ห้องหุ่น ตอนที่ 6
จุฑาเดินมองหา เห็นสันตินั่งครุ่นคิดอยู่มุมเงียบๆของมหาวิทยาลัย เธอไม่พอใจ แต่ปรับสีหน้าเป็นปกติ ก่อนเดินเข้าไปหา ถามยิ้ม
"คิดอะไรเหรออาร์ต"
สันติเงยมอง ฝืนยิ้ม
"เปล่า..ไม่ได้คิดอะไร"
เธอนั่งลงใกล้ๆ
"อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย คิดเรื่องน้องอัมใช่มั้ยล่ะ"
สันติมองจุฑาอย่างคาดเดาความคิด เธอยิ้มอ่อนโยน
"จุ๊บรู้นะว่าอาร์ตชอบน้องอัม...ที่จริงน้องอัมเค้าน่ารักดีนะ ถ้าจุ๊บเป็นผู้ชายจุ๊บก็คงชอบ"
สันติแปลกใจมากขึ้น เธอหัวเราะ
"อาร์ตคงแปลกใจใช่มั้ยที่จุ๊บพูดแบบนี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเหมือนจุ๊บจะไม่พอใจ"
สันติพยักหน้า
"ที่จุ๊บทำแบบนั้นก็เพราะจุ๊บไม่อยากให้อาร์ตกับน้องอัมเป็นแฟนกัน"
สันติงงมากขึ้น
"ทำไมล่ะ"
"อย่าโกรธนะถ้าจุ๊บจะพูดจริงๆ"
"พูดมาเลย เราเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ"
จุฑาหน้าเสียไปนิดหนึ่ง
"ใช่เราเป็นเพื่อนรักกัน จุ๊บถึงไม่อยากเห็นเพื่อนเจ็บ..ถ้าจะเปรียบน้องอัมเค้าเหมือนดอกฟ้า"
เธอทำอึกอัก สันติฝืนยิ้มต่อเสียเอง
"แต่อาร์ตเหมือนหมาวัดใช่มั้ย"
"ขอโทษนะ"
"ไม่ต้องขอโทษหรอก อาร์ตเองก็รู้ตัวดี"
"อาร์ตน่ะเป็นคนดี แต่สังคมของพวกคนรวยแค่เป็นคนดีคงไม่พอหรอก"
สันตินิ่ง จุฑาแอบมองอย่างพอใจ ลุกขึ้นตบบ่าสันติเบาๆแบบให้กำลังใจ
"อาร์ตลองกลับไปคิดดูดีๆก็แล้วกัน จุ๊บกลับก่อนนะ"
สันติซึมๆพยักหน้าให้ จุฑาแต่สันติยังนั่งนิ่ง
หลวงตาออกมาจากห้อง เห็นสันติกำลังถูพื้นกุฏิไปๆมาๆอยู่ที่พื้นตรงหน้า สีหน้าสันติคิดหนัก หลวงตาเดินออกมาจากห้องยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง พูดลอยๆ
"ไม้กระดานแผ่นนั้นมันจะเปื่อยยุ่ยซะหมดแล้วนะเจ้าอาร์ต"
สันติสะดุ้งทำหน้างงๆ หลวงตาเดินมานั่งลง สันติรีบคลานมายกถาดน้ำชารินส่งให้
"มีอะไรหนักอกหนักใจมากนักรึ"
สันติยิ้มเก้อๆไม่ตอบ รีบหันกลับไปไล่ถูทางอื่นอย่างแข็งขัน หลวงตาหัวเราะ พูดลอยๆรู้ทัน
"สงสัยจะไปหลงรักใครเข้าละสิ"
สันติหยุดถู หันมามองหลวงตาอย่างละอายใจ
"ผมแย่มากใช่มั้ยครับหลวงตา ตัวเองยังเอาไม่รอดริจะมีความรัก"
"ความรักไม่ใช่เรื่องแย่ ถ้ารู้จักรักให้เป็น เจ้าเองก็ไม่ใช่เด็ก จะเรียนจบอยู่ปีนี้แล้ว ถ้าไม่รู้จักรักใครเลยนะสิถึงจะแปลก"
สันติสีหน้าดีขึ้น
"จริงเหรอครับหลวงตา"
หลวงตาพยักหน้า
"ว่าแต่ลูกสาวบ้านไหนล่ะที่เอาชนะใจเจ้าได้ หลวงตารู้จักมั้ย"
สันติลังเลแล้วตอบอ้อมแอ้ม
"น้องอัมราลูกคุณอาเดชครับ"
"ฮึ่ม..เป็นเด็กดี น่ารัก เรียบร้อย มิน่าล่ะ"
"แต่ผมรู้ตัวดีว่าไม่คู่ควรกับเธอเลย"
หลวงตาพยักหน้าช้าๆ สันติจ๋อย
"ใช่..ถ้าพูดถึงเรื่องทรัพย์สินเงินทอง แต่ของเหล่านี้เจ้าสามารถหามาได้ ถ้าเจ้ารู้จักทำมาหากิน ขยันขันแข็ง มีมานะอดทน คนอย่างเจ้าคงสร้างเนื้อสร้างตัวได้ไม่ยาก"
สันติสีหน้าดีขึ้น
"แต่คุณอาทั้งสองอาจไม่คิดแบบหลวงตา"
"โยมเดชกับโยมอารีย์สองคนนี่หลวงตาเห็นมานาน เชื่อว่าเขาคงต้องการคนดีมาดูแลลูกเค้ามากกว่าคนร่ำรวยแน่ๆ ถ้ารักเขาจริงก็จงพิสูจน์ให้เขาเห็นสิ"
สันติคิดตามท่าทางตัดสินใจได้ ยกมือไหว้หลวงตา
"ขอบคุณมากครับหลวงตาที่ชี้ทางสว่างให้ผม"
สันติรีบถูพื้นต่ออย่างว่องไว ครู่เดียวเสร็จรีบบอกหลวงตาหอบๆ
"ผมทำงานในวัดเสร็จหมดแล้ว ผมขอออกไปเยี่ยมคุณอาอารีย์ที่โรงพยาบาลนะครับ"
"อ้าวโยมอารีย์ไม่สบายอีกแล้วเหรอ เออไปเถอะ หลวงตาฝากเยี่ยมด้วยนะ"
สันติรีบออกไป หลวงตาชะงัก หลับตาทำสมาธินิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง ลืมตาพึมพำคนเดียว
"คนเราไม่ว่าจะรวยหรือยากจนก็หนีความตายไม่พ้นจริงๆ"
ในห้องคนป่วย ในโรงพยาบาล ชิ้นจัดของกินเทจากกระทงใบตองใส่จานอยู่มุมหนึ่ง
อารีย์นอนอยู่บนเตียง หมออยู่ข้างๆ
"โรคหัวใจอาการจะกำเริบได้ทุกเวลา โชคยังดีที่มาถึงมือหมอทัน"
"ฉันคงอายุไม่ยืนแน่ใช่มั้ยคะ"
"มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ถึงคุณจะทานยาตามหมอสั่ง แต่ถ้าเอาแต่เครียด คิดมากอาการมันก็กำเริบได้ทุกเมื่อ"
อารีย์ฝืนยิ้ม
"ค่ะ..ฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้ ขอบคุณมากนะคะหมอ"
สองพี่น้องเข้ามา พรรณรายโวยวาย
"ไม่รู้จะติดบ้าติดบออะไรนักหนา"
พรรณรายชะงัก เห็นหมอ หมอยิ้ม
"ลูกๆมากันแล้ว งั้นหมอขอตัวก่อนครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
หมอออกไป พรรณรายเข้ามานั่งหน้าบูดบึ้ง อัมราเขยกๆเข้ามากอดอารีย์
"คุณแม่เป็นไงบ้างคะ"
"แม่หายแล้วจ้ะ แต่อัมละขาเป็นอะไรไป"
พรรณรายพูดแทน หงุดหงิด
"มาช้าเพราะรถติดก็หงุดหงิดพออยู่แล้ว ยังจะต้องมาเดินรอยัยอัมเขยกๆเหมือนคนพิการอยู่ได้ โตจะตายยังจะเดินหกล้มอีกน่ารำคาญ น่าจะขาหักให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย"
"ตายจริง ทำไมว่าน้องแบบนั้นละลูก"
"ก็มันจริงนี่คะ เดินประสาอะไรก็ไม่รู้ โอ๊ยพรรณหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว"
อารีย์รีบบอกเอาใจ
"หิวก็ไปทานสิลูก นั่นไงน้าชิ้นลงไปซื้อของหน้าโรงพยาบาลมาตั้งหลายอย่าง"
ชิ้นยกของใส่ถาดมาตรงหน้าพรรณ
"เลือกเอาเลยค่ะคุณพรรณ ทั้งข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู กุยช่ายทอด แล้วก็ข้าวตังหน้าตั้ง น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ"
พรรณรายมองแล้ว ผลักถาดอย่างแรง จนของหกกระจาย ทุกคนตกใจ
"บ้ามีแต่ของทอดๆมันๆทั้งนั้น ใครจะกิน อยากให้ฉันเป็นหมูหรือไงน้าชิ้น"
ชิ้นรีบเก็บ อัมราเขยกเข้าช่วย ต่อว่าเกรงๆ
"ไม่ทานก็ไม่ทานสิคะพี่พรรณ ทำไมต้องปัดด้วย ดูสิหกเลอะเทอะหมดเลย"
"หกก็เก็บสิ หน้าที่น้าชิ้นอยู่แล้วนี่ ถ้าเธออยากช่วยก็ไม่ต้องพูดมาก ฉันไปหาอะไรอร่อยๆกินดีกว่า"
พรรณสะบัดไป อารีย์อ่อนใจ
"ขอโทษทีนะชิ้น อย่าไปถือแกเลยคงโมโหหิวนะ"
ชิ้นยิ้มตอบอารีย์
"อิฉันไม่ถือหรอกค่ะ โดนมาจนชินแล้ว"
อารีย์สีหน้ากังวล
"ถ้ายัยพรรณยังโมโหร้ายแบบนี้ ต่อไปอยู่กับใครก็คงลำบาก ฉันละห่วงจริงๆ"
"นั่นสิคะ ถ้าเจอคนยอมก็แล้วไป แต่ถ้าเจอคนเอาจริงเข้าละก็ บ้านแตกแน่ๆ"
ชิ้นลงมือเก็บต่อ มีอัมราช่วยด้วย อารีย์นิ่งอึ้ง คิดตามที่ชิ้นพูด สีหน้าหนักใจ
พรรณรายเดินอารมณ์ดีกลับมา แถมหิ้วของกินมาหลายอย่าง พรรณรายชะงัก
เห็นสันติเดินมาจากอีกทาง จะไปทางห้องอารีย์ พรรณรีบวิ่งมาเรียก
"เดี๋ยว..นี่..นาย..นายสันติ"
สันติชะงักหันมามอง
"อ้าวคุณพรรณ ไปไหนมาเหรอครับ"
"ฉันจะไปไหน มันกงการอะไรต้องมาถาม"
สันติอึ้ง ทำท่าจะเดินต่อ พรรณวิ่งไปขวางหน้าไว้
"จะไปไหน"
"ผมมาเยี่ยมคุณอาอารีย์"
พรรณรายมองหัวจรดเท้า หัวเราะเยาะ
"มาเยี่ยม"
สันติข่มใจ ตอบสุภาพ"ครับ"
พรรณรายพูดเยาะๆ
"คิดจะมาเยี่ยมมันก็น่าจะมีอะไรติดไม้ติดมือมาบ้างไม่ใช่มามือเปล่าแบบนี้ ถ้าฉันจำไม่ผิดครั้งก่อนนายก็มามือเปล่า"
สันติอึ้ง พรรณรายพูดต่อ
"ฉันว่านายอย่าลำบากเลย เก็บค่ารถเมล์ไว้กินข้าวกลางวันก่อนดีกว่ามั้ย"
พรรณรายหัวเราะเยาะก่อนเดินไป สันติยืนอึ้ง รู้สึกชาไปทั้งตัว ข่มใจเพื่อไม่ให้โกรธ
สันติเดินมาเรื่อยๆเหมือนคนไร้วิญญาณ ทรุดนั่งตรงม้ายาวหน้าห้อง เงาหุ่นชาวนาเลื่อนครืดๆ ทาบทับมาตามกำแพงช้าๆ สันติหันไปมองเห็นลุงทวนเดินหลังค่อมๆหิ้วชะลอมผลไม้มาแล้วล้มลงกับพื้น ส้มกลิ้งออกมาจากชะลอมหลายลูก สันติตกใจรีบวิ่งเข้าไปหา
"คุณลุงครับ คุณลุง"
ลุงทวน หุ่นชาวนาใส่หมวกงอบปิดหน้าลงมาไม่ให้สันติเห็นหน้า สันติประคองลุงทวน แล้วชะงัก
"โอ้โห... ตัวคุณลุงเย็นมากเลย สงสัยจะเป็นลมใช่มั้ยครับ มาครับผมจะประคองไปนั่งก่อน"
สันติประคองลุงทวนไปนั่ง
"ผมไปตามหมอให้มั้ยครับ"
"ไม่ต้อง..ลุงดีขึ้นแล้ว"
"คุณลุงมาคนเดียวเหรอครับ แล้วจะกลับยังไงให้ผมไปส่งมั้ยครับ"
"ไม่ต้อง"
สันติพยักหน้าเข้าใจ หันไปมองส้มที่พื้น
"เดี๋ยวผมเก็บผลไม้ให้ครับคุณลุง"
"ผลไม้พวกนั้น ลุงจะเอามาเยี่ยมญาติ แต่เค้าออกไปแล้ว ลุงยกให้พ่อหนุ่มแล้วกัน"
สันติเกรงใจ
"ผมรับไม่ได้หรอกครับ ลุงต้องซื้อหามาเอากลับไปทานเองก็ได้นี่ครับ"
"ไม่ได้ซื้อหรอก ของที่สวนมีอีกเยอะแยะเอาไปเถอะ ตอบแทนที่พ่อหนุ่มเป็นคนดี"
สันติอึ้ง
"จำไว้นะ อย่าท้อที่จะเป็นคนดี คนดีทั้งพระทั้งผีย่อมคุ้มครอง"
"ครับ"
สันติหันหลังให้หุ่น นั่งลงเก็บส้มที่กลิ้งออกมาใส่ชะลอม จนหมด ลุกขึ้นหันมา
เก้าอี้ที่หุ่นนั่งว่างเปล่า สันติมองหาแปลกใจ
"ลุงไปไหนเร็วจัง"
สันติยกชะลอมผลไม้ขึ้นมองดู สีหน้าคิดอะไรบางอย่างได้
สันติส่งชะลอมผลไม้ให้ชิ้น อารีย์ พรรณราย อัมรานั่งอยู่ด้วย
"โธ่อุตส่าห์เอาผลไม้มา ทีหลังแค่มาเยี่ยมก็พอจ้ะ"
"ส้มน่ากินมากเลยค่ะ คุณผู้หญิงจะรับเลยมั้ยคะ อิฉันจะปอกให้"
"เดี๋ยวก็ได้จ้ะ"
พรรณรายทำเสียงเชอะในลำคอ แกล้งพูดลอยๆ
"จะเอามาทั้งที่ก็น่าจะเป็นพวกแอ๊ปเปิ้ล สาลี่ไม่ใช่แค่ส้มเขียวหวาน"
อารีย์มองปรามลูกสาว
"ผลไม้ไทยๆเรานี่ล่ะลูก แม่ชอบ โดยเฉพาะส้มเนี่ยหวานชื่นใจดีออก ขอบใจมากนะอาร์ต"
"ไม่เป็นไรครับ หลวงตาท่านฝากเยี่ยมคุณอาด้วยครับ"
"ฝากกราบขอบพระคุณท่านด้วย อาหายคราวนี้จะไปให้ท่านรดน้ำมนต์ให้ซักหน่อย"
"ครับ"
"เสร็จธุระแล้วก็กลับไปได้แล้วสิ"
ทุกคนตกใจ
"เสียมารยาทจริงยัยพรรณ ขอโทษทีนะอาร์ต ยัยพรรณชอบพูดจาไม่คิดแบบนี้ล่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ แต่พอดีธุระของผมยังไม่เสร็จ"
พรรณรายไม่พอใจ อัมราอดเหลือบมองสันติไม่ได้ เห็นสันติมองอยู่พอดี สันติรีบหันไปบอกอารีย์
"ผมขออนุญาตคุยกับน้องอัมได้มั้ยครับคุณอา"
"อ๋อได้สิจ้ะ"
พรรณรายขัดอย่างหมั่นไส้
"แต่พรรณจะกลับแล้วค่ะคุณแม่ มีการบ้านต้องทำเยอะแยะ"
"งั้นพรรณกลับก่อนก็ได้จ้ะ ส่วนยัยอัมเดี๋ยวกลับพร้อมคุณพ่อก็ได้ ไปเถอะจ้ะ"
สันติยกมือไหว้อารีย์
"งั้นผมลาคุณอาเลยนะครับ"
อารีย์รับไหว้ สันติมองอัมราที่เดินออกไป สันติตามไปด้วย พรรณรายโมโหที่ขวางไม่สำเร็จ เดินกระฟัดกระเฟียดไปคว้ากระเป๋า ถุงข้าวของหลายอย่าง
"งั้นพรรณกลับนะคะคุณแม่"
"จ้ะกลับดีๆนะลูก"
อารีย์พูดไม่ทันจบ พรรณรายก็สะบัดออกไป อารีย์ส่ายหน้าก่อนล้มตัวนอนหลับตา ชิ้นระอา
หันกลับมาจัดข้าวของ แล้วงงมองหาพึมพำ
"เอ๊ะ ผลไม้ของคุณอาร์ตหายไปไหนละเนี่ย"
ชิ้นหาแต่ไม่เจอ พึมพำอย่างงงๆ
"หรือว่าคุณพรรณหยิบติดมือไปด้วย ไหนว่าไม่ชอบไง"
ชิ้นหัวเราะหึๆในคอ ไม่ได้สนใจอีก ทำงานอย่างอื่นต่อ
สันติกับอัมราเดินมาช้าๆ สันติกำลังคิดหาคำพูด อัมราหันมาพอดี สองคนพูดพร้อมกัน
"พี่อาร์ต / น้องอัม"
ต่างคนต่างชะงัก สันติรีบบอก
"น้องอัมพูดก่อนเลยครับ"
อัมพูดงอนๆ
"ไม่ละคะ..พี่อาร์ตบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับอัม พี่อาร์ตก็ต้องพูดก่อนสิคะ"
สันติรวบรวมความกล้า
"ก็ได้ครับ..คือพี่อยากจะขอโทษที่..พี่เอ้อ..พี่พูดจาทำท่าห่างเหินน้องอัม"
อัมรามองนิ่งๆ
"ไม่ต้องขอโทษอัมหรอกค่ะอัมเข้าใจ พี่อาร์ตคงไม่อยากให้เอ้อคนที่พี่อาร์ตรู้สึกดีๆด้วยเข้าใจผิด"
"ครับ พี่รู้สึกไม่ดีมากเลยที่ทำให้เธอคนนั้นเข้าใจผิด"
อัมราอึ้งฝืนยิ้ม บังคับเสียงไม่ให้สั่น
"งั้นก็สบายใจได้เลยค่ะต่อไปนี้เธอคนนั้นคงไม่เข้าใจผิดอีกแล้ว"
สันติรู้ว่าอัมเข้าใจผิด แกล้งต่อ
"จริงๆหรือครับ"
"จริงสิคะ..ถ้าเธอคนนั้นเข้าใจพี่อาร์ตผิดเพราะอัม เราไม่ต้องพูดต้องคุยกันก็ได้ค่ะ อัมจะไปให้ห่างๆพี่อาร์ตเลย"
อัมราทำท่าจะเดินไป สันติรีบพูด
"ทำอย่างนั้นยิ่งแย่ใหญ่เลยครับ"
อัมราหันมามองถามน้อยใจ
"แล้วจะให้อัมทำตัวยังไงละคะ พี่อาร์ตบอกอัมมาเลยดีกว่า"
"ถ้าพี่บอกแล้วน้องอัมจะทำจริงหรือครับ"
อัมราข่มความเสียใจ ฝืนยิ้ม
"ค่ะ อัมรับปากจะทำทุกอย่างที่พี่อาร์ตบอก"
สันติเดินเข้ามาใกล้
"งั้นน้องอัมทำตัวเหมือนเดิมกับพี่ได้มั้ย"
อัมรางง
"อัมไม่เข้าใจค่ะ ถ้าอัมทำตัวเหมือนเดิม พี่อาร์ตกับพี่จุ๊บ" อัมราชะงักหลุดปากพูดไปแล้วต้องเลยตามเลย "ก็จะผิดใจกันไม่ใช่เหรอคะ"
"ไม่ใช่จุ๊บครับ จุ๊บเป็นแค่เพื่อนรักของพี่เท่านั้น"
อัมรางง
"คนที่พี่รู้สึกดีๆด้วยก็คือน้องอัม"
อัมราตะลึง แล้วหน้าแดง แต่ยังฝืนทำนิ่ง
"พี่อาร์ตคงล้ออัมเล่นใช่มั้ยคะ"
อัมราฝืนหัวเราะ สันติสลด
"น้องอัมคงหัวเราะพี่ที่ไม่เจียมตัว ก็เพราะพี่กลัวน้องอัมจะรังเกียจพี่ ถึงคิดว่าตัวเองควรจะตัดใจเสีย แต่พี่ก็ทำไม่ได้"
"ไม่เป็นไรครับแค่พี่ได้พูดความในใจที่อยากพูดพี่ก็พอใจแล้ว"
สันติหันหลังกลับจะไป อัมราตกใจรีบเรียก
"เดี๋ยวสิคะ"
สันติชะงัก
"อัมไม่ได้หัวเราะเยาะพี่อาร์ตนะคะแล้วก็ไม่เคยคิดรังเกียจด้วย"
สันติหันมาดีใจ
"จริงเหรอครับ"
อัมราพยักหน้า สันติรีบรุก
