมราหมด"
พิไลคิดหนัก
ชิ้นเดินหิ้วตะกร้ากับข้าวมาเรื่อยๆในบริเวณถนนหน้าซอยบ้านเดช เพ่งมองไปข้างหน้า ตกใจ และรีบหลบแอบดู เห็น รถเดชจอดอยู่ข้างทาง เดชกับพิไลยืนคุยกันอยู่ข้างรถ ท่าทางเดชไม่ค่อยพอใจ พิไลเข้าไปจับแขน พูดคุยด้วย สักพักเดชขึ้นรถ
พิไลก็ขึ้นตามไปนั่งข้าง ๆ เดชออกรถ ขับออกไปหน้าซอย ชิ้นออกมาจากที่ซ่อน มองตามแปลกใจมาก
"ชักจะยังไงยังไงซะแล้ว"
ชิ้นหันไปมองทางบ้านเดช
"โธ่คุณผู้หญิงมัวแต่ไม่สบายออดๆแอดๆ จะรู้มั้ยเนี่ยว่าเกิดอะไรขึ้น ท่าทางแบบนี้สงสัยเพื่อนเก่าจะเผาเรือนซะละมั้ง"
ชิ้นมองตามไม่สบายใจ
รถเดชขับมาแล้วเบี่ยงเข้าข้างทางจอดนิ่ง ภายในรถ เดชมองพิไลอย่างไม่ค่อยพอใจ
"มีอะไรก็พูดมาเลย ฉันมีธุระ"
พิไลมองออกไปนอกถนน
"เราจะคุยกันข้างถนนเนี่ยเหรอจ้ะพี่เดช ฉันว่า..เราไปหาที่คุยเงียบๆกันดีมั้ย ฉันคิดถึงพี่มากเลยนะ"
พิไลเอื้อมมือมาลูบแขนเดช เดชชักแขนหนี เสียงแข็ง
"ไหนเธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญมากเกี่ยวกับพรรณรายจะพูดไง ถ้ารู้ว่าเธอมาดักเจอฉันเพื่อจะพูดเรื่องไร้สาระนี่ละก็ ฉันคงไม่รับเธอขึ้นรถมา"
พิไลทำสะอื้น
"เรื่องไร้สาระ..อ๋อเรื่องระหว่างเรามันไร้สาระมากเลยใช่มั้ย"
พิไลโผเข้ากอดเดช เดชพยายามถอยแต่ติดประตูทำอะไรไม่ได้ เดชดันพิไล
"อย่ามาทำบ้าๆแบบนี้นะพิไล"
"ใช่ซี้ฉันมันบ้า บ้าที่ยังรักพี่อยู่ ฉันก็รู้ว่าพี่ก็รักฉัน แต่พี่เกรงใจอารีย์ใช่มั้ย"
"เลิกเพ้อเจ้อซะที ฉันไม่ได้รักเธออีกแล้ว ผู้หญิงที่ฉันรักมีแค่อารีย์คนเดียว เขาเป็นทั้งเมียและแม่ที่ดีที่สุด"
พิไลโมโห ผละออกมามอง
"เชอะ เมียและแม่ที่ดีเหรอ เป็นเมียก็ให้ความสุขผัวไม่ได้ เป็นแม่ก็ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน"
"เธอพูดอะไร ใครลำเอียง"
"ก็อารีย์นะสิ พี่รู้มั้ยทำไมพรรณรายถึงนิสัยเสียแบบนี้ ก็เพราะอารีย์จงใจเลี้ยงให้พรรณรายเป็นแบบนี้"
"อารีย์ไม่ใช่คนแบบนั้น อารีย์รักและก็ดูแลพรรณรายมากกว่าอัมราซะอีก แต่ที่พรรณรายเป็นแบบนี้ก็เพราะได้นิสัยแย่ๆมาจากเธอไง"
พิไลโกรธ
"นี่พี่เดชด่าฉันเหรอ หึ พี่นะไม่เคยรู้อะไร พี่ลองสังเกตดูสิ อะไรดีๆ อารีย์ก็ให้ลูกตัวเองหมด ถ้าพี่ยังไม่สนใจแบบนี้ต่อไปยัยพรรณลูกของเราก็จะไม่เหลืออะไรเลย"
"ไม่มีลูกของเรา พรรณรายคือลูกของฉันกับอารีย์ เธอลงไปได้แล้วพิไล ลงไป"
พิไลอึ้งกับท่าทางจริงจังของเดช พิไลเปิดประตูลงไปอย่างกระแทกกระทั้น เดชถอนใจ ขับรถออกไป พิไลมองตามไม่ยอมแพ้
"คนอย่างพี่ใจแข็งกับฉันได้ไม่นานหรอก"
ห้องหุ่น ตอนที่ 7 (ต่อ)
ชิ้นทำกับข้าวง่วนอยู่ในครัว พิไลเดินกรีดกรายเข้ามามองกับข้าวบางอย่างที่เสร็จแล้วบนโต๊ะ
"น่ากินจัง ดีเลยกำลังหิว"
พิไลเดินไปตักข้าว ชิ้นหันมาปราม
"ถ้าจะกินก็เอากับข้าวในตู้ที่เหลือตอนเช้านะ ของบนโต๊ะนะฉันทำให้คุณๆมื้อกลางวัน"
พิไลวางจานโครมหันมาแว้ด
"ฉันไม่ใช่หมาจะได้กินของเหลือเดนของใคร"
ชิ้นหันมามอง
"กับข้าวกินไม่ได้ แต่คนไม่เป็นไรงั้นสิ"
อารีย์เดินเรื่อยๆมาหน้าครัวชะงัก ยืนฟัง
"แกหมายความว่ายังไงนังชิ้น อย่ามาทำพูดอ้อมค้อมฉันไม่ชอบ พูดมาตรงๆเลยดีกว่า"
ชิ้นท่าทางเอาเรื่องไม่แพ้กัน
"ดี..งั้นฉันจะพูดตรงๆ ที่เธอไปดักพบคุณผู้ชายนอกบ้านนะ มันไม่งาม"
อารีย์ตกใจ พิไลยิ้มไม่สะท้าน
"อ๋อ..กำลังจะทำหน้าที่สุนัขรับใช้ที่ดีละสิ ไปซี้ถ้าอยากได้หน้าก็รีบคาบข่าวไปบอกคุณผู้หญิงของแกสิ"
"ฉันไม่บอกเพราะ ฉันไม่อยากให้คุณผู้หญิงของฉันไม่สบายใจ แต่ขอเตือนเธอไว้เลยว่าอย่าริกินบนเรือนแล้วถ่ายบนหลังคา"
"แกไม่ต้องสะเออะมาสอนฉันนังชิ้น ระวังตัวแกไว้ให้ดีเถอะ ถ้าฉันได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้เมื่อไร แกจะไม่มีเงาหัว จำไว้"
พิไลเดินออกไป อารีย์รีบหลบหลังประตู เสียงชิ้นดังออกมา
"ต๊ายนังนี่ มันตั้งป้อมจะแย่งคุณผู้ชายจริงๆเหรอเนี่ย หน้าด้านจริงๆ โอ๊ยอกจะแตก เฮ้อแต่พูดก็พูดเถอะน่าตบมือข้างเดียวยังไง๊มันก็ไม่ดัง คุณผู้ชายนะคุณผู้ชาย ไม่น่าเล๊ย"
อารีย์พิงประตูหมดแรง หายใจหอบถี่ กดหัวใจตัวเองไว้แน่น น้ำตาซึม
อารีย์นอนตะแคงเศร้ามาก เสียงประตูเปิด อารีย์รีบหลับตา เดชแต่งตัวพร้อมไปงาน เข้ามานั่งบนเตียง เรียกเบาๆ"อารีย์"
อารีย์ค่อยๆลืมตา มองยิ้มปกติ
"จะไปกันแล้วเหรอคะ"
"จ้ะ..เสียดายจังที่เธอไม่ไปด้วย ไม่สบายอีกแล้วเหรอ เห็นลูกบอกเธอนอนตั้งแต่บ่าย"
อารีย์ลุกขึ้นนั่งยิ้มแย้ม
"ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แต่พี่ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบไปงานแบบนี้ ขอพักอยู่บ้านดีกว่า"
"งั้นก็ตามใจ เสร็จงานพี่จะรีบกลับ"
"ค่ะว่าแต่พี่เดชส่งหุ่นไปให้คุณเพทายแล้วเหรอคะ"
"เรียบร้อยแล้ว พี่วานอาร์ตกับออยช่วยคุมไปด้วย เพราะยังไงสองคนก็ต้องไปงานคืนนี้เหมือนกัน"
เดชสีหน้ากังวล
"มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"พี่ไม่ค่อยสบายใจเลย"
อารีย์ยิ้มแตะแขนปลอบใจ
"อย่ากังวลเลยค่ะ เรื่องร้ายๆคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว พี่เดชปั้นหุ่นคุณเพทายเสร็จตั้งแต่หลายวันแล้ว เธอก็ไม่เห็นเป็นอะไรอย่างที่พี่กลัวเลย"
เดชพยักหน้า ยิ้มให้อารีย์
"งั้นพี่ไปก่อนนะ"
เดชออกไป อารีย์มองตาม หน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นเศร้า
บ้านใหม่กว้างขวาง ที่สนามมีเวทีเตี้ยๆ ข้างเวทีมีแท่นวางหุ่น สันติกับอาทรคุมคนส่งของวางหุ่นเพทายบนแท่นอย่างระวัง แล้วแยกย้ายกันไป คนรับใช้เอาน้ำเข้ามาให้มองหุ่นอย่างตื่นเต้น"โอโหตกใจหมดเลยค่ะนึกว่าคุณเพทายซะอีก นี่ถ้ามายืนคู่กันคงแยกไม่ออกแน่ๆ"
"คุณเพทายละครับ"
"ยังไม่เห็นมาเลยค่ะ แปลกจังเห็นบอกว่าจะขนของเข้ามาตั้งแต่วันก่อนแต่ก็ยังไม่มา"
สันติกับอาทรมองหน้ากัน แล้วมองสถานที่
"อ้าวแล้วงานนี่ใครเป็นคนจัดละครับ ไม่ใช่คุณเพทายเหรอ" อาทรว่า
"เธอสั่งไว้ก่อนหน้านี่ค่ะ ทางโรงแรมก็มาจัดอาหารจัดสถานที่ให้ตามที่เธอสั่ง ฉันโทร.ไปที่คอนโดก็ไม่มีคนรับสาย"
คนใช้ถอยออกไป สันติมองอาทร
"แปลกมาก นี่ก็ใกล้ถึงเวลางานเต็มที่ ฉันว่ามันชักจะยังไงๆแล้วนะออย"
"คิดมากน่า คุณเพทายอาจจะติดถ่ายละครหรือแฟชั่นก็ได้นี่ เธอเป็นคนจัดงานนี้ขึ้นเอง ยังไงๆเธอก็ต้องมาแน่ๆ เชื่อฉันสิ"
สันติกังวล
เพทายนั่งหมดอาลัยตายยากอยู่ข้างโกดัง เสียงโกดังเปิด เพทายมองไป สัปเหร่อค่อยๆเข้ามาในมือมีขันเงินใบใหญ่ กับสายสิญจน์ม้วนโต สัปเหร่อกล้าๆกลัวๆ เพทายลุกพรวด
"แก..มาอีกแล้วเหรอ คราวนี้ฉันจะหักคอแกซะ"
เพทายพุ่งเข้าไปหาสัปเหร่อ แต่คว้าอากาศวืดเหมือนครั้งแรก เพทายงง
"ทำไม..ทำไมฉันทำอะไรมันไม่ได้"
สัปเหร่อเดินไปที่โกดัง
"นังผีร้าย ถ้าออกมาหลอกข้า คราวนี้จะสาดด้วยน้ำมนต์ทั้งขันเลย"
เพทายแค้น
"ฉันไม่กลัวแกหรอก"
เพทายพุ่งไปข้างหน้าจ้องน่ากลัว จะหลอกสัปเหร่ออีก แต่คราวนี้สัปเหร่อไม่เห็นอะไร
สัปเหร่อเดินผ่านร่างเพทายไปที่ซองเก็บศพ เพทายเหวอ
"ทำไมมันไม่เห็นฉันล่ะ"
เพทายไปขวางหน้าไว้อีก สัปเหร่อก็เดินผ่านไป เพทายเจ็บใจ
"นี่มันอะไรกัน เดี๋ยวก็ทำให้คนเห็นได้เดี๋ยวก็ทำไม่ได้ โอ๊ยเป็นผีนี่มันยุ่งยากจริง"
เพทายชะงักมองไปที่สัปเหร่อ ที่เอาเครื่องมือออกมากะเทาะปูนที่โบกปิดไว้ เพทายเคลื่อนอย่างเร็วมาข้างสัปเหร่อ
"แกจะทำอะไร"
สัปเหร่อกะเทาะปูนอย่างชำนาญ
"เมื่อวานฉันลืมมัดตราสังข์แก รอเดี๋ยวเถอะฉันจะมัดแกด้วยสายสิญจน์นี่ รับรองแกจะออกมาหลอกหลอนฉันไม่ได้อีกฮ่ะๆๆๆ"
เพทายตกใจ
"ไม่นะ"
เพทายพยายามจะหลอกแต่สัปเหร่อไม่เห็น เพทายร้อนรน
"ฉันต้องหาใครมาช่วยให้ได้ สันติ ...สันติเธออยู่ไหนเนี่ย"
เพทายหายวับไปอย่างรวดเร็ว
เพทายมาปรากฏร่างหน้าบ้านตัวเอง เพทายมองงงๆ
"ทำไมฉันมาที่นี่... วันนี้มีงานเปิดตัวหุ่นของฉันนี่ ใช่แล้ว"
เพทายจะเข้าบ้าน รถพงษ์มาจอดข้างๆ มีรถจอดอยู่ก่อนแล้วหลายคัน รวมทั้งรถเดชด้วยพงษ์กับผอบลงมาจากรถ พงษ์หอบช่อดอกไม้ช่อใหญ่ลงมาด้วย เพทายชะงักมองงงๆ
พงษ์มองบ้านใหญ่โตของเพทายอย่างตื่นเต้น
"หลังนี้เหรอแม่"
"สองคนนี่เป็นใคร ฉันไม่รู้จักซักหน่อย แล้วก็ไม่ได้เชิญมาด้วย"
"ใช่..เป็นไงล่ะ"
"เป็นดารานี้เงินดีไม่ใช่เล่นเลยนะ"
ผอบกระซิบ
"ยัยเพทายคนนี้มีเสี่ยเลี้ยงด้วย"
เพทายโกรธ
"มาบ้านฉันแล้วยังมานินทาฉันอีกเหรอ"
พงษ์ตกใจ
"อ้าว แม่จะหาเรื่องให้ผมโดนกระทืบแล้วมั้ยล่ะ"
"แกก็โง่ไปได้ แบบนี้สิดี ไม่ต้องผูกมัดอะไร แกต้องจับมันให้ได้ สูบเอาเงินมันมาให้มากที่สุด แล้วถ้าแกไปเจอใครที่รวยกว่ามัน แกก็จะชิ่งได้ง่ายๆ"
เพทายแค้น พงษ์คล้อยตาม
"จริงด้วย แหมแม่ผมเนี่ยฉลาดไม่มีใครเกินเล้ย"
"แล้วคราวนี้อย่าให้พลาดเหมือนคราวก่อนอีกล่ะ"
พงษ์พยักหน้ามั่นใจ สองแม่ลูกพากันยิ้มให้กันก่อนพากันวางมาดเดินเข้าไปในบ้าน
เพทายมองตามอย่างเจ็บใจ
