xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 16

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 16

เวลานั้น สารวัตรเมธากำลังฟังรายงานจากตะวันฉายด้วยท่าทีสนอกสนใจ สลับกับอ่านรายงานในมือ ที่ตะวันฉายจัดทำมาเช่นกัน

“คำพูดของชัชชัยตรงกับแฟ้มข้อมูลที่เรามีอยู่ช่วงก่อนหน้าที่เสี่ยเจริญจะมาแตกคอกับแก๊งไอ้หัวจักร ทางเราแทบไม่เคยจับกุมหรือขัดขวางการค้ายาของมันได้สำเร็จเลยสักครั้งเดียว จะมีอย่างมากก็แค่คดีเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูเหมือน ว่ามันจะจงใจบริจาคแพะให้เรามากกว่าจะโดนจับจริงๆ”
เมธาครุ่นคิด มองตะวันฉายอย่างหนักใจ
“นี่คุณจะให้ผมเชื่อจริงๆ หรือว่า ท่านรองบารมี รองหัวหน้าพรรคเทอดธรรมที่ประชาชนกำลังเทคะแนนให้เป็นเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่ที่สุดในประเทศ”
“ครับ”
“คุณบอกเรื่องนี้กับใครไปแล้วบ้าง”
ตะวันฉายส่ายหน้า เมธาคิดแล้วคิดอีก ว่าจะเอายังไง ก่อนจะเอ่ยปากตำหนิ
“เที่ยวก่อนก็สืบไปไม่ถึงไหน เที่ยวนี้ก็สืบจนทะลุไปอีกคดี หาความเป็นกลางเลยไม่ได้นะคุณเนี่ย”
ตะวันฉายได้แต่ยิ้มรับ เมธาอนุญาตในที่สุด
“ขยายผลต่อไปได้ แต่ต้องรายงานความคืบหน้ากับผมโดยตรงทุกระยะ ที่สำคัญถ้ายังไม่มีเบาะแสมากพอที่จะดำเนินคดีล่ะก็ อย่าบอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะหมู่เสือ”
ตะวันฉายประหลาดใจ เมธาจึงบอกเหตุผล
“หมอนั่นกำลังมองหาคนที่เป็นตัวการฆ่าจ่าส่ง ถ้าเค้ารู้ว่าท่านรองมีเอี่ยว รับรองว่าคงไม่อยู่เฉยแน่”
ตะวันฉายพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ตรงกำแพงวัดแห่งนี้ มีอัฐิฝังเรียงรายอยู่ กระดูกจ่าบุญส่งเป็นหนึ่งในนั้น เสือยืนไว้อาลัยอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ผมรู้ว่าน้าขี้ร้อน อยู่ที่นี่ใต้ต้นไม้คงสงบ พักให้สบายนะน้า เรื่องที่เหลือผมจัดการเอง”
สีหน้าเสือเศร้าหมองขณะวางช่อดอกไม้ลง รถทัศน์ขับมาจอดไม่ไกลนัก ทัศน์ลงรถ เดินตรงมาหา จนเสือหันไปเห็น
“นายมาทำไม”
“ผมมาไหว้เพื่อนคุณหน่อย ตำรวจเหมือนกันนี่นา ไม่น่าอายุสั้นเลยนะจ่า”
เสือมองฉงน ทัศน์ทำเป็นเคารพศพทั้งที่ลูกน้องเป็นคนฆ่า ทั้งคู่เดินคุยกันออกมา
“เอารถมารึเปล่า ให้ผมไปส่งเอามั้ย”
เสือยังมีท่าทีระแวง ไม่วางใจ
“ผมรู้ ที่ผ่านมาเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันหลายครั้ง แต่ผมว่าคุณลืมไปซะดีกว่า ยังไงมันก็เป็นปัญหาของผมกับผู้หมวดตะวันฉายไม่ใช่ของคุณ”
“แต่ผู้หมวดเป็นลูกพี่ผม”
“ยังเป็นอยู่อีกเหรอ ผมได้ข่าวลือมาว่าคุณกับผู้หมวดตะวันฉาย กำลังมีปัญหากันอยู่ไม่ใช่หรือไง”
เสือประหลาดใจนิดๆ
“อย่าขี้ระแวงเลยน่าดาบ เรื่องนี้เค้าเม้าท์กันไปถึงไหนต่อไหนทำไมผมจะไม่รู้” ทัศน์ตีซี้ “ไอ้ผมน่ะเห็นใจคุณนะ เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย ลุยก็ต้องลุยก่อน แต่ผลงานความดีความชอบกลับได้ทีหลังลูกพี่ ที่จ่าส่งตายเค้ารับผิดชอบได้มั้ยล่ะ ระบบราชการนี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ”
“นั่นมันเรื่องของผม คุณไม่เกี่ยว”
“ก็คงไม่เกี่ยวจริงๆ นั่นแหละ ยกเว้นแต่ว่าคุณอยากจะจับตัว คนที่ฆ่าจ่าส่งมาลงโทษ”
เสือหูผึ่ง สองคนเดินมาถึงรถทัศน์พอดี
“ผมหมายถึงนายบูรพา”
“ทำไมคุณไม่ไปบอกผู้หมวด”
“ผมไม่ไว้ใจเค้า เค้าก็ดีแต่หาเรื่องช่วยน้องตัวเอง หรือว่าคุณยังไว้ใจเค้าอยู่อีก”
เสือเงียบไม่อยากบอกว่าไม่ไว้ใจ ทัศน์เปิดประตูรถเชื้อเชิญ
เสือครุ่นคิดตัดสินใจ
“ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน คุณว่ามั้ย” ทัศน์ย้ำ
เสือมองทัศน์ ท่าทางยังคงลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจยอมขึ้นรถไป
ทัศน์ยิ้ม แววตาโหดเหี้ยมลึกล้ำ โดยที่เสือไม่มีมางมองเห็น

ด้านโจไขกุญแจ ค่อยๆ แง้มเปิดประตู เดินเข้ามาในห้องพักของเสือ มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าเสือไม่อยู่ จึงลงมือเก็บข้าวของทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา
“รถใครวะ หรือว่ากลับมาแล้ว”
โจชะเง้อมองจากระเบียงลงไป เห็นเสือลงมาจากรถ โดยมีทัศน์โผล่หน้ามาคุยด้วย ท่าทางทั้งสองกำลังย้ำเรื่องที่ตกลงกันไว้
โจมองอย่างงุนงง “เฮ้ย”

ทันทีที่เสือโผล่เข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่เจอก็คือโจโผมากระชากคอเสื้อเขาอย่างแรง
“เสือ นายทำอย่างนี้ได้ยังไง ไม่อายบ้างเหรอ”
“เดี๋ยวก่อนโจ นี่มันเรื่องอะไร”
“นายก็ดีแต่ว่าผู้หมวดช่วยผู้ต้องหา แล้วนายล่ะดีนักเหรอ ไปคบกับไอ้บ้านั่นก็เหมือนคบกับโจรนั่นแหละ”
“แล้วมันผิดตรงไหน ทำงานแบบนี้มันก็ต้องอาศัยโจรจับโจรถึงจะถูก”
“ฉันจะฟ้องผู้หมวด คอยดู”
โจลากถุงสัมภาระจะเดินหนี เสือเรียกไว้
“เดี๋ยว” นายดาบเลือดเดือด รอจนโจหันมา “ห้องนี้จะไม่อยู่แล้วใช่มั้ย”
“ใช่”
โจหันกลับจะเดินออกไป เสือน้ำตาซึมเข้ามากอดจากด้านหลัง
“ฉันรักเธอนะโจ”
โจร้องไห้ออกมา และค่อยๆ จับมือของเสือออก ยกขึ้นมา แล้ววางกุญแจห้องคืนให้เสือ
“แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น ลาก่อน”
เสืออกหักยับเยิน
ที่จริงโจก็อดนึกสงสารไม่ได้ แต่ก็ตัดใจเดินหนีไป เสือมองตามหน้าสลด ก่อนจะมองกุญแจในมืออย่างคนหัวใจสลาย

มองออกไปจากภายในห้องนอนบูรพา ได้ยินเสียงเคาะประตูดังเข้ามา
“บูรพา…บูรพา อยู่รึเปล่า ข้ามีเรื่องจะปรึกษาหน่อย บูรพา”
เงียบ สักครู่เคี้ยงจึงเปิดประตู เดินเข้ามา และมองหา จนพบว่าบูรพาไม่อยู่ในห้อง
“มันออกไปไหนของมันตอนนี้วะ”
เคี้ยงไอโขลกๆ ทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วสายตาก็เหลือบเห็นอะไรเข้าเสียก่อน มีกระเป๋าเดินทางวางซุกอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า เคี้ยงเดินมาเปิดดูกระเป๋า เจอเสื้อผ้า ปืนสำรอง และสมุดพาสปอร์ตเคี้ยงอึ้งไป

บูรพากลับจากข้างนอก กำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่แล้วสายตาก็เห็นเคี้ยงนั่งซึม ไอโขลกๆ อยู่ที่ริมสระน้ำตามลำพัง บูรพาเดินมาหาเคี้ยง
“ไปดูงานที่ไนต์คลับมาเหรอ”
“ครับเฮีย”
“พรุ่งนี้จะไปต้องไปเจรจากับท่านรองบารมี เอ็งน่าจะเอาเวลาไปพักผ่อน”
“แล้วทำไมเฮียมานั่งที่นี่คนเดียวล่ะครับ”
“นอนไม่หลับ ก็เลยออกมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
บูรพาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เคี้ยง
“เอ็งรู้รึเปล่า ปีนี้ข้าอายุ 59 แล้ว ถ้าเป็นราชการปีหน้าก็คงต้องเกษียณ”
“ผมไม่มีบำเหน็จบำนาญจ่ายให้นะเฮีย”
เคี้ยงยิ้มพูดดักคอ “ไม่ต้องจ่ายอะไร แค่ไม่ทิ้งกันก็พอแล้ว”
บูรพาหุบยิ้ม
“นักเลงสมัยก่อนปกครองกันจริงจังกว่าสมัยนี้ ไอ้เรื่องทรยศหักหลังก็เลยไม่ค่อยมีสมัยก่อนน่ะอย่าว่าแต่ทรยศเลย แค่คิดตีตัวออกห่างก็มีโทษถึง ตาย”
เคี้ยงหยิบปืนออกมาวางที่โต๊ะ แล้วหันมามองบูรพา ทำเอาบูรพาเสียวสันหลังวูบ
“เอ็งว่ามันเกินกว่าเหตุมั้ยวะ”
บูรพาเลี่ยงๆ “แล้วเฮียคิดว่ายังไง”
“ไม่”
บูรพายิ่งหนาว
“เพราะหัวใจในการเอาชนะคู่ต่อสู้มันอยู่ที่การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เอ็งลองคิดดูสิ ถ้านักเลงทำตัวเหมือนนักการเมือง พอเบื่อพรรคเก่าก็โผไปหาพรรคใหม่ หรือไม่พอพรรคมีปัญหาก็เปิดตูดโกยแนบ ทำอย่างนี้มันจะอยู่กันได้ยังไง”
“แล้วคนที่เบื่อหน่ายวงการล่ะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดจะหนีหรือว่าจะทรยศ พวกนั้นก็ต้องตายด้วยเหรอ”
“ก็บอกแล้วว่าเป็นนักเลง เป็นอันธพาล จะมัวมาพินิจพิเคราะห์อะไรได้อีก ลงว่าเอาใจออกห่างก็คือทรยศทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้า”
เคี้ยงยกปืนเล็งมาที่บูรพา หลังจากลุ้นอยู่สักพัก บูรพาก็อ่านสายตาเคี้ยงออก
“เฮียยิงผมไม่ลงหรอก”
เคี้ยงค่อยๆ ระงับโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ ลดปืนลงช้าๆ
“พรุ่งนี้หลังจากเจรจาเสร็จ ข้าจะรอฟังคำตอบของเอ็งอีกครั้ง”
บูรพานิ่งงันไป เคี้ยงลุกเดินจากไป

เช้าวันนี้ ขณะที่ตะวันฉายกำลังแต่งตัวจะไปทำงานที่กองปราบ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นโจเดินด้อมๆ มองๆ ทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าห้อง
“อ้าวโจ มารับผ้าไปซักเหรอ”
โจส่ายหน้า
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า หรือว่าไม่มีเงินใช้” หมวดหยิบกระเป๋าควักเงินมายื่นให้ “เอ้านี่ ถือว่าเบิกล่วงหน้าอีกก็แล้วกันนะ”
“ไม่ต้องหรอกหมวด เบิกล่วงมาเป็นปีแล้ว ฉันมีเรื่องจะมาบอกหมวดต่างหาก แต่หมวดต้องสัญญาก่อนนะ ว่าฟังแล้วหมวดต้องใจเย็น คือหนูเห็นดาบเสือ อยู่กับไอ้ทัศน์”
ตะวันฉายนิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้าให้โจเล่าเรื่องให้ฟัง

ถัดมาไม่นาน ตะวันฉายเดินพรวดๆ เข้ากองปราบมาพร้อมใบหน้าอันถมึงทึง
ยักษ์เซ็นเอกสารเบิกจ่ายอะไรบางอย่างให้แก่พลตำรวจคนหนึ่งอยู่ เห็นตะวันฉายเดินเป็นพายุเข้ามาในออฟฟิศและมองหาเสือ
“ยักษ์ เสือมาทำงานรึยัง”
“เอ เห็นว่าไปคุยงานอยู่กับสารวัตรเมธาน่ะครับ”
ตะวันฉายรีบออกไปโดยเร็ว ยักษ์มองตามอย่างประหลาดใจในท่าทีเคร่งเครียดของตะวันฉาย
“เขาจะฆ่ากันเหรอพี่” ตำรวจแถวนั้นถามยักษ์
“จะไปรู้เหรอ”