"งั้นน้องอัมจะยกโทษให้กับความโง่ของพี่ แล้วทำตัวเหมือนเดิมได้มั้ยครับ"
อัมราเขิน ก่อนพยักหน้าช้าๆ
"ก็ได้ค่ะ อัมยกโทษให้ ดีกันค่ะ"
อัมรายื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า สันติยิ้มรีบยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกัน มองอย่างประทับใจ
"ขอบคุณมากครับน้องอัม"
สองคนเกี่ยวก้อยกันมองหน้ากัน ต่างรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย อัมราชะงักรีบดึงมือออก
มองข้ามไหล่สันติไปด้านหลัง เห็นเดชเดินเร็วๆไปตามทางเดิน
"คุณพ่อมาแล้ว อัมขอตัวกลับไปห้องก่อนนะคะ"
"ครับ"
อัมราโบกมือให้ รีบเดินไป สันติมองตามถอนใจโล่งอก สีหน้ามีความสุข
ในห้องผู้ป่วยพิเศษ เดชนั่งมองพิไลที่ร้องไห้กระซิกอย่างอึดอัด อยู่บนเตียงคนป่วย คร่ำครวญ"ทำไมฉันถึงไม่ตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปนะ โธ่เอ๊ยพี่เดชจะมาช่วยฉันไว้ทำไม ฉันอยากตาย อยากตายจริงๆนะจ้ะ"
เดชถอนใจ
"พอเถอะพิไล รู้มั้ยว่าเธอทำอะไรลงไป"
พิไลชะงักมองเดชที่ท่าทางกลุ้มมาก
"เธออยากตายก็ไม่ตาย แต่คนที่ไม่อยากตายเกือบจะตาย"
พิไลงง
"พี่พูดอะไรฉันไม่เข้าใจ"
"อารีย์ไม่สบายเกือบตายเพราะฉันมัวแต่วิ่งมาหาเธอ แต่หมอบอกว่าเธอกินยานอนหลับเข้าไปแค่สองเม็ด อย่างมากก็หลับทั้งวัน"
พิไลอึ้ง
"เป็นไปไม่ได้นะ ฉันกินไปเกือบกำมือเพราะฉันอยากตายจริงๆ"
เดชมองอย่างรู้ทัน พิไลรีบต่อ
"สงสัยรีบร้อนกรอกยาใส่ปาก มันเลยหล่นไปหมดล่ะมั้ง"
เดชส่ายหน้า พิไลรีบอ้อน
"ฉันไม่ได้แกล้งนะจ้ะพี่เดช ฉันตั้งใจจะกินยาตายจริงๆ พี่จะได้ไม่ต้องกลุ้มเพราะฉันไง"
"ถ้าอยากช่วยพี่จริงๆ ก็ขอร้องให้อยู่นิ่งๆได้มั้ย ตอนนี้พี่จะบ้าอยู่แล้ว อารีย์ก็นอนอยู่โรงพยาบาลเดียวกับเธอนี่แหละ แล้วที่เป็นแบบนี้ก็เพราะอารีย์รู้เรื่องของเราหมดแล้ว"
พิไลยกมือทาบอกทำท่าตกใจ
"ตายแล้ว เราจะทำยังไงกันดีละจ้ะ"
"ไม่ใช่เรา แต่เป็นพี่..พี่จะจัดการทุกอย่างเอง ตกลงมั้ย"
"ก็ได้จ้ะ ฉันจะเชื่อพี่เดชทุกอย่างเลย ฉันสัญญา"
เดชยังมองพิไลอย่างไม่ค่อยแน่ใจ พิไลอ้อนต่อ
"จริงๆนะฉันนะรักพี่เดชมากขนาดชีวิตฉันก็ให้พี่เดชได้ ฉันจะทำทุกอย่างให้พี่เดชมีความสุขให้พี่สบายใจ ฉันจะไม่ก่อปัญหาให้พี่อีกนะจ้ะ เชื่อฉันนะพี่อย่าทิ้งฉันนะนะพี่เดช นะจ้ะ"
เดชเผลอตัวพยักหน้า พิไลรีบกอดเดชอย่างดีใจ
"ขอบคุณจ้ะพี่เดช"
พิไลซบอกเดช แอบยิ้มร้ายหมายมาด
อารีย์นอนเหม่อครุ่นคิดอยู่คนเดียวอย่างหนักใจ เสียงประตูเปิด อารีย์หันไปมอง
ยิ้มอย่างคิดว่าเป็นเดช แต่กลับเป็นอัมราเข้ามา
"อ้าวอัมเหรอจ้ะ แม่นึกว่าคุณพ่อมาแล้วซะอีก"
อัมราแปลกใจ
"เอ๊ะคุณพ่อมาแล้วนี่คะ เมื่อกี้อัมเห็น อัมยังรีบมาเลยกลัวคุณพ่อจะรอ"
สองคนกำลังงงๆ เดชเปิดประตูห้องเข้ามาทักยิ้มแย้ม
"ว่าไงจ้ะคุณแม่คุณลูกคุยอะไรกันอยู่ เป็นไงบ้างอารีย์พี่ว่าหน้าเธอยังซีดๆอยู่น่ะ"
"พี่เดชหายไปไหนมาจ้ะ"
เดชชะงัก หน้าเจื่อน อารีย์ไม่เข้าใจถามต่อ
"ยัยอัมว่าเห็นพี่มาตั้งนานแล้ว"
เดชอึกอัก
"อ๋อ..คือพี่ไปพบหมอมาน่ะ"
เสียงเคาะประตู ทุกคนหันไปมอง นางพยาบาลเข้ามา เดชรีบเปลี่ยนเรื่อง
"นางพยาบาลพิเศษที่จะมาเฝ้าภรรยาผมคืนนี้ใช่มั้ยครับ"
"ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะดิฉันจะดูแลคุณอารีย์เป็นอย่างดี อ๋อคุณหมอฝากมาเรียนเชิญให้คุณเดชไปพบด้วยค่ะ"
เดชอึ้ง อารีย์มองสงสัย เดชรีบพูด
"อ๋อครับ..สงสัยคุณหมอคงจะสั่งอะไรเพิ่มเติมละมั้ง"
เดชหันมาโอบอารีย์เย้าเอาใจ
"อย่าดื้ออย่าซนนะ พรุ่งนี้ก็กลับได้แล้วจ้ะ"
อารีย์เขินตีเดชเบาๆ
"พี่เดชนี่..อายคุณพยาบาลแย่ สั่งอย่างกับฉันเป็นเด็กๆแหนะ"
ทุกคนพากันหัวเราะ บรรยากาศดูอบอุ่น เดชแอบโล่งอก อารีย์ฝืนยิ้มแย้ม แต่สีหน้าสงสัยเดช
ห้องหุ่น ตอนที่ 6 (ต่อ)
หน้าโรงพยาบาลตอนกลางคืน พระจันทร์กลมโต เมฆมืดทะมึนเคลื่อนมาบังพระจันทร์
เสียงนกกลางคืนร้องวังเวง น่ากลัว พิไลนอนก่ายหน้าผาก คิดหนัก ก่อนลุกขึ้นนั่งสีหน้าตัดสินใจเด็ดขาด
"ต้องรีบฉวยโอกาสนี่ล่ะ นังอารีย์มันนอนป่วยอยู่นี่ ถ้าเราเข้าไปบอกมันเรื่องเรากับพี่เดช มันต้องช็อคคาเตียงแน่ๆ"
พิไลลุกขึ้นกระฉับกระเฉง เดินเร็วๆจะเปิดประตู แต่ประตูเปิดเข้ามาก่อน พิไลชะงัก พรรณีหุ่นนางพยาบาลยืนอยู่ในเงามืดเห็นหน้าไม่ชัด ทักเสียงเย็น
"จะไปไหนคะ"
พิไลอึกอัก
"อ๋อ ... เอ้อ เปล่านี่คะ ฉันก็แค่มาโผล่ดูเผื่อจะมีใครมาเยี่ยมบ้าง เอ๊ะนี่พี่เดชจ้างนางพยาบาลพิเศษให้ฉันด้วยเหรอ"
"เปล่าค่ะฉันแค่มาตรวจตามหน้าที่ ขอวัดไข้หน่อยนะคะ"
พิไลรำคาญ จำใจเดินกลับไปนอน
"ฉันก็ไม่มีไข้สักหน่อย"
พิไลนอน หุ่นนางพยาบาลเดินเข้ามาจนชิด หยิบที่วัดไข้สะบัด ที่วัดไข้หลุดมือกระเด็นไปที่พื้นหน้าประตู พรรณีหันไปมอง พิไลพึมพำ
"ซุ่มซ่ามชะมัดเป็นพยาบาลได้ยังไง"
ขาดคำพิไลอึ้ง เห็นพรรณ๊ยื่นมือออกไป มือค่อยๆยาว ยาวมากขึ้นไปถึงปรอท แล้วหยิบไว้ พิไลตะลึง ร้องลั่น
"เฮ้ย"
พรรณีหันกลับมายิ้มให้ รอยยิ้มฉีกกว้างไปถึงหู น้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมาจากปาก
พิไลตัวสั่นพั่บๆ เหมือนไข้ขึ้น พูดอะไรไม่ออก พูดเยือกเย็น
"ตอนนี้คงมีไข้แล้วสินะ"
พรรณียื่นมือหาพิไล พิไลกรี๊ด
"ว้าย"
พิไลถอยรวดเดียวตกเตียงไปนั่งอยู่กับพื้น กลัวมากๆ พิไลชะงักมองพรรณีที่หายไป
พิไลรีบหันกลับจะลุกวิ่ง แต่ต้องผงะตาเหลือก เมื่อพรรณีนั่งคุกเข่ายิ้มเผล่ ปากฉีกถึงหูอยู่ใกล้ๆ
พิไลหันกลับคลานเข้าหากำแพงร้องไปด้วย
"ว้าย..อย่า..ฉันกลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยโอ๊ย"
พิไลไปติดอยู่กับฝาผนังห้อง ไปไม่รอด อีกด้านก็เตียง พิไลตาเหลือก พรรณีค่อยคลานคลืบเข้ามาหาช้าๆ พิไลก้มหน้าหลับตาร้องโวยวาย
"ไม่นะอย่าเข้ามา..อย่า"
พรรณีคลานเข้ามาจนชิดตัวพิไลอย่างน่ากลัว แต่จู่ๆรัศมีสว่างวาบจากคอพิไล พรรณียกมือปิดหน้า ท่าทางตกใจ ก่อนร่างค่อยๆถอยห่างจากพิไลหายเข้าไปในฝาผนัง
พิไลตัวสั่นร้องโวยวายอยู่สักพัก ค่อยๆแอบมอง ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีผี ไม่มีอะไร
พิไลแปลกใจ มองรอบๆให้แน่ใจ แล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงคลุมโปงสั่นพั่บๆเสียงสวดมนต์ผิดๆถูกๆดังลอดออกมา
ในคฤหาสน์ใหญ่โตของเสี่ย ด้านใน... เมียถูกเสี่ยกวงตบกระเด็น เมียลุกขึ้นชี้หน้าเสี่ยโกรธมาก
"นี่เสี่ยกล้าตบฉันเพราะเรื่องนังเพทายเชียวเหรอ"
"ใช่..ทำไมอั๊วะจะไม่กล้า อั๊วให้ลื้ออยู่สบายขนาดนี้ ลื้อยังไม่พอใจอีกเหรอ กะอีแค่ความสุขเล็กๆน้อยๆของอั๊วะ ถ้าลื้อให้ไม่ได้ก็หย่ากันไปเลย"
เมียอึ้ง สุดแค้นเมีย
"นี่เสี่ยหลงมันขนาดนี้เลยเหรอ"
"ใช่..ลื้อจำใส่กะลาหัวไว้น่า ถ้าลื้อไปตอแยอีเพทายอีก อั๊วเลิกกับลื้อแน่ๆ"
เสี่ยออกไปอย่างหุนหัน เมียเสี่ยกำมือแน่น หน้าตาแค้นสุดๆ เดินไปที่โต๊ะวางโทรศัพท์ หมุนเลข ก่อนยกพูดเหี้ยมๆ
"มาพบฉันเดี๋ยวนี้ มีงานใหญ่ให้พวกแกทำ"
บนคอนโดเพทาย เพทายยังทำสะบัดสะบิ้งใส่เสี่ยกวง
"ไม่ละคะ ยังไงเพทายก็ตัดสินใจแล้ว เพทายขอถอยไปจากชีวิตเสี่ยดีกว่า"
เสี่ยตกใจ ผวาเข้ากอด
"ไม่อาวน่า..ถ้าเสี่ยไม่มีหลูเพทาย เสี่ยต้องอกแตกตายแน่ๆ"
"เพทายต่างหากคะที่ต้องตายเพราะน้ำมือเมียเสี่ย"
"ไม่มีทาง อีโดนเสี่ยสั่งสอนไปขนาดนี้ เสี่ยรับรองอีไม่กล้ามาตอแยหลูอีกแน่ๆ"
เพทายกล้งทำกลัว สะอื้น
"แต่เพทายกลัว กลัวจนนอนไม่หลับซักคืน"
"ไม่ต้องกลัว เสี่ยจะดูแลหลูอย่างดี เสี่ยซื้อบ้านใหม่ไว้ให้หลูแล้ว จะได้จ้างคนใช้ คนสวน คนรถ ไว้ค่อยเป็นเพื่อนหลูไง"
"จริงเหรอคะเสี่ย"
"จริงซี้ อยู่คอนโลแบบนี้มันอันตราย ย้ายไปอยู่บ้านนะ เดี๋ยวเสี่ยจะโอนให้เป็นชื่อหลูเลย แต่เสี่ยขอล้องอย่าเลิกกับเสี่ยน่า"
เพทายตาโต รีบกราบที่อกเสี่ย
"แหมเสี่ยดีกับเพทายขนาดนี้ เพทายทิ้งเสี่ยเพทายก็อตัญญูแล้วละคะ"
เพทายจูบแก้มเสี่ยซ้ายขวาเอาใจ เสี่ยกอดเพทายดีใจ
"ไอ๊หย๊า..ซื่นใจเสี่ยจิงๆ"
เพทายกอดตอบเสี่ย แววตาวาววับเจ้าเล่ห์สุดๆ
อารีย์แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ชะเง้อมองประตูห้อง ชิ้นยกถาดโจ๊กมาให้มองขำๆ
"เดี๋ยวก็ได้กลับแล้วค่ะคุณผู้หญิง แต่ตอนนี้ทานโจ๊กก่อนนะคะจะได้ทานยา"
อารีย์พยักหน้ามองโจ๊ก
"แหมน่ากินจัง นี่ถ้ามีปาท่องโก๋ซักหน่อยก็คงดีนะ"
"มีนะคะข้างล่างติดกับร้านโจ๊ก เค้าทอดร้อนๆเลย งั้นรอเดี๋ยวนะคะอิฉันจะลงไปซื้อมาให้"
อารีย์จะห้าม แต่ชิ้นกระวีกระวาดรีบออกไป อารีย์ยิ้มนิดๆ เสียงประตูเปิดกลับเข้ามา อารีย์พูดโดยยังไม่ได้มองไป
"ลืมหยิบเงินไปล่ะสิชิ้น"
อารีย์มองไปชะงัก พิไลก้าวเข้ามา อารีย์ตะลึงคาดไม่ถึง
"พิไล.."
พิไลยิ้มให้อ่อนหวาน
"สวัสดีจ้ะอารีย์"
"เธอ..เธอมาได้ยังไง"
พิไลก้าวเข้ามาจนชิดเตียง
"ฉันไม่สบาย พี่เดชเลยพามาโรงพยาบาล"
อารีย์อึ้ง หน้าซีด พิไลต่อยิ้มๆ
"พอดีพี่เดชบอกว่าเธอก็ไม่สบายเหมือนกัน ฉันก็เลยมาเยี่ยม"
อารีย์พูดไม่ออก ได้แต่มองอึ้งๆ พิไลได้โอกาสรุกต่อ
"ที่จริงชีวิตเธอก็สุขสบายทุกอย่างไม่น่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยเลยนะ เห็นพี่เดชบอกว่าเธอเป็นโรคหัวใจเหรอจ้ะ"
"นี่เธอกับพี่เดชติดต่อกันตลอดเลยเหรอ"
พิไลทำงง
"จ้ะ..อ้าวเธอไม่รู้เรื่องเหรอ เอไหนพี่เดชบอกกับฉันว่าจะคุยกับเธอ อ๋อ สงสัยคงรอๆอยู่เพราะเธอป่วยละมั้ง"
อารีย์หายใจหอบๆ กดหัวใจ พิไลทำ
"เป็นอะไรหรือเปล่าอารีย์"
อารีย์ฝืน ข่มใจถาม
ไเธอต้องการอะไร พูดมาเลยดีกว่า ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้คิดมาเยี่ยมฉันหรอก"
พิไลเปลี่ยนท่าทีเป็นเอาเรื่อง เสียงแข็ง
"ก็ดีฉันก็ไม่ชอบอ้อมค้อม" ต่างคนต่างมองหน้ากัน "ฉันต้องการผัวกับลูกฉันคืน"
อารีย์ส่ายหน้า
"แต่เธอเป็นคนทิ้งพี่เดชกับพรรณรายไปเอง"
"ใช่แล้วเธอก็เลยฉวยโอกาสเข้ามาแทรกทันทีไง เธอสุขสบายมามากพอแล้วอารีย์ ในขณะที่ฉันลำบากเลือดตาแทบกระเด็น"
พิไลเปลี่ยนท่าที เสียงอ่อนลง ทำสะอื้น
"ขอร้องเถอะนะ..ฉันรักพี่เดชแล้วฉันก็เพิ่งรู้ว่า.. พี่เดชยังไม่ลืมฉัน"
อารีย์อึ้ง น้ำตาซึม พิไลสะใจเข้ามาจับมืออ้อนวอน
"เห็นใจฉันเถอะ ฉันแค่ขออยู่ใกล้ๆพี่เดชใกล้ๆลูก ฉันคิดถึงพรรณราย อย่าลืมสิว่าฉันเป็นแม่แท้ๆของแก ฉันย่อมให้ความรักและเลี้ยงดูแกได้ดีกว่าใครทั้งหมด แม้กระทั่งเธอ"
อารีย์อึ้งจ้องหน้า พิไลทำร้องไห้
"ฉันคิดถึงลูกคิดถึงแกทุกวันทุกคืน ฉันอยากอยู่ใกล้ๆลูกนะ อารีย์ ฉันขอร้องให้โอกาสฉันได้แก้ตัวนะจ้ะ"
อารีย์ครุ่นคิดก่อนถามจริงจัง
"ถ้าฉันยอมให้โอกาสเธอ ให้เธอได้อยู่ใกล้พี่เดชกับพรรณราย เธอจะรับปากได้มั้ย ว่าเธอจะไม่บอกให้พรรณรายรู้ว่าเธอเป็นแม่เด็ดขาด"
พิไลสมใจ
"ได้สิฉันรับปาก ฉันสัญญา สาบานเลยก็ได้นะ เธอตกลงให้โอกาสฉันจริงๆนะ"
อารีย์มองพิไลก่อนพยักหน้า พิไลโผเข้ากอดอารีย์อย่างดีใจมาก
"ขอบใจจ้ะอารีย์ ขอบใจมากขอบใจจริงๆ"
อารีย์ข่มความเสียใจ ในขณะที่พิไลแอบยิ้มสะใจสุดๆ
เดชประคองอารีย์เข้ามาในบ้าน พรรณราย อัมรา ตามมาติดๆ ทุกคนนั่งลง พรรณรายหมุนตัวร่าเริง
"ขอต้อนรับคุณแม่กลับบ้านค่ะ"
อัมราแซว
"วันนี้พี่พรรณอารมณ์ดีจังนะคะ"
พรรณรายกระโดดเข้ามานั่งข้างอแม่กอดไว้แน่น
"ก็แน่ละสิจ้ะ คิดถึงคุณแม่จะแย่อยู่แล้ว คุณแม่อย่าเป็นอะไรไปอีกนะคะ ไม่งั้นพรรณแย่เลย"
"ถึงไม่มีแม่ พรรณก็มีคุณพ่อไงจ้ะ"
พรรณรายเหลือบมองค้อนเดช
"หึรู้มั้ยคะ คุณแม่ไม่อยู่ คุณพ่อเอาแต่ดุๆๆๆพรรณ"
เดชพูดเรียบๆไม่ดุ
"ถ้าเราทำตัวดีพ่อจะดุมั้ย"
"ค้า พรรณนะทำตัวไม่ดี ที่ไหนจะสู้ลูกรักอย่างยัยอัมได้ละคะ"
อัมราทำหน้าเหวอ ตลกๆ
"อ้าว ทำไมจู่ๆเลี้ยวมาทางอัมได้ละคะ ขับรถสะเปะสะปะแบบนี้ตำรวจจับนะคะ"
พรรณรายอดขำไม่ได้ บรรยากาศคลี่คลาย อารีย์ลูบหัวพรรณราย ปลอบโยน
"คุณพ่อดุก็เพราะรักพรรณนั่นแหละลูก จำไว้นะไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก"
พรรณรายสีหน้าดีขึ้น
"พ่อว่าอย่าเพิ่งชวนแม่เค้าคุยมากเลย เราสองคนนะพาแม่ไปพักข้างบนก่อนดีมั้ย"
สองพี่น้องรีบลุกขึ้นพร้อมใจตอบร่าเริง "ได้ค่ะ"
อารีย์ท้วงเรียบๆ
"นั่งลงก่อนจ้ะ แม่มีเรื่องสำคัญอยากคุยกับพรรณกับอัม พี่เดชด้วยค่ะ"
เดช พรรณ อัมรา แปลกใจแต่ก็ยอมนั่งลง มองอารีย์อย่างตั้งใจฟังเต็มที่
"วันนี้แม่เจอเพื่อนเก่าคุณพ่อที่โรงพยาบาล...เธอชื่อพิไล"
อารีย์ไม่มองเดชที่ตกใจ พูดต่อ
"เธอกำลังลำบาก แม่เลยอยากช่วยเธอด้วยการจ้างเธอมาเป็นแม่บ้านดูแลบ้านเราจ้ะ เธอจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านเราวันนี้"
เดชตกใจมาก
เวลาต่อมา ในห้องนอน เดชมองอารีย์อย่างไม่เข้าใจ
"เธอมีเหตุผลอะไรที่จะให้พิไลเข้ามาอยู่ในบ้าน"
อารีย์ถอนใจพูดเรียบๆ
"ฉันขอยังไม่ตอบพี่เดชตอนนี้"
"แต่..."
