xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 7

กลับจากโรงแรมธาราถึงบ้านรมย์ฤดี พรพจีเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี สวาทเดินจากทางหลังบ้านมาเห็นผู้เป็นนายกลับแต่หัววันก็แปลกใจ

“อ้าว คุณจี วันนี้กลับเร็วจังเลยค่ะ”
“งานเสร็จเร็วกว่าที่คิดจ้ะ”
สวาทมองผู้เป็นนายอย่างแปลกใจ “ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วยนะคะ”
พรพจีนั่งลงยิ้มๆ สวาทมองจับสังเกต
“ที่จริง น้าเห็นคุณจีอารมณ์ดีตั้งแต่ไปเจอคุณหญิงทอศรีมาแล้ว”
“ก็ทำนองนั้นแหละจ้ะ”
“จะว่าไปน้ายังแปลกใจไม่หาย เห็นเขาว่ากันนะคะว่าคุณหญิงน่ะถือตัวน่าดู แต่ฟังจากที่คุณจีเล่าก็ดูชอบคุณจีดีนะคะ”
“คนก็พูดกันไป เท่าที่ฉันได้คุยด้วย ท่านดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งเลยนะจ๊ะ”
“ดีที่ท่านเอ็นดูคุณจ๋านะคะ ตอนคุณจ๋าไปพบท่านครั้งแรก น้าล่ะลุ้นเชียว”
“ท่านรักเอ้มาก ลูกรักใคร ก็คงรักคนนั้นด้วยนั่นแหละจ้ะ”
“เข้ากันได้ดีแบบนี้ อีกไม่นานคงมีการสู่ขอคุณจ๋าแล้วสิคะ”
“ใช่จ้ะอีกไม่นาน”
พรพจียิ้มมีเลศนัย สวาทพอจะเดาออกว่าอะไรเป็นอะไร

อีกฟากหนึ่ง คุณหญิงทอศรีนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น สรัชเดินเข้ามาหา
“ไปไหนอีกล่ะเรา”
“ไปตามหัวใจครับ”
“ดูพูดเข้า แม่จะรู้เรื่องไหมวันนี้ ว่าเราจะไปไหน”
สรัชหัวเราะอารมณ์ดี ไปตามหัวใจจริงๆ นะครับ”
คุณหญิงทอศรีค้อนให้มองหมั่นไส้ลูกชายสุดสวาท “จ้ะ จะไปตามหัวใจที่ไหนก็ตามใจแล้วกัน...หรือไป
หาหนูจ๋า”
สรัชยิ้มเขินไม่ได้ตอบอะไร คุณหญิงนิ่งนึก
“จะว่าไป ที่หนูจ๋าเป็นเด็กน่ารักนี่ก็คงมาจากอาเขาเหมือนกันนะ คุณพรพจีนี่ยังดูสาว แถมยังสวยแล้วก็เก่งด้วย ถึงได้เลี้ยงหลานสาวออกมาได้ดี น่าชื่นชม”
สรัชยิ้มเผล่ “พูดแบบนี้คุณหญิงแม่ของเอ้ พร้อมจะรับน้องจ๋าเป็นสะใภ้แล้วใช่ไหมครับ”
“อย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลย แม่ว่าทำงานให้มั่นคงค่อยคิดเรื่องนี้ยังไม่สาย”
“ยังไงเอ้ก็ต้องช่วยงานพ่อกับแม่อยู่แล้ว แต่งตอนไหนเอ้ก็ได้ทำงานอยู่ดีนะครับพ่อยังบอกเลยว่าถ้าทุกอย่างพร้อมก็แต่งไปเลย พ่ออยากอุ้มหลานแล้ว”
ผู้เป็นมารดาได้ฟังก็น้อยใจ งอนใส่ลูกชาย “ไปตกลงกับพ่อเรียบร้อยแล้ว จะต้องมาถามแม่อีกทำไมล่ะ”
สรัชยิ้มกว้างดีใจ “หมายความว่า แม่ก็อยากอุ้มหลานเร็วๆ เหมือนกันใช่ไหมครับ”
คุณหญิงยังไม่ทันได้ตอบ สรัชชิงเข้าไปกอด หอมแก้มฟอดใหญ่เอาใจ
“ขอบคุณนะครับ เอ้รักแม่มากที่สุด”
สรัชเดินยิ้มหน้าบานอารมณ์ดีออกไป คุณหญิงทอศรีมองตามส่ายหน้าหมั่นไส้ลูกชาย


ฝ่ายวิษธรกำลังนั่งดูข้อมูลบางอย่างในแล็บท็อป ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเอาการ จู่ๆ มีมือหนึ่งมาปิดตาเขาไว้ วิษธรบิดมือนั้นออกอย่างแรง ด้วยความตกใจ
เป็นจิรดานั่นเองที่ออกอาการตกใจมากกว่าเมื่อเห็นท่าทีตื่นตกใจมากขนาดนั้น
“ดะ ดาเองค่ะ” พยาบาลสาวแกล้งร้องเจ็บมือดังลั่น “โอ๊ย”
วิษธรปล่อยมือ “เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ทราบว่าเป็นคุณดา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาผิดเองที่มาเงียบๆ” พยาบาลสาวเจ้าเล่ห์ทำเป็นลูบข้อมือให้ดูน่าสงสาร
“ผมทำคุณดาเจ็บรึเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจจังที่คุณเป็นห่วงดา”
“มือคุณดาเจ็บไม่ต้องทำแผลให้ผมแล้วก็ได้นะครับ”
“ดาไม่เจ็บหรอกค่ะ แค่นี้สบายมาก อีกอย่าง...คุณรินหลับอยู่คงไม่โทรตามช่วงนี้ เพราะฉะนั้นเรามีเวลาทำแผลกันนานกว่าเดิมแล้วนะคะ”
จิรดาขยับเข้าใกล้วิษธรมากขึ้นด้วยท่าทีอันเย้ายวน
เสียงดนัยดังขัดจังหวะขึ้น “ธร แกเก็บสบู่ไว้ที่ไหนวะ ของเก่าหมดแล้ว”
สองคนหันไปมอง สีหน้าจิรดาตกใจเหมือนเห็นผี ดนัยเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเปลือยอกออกมาหาวิษธร จิรดาตกใจผละตัวออกจากวิษธรอย่างเร็ว ดนัยมองจิรดาอึ้งๆ จิรดาเองก็มองดนัยอึ้งๆ เช่นกัน วิษธรมองทั้งสองคนสลับไปมา
“เอ่อ...คือ...”
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ดาไม่ทราบว่าคุณมีเอ้อ...เพื่อน...สนิทอยู่ด้วย ดูไม่ออกเลยนะคะว่าคุณชอบ...เอ้อ...ยังไงก็เชิญหาสบู่กันต่อแล้วกันค่ะ ดาไม่รบกวนแล้ว ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวครับ นี่อย่าบอกนะครับ ว่าคุณคิดว่าพวกผมเป็น...”
ดนัยนึกได้หันมามองวิษธร สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วหัวเราะลั่นออกมา จิรดามองสองคนงงๆ
“นี่พี่ดนัย เป็นลูกพี่ลูกน้องผมเองครับ”
“ลูกพี่ลูกน้อง” จิรดาแปลกใจ
“ใช่ครับ”
“ดีจังค่ะ ดาหมายถึง ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจที่ได้รู้จักนะคะพี่ดนัย”
จิรดายิ้มดีใจยกมือไหว้ดนัยอย่างนอบน้อม ดนัยรับไหว้
“ยินดีเช่นกันครับ ขอโทษทีครับที่เจอในสภาพแบบนี้ ไม่นึกว่าจะมีคนมาหาไอ้ธรตอนนี้”
“เอ่อ...พอดีดาเป็นพยาบาลดูแลคุณริน บ้านอยู่ข้างๆ นี่เองค่ะ”
“อ๋อครับ เคยได้ยินชื่อคุณดามาเหมือนกัน”
จิรดาฟังแล้วฟิน “จริงเหรอคะ คุณธรเคยพูดถึงดาให้พี่ดนัยฟังด้วยเหรอคะ”
“เอ่อ...ครับ” ดนัยมองหน้าวิษธร เห็นอีกฝ่ายพยักพเยิดเชิงบอกให้รีบไป “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำให้เสร็จก่อนนะครับ”
“สบู่อยู่ในตู้ข้างห้องน้ำซ้ายมือ” วิษธรบอก
“ขอบใจเว้ย” ดนัยเดินออกไป
จิรดายิ้มดีใจ “งั้นเรามาทำแผลกันต่อดีไหมคะ”
“ผมมีธุระต้องคุยกับพี่นัยน่ะครับ แล้วพี่นัยก็อาบน้ำเร็วมากด้วย วันนี้ไม่รบกวนคุณดาดีกว่าครับ”
จิรดาอิดออด “แต่...”
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งหน้าบ้านนะครับ”
วิษธรทำท่าผายมือเชิญ จิรดาเดินเซ็งออกไปอย่างเสียดายโอกาส