มีเสียงเคาะประตู ก่อนจะเห็นตะวันฉายเดินนำยักษ์ผลักประตูเข้ามา เห็นสารวัตรเมธานั่งคุยธุระกับเสือ
เมธาเอ่ยขึ้นท่าทีหนักใจ “ผู้หมวด หมู่เสือได้ข่าวด่วนมา บ่ายวันนี้แก๊งของเสี่ยเจริญจะมีการส่งมอบสินค้ากัน”
ตะวันฉายอึ้งเมื่อพบความจริงว่าตนช้าเกินไปก้าวหนึ่ง เสือและตะวันฉายสบตากันด้วยท่าทีมึนตึงเต็มไปด้วยความเหินห่าง
“ผมเพิ่งสืบข่าวมาได้เมื่อเช้า เลยต้องรีบมารายงานสารวัตรกลัวว่าช้าเกินไป แล้วจะมีใครทำพลาดอีก”
ตะวันฉายมองเสืออย่างผิดหวัง
“สารวัตรครับ สารวัตรก็รู้ว่างานนี้เป็นมือที่สาม ผมว่าข่าวของหมู่เสือต้องมีเบื้องหลังแน่”
เสือโกรธ “หมวด หมวดกำลังกล่าวหาผมอยู่นะ”
“ถ้างั้นคุณบอกได้รึเปล่าว่าคุณเอาข่าวมาจากไหน”
เสือไม่ยอมตอบ ตะวันฉายหันไปที่เมธา
“สารวัตรครับผมสงสัยว่าเรากำลังถูกหลอกให้เป็นเครื่องมือของใครบางคน”
เมธาคิดหนัก
“อาจจะใช่ ผู้หมวด แต่เราละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้”
ตะวันฉายอึ้งมองมายังเสืออย่างไม่พอใจ เสือทำหน้ามึน ไม่รู้ไม่ชี้

เสือถูกตะวันฉายผลักเข้ามาจนกระแทกฝากห้องน้ำ ตำรวจที่ขี้เยี่ยวกันอยู่ก่อนสองคน เห็นท่าไม่ดีก็รีบออกไปจากห้องน้ำ
“เคลียร์กับผมก่อน” หมวดหันไปบอกกับคนอื่นๆ “ทุกคนขอโทษครับออกไปก่อน” แล้วหันมาคาดคั้นเสือ “บอกผมมาเดี๋ยวนี้ ทัศน์ตกลงอะไรกับคุณ”
เสือไม่พอใจ “หมวดรู้เรื่องนี้ได้ยังไง โจใช่มั้ย”
“เสือ คุณกำลังถูกเขาหลอกรู้ตัวรึเปล่า”
“หลอกให้จับน้องชายของหมวดน่ะเหรอ เอาสิ ผมเต็มใจโดนหลอกว่ะ”
เสือบอกอย่างสะใจ แล้วจะปลีกตัวออกไป ตะวันฉายขวางไว้
“ก็ผู้หมวดเคยก็บอกเองไม่ใช่เหรอครับ ว่าทางใครทางมัน”
“แต่คุณยังเป็นลูกทีมของผมอยู่นะ อย่างน้อยคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาแตกแถวแบบนี้”
“ทำไมหมวดไม่เก็บคำพูดนี้ไปบอกจ่าส่ง”
ตะวันฉายอึ้งไป
“เพราะมัวแต่เชื่อหมวด ตามหมวด จ่าส่งถึงต้องตายแบบนี้”
ตะวันฉายข่มอารมณ์ “ผมว่าคุณต้องแยกให้ออกหน่อยนะเสือ ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ถ้าคุณขืนยังหมกเม็ดกับผมอีกล่ะก็ ผมจะรายงานสารวัตรเมธาให้ถอดคุณออกจากคดีนี้”
เสือนิ่งไปสักพัก “บอกหมวด เพื่อหมวดจะได้เอาข่าวไปเตือนไอ้น้องชายสุดที่รักของหมวดงั้นเหรอ หมวดฝันไปเหอะ วันนี้น้องผู้หมวดเสร็จผมแน่”

ตะวันฉายอึ้งไป




ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 16 (ต่อ)

ที่ห้องทำงานเสี่ยเจริญ เคี้ยงนำสมุดบัญชีหนึ่งในสองเล่มจากตู้เซฟมาใส่ในกระเป๋าเอกสาร

ส่วนบูรพานั่งรออยู่บนรถซึ่งจอดที่หน้าคฤหาสน์ อย่างกระวนกระวายใจ จนสักครู่หนึ่งจึงเห็นเคี้ยงเดินออกมาพร้อมกระเป๋า ทั้งสองสบตากันอย่างคนมีรอยร้าวในใจ สมุนเปิดประตูรถให้เคี้ยงขึ้นไปนั่ง

เหตุการณ์อีกฟากหนึ่ง ที่หน้ากองปราบ ตะวันฉายขึ้นนั่งบนรถเสือ พร้อมยักษ์ และสบตากับเสือผ่านทางกระจกหน้า เสือหยิบแว่นดำมาสวม รถตำรวจอีก 3 คันร่วมเสริมทีม อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเช่นกัน
สารวัตรเมธาหัวหน้าทีม เดินขึ้นรถในขบวน แล้วหันไปพยักหน้าให้สัญญาณเคลื่อนขบวน
ตะวันฉายเหม่อมองออกไปไกลลิบตา ด้วยความเป็นห่วงน้องชาย
เช่นเดียวกับทางด้านบูรพา เขารู้สึกสังหรณ์ใจอย่างรุนแรง

ภัตตาคารสถานที่นัดหมายระหว่างบารมีและแก๊งมังกรแดง ป้ายเลิกกิจการถูกแขวนอยู่ตรงประตูทางเข้าตึก
ในความวังเวงของสถานที่ เผยให้เห็น ทัศน์ กฤช ยุทธ และสมุนอีกจำนวนหนึ่งที่ยืนรอต้อนรับอยู่ สักครู่ก็เห็นรถของบูรพาแล่นเข้ามาจอด
บูรพา เคี้ยง จ๊อด ตั้ม บังดี และสมุนอีกจำนวนหนึ่งลงมาจากรถ
กฤชพยักหน้าให้สมุนเข้าไปค้นตัว แต่ครั้นพอสมุนไปถึงเคี้ยงก็ยื่นมือกันไว้ บอกกับทัศน์อย่างไม่พอใจ
“ไม่เชื่อใจกันหรือไง”
ทัศน์พยักพเยิดไปที่กระเป๋าเอกสารในมือเคี้ยง
“นั่นอะไร”
“เครื่องบรรณาการให้นายเอ็งไงล่ะสมุดบัญชีเล่มที่หนึ่ง”
“เปิดดูหน่อยสิ”
เคี้ยงถ่วงเวลา ยักท่านิดหนึ่ง ก่อนจะส่งกระเป๋าให้จ๊อดเปิดออกโชว์ให้ดู ทัศน์จับจ้องสมุดบัญชีด้วยสายตาลุกวาว พลางแบมือ
แต่บูรพาขัดขึ้น “ไว้หลังเจรจาค่อยรับของ”
“ถ้าไม่ได้สมุดเล่มแรก การเจรจาก็ยกเลิกท่านรองจะไม่มาปรากฏตัวที่นี่เด็ดขาด ถ้ารู้สึกไม่มั่นใจ”
เคี้ยงกับบูรพามองหน้ากัน เคี้ยงตัดสินใจบอกกับทัศน์ว่า
“ก็ได้แต่ถ้ามีอะไรตุกติกขึ้นมา บัญชีอีกเล่มจะถูกส่งไปให้ตำรวจทันที”
ทัศน์ยิ้มรับสมุดบัญชีมา
“อีกสิบนาทีท่านรองจะมาถึง” เขาหันไปบอกกับยุทธว่า “ช่วยรับรองคุณเคี้ยงกับคุณบูรพาด้วย”
ยุทธเข้ามาผายมือเชิญเคี้ยงและพวกเข้าไปด้านในภัตตาคาร
บูรพามองทัศน์อยู่ไม่วางตา ทัศน์ยิ้มกวนตีนดูมีเลศนัย จนคล้อยหลังพวกของเคี้ยง ทัศน์จึงได้หันไปพยักหน้ากับกฤชให้เริ่มแผนขั้นต่อไป

ยุทธเดินนำพรรคพวกของบูรพา และ เคี้ยง มาส่งที่ห้องวีไอพี เด็กเสิร์ฟจัดน้ำร้อน น้ำชา กาแฟมาให้
“อีกสักครู่นะครับ ท่านรองบารมีกำลังเดินทางมาแล้ว”
ยุทธหันไปพยักหน้าให้เด็กเสิร์ฟ ถอยออกไป
จ๊อดเรียกไว้ “เฮ้ย เดี๋ยวก่อน”
ยุทธหันมา
“ห้องน้ำอยู่ไหน”
เคี้ยงมองดุจ๊อด โทษฐานทำให้เสียฟอร์ม
จ๊อดเสียงอ่อย “ก็มันจะราดนี่เฮีย”
ยุทธยิ้มบอก “อยู่ด้านหลัง”
จ๊อดลุกไปเข้าห้องน้ำ พวกยุทธปลีกตัวออกไป เหลือแต่เคี้ยง และ บูรพานั่งอยู่กับสมุน

ขบวนรถตำรวจกองปราบ สามคัน แล่นมาตามท้องถนน เปิดไซเรนดังสนั่น
รถเสือเป็น หนึ่งในนั้น ได้ยินเสียงวิทยุแจ้งแก่รถทุกคันว่า “จะถึงเป้าหมายในอีก 15 นาที”
ตะวันฉายกับยักษ์มองหน้ากันอย่างอึดอัดใจ ตะวันฉายมองไปที่เสือ เสือสบตาเขาทางกระจกหน้า ก่อนจะเมินหนีไป

เคี้ยงนั่งรอการมาถึงของบารมีอยู่ในห้องกับบูรพาและสมุน บูรพาหันไปถามสมุน
“นี่กี่โมงแล้ว”
“บ่ายสามแล้วครับ”
บูรพานั่งรอต่อไปอย่างอึดอัด เคี้ยงไอออกมา บูรพาเลื่อนแก้วน้ำให้ เคี้ยงเลื่อนแก้วน้ำหลบไปให้พ้นหน้า แล้วหันมามองบูรพา
บูรพารู้สึกปวดร้าวในใจลึกๆ ได้แต่เงียบไว้

ระหว่างนี้ ได้ยินเสียงชักโครกดังมาจากในห้องน้ำ จ๊อดเดินถอนใจเฮือกออกมา บ่นงึมงำ
“โฮ้ยโล่ง เมื่อคืนไม่น่าแดกส้มตำปูเล๊ย อู๊ย แสบ…ทั้งขาเข้าและขาออก”
จ๊อดเดินมาล้างมือที่อ่างล้างหน้า แต่แล้วสายตาก็เหลือบมองผ่านหน้าต่างระบายลมออกไป
เห็นกฤชเดินเข้าไปรายงานทัศน์ที่ยืนรออยู่กับยุทธ
“พร้อมแล้วครับ ต้นทางว่าตำรวจกำลังมาถึงแล้ว”
“งั้นพวกเราไปกันได้”
ทัศน์นำกำลังล่าถอยออกไป
“มันจะไปไหนของมันวะ” จ๊อดคิดปราดเดียวแล้วนึกขึ้นได้ “หรือว่า…”

รถพวกทัศน์เพิ่งแล่นพ้นภัตตาคารไป จ๊อดวิ่งตามออกมาดู และฉุกคิดบางอย่าง จึงหันไปมองที่รถของตัวเอง และรถคันอื่น ก่อนจะพบว่ายางล้อรถโดนปล่อยลมจนเกลี้ยงทุกคัน
“บรรลัยแล้วมึง”

เคี้ยงกับบูรพาและพวกยังนั่งรอกันอยู่ในห้องรับรอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บูรพารีบรับสาย
“เฮียเคี้ยง ไอ้บูรพา พวกเราโดนหลอกไอ้ทัศน์มันเชิดสมุดบัญชีหนีไปแล้ว”
บูรพาตะลึง “ว่าไงนะ”
เคี้ยงได้ยิน รีบรุดไปดูที่หน้าต่าง มองไม่เห็นพวกทัศน์แล้ว
“ระยำเอ๊ย กลับไปเมื่อไหร่ได้เห็นดีกัน”
บูรพารู้สึกสังหรณ์ใจอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก ว่าแผนของทัศน์ต้องไม่ได้มีแค่นี้แน่ เขากวาดมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะมาหยุดสายตาที่โต๊ะตรงหน้า แล้วตัดสินใจลุกขึ้นกระชากผ้าปูโต๊ะออก แก้วน้ำร่วงแตกเกลื่อนกล่น
มองผ่านกระจกใส พบว่าใต้โต๊ะมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่
“เฮียเคี้ยง”
สมุนกระชากกระเป๋าเดินทางมาเปิดดู และเจอยาเสพติดอัดแน่นเต็มกระเป๋า
เคี้ยงโกรธจนเสียงสั่น “มัน มันวางกับดักพวกเรา”
บูรพาตะโกนก้อง “หนีไปจากที่นี่ เร็ว”