"ฉันรับรองว่าอีกไม่นานพี่เดชก็รู้เองว่าทำไม"
ที่หน้าห้อง อัมราลากพี่สาวออกมา
"แอบฟังผู้ใหญ่คุยกันมันไม่ดีนะคะพี่พรรณ"
พรรณทำหน้าดุใส่
"เฉยๆเถอะน่า"
เสียงเดชดังออกมา พรรณรายรีบดึงน้องสาวขยับเข้าไปฟัง
"แต่เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับพิไลอีก"
"ก็ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เดชไปเกี่ยวข้องกับพิไลเอง มันก็คงไม่มีวันนี้หรอกค่ะ"
พรรณตื่นเต้นหันมากระซิบ
"เห็นมั้ยพี่ว่าแล้ว ยัยพิไลเนี่ยต้องไม่ใช่แค่เพื่อนเก่าคุณพ่อ"
อัมราถาม "หมายความว่ายังไงคะ"
"โธ่เอ๊ย..ฟังแค่นี้ก็รู้แล้ว ยัยนี่ต้องเป็นแฟนเก่าคุณพ่อแน่ๆ"
ด้านในห้อง เดชโกรธ
"พิไลเค้ามาหาเธอใช่มั้ย ดีล่ะพี่จะไปพูดกับพิไลเดี๋ยวนี้"
อารีย์เสียงแข็ง
"ไม่ต้องไปหรอกค่ะ"
"ทำไม"
"เพราะฉันตกลงกับพิไลไปแล้ว เขาจะมาช่วยดูแลพี่เดชแล้วก็ยัยพรรณด้วย พรรณรายไม่ยอมใครเลย บางทีพิไลอาจจะดูแลยัยพรรณได้ดีกว่าฉัน เขารับปากฉันแล้วว่าจะดูแลพรรณรายอย่างดี"
พรรณรายสีหน้าเอาเรื่อง
"เหอะ..คิดจะมาดูแลฉันเหรอ คิดผิดแล้วยัยพิไล"
อัมรารีบดึงพี่สาวไป
"ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าเรามาแอบฟังล่ะก็โดนดุแย่เลย ไปเร็ว"
พรรณรายจะฟังต่อ แต่อัมราดึงไปจนได้
ในห้อง เดชมองหน้าอารีย์
"ถ้าพิไลเขาทำได้ เขาก็คงทำหน้าที่นี้ไปนานแล้ว"
"จะโทษใครได้ละคะ พี่เดชเป็นคนกลับไปหยิบยื่นโอกาสให้พิไลเองไม่ใช่เหรอ"
เดชอึ้ง อารีย์เดินออกจากห้องไป เดชทิ้งตัวนั่งกุมหัวกลุ้มๆ
พรรณรายเปิดประตูห้องนอนเข้ามาอย่างหงุดหงิด อัมราตามเข้ามาด้วย
"ยัยพิไลนี่ต้องมีอะไรกับคุณพ่อแน่"
อัมราตกใจ
"ตายล่ะ พี่พรรณทำไมพูดแบบนั้นละคะ"
"เธอไม่ได้ยินเหรอ คุณแม่ตัดพ้อต่อว่าคุณพ่อแบบนั้น สงสัยอยู่แล้วเชียว มันกล้ามากมันคงมาขอร้องคุณแม่แน่ๆ คุณแม่ก็ใจอ่อน"
อัมราคิดตาม
"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆเราจะทำยังไงละคะ"
"พี่ไม่ยอมให้มันมาทำให้คุณแม่เสียใจเด็ดขาด คอยดูนะถ้ามันเข้ามาอยู่บ้านเราจริงๆ พี่นี่แหละจะเป็นคนทำให้มันกระเด็นออกไปแทบไม่ทันเลย"
อัมราใจไม่ดี มองพรรณรายที่ท่าทางเอาเรื่อง
ในห้องรับแขกบ้านเดช เดช อารีย์ พิไลที่แต่งตัวสวยมาก มีกระเป๋าเสื้อผ้าด้วย อัมรานั่งอยู่รีบยกมือไหว้พิไลอย่างอ่อนน้อม
พิไลรับไหว้ตามมารยาทแอบมองจิกๆ เดชนั่งอึดอัด อารีย์อธิบาย
"นี่อัมราลูกสาวคนเล็กของฉันกับพี่เดชจ้ะ"
พิไลพูดดี
"หน้าตาเหมือนเธอมากนะอารีย์ สวยเรียบๆ แต่เธอมีลูกชายอีกคนไม่ไช่เหรอจ้ะ"
"ตาอ๊อดอยู่โรงเรียนประจำจ้ะ วันหยุดถึงกลับมาบ้าน แต่อาทิตย์นี้ไปเข้าค่าย"
พรรณรายเดินหน้าบึ้งเข้ามา ไม่มองพิไล ถามอารีย์อย่างหงุดหงิด
"คุณแม่เรียกพรรณมาทำไมคะ"
"พรรณจ้ะนี่ไงเพื่อนแม่น้าพิไล มารู้จักไว้สิลูก"
พรรณรายหันมา พิไลรีบยิ้มให้ แต่ต้องอึ้งเมื่อพรรณรายเบ้ปากใส่
"ไม่เห็นอยากรู้จักเลย พวกชอบทำตัวเป็นกาฝาก ไม่รู้จักเกรงใจคนอื่น"
อารีย์ อัมราตกใจ เดชแค่มองเฉยๆ
"ยัยพรรณ..ขอโทษคุณน้าพิไลเดี๋ยวนี้"
"ก็พรรณพูดเรื่องจริงนี่คะ อะไรมือเท้าก็มีครบทำไมต้องมาอาศัยคนอื่น บ้านเราไม่ใช่มูลนิธินะคะคุณแม่"
อารีย์โมโห เสียงแข็งมากอารีย์
"พรรณราย"
พิไลรีบออกรับแทน
"ไม่เป็นไรอารีย์..พรรณรายยังเด็กฉันไม่ถือหรอก"
พรรณรายมองตาขวาง
"นี่เธอถือดียังไงมาเรียกชื่อฉันเฉยๆ"
พิไลงง
"อ้าวแล้วจะให้แม่..เอ๊ยน้าเรียกว่ายังไงละจ้ะ"
พรรณรายเข้ามายืนตรงหน้า ลอยหน้าสั่ง
"ต้องเรียกฉันว่าคุณพรรณเข้าใจมั้ย"
"ยัยพรรณ"
อารีย์ลุกขึ้นอย่างโมโห พิไลรีบห้าม
"ไม่เป็นไร ได้ๆๆน้าจะเรียกหนูว่าคุณพรรณจ้ะ"
"ไม่ได้นะพิไล"
"ช่างเถอะอารีย์เรื่องเล็กน้อยนะ เธอจะให้ฉันมาอยู่ในฐานะแม่บ้านไม่ใช่เหรอจ้ะ ฉันก็เหมือนลูกจ้างคนหนึ่ง เรียกลูกๆเธอว่าคุณก็สมควรแล้วล่ะ"
อารีย์อึ้ง พรรณรายสะใจ แต่ยังไม่ยอมเลิก
"แล้วเธอก็ไม่ควรเรียกชื่อคุณแม่เฉยๆเพราะคุณแม่เท่ากับเป็นนายจ้างเธอ"
"แล้วจะให้น้าเรียกยังไงละจ้ะ"
"ต้องเรียกคุณผู้หญิง ส่วนคุณพ่อก็เรียกคุณผู้ชาย เข้าใจมั้ย"
พิไลอึ้ง แต่ก็รีบยิ้มแย้มรับคำเอาใจ
"ได้ค่ะคุณพรรณ น้าจะทำตามที่คุณพรรณสั่งทุกอย่างเลยค่ะ"
พรรณรายยิ้มกระหยิ่ม พิไลมองสำรวจพรรณรายอย่างชื่นชม ในขณะที่เดช อารีย์ อัมราสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ
อารีย์พาพิไลมาถึงเรือนเล็กทางด้านหลัง หันมาบอกเรียบๆ
"เธอพักที่นี่ก็แล้วกันนะพิไล"
พิไลวางกระเป๋าโครม มองรอบๆแล้วเปิดเข้าไปดูห้อง ไม่พอใจ
"ทำไมไม่ให้ฉันอยู่บนตึก ห้องหับเธอก็มีตั้งหลายห้อง"
"ฉันว่ามันคงไม่เหมาะ เธอมาอยู่ในฐานะแม่บ้านนะ อย่าลืมซะสิ"
พิไลอึ้งไป ก่อนเค้นหัวเราะ
"ใช่สิฉันลืมไป ตอนนี้เธอเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน จะสั่งอะไรให้อยู่ตรงไหนฉันก็ต้องทำ"
"ก็เธอร้องขอแบบนี้เองไม่ใช่เหรอ"
พิไลรีบปรับเปลี่ยนท่าทาง
"เอาละขอบใจนะ วันนี้ฉันขอพักจัดข้าวของก่อนแล้วกัน ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำงานให้คุ้มกับที่เธอให้โอกาส"
พิไลเข้าห้องปิดประตูใส่หน้า อารีย์ทำท่าจะทรุด รีบเอามือยันประตูไว้ หายใจหอบถี่ๆ ฝืนเดินซวนเซไปช้าๆ พิไลค่อยๆเปิดประตูออกมามองตามเคียดแค้น
"อีกไม่นานหรอกนังอารีย์ ฉันจะเอาทุกอย่างคืนจากแกให้หมด"
หุ่นทุกตัวหันขวับไปมองทางเรือนเล็ก แสดงท่าไม่พอใจ พรรณี หุ่นพยาบาลก้าวลงจากแท่น
หุ่นเจ้าคุณนรบดินทร์กระแทกไม้เท้าปรามเสียงดุ
"อย่าเพิ่ง"
"แต่ผู้หญิงคนนี้จะนำความวุ่นวายมาให้ครอบครัวคุณเดชนะคะ"
"ฉันรู้ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้"
พรรณีกลับเข้าที่เดิม เจ้าคุณหน้าตาน่ากลัว หุ่นทุกตัวกลับสงบเหมือนเดิม
ตอนกลางคืน ไฟในบ้านเดชค่อยๆดับทีละดวง จนมืดหมด บรรยากาศหลอนๆน่ากลัวอีกครั้ง เงาตะคุ่มๆของผู้หญิงทาบฝาผนังในบ้าน ในมุมสลัวนั้น ... พิไลค่อยๆย่องสำรวจในบ้านอย่างอยากรู้อยากเห็น พิไลลูบคลำข้าวของแพงๆในบ้านอย่างตื่นเต้น พึมพำ
"โห... มีแต่ของแพงๆทั้งนั้นเลย"
พิไลมองขึ้นไปชั้นบน พูดอย่างริษยา
"อารีย์เธอได้อยู่บนตึกอย่างสุขสบาย แต่ให้ฉันไปอยู่เรือนเล็กข้างหลัง เชอะ คอยดูเถอะอีกไม่นานฉันนี่แหละจะเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ให้ดู"
พิไลเดินไปถึงหน้าห้องหุ่น แปลกใจ
"เอ๊ะมีห้องตรงนี้ด้วยเหรอ ห้องอะไรทำไมมาอยู่มุมลับๆแบบนี้ล่ะ"
พิไลตื่นเต้น
"ห๊าหรือว่าจะเป็นห้องใต้ดินไว้เก็บทรัพย์สมบัติ"
พิไลขยับประตู ประตูไม่ได้ล็อก เธอดีใจตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป แล้วปิดอย่างเงียบเชียบ
พิไลเดินลงบันไดมา เจอหุ่น พิไลตะลึง
"หุ่น..นี่มันห้องหุ่น"
พิไลเข้าไปยืนมองทวีศักดิ์ หุ่นนักยิงธนูใกล้ ไล่ไปที่หุ่นตัวอื่นๆ
"พี่เดชยังไม่เลิกบ้าปั้นหุ่นอีก ดูสิปั้นไว้เต็มไปหมด"
พิไลเดินมาเจอ พีท หุ่นเด็ก พิไลชะงัก
พลันนึกถึงตอนที่พีทเดินช้าๆมาที่ประตูหน้าบ้านเดช พิไลยิ้มแย้ม
"หนูคงเป็นลูกพี่เดช"
พีทไม่ตอบ
"ฉันเป็นเอ้อ...เป็นเพื่อนเก่าของพ่อหนูจ้ะ ช่วยเปิดประตูให้ทีสิ"
"กลับไป"
พิไลชะงัก พีทหน้าบึ้ง เสียงดังขึ้น "กลับไป"
พิไลมองหุ่นเด็ก
"ไอ้เด็กบ้าลูกพี่เดชนั่นเอง ฉันจำแกได้แล้ว"
พิไลตบหัวหุ่นเด็กอย่างหมั่นไส้แล้วเดินไป พีทมองตามอย่างน่ากลัว
พิไลมองสมศรี หุ่นนางรำ จับเครื่องประดับอย่างสนใจ
"ของจริงหรือเปล่าเนี่ย โธ่เอ๊ยของเก๊"
พิไลเดินไปมองหุ่นนางพยาบาล พิไลชะงัก ตกใจ"คุณพรรณี"
นึกถึง ... หุ่นนางพยาบาลเข้ามายืนเงียบๆ
"อุ๊ยคุณ..ตกใจหมดเลย"
"ขายยังไง"
พิไลจำได้ร้องตกใจ
"หุ่นผี"
พิไลถอยกรูด พรรณียิ้มน่ากลัว
"ฉันเตือนเธอแล้วแต่เธอไม่ฟัง"
พิไลตาเหลือก ร้องลั่น "ว้าย"
พรรณีขยับตัว พิไลรีบหันกลับจะวิ่ง หุ่นตัวอื่นๆพากันเคลื่อนตัวลงจากแท่น เคลื่อนตัวช้าๆ พากันหัวเราะน่ากลัว ตรงเข้ามาหาพิไล
ทับยกดาบขึ้นสูง, ลุงทวน หุ่นชาวนายกเคียว, ทวีศักดิ์ หุ่นนักยิงธนูเล็งธนู เจ้าคุณนรบดินทร์ยกไม้ตะพด
พิไลกลัวสุดขีด ทรุดลง สลบลงแทบเท้าหุ่น หุ่นต่างก้มมองพิไล หัวเราะก้องสะท้อนในห้องหุ่น
เช้าวันใหม่ พิไลลุกพรวดพราดขึ้นนั่งบนเตียงเหงื่อเต็มตัว เสียงประตูถูกเคาะดังลั่นๆ พิไลมองรอบๆห้อง สีหน้าโล่งใจ
"บ้าจริงที่แท้เราฝันไปเหรอเนี่ย"
เสียงประตูเคาะดังหนักขึ้น พิไลโมโหมองนาฬิกาติดผนัง บอกเวลาหกโมงเช้า
"ใครวะมาเคาะอะไรแต่เช้าคนจะหลับจะนอน ได้ยินแล้ว"
พิไลเดินมาเปิดประตูไม่พอใจ ชิ้นยืนอยู่หน้าประตู มองสภาพพิไล
"ยังไม่ตื่นอีกเหรอแม่พิไล"
"ฉันจะตื่นตอนไหนมันกงการอะไรของแกด้วยล่ะ"
"อ้าว..เธอมาเป็นแม่บ้านไม่ใช่เหรอ ก็ต้องมาช่วยกันสิ นี่ฉันก็ไปตลาดมาเรียบร้อยแล้ว คุณๆจะทานอาหารเช้ากันตอนเจ็ดโมงตรง อาบน้ำ แต่งตัวแล้วก็รีบๆมาช่วยกันล่ะ"
ชิ้นเดินเร็วๆ ไป พิไลมอง ชักสีหน้าใส่ พึมพำ
"ช่วยให้โง่เหรอ ฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อเป็นคนรับใช้ใครสักหน่อย เชอะ"
พิไลปิดประตูปัง
ทุกคนนั่งอยู่พร้อมหน้าในห้องอาหาร ยกเว้นพิไล ชิ้นตักข้าวต้มใส่ชามให้ทุกคนอยู่
"น้าพิไลช่วยน้าชิ้นทำอาหารเช้าหรือเปล่า"
"โอ๊ย ช่วยก็ดีสิคะ ขนาดไปตามถึงห้องยังไม่ยอมมาเลย"
พรรณรายไม่พอใจ
"แล้วตอนนี้น้าพิไลเค้าอยู่ไหน"
"น้าอยู่นี่ค่ะ"
ทุกคนหันไปมองแล้วอึ้งๆ พิไลแต่งตัวสวยงามราวกับเป็นคุณผู้หญิง เดินเข้ามายิ้มแย้ม
"ขอโทษทุกๆคนด้วยนะคะ ที่มาช้า"