อิชยากับภัทร์ธีราถือถุงช็อปปิ้งเดินพะรุงพะรัง ออกมาที่ลานจอดรถ
“เราถึงบ้านกับข้าวก็คงเสร็จพอดี ฉันโทร.บอกล่วงหน้าให้ป้าหวาดเตรียมเมนูพิเศษให้แกเลยนะ ตอบแทนที่อุตส่าห์มาช่วยฉันเลือกชุดทำงานวันนี้”
“โอเค รับรองฉันจะกินให้เกลี้ยงไม่ให้เหลือซักเม็ด”
เสียงไลน์มือถือดังขึ้น ภัทร์ธีราเปิดดู งงเมื่อเห็นสรัชส่งมาบอกว่าอยู่ที่บ้านรมย์ฤดี
“พี่รออยู่ที่บ้านน้องจ๋าแล้ว รีบมาเร็วๆ นะคะ”
ภัทร์ธีรางงไม่หาย “อะไรของเขา พี่เอ้อยู่ที่บ้านฉัน ไปทำไม”
อิชยาแซว “ไปสู่ขอแกรึเปล่า”
ภัทร์ธีราหน้าเสีย อิชยามองขำๆ
“ฉันพูดเล่น ใครจะบ้าใจร้อนขนาดนั้น”
ภัทร์ธีราเดินจ้ำไปขึ้นรถ มีอิชยาวิ่งตามไป
“เฮ้ย รอด้วยดิ”


สองสาวเดินหอบถุงช็อปปิ้งเข้ามาวางลงในโถงบ้าน เห็นสรัชนั่งคุยอยู่กับพรพจีในนั้น อิชยายกมือไหว้ทักทายพรพจี
“อาจี สวัสดีค่ะ”
พรพจีรับไหว้ มองหลานสาวที่ถามแขกเชิงตัดพ้อ
“พี่เอ้ จะมา ไม่เห็นบอกจ๋าก่อนเลย”
สรัชตอบว่า “พอดีมีมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับอาจีน่ะค่ะ”
“เรื่องสำคัญ”
ภัทร์ธีรางงใหญ่ เห็นสรัชยิ้มมีเลศนัยกับพรพจี จึงหันมองหน้าอิชยาหน้าเสีย
“นี่พี่เอ้”
“ใช่จ้ะ อาไฟเขียวแล้ว มีเวลาก็ไปหาฤกษ์แต่งงานเลยนะลูก” พรพจีหัวเราะอารมณ์ดี
ภัทร์ธีราตัดพ้อเสียงเข้มเหมือนไม่พอใจ “เรื่องสำคัญขนาดนี้ พี่เอ้จะไม่ปรึกษาจ๋าก่อนเลยเหรอคะ”
“พี่เห็นว่าครอบครัวเราเข้ากันได้ดี ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนี่คะ แล้วพี่ก็เคยเกริ่นๆ กับน้องจ๋าแล้วด้วย”
ภัทร์ธีราพยายามอธิบาย “แต่จ๋ายังไม่พร้อมค่ะ จ๋ายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะแยะ”
“เรื่องอะไรที่น้องจ๋าอยากทำ พอแต่งงานไปแล้วก็ทำได้นี่คะ พี่อนุญาต”
“มันไม่ใช่เรื่องที่พี่เอ้จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตนะคะ นี่มันเป็นชีวิตของจ๋า จ๋าควรมีสิทธิ์ตัดสินใจ”
สรัชหน้าเศร้าไปเลย “น้องจ๋าไม่อยากแต่งงานกับพี่เหรอคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือ...มันหลายเรื่องน่ะค่ะ จ๋าไม่รู้จะอธิบายยังไงดี”
พรพจีมองหน้าหลานสาวนิ่งๆ “อธิบายมาสิจ๊ะ อาเชื่อว่าเอ้พร้อมจะรับฟัง”
ภัทร์ธีรามองหน้าพรพจีทีสรัชทีอย่างอึดอัด เพราะบางเรื่องพูดตรงนี้ไม่ได้
“บางเรื่องจ๋าก็ยังพูดออกมาตอนนี้ไม่ได้ค่ะ แต่จ๋ายังไม่พร้อมจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะพี่เอ้”
ภัทร์ธีราเดินหนีออกไปหน้า ทุกคนสบตากันงงๆ สรัชลุกจะเดินตามไป พรพจีห้ามไว้
“อาเองจ้ะ”
พรพจีตามหลานสาวออกไป
จิรดาแอบฟังอยู่ตั้งแต่ต้น ฉากหลบไปโดยที่ภัทร์ธีรากับพรพจีไม่ทันเห็น มองตามสองอาหลานไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ภัทร์ธีราเดินหุนหันออกมาสงบสติอารมณ์ พรพจีเดินตามมา
“น้องจ๋า”
“จ๋ารู้ค่ะว่าอาจีจะพูดอะไร ยังไงจ๋าก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ”
“อาอยากให้น้องจ๋าคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ สมัยนี้หาผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์และรักเราได้ขนาดนี้น่ะ ยากนะลูก แล้วน้องจ๋าก็รู้ใช่ไหมว่าเอ้เขารักน้องจ๋าขนาดไหน”
ภัทร์ธีราถอนหายใจ อึดอัดไม่หาย “จ๋ารู้ค่ะ แต่จ๋าเพิ่งจะกลับไทยมาไม่นาน จ๋าอยากใช้เวลาอยู่กับเพื่อน กับครอบครัว กับตัวเองบ้าง อีกอย่างจ๋าอยากจะช่วยแบ่งเบาอาจีเรื่องงานด้วย”
“ทุกวันนี้น้องจ๋าก็ช่วยอาจีอยู่นี่จ๊ะ แล้วถึงแต่งงานไปน้องจ๋าก็ยังจะต้องช่วยงานที่บริษัทอยู่ดี ถึงจะไม่อยากก็เถอะ” พรพจีบอกยิ้มๆ
“แต่ถ้าจ๋าแต่งงานไป ใครจะดูแลอาจีกับอารินล่ะคะ”
“อาน่ะ น้องจ๋าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ มีน้าหวาดอยู่ทั้งคน ส่วนอารินก็มีคุณดาอยู่แล้ว”
“มันไม่เหมือนกันหรอกนะคะ พี่ดาดูแลจิตใจอารินไม่ได้อาจีก็รู้ว่าตอนนี้ อารินอ่อนไหวกับทุกเรื่องแล้วถ้าจ๋าแต่งงานไปอีกคนอารินคง...”
พรพจีลอบถอนหายใจ เริ่มเครียดขึ้นมาเมื่อนึกตาม