"ไอ้พวกมารสังคม คอยดูนะฉันจะเล่นงานแกสองแม่ลูกให้จำไปจนวันตายเลย"
เพทายหายไป
เดช สันติ อัมรา พรรณราย อาทร ยืนคุยกันอยู่ในบ้าน
เดชมองออกไปที่สนาม นักข่าวรอทำข่าวอยู่หลายคน รวมทั้งแขกที่เพทายเชิญมา ดื่มกินกันไปคุยกันไปอยู่ที่สนาม
เดชแปลกใจ
"นี่มันเลยเวลามากแล้ว ทำไมคุณเพทายยังไม่มาอีก"
"ผมโทร.ไปที่คอนโด เจ้าหน้าที่บอกว่าเห็นแต่รถคุณเพทายมาจอดทิ้งไว้ แต่ไม่พบตัวเธอครับ"
"หรือว่าเธอจะติดถ่ายหนังอยู่ต่างจังหวัดคะ" อัมราว่า
พรรณรายหมั่นไส้
"ทำเรียกร้องความสนใจมากกว่ามั้ง พวกดาราก็แบบนี้ละคะ ชอบทำให้คนอื่นเขารอ คิดว่าตัวเองสำคัญมากละมั้ง"
เพทายปรากฏขึ้นข้างพรรณราย มองอย่างโมโห
"ปากเสียไม่เลิก แบบนี้มันต้องตบ"
เพทายตบไปที่หน้า แต่พรรณรายไม่รู้สึก เพทายโมโห มองไปที่เดช
"เพราะแกไอ้เดช แกทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้"
เพทายพุ่งไปบีบคอเดชแต่ก็วืดไป เพทายเจ็บใจ กรี๊ด
"โอ๊ยนี่ฉันจะทำยังไงดี"
จุฑาเข้ามาบอกร้อนรน อาทรรีบถาม
"คุณเพทายมาหรือยังจุ๊บ"
"ยัง..พวกนักข่าวชักจะไม่พอใจกันใหญ่แล้วล่ะ เค้าว่าคุณเพทายจะเล่นตลกอะไรให้พวกเขามารอตั้งแต่เย็นจนนี่มืดแล้ว"
เดชชักสีหน้าไม่ดี หันไปเจอสันติที่มองอยู่ก่อน
สันติยิ้มให้กำลังใจประมาณไม่มีอะไรหรอก
"ผมว่าระหว่างที่รอคุณเพทายมา คุณอาเดชออกไปให้สัมภาษณ์นักข่าวก่อนดีมั้ยครับ"
เดชลังเล อาทรรีบสนับสนุน
"ก็ดีนะครับ ถ่วงเวลาให้คุณเพทายไว้ก่อน ผมว่าตอนนี้เธอคงกำลังมาแน่ๆ"
เดชพยักหน้า รีบเดินออกไป ทุกคนตามเดชออกไปด้วย เพทายคร่ำครวญ
"วันนี้มันควรเป็นวันของฉัน ทำไม..ทำไมฉันต้องกลายมาเป็นวิญญาณเร่ร่อนแบบนี้เนี่ย ทำไม"
สันติมาเดินรอเพทายอยู่หน้าบ้านกับอาทร ส่วนนักข่าวกำลังรุมสัมภาษณ์เดช
"คุณเพทายเค้าจะทำเซอร์ไพรส์อะไรหรือเปล่านะถึงไม่มาซักที"
"ฉันก็ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้นแล้วกัน"
อัมรา จุฑาเข้ามา อัมราถามร้อนใจ
"คุณเพทายยังไม่มาอีกเหรอคะ"
"ยังครับ"
"คุณพ่อให้สัมภาษณ์จะเสร็จแล้วนะคะ นักข่าวก็อยากเห็นหุ่นคุณเพทายจะแย่อยู่แล้ว"
"พี่ว่ามันผิดสังเกตแล้วล่ะ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณเพทาย"
อัมราหน้าเสีย พรรณรายเข้ามาอย่างรำคาญ
"ใครเชิญสองแม่ลูกนั่นมานะ"
สามคนหันไปมอง เห็นผอบกับพงษ์ยืนอยู่ เฝ้าดูเดชให้สัมภาษณ์อย่างสนใจ จุฑาถามแปลกใจ
"ใครเหรอคะ"
พรรณรายบอก"พวกเหลือบพวกไร้ที่ชอบหาที่เกาะไง คิดจะทำอะไรชั่วๆอีกแน่"
จุฑาทำหน้างงๆ เสียงนักข่าวดังขึ้นไม่ค่อยพอใจ
นักข่าว 1บอก "ตกลงคุณเพทายจะเล่นตลกอะไรกับพวกเราครับ ทำไมไม่ออกมาซะที"
"ไปดูคุณพ่อกันเถอะ" พรรณรายบอก
พรรณรายเดินไปที่เวที อัมราตาม สันติ อาทร จุฑารีบตามกันไป กลุ่มนักข่าวไม่ค่อยพอใจ
เพทายอยู่ข้างๆกลุ่มนักข่าว
"ฉันอยู่ตรงนี้ไง โธ่เอ๊ยฉันจะทำยังไงดีเนี่ย"
นักข่าว 2 บอก
"ถ้าคุณเพทายไม่มาคุณเดชในฐานะคนปั้นหุ่นเธอ ช่วยเปิดผ้าคลุมให้พวกเราถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ"
เดชลังเล
"ผมเกรงว่าจะไม่เหมาะ น่าจะให้คุณเพทายเป็นคนเปิดตัวหุ่นของเธอเองดีกว่าครับ"
"แต่พวกเรามารอนานมากแล้วนะครับ"
นักข่าวหันไปหาพวก นักข่าวคนอื่นสนับสนุน เพทายร้อนรนหันไปมาแล้วไปชะงักที่หุ่น
ตัวเองที่ปิดผ้าคลุมอยู่ เพทายนิ่งคิด สีหน้านึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างเพทายหายวับไป
เดชมองนักข่าวอย่างกลุ้มใจ นักข่าวคะยั้นคะยอให้เดชเปิด สันติ อัมรา อาทร พรรณ จุฑา
ไม่สบายใจ อยู่ๆเหมือนมีลมพัดวูบปะทะที่ผ้าคลุมที่ปิดหุ่นอยู่ ผ้าคลุมหลุดออกช้าๆ
หุ่นเพทายปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน นักข่าวฮือฮา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่าเหมือนเพทายมากๆ
นักข่าวพากันกดชัตเตอร์รัวถี่ยิบ เดช สันติ อัมรา อาทร พรรณราย จุฑา ผอบ พงษ์ต่างกำลังมองที่หุ่น
หุ่นเพทายกระพริบตา ค่อยๆขยับคอมองทุกๆคน แต่ละคนตกใจสุดขีด
ทุกคนจ้องหุ่นเพทายอย่างตกตะลึง นักข่าวพากันถอยกรูด เพทายขยับคอ ขยับตัวนักข่าวหญิงขวัญอ่อนร้องเสียงหลง
"ว้ายหุ่นผี"
เพทายเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่แน่ใจ
"ฉัน...เอง"
ทุกคนยังงงๆ กล้าๆกลัวๆ เดชเดินเข้าไปใกล้เพทายมองแปลกใจ
"คุณมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร"
สันติ อาทร ตามเข้าไปด้วย
"ฉัน..ก็มาอยู่ตั้งนานแล้ว"
ทุกคนทำหน้างง เพทายรีบต่อ
"ฉันแกล้งทำนิ่งเหมือนเป็นหุ่นตัวเอง"
"แล้วหุ่นของคุณละครับ หุ่นตัวคุณหายไปไหน" สันติถาม
เพทายอึ้ง นักข่าวตะโกนถามกล้าๆกลัวๆ
"ตกลงนั่นคุณเพทายจริงๆ ใช่มั้ยครับ"
เพทายก้าวออกมาด้านหน้า ยิ้มให้นักข่าว
"ขอโทษที่ทำให้ทุกคนตกใจ แค่อยากเซอร์ไพรส์พวกคุณแค่นั้นเองคะ"
นักข่าวพากันโล่งอก เข้ามารุมสัมภาษณ์ บางคนกดชัดเตอร์ถ่ายรูป เพทายยิ้มแย้ม
เดช สันติ อาทรมองงงๆ อัมรา พรรณราย จุฑาเข้ามา
"คุณเพทายทำให้นักข่าวตื่นเต้นกันใหญ่เลยนะคะ"
"นั่นสิคิดได้ไงปลอมตัวเป็นหุ่นอยู่ตั้งนาน" จุฑาบอก
"งี่เง่าละไม่ว่า ชอบทำตัวเด่นประหลาดๆ นี่ถ้าคนไม่อยู่กันเยอะฉันก็คงวิ่งเหมือนกันแหละ"
ที่มุมหนึ่ง ผอบกับพงษ์มองเพทายอย่างชื่นชมกระซิบกระซาบกัน สันติมองเพทายให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าสงสัย อาทรหันมาเห็นกระซิบกัน
"นายกำลังสงสัยเหมือนฉันใช่มั้ย"
สันติพยักหน้า เดชได้ยินหันมา
"สงสัยอะไร"
"เราสองคนกำลังสงสัยว่าคุณเพทายเปลี่ยนตัวกับหุ่นตอนไหนครับ"
เดชเองก็แปลกใจ สามคนมองไปที่เพทายกำลังให้สัมภาษณ์ยิ้มแย้ม หัวเราะร่าเริง อย่างแปลกใจ
แม้ว่าเพทายเต็มไปด้วยความแค้น แต่ข่มใจเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มหันกลับไปมองเดช
"ก็อย่างที่บอกนักข่าว ฉันทำหุ่นชำรุด เลยต้องยกไปเก็บไว้ก่อน แล้วจู่ๆมันก็เลยเกิดไอเดีย คิดว่าน่าจะปลอมตัวเป็นหุ่นซะเอง แล้วมันก็ไม่เลวจริงๆเพราะทุกคนตื่นเต้นตกใจกันยกใหญ่ รวมทั้งคุณด้วย"
เดชนิ่ง เพทายซ่อนแววตาร้ายกาจ
"คุณจะไปดูหุ่นกับฉันมั้ยละคะ ฉันก็อยากให้คุณช่วยซ่อมหุ่นตัวฉันให้เหมือนเดิมด้วย"
"ได้ครับ คงต้องดูก่อนว่าเสียหายมากแค่ไหน แล้วผมจะมาจัดการซ่อมให้วันหลัง"
เพทายยิ้มสมใจ
"ดีค่ะ..งั้นตามมาเลย"
เพทายหันหลังแววตาน่ากลัว เดชเดินตามไปอย่างไม่ระแวง
อัมรา พรรณราย จุฑานั่งรออยู่ในรถ เปิดประตูไว้ สันติ กับอาทรยืนอยู่นอกรถรอเดช
พรรณรายลงมาจากรถหงุดหงิด
"โอ๊ยนี่คุณพ่อจะคุยกับยัยปอดบวมถึงเช้าเลยหรือไง พี่ง่วงจะตายอยู่แล้วนะ"
พรรณรายทำท่าจะเดินเข้าไป อาทรรีบถาม
"น้องพรรณจะไปไหนครับ"
"ก็ไปตามคุณพ่อนะสิคะ"
อัมรารีบลงมา
"ไม่เหมาะมั้งคะพี่พรรณ"
สันติช่วยเสริม
"นั่นสิครับ คุณอาคงกำลังคุยธุระอยู่ ผมว่าเรารออีกสักครู่ เดี๋ยวคุณอาก็คงออกมา"
พรรณรายหันไปแว้ดสันติ
"ฉันขอความเห็นนายเหรอ ไม่พูดก็ไม่มีใครเขาคิดว่าเป็นใบ้หรอกนะ"
สันติอึ้ง จุฑาโผล่หน้าออกมา
"แล้วเธอล่ะถ้าชอบกัดคนอื่นเค้าแบบนี้ วันหลังช่วยเอาตะกร้อครอบปากก่อนออกจากบ้านน่าจะดีนะ"
พรรณรายโมโห
"นี่ว่าฉันปากหมาเหรอ"
"ก็แล้วแต่จะคิด"
พรรณพุ่งไปที่รถ จุฑารีบปิดประตู พรรณรายทั้งทุบทั้งกระชากให้เปิด
"แน่จริงเปิดสิยัยบ้า...เปิดสิ"
อาทรกับอัมราพยายามเข้ามาห้ามพรรณราย ดูวุ่นวาย ในขณะที่สันติถอนใจมองที่จุฑา
ลอยหน้าอยู่กระจกรถ เยาะเย้ยพรรณรายอย่างอ่อนใจ อาทรกับอัมราดึงพรรณรายไปจนได้
พยายามปลอบ พรรณรายยอมสงบแต่มองจุฑาอย่างอาฆาต
สันติมองเข้าไปในบ้านเพทายอย่างสงสัย พึมพำ
"ทำไมคุณอายังไม่ออกมาอีกนะ"
เพทายเดินนำเดชมาถึงหน้าห้องหนึ่ง เพทายยิ้มร้ายหันมาผายมือให้เดช
"หุ่นอยู่ในห้องนี้คะ"
เดชพยักหน้าเดินผ่านเพทายจะเข้าไป
"คุณอาเดชครับ"
เดชชะงัก เพทายหันขวับ พงษ์กับผอบยืนอยู่ เพทายขัดใจ พงษ์รีบเข้ามาทั้งช่อดอกไม้
"อ้าวคุณผอบ พงษ์"
"เรามาแสดงความยินดีกับคุณเดชค่ะ แต่รอๆอยู่ไม่เห็นคุณเดชออกไปซะทีเลยถือวิสาสะเข้ามา"
พงษ์ส่งดอกไม้ให้ เดชรับไว้
"ขอบคุณมาก ที่จริงนี่ไม่ใช่งานของผม แต่เป็นงานเปิดตัวหุ่นของคุณเพทายต่างหากครับ"
พงษ์รีบหันไปมองเพทาย ก้มหัวให้สุภาพ เดชรีบแนะนำ
"คุณเพทายครับนี่คุณผอบกับพงษ์"
"ต๊ายคุณเพทายนี่ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะคะ"
"สวัสดีครับคุณเพทาย ผมพงษ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก"
พงษ์ยื่นมือออกไป เพทายข่มความไม่พอใจ ยื่นมือออกมา
"ค่ะ..เช่นกัน"
ผอบมองพอใจ พงษ์ระรื่นจับมือเพทายแล้วชะงัก ทำหน้าแปลกๆ
"เอ๊ะ..ทำไมมือคุณเพทายแข็งแล้วก็เย็นมากเลยครับ"
เดชมองเพทาย เพทายรีบดึงมือกลับ
"อ๋อ..คงเพราะฉันยืนเกร็งมือเป็นหุ่นอยู่นานมั้งคะ รู้สึกชามือแข็งๆยังไงอยู่เหมือนกัน"
"โอ๊ะถ้าอย่างนั้นให้ผมช่วยนวดคลายเส้นให้มั้ยครับ"