พิไลเข้ามานั่งที่โต๊ะหน้าตาเฉย มองข้าวต้มในชามของพรรณราย
"อุ๊ย...ข้าวต้มกุ้ง แหมกุ้งตัวโต๊โต ชิ้น..ของฉันข้าวไม่ต้องเยอะ แต่ขอกุ้งเยอะๆหน่อยนะ"
ทุกคนอึ้ง พรรณรายหันขวับมองพิไลอย่างไม่พอใจ
"ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้"
พิไลงง
"ทำไมคะ น้านั่งผิดที่เหรอ"
"ใช่"
"อ้าวแล้วจะให้น้านั่งตรงไหนละ"
พรรณรายยิ้มหวาน แต่เสียงแข็ง
"ในครัวไง"
พิไลอึ้ง
"แต่น้าไม่ใช่คนใช้นะ"
"แต่เธอก็ไม่ใช่คนในครอบครัว ลุกไปเดี๋ยวนี้"
อารีย์ปราม
"ลูกพรรณ ยังไงน้าพิไลก็เป็นเพื่อนคุณพ่อ นั่งทานข้าวด้วยกันก็ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ชิ้นตักข้าวให้พิไลด้วย"
พิไลยิ้มออก ชิ้นตักข้าวให้ พรรณรายลุกขึ้น
"พรรณทานไม่ลง ขอตัวนะคะ"
พรรณรายออกไป พิไลอึ้ง เดชก็ไม่กิน ลุกขึ้นเหมือนกัน
"ฉันไม่ค่อยหิว ชิ้นเอากาแฟไปให้ฉันที่ห้องหุ่นด้วย"
"ค่ะคุณผู้ชาย"
อารีย์อึ้งรู้ว่า เดชไม่พอใจ อารีย์รีบบอกชิ้น
"เดี๋ยวฉันเอาไปให้พี่เดชเอง"
อารีย์ตามออกไปอีกคน พิไลเจ็บใจ อัมราพูดอ่อนโยน
"เราทานข้าวกันดีกว่าค่ะน้าพิไล"
พิไลลุกกระแทกๆ
"ใครเค้าอยากจะกินกับเธอ เชิญกินไปคนเดียวเถอะจ้ะ"
พิไลลุกออกไป อัมรามองงงๆ ชิ้นโมโหแทน
"ดู๊ดูทำ วงแตกก็เพราะตัวเองยังไม่รู้สึกอีก"
"ช่างเค้าเถอะค่ะน้าชิ้น ใครไม่ทาน แต่อัมขอทานก่อนล่ะ ข้าวต้มฝีมือน้าชิ้น ถ้าไม่ได้ทานเสียดายแย่"
ชิ้นดีใจกระวีกระวาด
"เหรอคะ แหมงั้นคุณอัมต้องทานเยอะๆนะคะมาชิ้นตักกุ้งเพิ่มให้ค่ะ"
อัมราลงมือทานข้าว แต่สีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
อารีย์ถือถาดใส่กาแฟตามลงมาในห้องหุ่น เดชนั่งถอนใจ ท่าทางเบื่อๆ พูดใส่อารมณ์"พี่ไม่เข้าใจเธอเลยว่าจะให้พิไลเข้ามาอยู่ในบ้านเราเพื่ออะไร"
อารีย์พูดเรียบๆ
"ก็เพื่อพี่เดช แล้วก็พรรณราย"
"พี่ไม่ต้องการ"
อารีย์เยาะ
"จริงเหรอคะ ถ้าพี่เดชไม่ต้องการ พี่เดชคงไม่กลับไปหาพิไลอีก"
เดชกลุ้ม
"โธ่อารีย์ก็พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ ที่เธอให้พิไลเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้เพราะประชดพี่งั้นเหรอ"
"ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นพี่เดชก็น่าจะรู้"
"งั้นเธอก็บอกพี่มาซะทีสิว่า เธอให้พิไลเข้ามาอยู่ที่นี่ทำไม"
"ฉันก็บอกพี่เดชไปแล้วว่าถึงเวลาพี่ก็จะรู้เอง"
"แต่กว่าจะถึงเวลานั้นพี่กลัวว่าบ้านเราจะวุ่นวายจนหาความสงบไม่ได้นะสิ"
อารีย์ไม่ตอบ วางแก้วกาแฟลงตรงหน้าเ อารีย์เดินหน้านิ่งออกไป เดชมองตามถอนใจกลุ้มๆ
พิไลนั่งอยู่หงุดหงิดอยู่ที่ศาลาในสวน
"หึ..ทั้งลูกทั้งผัวทำเหมือนเราเป็นคนอื่น"
เสียงโครมด้านหลัง พิไลสะดุ้งหันไปมอง พรรณรายยืนอยู่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดจำพวกไม้กวาด กระป๋องน้ำ อยู่ที่พื้น
"เอ้าเริ่มงานได้"
พิไลมองของตรงหน้างงๆ
"งานอะไร"
"ไปกวาดบ้านถูบ้านให้สะอาด เร็วๆด้วย"
พิไลอึ้ง คาดไม่ถึงว่าพรรณรายจะมาไม้นี้
"ยืนเซ่ออยู่ทำไม ไปสิ" พรรณรายเสียงแข็ง
พิไลเสียงแข็ง
"น้าไม่ใช่คนรับใช้นะ"
"แต่เธอก็ไม่ใช่เจ้าของบ้าน มาอาศัยเค้าอยู่ก็ต้องทำตัวให้มีประโยชน์ จะเอายังไง ถ้าไม่อยากทำก็เก็บเสื้อผ้า ออกไปได้เลย"
พรรณรายจ้องพิไลเอาเรื่อง พิไลพูดไม่ออก
ในบ้านหลายมุม พิไลกวาดบ้าน ถูบ้านอย่างจำใจ พิไลเช็ดเหงื่อเหนื่อยมากๆ พรรณรายคอยเดินเข้ามามองพอใจ พิไลรีบพูด
"น้าทำความสะอาดห้องนี้เสร็จแล้ว"
พิไลทำท่าจะไป พรรณเรียกไว้ "เดี๋ยว"
พรรณรายเอานิ้วลูบตามตู้ ตามโต๊ะ เสียงดังไม่พอใจ
"ทำงานประสาอะไร ฝุ่นยังเต็มอยู่เลย"
พิไลเดินมาดู
"แต่ตรงนี้น้าเช็ดแล้วนะคะ"
"ก็มันไม่สะอาดนี่ เช็ดใหม่"
พิไลอึ้ง พรรณแว้ด
"หูแตกหรือไงฉันบอกให้ทำใหม่"
พิไลโมโห
"เอ๊ะ..แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆเลยนี่"
"แกล้งตรงไหน ทำไม่สะอาดก็ต้องทำใหม่ เสร็จแล้วไปรดน้ำต้นไม้ที่สนามด้วยล่ะ"
พรรณยิ้มเยาะลอยหน้าออกไป พิไลมองแค้นๆพึมพำ
"ทำไมถึงร้ายแบบนี้นะ นิสัยมันเหมือนใคร"
พิไลจำใจเช็ดใหม่ กระแทกกระทั้น โมโหสุดๆ
พิไลถือสายยางรดน้ำต้นไม้ สีหน้าท่าทางเหนื่อยสุดๆบ่นพึมพำ
"โอ๊ยเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว"
พิไลรดน้ำไปชะงัก เห็นสันติเดินเข้ามาตามทาง พิไลเพ่งมองจำได้
พิไลรีบตะโกนเรียก
"เดี๋ยว...แก..แก"
สันติชะงักหันมาเห็นพิไล สันติคลับคล้ายคลับคลาแล้วนึกได้
"เพื่อนคุณน้าเดช"
สันติเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้ "สวัสดีครับ"
พิไลไม่สน กระชากเสียงถาม
"แกเข้ามาในบ้านนี่ทำไม ออกไปเลยนะเด็กวัดอย่างแก เนี่ยสงสัยจะมาเรี่ยไรอะไรละสิ ไปออกไป"
สันติอึ้ง
"พี่อาร์ต"
สันติกับพิไลหันไปมอง อัมราวิ่งเข้ามา
"พี่อาร์ตมาแต่เช้าเลยนะคะ"
"ครับ"
พิไลมองไม่พอใจ
"นี่อัมราเธอรู้จักกับนายคนนี้ด้วยเหรอ"
"ค่ะ ทำไมคะ"
"เธอคงรู้จักเค้าแค่ผิวเผินละสิ รู้มั้ยนายคนนี้มันอยู่วัด เป็นเด็กวัด"
อัมราตกใจ
"คุณน้าทำไมพูดแบบนี้ละคะ"
"ทำไมจะพูดไม่ได้ก็ฉันพูดเรื่องจริง ไปเลยไป ไปให้พ้น"
พรรณรายเดินเข้ามาด้านหลังพิไล
"มีอะไรกัน โวยวายเสียงดัง"
พิไลรีบหันไปฟ้อง
"พรรณรายมาพอดี รีบไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปเลย มันเป็นเด็กวัดให้เข้านอกออกในบ้านง่ายๆแบบนี้ระวังมันจะพาพวกเข้ามาขโมยของนะ"
พรรณรายหันไปมองสันติ อัมราหน้าเสีย พิไลยุต่อ
"ฉีดน้ำไล่มันไปเลย อารีย์นี่ไม่ไหวเลยไม่รู้จักดูแลลูกปล่อยให้คบคนแบบนี้ได้ยังไง"
พรรณรายกระชากสายยางจากมือพิไล พิไลยิ้มพอใจ อัมราหน้าเสีย
"อย่านะคะพี่พรรณ"
พรรณรายหันสายยางฉีดใส่พิไลเต็มที่ พิไลอ้าปากค้างตะลึงคิดไม่ถึง
"ว้าย พรรณราย ฉีดน้ำใส่น้าทำไม"
พรรณรายไม่หยุด ฉีดใส่อย่างสะใจ สันติกับอัมราก็ยืนงงคาดไม่ถึง
"พรรณราย"
พรรณชะงักทุกคนหันไปมอง อารีย์ยืนมองมาอย่างตกใจ
ห้องหุ่น ตอนที่ 6 (ต่อ)
ทุกคนอยู่ในห้องนั่งเล่น บรรยากาศเครียด เดชเดินผ่านมา สันติรีบไหว้ เดชถามแปลกใจ"มีเรื่องอะไรกัน
พรรณรายลอยหน้า ชี้หน้าพิไลฟ้องเป็นชุด
"ก็ยัยนี่"
อารีย์ปราม
"พรรณเรียกคุณน้าพิไลดีๆ"
"ก็น้าพิไลว่าคุณแม่เลี้ยงลูกไม่ดี พรรณเลยฉีดน้ำสั่งสอน"
พิไลเหวอ อารีย์นิ่ง แต่เดชหันไปมองพิไลไม่ค่อยพอใจ พิไลรีบแก้ตัว
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะพี่เดช เรื่องมันเกิดจากนายคนนี้ต่างหากที่เข้ามาในบ้าน"
"ทำไมจะเข้าไม่ได้ อาร์ตเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของพรรณรายกับอัมรา"
"แต่เค้าเป็นเด็กวัด อารีย์นะคงไม่รู้กำพืดของเขาละสิถึงปล่อยให้มาคลุกคลีกับลูกๆ ฉันก็แค่ว่าเธอไม่น่าปล่อยปละละเลยแบบนี้ ก็แค่นั้นเอง"
พรรณรายสวนทันที
"แล้วมันกงการอะไรของเธอ เห็นมั้ยคะเค้ายอมรับแล้วว่าว่าคุณแม่ อะไรมาอยู่แค่วันเดียวก็ว่าเจ้าของบ้านแล้ว พรรณว่าเราควรให้เค้าออกไปจากบ้านเราดีกว่า"
เดชนิ่ง อารีย์พูดเรียบๆ
"ขอโทษคุณน้าพิไลซะพรรณราย"
พรรณรายงง สันติกับอัมราก็มองหน้ากันแปลกใจ พรรณรายยังนิ่ง อารีย์สำทับดุๆ
"แม่บอกให้ขอโทษคุณน้าพิไลเดี๋ยวนี้"
"ไม่ค่ะ พรรณไม่ผิด"
"ผิดสิ..ผิดที่พรรณก้าวร้าวผู้ใหญ่ พรรณรู้มั้ยว่ามันบาป"
"คุณแม่นี่คุณแม่เป็นอะไรไปคะ ทำไมคุณแม่ต้องเข้าข้างผู้หญิงคนนี้ด้วย ทำไมคะทำไม"
อารีย์หน้าสงบตอบเรียบๆ
"เพราะ..คุณน้าพิไลเป็นเพื่อนเก่าคุณพ่อ ลูกก็ควรต้องให้ความเคารพ"
พิไลยิ้มเหนือกว่า พรรณรายโวย
"ไม่จริง ยัยนี่เป็นแฟนเก่าคุณพ่อมากกว่า พรรณได้ยินหมดแล้ว"
ทุกคนตะลึง พรรณรายพุ่งเข้ากระชากพิไลขึ้นมาอย่างโกรธๆ
"คนหน้าด้านไม่มียางอาย เข้ามาวุ่นวายในครอบครัวฉันทำไม ฉันเกลียดแก เกลียดแกได้ยินมั้ย"
พิไลตะลึง อารีย์ได้สติ เข้ามากระชากพรรณรายออกมา ตบหน้าอย่างลืมตัว ทุกคนตกใจ
"คุณแม่"
"อารีย์"
อารีย์ได้สติ พรรณมองน้อยใจ วิ่งออกจากห้องไป พิไลโกรธจัด
"อารีย์เธอตบหน้าพรรณรายทำไม บ้าที่สุด"
พิไลวิ่งตามพรรณไป อารีย์หน้าซีด ซวนเซ ค่อยๆทุรดนั่งลง เดช สันติ อัมราตกใจเรียกพร้อมกัน
"อารีย์ / คุณอา / คุณแม่"
บริเวณหน้าห้องนอนพรรณราย พิไลยืนมองอยู่ เห็นพรรณรายนอนคว่ำหน้าร้องไห้อยู่บนที่นอน มือทุบหมอนไปด้วยอย่างเสียใจ
"ฮือๆๆคุณแม่ตบหน้าพรรณทำไม คุณแม่ไม่รักพรรณแล้ว"
พิไลมอง ยิ้มเจ้าเล่ห์ ค่อยๆเดินเข้ามานั่งขอบเตียงยกมือลูบหัวพรรณอย่างอ่อนโยน
พรรณรายชะงัก น้ำเสียงดีใจ
"คุณแม่"
พรรณรายหันกลับมาจะโผเข้ามาแล้วชะงัก จ้องพิไลอย่างโกรธมาก
"แก..เข้ามาในห้องฉันทำไม"
พรรณรายผลักเต็มแรง พิไลหงายลงนั่งก้นกระแทกพื้นตกใจ
"โอ๊ย พรรณราย"
พรรณกระโดดลุกขึ้นคว้าหมอน ผ้าห่ม ทุกอย่างบนเตียงขว้างใส่พิไลอย่างโกรธเกรี้ยว
"ออกไป ไปให้พ้น ไป"
พิไลปัดป้อง
"พรรณรายอย่า..อย่าทำแบบนี้ เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะW
พรรณรายยิ่งขว้างใส่หนักขึ้น สุดท้ายหมอนขว้างใส่หน้าพิไลเต็มๆ พิไลผงะหงายล้มลงไป
พิไลจ้องโกรธสุดๆตวาด
"ทำไมถึงเจ้าอารมณ์ นิสัยไม่ดีขนาดนี้ อารีย์เลี้ยงลูกยังไง"
พรรณรายบ้าเลือดแล้ว
"ว่าคุณแม่อีกแล้วเหรอ แก.."
พรรณรายพุ่งเข้าหาพิไลกระชากตัวขึ้นมา พิไลเสียงดัง
"หยุดนะ พรรณราย เธอจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ"
พรรณรายตวาดกลับ
"ทำไมแกเป็นใครฉันถึงทำไม่ได้พูดมาสิพูดมา"
พรรณกระชากพิไลหัวสั่นหัวคลอน พิไลโมโหมากสะบัดหลุด จ้องดุๆ
"เพราะฉันเป็น..."