ฝ่ายสรัชนั่งซึมและลุ้นไปด้วย อิชยามองด้วยความเห็นใจ เดินมานั่งข้างๆ ยื่นลูกอมให้
“ลูกอมไหมคะพี่เอ้ เวลาเครียดๆ ของหวานช่วยได้นะคะ”
“ขอบคุณครับ” สรัชรับมางงๆ กลับมาซึมตามเดิม “หวังว่าจะช่วยรักษาอาการหน้าแตกด้วยนะครับ เละจนหมอไม่รับเย็บแล้ว”
“จ๋าคงไม่ได้ตั้งใจปฏิเสธพี่เอ้หรอกค่ะ คงแค่ตั้งตัวไม่ทันมากกว่า”
“พี่ก็เคยพูดเรื่องนี้กับน้องจ๋าบ้างแล้วนะ แต่น้องจ๋าก็ไม่เคยให้คำตอบกับพี่เลย อีกอย่างพี่พาอาจีกับน้องจ๋าไปเจอพ่อแม่แล้ว พี่ก็คิดว่าน่าจะโอเค”
“จ๋ารักพี่เอ้นะคะ แต่เขาก็รักอาทั้งสองมากเหมือนกัน คงยากที่เขาจะตกลงแต่งตอนนี้ พี่เอ้ต้องใจเย็นๆ รออีกสักพัก ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าถึงเขาแต่งงานกับพี่เอ้ไป เขาก็ยังดูแลครอบครัวที่เขารักได้อยู่ ยาเชื่อว่าถ้า
คนรักกันจริงจะต้องเข้าใจกัน และฝ่าฟันปัญหาไปได้ค่ะ”
“แล้วพี่ควรทำยังไงดี”
“ก็แค่ไปคุยกับจ๋าให้เข้าใจ สู้ๆนะคะ”
อิชยาชูสองนิ้วยิ้มให้อย่างสดใส สรัชชูสองนิ้วตอบ มองอิชยาด้วยความซึ้งใจ

ฝ่ายจิรดาปั้นสีหน้าเคร่งเครียดหลังเล่าจบ ขณะที่นรินทร์กำมือแน่น
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะ เห็นว่าให้หาฤกษ์แล้วด้วยนะคะ”
นรินทร์ทุบตีที่เท้า แขน ตัวเองอย่างเจ็บใจ
“เห็นไหมล่ะ หึ ฉันว่าแล้วว่าซักวันจะต้องเป็นแบบนี้ เขากำลังขับไล่ไสส่งน้องจ๋าไปจากฉัน ฉันจะได้ไม่เหลือใคร”
“แล้วคุณรินจะทำยังไงต่อไปคะ”
นรินทร์กลอกตาไปมาอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด

ภัทร์ธีรายืนคุยกับพรพจีอยู่ในสวนสวย สรัชเดินเข้ามาหา
“น้องจ๋าครับ”
“อาว่า หลานคงมีเรื่องต้องคุยกัน อาไปก่อนนะจ๊ะ” พรพจียิ้มให้กำลังใจสรัชแล้วเข้าบ้านไป ทิ้งให้สรัชและภัทร์ธีรายืนอยู่ในบรรยากาศอึดอัด
สุดท้ายสองคนเอ่ยขึ้นพร้อมๆ กัน “น้องจ๋าครับ” / “พี่เอ้คะ”
ภัทร์ธีรา “พี่เอ้ก่อนสิคะ”
“น้องจ๋าก่อนเถอะ”
“จ๋า ขอโทษค่ะที่ปฏิเสธพี่เอ้ไปแบบนั้น”
สรัชยิ้ม “ครับ พี่ก็ขอโทษนะคะ ที่ทำอะไรไม่ถามน้องจ๋าก่อน”
“ค่ะ”
“เป็นอันว่าน้องจ๋าหายโกรธพี่แล้วนะ”
ภัทร์ธีราพยักหน้าเบาๆ
“งั้นเรื่องแต่งงานของเรา...”
“จ๋าก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี” ภัทร์ธีราจับมือสรัช “จ๋ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ จ๋าอยากให้พี่เอ้เข้าใจจ๋าได้ไหมคะ”
“ถ้าน้องจ๋าต้องการอย่างนั้น” สรัชฝืนยิ้ม “ก็โอเคครับ”