ผอบเสริม
"ดีๆๆลูก ... ลูกพงษ์ของดิฉันนะเก่งมากนะคะ รับรองคุณเพทายต้องติดใจ"
พงษ์ยื่นมือมา เพทายรีบซ่อนมือไว้ด้านหลัง
"ไม่เป็นไรค่ะ คืนนี้ก็ดึกแล้ว ฉันอยากพักผ่อน เชิญพวกคุณตามสบาย ขอตัวไม่ออกไปส่ง"
เดชงง
"อ้าวแล้วเรื่องหุ่นละครับ"
"ไว้วันหลังก็แล้วกันค่ะวันนี้ไม่สะดวกแล้ว"
เพทายหน้าตึงๆเดินผละไป ผอบกับพงษ์อึ้งๆหน้าเสีย เดชสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ
คืนเดียวกัน ในห้องนอน เดชเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยืนเช็ดตัวอยู่หน้ากระจก สีหน้าไม่ค่อยดี อารีย์นั่งมองอยู่บนเตียง
"พี่เดชอย่าคิดมากไปเลยค่ะ คุณเพทายเธอคงจะเหนื่อยจริงๆ"
"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี พี่แค่กลัวว่าเธอจะไม่พอใจ เฮ้อสองแม่ลูกนั่นก็แปลกๆ อยู่ๆก็หายไปอยู่ๆก็โผล่มา"
เดชแต่งตัวเสร็จเดินมาหาอารีย์
"ว่าแต่เธอเป็นไงบ้าง"
"ฉันหายดีแล้วล่ะคะ พี่เดชคะ"
เดชมองเป็นเชิงถาม
"ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องพี่..ฉันอยากให้พี่เดชช่วยปั้นหุ่นตัวฉันหน่อย"
"อะไรนะ...ไม่ ไม่เด็ดขาด"
"พี่กลัวว่าฉันจะตายเหมือนคนอื่นๆเหรอคะ"
"เธอก็รู้อยู่แล้วนี่"
" ฉันว่าพี่เลิกคิดได้แล้วล่ะคะ"
เดชจะพูดอารีย์รีบต่อ
"ถ้ามันเป็นอาถรรพณ์อย่างที่พี่เคยคิด ทำไมคุณเพทายถึงไม่ตายล่ะ"
เดชอึ้ง
"พี่ปั้นหุ่นเธอเสร็จตั้งหลายวันแล้วแต่คุณเพทายก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างปกติดี"
เดชพยายามจะท้วง
"แต่พี่"
อารีย์จริงจังมาก
"ถือว่าฉันขอร้องได้มั้ยคะ ฉันอยากมีหุ่นของตัวเองไว้เป็นอนุสรณ์บ้าง"
ดชยังไม่รับปาก
"เอาอย่างนี้ดีกว่า พอพี่เดชปั้นหุ่นฉันเสร็จพี่เดชก็ปั้นหุ่นตัวเอง เราจะได้มีหุ่นคู่กันไงคะ"
เดชครุ่นคิด อารีย์เข้ามากอดอ้อน
"ฉันไม่เคยขออะไรพี่เลย นะจ๊ะรับปากกับฉันนะ"
เดชมองอารีย์อ่อนใจ ก่อนพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ อารีย์ยิ้มดีใจกอดเดช เดชกอดตอบ
หน้าอารีย์เปลี่ยนเป็นเศร้ามาก
สองแม่ลูกเข้ามาในบ้านอย่างหงุดหงิด พงษ์ทิ้งตัวนั่งเซ็ง
"หยิ่งชะมัด..ขนาดผมหล่อแบบนี้ยังไม่มองเลย ผมว่าเราคงต้องหาเป้าหมายใหม่แล้วมั้งแม่"
"ใจเย็นๆน่า..เพิ่งเจอกันครั้งแรกแล้วก็อยู่ต่อหน้าคนอื่น ยัยเพทายอาจจะทำวางมาดไปงั้นแหละ แม่ได้ยินมาว่ายัยเนี่ยชอบหนุ่มๆหล่อๆ ไอ้เสี่ยแก่ๆ ที่เลี้ยงอยู่ จะมีน้ำยาอะไร แม่นั่นมันก็เอาไว้ปอกลอกเท่านั้นแหละ"
"แม่จะให้ผมไปตื้ออีกเหรอ ผมบอกตรงๆ เบื่อมาก คราวลูกสาวคุณอาเดชก็โดนตอกจนหน้าหงายมาแล้ว"
"เชื่อแม่เถอะน่า อยากได้ประโยชน์ก็ต้องทน ถ้าแกพยายาม ยัยเพทายต้องเสร็จแกแน่ ทีนี้เราก็จะสบาย นะพงษ์นะ"
พงษ์พยักหน้าเซ็งๆ ลุกขึ้น "ก็ได้"
ผอบยิ้มออก
"ถ้างั้นพรุ่งนี้แม่หาเงินให้ผมติดกระเป๋าสักสองพันนะ"
ผอบตาเหลือก
"อะไรของแก เงินติดกระเป๋าทำไมมันเยอะนักล่ะ"
"อ้าวจะตกปลาตัวโต ก็ต้องใช้เหยื่อชั้นดีหน่อยสิแม่ จริงมั้ย"
พงษ์ยักคิ้วให้ เดินผิวปากขึ้นชั้นบนไป ผอบคิดหนัก
"ก็จริงของเจ้าพงษ์มัน คอยดูนะฉันต้องเอายัยเพทายมาเป็นสะใภ้ให้ได้"
ผอบยิ้มร้าย
คืนเดียวกัน เพทายนั่งมองเงาตัวเองในกระจก ลูบหน้าตาเนื้อตัวอย่างเสียดาย
"ฉันยังสาว ยังสวย ยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า เจ็บใจนักฉันต้องจัดการกับแกให้ได้ไอ้เดช"
เพทายลุกพรวด ท่าทางเจ็บแค้น
"อาเพทาย..อาเพทาย หลูอยู่น่ายย"
เพทายตกใจ
"เสี่ยมา..ฉันจะทำยังไงดี ถ้าเสี่ยจับตัวฉันก็ต้องรู้แน่ๆว่า ฉันไม่ใช่คน"
เพทายร้อนรนอยู่ ประตูเปิดเข้ามา เสี่ยยิ้มหวาน
"อาอยู่นี่เอง มามะมาให้เสี่ยหอมซะดีๆ"
เสี่ยโผเข้ามา เพทายหลบวืดอย่างตกใจ เสี่ยคะมำไปบนเตียงหันมามองงงๆ
"ทำม่าย..ทำม่ายต้องหลบเสี่ยด้วย มาสิมาให้เสี่ยกอดให้สมกับที่คิดถึงหลูหน่อยน่า"
เสี่ยลุกขึ้นมาจะคว้าตัว เพทายหลบอีก
"อย่าค่ะเสี่ย"
เสี่ยเสียงแข็ง
"เอ๊ะอาเพทายนี่ลื้อเป็นไรไป ไหนว่าลักเสี่ยมาก หรือว่าพอเสี่ยโอนบ้านให้แล้วลื้อคิดจะเปลี่ยนใจ"
เพทายรีบใส่จริต
"ไม่ใช่นะคะเสี่ย คือแหมตัวเสี่ยมีแต่เหงื่อ เอาอย่างนี้นะคะเสี่ยอาบน้ำอาบท่าให้สบายก่อน เพทายจะไปชงเหล้าบางๆมาให้เสี่ยดื่ม แล้วเพทายค่อยปรนนิบัติเสี่ยเหมือนอย่างเคยดีมั้ยคะ"
"อา..ลีๆๆได้ๆ งั้นเสี่ยไปอาบน้ำก่อนน่ะ"
เสี่ยเดินเข้าห้องน้ำไป เพทายหายไปอย่างรวดเร็ว เสี่ยเปิดประตูห้องน้ำโผล่แต่หน้าออกมา
"หยิบผ้าเช็ดตัวให้เสี่ยหน่อย"
เสี่ยชะงักมองทั่วห้องไม่มีเพทาย
"หายไปไหนไวจัง อ๋อ..สงสัยรีบไปเตรียมเหล้าให้อั๊วะ แหมน่ารักจิงๆ"
เพทายมาปรากฏร่างข้างรั้ววัด เพทายมองรอบๆค่อนข้างเปลี่ยว ถอนใจ
"นี่ฉันกลับมาที่นี่อีกแล้วเหรอ จริงสิตอนนี้วิญญาณฉันอยู่ในหุ่น ฉันพูดคุยกับใครๆก็ได้ ฉันต้องให้สันติช่วยฉัน"
ร่างเพทายทำท่าจะเลือนไป แล้วชะงักนึกได้
"ไม่ได้..สันติสนิทกับไอ้เดช ถ้าสันติรู้ไอ้เดชก็ต้องรู้ ฉันจะให้ไอ้เดชรู้ไม่ได้ว่า ฉันตายจนกว่าฉันจะแก้แค้นมันสำเร็จ"
เพทายหันหลังกลับมองซ้าย ขวาไม่รู้จะไปไหนดี ชาติเดินสวนมาท่าทางมึนๆ มองเพทาย สายตาหื่นๆ เพทายไม่สนจะเลี่ยงไป ชาติขวางไว้
"จะรีบไปไหนจ้ะน้องสาว"
ชาติจ้อง แล้วตื่นเต้น
"เฮ้ยนี่มันนังดาวโป๊ในหนังนี่หว่า"
เพทายฉุน
"อะไรนะแกเรียกใครว่าดาวโป๊"
เพทายนึกได้ พึมพำ
"นี่เราตายแล้วนี่นา"
เพทายรีบเดินเลี่ยงไป ชาติวิ่งตามมาขวางไว้
"จะรีบไปไหนละจ้ะ เราไปหาที่คุยกันก่อนดีกว่า"
ชาติคว้ามือเพทาย เพทายสะบัดแต่ไม่หลุด ชาติมึนๆยาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
ยังยื้อดึงมือเพทายไว้ เพทายโกรธ
"ปล่อยฉันนะไอ้ขี้ยา"
ชาติโกรธ
"อ๊ะนังนี่ปากร้ายนักนะ กล้าเรียกพี่ว่าขี้ยาเหรอ แบบนี้มันต้องปล้ำ"
ชาติดึงมือเพทายแรงขึ้น เพทายดึงกลับ ชาติกระชากมือเเต็มแรง เสียงดังกร๊อบ นิ้วมือเพทายหักติดมือชาติมา เพทายตกใจ ชาติมองนิ้วในมือตกใจ
"เฮ้ย"
เพทายโมโหลืมตัว
"ไอ้บ้า นิ้วฉันหลุดเลย"
ชาติจ้องเพทายตกใจมาก
"เธอ...เธอไม่เจ็บเลยเหรอ"
"เอานิ้วฉันคืนมา"
ชาติมองนิ้วในมือโยนทิ้งอย่างตกใจ ก่อนจะร้องเสียงดัง
"เหวอผะผีหลอก"
ชาติหันหลังวิ่งหนีสุดชีวิต เพทายพยายามมองหานิ้วแต่หาไม่เจอ
"ไอ้บ้าเอ๊ย โยนนิ้วฉันไปไหนเนี่ย"
เพทายโมโห มองมือตัวเองที่หักหายไปอย่างหงุดหงิด
สันติอาบน้ำเสร็จ กำลังเดินมาตามทางจะกลับห้องพัก ชาติวิ่งร้องหน้าตื่นมาชนสันติอย่างจัง จนล้มลง สันติตกใจรีบเข้าช่วย
"เป็นอะไรครับ อ้าวพี่ชาติ"
ชาติหน้าตื่นๆ
"ไอ้ติชะ..ช่วยด้วย"
"มีอะไรครับ พี่วิ่งหนีใครมา"
ชาติละล่ำละลัก
"ผี..ผีนังดาวโป๊ โอ๊ยน่ากลัวจริงๆ"
"ผีดาวโป๊"
"ใช่..นังดาวโป๊นมโตๆไง มันดังจะตาย แต่ว่ามันตายตั้งแต่เมื่อไรกันวะ มันเฮี้ยนเป็นบ้า"
สันติทำหน้างงๆ ชาติรีบบอก
"ฉันไม่ได้โกหกนะฉันพูดจริงๆ เมื่อกี้ฉันไปจับมือมัน นิ้วมันหลุดติดมือมาอี๊ฉันเลยโยนทิ้งไปข้างหน้าวัดนะ โอ๊ย พูดแล้วขนหัวลุก ไม่เอาแล้วโว้ย"
ชาติรีบลุกขึ้นวิ่งหนีไปอย่างกลัวมากๆ สันติมองตามงงๆ
"ดาวโป๊ที่กำลังดังก็มีแต่คุณเพทาย แล้วคุณเพทายจะตายได้ยังไง สงสัยพี่ชาติจะเมายาอีกแล้วล่ะมั้ง"
สันติส่ายหน้า ก่อนเดินกลับไปที่พักอย่างไม่ติดใจอะไร
เช้าวันใหม่ หลวงตายืนรับบาตรจากชาวบ้าน สันติถือย่ามยืนอยู่ใกล้ๆ หลวงตาให้ศีลให้พร
เสร็จ หลวงตาออกเดิน สันติตาม เสียงชาวบ้านคนเดิมโวยวาย
"ว้ายไอ้เปี๊ยก นี่แกเอานิ้วใครมาเล่น"
หลวงตากับสันติชะงัก หยุดหันไปมอง ชาวบ้านกำลังดุลูกอย่างตกใจ ที่เด็กยื่นนิ้วมือให้
พูดอย่างไม่รู้เรื่อง
"นิ้วใครไม่รู้หนูเห็นตกอยู่ตรงโน่น"
ชาวบ้านปัดนิ้วจากมือเด็กอย่างขยะแขยง นิ้วกระเด็นมาตกที่เท้าสันติ
สันติ มองพิจารณาก่อนค่อยๆหยิบขึ้นมาดู ตะโกนบอกชาวบ้านขำๆ
"ไม่ใช่นิ้วคนหรอกครับ นิ้วหุ่นนะ"
ชาวบ้านโล่งใจจูงลูกเข้าบ้าน หลวงตาส่ายหน้าเดินเข้าวัด สันติจะโยนนิ้วทิ้งชะงัก
นึกถึงคำพูดของชาติ
"ฉันไม่ได้โกหกนะฉันพูดจริงๆ เมื่อกี้ฉันไปจับมือมัน นิ้วมันหลุดติดมือมาอี๊ฉันเลยโยนทิ้งไปข้างหน้าวัดนะ โอ๊ย พูดแล้วขนหัวลุก ไม่เอาแล้วโว้ย"
สันติมองนิ้วในมืออย่างไม่เข้าใจพึมพำ
"นี่มันนิ้วหุ่นนี่นา"
สันติสลัดหัวไล่ความคิด จะโยนนิ้วทิ้งแต่แล้วเปลี่ยนใจเก็บใส่กระเป๋าเสื้อก่อนเดินเข้าวัด
สันติเคาะประตูหน้าห้องเช่าชาติอยู่นาน แต่ไม่มีคนเปิด ป้าห้องข้างๆเปิดออกมาดู
"มาหาไอ้ชาติเหรอ"
"ครับป้า แต่ผมเคาะตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครเปิดประตูข้างนอกนี่ก็ไม่ได้ใส่กุญแจนี่ครับ"
"โอ๊ยไอ้ชาติมันไม่อยู่แล้ว มันไปแล้ว"
สันติงง ป้ารีบเสริม
"มันเก็บเสื้อผ้ากลับต่างจังหวัดไปตั้งแต่เมื่อตอนดึก มันยังฝากให้ป้าคืนห้องให้เจ้าของเลย มันว่ามันโดนผีหลอก มันอยู่ไม่ได้"
"ผีหลอก"