บูรพานำเคี้ยงและพวกล่าถอยออกมาหน้าภัตตาคาร ตั้ม กับ บังดี และสมุนคอยระวังให้
บูรพาเหลียวหา “ไอ้จ๊อด ไอ้จ๊อดหายไปไหน”
“ไอ้เปรตจ๊อด มันชิ่งไปก่อนหรือไงวะเนี่ย”
บังดีมองไปยังรถแล้วหันมาบอกด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ
“เฮียเคี้ยง ยางรถ”
เคี้ยงมองยางรถแล้วหน้าเสีย ไม่ทันตัดสินใจอะไรก็ได้ยินเสียงไซเรนตำรวจแว่วใกล้เข้ามา
บูรพาเงยหน้ามองไปก็เห็นรถตำรวจแล่นกรูกันเข้ามาจอด
“รีบหลบก่อน”
บูรพา และเคี้ยงล่าถอยกลับเข้าไปด้านใน พวกสมุนรีบปิดประตูทางเข้าลงตามเดิม
รถตำรวจแล่นเข้ามาจอด สารวัตรเมธานำทีม ตะวันฉาย เสือ ยักษ์ และกำลังตำรวจพากันลงจากรถ และกระจายตัววางกำลังปิดล้อมทางเข้าออกทุกทาง
โทรโข่งถูกส่งให้สารวัตรเมธา
“คนที่อยู่ข้างใน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ล้อมไว้หมดแล้ว อย่าคิดขัดขืน ขอให้มอบตัวแต่โดยดี ทิ้งไว้อาวุธ และก้าวออกมาช้าๆ”

เคี้ยงกับบูรพานิ่งฟัง
เสียงสารวัตรเมธาดังเข้ามา “ชูมือไว้บนศรีษะ ทางเราไม่ต้องการใช้ความรุนแรงในการจับกุมครั้งนี้ ขอย้ำ ขอให้ทุกคนยอมมอบตัวแต่โดยดี”
บูรพาลองแง้มมู่ลี่มองออกไปดู เห็นกำลังตำรวจปิดล้อมอย่างแน่นหนา
สมุน 1 ที่ไปดูต้นทางจากด้านหลังเข้ารายงาน
“ด้านหลังไม่มีตำรวจเฮีย แต่ประตูในนี้มันปิดตายอยู่”
สมุน 2 บอกเสริม “พี่จ๊อดไม่รู้อยู่ที่ไหนครับ หายังไงก็ไม่เจอ”
เคี้ยงประเมินสถานการณ์แล้วบอกกับทุกคน
“ถ้าจะหนีก็ต้องฝ่าไอ้พวกที่อยู่ข้างหน้านี่ออกไปก่อน แล้วค่อยวกไปด้านหลัง เสี่ยงหน่อย แต่เราไม่มีทางอื่น”
บูรพาใคร่ครวญครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจบอกกับเคี้ยง
“เฮียเคี้ยง”
เคี้ยงหันมา
“เราหนีไม่พ้นแน่ มอบตัวเถอะ”
สมุนทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ขวัญหนีดีฝ่อ นายใหญ่ให้มอบตัว เคี้ยงโกรธ ไม่เอาด้วย
“ไม่”
“แต่เราไม่มีทางเลือกนะเฮีย”
“ไม่เคยมีตั้งแต่แรกแล้วโว๊ย ไม่มีตั้งแต่อยู่ในคุกแล้ว ถ้าเอ็งอยากมอบตัวก็ไสหัวออกไป”
สมุนแต่ละคน มองมาที่บูรพาเป็นตาเดียว
“ไปสิ ไหนๆ เอ็งก็คิดจะตีปีกหนีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทิ้งข้าทิ้งพี่น้องของเอ็งทุกคนไว้ที่นี่ แล้วก็ออกไปมอบตัวซะ”
บูรพาชักลังเลมองสมุนทุกคน ที่รอการตัดใจจากเขา
สายตาแต่ละคนที่มองมายังเขา ทำเอาบูรพาเครียดหนัก นึกละอายใจ และสับสนหนัก เขาจะหันมามองเคี้ยงอีกครั้ง
“อย่าลืมสิ เอ็งยังมีคนที่เอ็งรักรออยู่ ไปซะ”
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้”
“แต่มันถึงเวลาแล้วเอ็งต้องเลือก จะมอบตัว หรือจะฝ่าออกไปด้วยกัน”
บูรพาสับสนว้าวุ่นใจ ไม่อาจตอบคำถามนั้น
“เร็วเข้าบูรพา ทุกคนรอคำตอบของเอ็งอยู่”

ฟากตะวันฉายรอฟังคำตอบจากบูรพา ในขณะที่เมธากำลังเกลี้ยกล่อมเป็นครั้งสุดท้าย
“พวกคุณมีเวลาอีกเพียง 1 นาทีเท่านั้น ภายในหนึ่งนาที ถ้ายังไม่มีการมอบตัว เราจะบุกเข้าไปจับกุม”
เมธาลดโทรโข่งลงหันมามองที่ตะวันฉาย อีกฝ่ายไม่กล้าสู้สายตา
สารวัตรเมธาเองรู้สึกหนักใจ เพราะรู้ดีว่าตะวันฉายเป็นห่วงน้อง ก่อนจะหันไปบอกกับตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ
“จับเวลา วิทยุแจ้งพวกเราทางด้านหลังให้เตรียมพร้อม”
ตะวันฉายได้ยินเสียงกระชากลูกเลื่อนปืน เมื่อหันไปก็เห็นเสือที่มองไปในภัตตาคารอย่างหมายมั่นปั้นมือ
ตะวันฉายมองไปในภัตตาคาร นึกภาวนาในใจ พึมพำกับตัวเอง
“มอบตัวซะบูรพา มอบตัวซะ”

ภายในภัตตาคารทุกคนรอคำตอบบูรพา อึดใจหนึ่ง บูรพาก็ตัดสินใจ เขาค่อยๆ ชักปืนออกมา กระชากลูกเลื่อนขึ้นลำ
“ผมจะไปกับเฮีย พวกเราจะฝ่าออกไปด้วยกัน”
เคี้ยงสะใจ พวกสมุนทุกคนใจชื้น ท่าทีฮึกเหิม
เคี้ยงมองบูรพา ทั้งสะใจซึ้งใจ “มันต้องอย่างนี้สิวะ มันต้องอย่างนี้” แล้วจึงหันไปบอกกับลูกน้องทุกคน “ไป พวกเรา ลุยกับมัน”
ทุกคนยืนสีหน้าฮึกเหิม บูรพายืนมองไปเบื้องหน้า นัยน์ตาคมปลาบ

เหล่าตำรวจยังเฝ้าจับตาที่ภัตตาคาร นายตำรวจคนสนิทเข้ามารายงานเมธา
“ท่าจะไม่ดีแล้วครับสารวัตร เห็นจะต้องจู่โจมแล้ว”
ตะวันฉายใจหาย หันไปมองเมธา
“จัดกำลังเตรียมบุกเข้าไป”
นายตำรวจคนนั้นหันไปเตรียมกำลัง เมธาหันมาบอกกับตะวันฉาย
“น้องคุณเลือกคำตอบให้ตัวเองแล้ว ผู้หมวด”
บูรพาและพรรคพวกทั้งหมดมาหยุดที่ประตู เขาเดินเบียดออกมาอยู่หน้าแถว เตรียมเป็นหัวหอกทะลวงออกไป ปลุกปลอบใจตัวเองพึมพำบอกธิชาออกไป
“ผมกำลังจะไปหาคุณ ธิชา ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
บูรพาง้างนกปืนขึ้น ถีบประตูเปิดออก ประกาศก้องด้วยเสียงทรงอำนาจ
“ไป”

ทีมตำรวจจัดกำลังเตรียมบุก ต้องหลบกันจ้าละหวั่น เมื่อบูรพากับเคี้ยงและพวกบุกออกมากระหน่ำยิงเข้าใส่ไม่ยั้ง
“ถอยไปด้านหลังเร็ว”
ตำรวจกระหน่ำยิงตอบโต้ รวมทั้งเสือ
ตะวันฉายยังคงตกใจ ยืนทื่ออยู่ด้วยความเป็นห่วงน้องชาย จนยักษ์ต้องดึงหลบห่ากระสุน
“หมวด หลบเข้ามา”
สองฝ่ายยิงตอบโต้กันอย่างดุเดือด สมุนของบูรพาถูกยิงตายไปหลายคน บูรพาเองก็ถูกยิงที่ต้นแขนได้รับบาดเจ็บ แต่ยังแข็งใจยิงโต้กลับไป
ผ่านไปอีกสักระยะ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกบูรพายิง และล้มลงตรงหน้าตะวันฉายพอดี เสือยิ่งแค้น ตะโกนลั่น
“หมวด มัวทำอะไรอยู่ จะปล่อยให้มันฆ่าพวกเราหรือไง”
ตะวันฉายทนแรงบีบคั้นไม่ไหว มองศพเจ้าหน้าที่ตรงหน้าแล้วฮึดสู้ ชักปืนออกมายิงสู้ ตะวันฉายยิงสมุนบูรพาคนหนึ่งล้มลง
เคี้ยงเห็นสมุนคนนั้นถูกยิงล้มลงต่อหน้า จึงขยับจะเข้าไปช่วยจนถูกตะวันฉายยิงซ้ำเข้าอีกคน
“เฮียเคี้ยง”
บังดีบอกบูรพาให้รีบพาเคี้ยงไป โดยตัวเองจะยิงสกัดเปิดทางให้
“บูรพาพวกเอ็งพาเฮียเคี้ยงไป ปล่อยข้าไว้ตรงนี้ สุดท้ายนี้ข้าขอบอกเลยว่า แก๊งมังกรแดงมีบุญคุณกับข้ามาก รีบพาเฮียเคี้ยงไป”
บูรพาหันไปยิงใส่เจ้าหน้าที่ แล้วลากตัวเคี้ยงออกมาหนีไปด้านหลังพร้อมกับตั้ม

สารวัตรเมธาเห็น ร้องสั่งการ
“ตามไป”
เสือออกจากที่กำบังวิ่งนำไปเป็นคนแรก ตำรวจคนอื่นๆ กรูตามหลังกันไป ตะวันฉายขยับจะตามแต่กลับถูกเมธาห้ามไว้
“ผู้หมวด คุณอยู่นี่ เชื่อผมเถอะบางอย่างคุณไม่ควรเห็น”

แม่กุญแจที่คล้องประตูด้านหลังภัตตาคารถูกกระหน่ำยิงจนพรุน บูรพาถีบประตูออก รีบประคองเคี้ยงที่ถูกยิงอาการสาหัส โซซัดโซเซออกมาด้วยกัน เคี้ยงแข็งใจเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงอีก
“เฮียเคี้ยงแข็งใจอีกหน่อย ตำรวจกำลังตามมาแล้ว”
“ไม่ไหวข้าไปไม่ไหว เอ็งหนีไปซะบูรพา”
บูรพามองหาทางออก จนเห็นรถเก่าๆ คันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้า บูรพาตกใจยกปืนเล็งไปที่รถ
จ๊อดร้องลั่น “เฮ้ย ใจเย็น นี่ข้าเอง”
บูรพาดีใจ “ไอ้จ๊อด”
จ๊อดรีบลงจากรถมาช่วยประคองเคี้ยงไปไว้เบาะหลัง บูรพาขึ้นประจำตำแหน่งคนขับแทน
“ไอ้จ๊อด ข้านึกว่าเอ็งโกยไปแล้วซะอีก” เคี้ยงพอยิ้มออก
“โธ่เฮีย จ๊อดกุญแจผี นะเฮีย ไม่ใช่จ๊อดตีนผี อุตส่าห์ไปจิ๊กรถมายังจะบ่นอีก” จ๊อดลากเคี้ยงขึ้นรถ “ฮึบ เอ้า ไปโว๊ย”
รถกำลังจะขับออกไป และจ๊อดกำลังจะก้าวตามขึ้นรถ
จู่ๆ เสือตามออกมา และเล็งเห็นรถของบูรพากำลังจะขับหนี จึงยกปืนเล็งยิงตามหลัง จ๊อดกับตั้มเห็นรีบควักปืนออกมา
“ไอ้บูมึงรีบพาเฮียเคี้ยงไปก่อน กูกับตั้มจะสกัดไว้ให้”
“ไม่จ๊อดไปด้วยกัน”
“เชื่อกูมึงรีบไป ไปดิวะ ลาก่อนนะเพื่อน”
บูรพาเสียใจแต่จำใจขับรถออกไป จ๊อดกับตั้ม ยิงสกัดตำรวจไว้ให้ แต่ก็ต้านไม่ไหวทั้งคู่โดนยิงตายอย่าน่าอนาถ
บนรถที่บูรพาขับแล่นมา ร่างเคี้ยงนอนพาดอยู่ตรงเบาะ
“ทำใจดีๆ ไว้นะเฮีย พวกเรารอดแล้ว
บูรพาก้มหัวหลบไปขับไป เช่นเดียวกับเคี้ยงที่ดึงคอตัวเองให้ก้มต่ำลงมา
“ไอ้บูรพา เหยียบ เหยียบให้มิดเดี๋ยวนี้”
บูรพาขยับเข้าเกียร์ เร่งเครื่องไปสุดชีวิต
เสือกระหน่ำยิงตามหลังไป พวกตำรวจที่ตามมาสมทบยิงตามกันไปอีกคนละนัดสองนัด
แต่รถแล่นพ้นหัวโค้งไปเสียก่อน เสือลดปืนลงอย่างเจ็บใจ