วิษธรกับดนัยเดินเข้ามาเห็นสองคนจับมือกันอยู่ วิษธรกระแอมขึ้น
“สวัสดีครับคุณเอ้”
ภัทร์ธีรารีบปล่อยมือสรัชทันที
“คุณธร สวัสดีครับ”
ภัทร์ธีรายกมือไหว้ดนัย อีกฝ่ายรับไหว้
“ผมขอโทษนะครับ บังเอิญมาขัดจังหวะอยู่เรื่อย” วิษธรยิ้มๆ
“ไม่ได้ขัดหรอกครับ ผมมาคุยกับน้องจ๋าบ่อยๆ อยู่แล้ว”
"บังเอิญหรือตั้งใจอยากรู้เรื่องของคนอื่นกันแน่"
วิษธรไม่สนใจภัทร์ธีราพูดกับสรัชต่อ “อ้อ นี่พี่ดนัย ลูกพี่ลูกน้องผมครับ” เขาผายมือไปทางสรัช “ส่วนนี่คุณเอ้ แฟนคุณจ๋า”
สองหนุ่มทักทายกัน “สวัสดีครับ” / “สวัสดีครับ”
“เชิญคุณสองคนตามสบายนะครับ ผมสองคนขอตัวก่อน”
ภัทร์ธีราทำหน้าไม่สบอารมณ์

จิรดาเข็นนรินทร์ผ่านมาทางห้องรับแขก นรินทร์ยกมือบอกให้หยุด นรินทร์มองวิษธรที่เดินเข้ามาหาพรพจี เห็นสองคนคุยกันกระหนุงกระหนิงหัวเราะหัวใคร่ให้กัน ถึงกับกำมือแน่นทำท่าให้จิรดาเข็นเข้าไปในห้อง
“ทำอะไรกันก็อายฟ้าดินกันซะบ้าง”
วิษธร พรพจี และดนัยที่นรินทร์ไม่เห็นในตอนแรกก้าวออกมา ทำหน้างงๆ
“เป็นอะไรของคุณอีกคุณริน พูดอะไรเกรงใจแขกบ้างสิ”
“นี่! คุณ”
จิรดาอึ้งไป รีบแนะนำให้สองคนรู้จักกัน
“อ้อ คุณรินคะ คุณดนัยก็อยู่ด้วย ที่ดาเคยเล่าให้ฟังไงคะ คุณดนัยคะ นี่คุณรินค่ะ เป็นสามีของคุณจี คุณรินคะ นี่คุณดนัยเป็น ลูกพี่ลูกน้องคุณธรน่ะค่ะ
ดนัยยกมือไหว้ แต่นรินทร์เมินหน้าหนี
พรพจีบอกกับวิษธรและดนัยว่า “อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิคะ กว่าจะกลับถึงบ้านตั้งไกล อาหารฝีมือป้าหวาดนี่ระดับเชฟโรงแรม ไม่เชื่อลองถามธรดู เขามากินบ่อยๆ ใช่ไหมคะธร”
นรินทร์โกรธจนตัวสั่น ทำท่าจะกดปุ่มรถเข็นเข้าไป แต่จิรดาแตะแขนปรามไว้ แล้วเข้าไปขวางลำ ตรงกลางระหว่างวิษธรและพรพจี จับแขนวิษธรอ้อนๆ
“คุณธรจะอยู่ทานข้าวเย็นกับดาเหรอคะ ดีจังเลย สงสัยอาหารวันนี้ต้องอร่อยเป็นพิเศษแน่ๆ”
พรพจีอึ้งที่เห็นจิรดาแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ แต่เพราะอยู่ต่อหน้าทุกคนเลยต้องข่มอารมณ์ไว้
“น่าเสียดายจริงๆครับ วันนี้ผมคงอยู่ไม่ได้ ต้องไปส่งพี่นัยที่สนามบิน ถ้าอยู่กินข้าวเย็นบ้านนี้ กลัวจะติดใจจนพี่นัยตกเครื่องเอานะสิครับ ผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ” วิษธรเลี่ยง ยกมือไหว้ลานรินทร์ “สวัสดีครับคุณริน สวัสดีครับคุณจี”
“รีบๆ ไปเถอะ”
นรินทร์ตะเพิดส่ง ทุกคนมองอย่างอึดอัด วิษธรยิ้มรับอย่างใจเย็น

สองหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน ดนัยหันไปมองทางบ้านรมย์ฤดีอีกครั้ง ก่อนจะปรารภขึ้น
“บ้านโน้นเหมือนที่แกเล่าทุกคนจริงๆ”
“เจอทุกวันก็สนุกดีนะ เหมือนต้องเล่นละครใส่กันตลอดเวลา”
“ละครที่แกเป็นพระเอกอย่างงั้นเหรอ แล้วใครเป็นนางเอกวะ”
วิษธรหัวเราะหึๆ “ผมไม่ดีพอที่จะเป็นพระเอกหรอกครับ”
“สงสัยต้องให้นายคนนั้นเป็นพระเอก ชื่ออะไรนะ แฟนคุณจ๋าน่ะ”
“คุณเอ้ สรัช ลูกของพลเอกสุทธิ วัชรยุทธไงครับ”
“พ่อใหญ่ไม่เบาแฮะ แต่ท่าทางยอมคุณจ๋าน่าดู แต่งงานไปก็คงกลัวเมีย น่าเสียดายที่คุณจ๋ามีแฟนซะแล้ว ไม่อย่างนั้น ฉันคงยุให้แกปราบพยศไปแล้ว”
“มีแฟนแล้วก็ปราบได้” ดนัยหัวเราะชอบใจเมื่อได้ฟัง “แต่ผมไม่ได้คิดจะปราบ”
“อ้อเหรอ” ดนัยเย้าเสียงสูง
วิษธรยักไหล่ไม่ใส่ใจ
“ไปแล้วดีกว่า เดี๋ยวจะตกเครื่องอย่างที่แกว่าจริงๆ”
วิษธรลุกขึ้นจะไปส่ง ดนัยห้ามไว้
“ไม่ต้องไปส่ง ฉันไปแท็กซี่ง่ายกว่า ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ”
ดนัยตบบ่าวิษธรแล้วเดินออกบ้านไป