ไม่ทันได้ใจความ อัมราวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"พี่พรรณ...คุณแม่แย่แล้วค่ะ"
พรรณรายตกใจ ร้องสุดเสียง
"คุณแม่"
พรรณรายเลิกสนใจพิไล วิ่งออกไปจากห้อง อัมราวิ่งตาม พิไลหอบๆ เสียดายที่ไม่ได้พูด
เดชกับหมอคุยกันเดินออกมาจากห้องอารีย์
"ผมฉีดยาบำรุงหัวใจให้แล้ว อีกสักครู่คงดีขึ้น"
"ขอบคุณครับหมอ"
ท่าทางหมอหนักใจ
"ผมเคยเตือนคุณอารีย์แล้วว่าอย่าเครียด รวมถึงคนรอบข้างก็ต้องคอยดูแลเธอด้วย"
"ขอโทษครับหมอ"
หมอมองเดชจริงจัง
"ผมไม่อยากพูดคำนี้เลย แต่ก็จำเป็นต้องพูด...คุณเดชถ้ายังมีเหตุการณ์อย่างนี้อีก คุณอาจเสียคุณอารีย์ไปก่อนเวลาอันสมควรนะครับ"
เดชตกใจ อึ้ง หน้าเครียด ที่มุมหลังเดช พิไลแอบฟังตาลุกวาว สะใจ
เวลาต่อมา อัมราเดินออกมาส่งสันติที่หน้าบ้าน สันติรีบบอก
"ส่งพี่แค่นี้ก็พอ รีบกลับไปดูคุณอาเถอะครับ"
อัมราถอนใจหน้ากังวล สันติรีบถาม
"มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"อัมสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องอีกนะคะ ลองพี่พรรณไม่ถูกชะตาใครแล้วละก็ คนๆนั้นอยู่ไม่เป็นสุขแน่ ท่าทางคุณน้าพิไลก็เอาเรื่องไม่ใช่เล่นเลยค่ะ"
"พี่ว่าคุณพรรณเจอคู่ปรับคนสำคัญเข้าแล้วละครับ"
"นั่นสิคะ อัมถึงกลัวเหลือเกิน"
"ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งกังวลกับสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้นเลยครับ บางทีอาจจะไม่เป็นอย่างที่น้องอัมคิดก็ได้"
"ขอให้เป็นอย่างที่พี่อาร์ตพูดเถอะค่ะ ไม่งั้นบ้านต้องลุกเป็นไฟแน่ๆ"
อัมรากังวลมาก สันติมองอัมราอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงจริงจัง
"ถ้ามีอะไรที่พี่ช่วยได้ก็ขอให้บอก พี่เป็นห่วงน้องอัมนะครับ"
อัมรามองขอบคุณ สองคนสบตากันไม่ต้องพูดแต่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งต่อกันได้ดี
อาทรเดินมา มองท่าทีสองคนอย่างตัดใจ รีบถอยไป
ต่อมา พรรณรายก้มกราบที่ไหล่อแม่ อารีย์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
"คุณแม่ขาพรรณขอโทษนะคะ คุณแม่อย่าเป็นอะไรนะคะ"
อารีย์ยิ้มอ่อนโรย ลูบหัวพรรณ
"แม่ไม่ได้เป็นอะไรเพราะพรรณ อย่าโทษตัวเองเลยลูก"
"ก็ถ้าพรรณไม่..เอ้อไปแกล้งน้าพิไล ก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้"
"แต่แม่ก็ไม่น่าตบหน้าลูก แม่ก็ต้องขอโทษ"
อารีย์ดึงตัวลูกสาวมากอด พรรณรายถามสงสัย
"เอ้อทำไมคุณแม่ต้องปกป้องน้าพิไลขนาดนี้ด้วยค่ะ ทั้งๆที่เค้าเป็นคนรักเก่าของคุณพ่อ"
อารีย์ตกใจ
"พรรณเอาเรื่องนี้มาจากไหน"
"พรรณแอบฟังคุณแม่คุยกับคุณพ่อวันแรกที่น้าพิไลเข้ามาอยู่บ้านเรานะค่ะ"
อารีย์ตกใจมากกว่าเดิม
"พรรณลูกได้ยินอะไรบ้าง ลูกได้ยินแค่ไหนจ้ะ บอกแม่สิอย่างโกหกแม่นะ"
พรรณรายสีหน้าสงสัย แต่พูดปกติ
"ก็ได้ยินแค่นี้ละคะ ยัยอัมมาดึงตัวพรรณไปก่อน ตกลงน้าพิไลเค้าเป็นแฟนเก่าคุณพ่อจริงๆใช่มั้ยคะ"
อารีย์แอบถอนใจโล่งอก
"เรื่องมันนานมากแล้ว ทุกอย่างมันจบไปแล้วละลูก ตอนนี้น้าพิไลเค้าน่าสงสาร ช่วยคนตกทุกข์ได้อยากนะได้บุญมากนะจ้ะ"
พรรณรายนิ่ง อารีย์จับมือลูกพูดขอร้อง
"แม่แค่ไม่อยากให้ลูกทำกิริยาก้าวร้าวกับน้าพิไล มันบาป สัญญากับแม่ได้มั้ยว่าลูกจะไม่ทำอีก"
พรรณรายจำใจรับปาก
"ก็ได้ค่ะนี่พรรณเห็นแก่คุณแม่นะคะ แต่ถ้าวันไหนเค้าคิดจะทำให้คุณแม่เสียใจล่ะก็ พรรณเอาเรื่องแน่ คอยดูสิ"
พรรณรายสีหน้าร้ายกาจขึ้นมาทันที อารีย์มองไม่สบายใจ-
พิไลเดินอารมณ์ดีเข้ามาในครัว ชิ้นยืนสับหมูอยู่ หม้อข้าวต้มตั้งอยู่บนเตา พิไลเดินมาเปิดดู"แกงจืดอะไรนะแหมหอมจัง"
ชิ้นหันมามอง ตอบรำคาญ
"แกงจืดเต้าหู้หมูสับ"
เงาดำวูบเข้าปะทะร่างชิ้น ชิ้นผงะแล้วกลับปกติ ตาขวางมือสับหมูแรงขึ้นๆ ท่าทางแข็งๆ พิไลทำท่าสูดดมน้ำแกง ก่อนปิดฝา
"ได้กลิ่นแล้วหิวเลย เสร็จแล้วตักให้ฉันชามหนึ่งนะ"
ชิ้นเสียงดุ แข็งขึ้นมาก "ไม่"
พิไลหันขวับมองชิ้นฉุนๆ "อะไรนะ"
ชิ้นกระแทกมีดโต้สับลงบนเขียงอย่างแรง หันขวับจ้องพิไล "ไม่"
พิไลฉุน
"นี่แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันนะเป็นเพื่อนของเจ้านายแก ถ้าฉันสั่งแกเป็นคนใช้ก็ต้องทำ"
ชิ้นหยุดสับหมู แต่ถือมีดอีโต้ไว้ในมือหันทื่อๆมาหาพิไล ตะคอกน่ากลัว
"ไปให้พ้น.. ไป"
พิไลโมโห
"นี่แกกล้าไล่ฉันเหรอ"
ชิ้นตาขวางกว่าเดิม ไม่ตอบแต่ยกอีโต้ พิไลตกใจถอยกรูด
"นังชิ้น..แกจะทำอะไร"
พิไลถอยตกใจ ชิ้นถืออีโต้เดินเข้าหาพิไล ตวาดดังก้อง
"ไป"
พิไลถอยร่นอย่างหวาดกลัวไปจนมุมติดผนังห้องครัว ชิ้นกราดเข้าหา เงื้ออีโต้ ยกมือป้อง หลับตาปี๋หวีดร้องตกใจ
"ว้าย"
ร่างชิ้นผงะ เงาดำวูบออกจากร่าง ชิ้นยืนอึ้งๆงง
อัมราเข้ามาถาม
"มีอะไรให้อัมช่วยมั้ยคะน้าชิ้น อ้าว... คุณน้าพิไลมาช่วยน้าชิ้นเหรอคะ"
พิไลดีใจรีบวิ่งไปหาอัมรา
"ช่วยฉันด้วย นังชิ้นมันจะฆ่าฉัน"
"อ้าวทำไมอยู่ๆก็มาหาเรื่องกันแบบนี้ละ"
พิไลชี้หน้า
"ก็เมื่อกี้แกจะเอามีดโต้สับฉันจริงๆนี่"
ชิ้นฉุน
"นี่..เธอประสาทหรือเปล่า ฉันก็สับหมูอยู่ดีๆสงสัยท่าจะเพี้ยน"
อัมรารีบยืนยัน
"นั่นสิคะ เมื่อกี้อัมเข้ามาก็ไม่เห็นมีอะไร"
พิไลโกรธมองอัมรากับชิ้นอย่างแค้นๆ
"อ๋อ..นี่พวกเธอคิดจะรวมหัวแกล้งฉันใช่มั้ย ได้เลยอย่าคิดว่าฉันหัวเดียวกระเทียมลีบแล้วจะรังแกกันได้ง่ายๆนะ รู้จักนังพิไลน้อยไปซะแล้ว เชอะฝากไว้ก่อนเถอะ"
พิไลสะบัดออกไปฉุนๆ
"เดี๋ยวค่ะคุณน้า..คุณน้า"
พิไลไม่ฟัง อัมราหันมามองชิ้นงงๆ
"นี่มันเรื่องอะไรกันคะ"
"น้าก็ยังงงๆอยู่เลยคะยัยพิไลคนนี้ ท่าทางจะสติไม่ดี อย่าไปสนใจเลยค่ะคุณ"
หม้อแกงเดือด ชิ้นรีบวิ่งไปเปิดปั้นหมูใส่ อัมราถอนใจอย่างหนักใจ
พิไลเข้าห้องมาอย่างหงุดหงิดบ่นไปด้วย
"ทำหน้าซื่อตาใส ที่แท้ร้ายไม่เบาเลยนะนังอัมรา"
พิไลชะงัก เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเอง วางอยู่บนเตียง พิไลงงรีบวิ่งเข้ามาเปิดดู หยิบเสื้อผ้าออกมาอย่างฉุนๆ
"นังหน้าไหนแอบเข้ามาเก็บเสื้อผ้าฉันลงกระเป๋านี่ หนอยไล่กันหน้าด้านๆแบบนี้เลยเหรอ ไม่มีทาง"
พิไลกระชากเสื้อผ้าออกมา วิ่งไปที่ตู้แต่เปิดตู้ไม่ออก พิไลออกแรงกระชาก แต่ตู้กลับปิดสนิท พิไลไม่ยอม โมโหเดือด
"หนอยแหนะ"
พิไลกระชากสุดแรง ประตูตู้เปิดผลัวะออก พีท หุ่นเด็กหน้าซีดขาว ขอบตาแดงก่ำนั่งคุดคู้กอดเข่ามองอยู่ในตู้ พิไลหวีดตกใจสุดขีด
"ว้าย"
เสียงหัวเราะของหุ่นในห้องหุ่นดังก้องสะท้อนดังรอบห้อง พิไลตาเหลือก พีทตะโกนก้องน่ากลัว "ไป"
พิไลช็อค เป็นลมพับไปทันที
หุ่นทุกตัวในห้องต่างมีสีหน้าสะใจ สมศรี หุ่นนางรำหันแต่คอมองพีท
"ทำดีมากพีท"
"คราวนี้คงไปแน่"
หุ่นท่านเจ้าคุณ นรบดินทร์ครุ่นคิด
"บางครั้งความโลภก็บดบังความกลัวได้"
พรรณี หุ่นนางพยาบาลโกรธ
"ถ้ายังดื้อด้าน ฉันจะจัดการเอง"
เจ้าคุณนรบดินทร์ปราม
"บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเพราะเวรกรรมที่ผูกพันกันมา อาจไม่มีใครยับยั้งผู้หญิงคนนี้ได้"
หุ่นนักดาบ ทับแปลกใจ
"แม้นแต่พวกเราหรือครับท่าน"
เจ้าคุณนรบดินทร์พยักหน้าช้า ๆสีหน้าหนักใจ หุ่นทุกตัวสีหน้าเครียด
ในห้องนอน พิไลค่อยๆลืมตา เห็นหน้าอัมราพร่าเลือนจ่อยาดมให้อยู่ ก่อนชัดขึ้น พิไลลุกพรวด
"คุณน้าฟื้นแล้วหรือคะ"
พิไลมองรอบๆหวาดๆ เห็นพรรณรายยืนกอดอกมองรำคาญ เดชอยู่ข้างๆชิ้นอยู่ด้วย
พิไลโผเข้าหาเดช กอดแน่น
"พี่เดชช่วยฉันด้วย ฉันโดนผีหลอก"
พรรณรายกระชากพิไล ผลักออกไป
"น้อยๆหน่อย"
พิไลผงะจะเข้าไปหาเดชอีก แต่พรรณรายมองเอาเรื่อง เดชพูดเรียบๆ
"เธอไม่ได้โดนผีหลอกหรอก เธอเป็นลม ชิ้นเข้ามาเห็นเลยไปบอกพวกเรา"
พิไลสั่นหน้า ยังหวาด
"ไม่ใช่นะพี่เดช ฉันโดนผีหลอกจริงๆ มันเป็นผีเด็กผู้ชาย มันเอาเสื้อผ้าฉันใส่กระเป๋าแล้วตัวมันก็เข้าไปนั่งอยู่ในตู้เสื้อผ้าแทน บรื๊อ... พูดแล้วยังขนลุกไม่หาย"
ทุกคนมองกระเป๋าพิไลที่วางสงบอยู่มุมห้อง พรรณเดินไปหยิบกระเป๋าเปิดซิป ชูให้ทุกคนดู
"ไหนเสื้อผ้า ไม่เห็นมีสักตัว"
พิไลมองงงๆ พรรณรายเดินไปที่ตู้จะเปิด พิไลร้องกรี๊ด
"อย่าเปิดน่ะ"
พรรณรายไม่ฟัง กระชากประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออก เห็นชุดพิไลแขวนเอาไว้ปกติ
พรรณรายหันมายิ้มเยาะพรรณ
"จะสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อหรือไง"
พิไลอึ้ง ส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ เดชรำคาญ พูดจริงจัง
"อารีย์กำลังไม่สบายพวกเราทุกคนยุ่งพออยู่แล้ว ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่ต่อ ก็ขอให้อยู่อย่างสงบ อย่าทำให้ทุกคนต้องวุ่นวายอีก"
เดชเดินออกไปอย่างรวดเร็ว พิไลตามเรียก
"เดี๋ยวพี่เดช"
พรรณรายเข้าขวาง พิไลชะงัก พรรณมองหมั่นไส้
"เชอะ ลูกไม้ตื้นๆโง่ๆ จำไว้นะว่าอย่าคิดมาเทียบหรือแทนที่คุณแม่ฉันเด็ดขาด ไม่งั้นเธอได้เห็นฤทธิ์ฉันแน่"
พรรณรายสะบัดไปอีกคน พิไลคร่ำครวญ
"โธ่ทำไมไม่มีใครเชื่อฉันเลย"
อัมราเข้ามาจับแขน
"ถ้าคุณน้าไม่สบายก็ไปนอนพักเถอะค่ะ เดี๋ยวอัมจะเอายากับข้าวต้มมาให้"
พิไลหันขวับสะบัดอย่างแรง
"ไม่ต้องมาแกล้งทำดีกับฉัน เธอนั่นแหละตัวดี"
ชิ้นไม่พอใจ
"นี่แม่พิไลอย่าลามปามคุณอัมนะ"
พิไลจ้องชิ้น
"แกก็เหมือนกัน พวกแกรวมหัวกันแกล้งฉันไป ไปออกไปให้หมด ไป"
พิไลดันอัมรา ผลักชิ้นให้ออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูปัง ยืนหอบๆ
"อย่าไปสนใจเลยค่ะคุณอัม ผีเด็กที่ไหนกัน เด็กในบ้านนี้ก็มีแต่คุณอ๊อดคนเดียว"
พิไลนึกขึ้นได้พึมพำ
"ใช่แล้ว..ฉันไม่ได้โดนผีหลอกหรอก ไอ้ผีเด็กนั่นมันไอ้อ๊อดลูกพี่เดชนะเอง ฉันจำได้แล้ว"
"พวกแกคิดจะทำผีหลอกให้ฉันอยู่ไม่ได้ใช่มั้ย ดีเราจะได้เห็นดีกัน"
วันใหม่ ในห้องหุ่น เดชเก็บรายละเอียดหุ่นเพทายจวนจะเสร็จอยู่แล้ว เดชสีหน้ากังวล
ทำช้ามาก กลุ่มของสันติ อาทร จุ๊บปั้นอยู่อีกมุม เพทายนั่งวางท่าเซ็กซี่เป็นแบบกลางห้อง
เดชสีหน้าหงุดหงิด เพทายลุกขึ้น
"เดี๋ยวค่ะ"
เดชชะงัก ลูกศิษย์ทุกคนพลอยหยุดมองอย่างแปลกใจ เพทายเดินเข้าไปหาเดช
มองรูปปั้นตัวเองอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนมองเดช
"ดูเหมือนคุณเดชไม่ค่อยอยากจะปั้นเลยนะคะ"
เดชอึ้ง สันติรีบเข้ามาพูดอ่อนโยน
"คุณอาเดชคงกังวลอาการป่วยของคุณอาอารีย์นะครับ"
"อ๋อ..ภรรยาไม่สบายก็เลยไม่มีอารมณ์ปั้นงั้นเหรอ แบบนี้ไม่ถูกนะคะ คุณควรแยกงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้"
จุฑาสีหน้าไม่พอใจทำท่าจะพูด แต่อาทรมองปราม กระซิบ
"อย่ายุ่งเรื่องผู้ใหญ่"
จุฑากระซิบตอบ
"แต่ยัยนี่ชักจะมากไปนะ เห็นพวกเราง้อพูดจาไม่เกรงใจคุณอาเลย"
เดชรีบเอาใจ
"ผมต้องขอโทษจริงๆ คุณเพทายพูดถูกแล้วละครับ เชิญคุณเพทายนั่งเลยครับผมจะตั้งใจทำงานต่อ"
สันติมองเดชอย่างเข้าใจ เดชพยักหน้าให้ เพทายยิ้มออก เสียงอ่อนลง
"ฉันก็เข้าใจนะคะ แต่ก็ต้องเห็นใจฉันด้วย ฉันอยากให้หุ่นตัวฉันเสร็จทันวันขึ้นบ้านใหม่ "
"เสร็จแน่ครับ ว่าแต่ช่วงนี้เอ้อคุณเพทายสุขภาพแข็งแรงดีมั้ยครับ"
เพทายงงๆ
"ทำไมคะ ฉันก็แข็งแรงดีอยู่แล้ว"
"อ๋อครับ..คือผมเป็นห่วง เห็นอารีย์ไม่สบายก็เลยห่วงทุกคน"
เพทายยิ้มยั่วเข้าใจไปคนละเรื่อง ขยับเข้าไปใกล้เดชกระซิบ
"เมียคุณอาจจะอ่อนแอน่ารำคาญแต่ฉัน...รับรองตรงข้ามแน่ๆ"
เพทายยิ้มเซ็กซี่ก่อนหันกลับมาเดินผ่านสันติ ก็ยิ้มยั่วให้อีก ก่อนเดินไป บิดสะโพกนั่งลงอย่างมั่นใจในความเซ็กซี่ของตัวเองแต่เก้าอี้ดันเลื่อนไป โดยที่ไม่มีใครเห็น เพทายล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
"โอ๊ย"
ทุกคนตกใจ สันติรีบวิ่งเข้าไปประคอง
"คุณเพทายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
จุฑาหัวเราะเสียงดัง จนอาทรต้องหันมามองปราม จุ๊บกลั้นหัวเราะหน้าแดง เพทายทั้งโกรธทั้งอาย เกาะสันติ เขยกๆไปนั่ง
"ไอ้เก้าอี้บ้ามันเลื่อนออกไปได้ยังไงเนี่ย"
จุฑาอดแทรกไม่ได้
"คงเลื่อนตอนคุณเพทายสะบัดสะโพกจะนั่งมั้งคะ แหม...สมกับฉายาสะโพกดินระเบิดจริงๆนะคะเนี่ย"
เพทายรู้ว่าจุฑากระแทก ค้อนแค้น แต่เจ็บและมัวห่วงดูว่าตัวเองมีรอยฟกช้ำหรือเปล่า
"โอ๊ยต้องเขียวแน่ๆเลย"
เดช สันติรีบเข้ามาช่วยดู จุฑายังขำ อาทรมองดุ แต่แล้วสองคนต่างก็ขำ กลั้นหัวเราะกันหน้า
ตาแดงก่ำ หุ่นทั้งหมดยิ้มมุมปากนิดๆอย่างสะใจ
ในห้องครัว อัมราช่วยชิ้นเตรียมอาหารกลางวันอย่างคล่องแคล่ว ชิ้นมองชื่นชม
"คุณอัมนี่ถอดแบบคุณผู้หญิงมาเป๊ะเลย"
อัมราชะงักมองงงๆ
"อะไรเหรอคะน้าชิ้น"
"ก็งานบ้านงานเรือนนะสิคะ แบบนี้เค้าเรียกลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นค่ะ"
พิไลเดินผ่านครัวมาชะงักฟัง อัมรายิ้มๆ ชิ้นพูดต่อ
"ผิดกับคุณพรรณ รายนั้นต้องเรียกลูกไม้หล่นไกลต้น"
อัมรารีบหันมายกนิ้วชี้แตะปาก
"จุ๊ๆๆน้าชิ้นเดี๋ยวพี่พรรณได้ยินก็เป็นเรื่องหรอกค่ะ"
ชิ้นหัวเราะ
"จะได้ยินได้ยังไงคะ โดนคุณผู้ชายสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่บนห้องแบบนั้น"
อัมราถอนใจ
"น่าสงสารพี่พรรณเหมือนกันนะคะ แต่ที่ที่คุณพ่อทำก็เพราะกลัวจะมีปัญหากับคุณเพทายอีก"
"ก็ดีแล้วละคะ แหมเดี๋ยวคุณเพทายก็กลับแล้ว ชิ้นว่าคุณพรรณอาจชอบซะอีก ป่านนี้นอนหลับปุ๋ยหรือไม่ก็ฟังเพลงเต้นสนุกอยู่ในห้องแล้วละคะ"
อัมราพยักหน้า สองคนรีบเตรียมอาหารต่อ พิไลไม่พอใจ
"พี่เดชนะพี่เดชลำเอียงจริงๆ พรรณรายคงถูกเลี้ยงอย่างเก็บกดถึงได้นิสัยเสียแบบนี้ ไม่ได้การแล้ว"
พิไลรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
พรรณรายเดินหงุดหงิดๆอยู่ในห้อง ชะงักเมื่อได้เสียงเคาะประตู พรรณมองตะโกนหงุดหงิด
"เข้ามา"
พรรณรายกระแทกตัวนั่งหันหลัง หน้าบึ้งตึ้ง ประตูเปิด พิไลถือถาดใส่ของว่างกับนมเข้ามา
พรรณรายพูดโดยไม่มองพรรณ
"ถึงเวลาเยี่ยมนักโทษแล้วใช่มั้ย"
พิไลยืนมองพรรณราย ทำหน้าสงสาร พรรณรายแปลกใจหันมามองแล้วตาโต กระโดดลุกขึ้น
"แก..เข้ามาในห้องฉันอีกแล้วเหรอ"
พิไลปรับเสียงให้นุ่มนวลอ่อนโยน
"น้าเอาขนมกับนมมาให้ค่ะ"
พรรณรายไม่สน ตวาด
"ออกไป"
พิไลรีบเอาถาดวางบนโต๊ะ เข้ามาใกล้จะจับ แต่เห็นท่าทางพรรณรายแล้วไม่กล้า ได้แต่พูดอ่อนโยน
"ไม่แปลกใจเลยที่ลูกเอ้อ...คุณพรรณกลายเป็นเด็กนิสัยเสียแบบนี้ พี่เดชกับอารีย์ลำเอียงจริงๆเลี้ยงอัมราอย่างรักใคร่แต่กับคุณพรรณเลี้ยงแบบทารุณโหดร้าย" พิไลทำสะอื้น Wพรรณราย ฟังดีๆนะน้ามีเรื่องสำคัญอยากจะบอก"
"ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ออกไปให้พ้นนะก่อนที่ฉันจะลากแกออกไป"
พิไลเสียงแข็ง
"แต่หนูต้องฟัง"
พรรณรายโกรธ ชี้มือไปที่ประตู
"ออกไป...ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน แล้วอย่าเข้ามาเจ๋อเสนอหน้าให้ฉันเห็นอีก"
พรรณรายหันหลัง พิไลเข้าไปกระชากให้หันมา เสียงดังเอาเรื่อง
"ต้องฟัง"
พรรณรายหันขวับกลับมา พิไลชะงักตาเหลือก ปล่อยพรรณรายอย่างตกใจ
"ว้าย"
พิไลเห็นหน้าพรรณรายเละเหมือนหน้าผี เดินตรงเข้าหา พิไลตกใจถอยกรูด
"อย่า..."
พิไลวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกจากห้องพรรณรายไป พรรณรายสีหน้าปกติมองยิ้มเยาะสะใจ
"โธ่เอ๊ยคิดว่าจะแน่ ยังไม่ทันลงมือก็วิ่งหนีไปแล้ว เชอะ คิดจะมาลองของกับคนอย่างฉันเหรอ ยัยพิไล"
พรรณรายปัดเนื้อตัวที่พิไลกอดอย่างขยะแขยงรังเกียจสุดๆ
พิไลวิ่งหวาดกลัวมาเห็นเดช สันติ อาทร จุฑา อัมรา เพทาย นั่งทานอาหารกลางวันอยู่ที่ศาลาในสวนหลังบ้านเดช พิไลทำท่าจะเข้าไป แต่กลับชะงัก
"ถ้าฉันบอกพี่เดชว่าโดนผีหลอกอีก พี่เดชต้องไม่เชื่อแล้วพาลรำคาญฉันแน่ๆ"
พิไลนิ่งคิดมองรอบๆหวาดๆ
"หรือว่าจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางที่นี่" พิไลยกมือไหว้ท่วมหัว "เจ้าประคู๊ณอย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย เอาไว้ฉันเป็นคุณผู้หญิงบ้านนี้เมื่อไรจะทำบุญกรวดน้ำไปให้"
ชิ้นแตะไหล่พิไลข้างหลัง พิไลนิ่งขึง หน้าซีดเผือด เสียงสั่นตะกุกตะกัก
"โอ๊ย..ฉันจะทำบุญให้พรุ่งนี้เลยจ้ะ"
"ทำบุญให้ใครแม่พิไล"
พิไลหายตกใจหันขวับ เห็นชิ้นยืนถือเหยือกน้ำอยู่ พิไลโล่งอก
"นังชิ้นโอ๊ยตกใจหมดเลย"
"มายืนลับๆล่อๆดูอะไร ว่างนักใช่มั้ยเอ้าเอาน้ำไปให้คุณๆหน่อย ฉันจะไปเอาผลไม้ในครัว"
"เสียใจ ฉันไม่ใช่คนรับใช้ หน้าที่ไม่ใช่"
พิไลเดินคอแข็งผ่านชิ้นกลับไปเรือนตัวเอง ชิ้นมองตามส่ายหน้าอย่างระอา
สันติ อาทร จุ๊บเตรียมตัวจะกลับ อัมราออกมาส่ง เพทายขับรถมาจอดเปิดกระจกมองสันติ
"กลับด้วยกันมั้ยจ้ะ"
จุฑารีบแทรกพูดแทน
"ไม่ละคะขอบคุณ"
เพทายค้อน
"ฉันชวนสันติไม่ได้ชวนเธอ" เพทายบอกกับสันติ Wฉันยังไม่ได้ตอบแทนเธอเรื่องที่เธอช่วยฉันวันนั้นเลย ไปกินข้าวเย็นด้วยกันซักมื้อนะ"
จุฑากับอัมรามองสันติ
"ไม่เป็นไรครับ ผมคงไปไม่ได้เพราะต้องกลับไปช่วยงานที่วัด"
เพทายงงๆ
"ทำไมต้องไปช่วยงานที่วัด"
สันติตอบชัดเจน
"ผมเป็นเด็กวัดครับ"
เพทายอึ้งๆสีหน้าค่อนข้างผิดหวัง อึกอัก
"งั้นก็..ตามใจ..ฉันไปล่ะ"
เพทายออกรถไป จุฑาทำหน้าแสยะใส่ อัมรามองสันติอย่างพอใจ สันติยิ้มให้
อัมรายิ้มตอบ อาทรมองอึ้ง จุฑาหันมาเห็นไม่พอใจ รีบชวน
"กลับกันเถอะอาร์ต วันนี้แวะบ้านจุ๊บนะกินข้าวบ้านจุ๊บดีกว่า"
อัมราหน้าจ๋อยๆ อาทรรีบพูด
"หูหนวกเหรอ
"เอ๊ะก็นั่นมันยัยเพทาย อาร์ตพูดเพราะไม่อยากไปกับเจ้าหล่อนต่างหาก"
"กับเธออาร์ตก็ไม่ไป"
"ไม่จริง ใช่มั้ยอาร์ต"
สันติยิ้มอ่อนโยน
"วันนี้ต้องขอตัวนะจุ๊บ อาร์ตมีงานต้องทำจริงๆ"
จุฑาจ๋อย รู้ว่าสันติเกรงใจอัมรา จุฑาโมโห
"ก็ได้..งั้นจุ๊บกลับล่ะ"
สันติจะห้าม แต่อาทรดึงสันติไว้ จุฑาสะบัดไป สันติไม่สบายใจมองตาม อาทรรีบบอก
"อย่าไปสนใจเลย" อาทรมองอัมรา "งั้นพี่กลับก่อนนะครับ"
"เดี๋ยวสิคะพี่ออย"
อาทรยิ้มออก แต่แล้วหน้าผิดหวังเมื่ออัมราพูดต่อ
"เห็นพี่พรรณอยากเจอพี่ออยว่ามีเรื่องอะไรจะถามนะคะ"
"งั้นค่ำๆพี่จะแวะมาใหม่แล้วกัน ตอนนี้ไม่อยากอยู่เป็นกอขอคอใคร"
ปากยิ้มแต่ตาเศร้าๆ อัมราหน้าแดง สันติรีบปราม
"พูดอะไรนะออย"
"ล้อเล่นน่า" อาทรบอกอัมรา "พี่ต้องรีบกลับก่อนครับเพราะคุณแม่จะใช้ให้ขับรถไปพาหุรัดหน่อย"
อาทรหันไปพยักหน้ากับสันติ ก่อนรีบไป
สันติ กับอัมรามองตาม แล้วหันมามองหน้ากัน ต่างคนต่างเก้อ อัมรานึกได้
"ย่ามของพี่อาร์ตละคะ"
"จริงด้วย..สงสัยพี่คงลืมไว้ในห้องหุ่น งั้นพี่ขอไปเอาก่อนนะครับ"
"ไปสิคะอัมจะไปเป็นเพื่อน"
ในห้องหุ่น ที่รูปปั้นหุ่นเพทาย เดชยืนมองอย่างลังเล ในมือถือเครื่องมืออุปกรณ์บางอย่างในการทำลายหุ่น เดชเงื้อขึ้น
สันติและอัมราตกใจโพล่ง " คุณอา / คุณพ่อ"
เดชชะงักหันมามองอย่างตกใจเหมือนกัน
สันติกับอัมรามองเดชอย่างไม่เข้าใจ
"คุณพ่อจะทำลายหุ่นคุณเพทายทำไมคะ"
เดชนิ่ง สันติเดินเข้าไปมองหุ่นเพทาย
"หรือว่าคุณอาอยากจะแก้ไข แต่ผมว่าหุ่นนี้ก็สมบูรณ์ได้สัดส่วนดีอยู่แล้วนี่ครับ"
เดชมองสันติอย่างไม่แน่ใจก่อนจะพูดช้าๆ
"อา..ยังไม่อยากให้หุ่นคุณเพทายเสร็จ"
สันติกับอัมรามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ อัมรางง
"ทำไมคะ"
"พ่อ..กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย พ่อรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้"
อัมราเข้ามากอดเดช
"อัมเข้าใจแล้วค่ะ คุณแม่เคยเล่าให้อัมฟังถึงการตายของคนที่เป็นแบบให้คุณพ่อ แต่ทุกคนตายเพราะอุบัติเหตุทั้งนั้นนะคะ"
สันติรีบเสริม
"นั่นสิครับ..คุณอาก็เคยเล่าให้ผมฟัง ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับอาถรรพ์อะไรหรอกครับ คนเรามีเกิดก็ต้องมีแก่มีเจ็บมีตายมันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอครับคุณอา"
เดชมองสองคนสีหน้ายังไม่ค่อยสบายใจ ลูบหน้าพยายามตัดความกังวล
สันติต่ออย่างเกรงใจ
"หลวงตาสอนผมเสมอว่าให้อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด อย่ายึดติดกับอดีต หรือกังวลกับอนาคตมากเกินไป บางทีสิ่งที่เราคิดอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย หรือสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็ได้"
เดชพยักหน้ายิ้มๆ
"นี่อานึกว่าหลวงตามายืนเทศน์อยู่ตรงหน้าเลยนะเนี่ย"
สันติยิ้มอายๆ
"ขอโทษครับที่ผมพูดเหมือนสอนคุณอา"
เดชเข้ามาตบบ่าสันติเบาๆ
"ไม่เป็นไร อาต้องขอบใจที่พูดเตือนสติอา อาเกือบทำอะไรที่ไม่เข้าท่าลงไป จริงของเธอ อากำลังยึดติดกับอดีตแล้วก็กังวลกับอนาคตมากเกินไป"
เดชมองหุ่นเพทายอย่างพิจารณา
อาทรเดินมาสีหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าๆผ่านสนามหน้าบ้านเดช
"พี่ออยคะ พี่ออย"
อาทรเห็นพรรณรายวิ่งเหยาะๆลัดสนามมาจับแขนอาทรไว้
"พี่ออยจะกลับแล้วเหรอคะ"
"ครับ"
พิไลเดินมาจากด้านหนึ่ง แอบดูสองคนอย่างสนใจ
พรรณรายไม่พอใจ
"เอ๊ะยัยอัมไม่ได้บอกพี่ออยเหรอคะว่าพรรณอยากคุยด้วย"
"บอกครับ แต่พอดีพี่มีธุระเลยจะรีบกลับก่อน"
พรรณรายทำงอแง
"ไม่เอาพรรณไม่อยากให้พี่ออยกลับนี่คะ ช่วงเนี่ยพรรณไม่ค่อยได้เจอพี่ออยเลย พรรณอยากให้พี่ออยพาไปเที่ยวนะคะน้า วันนี้พรรณก็โดนบังคับให้อยู่ในห้องตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว นะคะไปวันนี้เลยนะ"
อาทรค่อยๆปลดมือพรรณรายออก
"พี่ไปไม่ได้จริงๆครับ"
พรรณรายอ้อน
"แหมพาพรรณไปหน่อยไม่ได้เหรอคะ เราไปดูหนังกินไอติมกันนะคะน้า"
"ไว้วันหลังนะน้องพรรณ วันนี้พี่ต้องรีบกลับก่อน นะครับ"
พรรณรายโมโห โวยวาย
"พรรณขออะไร พี่ออยไม่เคยตามใจเลย ทีกับยัยอัมพี่ออยไม่เคยขัดใจซักครั้ง พรรณโกรธพี่ออยแล้วด้วย"
พรรณรายสะบัดไปอย่างโมโห อาทรถอนใจส่ายหน้า แล้วเดินออกไป พรรณรายเดินไปสักพัก
คิดว่าอาทรจะง้อ แต่ไม่เห็นตามมา เธอหยุดหันมามอง เห็นอาทรออกจากรั้วบ้านไปแล้ว
"ดูเค้าทำ หึนึกว่าจะตามมาง้อ พี่ออยบ้าๆๆ"
รายพรรณโมโห ดึงทึ้งใบไม้ออกมาขว้างแล้วเหยียบอย่างเจ้าอารมณ์ก่อนวิ่งขึ้นตึกไป
พิไลออกมาจากที่แอบ สีหน้าแววตาครุ่นคิดอย่างเจ้าแผนการ พึมพำ
"ฉันคิดอะไรดีๆออกแล้ว"
อัมราเดินออกมาส่งสันติ
"ขอบคุณพี่อาร์ตมากนะคะที่ช่วยพูดให้คุณพ่อสบายใจขึ้น"
สันติยิ้มมองหน้าอัมราที่ค่อนข้างเครียด สันติแปลกใจ
"แต่พี่ว่าตอนนี้คนที่ไม่สบายใจดูเหมือนจะเป็นน้องอัมมากกว่านะครับ"
อัมราพยักหน้า
"ค่ะ..อัมกลัวว่าถ้าคุณเพทายเกิดเป็นอะไรไปช่วงนี้ คุณพ่อต้องโทษตัวเองแน่ๆ แล้วคุณพ่อก็จะต้องไม่กล้าปั้นหุ่นอีกต่อไป"
สันติจับมืออัมราอย่างสุภาพ บีบเบาๆปลอบโยน
"อย่ากังวลไปเลยครับน้องอัม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกครับ ทำใจให้สบายนะ พี่เคยอ่านในหนังสือเค้าว่าผู้หญิงถ้าเครียดหรือกังวลมากๆหน้าจะแก่เร็วนะครับ" สันติทำหน้าตกใจ "โอ๊ะ..."
สันติปล่อยมือ จ้องหน้าอัมรา อัมรามองแปลกใจ
"อะไรคะ...หน้าอัมมีอะไรคะ หรือว่า"
อัมราตกใจรีบจับหน้าตัวเอง สันติหัวเราะ อัมรารู้ว่าโดนหลอก ตีสันติอย่างเขินๆ
"พี่อาร์ตเนี่ยแกล้งอัมจนได้ ตกใจหมดเลยนึกว่าหน้าตัวเองแก่ซะอีก"
สันติหยุดหัวเราะจ้องอัมรา พูดอ่อนโยน
"แต่พี่ก็อยากเห็นหน้าน้องอัมตอนแก่นะครับ"
อัมรายังไม่เข้าใจ
"ไม่เอาละคะน่าเกลียดแย่เลย"
"ไม่หรอกครับ น้องอัมแก่พี่ก็แก่..เราจะแก่ไปด้วยกัน"
น้ำเสียงสันติลึกซึ้ง หนักแน่น มองตอบแววตาบ่งบอกความในใจ อัมราเขิน สันติได้สติแกล้งทำเสียงคนแก่
"แต่ตอนนี้ตาแก่คงต้องกลับบ้านซะที"
อัมรานึกสนุกเล่นด้วยทำเสียงแก่
"ยายแก่จะไปส่งตาเองนะ"
สันติพยักหน้าหงึกๆ ทำหลังงอ
"งั้นเรามาแข่งกันเดินว่าตากับยายใครจะถึงรั้วบ้านก่อนกัน"
สองคนทำท่าเดินหลังงอ โขยกเขยกไปด้วยกัน ประสานเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
ห้องหุ่น ตอนที่ 6 (ต่อ)
คืนเดียวกัน เพทายลงจากรถเดินอารมณ์ดีมาเรื่อยๆ จนรู้สึกเหมือนมีใครตาม เธอเหวี่ยงตัวหลบมอง แต่ไม่มีอะไร
ก่อนรีบเดินเร็วจากลานจอดรถมาที่ลิฟต์ ตัวเลขลิฟต์อยู่ชั้นบนสุด เพทายกดๆๆอย่างร้อนใจ ลิฟต์ไม่ลงมา เธอหวาดกลัว ทั่วบริเวณนั้นไม่มีใครเลย เธอตัดสินใจวิ่งขึ้นบันได
อย่างลนลาน หวาดกลัว เสียงฝีเท้าคนวิ่งตามขึ้นมา เพทายกลัวสุดชีวิต รองเท้าส้นสูงพลิก เพทายเสียหลักล้มลงตกใจมาก กรีดร้องสุดเสียง
"ว้าย...อย่า"
เพทายวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะรับแขก นักข่าวยกมือไหว้ บางคนมีกล้อง บางคนถือสมุดเตรียมจด
นักข่าว1บอก "ขอบคุณมากครับ/ค่ะ"
เพทายมองค้อนๆ
"ทีหลังพวกคุณอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ รู้มั้ยฉันกลัวแทบแย่นึกว่าโดนใครตามฆ่าอีก"
นักข่าวพากันหัวเราะร่วน
นักข่าว 2 บอก"โธ่ใครคิดฆ่าดาราสาวสวยอย่างคุณเพทายละก็ ไม่บ้าก็ต้องเป็นโรคจิตอย่างรุนแรง"
เพทายยิ้มออก
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอเริ่มสัมภาษณ์คุณเพทายเลยได้มั้ยครับ"
เพทายทำท่าจะรับคำแล้วเปลี่ยนใจ
"วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย เอางี้ดีกว่ามะรืนนี้ฉันต้องไปเป็นแบบปั้นหุ่นครั้งสุดท้ายที่บ้านคุณเดช คุณไปสัมภาษณ์ฉันที่นั่นก็ได้ค่ะ ฉันอยากให้พวกคุณช่วยทำข่าวเรื่องหุ่นตัวฉันด้วย"
นักข่าวตื่นเต้น
นักข่าวหญิงถาม
"คุณเดช..เดช สัตยาภาใช่มั้ยคะ"
"เอ๊ะคุณรู้จักด้วยเหรอ"
"ไม่รู้จักก็แย่แล้วละคะ แหมพวกเราโชคดีจริงๆ ใครๆก็อยากสัมภาษณ์คุณเดช แล้วก็อยากเห็นห้องหุ่นที่เค้าลือกันว่าปั้นได้เหมือนคนจริงๆ มานานแล้ว"
"ใช่ค่ะ ถ้าพวกคุณเห็นหุ่นในห้องหุ่น รับรองว่าต้องตะลึงแน่ๆ"
"เยี่ยมไปเลยครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไปสัมภาษณ์คุณเพทายที่บ้านคุณเดช"
เช้าวันใหม่ พิไลเดินสูดอากาศชมนกชมไม้วางท่าเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน เห็นเดชกับอัมราในชุดนักศึกษาเดินมาขึ้นรถ ชิ้นหิ้วตะกร้าผ้าเดินมา พิไลรีบเรียกไว้
"เดี๋ยวชิ้น...พี่เดชกับอัมราจะไปไหนกันนะ"
ชิ้นหันไปมอง รถเดชเคลื่อนออกไป
"อ้าวคุณผู้ชายก็ไปส่งคุณอัมไปเรียนหนังสือนะสิ อ้อแล้ววันนี้วันศุกร์คงเลยไปรับคุณอ๊อดกลับบ้านด้วย"
พิไลแปลกใจ
"ทำไมไม่ไปส่งพรรณรายด้วยล่ะ พรรณรายก็ต้องไปเรียนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ"
ชิ้นหัวเราะ
"โอ๊ยรายนั้นนะน่ะ ต่อให้เอาช้างมาฉุดถ้าไม่อยากไปก็ไม่ไปหรอก"
"หมายความว่ายังไง"
"ก็คุณพรรณเธอไม่ชอบเรียนหนังสือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว วันๆเอาแต่ฟังเพลง ดูหนังสือแฟชั่น ไม่เหมือนคุณอัม ตั้งอกตั้งใจเรียน ขนาดไม่สบายยังไปเลย ว่าแต่เธอถามทำไม"
พิไลไม่พอใจ
"ไม่มีอะไรก็แค่ถามดู จะไปไหนก็ไปไป๊"
พิไลเดินเร็วไปทางตึก ชิ้นมองตามสงสัยพึมพำ
"ยัยคนนี้ท่าทางชอบสอดรู้สอดเห็นไม่เบาเลย เห็นทีต้องคอยจับตามองซะแล้ว"
พรรณรายนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง พิไลยืนมองอ่อนใจ พึมพำ
"ลูกหนอลูกทำไมขี้เกียจแบบนี้เนี่ย"
พิไลเขย่าตัวแรงๆเรียก
"พรรณราย...พรรณรายตื่นได้แล้วลูก"
พรรณรายงัวเงีย ตะแคงหนี พูดอู้อี้
"พรรณง่วงค่ะคุณแม่..ขอนอนต่ออีกหน่อยนะคะ"
"แต่หนูต้องไปเรียนหนังสือนะ"
"วันนี้พรรณไม่ไปค่ะ"
พรรณรายคว้าผ้าห่มคลุมโปง พิไลดึงผ้าห่มออก เสียงดัง
"ไม่ไปไม่ได้ ทำไมถึงโง่นักนะ มีโอกาสเรียนกลับไม่เรียน แบบนี้จะสู้อัมราได้ยังไง"
ในโปงผ้าห่ม พรรณรายลืมตางงๆพึมพำ
"เสียงใคร ไม่ใช่คุณแม่นี่"
พิไลยืนมอง เสียงดุ
"ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้พรรณราย"
โปงผ้าห่มหลุดออกอย่างรวดเร็ว พรรณรายลุกพรวดขึ้นนั่ง พิไลยิ้มพอใจ
"ดีมาก..พูดง่ายๆแบบนี้ เร็วเข้าจ้ะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเรียนนะจ้ะ"
พรรณรายลุกจากเตียง พิไลดีใจรีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้อย่างเอาใจ เธอกระชากมาแล้วขว้างใส่หน้าพิไลจนผงะ
"เจ๋ออีกแล้วเหรอ กล้าดียังไงมาปลุกฉัน"
พิไลข่มความไม่พอใจ พูดดี
"พรรณรายหนูจะทำตัวขี้เกียจแบบนี้ไม่ได้นะลูก แม่เอ๊ย... น้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนูถึงได้ดูโง่กว่าอัมรา"
พรรณรายตวาด
"อะไรนะนี่ว่าฉันขี้เกียจไม่พอ ยังมาว่าฉันโง่อีกเหรอ"
พรรณรายพุ่งเข้ามากระชากตัวพิไลลากออกจากห้อง
"ไปออกไปให้พ้นจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ยัยบ้า"
พิไลพยายามขืนตัวไว้
"เดี๋ยวพรรณราย ฟังน้าก่อน เดี๋ยว"
พรรณรายลากพิไลผลักออกไป พิไลล้มหน้าห้อง
"โอ๊ย..ทำไมทำกับน้าอย่างนี้ น้าหวังดีกับหนูนะ"
พรรณรายชี้หน้าพรรณ
"อย่ามาสะเออะ จำไว้นะถ้ายังมาวุ่นวายกับฉันอีกคราวหน้าเจอหนักกว่านี้แน่"
พรรณรายปิดประตูใส่หน้า พิไลลุกขึ้นปัดเนื้อตัวทั้งเจ็บทั้งโมโห
"ให้มันรู้ไปสิว่าฉันจะกำราบลูกตัวเองไม่ได้ โอ๊ยเจ็บ"
พิไลกระเผลกๆไป อารีย์แง้มประตูห้องแอบดูอยู่ สีหน้าครุ่นคิด
อัมรานั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวที่โต๊ะใต้ต้นไม้ อาทรถือน้ำสองแก้วเข้ามาวางให้อัมราตรงหน้า
"น้ำจ้ะน้องอัม"
อัมราเงยหน้ามองอึกอัก อาทรแปลกใจ
"มีอะไรครับ..นี่น้ำส้มคั้นสดๆของโปรดน้องอัมไง"
สันติถือน้ำส้มเข้ามาทักอาทร
"ออยมาแล้วเหรอ... น้ำส้มได้แล้วครับน้องอัม"
อาทรเจื่อน เผลอพูดอย่างน้อยใจ
"อ๋อน้ำส้มของพี่ไม่มีความหมายก็เพราะน้องอัมรอน้ำส้มจากนายอาร์ตอยู่นี่เอง"
อัมรายิ้มเกรงใจ
"ขอโทษนะคะพี่ออย แต่พอดีพี่อาร์ตไปซื้อให้อัมแล้วนะคะ"
อาทรจ๋อยๆ สันติรู้สึกไม่ค่อยดี
"ขอโทษทีนะออย ฉันไม่คิดว่านายจะซื้อมาให้น้องอัม"
อาทรรีบยิ้มกลบเกลื่อน
"ขอโทษทำไมกัน น้องอัมไม่กิน ฉันกินเองก็ได้นี่นา"
อาทรคว้าแก้วน้ำส้มมาดื่มเอง ทำท่าสดชื่น
"เฮ้อ..สดชื่นสุดๆไปเลย มิน่า ทำไมน้องอัมชอบน้ำส้ม สงสัยพี่ต้องหันมาดื่มน้ำส้มบ้างแล้วล่ะ"
อาทรดื่มอีกจนหมดแก้ว ท่าทางร่าเริง สันติกับอัมรามองอาทรอย่างเกรงใจ
ทางเดินหน้าห้องเล็กเชอร์ สันติสีหน้าไม่ค่อยดี หยุดเดิน เรียก
"ออย"
อาทรชะงัก หันมามองเป็นเชิงถาม สันติอึกอัก อาทรกระตุ้น
"มีอะไร ทำท่ายังกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย"
"เอ้อเรื่องน้องอัม"
อาทรขำ
"โธ่เอ๊ยนึกว่าจะพูดอะไร"
อาทรหันมาเผชิญหน้า จริงจัง
"ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ก็ฉันบอกนายไปแล้วไงว่าฉันนะรักน้องอัมเหมือนน้องสาว"
สันติลังเล แล้วตัดสินใจพูดออกมา
"แต่ท่าทางนายเหมือนผิดหวัง"
อาทรหัวเราะ
"ฉันคงเป็นประมาณ..เอ้อพี่ชายหวงน้องสาวล่ะมั้ง เมื่อก่อนที่น้องอัมจะรู้จักกับนาย ฉันก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่น้องอัมสนิทด้วย ฉันเคยดูแลน้องอัมมาตลอด บางครั้งก็ลืมตัว คิดว่าตัวเองยังต้องทำหน้าที่นี้อยู่"
"นายพูดจริงเหรอออย ฉันไม่อยากผิดใจกับนายนะ"
"นายกับฉันจะผิดใจกันแค่เรื่องเดียวเท่านั้น"
"อะไร"
"ถ้านายทำให้น้องอัมเสียใจ นายกับฉันมีเรื่องกันแน่"
สันติยิ้มออก อาทรตบบ่าแรงๆ จุฑาเข้ามา ถามเสียงดัง
"ตกลงอะไรกันนะ ท่าทางเครียดจัง"
สันติกับอาทรหันไปมองหน้าจุ๊บ ก่อนมองหน้ากัน อาทรส่งสายตาปรามไม่ให้บอก จุฑาเหมือนรู้ทัน
"คงไม่ใช่กำลังชิงรักหักสวาทกันอยู่หรอกนะ เอ๊ะหรือจะชิงสาวคนไหนกันอยู่จริงๆ"
อาทรกวน
"ใช่เราสองคนกำลังชิงสาวกันอยู่"
"ใครนะคงไม่ใช่..."