"ใช่..แต่ป้าว่ามันเมายามากกว่า คิดดูสิจะเป็นไปได้ยังไงมันว่าผีที่หลอกมันคือยัยเพทายที่เป็นดารานะ โอ๊ยถ้าเค้าตายจริงๆยังไง๊เค้าก็คงไม่หลอกไอ้ชาติหรอก เค้าน่าจะไปหลอกคนที่ไม่ถูกกับเค้ามากกว่านะ"
ป้าขำสุดๆ ก่อนเข้าห้องไป ทิ้งให้สันติยืนอึ้ง
บ้านใหญ่โตของเสี่ยกวง ในห้องรับแขก เมียเสี่ยกำลังโทรศัพท์ หน้าเครียด ในมือถือหนังสือพิมพ์อยู่ด้วย
"ไหนแกบอกว่ามันตายแล้วไง นี่คิดว่าฉันโง่เหรอ รูปมันลงหราอยู่ในนสพ.เมื่อคืนมันยังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่เลย ได้ฉันจะไปพิสูจน์กับแก ถ้าไม่ใช่ศพมัน แกนั่นแหละจะเป็นศพเสียเอง"
เมียเสี่ยตัดการติดต่ออย่างโมโห ตามองรูปเพทายยืนคู่กับเดชยิ้มแย้ม เมียพึมพำ
"ถ้ามันตายจริงแล้วใครที่ยืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่นี่ล่ะ"
เมียเสี่ยชะงัก เสี่ยเดินหงุดหงิดเข้ามาไม่พูดจา เดินไปที่โทรศัพท์หมุนเบอร์
"อาเพทายกลับมาหลือยัง ถ้าอีกลับมาบอกให้โทรมาหาอั๊วด่วนที่สุดเลยนะ ไอ้หย๊าทำแบบนี้กับอั๊วได้ยังไง ลื้อบอกอีด้วยไม่งั้นอั๊วจะไล่ออกจากบ้านทั้งนายลื้อทั้งลื้อเลย"
เสี่ยวางสายอย่างหงุดหงิด เมียรีบถาม
"เสี่ยไปหานังเอ้อ..เพทายมาเหรอคะ"
เสี่ยหันมามองตาเขียว
"อั๊วะบอกลื้อแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ลื้อยุ่งกับความสุขเล็กๆน้อยๆของอั๊วะ"
เมียเสียงอ่อน
"ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันก็แค่ถามเฮียเห็นเฮียอารมณ์เสีย ฉันนะไม่ยุ่งไม่ว่าอะไรแล้ว ฉันตามใจเฮีย"
เสี่ยพอใจ "ก็ลีแล้ว"
"เอ๋แต่ทุกทีเห็นกลับจากไปหาเพทายเฮียดูมีความสุขมาก ทำไมครั้งนี้ถึงหงุดหงิดแบบนี้ละ"
"ก็อีเพทายนะสิ ทำกับอั๊วะแปกๆ ไม่ยอมให้อั๊วแตะต้องตัว หลอกให้อั๊วกินเหล้าจนเมาหลับไป ตื่นมาอีก็หายหัวไปไหนก็ไม่ลู้ ทำแบบนี้อั๊วไม่ชอบน่า"
"เมื่อคืนเฮียเจอเพทายจริงๆใช่มั้ย"
"ก็ใช่นะสิ"
เสี่ยมองหนังสือพิมพ์ในมือเมีย ดึงมาดู เสี่ยฉุน
"หรือว่าคิดจะนอกใจอั๊วะไปชอบไอ้ช่างปั้นหุ่นนี่ โอ๊ยหงุดหงิดโว้ย หงุดหงิด"
เสี่ยเดินหนีขึ้นชั้นบนไป เมียโกรธมาก
"ไอ้พวกเลวหลอกเอาเงินฉันจริงๆ คอยดูนะจะได้เห็นดีกัน"
ห้องหุ่น ตอนที่ 7 (ต่อ)
พิไลเดินเข้ามาในตัวบ้าน มองทั่วๆ ไม่มีใคร เลยเดินทะลุไปอีกห้อง
ชิ้นกำลังทำความสะอาดในห้องอยู่ หันมาเห็น รีบทัก
"มาก็ดีแล้ว นี่มาช่วยกันทำความสะอาดหน่อยสิ"
พิไลเข้ามามองทั่วๆอีก
"ทำไมบ้านเงียบจัง หายไปไหนกันหมด"
"อยู่ในห้องหุ่น เห็นว่าคุณผู้ชายจะปั้นหุ่นให้คุณผู้หญิง คุณพรรณกับคุณอัมตื่นเต้นกันใหญ่ เลยไปดูกัน"
"ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน"
พิไลทำท่าจะออกไป ชิ้นเรียกไว้
"อ้าวแม่คุณใจคอจะไม่คิดช่วยกันบ้างเลยเหรอ เดี๋ยวฉันยังต้องขึ้นไปทำห้องคุณพรรณคุณอัมอีก"
พิไลไม่สนจะไป แล้วกลับหยุดเหมือนคิดอะไรได้ หันกลับมา
"เอ้าอยู่ว่างๆช่วยหน่อยก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่มีน้ำใจ"
ชิ้นรีบส่งผ้าให้อย่างดีใจ
"เอ้าไปเช็ดตู้มุมนั่นให้หมดนะ"
พิไลกระชากผ้ามา
"แกทำข้างล่างแล้วกัน ส่วนฉันจะขึ้นไปทำที่ห้องพรรณรายกับอัมราเอง"
พิไลรีบเดินไป ไม่ให้ชิ้นท้วง ชิ้นมองหมั่นไส้พึมพำ
"จะช่วยทั้งทียังเลือกโน่นเลือกนี่อีก แม่คนนี้นี่ไม่ไหว แต่ก็ยังดีกว่าไม่ช่วย"
ชิ้นทำงานต่อไม่สนใจพิไลอีก
อารีย์ในชุดชาวบ้าน นุ่งผ้าถุง เสื้อธรรมดา อัมรา พรรณรายมองอย่างสงสัย
เดชอยู่มุมหนึ่งกำลังเตรียมอุปกรณ์จะปั้น
"ทำไมคุณแม่ไม่แต่งตัวสวยๆละคะ แบบชุดราตรียาวๆปักเลื่อมอะไรแบบนี้นะคะ พรรณว่าชุดนี้มันดูธรรมด๊าธรรมดาเนอะ อัมเธอคิดอย่างพี่มั้ย"
"อัมว่าคุณแม่น่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง ถึงได้แต่งตัวแบบนี้ใช่มั้ยคะ"
อารีย์ยิ้มลูบหัวอัมรา
"ถูกแล้วจ้ะที่แม่แต่งตัวแบบนี้เพื่อจะได้คิดถึงวันที่เคยยากจน"
พรรณรายเบ้หน้า
"จะไปคิดถึงมันทำไมกันคะความยากจน ไม่เห็นน่าจะคิดถึงเลย"
เดชถืออุปกรณ์เข้ามา
"ถ้าเราคิดถึงมันบ่อยๆ จะทำให้เราไม่ประมาทกับชีวิตไงลูก" เดชบอก
พรรณรายแอบเบ้หน้า เดชมองอารีย์ กระเซ้าอย่างอารมณ์ดี
"พร้อมหรือยังครับคุณนางแบบ"
"พร้อมตั้งนานแล้วค่ะ ว่าแต่จะให้นางแบบคนนี้ทำท่ายังไงดีละคะ"
พรรณรายหันมาสนใจอารีย์ จับตัวแม่ทำมือท่าให้ดูเซ็กซี่
"ต้องทำท่าแบบนี้สิคะคุณแม่"
ทุกคนหัวเราะกัน
"ไม่ไหวมั้งลูก"
พรรณรายเปลี่ยนท่าให้อารีย์ใหม่อีกหลายท่า สี่คนพ่อแม่ลูก อารมณ์ดีกับการจัดท่าทางให้อารีย์ แต่ละท่า อารีย์ส่ายหน้าพากันขำ หุ่นแต่ะละตัวมีปฏิกิริยา ดวงตาเหลือบมองไปทางห้องอัมรา
โดยทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกไม่ทันสังเกต หุ่นเจ้าคุณนรบดินทร์สายตามองไปที่สมศรี หุ่นนางรำมองตอบ
สายตาเหมือนเป็นการตอบรับ
พิไลเข้ามาในห้องพรรณรายกับอัมราอย่างระวัง พิไลรีบตรงไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง อัมรา
เปิดค้นลิ้นชักทีละอันอย่างรีบร้อน สุดท้ายเจอกล่องเครื่องประดับ พิไลเปิดดูพอใจ
กับสร้อยคอ พิไลหยิบออกมาจากกล่อง
"ถึงเพชรจะเล็กไปหน่อยแต่น้ำงามขนาดนี้คงหลายหมื่นอยู่ พรรณรายนี่โง่เป็นบ้า แต่ไม่เป็นไรแม่จะเก็บเอาไว้ให้เอง"
พิไลกำสร้อยไว้ในมือ ปิดกล่อง เก็บไว้อย่างเดิม พิไลหันกลับมาตกใจสุดขีด อัมรายืนมองนิ่งๆหน้าตาดุๆ พิไลแกล้งไก๋
"ฉัน..เข้ามาทำความสะอาดห้องให้นะ แต่เห็นห้องก็สะอาดดีนะ งั้นฉันไปก่อนล่ะ"
พิไลทำท่าจะเดินผ่านไป อัมราเสียงแข็ง
"เดี๋ยว"
พิไลชะงัก แต่ทำหน้าซื่อ
"มีอะไรเหรอ"
"เอาของไปเก็บที่เดิม"
พิไลสะดุ้ง แต่ยังทำไก๋
"ของอะไร"
อัมราจ้องในมือ พิไลทำไม่รู้เรื่องจะเดินไป อัมราจับแขนไว้
"เอ๊ะมาจับฉันไว้ทำไม"
"เอาของไปเก็บที่เดิม"
พิไลตกใจแต่ยังปากแข็ง
"ของ..ของอะไร เธอพูดเพ้อเจ้ออะไร ปล่อยฉันนะ"
พิไลสะบัดแต่ไม่หลุด พิไลดึงมืออัมราออก แต่อัมราจับไว้แน่น พิไลงง
"โอ๊ยทำไมแรงเยอะแบบนี้ นี่ฉันบอกให้ปล่อยฉันไงละ"
"เอาของไปคืนที่เดิมถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้"
พิไลหัวเราะเยาะ
"โธ่แม่หนูน้อยใครกันแน่ที่จะเจ็บตัว"
พิไลจับมืออัมราจะบิด แต่อัมราไม่รู้สึกอะไร มองนิ่งน่ากลัว พิไลงง
อัมราจับมือพิไลบิดอย่างแรง พิไลร้อง "โอ๊ย"
พิไลเจ็บจนต้องคลายมือออก สร้อยร่วงลงที่พื้น พิไลตกใจ มองอัมราที่จ้องอยู่อย่างน่ากลัว
พิไลรีบละล่ำละลั่ก
"ฉันเอ้อ ... ฉันไม่ได้ตั้งใจคุณอัมราอย่าไปบอกใครนะ ฉันขอร้องล่ะ"
"ครั้งนี้จะยกโทษให้ เอาไปเก็บที่เดิมเดี๋ยวนี้"
พิไลลนลาน
"จ้ะๆๆๆฉันจะเอาไปเก็บเดี๋ยวนี้ล่ะ"
พิไลรีบหยิบสร้อย เก็บที่โต๊ะเรียบร้อย หันกลับมาอ้อน
"ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ฉันขอร้องคุณอัมอย่าบอกคุณพ่อคุณแม่นะ ไม่งั้นฉันต้องโดนไล่ออกจากบ้านนี่แน่"
อัมราตะคอก เสียงดังน่ากลัวมาก
"ไป"
พิไลตกใจ รีบออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ประตูปิด ร่างอัมรากลายเป็นสมศรี หุ่นนางรำมอง
ตามน่ากลัว ที่หน้าห้อง พิไลมองเข้าไปในห้องอย่างเจ็บใจ
"นังอัมรานี่เห็นมันหงิมๆ เอาเรื่องไม่ใช่เล่นเลย"
พิไลมองข้อมือที่เป็นรอยแดงจ้ำ
"ตัวแค่นี้ทำไมแรงมันเยอะจัง ฝากไว้ก่อนเถอะแก"
พิไลรีบเดินออกไปจากหน้าห้องอย่างหงุดหงิด
อัมราเปิดประตูบ้านให้ พรรณรายขับรถออกไป
"ไม่ละค่ะ อัมอยากอ่านหนังสือ พี่พรรณรีบกลับนะคะ"
พรรณรายพยักหน้าขับรถออกไป ผ่านสันติ พรรณรายแกล้งเฉียดเข้าไป สันติกระโดดหลบ
พรรณรายมองหัวเราะเยาะ อัมราเห็นอยู่ตกใจรีบออกมาดู
"พี่อาร์ตเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"ไม่เป็นอะไรครับ"
"วันนี้พี่อาร์ตมาคนแรกเลยค่ะ"
สันติรีบถาม
"คุณเพทายมาหรือยังครับ"
"ยังเลยค่ะ"
สันติสีหน้าไม่สบายใจ อัมราสงสัย
"มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ไม่มีอะไรครับ"
"อาร์ตรอด้วย"
สันติกับอัมราหันไป จุฑาวิ่งเข้ามา
"นึกว่าจะสายคนเดียวซะแล้ว อาร์ตก็เพิ่งมาถึงเหรอ"
สันติพยักหน้า อัมรารีบบอก
"พี่ออยกับคุณเพทายก็ยังไม่มาค่ะ"
จุฑารับรู้ ทั้งหมดกำลังจะเข้าบ้าน พิไลเดินมาจะออกไปข้างนอก อัมราทักพิไลยิ้มแย้ม"จะไปไหนคะคุณน้า"
พิไลมองอัมอย่างไม่แน่ใจ ตอบเกรงๆ
"จะไปร้านเอ้อทำผมหน่อยค่ะ...คุณอัม"
อัมราหัวเราะ
"ไม่ต้องเรียกอัมว่าคุณหรอกค่ะ เรียกอัมเฉยๆก็ได้"
พิไลมองอัมอย่างไม่แน่ใจ ชิ้นตะโกนมาจากหน้าบ้าน
"คุณอัมคะ โทรศัพท์จากคุณนุชค่ะ"
"ค่ะ" อัมราหันมาบอกสันติกับจุฑา "อัมไปก่อนนะคะ" แล้วมองพิไล "ไปดีๆนะคะคุณน้า"
อัมราวิ่งไป พิไลมองตาม พึมพำ
"ยัยอัมรานี่ เป็นคนยังไงกันแน่นะ"
จุฑาได้ยินรีบถาม
"หมายความว่ายังไงคะ"
พิไลอึ้งๆลังเล จุฑากระตุ้น
"จุ๊บว่าน้องอัมเค้าน่ารักจะตาย"
พิไลหลงกล
"เฮอะ น่ารักเหรอ ฉันว่าเธอดูซะใหม่เถอะ เด็กคนนี้ไม่ได้หงิมๆ อย่างที่เห็นหรอกนะ ต่อหน้าคนอื่นดูอ่อนหวานน่ารัก แต่ลับหลัง..."