เวลาผ่านไปอีกสักสะยะหนึ่ง ในขณะที่ตำรวจนายอื่นๆ กำลังเคลียร์พื้นที่อยู่ด้านนอกตะวันฉายเดินเข้ามาในดูในห้องรับรอง และย่อตัวลงนั่งมองยาเสพติดในกระเป๋าเดินทาง ก่อนจะลองฉีกถุงแล้วแตะเนื้อผงยามาลองป้ายลิ้นดู เสียงเสือดังเข้ามาในนี้
“อย่างน้อยเราก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง”
ตะวันฉายหันมามองเสือหน้าเคร่ง
“ทำตามหน้าที่”
ตะวันฉายค่อยๆ ยืนขึ้น เสือพยายามอธิบาย
“ผมเสียใจเรื่องน้องผู้หมวด แต่…”
ตะวันฉายปาถุงยาในมือลงตรงหน้าเสือ ถุงแตกจนยากระจายคลุ้ง
เสือตกใจ “ผู้หมวด”
ตะวันฉายระเบิดอารมณ์ใส่
“ไม่ใช่บูรพา ไม่ใช่เพราะน้องชายผม แต่ที่ผมโกรธเป็นเพราะไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพที่กองอยู่ข้างนอก ทั้งตำรวจทั้งคนร้าย ต้องมาตายเพื่อสังเวยความแค้นส่วนตัวของคุณ พวกเค้าถูกหลอกให้มาตาย คุณไม่เข้าใจหรือเสือ ที่ผมพยายามห้ามคุณ เพราะผมคิดอยู่แล้วว่ามันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้คุณทำงานกับผมมากี่คดีไม่รู้เหรอว่า แก๊งเสี่ยเจริญไม่ได้ค้าผงขาวตั้งนานแล้ว”
เสือมองผงขาวบนพื้นแล้วเริ่มคิดได้
ตะวันฉายผายมือให้ดูข้างนอก “ชัชชัยเคยบอกผม แก๊งค้ายาทุกแก๊งที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ให้ท่านรองบารมีจะต้องโดนเก็บ ผมคิดอยู่ตั้งนานว่าเค้าใช้อะไร ใช้วิธีไหน ตอนนี้ผมรู้แล้ว”
ตะวันฉายเดินมาบอกใกล้ๆ
“เค้าใช้ตำรวจโง่ๆ อย่างคุณไง”
เสือช็อก ตะลึงตะไล คาดไม่ถึงว่า ความวู่วามของเขา ทำให้ตกเป็นเครื่องมือของทัศน์

รถบูรพาแล่นเลียบแนวทุ่งหญ้า มาจนพ้นมือตำรวจ และแล่นเลยมาไกลพอสมควร บูรพาขับรถไปคอยมองไปข้างหลัง
“พวกตำรวจต้องสั่งตั้งด่านสกัดจับเราแน่ เราต้องหาที่หลบก่อน แถวนี้มีที่ไหนพอจะกบดานชั่วคราวได้บ้างวะ”
บูรพาขับรถมา ใจคอไม่สู้ดี
“เฮียเคี้ยง”
เคี้ยงแข็งใจค่อยๆ ชันกายขึ้นนั่งกุมแผล บูรพาชะงักเมื่อเห็นสภาพแผลตรงท้องที่เคี้ยงกุมอยู่เลือดดำคลั่ก
“ข้าเองก็คงจะต้องตามทุกคนไป”
“ไม่นะเฮียเคี้ยง ไหนเฮียบอกเราจะลุยกับมันไงเราจะฝ่ามันออกไป”
“ข้าลุยไม่ไหวแล้วไอ้หนุ่มข้าไม่รอดแล้ว เอ็งยังดูไม่ออกอีกเหรอ”
เคี้ยงพิงเบาะอย่างอ่อนล้า ก่อนจะเปิดมือขึ้นดูแผลที่โหว่อยู่ตรงชายโครงขวา ทำเป็นยิ้มขำ
“เสือกยิงที่ตับพอดี เลือดดำปี๋เลยเอ็งเอ๊ย หรือว่าเลือดคนชั่วมันต้องเป็นสีนี้วะ”
บูรพาขำไม่ออก พาลจะร้องไห้เอาด้วยซ้ำ
“เฮีย เฮียไม่ตายหรอก ไม่ต้องห่วงผมจะพาเฮียไปหาหมอ เราต้องไปทัน”
บูรพาจะไปออกรถ เคี้ยงรีบฉุดห้ามไว้
“ตั้งแต่ที่ล้มป่วย ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะต้องตาย แต่ข้าไม่คิดว่าจะต้องมาตายแบบนี้ ไปซะ ไอ้บูรพา ไปหาคนที่เอ็งรัก ข้าขออวยพรขอให้เอ็งทั้งสองมีความสุข รักกันให้ยืนนาน จนแก่จนเฒ่า”
“ไม่ ผมทิ้งเฮียกับไอ้จ๊อดไว้แบบนี้ไม่ได้”
“ได้ เอ็งทำได้เชื่อข้าสิ จะพาคนใกล้ตายอย่างข้าไปเป็นภาระทำไม”
บูรพาส่ายหน้า เขาทำไม่ได้ เคี้ยงเห็นท่าทีบูรพาคงไม่ยอมทิ้งตนแน่ จึงเอ่ยปากปลอบ

“ตอนที่ติดคุกใหม่ๆ เวลามีเรื่องลำบากใจข้าจะหลับตา ลืมทุกอย่างซะชั่วคราว และคิดว่าตัวเองกำลังบินเล่นอยู่บนฟ้า บางครั้งแค่คิดอะไรโง่ๆ ก็ช่วยเราได้เยอะ”
บูรพามองเคี้ยงนิ่งๆ เคี้ยงยกมือที่เปื้อนเลือดมาลูบหน้าให้บูรพาหลับตาลง
“เอ็งก็แค่หลับตา หัดคิดอะไรโง่ๆ ซะบ้าง หลับตา คิดซะว่าเอ็งกำลังบินไปหาคนที่เอ็งรัก พอสบายใจแล้วก็ไปจากที่นี่ซะ ไม่ต้องหันมาอีก”
เคี้ยงเอื้อมมืออันสั่นเทาไปดึงปืนพกจากเอวบูรพา แต่บูรพายึดไว้
บูรพาน้ำตาซึมเมื่อรู้ว่าเคี้ยงกำลังบอกให้ตนทำอะไร แต่ยังไม่ลืมตา
“โชคดี ไอ้น้องชาย”
เคี้ยงแกะมือบูรพาออก ก่อนจะชักปืนมาจ่อที่ใต้คางตัวเอง
บูรพาสะดุ้งสุดตัว ได้ยินเสียงปืน ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ บูรพาลืมตาขึ้นช้าๆ เขาเห็นร่างเคี้ยงนอนตายด้วยปืนของตัวเอง ปืนเคี้ยง * เสี่ยเจริญเป็นคนให้บูรพา
บูรพาน้ำตาไหล พูดอะไรไม่ออก ในวงการนักเลงไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว
ทุกอย่างเงียบสนิทจนได้ยินเสียงลม บูรพาทรุดนั่งเอนตัวพิงตัวถังรถอย่างเลื่อนลอย สายตามองไปสุดสายตา เห็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า

ที่ห้องรับแขกบ้านบารมีคืนนั้น บารมีฉีกกระดาษสมุดบัญชีเงินฝากออกมา หย่อนลงเผาในกระถางเพลิงใบเล็กๆ ตรงหน้า ทีละแผ่นๆ จนถึงหน้าสุดท้าย ก่อนจะเอนตัวลงคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาจิบอย่างสบายอุรา
ตัวเลขบนกระดาษค่อยๆ มลายหายไป พร้อมกับลายเซ็นของบารมี
“ยังเหลืออีกแค่เล่มเดียวเท่านั้น”
“มันคงเก็บไว้ที่บ้านของเสี่ยเจริญ”
ทัศน์ซึ่งยืนถือแก้วเครื่องดื่มอยู่ใกล้ๆ กันเอ่ยขึ้น
“จะบุกเข้าไปเอาออกมาได้ยังไง”
“ไม่จำเป็น จะมีคนเอาออกมาให้เราเอง” ทัศน์บอกอย่างหนักแน่น
“แกแน่ใจ”
ทัศน์หันมายิ้มอย่างมั่นใจ
“รับรองไม่พลาดครับท่าน แค่เราดักให้ถูกทางเท่านั้น”

ที่สวนหย่อมอันกว้างใหญ่หลังคฤหาสน์บ้านบารมี ทัศน์เดินออกจากบ้าน มาหยุดที่กลางสนามหญ้าของสวนแห่งนี้ เขาหยุดหลับตาบิดเนื้อบิดตัวผ่อนคลายความเครียด เอนตัวพลิ้วไหวเบาๆ จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทัศน์ลืมตา และยิ้มราวกับรู้ดีว่าเป็นสายจากใคร
“ฮัลโหล” ทัศน์ยิ้มย่อง “ผมกำลังรอสาบคุณอยู่พอดี”
เสือคุยโทรศัพท์ไปด้วยบลูทูธขณะขับรถ น้ำเสียงดุดัน
“คุณหลอกผม”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ เราต่างคนก็ต่างได้ผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ”
“พวกนายบูรพาบีบคั้นอะไรคุณ ถึงต้องลงมือรุนแรงกันแบบนี้”
“อ๊ะๆ ผมไม่ได้ลงมือนะ”
“ผมไม่รู้ว่าคุณหลอกตำรวจมากี่คนแล้ว แต่ที่แน่ๆ ผมเชื่อว่าจ่าส่งต้องเป็นหนึ่งในนั้น”
“ก็คงงั้น จ่าส่งผู้น่าสงสาร เห็นว่าขนาดตายยังตาไม่หลับเลยนี่นา ตายน่าสมเพชเนอะ”
เสือแค้นจนมือไม้สั่น
“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นหลังจากชัชชัยถูกหิ้วไปเป็นพยาน ทำไม ชัชชัยรู้อะไรงั้นเหรอ พวกนายบูรพาก็รู้ด้วยใช่มั้ย คุณถึงได้หลอกให้ตำรวจเก็บพวกเค้าทิ้ง”
ทัศน์นิ่ง “คุณถามมากไปแล้วผู้หมู่”
“ผมจะต้องสืบจนรู้เรื่องนี้ให้ได้ คอยดู”
เสือวางสายไป
ทัศน์ยิ้มอย่างสะใจที่ทุกอย่างลงล็อค
“ดี เร็วๆ เข้าหน่อยล่ะ ผมก็กำลังคอยคุณอยู่เหมือนกัน ดาบเสือ”

ปูเพิ่งกลับมาจากข้างนอก สีหน้าท่าทางไม่สู้ดีนัก พอเห็นธิชากำลังนั่งทากาวทำกรอบรูปอยู่ในร้าน จึงรวบรวมความกล้าค่อยๆ เดินไปหา เลียบๆ เคียงๆ ถาม
“ธิชา”
ธิชายังง่วนอยู่กับงาน “หือ”
“วันนี้เธอนัดบูรพาเอาไว้รึเปล่า”
“เปล่านี่ ทำไมเหรอ”
ปูไม่รู้จะตอบยังไง ตัดสินใจกดรีโมทเปิดทีวีช่องวัน เสียงผู้ประกาศข่าวรายงานข่าวดังขึ้น
“ตามรายงานแจ้งว่าคนร้ายได้ขัดขืนการจับกุมและพยายามยิงต่อสู้ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องยิงตอบโต้ เป็นผลให้มีคนร้ายเสียชีวิต 8 คน และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีก 5 นายด้วยกัน”
ธิชาตะลึง
เสียงผู้ประกาศข่าวรายงานต่อเนื่อง “ซึ่งในขณะนี้ยังมีคนร้ายอีกสามรายที่กำลังอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม ได้แก่ นาย คำรณ แซ่เตียว หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม เคี้ยง มังกรแดง และ นายบูรพา พงศ์พิทักษ์ หัวหน้าแก๊ง กับลูกสมุนไม่ทราบชื่ออีกรายหนึ่ง”
ธิชารีบโผไปคว้าโทรศัพท์โทร.หาบูรพา แต่ไม่มีคนรับสาย ธิชากดโทร.อย่างไม่ละความพยายาม และรอให้คนมารับสาย อยู่นาน แต่ก็ไม่มีคนรับ
“รับสาย รับสายสิ บูรพา รับสาย”
เสียงประตูดังขึ้น ธิชากับปูหันไปเห็นตะวันฉายเดินเข้ามาในร้านพร้อมยักษ์ ธิชาลดโทรศัพท์ลง เมื่อตะวันฉายส่งเอกสารมาให้เธอตรงหน้า
“ทางสำนักงานสั่งให้ผมมาดูแลคุณ”
“ฉันเป็นผู้ต้องหาหรือคะ”
“เปล่า แต่เราเชื่อว่าบูรพาจะทำให้คุณเดือดร้อน”
“เค้าปลอดภัยใช่มั้ย”
“มีหมายจับออกมาแล้วธิชา ไม่ว่าผมหรือคุณ ไม่มีใครช่วยเค้าได้อีกแล้ว”

ธิชาอึ้งไป




ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 16 (ต่อ)

เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว รถของเสือแล่นมาจอดที่หน้าบ้านเสี่ยเจริญ นายดาบเลือดเดือดเข้าเกียร์ว่างไว้ แล้วจึงก้าวลงรถ แต่สายตาเหลือบไปเห็นรถปุโรทั่งคันหนึ่ง อันเป็นรถคันที่บูรพาใช้หลบหนีมานั่นเอง รถคันนั้นจอดหลบมุมอยู่ในเงามืด

เสือเอะใจ เขามองเข้าไปในบ้าน ชักปืนออกมาเตรียมพร้อม

ในความมืดสลัวของห้องทำงานเสี่ยเจริญ มือบูรพากำลังไขรหัสเปิดเซฟ ด้วยสีหน้าลุ้นระทึก จนเปิดเซฟได้สำเร็จ บูรพาหยิบสมุดบัญชีเล่มที่สองออกมาดูด้วยความดีใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักกึก เมื่อเสียงกวนใจของเสือดังขึ้น
“ผิดแผนไปนิดนึงใช่มั้ย”
บูรพาค่อยๆ หันไปดูช้าๆ เห็นเสือถือปืนจ่อเล็งมายังตน
“โชคไม่เข้าข้างแกแล้วพวก”
บูรพาคุมแค้น เจ็บใจ