สรัช อิชยา และ ภัทร์ธีราคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ขณะพรพจีเดินเข้ามา ตามมาด้วยนรินทร์ที่จิรดาเข็นรถพามา สรัช และอิชยาลุกขึ้นไหว้ทักทาย นรินทร์รับไหว้
“ตามสบายนะหลานๆ”
“อารินสบายดีนะครับ”
“ถ้าถือว่าการต้องนั่งตลอดเวลา เดินไปไหนไม่ได้คือความสบาย อาก็สบายดีอย่างที่เห็น”
ทุกคนเงียบ บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันควัน สุดท้ายนรินทร์ตบไหล่สรัชบอกว่า
“อาล้อเล่นน่ะ”
สรัชยิ้มรับเจื่อนๆ “อ้อครับ”
“อารินยังดูแข็งแรงอยู่เลยค่ะ” อิชยาว่า
“เดินไม่ได้น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไม่ค่อยมีใครอยู่เป็นเพื่อนอา มันก็แย่นิดหน่อย อามีแค่น้องจ๋านี่แหละที่ทำให้อาสดชื่นขึ้น น้องจ๋าช่วยอาได้มากจริงๆ นะเอ้ หวังว่าเอ้คงไม่รีบพาน้องจ๋าไปจากอาเร็วนัก เอ้เข้าใจอาใช่ไหม”
“เอ่อ เข้าใจครับ” สรัชบอก
“แล้วน้องจ๋าล่ะลูก เบื่อดูแลอาพิการคนนี้รึยัง”
“จะเบื่อได้ยังไงคะ จ๋าจะอยู่ดูแลอารินไปเรื่อยๆ ยังไม่รีบไปไหนหรอกค่ะ” ภทร์ธีราเข้าไปอ้อน “แล้วอารินก็แทบจะไม่เหมือนคนพิการ อารินยังแข็งแรง ดูแลตัวเองได้แทบทุกอย่าง”
“ขอบใจที่ให้กำลังใจอา แต่กำลังใจที่ดีที่สุดของอาคือตัวน้องจ๋านี่แหละ” นรินทร์ลูบผมน้องจ๋าอย่างเอ็นดู “อย่าทิ้งอาไปอีกคนนะ”
“ค่ะ อาริน”
สรัชจ๋อย อิชยามองสรัชด้วยความเห็นใจ พรพจีหงุดหงิดลุกหนีออกไปจากห้อง นรินทร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ


สรัชอาสาขับรถมาส่ง เขาจอที่รถหรูหน้าตึกบ้านอิชยา ลงมาเปิดประตูให้
“วันนี้เลยต้องลำบากพี่เอ้มาส่งยาที่บ้านเลย ขอโทษแล้วก็ขอบคุณนะคะ”
“พี่ต้องขอบคุณยามากกว่าครับ”
“ขอบคุณอะไรคะ ยายังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ก็ขอบคุณสำหรับนี่” สรัชหยิบห่อลูกอมขึ้นมา “ของหวานมันช่วยได้นิดนึงจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้น” อิชยาค้นกระเป๋าก่อนจะหยิบกล่องลูกอมมายื่นให้ “ยาให้หมดเลยค่ะวันนี้พี่เอ้ต้องใช้มันมากกว่า กินหมดถุงคงช่วยได้เยอะขึ้น”
“นี่ไม่ได้แนะนำให้พี่ฆ่าตัวตายด้วยการเป็นเบาหวานใช่มั้ย”
อิชยาหัวเราะ “ใครจะไปทำแบบนั้นล่ะคะ ยาหาแฟนใหม่ที่ดีกว่าพี่เอ้มาชดใช้ยัยจ๋าไม่ได้แน่”
“โห...พี่ดีขนาดนั้นเชียว โอเค นอกจากลูกอมแล้วคำยอก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอีกหน่อย”
สรัชกับอิชยาหัวเราะให้กัน
“ยา ใครมาส่งน่ะ” เสียงอรดีแหลมเข้ามาก่อนเจ้าของ ยิ้มทักเมื่อเห็นเป็นสรัช “อ้าว เอ้ ทำไมถึงมาส่งยาได้ล่ะ”
“บังเอิญเจอกันที่รมย์ฤดีน่ะครับ”
“รมย์ฤดี? ไปทำอะไรเหรอจ๊ะ” อรดีสนใจใคร่รู้เต็มที่

อิชยาเล่าเรื่องให้พี่สาวฟังจบลง อรดีหัวเราะเยาะ
“ฮะๆๆ คนที่ผิดหวังกว่าเอ้ก็คืออาจีนั่นต่างหาก ยัยจ๋าน่ะเป็นก้างติดคอชิ้นเบ้อเร่อ คิดจะกำจัดโดยให้ยัยจ๋าแต่งงานน่ะสิ นี่แผนไม่สำเร็จก็คงจะผิดหวังอย่างแรง สมน้ำหน้า”
“เมื่อไหร่พี่ดี้จะเลิกมองโลกในแง่ร้ายซะทีนะ”
“แล้วเมื่อไหร่แกจะเลิกขัดคอฉัน ด้วยความโลกสวยของแกซะทียะ น่ารำคาญจริงๆ บ้านอยู่บนสายรุ้ง มีสัตว์เลี้ยงเป็นยูนิคอร์นรึไงหะ”
อิชยาส่ายหน้าแล้วลุกหนีไป อรดีทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น ดนัยกลับถึงบ้านที่เมืองเหนือแล้ว เขานั่งทำงานอยู่กับโน้ตบุคที่โต๊ะสนามในสวนสวยบ้านวรกานต์ ยิ้มดีใจเมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นท่าทางเรียบร้อยรับกับใบหน้าสวยหวาน เธอเดินมาถึงพร้อมถุงขนมในมือ ยิ้มอ่อนโยนทักทาย
“พี่นัยคะ”
“น้องม่าน” เธอคือ ม่านแก้ว
“ม่านเอาขนมมาให้พี่นัยค่ะ”
“ให้พี่เหรอ เอ่อ ขอบคุณครับ” ดนัยยิ้มเขิน พอเปิดดูแล้วพึมพำเบาๆ “โห ของโปรดไอ้ธรทั้งนั้นเลย
“ม่านไม่รู้ว่าพี่นัยชอบอะไร ก็เลยทำที่เคยทำมา ไม่รู้พี่นัยจะชอบรึเปล่า”
“ชอบสิครับ ขนมที่ม่านทำอร่อยทุกอย่าง พี่ชอบทุกอย่างนั่นแหละปกติ พี่ก็ได้ลาภปากจากไอ้ธรนั่นแหละ”
“แล้ว พี่ธรชมขนมของม่านบ้างหรือเปล่าคะ”
“ชมสิ ชมตลอด ว่าแต่ม่านมาวันนี้คงไม่ได้เอาขนมมาให้พี่อย่างเดียวแน่ๆ”
“คือ..ม่านอยากรู้ว่าพี่ธรเป็นยังไงบ้างน่ะค่ะ สบายดีรึเปล่า ไลน์ไปพี่ธรกว่าจะตอบก็ช้ามาก ม่านเลยเกรงใจไม่ค่อยกล้าถามอะไรคิดว่าคงยุ่งมาก” ม่านแก้วหน้าเศร้าลง
“อ้อ ไอ้ธรมันยุ่งจริงๆ ครับ ยุ่งมากๆ ขนาดพี่ไปหามัน ยังไม่ค่อยได้เจอมันเลยทำงานหนักทุกวัน”
ม่านแก้วหายเศร้า มาเป็นห่วงแทน “จริงเหรอคะ แล้วพี่ธรดูแลสุขภาพตัวเองบ้างไหม หวังว่าคงไม่ทำงานหนักเกินไปจนป่วยนะ”
“มันยังแข็งแรงดีครับ”
“ดีจัง แล้วพี่ธรได้บอกพี่นัยไหมคะว่าเมื่อไหร่จะกลับม่านไม่ได้เจอพี่ธรนานแล้ว”
“อีกสักพักเดี๋ยวมันก็กลับครับ ให้มันได้เคลียร์งานอะไรให้เรียบร้อยก่อน อ้อ พอเจอพี่มันก็ถามถึงม่านใหญ่เลยนะ”
“จริงๆ เหรอคะ ดีใจจัง”
ดนัยฝืนยิ้มให้ ทั้งๆ ที่หัวใจโศกศัลย์