"ทำไมคะ"
"อย่าให้พูดเลย ทั้งร้ายทั้งน่ากลัว"
พิไลเดินไป สันติทำหน้างง
"ทำไมน้าพิไลพูดถึงน้องอัมแบบนี้"
"สงสัยน้าพิไลคงเจอดีอะไรเข้าให้ละมั้ง จุ๊บเคยบอกอาร์ตแล้วไงว่าอัมรานะไม่ธรรมดา"
"คนไม่ถูกกันก็ต้องพูดถึงอีกฝ่ายไม่ดีอยู่แล้ว"
"ใช่แต่ถ้าใครไม่ถูกกับน้องอัมของอาร์ตก็มักจะเจอดีทุกคนล่ะ"
สันติส่ายหน้า
"เหลวไหลน่าจุ๊บ รีบไปทำงานกันต่อเถอะ"
สันติเดินนำไป จุฑามองตาม ไม่พอใจ
ในห้องหุ่น เดชขึ้นโครงดินเหนียวช่วงบนหุ่นอารีย์อยู่ อารีย์นั่งเป็นแบบ อีกมุมสันติ
อาทร จุฑาช่วยกันปั้นหุ่นเพทาย สันติท่าทางไม่มีสมาธิ มองไปที่ประตูห้องหุ่นบ่อยๆ
"นายมองอะไรอาร์ต...มองหาน้องอัมเหรอ" อาทรกระซิบถาม
"เปล่า ...ฉันสงสัยว่าทำไมคุณเพทายยังไม่มาซักที"
อาทรมองนาฬิกาข้อมือ
"นั่นสิ..ไม่ใช่พอคุณอาปั้นหุ่นเธอเสร็จแล้ว เลยไม่ยอมมาเป็นแบบให้พวกเราต่อนะ"
สันติเริ่มกังวล
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยังดีเสียกว่าที่จะเกิดเรื่องไม่ดีกับเธอ"
อาทรงง
"นายหมายความว่ายังไง"
จุฑาหันมามอง
"สองหนุ่มนี่ไม่มีมารยาทเลย"
"อ้าวทำไมอยู่ๆมาว่ากันแบบนี้ล่ะยัยจุ๊บ" อาทรถาม
"ก็จริงนี่ มาแอบกระซิบกระซาบต่อหน้าสุภาพสตรีได้ยังไง"
"ไม่เห็นจะแปลกเลย ก็เธอนะเป็นแค่สตรีที่ไม่มีคำว่าสุภาพนำหน้าซักหน่อย ไม่เห็นจะเสียมารยาทตรงไหน"
จุฑาลืมตัวเสียงดัง
"ไอ้ออย"
เดช อารีย์หันมามอง สันติรีบกระซิบ
"เลิกทะเลาะกันเสียที เห็นมั้ยทำลายสมาธิคุณอาหมดแล้ว"
จุฑากับอาทรสงบศึก ต่างรีบทำงานต่อ เดชกับอารีย์หันกลับไป สันติมองไปที่ประตูอีกอย่างแปลกใจ
"ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายกับคุณเพทายเลย"
ในห้องนอน วิญญาณเพทายมองหุ่นตัวเองอย่างโมโห
"นึกว่าจะใช้หุ่นพาให้ฉันไปจัดการแก้แค้นไอ้เดชได้ แต่ดูสิหุ่นฉันนิ้วขาดไปแบบนี้ฉันจะอาศัยหุ่นไปได้ยังไง"
เพทายมองมือหุ่นที่นิ้วหลุดหายไป
ประตูเปิดเข้ามา คนรับใช้หอบเสื้อผ้าเพทายจะเข้ามาเก็บชะงัก
"อุ๊ย คุณเพทาย"
คนใช้ทำเสื้อผ้าตกเพราะตกใจ มองอีกครั้ง
"อ้าว..หุ่นนี่นา เอ๊ะแล้วทำไมหุ่นมาอยู่ในห้องนอนได้ละเนี่ย"
คนใช้รีบเก็บเสื้อผ้าไปมองหุ่นไปอย่างหวาดๆ
"แปลกจังแหะ ใครย้ายหุ่นมาตั้งแต่เมื่อไร คุณเพทายก็ไม่อยู่นี่นา"
คนใช้รีบเอาผ้าไปเก็บในตู้อย่างว่องไว มองหุ่นขลาดๆ รีบออกไป เพทายมองตาม พูดไม่พอใจ
"ทำงานชุ่ยจริงนะแก นี่ถ้าฉันยังไม่ตายฉันจะไล่แกออก"
เพทายมองไปที่ถุงมือที่ตกอยู่ที่พื้น เพทายชะงักสีหน้ายินดี
"แต่เพราะความชุ่ยของแก ทำให้ฉันนึกอะไรได้."
เพทายเดินเข้าไปสิงหุ่น ครู่เดียวหุ่นขยับตัว เดินมาเก็บถุงมือขึ้นมามอง ยิ้มพอใจ
เพทายมาปรากฏร่างหน้าบ้านเดช เธอแต่งตัวจัดเต็มแบบดารา ใส่หมวกปีกกว้าง ใส่แว่น ใส่ถุงมือพรางนิ้วที่ขาด
เพทายมองบ้านเดชอย่างเจ็บแค้น จะเข้าไป
"เข้าไม่ได้"
เพทายชะงักหันมามอง เจ้าที่ปรากฏร่างขึ้นบนรั้ว เพทายตะคอกถาม
"แกเป็นใคร"
"หนอยแน่ะคนสมัยนี้ไม่รู้จักแม้นกระทั่งเจ้าที่เจ้าทาง"
เจ้าที่ลอยลงมายืนประจันหน้าเพทาย
"กลับไปซะ คืนก่อนข้าให้เจ้าเข้ามาเพราะคิดว่าเป็นวิญญาณที่สงบเหมือนหุ่นตัวอื่นๆ แต่ถ้ามาเพราะอาฆาตแค้นคิดจะทำร้ายเจ้าของบ้านนี้ เจ้าเข้าไม่ได้"
เพทายไม่สน
"ฉันจะเข้าไปจะทำไม"
เพทายเดินจะเข้าประตูรั้วใหญ่ที่เปิดค้างไว้ เจ้าที่แยกร่างเป็นหลายร่างยืนกั้นอยู่เป็นแนว
กำแพงรั้วแทน เพทายชะงัก แต่ยังไม่กลัว เพทายเดินชนแต่แล้วกลับผงะกระเด็นถอยไป
เจ้าที่หัวเราะ
"ข้าเตือนแล้วนะ กลับไปซะดีๆ"
เพทายแค้น เคลื่อนร่างเข้าไปอีกแต่เหมือนชนกำแพงที่แข็งแกร่ง กระเด็น ล้มไม่เป็นท่า เจ็บปวด เจ้าที่หัวเราะสะใจ
"บอกแล้วว่าสัมเวสีอย่างเจ้าไม่มีทางสู้ข้าได้หรอก ถ้าเจ้าของบ้านไม่ได้บอกให้เข้า ยังไงเจ้าก็เข้าไม่ได้"
เพทายเจ็บใจ คิดหาทางแต่แล้วชะงัก มองไปเห็นอัมรากำลังออกมาจากตัวบ้านถือหนังสือ
จะไปอ่านที่สวน เพทายแกล้งร้องเสียงดัง
"โอ๊ย"
ได้ผลรับที่อัมราชะงักมองมา เห็นเพทายล้มอยู่กับพื้น อัมราตกใจ
"เอ๊ะนั่นคุณเพทายเป็นอะไรนะ"
อัมรารีบวิ่งมา
"คุณเพทายเป็นอะไรไปคะ"
เพทายรีบลุกขึ้นก่อนอัมราจะจับตัว พูดเสียงอ่อน
"อยู่ๆก็หน้ามืดไปน่ะ สงสัยเป็นลม"
อัมราตกใจ
"ถ้าอย่างนั้นรีบเข้าไปพักในบ้านก่อนเถอะค่ะ"
เจ้าที่ตกใจ ร่างที่ขวางเป็นกำแพงหายวับไปหมด เหลือเจ้าที่ยืนอยู่ร่างเดียวร้องตกใจ
"โธ่หนูอัมรา..หมดกัน"
เพทายหันไปยิ้มเยาะเจ้าที่ก่อนรีบเดินเข้าไปในบ้าน อัมรามองตามงงๆ
"ไม่สบายทำไมเดินเร็วอย่างนั้นล่ะเดี๋ยวก็ล้มไปอีกหรอก"
อัมรารีบตามไปอย่างเป็นห่วง
ในห้องนั่งเล่น อัมราเฝ้ามองเพทายอย่างเป็นห่วง
"คุณเพทายดีขึ้นมั้ยคะ"
เพทายมองอัมรา ยิ้มมีเลศนัย
"รู้สึกดีขึ้นแล้ว เอ๊ะนี่ทุกคนไปไหนกันหมดล่ะ"
"อ๋อ คุณพ่อคุณแม่ พี่อาร์ต พี่ออยพี่จุ๊บอยู่ในห้องหุ่นค่ะ"
"แล้วพี่สาวเธอล่ะ"
"พี่พรรณออกไปซื้อของข้างนอกค่ะ"
"ฉันเห็นมีแม่บ้านกับคนใช้อีกคน แต่ทำไมไม่เห็นใครเลย"
"น้าพิไลบอกว่าไปทำผม คงอีกนานกว่าจะกลับค่ะ ส่วนน้าชิ้นไปตลาด คุณเพทายถามทำไมคะ"
"คือ..พอดีฉันยังไม่ได้กินอะไรมาเลย อยากได้อะไรรองท้องสักหน่อย ก่อนไปเป็นแบบ เธอพอจะหาอะไรให้ฉันกินหน่อยได้มั้ย"
"ได้สิคะ งั้นอัมจะทำแซนวิชให้คุณเพทายทานกับกาแฟดีมั้ยคะ"
"ดี"
อัมรารีบลุกไป ในครัว เพทายมองตามยิ้มร้าย ค่อยๆลุกขึ้นเดินตามไปช้าๆ
ในห้องครัว อัมราเปิดตู้หยิบขนมปัง มีด ซอสฯลฯ อุปกรณ์ในการทำแซนวิชมาวางไว้ที่โต๊ะ
อัมราเดินไปที่ตู้เย็นเปิดหยิบผัก เพทายเดินหน้าตาน่ากลัวเข้ามาในครัวเงียบๆ หยิบมีดที่โต๊ะ เดินตรงรี่เข้าหาอัมราทางด้านหลัง อัมราปิดตู้เย็น เพทายเงื้อมีด
อัมราทำผักหล่นพื้น ก้มลงเก็บเป็นจังหวะเดียวกับที่เพทาย จ้วงแทง พลาดไป มีดปักตู้เย็นอย่างฉิวเฉียด อัมราตกใจ
"คุณเพทาย"
อัมราหันไปมองมีดที่ปักอยู่ที่ประตูตู้เย็นอย่างตกใจ
"คุณจะทำอะไรคะ"
เพทายกระชากมีดออกมาหน้าตาน่ากลัว
"ก็ฆ่าแกไง"
อัมราถอยกรูด ตกใจ ชนเก้าอี้ล้มระเนระนาด พยายามพูด
"อย่าค่ะคุณเพทาย คุณเป็นอะไรไปคะ นี่อัมนะคะ อัมลูกคุณพ่อเดช"
เพทายหัวเราะ
"ก็เพราะแกเป็นลูกไอ้เดชไง ฉันถึงต้องฆ่า ฉันจะฆ่าแก ก่อนแล้วค่อยฆ่าพ่อแก"
เพทายถือมีดเข้ามา อัมราตะลึง เพทายจ้วงแทงอีก อัมราหลบหวุดหวิด เพทายเดินเข้าหา
อัมราไปจนมุมที่กำแพงห้องครัว เพทายหัวเราะร่า
"แกตาย..นังอัมรา"
เพทายเงื้อมีด อัมราร้องสุดเสียง
"อย่าค่ะคุณเพทาย"
เพทายปักมีดลงไป อัมรากลิ้งตัวหลบไปอีกทาง แล้วรีบลุกขึ้นวิ่งหนีออกจากห้องครัว
เพทายหันกลับมา มองอาฆาต
"แกหนีฉันไม่พ้นหรอกนังอัมรา"
เพทายเดินตามออกมาพร้อมมีดอย่างน่ากลัว
ในห้องหุ่น หุ่นแต่ละตัวมีปฏิกิริยา ส่วนเดชกำลังแต่งโครงดินเหนียวส่วนหน้าของหุ่นอารีย์อยู่อย่างตั้งใจ สันติ อาทร จุฑาเก็บรายละเอียดหุ่นเพทาย
พรณี หุ่นนางพยาบาล มองหุ่นเจ้าคุณนรบดินทร์ ส่งกระแสจิตบอก
"อัมรากำลังอยู่ในอันตราย"
"ฉันจะไปช่วยอัมราเอง" สมศรี หุ่นนางรำบอก
"ไม่ต้องวันนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเรา คนที่จะช่วยอัมรามีอยู่แล้ว"
อารีย์ถามเดชขึ้นมาพอดี
"ฉันขอขยับหน่อยได้มั้ยคะพี่เดช รู้สึกขาจะเป็นเหน็บแล้ว"
เดชขำ
"ได้สิ..ไหนๆจะขยับแล้วช่วยไปเอาน้ำให้พี่หน่อยได้มั้ย คอแห้งจัง แล้วเอามาเผื่อเด็กๆด้วย"
สันติรีบหันมาอาสา
"ผมไปเอาให้เองครับ คุณอาไม่ค่อยสบายขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวจะหน้ามืด"
"ขอบใจจ้ะ แค่ไปบอกชิ้นก็พอ เดี๋ยวชิ้นเค้าจัดการเอง"
"ครับ"
สันติรีบออกไป สมศรีกับพรรรณี เข้าใจคำพูดของเจ้าคุณนรบดินทร์ อารีย์เข้าไปดูหุ่นตัวเองคุยกับเดช จุฑากับอาทรตั้งใจเก็บรายละเอียดหุ่นเพทาย ไม่มีใครรู้ว่า จะเกิดเรื่องร้ายกับอัมรา
สันติเข้ามาในครัว
"น้าชิ้นครับ"
สันติชะงัก เห็นในครัวมีอุปกรณ์ทำแซนวิชค้างอยู่ ข้าวของล้ม ดูออกว่าต้องเกิดอะไรในครัวแน่" นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
สันติมองทั่วๆในห้องครัว
"อย่างกับมีการต่อสู้กันในนี้"
เสียงอัมราดังเข้ามา " อย่าค่ะ..อย่า"
สันติตกใจ
"น้องอัม"
สันติรีบวิ่งออกจากห้องครัว
อัมราวิ่งหนีเพทายมาทางสวนหลังบ้าน อัมราหันไปมอง ไม่มีเพทาย
อัมราโล่งอก หยุดหายใจหอบๆ พอหันหลังมาตกใจสุดขีด เพทายยืนจ้องอยู่อย่างน่ากลัว "แกตาย"
อัมรากรี๊ด
"ว้าย"
อัมราเป็นล้มหมดสติล้มลง เพทายยิ้มสะใจ
"แกหนีฉันไม่รอดแล้ว"
เพทายก้าวเข้าไปหาอัมรา
"คุณเพทาย"
เพทายชะงัก หันไปมอง สันติวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"คุณจะทำอะไร"
สันติท่าทางเอาเรื่องพร้อมปกป้องอัมรา เพทายอึ้ง
ในห้องรับแขก สันติจ่อยาดมที่จมูก อัมราเบือนหน้าหนี ค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตาช้าๆ
เห็นหน้าสันติมองอยู่พร่าเลือน ก่อนค่อยๆชัดขึ้น
"น้องอัมครับ..รู้สึกตัวแล้วใช่มั้ย"
อัมรามองสันติ เรียกอ่อนโรย
"พี่อาร์ต"
"ครับพี่เอง...น้องอัมเป็นล้มหมดสติไปครับ"
อัมราตกใจ รีบลุกขึ้นนั่งละล่ำละลัก
"คุณเพทายค่ะ คุณเพทาย."