ถัดมาบูรพาถูกสวมกุญแจมืออยู่ ถูกผลักเข้ามาในรถของเสือ ก่อนที่เสือจะขึ้นมานั่งพร้อมทั้งพลิกดูสมุดบัญชีในมือ
“นี่อะไร”
“หลักฐาน ของป๋ากับท่านรองบารมี”
“ตกลงท่านรองบารมีอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ เหรอ”
บูรพาคร้านจะตอบ เสือวางหลักฐานไว้ที่เบาะหลังก่อนจะสตาร์ตรถ
“แกจะพาฉันไปไหน”
“สถานการณ์ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าใครเป็นใคร ขนาดฉันยังโดนตุ๋นจนเปื่อย” เสือครุ่นคิด “ไม่รู้มีตำรวจคนไหนที่โดนไอ้ทัศน์หลอกใช้อยู่อีก”
บูรพาเย้ยหยัน “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีตำรวจหน้าไหนที่แกไว้ใจได้แล้ว”
“ยังมีอยู่คนนึง”
บูรพามองอย่างสงสัยว่าเสือหมายถึงใคร

ที่ห้องโถงสตูดิโอของธิชา ยักษ์นั่งฟังวิทยุตำรวจผ่านหูฟัง คอยเช็คข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆ โดยมีปูเก็บของกำลังจะกลับบ้าน แต่ยังคอยเหลียวมาดูธิชาด้วยความเป็นห่วง จนธิชาพยักหน้าให้ปูกลับไป
“แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมนะ”
“ขอบใจจ้ะ”
ปูกลับออกไป ตะวันฉายเดินสำรวจหาเบาะแสในตึก แล้วมานั่งลงข้างธิชา
“ผมเห็นในห้องนอนคุณมีกระเป๋าเดินทางจัดไว้ คุณกำลังจะไปไหนรึเปล่า”
ธิชายิ้มเศร้า “ฉันกับบูรพามีแผนว่าจะหนีไปด้วยกัน แต่ก็มาเกิดเรื่องซะก่อน”
“คิดว่าหนีพ้นเหรอ”
“ฉันไม่รู้ แต่ก็ดีกว่ารอวันโชคร้ายอยู่ที่นี่”
“จะไปที่ไหนกัน”
“ฉันเคยบอกเค้าว่าเราน่าจะไปที่สิงคโปร์ ฉันอยากให้แม่ได้รู้จักกับเค้า”
ตะวันฉายอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกว่าถ้าเป็นไปได้จริง บูรพาก็คงมีความสุขไม่น้อย ธิชาก็อิ่มเอมใจเช่นกัน ก่อนจะถามออกมา
“แล้วคุณล่ะคะผู้หมวด ถามแต่เรื่องของฉัน คุณล่ะเคยรักใครบ้างมั้ย”
ตะวันฉายนิ่งเงียบ แข็งใจพยักหน้ายอมรับออกมา กับความรักที่ซ่อนลึกสุดใจ
“ผู้หญิงคนนั้นคงสวยมาก”
ตะวันฉายมองธิชา ปวดใจลึกๆ “ใช่ เป็นคนสวย ที่สำคัญ เป็นคนมีน้ำใจ”
ธิชาคิดปราดเดียว “โจเหรอคะ”
ตะวันฉายเกือบจะหัวเราะออกมา ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ ธิชายิ่งอยากรู้
“ตกลงฉันเคยเห็นเค้ารึเปล่า”
ตะวันฉายพยักหน้า แต่ธิชานึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“ถ้าฉันเจอเธออีก คุณบอกฉันด้วยนะ”
“ผมบอกต่อหน้าเธอไม่ได้หรอก เผอิญเธอไม่ได้รักผมน่ะ”
“งั้นก็สะกิดก็ได้นี่คะ แอบบีบมือฉันเบาๆ ฉันจะได้รู้”
ตะวันฉายพยักหน้า จนมีเสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น ตะวันฉายปลีกตัวมารับโทรศัพท์อีกมุมหนึ่ง
“ตะวันฉายพูดครับ...เสือ” ตะวันฉายฟังแล้วตกใจ “ที่ไหน ดีแล้ว อย่าเพิ่งโทร.เข้ากองปราบ เราไม่รู้ว่าทัศน์มีสายอยู่ที่ไหนบ้าง ขอผมสอบปากคำเค้าก่อน ตกลง ผมจะไปถึงที่นั่นในอีกสิบนาที”
ธิชาลอบมองด้วยความสงสัย ตะวันฉายหันไปบอกยักษ์
“คุณอยู่โยงที่นี่ ผมจะกลับไปที่บ้านก่อน”
ยักษ์กับธิชาสงสัย
“เสือได้ตัวบูรพาแล้ว”
ยักษ์ดีใจแต่เห็นธิชาอยู่เลยไม่กล้าแสดงออก
ธิชาอึ้งไปเล็กๆ

อีกฟาก รถเสือแล่นมาจอดหน้าบ้านจ่าเวช เสือคุมตัวบูรพาจะพาเข้าบ้าน แต่บูรพากลับขืนตัวไม่ยอมเดินต่อ ก่อนจะหันมาชูกุญแจมือให้เสือดู เสือส่ายหน้าปฏิเสธ
“ผมให้พ่อเห็นแบบนี้ไม่ได้หรอก”
“มันผิดระเบียบ”
“ผมขอร้อง”
บูรพาอ้อนวอนอย่างจริงใจ เสือสงสารแต่ยังแข็งใจส่ายหน้า
“เสียใจด้วยผมทำแบบนั้นไม่ได้ เชิญ”

จ่าเวชนั่งซึมอยู่บนรถเข็นตามลำพัง โดยมีโจที่นั่งหงอยอยู่ใกล้กัน จนกระทั่งเห็นเสือเดินนำบูรพาเข้ามา
โจดีใจ “เสือ” แล้วนึกได้ว่างอนกันอยู่ก็หุบยิ้ม “มาทำไม”
บูรพาตามเข้ามา จ่าเวชเงยหน้าขึ้นพอเห็นเป็นบูรพาก็ดีใจ
“บูรพา เป็นยังไงบ้างลูก บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมไม่เป็นไร”
จ่าเวชเหลือบเห็นกุญแจมือก็นึกขึ้นได้ เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
“แกถูกจับแล้วหรือ”
บูรพาก้มหน้านิ่งไม่กล้าตอบ จ่าเวชมองลูกชายสลดหดหู่ใจ
เสือมองหา “ตำรวจที่อารักขาคุณลุงไปไหนกันหมด”
“ตะกี้กองปราบเค้าโทร.มาตาม เค้าบอกให้ถอนกำลังด่วนบอกจะเปลี่ยนแผน ก่อนหน้านายจะมาแค่ไม่กี่นาทีนี่เอง”
เสือชะงัก รู้ทันที “ถ้ามีการเปลี่ยนแผน ผมต้องรู้เรื่องสิ ทุกคนรีบหนีเร็ว”

บูรพามองหน้ากันกับเสือสังหรณ์ใจเช่นกัน

เสือนำทางให้บูรพาอุ้มจ่าเวชไปขึ้นรถ โจตามมาติดๆ บ่นอุบ ท่าทีงุนงง

“นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะหมู่ แค่เข้าใจผิดนิดเดียวไม่เห็นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำเวอร์ไปได้”
เสือไม่มีเวลาต่อปาก มองไปยังปากทางเห็นมีรถแล่นตรงเข้ามา แถมเปิดไฟสูงสว่างจ้า
“รถใครน่ะ” โจถามงงๆ
บูรพาบอก “ไม่ใช่รถตำรวจก็แล้วกัน”
“ไม่ทันแล้ว ออกรถไป เร็ว ไปๆๆ”
“บูรพา” จ่าเวช ห่วงลูกจับใจ
บูรพาพยักหน้าปลอบใจพ่อ โจออกรถแล่นหนีไปอีกทาง เหลือแต่เสือกับบูรพาอยู่สกัดทัพ
สองคนรีบล่าถอยกลับเข้าบ้าน จนเห็นรถของทัศน์แล่นใกล้เข้ามาถึงพอดี
สองคนล่าถอยเข้ามาในบ้านแล้วรีบปิดประตู เสือปิดสวิทซ์ไฟแล้วโยนปืนของบูรพาคืนให้ ทำเอาบูรพาประหลาดใจ
“แกเชื่อใจฉันหรือไง”
“พอลุยกับไอ้พวกนี้เสร็จ ฉันจะจับแกตามเดิม”
“ฉันไม่ยอมแน่”
“กะแล้ว”
เสือกับบูรพาเงียบเสียงลง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า และเสียงคนผลักประตูรั้วเข้ามา
“พวกมันหายไปไหนกันหมด” ยุทธถามขึ้น
“เห็นรถไอ้หมู่เสือเพิ่งแล่นไปไม่ใช่เหรอ” กฤชว่า
“ลองเข้าไปค้นในบ้านดูดีมั้ย”
เสือนั่งพิงหลังโซฟาค่อยๆ ถอดแว่นยื่นออกไปส่องหน้าต่างกระจก เห็นว่ามีแค่กฤชกับยุทธและสมุนติดตามอีกสองคน เสือหันไปทางบูรพา และชู 4 นิ้ว บอก บูรพาพยักหน้ารับรู้
รอจนได้จังหวะเสือจึงกลิ้งตัวไปถีบประตูออก และยิงสวนออกไปถูกสมุนตาย 1 คน ยุทธถูกยิงที่แขน กฤชกับสมุนอีกคน รีบลากยุทธหลบไปอีกด้าน
บูรพาผลักหน้าต่างออก และยิงใส่สมุนของกฤชกับยุทธอีกคนทิ้ง กฤชกับยุทธรีบคลานไปหาที่หลบกันจ้าละหวั่น
เสือมันเขี้ยวเป็นที่สุด “เสร็จกูละ”
บูรพาได้ยินเสียงบางอย่างรีบชูมือห้ามเสือที่กำลังจะออกไปถล่มซ้ำกฤชกับยุทธ
“อะไรอีกวะ”
“มีอีกคนอยู่ในบ้าน”
เสือกับบูรพาเงียบเสียง เงี่ยหูฟัง และได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเนิบๆ แต่จับต้นทางไม่ได้ สองคนต่างกราดปืนมองหา เสือค่อยๆ ถดตัวถอยกลับเข้าหาฝาผนังด้านหลัง
บูรพาเดินลึกเข้าไปในตัวบ้านเพื่อมองหา ตามมุมต่างๆ บรรยากาศเงียบสงัด จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกๆ และเหงื่อบูรพาหยดติ๋งๆ
ในที่สุดบูรพาก็พบว่าหน้าต่างในบ้านเปิดค้างไว้ แต่ก่อนที่จะทำอะไร บูรพาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อรู้ว่ามีคนยืนอยู่ในความมืดข้างหลังตนเรียบร้อยแล้ว
เป็นทัศน์นั่นเอง
เสือยังคอยระวังประตูอยู่ ไม่ให้กฤชกับยุทธบุกเข้ามาอีก แต่แล้วเสือก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นบูรพาถือปืนเล็งออกมาที่ตน
เสือชะงักงัน จนเมื่อมองดีๆ จึงพบว่าทัศน์เดินประกบบูรพาออกมา มือซ้ายถือปืนจ่อท้ายทอยบูรพาเอาไว้ ส่วนมือขวาประคองมือบูรพาให้เล็งปืนมาที่ตน
“ฉันว่าแกต้องชอบแบบนี้แน่ๆ เลยว่ะ ดาบเสือ”
บูรพาร้องลั่น “อย่า”
ทัศน์จับมือบูรพายิงเสือจนพรุน บูรพาถือโอกาสนั้นใช้มือตะครุบมือทัศน์ที่เอาปืนจ่อท้ายทอยตนอยู่ พร้อมกับถอยหลังเต็มที่ ดันร่างของทัศน์อัดกระแทกกับข้างฝาหลายครั้งด้วยกัน
บูรพาสลัดจนหลุดจากทัศน์ และจะหันไปยิงทัศน์ที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ ทัศน์เตะกวาดขาบูรพาล้มลง ก่อนจะโผนยืนขึ้น เล็งปืนจ่อกระหม่อมบูรพา
“หมดเวรหมดกรรมกันซะที ไอ้บูรพา”
เสือยังไม่ตาย รวบรวมแรงโผขึ้นนั่งกระชากปืนสองมือขึ้น แผดเสียงร้องอย่างคนบ้าระห่ำ กระหน่ำยิงใส่ทัศน์อย่างบ้าเลือด ร่างของทัศน์ถูกแรงกระสุนปืนคู่ของเสือจนกระเด็นกระดอนออกไป เสือตะโกนบอกบูรพา
“หนีไป”
กฤชกับยุทธถือโอกาสที่เสือยิงทัศน์ โผล่ออกมารุมยิงใส่เสือแบบไม่ต้องนับ ข้าวของกระถางต้นไม้หน้าบ้านแตกกระจาย ร่างเสือพรุน โดนเข้าไปอีกหลายนัด
บูรพากลิ้งหลบอยู่ หาโอกาสยิงขับไล่กฤชกับยุทธออกไป
ทัศน์เลือดท่วมตัว ชายเสื้อเปิดหรา เห็นชัดว่ามันสวมเสื้อเกราะกันกระสุนอยู่ภายใน เดินมายิงใส่บูรพาอย่างอำมหิต บูรพาหลบฉากไปหลังโซฟา และดึงร่างเสือหลบเข้ามา
“เสือ เป็นยังไงบ้าง”
เสือตาลอยคว้าง ปากสั่น ตัวเย็นเฉียบ บูรพาเห็นแล้วใจเสีย ทัศน์แสยะยิ้มอย่างบ้าคลั่ง แต่แล้วหูก็แว่วยินเสียงไซเรนใกล้เข้ามา

กฤช ยุทธ และทัศน์หนีขึ้นรถ กฤชรีบออกรถแล่นจากไปฝุ่นตลบ รถติดที่แล่นเข้ามาเป็นรถของหมู่เสือนั่นเองที่มีโจเป็นคนขับ แปะไซเรนกับหลังคา โจรีบลงจากรถ
“เสือ”
บูรพาประคองเสือออกมา
“ไปโรงพยาบาลเร็ว”