วิษธรนั่งเซ็นเอกสารท่าทางเอื่อยๆ เหมือนไม่สนใจ ภัทร์ธีรายืนหน้าบึ้งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะ
“นี่คุณ จะบอกฉันได้รึยังว่าจะให้ฉันทำอะไรต่อ”
“วันนี้คอยช่วยงานผมก็พอ”
ภัทร์ธีราหน้าเสีย ไม่อยากทำงานกับวิษธร
“ไหนว่าต้องศึกษางานให้ครบทุกรูปแบบไง คุณให้ฉันไปดูแลสวนหรือสระว่ายน้ำก็ได้ ฉันยังไม่เคยฝึกงานแถวนั้นเลย”
“ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณควรศึกษางานบริหารแล้ว”
ภัทร์ธีราหน้ามุ่ย วิษธรวางปากกาลง มองหน้าภัทร์อย่างสงสัย
“ทำไมคุณไม่อยากช่วยงานผม”
“คนอย่างคุณมันไม่น่าช่วย”
“คุณกลัวอะไรเหรอ”
“กลัวอะไร”
“ผมถามคุณนะว่ากลัวอะไร”
“นี่อย่ามากวนนะ คุณหมายความว่ายังไงที่ว่าฉันกลัว”
วิษธรหัวเราะขำเบาๆ
“กลัวที่จะอยู่ใกล้ผม”
“ทำไมฉันต้องกลัวด้วย”
“ผมก็ไม่รู้สิ เห็นคุณทำท่าไม่อยากเข้าใกล้ผมตลอดเวลา เหมือนกลัว”
ภัทร์ธีราฉันไม่ได้กลัว แต่ถ้าเกลียดล่ะก็ไม่แน่
“ระวังนะครับ เกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้น”
ภัทร์ธีรามองหน้าวิษธรอย่างอวดเก่งถือดี
“ไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน ฉันจะทำสิ่งที่ฉันอยากทำ”
“งั้นเชิญครับ คุณเป็นหลานเจ้าของโรงแรมนี่”
ภัทร์ธีราสะบัดหน้าเดินออกไป วิษธรมองตามนิ่งๆ แววตาไม่ยี่หระเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นครุ่นคิด ภัทร์ธีราไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเอาชนะง่ายๆ อย่างอาของเธอเลย

พรพจีเดินตรวจตราโรงแรมมาเรื่อยๆ พนักงานเห็นพรพจีต่างก็หยุดทักทายสวัสดี แสดงความเคารพตามรายทาง พรพจีมาหยุดมองไปข้างหน้าอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นภัทร์ธีรากำลังดูแลความเรียบร้อยที่สระว่ายน้ำ
“น้องจ๋า มาทำอะไรอยู่ตรงนี้” พรพจีเดินมาหาพลางถาม
“ฝึกงานไงคะ”
“อาบอกธรแล้วนี่ ว่าให้น้องจ๋าไปฝึกงานบริหารกับธรวันนี้”
“น้องจ๋าขอมาทำตรงนี้เองแหละค่ะ ทำงานกับนายนั่นมากๆ กลัวจะโดนปั่นหัว”
พรพจีเรียกอย่างอ่อนใจ “น้องจ๋า”
“ขอโทษนะคะอาจี”
ภัทร์ธีรากลับไปทำงานต่ออย่างกระฉับกระเฉง พรพจีมองไม่สบายใจนัก


ในห้องทำงานวิษธรเวลานั้น เขาหัวเราะขำออกมา เมื่อได้ฟังที่พรพจีเล่าจบ
“นี่คุณจ๋าคิดว่าผมจะปั่นหัวเขาได้จริงๆ เหรอครับ เขาหัวแข็งจะตาย”
“ยังจะขำอีก ฉันอุตส่าห์อยากให้คุณมีโอกาสปรับความเข้าใจกับน้องจ๋า พังไม่เป็นท่า”
“เอาไว้ค่อยลองใหม่ก็ได้ครับ เออ ศุกร์นี้ ผมจะไปตรวจโรงแรมที่สระบุรี จีไปด้วยกันนะครับ”
“ไปสิคะ ไม่ได้เที่ยวกับธรมานานแล้ว”
“ชวนน้องจ๋าไปด้วยสิครับ ไปสองคนเดี๋ยวจะดูไม่ดี”
“เมื่อไหร่เราจะได้ไปเที่ยวกันสองต่อสองบ้างคะ ฉันอยากไปกับคุณแค่สองคน”
“ผมก็เหมือนกัน เอาอย่างนี้ดีไหม ให้คุณจ๋าชวนคุณเอ้ไปด้วยสองคนนั้นจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการตัดสินใจแต่งงานของคุณจ๋า” วิษธรมองตาพรพจีหวานซึ้ง “แล้วเราสองคนจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นด้วย”
“ถ้าเอ้รู้ว่าน้องจ๋าไป ก็ต้องตามไปแน่ค่ะ”
วิษธรพูดเบาๆ “เดาง่ายจัง”
“เอ้น่ะเหรอคะ”
วิษธรพยักหน้า “เดาง่ายขนาดนี้คุณจ๋าอาจจะเบื่อเร็ว ท่าทางคุณจ๋าน่าจะชอบอะไรยากๆ หน่อย”
พรพจียิ้มขำๆ “คุณนี่มองคนขาดตลอด แล้วฉันล่ะ”
“คุณก็ชอบอะไรยากๆ เหมือนกัน แต่อะไรที่ว่ายากมาเจอคุณก็จะง่ายทันที”
พรพจียกมือประคองแก้มวิษธรลูบเบาๆ
“รู้ใจฉันจัง”
ทั้งสองมองตากันหวานฉ่ำปานจะกลืนกิน พรพจีโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“หิวหรือยังคะ”