อัมราชะงัก เพทายเข้ามายืนด้านหลังสันติ อัมราตาเหลือก
"พี่อาร์ตระวังค่ะ คุณเพทายจะฆ่าอัม"
เพทายยิ้มอ่อนโยน
"ขอโทษนะอัมรา ที่ทำให้เธอตกใจขนาดนี้"
เพทายเข้ามาใกล้ อัมราถดถอยหนีสีหน้าหวาดกลัว สันติรีบปลอบ
"ไม่ต้องกลัวครับน้องอัม ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณเพทายไม่ได้คิดจะทำร้ายน้องอัมจริงๆ"
อัมรางงๆ มองหน้าสันติ แล้วมองเพทายอย่างระแวง
"แต่เมื่อกี้คุณเพทายจะฆ่าอัมจริงๆ"
เพทายหัวเราะเบาๆ
"ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าเธอหรอกจ้ะ ฉันแค่ซ้อมบทที่จะต้องเข้าฉากในละคร"
อัมราทวนอึ้งๆ
"ซ้อมบท"
"ใช่..คือในบทฉันต้องเล่นเป็นคนโรคจิตจะฆ่านางเอก พอดีตอนตามเธอเข้าไปในครัว สถานการณ์มันเหมือนในบทตอนนี้พอดี ฉันก็เลยลองซ้อมดู"
อัมรามองเพทายอย่างไม่วางใจ สันติรีบเสริม
"จริงๆครับ ตอนที่พี่วิ่งตามไปในสวน น้องอัมเป็นลมไป ถ้าคุณเพทายจะแทงน้องอัมตอนนั้นก็คงทำไปแล้ว"
เพทายพยักหน้าให้อัมรา
"ฉันไม่คิดว่าเธอจะตกใจจนเป็นลมไป ขอโทษจริงๆนะอัมรา"
"ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่บอกอัมก่อนละคะว่าคุณเพทายจะซ้อมบท"
สันติเห็นด้วย
"นั่นสิครับ คุณเพทายน่าจะบอกก่อน น้องอัมจะได้ไม่ตกใจกลัวขนาดนี้"
"ถ้าบอกก่อนก็ไม่สมจริงสิจ้ะ รู้มั้ยการเล่นละคร ถ้าคนที่เราเล่นด้วยส่งอารมณ์ให้เราเต็มที่มันจะทำให้เราเล่นดีไปด้วย ถ้าฉันบอกอัมรา เธอก็คงไม่ได้กลัวฉันจริงๆ แต่เมื่อกี้เธอกลัวฉันจากความรู้สึกจริงๆใช่มั้ยล่ะ"
อัมราพยักหน้าช้าๆ
"ค่ะ..อัมกลัวคุณเพทายมาก คุณเพทายทำเหมือนอยากฆ่าอัมจริงๆ เหมือนโกรธแค้นอัมมากๆ"
เพทายหัวเราะ
"เห็นมั้ย เธอทำให้ฉันเล่นได้ดีมาก ขอบใจนะจ้ะอัมรา อย่าโกรธฉันเลยนะ"
"อัมไม่โกรธหรอกค่ะกลับโล่งใจด้วยซ้ำ คิดว่าอัมหรือคุณพ่อไปทำอะไรให้คุณเพทายไม่พอใจซะอีก"
เพทายหัวเราะเหมือนขำ แต่ซ่อนแววตาอาฆาตไว้ อัมรามองสันติอย่างโล่งใจ
สันติก็มองอัมราอย่างเป็นห่วง ยิ้มให้อย่างปลอบโยน
สันติเก็บเก้าอี้ที่ล้มกับข้าวของในครัวที่กระจายอยู่ที่พื้น จัดให้เข้าที่เหมือนเดิมแล้วชะงัก
เห็นอัมรานั่งเหม่อ มองรอยมีดที่ปักอยู่ที่ประตูตู้เย็น อัมราพูดจริงจัง
"นึกถึงท่าทางคุณเพทายเมื่อกี้แล้วน่ากลัวจริงๆ มันไม่เหมือนการแสดงเลยนะคะ"
"แบบนี้มั้งครับที่เค้าเรียกว่าตีบทแตก"
อัมราหันมาถามสันติ
"แล้วอย่างนี้เราจะรู้ได้ยังไงกันคะว่าเวลาไหนที่เค้าพูดจริง หรือเวลาไหนที่เป็นการแสดง"
สันติเดินเข้ามาหาอัมรา แปลกใจ
ฎพูดแบบนี้เหมือนน้องอัมกำลังสงสัยอะไรคุณเพทายอยู่"
อัมรานิ่งไม่ปฏิเสธ สันติรีบลากเก้าอี้มานั่ง ถามจริงจัง
"มีอะไรหรือเปล่าครับ"
อัมราถอนใจ
"อัมสงสัยคำพูดประโยคหนึ่งของคุณเพทายนะค่ะ"
"อะไรครับ"
อัมราถอยกรูด ชนเก้าอี้ล้มระเนระนาด อัมราตกใจมาก พยายามพูด
"อย่าค่ะคุณเพทาย คุณเป็นอะไรไปคะ นี่อัมนะคะอัมลูกคุณพ่อเดช"
เพทายหัวเราะ
"ก็เพราะแกเป็นลูกไอ้เดชไง ฉันถึงต้องฆ่า ฉันจะฆ่าแกก่อนแล้วค่อยฆ่าพ่อแก"
อัมรามองสันติ ถามอย่างแปลกใจ
"คุณเพทายพูดเหมือนโกรธแค้นอะไรคุณพ่อ ถ้าเป็นการแสดงทำไมต้องพาดพิงไปถึงคุณพ่อด้วยละคะ"
สันติครุ่นคิด แต่ตอบปกติ
"อาจจะเป็นคำพูดในบทก็ได้นะครับ"
อัมรานิ่ง สันติอธิบายต่อ
"คุณเพทายไม่มีเรื่องอะไรที่จะไม่พอใจคุณอาเดชเลยนี่ครับ หุ่นก็เสร็จแล้ว และดูท่าทางคุณเพทายก็พอใจมากซะด้วย"
"นั่นสิคะ อัมก็คิดไม่ออกเลยว่าคุณเพทายจะโกรธคุณพ่อเรื่องอะไร"
สันติวางมือบนมืออัมราอย่างสุภาพ
"พี่ว่าน้องอัมเลิกคิดเถอะครับ คุณเพทายคงแค่อยากซ้อมบทจริงๆไม่น่ามีอะไรมากกว่านั้น"
อัมรามองหน้าสันติ สีหน้ายังไม่ค่อยสบายใจ สันติจริงจัง
"พี่จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องร้ายๆกับน้องอัมเด็ดขาด"
อัมรามองสันติอย่างซึ้งใจ
"ขอบคุณค่ะพี่อาร์ต"
สองคนเผลอมองกันจากความรู้สึกภายในใจ สันติได้สติรีบลุกขึ้น
"โอ๊ะพี่ลืมไปเสียสนิทเลย"
"อะไรคะ"
"คุณอาวานให้พี่ออกมาเอาน้ำไปให้ทุกคน"
สันติรีบไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำ อัมรารีบลุกขึ้น
"งั้นรอหน่อยได้มั้ยคะ อัมกำลังจะทำแซนวิช จะได้ทานรองท้องกันก่อนด้วย คุณเพทายเธอก็บ่นหิวค่ะ"
"ได้ครับงั้นพี่จะช่วยเป็นลูกมือให้เอง"
อัมราลงมือทำแซนวิช สันติคอยหยิบของส่งให้ สันติสีหน้าเป็นห่วง
เพทายเดินมาหยุดที่มุมหนึ่งในบ้าน ก่อนหันไปมองทางห้องครัว พึมพำ
"เจ็บใจนัก ฉันเกือบจะฆ่าอัมราได้อยู่แล้ว ถ้าไอ้เด็กวัดนั่นไม่เข้ามาขวาง"
เพทายหันไปมองทางห้องหุ่น เห็นประตูห้องหุ่นเปิด เดชเดินออกมา แต่เดชไม่เห็นเพทาย เขาจะเดินไปทางหน้าบ้าน เพทายตาวาววับ
"แต่ยังไง โชคก็ยังเข้าข้างฉันอยู่ดี"
เพทายรีบตามเดชไป
เดชเดินมาถึงรถเปิดประตู เพทายรีบเรียกไว้
"คุณเดช"
เดชชะงักหันไปมอง
"คุณเพทาย..มาตั้งแต่เมื่อไรครับ"
เพทายยิ้มแย้ม
"เพิ่งมาถึงค่ะ นี่คุณจะไปไหนคะ"
"ผมทำเครื่องมือปั้นหุ่นหัก จะออกไปซื้อครับ"
"เอ้อ ถ้าอย่างนั้นช่วยไปส่งฉันที่บ้านหน่อยได้มั้ยคะ"
"คุณเพิ่งมาถึงไม่ใช่เหรอครับ ทำไมจะรีบกลับ"
"อยู่ๆฉันก็รู้สึกปวดหัว วันนี้คงเป็นแบบให้ไม่ไหว นะคะช่วยไปส่งฉันหน่อย"
"ก็ได้ครับ"
เพทายยิ้มสมใจ รีบเดินอ้อมไปขึ้นนั่งข้างคนขับ เดชขึ้นรถมาติดเครื่อง ขับรถออกจากบ้านไป
อัมราวางถาดที่ใส่จานแซนวิช สันติวางถาดเหยือกน้ำกับแก้วหลายใบ
อาทร จุฑา อารีย์ ล้อมวงอยู่ เดชเช็ดมืออยู่มุมหนึ่ง อาทรรีบคว้าแซนวิชเข้าปากอย่างว่องไว
"อร่อยแบบนี้ต้องไม่ใช่ฝีมือน้าชิ้นแน่ๆ" อาทรบอก
"อร่อยจริงๆเหรอคะ"
อาทรหยิบอีกชิ้นเข้าปากเคี้ยวเร็วๆทำท่าคิด ก่อนหยิบอีกชิ้น
"ถ้าจะให้แน่ใจต้องอีกชิ้นครับ"
จุฑารีบแย่งไว้ โพล่งขึ้น
"แบบนี้เค้าเรียกตลกบริโภคแล้วนายออย"
"อ้าว..ถ้าไม่ชิมแล้วจะรู้รสเหรอ"
"ชิ้นสองชิ้นก็รู้แล้ว"
อาทรจะแย่งแซนวิชคืน จุฑาไม่ยอม เดชเข้ามาร่วมวง
"มาอาจะตัดสินให้เองว่าอร่อยหรือไม่อร่อย"
เดชหยิบแซนวิชเข้าปาก อัมรามองลุ้นๆ เดชทำหน้าพิลึกจะกลืนก็ไม่กลืน จะคายก็ไม่คาย
ทุกคนประหลาดใจ อัมราหน้าเสีย
"ไม่อร่อยเหรอคะคุณพ่อ"
เดชยิ้มขำๆ
"อร่อยมากจ้ะ"
ทั้งหมดหัวเราะกัน ต่างลงมือทานแซนวิชไปคุยกันไปอย่างมีความสุข สันติกำลังจะกินแซนวิชนึกได้
"เอ๊ะ แล้วคุณเพทายหายไปไหนละครับ"
ทุกคนทำหน้างง ยกเว้นอัมรา
"คุณเพทายยังไม่มา" เดชบอก
"มาแล้วครับ ผมคิดว่าเธอมาพบคุณอาแล้วซะอีก"
เดชมองทุกคนอย่างแปลกใจ
"ไม่นี่..คุณเพทายยังไม่ได้เข้ามาในห้องหุ่นเลย นี่พวกเราก็รอเธออยู่นะ"
"หรือว่าจะไม่สบายไปอีก"
ทุกคนมองเป็นเชิงถาม อัมราอธิบายต่อ
"คือคุณเพทายไม่ค่อยสบายค่ะ ตอนมาถึงก็มาเป็นลมที่หน้าบ้าน"
อารีย์ตกใจ
"ตายจริง แล้วนี่จะไปเป็นลมอยู่ตรงไหนหรือเปล่า งั้นพวกเราออกไปดูเธอเถอะค่ะ"
เดชพยักหน้า ทุกคนพากันออกไปจากห้องหุ่น
เดชมาจอดรถที่หน้าบ้านเพทาย เดชหันมาบอกเพทาย
"ถึงแล้วครับ"
"เข้าไปในบ้านก่อนสิคะ"
เดชมองไปที่ประตูบ้าน ก่อนตอบ
"ผมคงเข้าไปไม่ได้"
"ฉันรู้ค่ะว่าคุณจะรีบไปซื้อของ แต่ฉันอยากให้คุณเข้าไปนี่ค่ะ นะคะถือว่าฉันขอร้อง ฉันอยากให้คุณเข้าไปจริงๆ คุณจะได้ช่วยดูหุ่นที่ชำรุดด้วย"
เดชยิ้มพอใจ
"ครับ ผมจะเข้าไป"
คนใช้วิ่งมาเปิดประตู พอเห็นเพทายนั่งคู่มา รีบเปิดประตูกว้าง เดชยิ้มมุมปากก่อนขับรถเข้าไปด้านใน เพทายยิ้มร้าย
ห้องหุ่น ตอนที่ 7 (ต่อ)
เดชเดินเข้ามาในห้อง เพทายตามเข้ามาปิดประตูล็อค เดชหันมามอง เพทายจ้องเดช หัวเราะน่ากลัว
"ในที่สุดฉันก็หลอกแกมาได้สำเร็จ วันนี้แกไม่รอดแน่"
เดชถามเรียบๆ
"ใครกันแน่ที่โดนหลอก"
เพทายงง เดชเปลี่ยนเป็น ทับ หุ่นนักดาบ ยิ้มเยาะ เพทายตะลึง
"แก.."
"ฉันขอเตือนเธอในฐานะที่เรามีอาชีพเดียวกัน" ทับบอก
เพทายแว้ด
"อย่าเอาฉันไปเปรียบกับแกไอ้ดารากระจอก"
เพทายหันกลับ ทับปรากฏร่างขวางไว้
"จะไปไหน"
"ก็กลับไปฆ่าไอ้เดชไง"
"ไปไม่ได้"
"ใครหน้าไหนก็ขวางฉันไม่ได้หรอก"
"ฉันไม่อยากทำร้ายผู้หญิง ที่มานี่แค่อยากจะบอกให้เธอรู้ ว่าเธอไม่ได้ตายเพราะคุณเดช"
เพทายยิ้มเยาะ
"ถ้าอย่างนั้นฉันตายเพราะใคร"
"อาเพทาย หลูอยู่ไหน"
เพทายตกใจ
"เสี่ย..จะมาทำไมหนักหนานะ"
ทับหายไปทันที เพทายมองซ้ายมองขวา ร้อนรน
เสี่ยเดินมาหงุดหงิด คนใช้ตามมาห่างๆ เสี่ยกวงโวยวาย
"ไหนลื้อบอกอาเพทายอยู่ไง ในห้องนอนก็ไม่เห็นมี ห้องอื่นๆก็ไม่มี"
"หนูก็ไม่รู้ค่ะว่าอยู่ห้องไหน แต่คุณเพทายเข้ามาแล้วจริงๆมากับคุณเดชที่ปั้นหุ่นเธอนะคะ"
เสี่ยกวงไม่พอใจ
"หรือว่าแอบนอกใจอั๊วะ พาไอ้ช่างปั้นหุ่นมาหาความสุขกัน"
เสี่ยกวงมองไปที่ห้องเก็บของ สีหน้าระแวง เสี่ยเดินไป คนใช้รีบบอก
"นั่นมันห้องเก็บของนะคะ"
เสี่ยกวงไม่ตอบเปิดประตูเข้าไปอย่างแรง
ในห้องเก็บของ เสี่ยกวงเห็นเพทายยืนหันหลังนิ่งอยู่ เสี่ยดีใจ
"อาเพทาย หลูอยู่นี่เอง"
เพทายนิ่ง คนใช้ตามเข้ามา เสี่ยกวงเดินไปหน้าเพทาย
"อาเพทาย....ไอ้หย๊า นี่มันหุ่นอีนี่นา"
หุ่นเพทายยืนนิ่ง คนใช้มองประหลาดใจ เสี่ยโมโห หันมาเล่นงานคนใช้
"ไหนล่ะอาเพทาย มีแต่หุ่น ตัวอีไปไหนว่ะ"
"หนูก็ไม่รู้ค่ะ แต่คุณเพทายกับคุณเดชขึ้นมาข้างบนจริงๆนะคะ"
เสี่ยกวงโมโห
"อั๊วะชักจะได้กลิ่นทะแม่งๆ แล้วน่า คงรู้ว่าอั๊วะมาเลยพากันหลบออกไปละสิ อาเพทายนี่ลื้อคิดจะนอกใจอั๊วจริงๆใช่ม้า"
เสี่ยผลุนผลันออกไป คนใช้เดินไปมองหุ่นเพทายอย่างหวาดๆ
"หุ่นมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงเนี่ย ก็เมื่อเช้ายังอยู่ในห้องนอนคุณเพทายอยู่เลย"
คนใช้รีบออกไปอย่างหวาดๆ เพทายปรากฏขึ้นมุมห้อง พูดโมโห
"เวลาฉันมีชีวิตอยู่ ไม่เห็นจะมาหาสักเท่าไร พอตายแล้วมาบ่อยเหลือเกินไอ้เสี่ยบ้าเอ๊ย "
เพทายหงุดหงิด แล้วนึกอะไรได้มองออกไปนอกบ้านอย่างโมโห เดินไปสิงหุ่นแล้วหายตัวไป
เพทายปรากฏร่างหน้าศาลพระภูมิ
"เป็นเจ้าที่ประสาอะไรปล่อยให้ผีที่อื่นเข้ามาได้ง่ายๆ"
คนใช้กวาดหน้าตึกอยู่มองมาเห็นชะงักจ้องมอง เห็ฯเพทายคนเดียว
"เอ้าคุณเพทายอยู่นั่นเอง เอ๊ะแล้วคุยกับใครกัน"
เจ้าที่ปรากฏร่างขึ้น
"กล้ามาต่อว่าข้าเลยรึ ถึงเจ้าจะเป็นเจ้าของบ้าน แต่ก็น่าจะรู้บ้างว่าอะไรควรไม่ควร"
"เจ้าที่บ้านอื่นเค้าดูแลบ้านอย่างดี ฉันยังเข้าบ้านเค้าไม่ได้เลย แล้วเนี่ยมัวทำอะไรอยู่ เอาแต่นอนละสิท่า"
เจ้าที่โกรธ
"ข้าก็ดูแลปกป้องบ้านนี้อย่างเต็มกำลัง แต่เจ้าเป็นคนเชื้อเชิญให้วิญญาณนั่นเข้ามาเอง แล้วจะให้ข้าห้ามได้อย่างไร"
"ฉันน่ะเหรอ เชื้อเชิญ"
"คิดดูให้ดีๆสิก็เจ้าเป็นคนบอกให้วิญญาณนั้นเข้าไปเอง"
ย้อนคิดถึงตอนที่เดชมองไปที่ประตูบ้าน ก่อนตอบ
"ผมคงเข้าไปไม่ได้.."