สมุดบัญชีลับยังคงวางที่คอนโซลหน้ารถ โดยไม่มีใครสนใจ บูรพานั่งตอนหน้ามาคู่กับจ่าเวช ในขณะที่โจนั่งอยู่ตอนหลังให้เสือเอนตัวพิงอยู่
“เสือพูดกับฉันสิ เสือต้องไม่เป็นอะไรนะ ได้ยินรึเปล่า”
จ่าเวชเปิดลิ้นชักหน้ารถจนเจอผ้าขนหนูก็ส่งให้โจ
“โจ เอาผ้านี่อุดแผลไว้ก่อน อย่าให้เสียเลือดมากกว่านี้”
“ทนไว้ก่อนนะ โรง’บาลอยู่อีกไม่ไกลหรอก”
“เสือ พูดกับฉันหน่อยสิ ให้ความหวังกันบ้างได้มั้ย”
เสือค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองโจ ก่อนจะดึงบางอย่างจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือโจ
“เก็บไว้ให้ดีนะ”
โจก้มหน้าดูและพบว่ามันเป็นกุญแจห้อง
“ถึงเธอจะไม่ชอบห้องนั้น แต่มันก็เป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเธอเสมอ ต่อไปเผื่อเวลาเธอไม่สบายใจ เธออาจจะอยากไปพักที่นั่น”
“ฉันรู้แล้วเสือ ฉันเข้าใจ”
“ฉันไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องที่ดีหรอกโจ แต่ฉันไม่เคยทำให้เธอร้องไห้ ใช่มั้ย”
“แต่ก่อนไม่เคย แต่ตอนนี้นายทำให้ฉันกลัวแล้วรู้มั้ย”
“ถอดแว่นดำออกให้ที ฉันอยากเห็นหน้าเธอชัดๆ”
โจถอดแว่นดำออกให้เสือ ทั้งสองได้สบตากัน โจชวนคุยไปเรื่อยๆ
“เวลานายไม่ใส่แว่นก็หล่อดีเหมือนกันนะ”
เสือฝืนยิ้ม “รู้งี้ ถอดตั้งนานแล้ว”
“ทนหน่อยนะ เห็นป้ายโรงพยาบาลอยู่ข้างหน้านี่แล้ว” บูรพาบอก
เสือเหลือบมองไปเห็นป้ายโรงพยาบาลอยู่ไกลลิบๆ ตา ก็ยิ้มออกมา ด้วยรู้ว่าเขาคงไปไม่ถึงแน่ ก่อนจะหันสายตามาหยุดมองที่โจ
“โจ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก ฉันไม่ใช่คนโชคดี ชีวิตฉันไม่เคยมีคำว่าบังเอิญมาก่อน
ทุกอย่างที่อยากได้ ฉันต้องขวนขวายมันมากับมือเสมอ”
โจรอฟังว่าเสือจะพูดถึงเรื่องอะไร
“ฉันอยากให้เธอรู้ไว้ ว่าเรื่องของเราไม่ใช่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นไปเมื่อไหร่ หรือเป็นไปได้ยังไง ฉันรู้แต่ฉันอยากให้มันเป็นแบบนั้นทุกวัน เราสองคนเป็นอยู่แบบนั้นตลอดไป”
เสือเงียบไปสักพักหนึ่ง จึงเหลือบมองมาที่บูรพา
“ฝากขอโทษผู้หมวดด้วย”
เสือหลับตาลงพร้อมกับแสงสว่างที่ฉายอาบร่าง ในจังหวะที่รถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลพอดี โจช็อก ไม่อยากเชื่อสายตา

รถเสือแล่นมาจอดที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เวรเข็นเปลมาที่รถ และเปิดประตูออก เห็นโจยังกอดร่างเสือไว้แน่น
“คุณครับ”
“อย่ายุ่งกับเค้า” โจเสียงเข้ม
“ขอดูอาการคนเจ็บหน่อยนะครับ”
“อย่ายุ่งกับเค้า ออกไป ออกไปให้หมอ ออกไป”
เจ้าหน้าที่อึ้งไป มองไปยังร่างเสือ ดูออกว่าเสือสิ้นใจ ตายสนิทแล้ว
โจยังคงช็อกอยู่อย่างนั้น เธอโอบกอดร่างเสือเอาไว้เงียบๆ จ่าเวชพูดปลอบขวัญ
“โจ ทำใจดีๆ ไว้ หนูต้องเข้มแข็งแล้วก็ปล่อยให้หมู่เสือเค้าไปหนูรั้งเค้าไว้แบบนี้ไม่ได้หรอก”
จ่าเวชดึงมือโจออกจากเสือ เจ้าหน้าที่ถือโอกาสนั้นรีบช้อนร่างเสือออกไปใส่รถเข็น
โจนิ่งไปสักพัก แต่แล้วสุดจะทนรับได้ เธอรีบตามลงไปจากรถ
“ไม่ ไม่ใช่เสือ”
“โจ” จ่าเวชร้องเรียกไว้ แต่ไม่เป็นผล

เจ้าหน้าที่เข็นศพนายดาบเสือไปตามทางเดิน โจวิ่งตามมายื้อยุดเตียงเอาไว้
“ไม่นะ พวกคุณจะพาเค้าไปไหน จะพาเสือไปไหนเค้าจะกลับไปที่ห้องพร้อมฉัน”
“เสียใจด้วยนะครับคุณ แต่เค้าตายแล้วนะครับ”
“ไม่จริง นี่ดาบเสือนะ ดาบตำรวจปกรณ์ พวกคุณไม่เคยได้ยินเหรอ เค้าเป็นลูกน้องหมวดตะวันฉาย มือปราบปืนทองนะ เค้ายังไม่ตาย”
เจ้าหน้าที่พยายามอธิบาย “คุณครับ”
“เค้าปราบโจรมาตั้งเยอะ หนังสือพิมพ์ยังเคยชมเค้าเลยเค้าไม่ตายง่ายๆแบบนี้หรอกอย่าพาเค้าไปเลยนะ ให้ฉันพูดกับเค้าก่อน ให้ฉันพูดกับเค้าอีกแป๊บนึงได้มั้ย เดี๋ยวเค้าก็ฟื้นแล้ว ฉันจะพูดกับเค้า ฉันขอร้อง”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนใจอ่อน สงสารโจ
โจแหวกเจ้าหน้าที่สองคนเข้าไปพูดกับเสือ เธอมองหน้าร่างไร้วิญญาณของเสือแล้วกระซิบบอกอย่างจริงจัง
“เสือ ถ้านายฟื้น ฉันสัญญา ฉันจะกลับไปที่ห้องของเสือ แล้วฉันจะไม่ไปอยู่ที่ไหนอีก ฉันจะไม่พูดชื่อหมวดตะวันฉาย”
โจพูดทุกอย่างเพื่อหวังให้เสือฟื้น
“ฉันจะไม่พูดเรื่องที่นายไม่ชอบ ถ้ายอมลุกขึ้นมาตอนนี้ นายทำให้ฉันได้มั้ย ฉันขอร้องนะ ลุกขึ้นมาสิ”
นาฬิกาที่ข้างฝาทางเดินบอกเวลาเดินไป แต่เสือไม่สามารถลุกขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว
“เรื่องแค่นี้นายก็ทำให้ฉันไม่ได้งั้นเหรอ ถ้านายไม่ลุกคนอื่นจะคิดว่านายตายไปแล้วนะ”
เสือยังนิ่งอยู่ โจเริ่มตระหนักในความจริง
“นายตายจริงๆ เหรอ ทิ้งฉัน นายทิ้งฉันทำไม นายทิ้งฉันทำไม”
เจ้าหน้าที่มาสะกิดปลอบโจ และกันให้หลบออก ก่อนจะช่วยกันเข็นเตียงพาเสือจากไป

โจท่าเตียน หมดสิ้นเรี่ยวแรง ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้คาพื้นทางเดิน น้ำตานองหน้า มองตามร่างไร้วิญญาณของเสือที่ค่อยๆ ถูกเข็นหายไปในทางเดินอันมืดมนจนลับตา




ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 16 (ต่อ)

บูรพาเข็นรถเข็นของจ่าเวชเข้ามาในล็อบบี้ ย่อตัวลงบอกพ่อ

“พ่อรออยู่ที่นี่นะครับ อีกเดี๋ยวตำรวจก็คงมาถึงแล้ว”
“แล้วนี่แกจะไปไหน”
“ผมต้องเคลียร์เรื่องนี้พ่อ มันเกิดขึ้นเพราะผม”
จ่าเวชอึ้งไป บูรพานึกสงสารขยับโอบกอดพ่อไว้
“พ่อดูแลตัวเองด้วยนะครับ แล้วผมจะติดต่อมา”
บูรพาเดินจากไป จ่าเวชมองตาม สังหรณ์ใจรุนแรงว่าลูกชายคนเล็กของแกอาจไม่ได้กลับมาอีก
บูรพาก้าวขึ้นรถของเสือ และหยิบสมุดบัญชีมาดู นัยน์ตาวาววับ
“แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่ ไอ้ทัศน์”

เช้าวันต่อมา บารมีสีหน้าเครียดจัด ขณะที่ทัศน์กำลังนั่งรอฟังการตัดสินใจ
“มันเรียกเท่าไหร่”
“ห้าร้อยล้าน”
“ขนาดไอ้ชัชชัยเรียกแค่ครึ่งเดียวเรายังเป่าทิ้ง แล้วนี่มันยังกล้าเรียกเพิ่มเป็นเท่าตัวงั้นเหรอนี่ไอ้บูรพามันบ้าหรือว่าแกล้งบ้ากันแน่”
“เปล่า มันไม่ได้บ้า แต่มันจงใจจะถ่วงเวลาเราไม่ให้ตามล่ามัน งานนี้ต่อให้เรายอมต่อรองมันก็ไม่มีวันยอมคืนสมุดบัญชีให้แน่
“มันคิดจะส่งสมุดนั่นให้ตำรวจ”
ทัศน์พยักหน้า “ชีวิตของมันก็เหลืออยู่แค่สมุดนั่นเท่านั้นที่เป็นเบี้ยในมือ”
“แกอย่าลืม ชีวิตของฉันก็เหมือนกันปิดเกมซะ แค่หมากตัวสุดท้ายตัวเดียว แกคงจัดการไม่ยากใช่มั้ย”
ทัศน์พยักหน้ารับคำสั่ง

ด้านตะวันฉายเปิดผ้าคลุมศพดูหน้าเสือ มีสารวัตรเมธาและตำรวจคนอื่นหลายนายมาดูด้วย
เสียงโจดังเข้ามา “เสือฝากขอโทษหมวด”
ตะวันฉายหันไปดูที่เห็นโจเดินเข้ามาบอกอย่างเซื่องซึม
“เสือเค้าพยายามช่วยฉันกับน้องชายหมวด เค้าเสียสละขนาดนี้ หมวดอย่าให้เสือต้องผิดหวังนะ ช่วยน้อง แล้วก็จับไอ้พวกวายร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มาลงโทษให้ได้”
“ฉันสัญญา”
ตะวันฉายมองตามโจ แล้วเดินออกมาและเห็นจ่าเวชที่รออยู่หน้าห้อง
“ไม่ต้องห่วงพ่อ รีบไปช่วยน้องเจ้าฉาย แกเดินมาถึงค่อนทางแล้วอย่าให้มีอะไรมาขวางแกได้อีก”
ตะวันฉายพยักหน้ารับคำหนักแน่น

ขณะที่ตะวันฉายกำลังจะออกจากโรงพยาบาล สารวัตรเมธาตรงมาหาเขา
“ผู้หมวด คุณจะไปไหน”
“ผมต้องล่าตัวบูรพากลับมาให้ได้ ตอนนี้มีแต่เค้ากับหลักฐาน ในมือเค้าเท่านั้นที่จะเป็นพยานเอาผิดกับคนที่อยู่เบื้องหลัง”
“สายไปแล้วผู้หมวด เวลานี้ไม่ใช่แค่พวกคนที่คุณว่า เท่านั้นที่กำลังล่าตัวเค้า ทางผู้ใหญ่สั่งแทงชื่อน้องคุณลงบัญชีจับตายเรียบร้อยแล้ว”
ตะวันฉายตกใจ กล่าวเสียงเข้มกับเมธา
“เรื่องนี้มีคนชักใยอยู่สารวัตรก็รู้ ท่านรองบารมี นายทัศน์ แค่นี้ยังไม่พอที่สารวัตรจะเชื่ออีกเหรอครับ”
“แต่มีรอยกระสุนของนายบูรพาบนร่างหมู่เสือ คุณจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง”
เห็นตะวันฉายเงียบกริบ เมธาจึงพูดต่อ
“ผมเชื่อผู้หมวด ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ ผมรู้ว่านี่เป็นเกมที่พวกมันจะ ยืมมือกฎหมายมากำจัดเสี้ยนหนามให้ตัวเอง แต่เราจะทำอะไรได้นอกจากทำตามหน้าที่”
ตะวันฉายอึ้ง “สารวัตร”
“ตะวันฉาย ผมเป็นตำรวจ ทางเลือกของตำรวจคือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีข้อยกเว้น”
ตะวันนิ่งไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจปลดบัตรตำรวจออกส่งใส่มือเมธา
“ผมไม่คิดอย่างสารวัตร ผมเป็นพี่ ผมมีหน้าที่ของพี่ที่ต้องทำด้วยเหมือนกัน”
ตะวันฉายเดินไป เมธาหันไปร้องเตือน
“ระวังตัวด้วยผู้หมวด คุณกำลังเอาคอไปขึ้นเขียงอยู่”
ตะวันฉายหยุดหันกลับมามองเมธา แล้วพยักหน้าขอบคุณ ก่อนจะเดินจากไป