ไม่นานต่อมา ภาพขณะรถแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านอาหาร วิษธรลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูให้พรพจี ถูกถ่ายรูปเอาไว้ด้วยเลนส์ซูมจากระยะไกลมาก กล้องยังเก็บภาพทั้งตอนพรพจีควงแขนวิษธรเข้าร้านอาหารไป ขณะวิษธรถือกระเป๋าให้ และในร้านอาหารตอนพรพจีเช็ดปากให้วิษธรอย่างเอาอกเอาใจ ก็ถูกกดชัตเตอร์ไว้แบบรัวๆ
เป็นผลงานของช่างภาพผู้ชายใส่แว่นกันแดดใส่หมวกหรุบลงปิดบังใบหน้า ชายคนนั้นกดเช็ครูปถ่ายหวานๆ ของวิษธรกับพรพจีไว้ แล้วยิ้มสมใจ อย่างมีเลศนัย

ภัทร์ธีราเดินเข้ามาในร้านกาแฟตกแต่งน่ารัก เหลียวมองหาสรัชจนเจอ
“รอนานไหมคะพี่เอ้”
“นานกว่านี้ พี่ก็รอได้ค่ะ”
ภัทร์ธีรายิ้ม บริกรเข้ามารับออเดอร์แล้วเดินออกไป
“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับเด็กฝึกงาน”
ภัทร์ธีราทำหน้าเซ็งๆ “อย่าให้จ๋าพูดเลยค่ะ เออ พี่เอ้คะ ศุกร์นี้จ๋าต้องไปสระบุรีนะคะ บอกไว้ก่อน เดี๋ยวคิดถึง”
สรัชบอกยิ้มๆ “ไม่คิดถึงหรอก”
“โห พูดแบบนี้จ๋าน้อยใจนะเนี่ย”
“ไม่คิดถึง เพราะพี่จะขอไปด้วย ไม่ได้ไปสระบุรีมานานแล้ว”
“แต่จ๋าไปทำงานนะคะ ไม่ได้ไปเที่ยว จ๋า กลัวพี่เอ้เบื่อ”
“ที่ไหนที่มีน้องจ๋า พี่ไม่เคยเบื่อเลย” สรัชหยอดหวาน
ภัทร์ธีราขำ “เลี่ยนมากค่ะ”
“พี่คงจะขับรถตามไปนะคะ ตอนเช้าต้องไปทำธุระให้แม่ก่อน”
“โอเคค่ะ”

บรรยากาศด้านนอกของโรงแรม ธารา สระบุรี เขียวขจีไปด้วยพรรณไม้ใหญ่น้อย สวนถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม ดูอบอุ่น และสดชื่น
รถตู้ของโรงแรมเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าตึกตอนสายๆ วันนี้ ภัทร์ธีราลงรถ วิษธรลงมาคอยช่วยรับจับมือพรพจีลงรถ พนักงานเปิดประตูต้อนรับไหว้ทักทายเสียงดัง
“สวัสดีครับคุณวิษธร คุณพรพจี”
ทั้งสามเดินเข้ามาในล็อบบีโรงแรม พนักงานหน้าใหม่ๆ ต่างไหว้วิษธร ก่อนจะไหว้สองสาว
“สวัสดีครับคุณธร... สวัสดีครับ”
ภัทร์ธีรามองอย่างไม่พอใจ

ภัทร์ธีราสำรวจเก็บข้อมูลโรงแรมไปทั่ว เอ่ยขึ้นกับพรพจีในจังหวะหนึ่ง
“พนักงานที่นี่ก็แปลกนะคะ ดูต้อนรับผู้ช่วยอาจี ยิ่งกว่าอาจีที่เป็นเจ้าของซะอีก”
“ที่นี่มีพนักงานไม่เยอะ ธรดูแลได้ใกล้ชิดก็เลยสนิทกัน แล้วพนักงานใหม่ๆหลายคน เขาก็แค่ไม่เคยเห็นหน้าอาเท่านั้นแหละ เราน่ะคิดมากจัง”
“แสดงว่าพนักงานที่นี่เป็นคนของเขาทั้งนั้น อย่างนี้ถ้าเกิดเขาลาออกไป พนักงานไม่พากันลาออกตามหมดเหรอคะอาจี ถ้าเป็นแบบนั้น โรงแรมเราต้องแย่แน่ๆ เลยค่ะ” ภัทร์ธีราแสดงความคิดเห็น
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ธรมีหุ้นที่นี่ตั้ง 30% เขาไม่ลาออกง่ายๆ หรอกจ้ะ”
ภัทร์ธีราตกใจมาก “30% เลยเหรอคะ ทำไมเขามีหุ้นเยอะขนาดนี้”
“อาขายให้เขาเองแหละ พอคนเรารู้สึกเป็นเจ้าของร่วม เขาจะได้ทำงานให้เราเต็มที่ไม่ทิ้งเราไปง่ายๆ ไม่ดีเหรอจ๊ะ”
“ถ้าเป็นอย่างที่อาจีว่าก็ดีนะสิคะ แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ...”
สีหน้าภัทร์ธีราเต็มไปด้วยความกังวลใจ


จิรดาเดินลงมาชั้นล่าง แต่ไม่เห็นใครเลยก็นึกสงสัย จนสวาทเดินผ่านมาพอดี
“น้าหวาดคะ”
“ว่าไงคะ”
“วันนี้บ้านเงียบจังเลยนะคะ คุณจ๋ากับคุณจีออกไปข้างนอกกันหมดเหรอคะ”
“ทั้งสองคนไปดูงานที่โรงแรมสระบุรีกันน่ะค่ะ คุณดามีอะไรรึเปล่าคะ”
“คุณรินเห็นบ้านเงียบๆเลยให้มาดูน่ะค่ะ ดีจังเลยนะคะ ไปกันสองคนอาหลาน”
“คุณธรไปด้วยค่ะ”
“อ้อเหรอคะ ไปกันสามคนเหรอคะ”
“เห็นคุณจ๋าว่า คุณเอ้จะตามไปนะคะ ฉันนึกว่าคุณจ๋าบอกคุณรินแล้วซะอีก”
จิรดารีบร้อนเดินขึ้นบันไดไปเลย สวาทมองตามอย่างไม่สบายใจ