อาทรรีบสวน
"ไม่ใช่เธอแน่ยัยจุ๊บ ต่อให้โลกนี้เหลือผู้หญิงคนเดียวคือเธอ ฉันกับนายอาร์ตก็ไม่มีทางช่วงชิงกันแน่ๆ ใช่มั้ยอาร์ต"
สันติหัวเราะ จุฑาแค้นชี้หน้า
"ไอ้บ้าออย ปากเสียได้ทุกครั้งที่เจอสิน่า"
อาทรโอบบ่าสันติพาเดินเข้าห้องเล็กเชอร์ไม่สนใจจุฑาที่ยังโวยวายอยู่ข้างหลัง
อัมรานั่งดูโทรทัศน์อยู่กับชิ้น พรรณรายเดินเข้ามามอง แล้วเดินไปกดเปลี่ยนช่องหน้าตาเฉย อัมราเสียดาย
"อ้าวเปลี่ยนทำไมคะ ข่าวกำลังน่าสนใจ"
"พี่จะดูละครช่อง 4"
พรรณรายเดินมานั่ง สายตาจับจ้องโทรทัศน์ไม่สน
"ดูแต่ละคร วันๆถึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรกับเขา"
พรรณรายกำลังจะหันไปเถียง แต่กลับเปลี่ยนท่าทางดีใจ
"คุณแม่"
อัมราหันไปมองบ้าง เห็นเดชประคองอารีย์ อ๊อดประคองอีกข้าง สองสาวรีบขยับลุกให้อารีย์นั่งตรงกลาง
"คุณแม่ดีขึ้นแล้วเหรอคะ"
"จ้ะ..คุณพ่อกับตาอ๊อดคะยั้นคะยอให้แม่ลงมาดูทีวี แหมภาพเค้าคมชัดดีนะ"
"ถ้าเป็นโทรทัศน์สีจะดีกว่านี้อีกนะคะ ที่จริงบ้านเราก็มีเงินซื้อโทรทัศน์สีได้สบายๆ ทำไมคุณพ่อไม่ซื้อก็ไม่รู้"
"แค่ขาวดำนี้ก็ดีถมไปแล้ว มีเงินก็เก็บไว้ได้มันไม่บูดไม่เน่า" เดชบอก
พรรณรายแอบค้อน แต่แล้วทุกคนต้องอึ้งเมื่อพิไลเข้ามาร่วมวงหน้าตาเฉย
"ดูโทรทัศน์กันอยู่เหรอคะ แหมดีจัง อุ๊ย ละครแหมเรื่องนี้เค้าดังมากนะ คนติดกันทั้งบ้านทั้งเมือง"
ทุกคนนิ่ง พรรณรายหมั่นไส้
"ที่บ้านมีโทรทัศน์ด้วยเหรอ ถ้ารวยขนาดนั้นก็ไม่เห็นจะต้องมาอาศัยคนอื่นเค้าอยู่เลยนี่นา"
"ไม่มีหรอกจ้ะ น้าก็แค่ฟังคนอื่นเค้าคุยกัน หึ น้าไม่ได้สุขสบายเหมือนใครเค้านี่จ้ะ ต้องปากกัดตีนถีบไม่งั้นคงไม่อยู่รอดมาถึงวันนี้ น้านะ.."
พิไลจะคร่ำครวญต่อ แต่พรรณรายตัดบทอย่างรำคาญ
"พอแล้ว เรื่องของเธอไม่มีใครเค้าสนใจ เวลาเนี่ยเป็นเวลาที่คนในครอบครัวเค้าจะอยู่รวมกัน ฉันว่าเธอก็อายุไม่น้อยแล้วน่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร"
พิไลชักโมโห
"ทีชิ้นทำไมอยู่ได้"
"น้าชิ้นเป็นคนเก่าแก่ของบ้านนี้อยู่มาตั้งแต่ฉันเกิด"
"แต่..."
เดชรำคาญ
"พอที..ฉันอยากให้อารีย์มาดูโทรทัศน์ผ่อนคลายไม่ได้มาฟังใครโต้วาทีกัน ... ถ้าเธออยากดูก็นั่งดูเงียบๆหรือไม่ก็กลับไปห้องเธอซะ"
พิไลอึ้ง แต่ก็เข้ามานั่งบนชุดรับแขกคอแข็ง พรรณรายมองไม่พอใจ อ๊อดถามอารีย์
"ใครกันครับคุณแม่"
"อ๋อน้าพิไลจะมาเป็นแม่บ้านที่นี่จ้ะ อ๊อด สวัสดีน้าพิไลซะสิลูก"
อ๊อดยกมือไหว้ พิไลมองแปลกใจ
"เอ๊ะทำไมหน้าตาไม่เห็นเหมือนที่ฉันเคยเจอเลย"
อารีย์งง
"เธอเคยเจอตาอ๊อดด้วยเหรอ ที่ไหน"
"ก็ที่บ้านนี่แหละ ฉันเคยมาหาพี่เดชตอนกลางคืน แต่ลูกชายเธอน่ะไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมาไม่ให้เจอ"
อารีย์มองอ๊อดเชิงถาม
"อ๊อดไม่เคยเจอน้าพิไลเลยนะครับ"
พิไลแปลกใจมาก
"แต่เด็กคนนั้นหน้าตาก็ไม่ใช่แบบนี้นี่นา"
พรรณรายรำคาญ
"เงียบๆหน่อยได้มั้ย ฉันจะดูละคร"
พิไลหุบปาก เฝ้ามองพรรณรายชี้ชวนให้อารีย์มองโทรทัศน์ เดชก้มลงกระซิบอารีย์ อัมรา
หันมาพูดคุยด้วย เห็นความเป็นครอบครัวสัตยาภา พิไลมองอย่างอิจฉา
"คอยดูนะอีกไม่นานฉันจะเอาครอบครัวของฉันคืนมา" พิไลคิดในใจ ฉายหน้ารายกาจ
เดชตอนกลางคืน ลมพัดแรงเหมือนจะมีพายุ บรรยากาศเยือกเย็น พิไลเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน หยุดหน้าห้องนอนพรรณรายกับอัมรา เห็นประตูแง้มอยู่ เห็นพรรณรายนั่งฟังวิทยุอยู่บนเตียง ท่าทางจดจ่อ อัมราหวีผมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเสร็จเดินมาหา
"พี่พรรณจะนอนหรือยังคะ"
"ยัง.."
"งั้นเรามาอ่านหนังสือกันมั้ยคะ ใกล้จะสอบแล้ว"
พรรณรายเบ้หน้า
"ไม่ล่ะ..พี่จะฟังเพลง"
"อัมเห็นพี่พรรณฟังทุกคืนเลย คืนนี้เรามาอ่านหนังสือกันดีกว่า"
"ก็พี่ติดดีเจนี่"
เสียงดีเจผู้ชายประกาศออกมาจากวิทยุ
"สวัสดีครับมิตรรักนักฟังเพลงทุกท่าน พบกับผมในเวลาเดิมเช่นนี้ทุกๆคืน"
พรรณรายทำท่าปลื้ม
"มาแล้ว มาแล้ว"
"ใครกันคะ"
พรรณรายมองอัมแบบรำคาญ
"ดีเจเล็กไง เสียงเค้าทุ้มนุ่มมีเสน่ห์น่าหลงใหลที่สุด เปิดเพลงก็เพราะม๊ากมาก ถ้าใครไม่ฟังดีเจเล็กหรือไม่รู้จักละก็ เชยเป็นบ้าเลยล่ะ"
พรรณรายหันกลับไปตั้งใจฟังดีเจพูด อัมราส่ายหน้าก่อนเดินไปที่โต๊ะนั่งลงอ่านหนังสือ
พิไลมองอย่างพอใจ ก่อนจะรีบเดินไปหน้าห้องอารีย์ พิไลมองหมายมาด เอื้อมมือจับลูกบิด
อารีย์นอนหลับอยู่บนเตียง พิไลค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาที่เตียง ยืนมองด้วยสีหน้าริษยา เจ็บแค้น อารีย์ลืมตามองแล้วตกใจ
"พิไล"
อย่างรวดเร็วพิไลคว้าหมอนข้างๆกดทับหน้า อารีย์ดิ้น พิไลยิ่งกดหนักขึ้น
"นังอารีย์แกแย่งทุกอย่างไปจากฉันแกต้องตาย"
พิไลเหมือนคนบ้า มืออารีย์ค่อยๆหลุดจากหมอน พิไลสะใจ
เดชเรียกเสียงดังมาก
"พิไล"
พิไลตกใจ หลุดจากความคิดหันไปมอง
"พี่เดช"
เดชเดินเข้ามา มองอารีย์ที่ค่อยๆขยับลืมตา อารีย์มองพิไล เดชงงๆ ถามเสียงอ่อน
"มีอะไรกันเหรอคะ"
เดชมองพิไลอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
"เธอเข้ามาในห้องนี้ทำไม พิไล"
"อ๋อ..ฉันก็แค่จะเข้ามาดู เผื่ออารีย์ต้องการอะไร"
"ไม่ต้อง...หน้าที่นี้ชิ้นทำอยู่แล้ว ถ้าไม่จำเป็นฉันว่าเธอไม่ควรขึ้นมาบนตึกตอนกลางคืน"
พิไลทำหน้าเศร้ามาก
"แหม..พี่เดชทำเหมือนไม่ไว้ใจฉันเลย ฉันไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนซักหน่อย ยังไงฉันก็เป็นเมียพี่อีกคนนะ"
อารีย์หน้าเผือด เดชมองพูดดุๆ
"ถ้าเธอยังพูดจาไม่คิดแบบนี้ ฉันว่าเธออาจจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน"
พิไลโกรธแต่ข่มใจ "ฉันขอโทษ"
อารีย์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ว่าแต่พี่เดชทำไมยังไม่อาบน้ำอีกละจ้ะ"
"พี่ยังทำงานไม่เสร็จ อยากเก็บรายละเอียดหุ่นคุณเพทายอีกสักหน่อย"
อารีย์ทำท่าจะลุก
"งั้นฉันจะไปชงกาแฟให้"
เดชจับตัวอารีย์ไว้
"ไม่เป็นไร เธอพักผ่อนเถอะ พี่ดูแลตัวเองได้"
เดชออกไป พิไลมองตามหันมามองอารีย์พูดยิ้มๆ
"งั้นฉันไปชงกาแฟให้พี่เดชดีกว่า พี่เดชชอบกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล เห็นมั้ยฉันจำได้ดีทุกอย่าง"
อารีย์อึ้ง พิไลเดินไปที่ประตู หันมาพูดมีเลศนัย
"รีบนอนนะจ้ะเธอจะได้หายไวๆ ระหว่างนี้ฉันจะช่วยดูแลพี่เดชแทนเธอให้เอง"
พิไลออกไป อารีย์สะเทือนใจ กดที่หัวใจพยายามไม่คิดมาก
พิไลถือถาดใส่กาแฟมายืนหน้าประตูห้องหุ่น ขยับคอเสื้อให้ลึก แตะผมให้สยาย สีหน้าหมายมาด เอื้อมมือจะเปิดประตู พิไลชะงัก เพ่งมองไปด้านข้าง เห็นด้านหลังของเดชเดินลับหายไปทางประตู ออกไปสวนหลังบ้าน พิไลแปลก
"เอ๊ะพี่เดช...ไหนบอกอารีย์ว่าจะทำงาน แล้วเดินออกไปทางหลังบ้านทำไม"
พิไลแปลกใจ รีบเดินตามไป
พิไลเดินถือถาดใส่กาแฟตามมา บรรยากาศเงียบเยือกเย็น พิไลมองหาบ่นเบาๆ
"เดินไปทางไหนของเค้านะเร็วจัง"
เสียงเก้าอี้โยกเอี๊ยดอ๊าดดังแว่วมาในความมืด พิไลมองไปตามเสียง เห็นเก้าอี้โยกตั้งอยู่ในศาลาในสวน เก้าอี้ตัวนั้นหันหลังให้พิไล
"บรรยากาศเป็นใจแบบนี้ เสร็จฉันแน่พี่เดช"
พิไลวางถาดใส่กาแฟ ค่อยๆย่องเข้าไปอย่างเงียบกริบ พิไลสะดุดหน้าคะมำ ล้มลงไปนั่ง ตกใจ"บ้าจริง สะดุดอะไรเนี่ย"
พิไลหันไปมองแล้วตกใจหน้าซีดเผือด พิไลเห็นแต่ท่อนขาสองข้างขวางราบอยู่ที่พื้น เสียงสั่น"ขะ..ขาใคร"
ขาทั้งสองลุกขึ้น พีท หุ่นเด็กปรากฏขึ้น ตอบเยือกเย็น
"ขาของหนูเอง"
พีทก้าวตรงเข้ามาหาพิไลช้าๆ พิไลตาเหลือก ถดถอยหวาดกลัว จำได้
"เด็กคนนั้น..ว้ายแกเป็นผี"
พีทหัวเราะปากกว้างมากๆ ฉีกไปถึงหู พิไลหวีดร้อง ตกใจ เสียงเก้าอี้โยกดังมากขึ้น สะเทือนโสตประสาทจนต้องอุดหู เสียงหัวเราะของหุ่นทั้งหมดดังสะท้อนทั่วสวนหลังบ้าน
พีทก้าวเข้ามาหาพิไลเร็วขึ้น พิไลผุดลุกขึ้นวิ่งสุดชีวิต ปากก็ร้องลั่นๆ
"ว้าย..ผีหลอก...ช่วยด้วยๆๆ"
พิไลวิ่งลับหายไปทางเรือนเล็กที่พักอย่างหวาดกลัวสุดขีด
พีทก้าวขาเข้ามา เก้าอี้โยกหมุนกลับมามีเจ้าคุณนรบดินทร์นั่งอยู่ ในสวนบ้านเดช หุ่นทั้งหมด ปรากฏร่างขึ้นอยู่ตามมุมต่างๆต่างมองไปทางพิไลเป็นตาเดียวอย่างน่ากลัว
เช้ารุ่งขึ้น ในห้องนั่งเล่น ดำเกิงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์
"อะไรของเค้านะ โทรจนนิ้วจะกุดอยู่แล้ว" บุญเรือนว่า
ดำเกิงชะงักเงยหน้ามองไปทางเสียง เห็นบุญเรือน นั่งอยู่มุมห้องหมุนโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด
"โทรหาใครเหรอคุณ เห็นโทรมาตั้งนานแล้ว"
"ก็ยัยผอบนะสิคะ"
"ไหนว่าไม่ชอบเค้าแล้วไปโทร.หาเค้าทำไม"
บุญเรือนฟังโทรศัพท์อีกครั้งไม่มีคนรับ บุญเรือนวางหูโทรศัพท์ลงเครื่องถอนใจ เดินมานั่งข้างๆดำเกิง
"ฉันไม่โทร.ไปหาเพราะคิดถึงหรอกค่ะคุณ แต่ฉันจะโทร.ไปทวงเงินฉันคืนสิคะ หายเงียบไปเลยตั้งแต่กลับจากทะเล ทำเฉยทั้งต้นทั้งดอกไม่มาส่งฉันเลย"
ดำเกิงส่ายหน้าพูดไปอ่านหนังสือพิมพ์ไป
"ผมเตือนคุณแล้วว่าอย่าริเป็นเจ้าแม่เงินกู้ คุณรู้มั้ยบางทีไปทวงมากๆ เค้าไม่มีเงินอาจจะคิดปิดทั้งต้นทั้งดอกด้วยการฆ่าเราทิ้งก็ได้"
บุญเรือนตกใจ
"แหม คุณก็พูดเสียน่ากลัว กะแค่ทวงเงิน"
"มันมีตัวอย่างมาแล้ว เรื่องเมียหลวงเมียน้อยก็เหมือนกัน ตัดปัญหาด้วยการฆ่ากันทิ้งมานักต่อนัก"
อาทรเข้ามาทัก
"ใครจะฆ่าใครทิ้งกันครับ"
ดำเกิงกับบุญเรือนหันไปมอง อาทรต่อ
"คดีที่คุณพ่อตัดสินเหรอครับ"
"เปล่าลูก พ่อแค่คุยกับแม่เค้าเฉยๆนะ นี่จะไปบ้านคุณอาเดชอีกเหรอ"
"ครับ"
"ดีเลย งั้นรอแม่หน่อยนะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน แม่ตั้งใจจะไปเยี่ยมคุณอาอารีย์อยู่เหมือนกัน ไปสิคะคุณลุกเร็วๆเข้า รีบไปแต่งตัว"
"แต่งทำไม ไปแค่นี้เอง"
"ไม่ได้หรอกค่ะ แหมมีดาราดังๆอย่างคุณเพทายอยู่ด้วย เผื่อยังไงเราจะได้ขอถ่ายรูปกับเธอไงคะ"
ดำเกิงหัวเราะ
"โธ่เอ๊ยผมไม่ได้บ้าดาราอย่างคุณ เชิญคุณไปแต่งคนเดียวเถอะ"
บุญเรือนแอบค้อน เดินแกมวิ่งหายเข้าไปด้านใน ดำเกิงพยักเพยิดกับอาทรขำๆ
สันติกับจุฑาเดินมาถึงหน้าบ้านเดช สองคนแปลกใจที่เห็นนักข่าวออกันอยู่ริมรั้ว
"ใครกันนะอาร์ต"
"ท่าทางเหมือนพวกนักข่าว"
"นักข่าวเหรอ แล้วพวกเขามาทำอะไรกัน"
สันติส่ายหน้า
"ไม่รู้สิ"
รถเพทายขับปราดผ่านหน้าสันติกับจุฑามาชะลอที่กองทัพนักข่าว เพทายเปิดกระจก
นักข่าวกรูกันเข้าไป ยกกล้องถ่ายกันใหญ่
"ใจเย็นๆค่ะเดี๋ยวค่อยเข้าไปถ่ายพร้อมสัมภาษณ์ข้างในดีกว่านะคะ ตามฉันมาเลยค่ะ"
เพทายขับรถไปด้านใน นักข่าวพากันวิ่งตามเข้าไป จุฑาหมั่นไส้
"โธ่เอ๊ยที่แท้ก็ยัยนี่เองตามนักข่าวมาทำข่าวตัวเอง สงสัยวันนี้คงไม่ได้ปั้นซะละมั้ง"
"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เราขึ้นโครงเสร็จหมดแล้ว รายละเอียดต่างๆดูจากหุ่นคุณเพทายของคุณอาเดชก็ได้ ไปเถอะ"
จุ๊บเดินเข้าไป สันติจะตาม แต่รู้สึกเหมือนมีใครมอง สันติหันไปเห็นชายสวมหมวกกันน๊อกปิดมิดชิดอยู่บนมอเตอไซค์ซึ่งจอดอยู่ สันติมองพิจารณา ชายลึกลับรีบหมุนรถกลับขี่
หลบไปอย่างรวดเร็ว จุฑาหันมาเรียก
"เอ้ามัวแต่ยืนมองอะไรอยู่ละอาร์ต"
"ไม่มีอะไร"
สันติรีบตามเข้าไป แต่อดหันไปมองอีกครั้งไม่ได้ สีหน้าสงสัย
พิไลเดินมาหน้าซีดเซียว ที่คอห้อยพระหลายองค์ ท่าทางหวาดๆ มัวแต่หันมองด้านหลังจนเกือบชนชิ้นที่เดินถือถาดใส่น้ำออกมาจากครัว พิไลตกใจ
"ว้าย...โธ่เอ๊ยชิ้น ตกใจหมด"
"อะไร้จะขวัญอ่อน ขนาดนั้น เอ้าแล้วนั่น โอโห ห้อยพระซะเต็มคอ แฟชั่นใหม่หรือเธอ"
พิไลมองรอบๆกระซิบกลัวๆ
"นี่ฉันถามหน่อยสิ ที่นี่เจ้าที่แรงมากเหรอ"
ชิ้นงง พิไลรีบต่อ
"ฉันโดนผีหลอก น่ากลัวเป็นบ้า"
ชิ้นหัวเราะงอหาย
"ฉันว่าเธอน่ากลัวกว่าผีอีกนะ"
พิไลโมโห "ชิ้น...นี่ฉันพูดจริงนะ ตั้งแต่มาอยู่นี่ฉันโดนไปสองครั้งแล้ว"
"ฉันอยู่มาเป็นสิบๆปีไม่เคยเจอสักครั้ง แล้วก็ไม่เคยมีใครในบ้านนี้เจอด้วย"
"แล้วทำไมฉันถึงเจอละ"
"ก็ลองถามตัวเองดูสิ ถ้าเธอคิดดีทำดีฉันว่าเจ้าที่เจ้าทางท่านคงไม่มายุ่งหรอก"
พิไลฉุน "อ้าวนี่ว่าฉันคิดไม่ดีเหรอ"
ชิ้นรำคาญ
"โอ๊ยฉันไม่กล้าไปว่าเธอหรอก เอ้าหลีกไปฉันจะรีบเอาน้ำไปให้คุณๆนักข่าว"
ชิ้นเดินไป พิไลคว้าแขนไว้
"เดี๋ยว..นักข่าว มาทำอะไรกัน"
"เห็นว่ามาสัมภาษณ์คุณเพทายกับคุณผู้ชาย"
พิไลตื่นเต้น
"สัมภาษณ์พี่เดชเหรอ"
"ใช่..."