อีกฟาก ยักษ์นั่งทานบะหมี่มื้อเช้าอยู่อย่างเอร็ดอร่อยอยู่ในสตูดิโอนิชา จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ยักษ์รีบทิ้งชามมารับสาย
“ฮัลโหล ยักษ์พูดครับหมวดเรียบร้อยดีครับ คุณธิชาเหรอครับ เก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่เช้าไม่ยอมออกมาเลย หมวดเจอหมู่เสือรึยังครับ”
ตะวันฉายยืนอยู่ที่โต๊ะทำงาน อึ้งไปนิดๆ ก่อนจะตอบเลี่ยง
“เจอแล้ว แต่บูรพาหนีไปได้ คุณต้องระวังหน่อยนะยักษ์ผมคิดว่าเขาอาจจะบุกไปชิงตัวธิชา”
“ครับหมวด ผมจะระวัง”
“อีก 15 นาทีผมจะไปถึงที่นั่น”
ตะวันฉายวางสายลง

ปูกำลังเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักธิชาที่ชั้นบน สายตาคอยระแวดระวัง แต่แล้วก็มีชายสวมหมวกแก๊ปและใส่แว่นตาดำคนหนึ่งเดินตามขึ้นไปด้วย ทำเอาปูตกใจหันไปมอง
“นาย”
ชายคนดังกล่าวลดแว่นลงเหล่มอง เผยให้เห็นว่าเป็นบูรพา เขาเอานิ้วแตะริมฝีปากเตือนให้ปูเงียบ

ยักษ์นั่งหาวดูทีวีอยู่ในห้องโถง
“ทำไมไม่มีคนมาผลัดเวรซะทีวะ ง่วงจะตายชักอยู่แล้ว”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆ ยักษ์ไหวตัวตามสัญชาตญาณ มองอย่างครุ่นคิดสักพักก็ย่องไปที่ประตู โดยที่มือยังไม่ห่างปืน ก่อนจะมองลอดออกไป เห็นปูยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง ยักษ์เปิดประตูให้
“เคาะซะตกอกตกใจหมด ไอ้เราก็นึกว่าใคร”
บูรพาซึ่งซุ่มอยู่ปราดออกมาเอาปืนจ่อยักษ์และดันกลับเข้าไปในห้อง ยักษ์หน้าซีด

ธิชานั่งจับเจ่าอยู่ในห้องนอนตามลำพัง จนได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“บูรพา”
ธิชาผวาไปเปิดประตูเห็นบูรพายืนยิ้มอยู่ ก็โผกอดเอาไว้ก่อนจะสำรวจเนื้อตัวของคนรัก
“บูรพา คุณปลอดภัย”
“ผมไม่เป็นไรธิชา รีบเก็บของเถอะ เอาไปเฉพาะที่จำเป็นเราต้องรีบไปจากที่นี่”
“ค่ะ”
ธิชาหยิบกระเป๋าเป้หรือย่ามใบเล็กมา และเปิดกระเป๋าเดินทางหยิบเฉพาะเอกสารสำคัญใส่กระเป๋า ระหว่างนั้นบูรพาเดินไปที่หน้าต่างและคอยดูต้นทางอย่างกังวล

ตะวันฉายขับรถของเสือมาที่สตูดิโอ มองไปข้างตึกเห็นรถธิชาจอดอยู่ ตะวันฉายรีบลงมา แล้วกระโจนขึ้นบันไดไปยังชั้นบนทันที โดยไม่รู้ว่าสองลูกน้องของทัศน์ปลอมตัวมา ซุ่มแอบมองอยู่ฝั่งหนึ่ง
ตะวันฉายเดินไปที่หน้าห้องนอนธิชา และสวนทางกับชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินก้มหน้าก้มตาเดินผ่านไป ตะวันฉายเอะใจหน่อยๆ เหลียวมองตาม
ที่แท้ชายหญิงคู่นั้นคือบูรพากับธิชาที่พรางตัวมาด้วยกัน
ตะวันฉายเคาะประตูห้อง แต่ปรากฏว่าไม่ได้ล็อค เมื่อผลักประตูเข้าไปก็จึงเห็นยักษ์กับปูโดนมัดมือมัดเท้าอุดปากไว้ด้วยกัน
ตะวันฉายตกใจหันไปที่ระเบียงทางเดินหน้าห้อง
“บูรพา”

บูรพากับธิชาพากันขึ้นรถโดยไว ธิชารีบขับรถออกไปทันที
ตะวันฉายรีบตามลงมา เห็นรถธิชาไม่อยู่แล้ว จึงรีบขับรถออกตามทันที
กฤช กับ ยุทธ โผล่มารายงานทัศน์
“ตอนนี้เราสามารถดักฟังโทรศัพท์มันได้ทุกสาย”

บูรพาขับรถพาธิชาหนีมาจนรู้สึกว่าปลอดภัย จึงแวะพักในห้องพักของรีสอร์ตแห่งหนึ่ง
ธิชานั่งอยู่ที่เตียงนอน บูรพาวางกระเป๋าบนชั้นวางของ เสร็จ จึงหยิบกระป๋องน้ำอัดลมเปิดดื่มแล้วเดินมานั่งข้างๆ ธิชา
“แล้วเราจะเอายังไงดีคะ”
“ผมจะไปจองตั๋วเครื่องบิน ผมรู้จักกับเจ้าของซึ่งเป็นเพื่อนกับเฮียเคี้ยง ธิชา คุณกลัวว่าเราจะหนีไม่รอดมั้ย”
ธิชาส่ายหน้า ไม่กลัว บูรพาหยิบฟากระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาขึ้นมา
“ธิชา ของสิ่งนี้มันอาจจะดูไม่มีค่าอะไร แต่ผมขอใช้สิ่งนี้ ขอคุณแต่งงานได้มั้ย”
ธิชาอมยิ้ม
“แต่งงานกับผมนะ”
ธิชาพยักหน้ารับ บูรพาสวมแหวนที่เป็นที่เปิดกระป๋องให้กับธิชา ทั้ง2คนจูบกันอย่างดูดดื่ม

บูรพาพาธิชามาซื้อชุดแต่งงานที่ร้านเวดดิ้ง
และเวลานี้ เขายืนรอธิชาอยู่กับหลวงพ่อด้วยความกระวนกระวาย
“แล้วเราเตรียมแหวนแต่งงานไว้รึยังล่ะ”
“เตรียมไว้แล้วครับ”
บูรพาหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นแหวนที่ทำจากที่เปิดฝากระป๋องน้ำอัดลม
“โอเคแล้วแต่คุณล่ะนะ”

ธิชาเดินมายืนรออยู่หน้าประตูโบสถ์ ซักครู่จึงเห็นตะวันฉายเดินเข้ามาหา ธิชาเดินไปคล้องแขนแล้วพากันเดินเข้ามาหาบูรพาที่มองมาอย่างแปลกใจ
“แกมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันเป็นคนโทร.บอกให้เค้ามาเอง” ธิชาบอก
ตะวันฉายหยิบแหวนขึ้นมา
“แหวนวงนี้ เป็นแหวนแต่งงานที่พ่อให้กับแม่ วันนี้พ่อฝากให้ฉันเอามาให้แก แกรับไว้สิ ถือเป็นของขวัญวันแต่งงานจากพ่อ”
บูรพารับแหวนมา สองคนมองหน้ากันอึ้งๆ
ตะวันฉายเร่ง “เอ้า ขอโทษรับหลวงพ่อ ทำพิธีเลยละกันครับ”
หลวงพ่อพยักหน้า ตะวันฉายเดินไปนั่งดูพิธี
“นายบูรพา พงศ์พิทักษ์ จะรับนางสาว ธิชา เป็นภรรยาหรือไม่” หลวงพ่อถาม
“รับครับ”
หลวงพ่อถามอีก “นางสาวธิชา จะรับนายบูรพา พงศ์พิทักษ์ เป็นสามีหรือไม่”
“รับค่ะ”
“เชิญทั้ง 2 สวมแหวนให้แก่กัน”
บูรพาสวมแหวนให้ธิชา ทั้งสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม

ในเวลาต่อมา ตะวันฉาย บูรพา และธิชาเดินออกมาด้านหน้าโบสถ์
“สรุปว่าแกจะปล่อยฉัน หรือว่าแกจะจับฉัน”
“ฉันต้องทำหน้าที่บูรพา ทั้งในหน้าที่ตำรวจ และในฐานะพี่ชาย”
จังหวะนี้เอง รถทัศน์วิ่งผ่านมา และยิงใส่ร่างธิชา ดอกไม้ในมือเธอกระจุย ธิชาถูกยิงเข้าที่ท้อง บูรพาช็อก รีบเอาตัวบังกอดปกป้องธิชาเอาไว้ทั้งตัว
ตะวันฉายชักปืนออกมายิงไล่ตามไปแต่ไม่โดน
“บูรพารีบพาธิชาไปเร็ว”
บูรพารีบอุ้มธิชาวิ่งไป ตะวันฉายตาม

ธิชานอนกุมแผลอยู่บนตักบูรพา หน้าซีดเซียว
“ธิชาคุณเป็นอะไรรึเปล่า คุณอดทนก่อนนะ”
ธิชาแข็งใจส่ายหน้า จู่ๆ บูรพายกปืนจ่อหัวตะวันฉายที่กำลังขับรถ
“แกต้องพาธิชาไปหาหมอสภาพแบบนี้ธิชาไปได้ไม่ไกลแน่”
เสียงวอตำรวจดังออกมา “เกิดเหตุยิงกันที่หน้าโบสถ์ คาดว่า 1ในผู้ต้องสงสัยได้รับบาดเจ็บกระจายกำลังตามโรงพยาบาล และ คลินิกทุกที่”
ธิชาเอ่ยเสียงแผ่ว โรยแรงเต็มทน “บูรพา”
“ธิชา คุณไม่ต้องกลัวผมจะหาทางช่วยคุณเอง”
ธิชาหันมาทางตะวันฉาย “ผู้หมวด คุณต้องให้บูรพาไปติดต่อเครื่องบิน ไม่อย่างนั้นเค้าจะหมดโอกาสหนี”
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่มีคุณ”
“บูรพา ฉันขอร้อง ชีวิตของธิชาขึ้นอยู่กับแกแล้วนะ”
บูรพาคิดหนัก “เอางี้ฉันรู้จัก โรงพยาบาลเถื่อนของแก๊งมังกรแดงอยู่ ที่นั่นเป็นที่ ที่ไม่มีตำรวจ”
บูรพามองอาการของคนรักด้วยความเวทนา ก่อนจะมองตะวันฉายอีกครั้ง
“เอาละ ฉันสัญญา ฉันจะพักเรื่องของเราไว้ก่อน จนกว่าแกกับธิชาจะปลอดภัย”
บูรพาลังเลอีกครู่ จึงยอมพยักหน้า
รถของเสือที่ตะวันฉายขับ แล่นทะยานไปตามถนนเปลี่ยวออกชานเมือง

พยาบาลกำลังปิดประตูคลินิก ส่วนหมอกำลังกรอกเอกสารอยู่ตรงเคาน์เตอร์ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินพยาบาลร้องเสียงหลง เมื่อเงยหน้ามองไปก็เห็นตะวันฉายผลักประตูให้บูรพาอุ้มธิชาเข้ามาอีกมือยังถือปืน”
“ไปเอารถเข็นมา”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นรีบรักษาคนเจ็บก่อนเร็วเข้า”
“นี่พวกคุณหนีตำรวจมาเหรอ”
“รีบช่วยคนเจ็บก่อน” บูรพาบอก
หมอลังเลจะโผไปคว้าโทรศัพท์ แต่ถูกตะวันฉายยึดมือและกดตัวหมอไว้กับผนัง
“ถือว่าผมขอร้องเถอะนะหมอ ผู้หญิงคนนี้อาการสาหัสมาก”
บูรพามองตะวันฉายอย่างคาดไม่ถึง
หมอลังเลอีกสักครู่จึงเอ่ยออกมาว่า “พาไปที่เตียง”
บูรพารีบอุ้มธิชาเข้าไปโดยมีพยาบาลนำทาง ตะวันฉายมองตามด้วยความเป็นห่วง
บูรพาเหลียวกลับมามองตะวันฉาย อย่างซึ้งน้ำใจ แต่ก็ยังกระดากปากที่จะขอบคุณ

หมอคีบหัวกระสุนออกมาทิ้งลงไปในถาดเสียงดังเคล้ง ธิชาสะลึมสะลืออยู่ด้วยฤทธิ์ยาสลบ ผ่านไปสักระยะหนึ่ง หมอถอดผ้าปิดหน้าออก พ่นลมออกจากปากอย่างโล่งใจ
ตะวันฉายนั่งรอฟังผลอยู่หน้าห้องตรวจโรค ส่วนบูรพายืนอยู่อย่างกระวนกระวายอยู่หน้าประตู ทั้งสองเหลือบสบตากันเป็นระยะ แต่ละสายตาออกจากกันเสีย เหมือนไม่อยากจะโต้เถียงอะไรกันในเวลานั้น จนหมอออกมาจากห้อง
“ผมผ่าเอากระสุนออกเรียบร้อยแล้ว แต่คนไข้เสียเลือดมาก”
“ที่นี่มีเลือดสำรองเก็บไว้รึเปล่า”
หมอส่ายหน้า “คุณสองคนใครมีเลือดกรุ๊ปโอบ้าง”
บูรพารู้ เขาหันมามองที่พี่ชาย ในจังหวะที่ตะวันฉายรีบบอกหมอ
“ผมเอง”