"ฉันรู้ค่ะว่าคุณจะรีบไปซื้อของ แต่ฉันอยากให้คุณเข้าไปนี่ค่ะ นะคะถือว่าฉันขอร้อง ฉันอยากให้คุณเข้าไปจริงๆ คุณจะได้ช่วยดูหุ่นที่ชำรุดด้วย"
เพทายนึกได้ สีหน้าเจ็บใจ
"ตอนนั้นเอง...บ้าที่สุด เจ้าเล่ห์นักนะไอ้หุ่นผี"
เจ้าที่ส่ายหน้าก่อนหายตัวไป เพทายมองหา
"เดี๋ยวสิเดี๋ยว..จะรีบไปไหนฉันอยากถามอะไรหน่อย"
คนใช้มองท่าทางเพทายอย่างงงมาก
"คุณเพทายเป็นอะไรนะ พูดคนเดียวหรือพูดกับ..."
คนใช้มองรอบๆ เริ่มกลัว เพทายโมโห เดินเร็วๆทะลุรั้วบ้านออกไปอย่างหงุดหงิด คนใช้กำลังแอบมองอยู่ตะลึง ตกใจสุดขีด
"ผะ..ผะ..ผีหลอก"
คนใช้วิ่งหน้าตื่นกลับเข้าไปในบ้านอย่างตกใจมาก
อารีย์เดินเข้ามาในห้องรับแขกอย่างร้อนใจ เดชเดินเข้ามา รีบถาม
"เจอคุณเพทายมั้ยคะพี่เดช"
"ในห้องนั่งเล่น ในห้องน้ำไม่มี"
สันติ กับอัมราเข้ามา
"สวนหลังบ้านแล้วห้องข้างหลังทั้งหมดก็ไม่มีค่ะ"
อาทรกับจุฑาเข้ามา
"ที่สนามกับหน้าบ้านไม่มีวี่แววคุณเพทายเลยครับ"
ทั้งหมดทำหน้าประหลาดใจ เดชหันมามองสันติ
"ตอนที่จะแยกกับคุณเพทายเธอพูดอะไรหรือเปล่า เช่นจะขอกลับก่อนอะไรแบบนี้"
สันติคิด
"ไม่นะครับ เธอบอกเองว่าจะไปหาคุณอาเดชที่ห้องหุ่น แล้วเธอก็แยกตัวไป ผมกับน้องอัมก็เข้าไปเตรียมของในครัว"
อัมราพยักหน้ายืนยันคำพูดสันติ เดชอึ้งครุ่นคิด เสียงแตรรถบีบดังกระชั้นถี่ๆๆแบบไม่เกรงใจ
ดังอยู่หน้าบ้าน ทุกคนมองหน้ากันประหลาดใจ
"ใครมานะบีบแตรไม่เกรงใจเลย"
สันติเปิดประตูรั้วออกกว้าง รถเสี่ยกวงขับอย่างเร็วเข้ามา
จอดเกือบติด เดช อารีย์ อัมรา อาทร จุฑาที่ยืนมองอยู่งงๆ เสี่ยกวงลงจากรถ อารีย์ถามงงๆ
"ใครนะ"
จุฑารีบกระซิบ
"เสี่ยกวงที่เค้าลือกันว่าเลี้ยงคุณเพทายอยู่ไงคะ"
พิไลกำลังจะเข้าบ้านมาชะงัก แอบดู เสี่ยกวงเดินมายืนหน้าเดช โวยวาย
"ลื้อเอาอาเพทายไปไว้ที่ไหน"
เดชงง
"คุณเพทายไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ"
เสี่ยเข้ามากระชากคอเสื้อเดช
"ไอ้โกหก นี่ลื้อคิดจะเป็นชู้กับเมียอั๊วะเหรอ บอกให้ลู้ไว้เลยนะว่าอาเพทายอีเป็นเมียอั๊วะ"
สันติรีบเข้าขวาง ดึงเสี่ยออก
"ใจเย็นๆก่อนครับเสี่ย"
"เย็นไม่ไหวแล้ว เมื่อกี้ก็พากันไปกกที่บ้าน พออั๊วะไปเลยพากันหนีกลับมานี้ใช่มั้ย"
อารีย์แปลกใจมาก
"เดี๋ยวค่ะนี่คุณพูดเรื่องอะไร ฉันเป็นภรรยาพี่เดชยืนยันได้ว่า พี่เดชไม่ได้ออกไปไหนเลยตั้งแต่เช้า"
เสี่ยหันมามองอารีย์เยาะๆ
"ลื้อมันก็โง่ตามแบบฉบับเมียหลวงนั่นแหละ ผัวลื้อไปกกเมียอั๊วะอยู่ที่บ้านโน่น คนใช้มันก็เป็นพยานได้"
อารีย์งงหันไปมองเดช เดชรีบพูดกับเสี่ยเ
"คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ผมขอยืนยันว่าตั้งแต่เช้ามานี่ผมยังไม่ได้เจอคุณเพทายเลย แต่คุณเพทายมาที่นี่จริงๆ"
"นั่นไง ยอมรับแล้ว"
"เธอมาแต่เธอไม่ได้เจอกับคุณอา เธอเจอกับผมกับน้องอัม ดูท่าทางเธอไม่ค่อยสบาย ผมคิดว่าเธอคงกลับไปแล้วล่ะครับ"
เสี่ยกวงไม่เชื่อ
"ไม่จริง พวกแกช่วยกันโกหก แกต้องซ่อนอาเพทายไว้ข้างใน"
เสี่ยตะโกน
"อาเพทาย..อาเพทายลื้อออกมาเดี๋ยวนี้นะ"
เสี่ยวิ่งเข้าไปในบ้าน ทุกคนงง พอได้สติก็พากันตามเข้าไป
พิไลไม่พอใจ
"แหมพี่เดชนะพี่เดช มิน่าฉันใส่พานถวายตัวให้ขนาดนี้ยังไม่สน ที่แท้ก็มีที่หมายใหม่นี่เอง ศัตรูของฉันตอนนี้ไม่ใช่นังอารีย์ขี้โรคซะแล้ว แต่เป็นนังดาวโป๊นั่นต่างหาก"
หุ่นในห้องยืนสงบนิ่งแต่สายตาไม่พอใจ เสี่ยกวงวิ่งเข้ามาในห้องหุ่นเรียกไปด้วย
"อาเพทาย..อาเพทาย ลื้ออยู่ในนี้ใช่มั้ย"
เสี่ยชะงักมองหุ่น ความรู้สึกเหมือนหุ่นจ้องมองดุๆ เสี่ยอึ้ง
"ไอ้หย๊า..นี่มันหุ่นหรือคนวะ"
สันติ เดช อาทรตามเข้ามา
"ผมบอกแล้วไงว่าคุณเพทายไม่ได้อยู่ที่นี่"
เสี่ยหันมามอง
"เสี่ยก็บุกไปดูทุกห้องแล้วยังไม่เชื่ออีกเหรอครับ" อาทรว่า
เสี่ยโมโห
"แล้วอีหายไปไหนล่ะ"
สันติพูดอ่อนน้อม
"ผมว่าเสี่ยใจเย็นๆก่อนดีมั้ยครับ คุณเพทายอาจจะไปธุระที่ไหนหรือไปกองถ่าย เดี๋ยวเธอก็คงกลับ วันนี้ดูเธอเครียดๆเห็นบ่นว่าบทที่ได้รับยาก เธออาจจะหลบไปทำสมาธิเพื่อการเข้าฉากอยู่ก็ได้" สันติว่า
เสี่ยยังสงสัย
"แล้วทำไมอาคนใช้มันบอกว่าเห็นเพทายกลับมากับคนปั้นหุ่น"
"เรื่องนี้ผมก็ตอบไม่ได้ แต่ผมขอยืนยันอย่างลูกผู้ชายว่าผมพูดความจริง ผมเจอคุณเพทายครั้งสุดท้ายก็คือคืนงานเปิดตัวหุ่นของเธอที่บ้าน"
เสี่ยมองเดชอย่างชั่งใจ
"ลื้อไม่ได้มีอะไรกับอาเพทายจริงๆใช่มั้ย"
เดชอ่อนใจ
"ผมมีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่แล้ว ผมคงไม่อยากหาความเดือดร้อนมาใส่ตัวหรอกครับ"
เสี่ยทำท่าคิดก่อนเดินออกจากห้องหุ่นไป พึมพำ
"อาเพทายหายไปไหนของอีน่า"
เดช สันติ อาทรมองกันอย่างโล่งอก ก่อนพากันออกจากห้องหุ่นไป
หุ่นทุกตัวมีปฏิกิริยา
"ผมอยากจะช่วยแท้ๆ ไม่คิดว่าจะทำให้คุณเดชต้องเดือดร้อน" ทับบอก
หุ่นเจ้าคุณนรบดินทร์บอก "ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกพ่อทับ เธอทำที่สุดแล้ว"
"เพทายต้องกลับมาอีกแน่" พรรณีบอก
หุ่นเจ้าคุณนรบดินทร์พยักหน้า หุ่นทุกตัวสีหน้าเป็นกังวล
ทั้งห้าคนนั่งคุยกันอยู่ พรรณรายท่าทางเอาเรื่องมุมหนึ่ง... พิไลแอบดูทุกคนอยู่อย่างสนใจ
"เสียดายที่พี่ไม่อยู่ ไม่งั้นพี่จะเอาน้ำสาดไล่ไอ้เสี่ยตัณหากลับนั่นให้ออกจากบ้านไม่ทันเลย"
"ความจริงเสี่ยเค้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายหรอกค่ะพี่พรรณ แค่เข้าใจผิดไปเอง" อัมราบอก
ชิ้นยกจานสาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อมาวาง
"มาแล้วค่ะของว่างอร่อยๆที่คุณพรรณซื้อมา"
ชิ้นถอยออกไป พรรณรายรีบตักสาคูป้อนอาทร
"นี่ค่ะสาคูไส้ปลาที่พี่ออยชอบ"
อาทรยกมือห้าม
"พี่ยังอิ่มอยู่เลยครับน้องพรรณ ไว้ก่อนนะ"
พรรณรายไม่ยอม
"ได้ยังไงคะ พรรณอุตส่าห์ลงทุนขับรถไปซื้อถึงพาหุรัด คุณป้าบอกว่าร้านนี้พี่ออยทานประจำ นะ"
พรรณรายป้อนอีก อาทรส่ายหน้า
"ตอนนี้พี่ทานไม่ลงจริงๆ"
จุฑาพูดขึ้นลอยๆ
"คนเค้าไม่อยากกินยังจะบังคับอยู่ได้ พิลึกจริง"
พรรณรายหันขวับทันที
"ไม่ใช่เรื่องของตัวอย่าแส่"
จุฑายักคิ้วไม่สน คว้าส้อมจิ้มสาคูใส่ปาก พรรณรายตาโต
"ใครให้กินเนี่ย ฉันซื้อมาให้พี่ออยคนเดียวนะ ไม่ได้ให้เธอ"
จุฑาทำตกใจ
"อ้าวๆๆ... ทำไงดีล่ะกลืนไปแล้ว จะให้ขย้อนออกมาให้มั้ย"
จุฑาทำท่าจะขย้อน สันติรีบปราม
"จุ๊บไม่เอานะ"
พรรณมองจุฑาประมาณฝากไว้ก่อน หันไปเซ้าซี้อาทรอีก
"พี่ออยทานหน่อยสิคะนะ"
"พี่เพิ่งทานแซนวิชของน้องอัมไปหมดจานเลยนะครับ สาคูนี่ไว้ก่อนนะ"
พรรณรายโมโห
"แหมที่ของยัยอัมกินซะหมดจานแต่ของพรรณคำเดียวก็ยังไม่ยอมกิน ก็ได้"
พรรณรายลุกขึ้น หยิบจานสาคูกับจานข้าวเกรียบปากหม้อ เทลงกับพื้นหมด
ทุกคนตะลึง พรรณรายสะบัดไป อัมราหน้าเสีย
"อัมขอโทษแทนพี่พรรณด้วยนะคะ"
จุฑาโมโห
"ทำเกินไปแล้วมั้ง"
"สงสัยคงจะร้อนนะคะเลยหงุดหงิด"
อัมราก้มลงเก็บ สันติกับอาทรต่างคนต่างรีบลุกมาช่วยพร้อมกัน
สันติ/อาทรบอก "พี่ช่วยครับน้องอัม"
จุฑามองหมั่นไส้ อาทรนึกได้
"เอ้อนายช่วยน้องอัมก็ดีแล้วอาร์ต พอดีฉันปวดท้องขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"
อาทรรีบออกไป สันติช่วยอัมราเก็บของ จุฑามองอย่างหมั่นไส้ พิไลมอง
เหตุการณ์ตรงหน้ายิ้มร้าย ก่อนรีบเลี่ยงหลบไป
พรรณรายเข้ามานั่งในศาลาหน้าบึ้ง คอยหันไปมองด้านหลังพึมพำโมโห
"พี่ออยนะพี่ออย รู้ว่าเราโกรธจะตามมาง้อหน่อยก็ไม่ได้"
พรรณรายหันกลับหน้าหงิกกว่าเดิม เสียงฝีเท้าคนมาด้านหลัง พรรณยิ้มสมใจ
มือพิไลเข้ามาวางที่บ่า พรรณรายตาเป็นประกาย ไม่ได้มอง นึกว่าเป็นอาทร เลยจับมือไว้ พูดเสียงกระเง้ากระงอด
"นึกว่าพี่ออยจะไม่มาง้อพรรณซะแล้ว"
พรรณหมุนตัว พิไลยืนยิ้มอยู่ พรรณรายปล่อยมืออย่างไม่พอใจ
"น้าพิไล"
"คิดจะรอให้นายออยนั่นมาง้อเหรอ ไม่มีทางหรอก"
"ทำไม"
"ก็น้องสาวตัวดีของหนูนะสิคอยกั้นท่าไว้"
พรรณรายอึ้ง แต่ไม่เชื่อ
"ไม่จริง นี่คิดจะมาพูดยุแหยให้พี่น้องเค้าแตกกันใช่มั้ย"
พิไลหัวเราะ
"น้าจะทำอย่างนั้นไปทำไมคะ พี่น้องแตกกันแล้วน้าได้ประโยชน์ตรงไหน"
พรรณรายคิดตามแล้วอึ้งอีก พิไลมองรีบใส่ไฟต่อ
"แต่น้าไม่ชอบที่อัมราทำกับพี่สาวแบบนี้ต่างหาก"
"ยัยอัมทำอะไร"
"แทนที่จะช่วยขอโทษแทนพี่ อัมรากลับว่าหนูซะเองว่าไม่น่าทำกิริยาไม่ดีแบบนี้ พี่พรรณนะเป็นอย่างนี้ทุกที ชอบเอาแต่ใจจนใครๆในบ้านเค้าเอือมระอาไปหมดแล้ว"
พรรณรายโมโห
"ยัยอัมกล้าพูดลับหลังฉันขนาดนี้เลยเหรอ"
"แล้วน้ายังเห็นนายออยจะตามมาง้อหนูนะ แต่อัมราห้ามเอาไว้บอกว่าเดี๋ยวหนูจะเคยตัว"
พรรณรายโมโหมากขึ้น
"ยัยอัมคอยดูนะจะฟ้องคุณพ่อคุณแม่"
"โธ่ฟ้องไปแล้วจะได้อะไรคะ เท่าที่น้าดูรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่หนูนะจะเชื่ออัมรามากกว่าหนูนะ"
พรรณรายอึ้ง พิไลได้โอกาสเข้ามาโอบปลอบ