"สัมภาษณ์ไปทำไม ไปลงหนังสืออะไร แบบนี้ก็ต้องได้เงินสิใช่มั้ย"
"นี่เธอ..ซักอย่างกับเป็นเมียคุณผู้ชายเลยนะ คุณผู้หญิงท่านยังไม่ถามมากอย่างนี้เลย เอ้าปล่อยฉันได้แล้ว"
พิไลกระวีกระวาด ดึงถาดจากมือชิ้น
"มาเอามานี่ เดี๋ยวฉันช่วยเอาไปเสิร์ฟให้เอง เธอจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ"
พิไลเดินไป ชิ้นมองตามงงๆ
"เออวันนี้มาแปลกแหะ อาสาช่วยอย่างเต็มอกเต็มใจ ยัยนี้ท่าทางจะไม่ค่อยเต็มบาทซะละมั้ง เฮ้อ แต่ก็ดีจะได้ไปซักผ้าต่อ"
กลุ่มนักข่าวนั่งรอทำข่าว เพทายเดินนำเดชเข้ามา เพทายระรื่น แต่เดชหน้าเครียดๆ อาทรออกความเห็น
"ท่าทางคุณอาเดชเหมือนไม่อยากให้สัมภาษณ์เลยนะครับ น้องอัม"
อัมรากังวล
"ใช่ค่ะ ปกติคุณพ่อไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว นี่คงเกรงใจคุณเพทาย"
"คนที่ควรเกรงใจน่าจะเป็นยัยเพทายมากกว่า จุ๊บว่าเค้าทำไม่ถูก"
พิไลเดินถือถาดใส่แก้วน้ำมา พอเห็นคนในห้องรับแขก ก็ยิ่งตื่นเต้น
"ต๊าย นักข่าวเยอะแยะเลย สงสัยพี่เดชจะดังใหญ่ก็คราวนี้ "
พิไลจะเข้าไป สันติหันมาเห็น รีบเข้าไปช่วยอย่างมีน้ำใจ
"ผมช่วยครับคุณน้า"
พิไลหันมามอง ตวาด
"ไม่ต้องแส่..ฉันไม่ได้ขอความช่วยเหลือเธอ อยากช่วยก็ไปช่วยงานวัดโน้น"
จุฑาของขึ้น
"อ้าว ป้าพูดจาแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนถอนหงอกหรอก"
สันติรีบห้าม เสียงนักข่าวเริ่มสัมภาษณ์ดังออกมา
"คุณเดชกับคุณเพทายนี่โคจรมาพบกันได้ยังไงครับ"
พิไลหันไปมอง
"อุ๊ย สัมภาษณ์แล้ว"
พิไลรีบเดินเข้าไป จุฑามองส่ายหน้า
"ว่าคนอื่นแส่ไม่ได้ดูตัวเองเล๊ย"
สันติปราม
"ไม่เอาน่าจุ๊บว่าผู้ใหญ่ไม่ดีนะ มันบาป"
จุฑามองหน้าสันติ ยกมือไหว้พูดประชด
"เจ้าค่ะหลวงพี่"
ทั้งหมดยิ้มๆ หันไปมองเหตุการณ์ในห้องต่อ ในห้องพิไลเข้าไป ทุกคนเลยชะงัก
เดชมองอึ้ง ๆเพทายไม่พอใจ ที่นักข่าวหันไปมองพิไล พิไลรีบยิ้มแย้ม วางมาดเหมือนเจ้าของบ้าน
"ฉันเอาน้ำมาให้ค่ะ เชิญค่ะทุกๆคนตามสบายเลยนะคะ"
นักข่าวรับน้ำกันพอใจ นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
"คุณคงเป็นคุณอารีย์ใช่มั้ยคะ"
เดชอึ้ง พิไลยิ้มหวานให้ทุกคน
"ฉันไม่ใช่อารีย์หรอกค่ะ ฉันชื่อพิไล จะถ่ายรูปฉันก็ได้นะคะ"
นักข่าวถามต่อนักข่
"คุณพิไลเป็นอะไรกับคุณเดชครับ"
เดชอึ้ง พิไลหันมามองเดช ยิ้มมีเลศนัย
"ฉันเป็น..."
พรรณรายเข้ามาต่อทันควันเสียงดังชัดเจน
"เป็นแม่บ้านค่ะ"
ทุกคนมองพรรณราย พิไลจ๋อย
"หรือเรียกภาษาชาวบ้านๆก็คนรับใช้ไงคะ น้าพิไลรีบไปช่วยน้าชิ้นเตรียมของว่างเลี้ยงพี่ๆนักข่าวได้แล้ว"
พิไลหน้าแตก มองพรรณรายอย่างเจ็บใจ อายจนต้องรีบออกไปอย่างรวดเร็ว พรรณรายสะใจ
พิไลเดินผ่านพวกสันติที่หน้าห้อง จุฑาแกล้งหัวเราะเยาะดังๆ พิไลค้อน สะบัดไปอย่างโมโห อัมราพึมพำ
"น่าสงสารน้าพิไลนะคะ"
"สงสารทำไม คนแบบนี้ต้องเจอตอบ้างก็สมควรแล้วละ"
อารีย์นั่งคุยกับดำเกิง บุญเรือนอยู่ที่โซฟาในห้องนอน
"ฉันดีขึ้นมากแล้วละคะ แต่พี่เดชนะสิคะห้ามไม่ให้ออกไปไหนเลย ให้อยู่แต่ในห้อง"
"แต่หน้าคุณก็ยังซีดๆอยู่นะ พักผ่อนเยอะๆนะดีแล้ว" ดำเกิงบอก
"แหมน่าเสียดาย นักข่าวอุตส่าห์มาทำข่าว จะได้ถ่ายรูปลงหนังสือไงคะ"
ดำเกิงขำ
"คุณนี่ทำไมชอบเรื่องถ่ายรูปเสียจริง ก่อนมาเนี่ยก็บังคับพี่ให้ไปแต่งตัวนะ เค้าว่าจะขอถ่ายรูปกับดารา"
สามคนหัวเราะกัน แล้วต้องชะงักตกใจที่จู่ๆพิไลพรวดพราดเข้ามาอย่างโมโห
"เธอเลี้ยงพรรณรายยังไงหึอารีย์"
อารีย์งงอ
"พิไล..มีอะไร"
"เด็กบ้าคอยแต่จ้องจะจองล้างจองผลาญฉัน ฉันอุตส่าห์ทำดีด้วยสารพัด หรือว่าเธอสอนให้พรรณรายทำกับฉันแบบนี้"
อารีย์นั่งอึ้ง บุญเรือนอดแทรกไม่ได้
"นี่เธอเป็นใคร อยู่ๆก็พรวดพราดเข้ามาพูดจาแบบนี้ไม่รู้เหรอว่าอารีย์ไม่สบายอยู่"
อารีย์ได้สติรีบแนะนำ
"เอ้อคือพิไลเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ค่ะ พิไลนี่คุณพี่ดำเกิงกับคุณพี่บุญเรือน ฉันนับถือคุณพี่ทั้งสองเหมือนญาติ"
พิไลหันไปมอง บุญเรือนกับดำเกิงยกมือจะรับไหว้แต่ต้องเก้อเพราะพิไลไม่สน แต่หันมาเล่นงานอารีย์ต่อ
"ในเมื่อเธอบอกให้ฉันเข้ามาดูแลพรรณราย ฉันก็จะดูแลในแบบของฉันล่ะ คอยดูนะถ้ามาก้าวร้าวฉันอีกคราวนี้ฉันไม่ยอมแน่ ฉันขอบอกเธอไว้ก่อนเลย"
พิไลหุนหันออกไป อารีย์อึ้ง บุญเรือนกับดำเกิงงงๆ
"แม่พิไลคนนี้เป็นใครกันเหรอคะ ทำไมเค้าถึงพูดจาไม่เกรงใจคุณเลยล่ะ"
"เอ้อคือ... พิไลเป็นเพื่อนเก่าของพี่เดชนะคะ"
"ตายจริงนี่ถ้าคุณอารีย์ไม่บอกพี่ต้องนึกว่าเป็นแฟนเก่าคุณเดชแน่ๆเลยค่ะ"
อารีย์หน้าซีด ดำเกิงรีบปราม
"พูดอะไรนะคุณ"
"เอ้อ ขอโทษนะคะน้องอารีย์ พี่ก็แค่พูดไปอย่างนั้น อย่าคิดมากนะคะ"
อารีย์ยิ้มอ่อนโรย บุญเรือนหน้าเสีย ดำเกิงมองอย่างตำหนิ บุญเรือนได้แต่ยิ้มแห้งๆ
เดชเดินเข้ามาในห้องหุ่น สีหน้าไม่ค่อยดี เพทายตามติดๆ
"เอาเป็นว่าฉันขอโทษก็แล้วกันที่ทำอะไรไม่บอกคุณก่อน"
เดชหันมามอง ถอนใจ เพทายต่อ
"แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายอะไร ตรงข้ามคุณกลับจะได้ชื่อเสียงซะอีก"
"ผมไม่ต้องการ ผมต้องการความเป็นส่วนตัว ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในบ้านผมโดยเฉพาะนักข่าว"
"เอาละคะฉันสัญญาจะไม่ให้พวกเขามาสัมภาษณ์ที่นี่อีก อุ๊ย.."
เพทายชะงักมองไปที่หุ่นตัวเองซึ่งเสร็จแล้ว เพทายตรงไปยืนมอง
"เสร็จแล้วเหรอคะ"
เดชเดินตามมามอง
"ครับ เมื่อคืนผมเก็บรายละเอียดขั้นตอนสุดท้ายเกือบทั้งคืน"
เพทายพอใจ
"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะมีหุ่นเป็นของตัวเอง งั้นฉันก็เอาหุ่นไปไว้ที่บ้านใหม่ได้แล้วสิคะ"
"ครับ แต่พวกเด็กๆยังปั้นหุ่นคุณไม่เสร็จ ผมหวังว่าคุณจะช่วยพวกเขาจนกว่างานจะเรียบร้อย"
"ฉันรับปากแล้วก็ต้องทำตามสัญญาสิคะ"
เดชยิ้มออก "ขอบคุณครับ"
เพทายเข้ามาออเซาะ
"แต่ฉันก็มีอีกเรื่องอยากให้คุณรับปาก"
เดชมองเชิงถาม
"งานวันเปิดตัวหุ่นฉันที่บ้านใหม่ ฉันอยากให้คุณไปด้วยนะคะ"
"แต่ผม"
"น่านะคะฉันขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย "
เดชชะงักจ้องหน้าเพทาย ตกใจกับคำพูดเป็นลาง แต่เพทายเข้าใจไปคนละเรื่อง
เพทายลูบอกเดช
"หรือต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรก็ได้นะคะ คุณเสนอมาฉันจะสนองคุณเอง"
เดชดันเพทายออกอย่างสุภาพ
"ผมขอคิดดูก่อน ผมขอตัวนะครับ จะไปตามเด็กๆให้มาทำงานกันต่อ"
เดชรีบเดินออกไป เพทายมองตาม ส่ายหน้าระอากับความใจแข็งของเดช เพทายมองหุ่นตัวเองอย่างพอใจมากๆ
ทั้งห้าคนเดินคุยกันมา จุฑาถามไม่แน่ใจ
"พวกเรายกโขยงไปกินข้าวเย็นบ้านนายได้แน่นะนายออย" จุฑาว่า
"นั่นสิคะเกรงใจคุณลุงคุณป้าจัง" อัมราบอก
"ไม่ต้องเกรงใจเลย คุณพ่อคุณแม่สั่งไว้ให้ชวนทุกคนไปทานด้วยกัน "
พรรณรายเสริม
"จริงๆด้วย ยัยอัม พี่ก็ได้ยิน คุณป้าบอกจะกลับไปทำขนมจีนแกงเขียวหวานไว้ให้ แค่ได้ยินพี่ก็ท้องร้องจ็อกๆแล้ว"
เสียงรถแล่นมา ทุกคนหันไปมอง เพทายขับรถมาผ่านทุกคนไปอย่างไม่ชะลอ พรรณรายว่าตาม "ไม่มีมารยาท"
สันติมองตามไปแล้วชะงัก เห็นท้ายรถเพทาย เลี้ยวไป มีมอเตอร์ฯตามไปติดๆ สันติแปลกใจ"เอ๊ะ..."
สันติวิ่งตามออกไปที่ถนนหน้าบ้าน แต่รถเพทายกับมอเตอร์ไซค์หายไปแล้ว สันติมองหา
ทุกคนตามออกมางงๆ
"มีอะไรอาร์ต" อาทรถาม
"ฉันเห็นรถมอเตอร์ไซค์ตามรถคุณเพทายไป"
พรรณรายมองรำคาญ
"แล้วมันแปลกตรงไหน ถ้านายเห็นเครื่องบินขับตามรถยัยปอดบวมไปสิค่อยน่าแปลก"
"แต่ผมเห็นมอเตอร์ไซค์คันนี้มาป้วนเปี้ยนตั้งแต่เช้าแล้ว"
"อาจจะเป็นคนละคันก็ได้มั้งคะพี่อาร์ต" อัมราบอก
"ไม่ครับ พี่จำได้เป็นคันเดียวกันแน่ๆ เพราะเมื่อเช้าพี่ก็เห็น"
"หรือจะเป็นพวกนักข่าว" จุฑาว่า
"ไม่น่าใช่"
สันติสีหน้าไม่สบายใจ
"นายกังวลอะไรเหรอ"
"ไม่รู้สิบอกไม่ถูก มันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณเพทาย"
พรรณรายรำคาญ
"ถ้านายห่วงยัยนั่นมากก็ตามไปอารักขาสิ" แล้วดึงออย "ไปกันเถอะค่ะพี่ออย พรรณหิวแล้ว น่ะไปเถอะ"
"คงไม่มีอะไรหรอกน่า คุณเพทายเป็นคนดังจะตาย คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงมาทำอะไรเธอหรอก"
อาทรถูกพรรณรายดึงไปจนได้ สันติพยักหน้า ออกเดินต่อ แต่สีหน้ายังกังวล อัมรามอง
ยิ้มให้กำลังใจ สันติยิ้มตอบ จุฑามองหมั่นไส้ เดินนำไป สันติกับอัมราเดินตามทุกคนไป
เวลาค่ำต่อมา เพทายฮัมเพลงออกมาจากลิฟต์ เดินแกว่งกุญแจห้องมาเรื่อยๆ มือปืนพ้น
มุมบันไดโผล่มา เคลื่อนตัวตามด้านหลังเพทาย เพทายชะงัก หันมามอง ไม่มีอะไร เพทายหันกลับเดินต่อไปถึงหน้าห้อง เพทายจะไขกุญแจ รู้สึกว่ามีคนมอง เธอชะงัก หันมาไม่มีใคร เพทายหันกลับไปไขกุญแจ กุญแจไขไม่ออก เพทายรีบไข เปิดประตูพอดี เพทายหันขวับมา มือปืนมาประชิด เพทายไม่กลัว พูดโกรธๆ
"นี่คุณนักข่าว คุณมาจากสำนักไหนอีกล่ะ เลิกตามฉันแบบนี้ทีได้มั้ย ฉันตกใจหมด"
มือปืนผลักเพทายเข้าห้องอย่างรวดเร็วปิดประตู
เพทายล้มลงรีบหันมาทำท่าจะร้อง มือปืนยกปืนจ่อ
"ถ้าแกร้องฉันยิง"
เพทายนิ่ง
"แก..แกเป็นใครจะทำอะไรฉัน"
มือปืนย่างสามขุมเข้ามา เพทายลุกขึ้นทำใจดีสู้เสือ
"ถ้าแกยิงฉันคนในตึกนี้ก็ต้องได้ยิน รับรองว่าแกหนีไปรอดหรอก"
มือปืนหัวเราะหึๆน่ากลัว กระชากเชือกที่อยู่ในแจ็กเก็ตออกมา เพทายตกใจ หันหลังจะวิ่ง
มือปืนพุ่งเข้าใส่ เอาเชือกรัดคอเพทายผงะกลับมา ล้มลง มือปืนขึ้นคร่อม
บนผนังห้อง เห็นเงามือปืนรัดคอเพทาย แน่นมากขึ้น เงาเพทายพยายามดิ้นสุดชีวิต สักครู่เดียวเพทายชักกระตุกมือเกร็งก่อนค่อยๆอ่อน นิ่ง ฟุบลง
มือปืนจ่อนิ้วไปที่จมูกเพทาย เพทายตาเหลือกค้าง ลิ้นจุกปาก ตายสนิทอย่างน่าสยดสยอง
จบตอนที่ 6