ถัดจากนั้น ภายในห้องตรวจโรค หมอใช้เข็มเจาะข้อพับแขนของตะวันฉาย และถ่ายเลือดไปให้ธิชาที่ยังสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ โดยมีบูรพายืนดูอยู่ห่างๆ
ธิชาหันมาเห็นหน้าตะวันฉายที่นอนข้างๆตนก็ขานเรียกเบาๆ
“ผู้หมวด”
“ไม่ต้องห่วงธิชา คุณปลอดภัยแล้ว”
ธิชาพยักหน้ารับอย่างอ่อนเพลีย
“ต้องใช้เวลานานแค่ไหนหมอ” บูรพาถามขึ้น
“เสียเลือดเยอะขนาดนี้ ผมว่าเธอคงต้องพักซักคืนนึง”
บูรพาควักเงินให้ปึกใหญ่ “ขอบคุณครับ”
“มีอะไรโทร.หาผมได้ตลอดนะ”
หมอเดินออกไป
บูรพาครุ่นคิดก่อนจะมองออกไปข้างนอก นึกกังวลกลัวจะมีคนของบารมีติดตามมาทัน

ตะวันฉายกับบูรพายืนคุยกันอยู่ โดยมีธิชานอนอยู่บนเตียงกั้นกลางสองพี่น้องไว้
“ยังอยากจับฉันอยู่อีกรึเปล่า”
“เปล่า ฉันแค่ไม่อยากเห็นแกตาย”
“แกไม่ได้คิดถูกทุกครั้งหรอก”
ตะวันฉายหันมามองหน้าน้อง “ใช่ ฉันเคยพลาด ครั้งนั้นฉันพลาด แค่ครั้งเดียว ที่ทำให้ชีวิตของฉันกับแกต้องตกนรกมาห้าปีเต็ม แต่แกคิดบ้างรึเปล่าว่า ถ้าตอนนั้นแกไม่ถูกจับ แกอาจจะถูกตำรวจยิงตายไปแล้วก็ได้”
“แล้วแกล่ะคิดบ้างมั้ย ถ้าแกไม่ขวางฉันไว้ตอนนั้น ป่านนี้ฉันอาจจะหนีไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้ ไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องออกมาเป็นไอ้สารเลวอยู่อย่างนี้”
ตะวันฉายเงียบไป บูรพาระบายด้วยท่าทีจริงจัง
“ฉันรู้ว่าแกอยากช่วยชีวิตฉัน แต่ถ้าแกส่งฉันเข้าคุกอีกรอบถึงรอดตายแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อฉันต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกับอิสรภาพ ทำอย่างนั้นฉันก็เท่ากับต้องตายทั้งเป็น”
“แต่แกอธิบายกับศาลได้ว่าแกไม่ได้ตั้งใจ แค่แกบอกเค้าว่าแกถูกสถานการณ์บังคับ”
“เค้าไม่แคร์หรอกน่า”
“เค้าต้องแคร์ แกถูกพรรคพวกของแกชักจูงแกไม่ได้ตั้งใจจะออกจากคุกมาทำเลวแบบนี้แกทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด แกต้องบอกเค้า”
“ไม่ แกตาสว่างซะทีเถอะ สิ่งที่ฉันทำมันเป็นความผิด ฉันเป็นคนเลว ไม่มีใครแคร์หรอกว่าไอ้ชาติชั่วอย่างฉัน มันจะเป็นหรือตาย ได้ยินมั้ยไม่มีใครแคร์ทั้งนั้น”
ตะวันฉายสวนออกมา “แต่ฉันแคร์”
บูรพาอึ้งนิ่งงันไป ด้วยความสะเทือนใจ
“เพราะแกเป็นน้องชายฉัน ต่อให้ชาตินี้ทั้งชาติแกไม่ยอมเรียกฉันว่าพี่ แต่ฉันก็ยังเห็นแกเป็นน้อง เรามีพ่อแม่เดียวกัน สายเลือดเดียวกัน ฉันไม่สนว่าคนอื่นเค้าจะมองแกว่าเป็นตัวอะไร หรือเลวแค่ไหน เพราะสำหรับฉัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแกก็ยังเป็นบูรพาคนเดิม เป็นน้องชายที่ฉันเชื่อว่าสักวันนึงจะต้องกลับตัวเป็นคนดี และเริ่มชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง”
บูรพาและตะวันฉายสบตากันอย่างเจ็บปวดรวดร้าว กำแพงที่ขวางกั้นสองคนอยู่เริ่มทลาย ลงทีละน้อย ต่างฝ่ายต่างทอดสายตามองไปยังท้องทะเล และระลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา
สักครู่ต่อมา บูรพาหันมามองตะวันฉายด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม
“ฉันไม่ได้เลือกที่จะเป็นแบบนี้รู้มั้ย ไม่ใช่แค่แกที่เจ็บปวดกับมัน” บูรพาจ้องตะวันฉายเขม็งเน้นคำตอนท้าย “ฉันก็เสียใจ”
จากนั้นบูรพาสลัดความเศร้าทิ้ง มองไปที่ธิชาแล้วพูดต่อ
“ชั้นจะพาธิชาหนี ไปส่งชั้นที่สนามบินที”
“แกคิดว่าพวกมันจะไม่ตามแกหรอ”
“ชั้นมีวิธี”
บูรพาชักปืนออกมา
ตะวันฉายต้องตกใจมากขึ้น เมื่อบูรพาคว้ากุญแจมือที่เหน็บเอวของตนไป พอหันไปดูก็ถูกบูรพาสวมกุญแจมือและกดลงล่ามไว้กับขาเตียงข้างๆ เตียงธิชา
“ฉันเสียใจด้วย ลูกกุญแจอยู่ไหน”
ตะวันฉายล้วงลูกกุญแจส่งให้อย่างเสียมิได้ บูรพาเก็บติดตัวไว้ แล้วค้นตัวพี่ชาย ริบปืนพก ปืนพกสำรอง และโทรศัพท์มือถือไปจนหมด บูรพาปาโทรศัพท์มือถือทิ้งกับพื้นจนแตก
“นั่นของส่วนตัวนะ”
“มันจำเป็น แล้วจะซื้อใช้ให้ แกบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าพักเรื่องส่วนตัวไว้จนกว่าจะปลอดภัย”
“แกคิดว่าแกปลอดภัยแล้วหรือไง”
“ฉันติดต่อเครื่องบินไว้แล้ว แกอยู่นี่แหละเดี๋ยวฉันกลับมา”
ตะวันฉายมองบูรพาอย่างหนักใจ
“เมื่อไหร่แกจะยอมเชื่อฉันซะที แกหนีไปไม่รอดหรอก”
“ก็อาจจะถูกของแก แต่อย่าลืมสิ เมื่อห้าปีก่อนฉันเคยเชื่อแกมาแล้วหนนึง”
ตะวันฉายอึ้งไป บูรพาเองก็ปวดใจไม่น้อยเมื่อนึกถึงมัน ก่อนจะปลีกตัวไปอย่างเงียบๆ

เรือบินส่วนตัวขนาดเล็ก จอดอยู่ในลาน โดยมีชายจีนมาดเถ้าแก่นั่งดูทีวีอยู่ในโรงซ่อมด้านในกับลูกน้อง รถบูรพาแล่นมาจอดในจังหวะนี้ เถ้าแก่เอื้อมมือไปหรี่เสียงทีวี และมองไปที่รถคันดังกล่าว
บูรพาเดินมายืนตรงหน้าเฮียเป็น เถ้าแก่ ซึ่งพอเห็นหน้าบูรพาถนัดก็อึ้งไปเล็กน้อย
“ผมเป็นเพื่อนของเฮียเคี้ยง เฮียเป็ดใช่มั้ย”
“ที่โทร.มาก่อนแล้วใช่มั้ย”
“เฮียเคี้ยงบอกว่า โรงฝึกบินของเฮียเป็ด นอกจากสอนบินแล้วยังรับส่งคนด้วยใช่มั้ย”
เฮียเป็ดมองบูรพาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“จะไปไหน”
บูรพาครุ่นคิดเล็กน้อย เขานึกถึงสิงคโปร์ขึ้นมา
“สิงคโปร์ เพื่อมผมมีญาติที่นั่น”
“ถ้าหนีตำรวจอยู่ก็ต้องคิดแพงหน่อยนะไม่งั้นไม่คุ้มค่าเสี่ยง”
“พรุ่งนี้เครื่องขึ้น 7 โมง เราจะไปถึงสิงคโปร์ประมาณ 9 โมง จำไว้หลังจากนี้อย่ามาที่นี่อีก เลยจากที่นี่ไป 20 กม. จะมีปั้มร้างอยู่ ไปรอที่นั่น เดี๋ยวจะส่งคนไปรับ เค้าใจนะ ตอนนี้นายเป็นคนดัง”
เฮียเป็ดเปิดเสียงและหันจอทีวีให้บูรพาดูข่าว โดยระหว่างดูเขาคอยเหลือบมองท่าทีเฮียเป็ดกับลูกน้องที่จ้องมองมาอย่างเย้ยหยัน
เสียงผู้สื่อข่าวช่องวันรายงานข่าวฉอดๆ
“ตามรายงานแจ้งว่าคนร้าย คือนายบูรพา พงศ์พิทักษ์ ได้มาถึงที่คลินิกพร้อมกับ นางสาวธิชา แก้วขวัญ เพื่อนหญิง และร้อยตำรวจตรีตะวันฉาย พงศ์พิทักษ์ ผู้เป็นพี่ชายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนางสาวธิชา ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ร้อยตำรวจตรีตะวันฉาย อยู่ในระหว่างการลักพาตัว หรือติดตามผู้ต้องหาไปด้วยความสมัครใจ ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้บังคับบัญชากล่าวว่า หากว่าสืบชัดว่าร้อยตำรวจตรีตะวันฉายให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาก็จะถือว่ามีความผิดทางวินัยขั้นร้ายแรง”
เฮียเป็ดปิดเสียงทีวี แล้วหันมามองหยามบูรพา
“ลงว่าโดนตามจี้ขนาดนี้ อย่างช้าพรุ่งนี้ตำรวจก็ต้องเจอตัวแกแล้ว ถ้าไม่รีบหนีมีหวัง...”
เฮียเป็ดหยิบพาสปอร์ตให้บูรพา
“นี่ถ้าไม่เห็นแก่เฮียเคี้ยง งานนอกฉันไม่รับหรอกนะ โดยเฉพาะงานเสี่ยงๆ แบบนี้ อันนั้นเป็นพาสปอร์ตสิงคโปร์ ต่อไปนี้ นายชื่อ ปีเตอร์ โล ตัวจริงอ่ะมันตายไปแล้ว เดี๋ยวเนี้ยไอ้การจะมาสวมพาสปอร์ต มันไม่ง่ายนะ ค่าดำเนินการ 100,000 บาท ค่าบิน คนละ 200,000 บาท เงินสดจ่ายตอนนี้ไม่งั้นทุกอย่างจบ”
บูรพายื่นเงินให้

ทางด้านธิชาหลับอยู่บนเตียง สักครู่จึง ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างอ่อนเพลีย มองไปอีกฝั่งเห็นตะวันฉายนั่งเฝ้าดูเธอด้วยความเป็นห่วง โดยที่มือข้างหนึ่งลูกล่ามกุญแจเอาไว้ขาเตียงข้างกัน
ธิชาขยับจะลุกขึ้น ตะวันฉายรีบเตือน
“อย่าเพิ่งลุกเลย คุณเสียเลือดไปมาก นอนพักให้เต็มที่ก่อนดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันค่อยยังชั่วแล้ว” ธิชามองหา “บูรพาล่ะค่ะ”
“เขาออกไปติดต่อเรื่องเดินทาง”
ธิชามองมือตะวันฉาย “เขาล่ามคุณไว้งั้นเหรอ”
ตะวันฉายพยักหน้าเหมือนไม่ถือสาอะไร ธิชามองอย่างเห็นใจก่อนจะแข็งใจลุกมาที่ตะวันฉาย
“ธิชา คุณจะทำอะไร อยู่เฉยๆ เถอะ”
ธิชาค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งใกล้ตะวันฉาย อีกฝ่ายต้องช่วยประคอง ธิชาเสียดแผลที่ท้องเล็กน้อยก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพับ
ตะวันฉายมองอย่างไม่เข้าใจว่าธิชาจะทำอะไร
ธิชาพับผ้าเช็ดหน้าเป็นแนวแล้วก็เอามาพันข้อมือตะวันฉายเพื่อกันขอบกุญแจมือบาด ทำให้ตะวันฉายได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเธออีกครั้ง ธิชามัวสนใจกับการพันผ้า โดยไม่รู้ว่าตะวันฉายแอบมองเธอเงียบๆ ตลอดเวลา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ไว้บูรพากลับมาฉันจะช่วยพูดให้เค้าถอดกุญแจมือให้คุณ”
“ไม่ต้องหรอก ผมว่าเค้าถอดแน่ แค่รอให้ถึงเวลาที่เค้ามั่นใจเท่านั้น”
ธิชาเฝ้ามองตะวันฉายด้วยความสงสาร
“พรุ่งนี้ฉันกับบูรพาก็คงไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว”
ตะวันฉายพยักหน้า ทั้งเห็นด้วยและกังวลอยู่ลึกๆ
“คุณไม่คิดจะจับเค้าแล้วใช่มั้ยคะ”
“ผมอยากช่วยเค้า บอกตรงๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันระหว่างจับกับปล่อยอย่างไหนกันแน่ที่จะทำให้เค้าปลอดภัย”
“ทำไมคุณต้องคิดแทนเค้าด้วยล่ะคะผู้หมวด ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เค้าเป็นคนเลือกเอง”
ตะวันฉายเงียบไปครู่หนึ่ง “เพราะเค้าเป็นน้องชายผม”
“เคยนึกบ้างมั้ยค่ะผู้หมวด ถ้าครั้งนี้คุณพลาดอีก มันจะเกิดอะไรขึ้นกับบูรพา”

ตะวันฉายนั่งนิ่ง เงียบงันไป ด้วยเขาเองก็นึกหวั่นลึกๆ อยู่ในใจ

อ่านต่อตอนที่ 17



กำลังโหลดความคิดเห็น