"น้าไม่ชอบเลยที่ใครๆก็ชมแต่อัมรา ทั้งๆที่หนูนะดีกว่าตั้งเยอะ"
"ฉันก็ไม่ชอบ ให้คนนอกอย่างเธอมาเจ๋อวุ่นวายเรื่องในครอบครัวฉัน ไปไม่ต้องมายุ่ง ฉันไม่เชื่อเธอหรอก"
พรรณรายผลักพิไลกระเด็น ตัวเองวิ่งไป พิไลมองตาม
"เด็กเอ๊ยเด็กทำเป็นปากแข็ง หึเจอลูกยุฉันขนาดนี้มันต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะ"
พิไลหัวเราะสะใจ
พรรณรายนั่งหน้าง้อมองอัมราที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กำลังนั่งหวีผมอยู่ที่
หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง อัมราเห็นเงาพรรณรายจ้องอยู่ในกระจก ชะงักถาม
"ทำไมพี่พรรณจ้องอัมอย่างนั้นละคะ"
"เธอนี่ตีสองหน้าเก่งจังนะอัมรา"
อัมราหันกลับมาไม่เข้าใจ
"พี่พรรณพูดเรื่องอะไรคะอัมไม่เข้าใจ"
พรรณรายลุกขึ้นท่าทางเอาเรื่อง
"ก็ที่เธอว่าฉันลับหลังไง"
อัมรางงหนักขึ้น ชี้ตัวเอง
"อัมเนี่ยเหรอคะว่าพี่พรรณลับหลัง"
อารีย์เปิดประตูเข้ามา
"มีอะไรกันจ้ะแม่เดินผ่านได้ยินเสียงดัง"
พรรณรายรีบฟ้อง
"ยัยอัมค่ะ ยัยอัมนินทาพรรณลับหลังให้พี่ออยนายอาร์ตกับยัยจุ๊บฟัง หาว่าพรรณนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจจนทุกคนในบ้านระอา"
อารีย์หันมามองอัมราเชิงถาม อัมรารีบบอกหนักแน่น
"อัมไม่เคยว่าพี่พรรณแบบนั้นนะคะคุณแม่"
"แล้วใครบอกพรรณละลูก"
พรรณรายนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะบอก
"น้าพิไลค่ะ"
อารีย์สีหน้าเข้าใจ พรรณรายรีบพูดต่อ
"ถ้ายัยอัมไม่พูด น้าพิไลเค้าจะเอามาจากไหนคะ"
"พรรณลูกต้องรู้จักฟังหูไว้หูนะจ้ะ"
"ก็ไหนคุณแม่บอกว่าน้าพิไลเป็นคนดี เค้าจะมาโกหกพรรณทำไมคะ เค้ายังบอกเลยว่าเค้าไม่ชอบที่ใครๆพากันชื่นชมอัมราแล้วรุมว่าแต่พรรณ"
อารีย์เครียด พยายามอธิบาย
"บางทีน้าพิไลอาจฟังมาผิดๆก็ได้ แต่พรรณน่าจะเชื่อใจน้อง เท่าที่ผ่านมา อัมราไม่เคยว่าร้ายพรรณมีแต่คอยช่วยคอยเข้าข้างพรรณ จริงมั้ยลูก"
พรรณรายนิ่งคิดตาม อัมรารีบเข้ามาหา
"ถ้าพี่พรรณไม่เชื่อ อัมสาบานก็ได้ค่ะ ถ้าอัมพูดให้ร้ายพี่พรรณขอให้อัมมีอันเป็นไปภายในสามวันเลย"
ทั้งอารีย์และพรรณรายตกใจ"ยัยอัม"
"ตกใจทำไมคะ อัมไม่เห็นกลัวเพราะอัมเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของอัม"
พรรณรายจ๋อย
"พี่เชื่อแล้วล่ะว่าเธอไม่ได้พูดจริงๆ ฮึ่มยัยพิไลนะยัยพิไล กล้ามาโกหกฉันเหรอเนี่ย"
"อย่าไปโทษคนอื่นเลยลูก จำไว้เป็นบทเรียนนะ เราเป็นพี่น้องกันต้องรักกันเชื่อใจกัน ถ้าไม่มีแม่ ทั้งพรรณ อัมและอ๊อดต้องรักกันให้มากๆนะจ้ะ"
ทั้งพรรณรายกับอัมราเข้ามากอดอารีย์คนล่ะข้าง
"คุณแม่อย่าพูดแบบนี้สิคะ"
"ใช่ค่ะคุณแม่ต้องอยู่กับพวกเราตลอดไป"
อารีย์กอดลูกคนละข้างน้ำตาซึมแต่พยายามข่มไว้ พยักหน้า
"จ้ะแม่จะอยู่กับลูกๆเสมอ แม่สัญญา"
อัมรากับพรรณไม่เข้าใจความหมายเป็นนัยนั้น พากันยิ้มอย่างดีใจ อารีย์ปากยิ้มแต่ตาเศร้า
พิไลเปิดประตูห้องออกมาชะงักที่เห็นเป็นอารีย์ยืนอยู่ พิไลพูดเยาะๆ
"อุ๊ยตายวันนี้คุณผู้หญิงลงมาเยี่ยมบ่าวถึงเรือนคนใช้ได้เหรอเจ้าคะ"
"ทำไมต้องพูดจากกระทบกระแทกแดกดันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ก็นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเหรอพิไล เธอเป็นคนร้องขอเองนะ"
"ก็ฉันไม่คิดนี่ว่าเธอจะให้ฉันมาอยู่ห้องรูหนูหลังบ้านแบบนี้ ในขณะที่เธออยู่สุขสบาย มันไม่ยุติธรรม เพราะฉันก็เป็นเมียของพี่เดชเหมือนกัน"
อารีย์ข่มใจ
"ฉันมานี่ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่ฉันอยากมาเตือนเธอเรื่องเด็กๆ"
"ทำไม"
"เธอไม่ควรยุแหย่พรรณราย"
"ฉันยุอะไร"
"พรรณรายบอกฉันหมดแล้ว"
พิไลอึ้ง อารีย์พูดต่อเสียงแข็งท่าทางเอาเรื่อง
"ฉันให้เธอเข้ามาอยู่เพื่อดูแลพรรณราย เธอควรจะสอนแต่สิ่งดีๆให้พรรณราย ถ้าเธอยังมีสำนึกว่าเธอเป็นแม่ แต่ถ้าเธอจะมาทำให้พรรณรายแย่ลง ฉันอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะพิไล"
อารีย์เดินไป พิไลมองตามเจ็บใจ
"คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านจะทำยังไงกับฉันก็ได้เหรอนังอารีย์ มันไม่ง่ายอย่างที่แกคิดหรอก ลองฉันได้ก้าวเข้ามาแล้วฉันไม่มีวันออกไปง่ายๆแน่นอน"
พิไลปิดประตูกระแทกเสียงดังอย่างไม่แคร์
ที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง มือปืนกำลังถูกลูกน้องเมียเสี่ยซ้อมสะบักสะบอม
มือปืนเซมาทรุดแทบเท้าเมียเสี่ย เงยหน้ามอง
"ผมไม่ได้โกหก นังเพทายตายแล้วจริงๆครับ"
เมียเสี่ยก้มลงจับหน้ามือปืนบีบอย่างแรง เสียงเหี้ยม
"งั้นคนที่ยืนยิ้มอยู่ในรูปกับคนที่เสี่ยไปหามันก็เป็นผีนะสิ"
"ผม..ผมไม่รู้ แต่ผมสาบานได้ว่านังเพทายตายแล้ว ศพมันยังอยู่ที่วัด ผมพาไปดูก็ได้"
เมียเสี่ยนิ่งคิด ลูกน้องอีกคนเข้ามากระซิบ
"ปกติไอ้นี่มันไว้ใจได้ มันไม่น่าโกหกเจ๊นะครับ"
เมียเสี่ยมองมือปืนสายตาเหี้ยมมาก
"ก็ได้...งั้นแกพามันไป ถ้าไม่ใช่ศพนังเพทาย แกก็เก็บมันซะ"
"ครับเจ๊"
เมียเสี่ยขึ้นรถขับออกไป ลูกน้องกระชากมือปืนไปที่รถอีกคัน ขับหายไปในความมืด
มุมหนึ่งในวัด ในบรรยากาศตอนกลางคืน เงียบสงบ สันติหิ้วกระป๋องน้ำสองข้างไปเทใส่ตุ่มหน้ากุฏิ สันติเดินกลับไปทางเดิมจะตักน้ำอีก ได้เสียงคนพูดกันไกลๆ
" เร็วๆนำไป"
สันติมองหาที่มาของเสียง เห็นมือปืนในระยะไกลที่เดินนำท่าทางอ่อนล้า ลูกน้องสองคนประกบ พากันเดินไปหลังวัด
สันติเพ่งมอง พึมพำแปลกใจ
"พวกนี้เป็นใครกัน แล้วมาทำอะไรในวัดดึกๆดื่นๆ"
สันติคิด ก่อนรีบวางกระป๋อง แล้วย่องตามไปอย่างระวัง
สันติแอบดูเห็นมือปืนถูกลูกน้องคุมตัวมาหน้ากระท่อมสัปเหร่อ
"ลุงล้วน..ลุง..อยู่หรือเปล่า"
" ใครวะ..มาทำไมมืดค่ำป่านนี้ เดี๋ยวๆๆ"
ประตูกระท่อมเปิดออก สัปเหร่อถือตะเกียงออกมาส่องชะงัก
"อ้าวเอ็งเองเหรอ แล้วไอ้พวกนี้ใครวะ"
ลูกน้อง1 เข้าไปกระชากคอเสื้อสัปเหร่อ
"พาพวกเราไปที่โกดังเก็บศพเดี๋ยวนี้"
สันติแปลกใจ
"โกดังเก็บศพ"
สันติมองเหตุการณ์ต่อ สัปเหร่อตกใจ
"ฮ้าพวกแกเป็นตำรวจเหรอ"
มือปืนรีบบอก
"ไม่ใช่ลุง พวกเดียวกันแต่เค้าไม่เชื่อว่ามีศพอยู่ในโกดังจริง ลุงไปเปิดให้พวกเค้าดูหน่อย"
สัปเหร่อเลิกกลัวหงุดหงิด
"อะไรวะเปิดๆปิดๆยุ่งกะข้าจริง"
ลูกน้องชักปืนออกมา จ่อที่ท้องสัปเหร่อ สัปเหร่อเปลี่ยนท่าทีทันควัน
"ได้ๆๆๆข้าจะไปเปิดให้เดี๋ยวนี้แหละ"
สันติสงสัยมาก
สันติแอบตามมาจนถึงหน้าโกดังเก็บศพ สันติเห็นสัปเหร่อไขกุญแจไปบ่นไป
"ไอ้หลานเวรเอ๊ยเอาความเดือดร้อนมาหาข้าจนได้"
"อย่าบ่นน่าลุงก็แค่เปิดให้พวกมันดู เจ๊จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้โกหก"
"ไม่ต้องเถียงกัน เปิดเร็วๆ"
สันติแอบมองต่อ สัปเหร่อเปิดประตูโกดัง ทุกคนรีบเข้าไป สันติรีบตามไป
อย่างรวดเร็ว สันติแอบมองดูอยู่ที่ประตูเงียบๆ เห็นสัปเหร่อกะเทาะปูนที่ปิดฝาซองศพอย่างชำนาญ ครู่ใหญ่ เรียบร้อย สัปเหร่อเคลื่อนผ้าห่อศพออกมา กลิ่นโชย ทุกคนปิดจมูก สันติมองอย่างตกใจ สัปเหร่อวางศพลงกับพื้น แก้ปมผ้าตรงหน้าจะเปิดหน้าให้ดู เป็นหน้าเพทาย พวกลูกน้องมองกันแล้วพากันเบือนหน้า
"ถึงจะอืดแล้วแต่ก็ยังมีเค้าหน้าอยู่ พวกแกเห็นแล้วใช่มั้ย"
ลูกน้องพยักหน้า สันติพยายามชะเง้อดูว่าเป็นศพใคร ตัวไปชนประตูโกดัง
เลื่อนเสียงดัง สันติตกใจ สัปเหร่อ ลูกน้อง มือปืนก็ตกใจหันมา
"เฮ้ย...ใครวะ"
สันติรีบถอยหลบออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกน้องมองหน้ากันก่อนหันมาบอกสัปเหร่อ
"มีคนเห็นแล้วรีบจัดการทางนี้ให้เรียบร้อย เดี๋ยวฉันจะไปจัดการไอ้ตัวเสือกเอง"
ลูกน้องสองคนรีบวิ่งออกไป
ลูกน้องสองคนวิ่งตามมา มองเห็นหลังสันติไม่ไกล ลูกน้องมองรอบๆวัด พยักหน้าให้อีกคนไปดัก สันติวิ่งมาชะงักลูกน้องมาดักหน้ามองสันติอย่างเอาเรื่อง
"ไงไอ้หน้าอ่อน คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ"
ลูกน้อง 2 พุ่งเข้าใส่สันติ สองคนสู้กัน สันติใช้เชิงมวยวัดที่เหนือกว่าเล่นงานลูกน้อง 2 ได้ แต่ลูกน้อง 1 เข้ามาช่วยกันรุม สันติพลาดท่าบ้าง แต่สุดท้ายก็เอาอยู่ ส่งสองคนลงไปนอนหมอบ สันติยืนหอบ แต่แล้วมีไม้ฟาดพลั่กเข้าท้ายทอย สันติล้มทั้งยืน สลบนิ่งอยู่ที่พื้น ที่มือปืนถือไม้มองอยู่
สัปเหร่อล้วนอยู่ข้างๆ ลูกน้องสองคนลุกขึ้น
ลูกน้อง1บอก "เก็บมันเลย"
สัปเหร่อรีบห้าม
"เฮ้ยอย่าไอ้นี่มันเป็นเด็กของหลวงตา ถ้ามันตายต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่"
"แต่มันเห็นทุกอย่างแล้ว ถ้ามันไปบอกตำรวจล่ะ"
สัปเหร่อหัวเราะ
"บอกไปก็เท่านั้นไม่มีหลักฐานใครจะมาทำอะไรได้"
ลูกน้องมองสัปเหร่อ สัปเหร่อยิ้มมีเลศนัย
"เชื่อใจข้าเหอะเรื่องแค่นี้ข้าจัดการได้"
สัปเหร่อเดินนำไป ลูกน้อง มือปืนมองสันติก่อนตามสัปเหร่อไป
สันตินอนสลบ
จบตอนที่ 7