นรินทร์นั่งหน้าเครียดอยู่ในห้อง จิรดารายงานเสร็จ ทำเป็นแอ๊บกังวลใจอยู่ข้างๆ
“นี่ไปกันหมดเลยเหรอ จีต้องจงใจให้เอ้ไปด้วยแน่นอน พอกันน้องจ๋าออกไปได้ตัวเองจะได้อยู่กับไอ้ธรได้เต็มที่ หน้าด้านจริงๆ หลานอยู่แท้ๆ ยังคิดจะทำเรื่องชั่วๆ”
“ปล่อยไปอย่างนี้จะดีเหรอคะ ไม่รู้ว่าคุณจีจะเตลิดไปถึงไหน ถ้าเกิดทนไม่ไหว อยากจะหย่าขึ้นมา คุณรินไม่แย่เหรอคะ”
นรินทร์โพล่งขึ้นว่า “ไป”
จิรดาหน้าเสีย นึกว่าโดนนรินทร์ไล่ให้ออกไป
“ดาก็แค่พูดในสิ่งที่ตัวเองเห็นเท่านั้นเอง ไปก็ได้ค่ะ”
จิรดากำลังจะเดินออก นรินทร์พูดแทบเป็นตะโกนขึ้นว่า
“ไปเตรียมรถ! ผมจะไปสระบุรี”
“ได้เลยค่ะ”
จิรดายิ้มร่ารีบออกไปจัดการตามสั่ง นรินทร์มีสีหน้าคั่งแค้น มุ่งมั่นจะเอาชนะให้ได้
สามคนเดินเล่นอยู่ในสวนสวยของโรงแรม ธารา สระบุรี พรพจีมองรอบๆ อย่างพึงพอใจ
“ปรับปรุงแล้วดีกว่าเดิมมากจริงๆ ค่ะ ให้ความรู้สึกสบายใจน่าพักผ่อน จริงไหมน้องจ๋า”
ภัทร์ธีราตอบรับแบบขอไปที “ค่ะ”
“ดีใจที่ชอบครับ” วิษธรยิ้มบอก
“บางอย่างฉันยังไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าธรแอบมาปรับปรุงเมื่อไหร่
“แอบทำโดยที่ไม่ถามเจ้าของด้วยเหรอคะ” ภัทร์ธีราค่อนแคะทันทีที่มีโอกาส
“แต่ธรเขาทำได้ดีนะน้องจ๋า อาไว้ใจธรอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเลย อะไรที่ธรคิดว่าดีก็ทำเลยค่ะ ฉันเชื่อใจคุณอยู่แล้ว”
วิษธรมองสบตาอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณครับ”
ภัทร์ธีราหมั่นไส้ไม่หาย “แต่ก็น่าจะถามความเห็นเจ้าของด้วยนะคะ”
“ธรเขาก็มีส่วนเป็นเจ้าของอยู่นี่จ๊ะ”
ภัทร์ธีรามองวิษธรอย่างหวาดระแวง แต่อีกฝ่ายตีสีหน้าขรึมเฉยตลอด ก่อนที่จะละสายตาไปมองที่ถนนเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง
“ใช่เจ้าของคนเดียวซะเมื่อไหร่”
“น้องจ๋า อาปล่อยให้ธรเขาทำงานตามหน้าที่ก็ต้องไว้ใจกัน ถ้ามัวแต่ระแวงคนทำงานเขาจะอึดอัดนะจ๊ะ” พรพจีปรามหลานสาวในที
“ไม่เป็นไรครับคุณจี ผมบริสุทธิ์ใจถ้าจะตรวจสอบอะไรก็ได้เลยนะครับไม่อึดอัดหรอกครับ” วิษธรว่า
“ก็ดีค่ะ จะได้ไม่มีใครอึดอัดใจทั้งสอง่าย” ภัทร์ธีราประชดส่ง
“ท่าทางคุณจ๋าคงก็จะไม่อึดอัดแล้วละครับ”
ภัทร์ธีรามองหน้าวิษธรงงๆ พอมองตามสายตาเขาก็ชะงัก
“พี่เอ้”
สรัชถอดแว่นกันแดด เดินเข้ามาทักทายทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“มาเร็วจังค่ะ”
“ทนคิดถึงน้องจ๋าไม่ไหวน่ะค่ะ ทำธุระเสร็จก็รีบมาเลย” สรัชว่า
“น้องจ๋า พาพี่เขาเอาของไปเก็บที่ห้องสิลูก” พรพจีบอก
ภัทร์ธีราอิดออด “แต่จ๋ายังทำงาน...”
“ไปเถอะจ้ะ เราเป็นเจ้าบ้านต้องดูแลแขกให้ดีนะจ๊ะ”
ภัทร์ธีราพาสรัชออกไป พรพจียิ้มให้วิษธรที่กันน้องจ๋าออกไปได้สำเร็จ

พรพจีเดินเล่นมาตามทางริมลำธารพร้อมกับวิษธร หยุดสูดลมหายใจอย่างสบายใจ
“ฉันไม่ได้รู้สึกสบายใจแบบนี้มานานแล้ว ขอบคุณนะคะ”
“ผมอยากให้คุณได้พักบ้าง คุณเหนื่อยมามาก”
“เหนื่อยอะไรกันคะ ตั้งแต่มีคุณ ฉันก็ไม่ได้ทำงานหนักอะไรเลย คุณต่างหากที่เหนื่อยแทนฉันทุกอย่าง ขอบคุณนะคะ”
“ขอบคุณอีกแล้ว ทำเหมือนผมเป็นคนอื่นอย่างนั้นแหละ ทุกอย่างที่ผมทำ ผมเต็มใจเพื่อคุณ”
“ฉันไม่ได้ขอบคุณคุณในฐานะเพื่อนร่วมงานนี่คะ ฉันขอบคุณในฐานะ...คนรักกัน”
วิษธรหยุดเดิน พรพจีหันมามองฉงน โดนวิษธรโขมยหอมแก้มเบาๆ
“ผมชอบที่ได้ยินคุณเรียกผมว่าคนรัก ชาตินี้ผมจะมีโอกาสได้เป็นคนรักของคุณได้จริงๆ ใช่ไหม”
“มีสิคะธร โอกาสของเรา ฉันจะทำให้มีให้ได้”
วิษธรดึงพรพจีเข้ามากอด
“ผมจะรอ นานเท่าไหร่ผมก็จะรอ”
“อีกไม่นานหรอกค่ะ ฉันจะพยายาม”
“เราคงต้องกลับโรงแรมแล้ว ไม่อย่างนั้นน้องจ๋าจะสงสัย”
พรพจีกอดแน่นขึ้น “อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะนะคะ อีกแป๊บเดียว ฉันอยากอยู่กับคุณให้นานกว่านี้ ฉันไม่อยากอยู่ที่ไหนในโลกอีกแล้วยกเว้นที่นี่ ที่ที่ได้อยู่กับคุณ ถ้าเราหยุดเวลาได้ก็คงจะดีนะคะ”
วิษธรยิ้มรับเอาคำแทนการพูด
จากมุมหนึ่งไม่ไกลนักมีเสียงแชะดังขึ้น จากคนที่ตามแอบถ่ายพรพจีกับวิษธร


ภัทร์ธีราพาสรัชมาส่งที่ห้อง ด้วยท่าทางร้อนรนเหมือนไม่มีสมาธิ สรัชเปิดกระเป๋าหยิบของ
“เดี๋ยวพี่ขอล้างหน้าก่อน แล้วเราลงไปหาอะไรกินกันนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวจ๋าลงไปตามอาจีก่อน”
“รอพี่ล้างหน้าแป๊บ เดี๋ยวพี่ไปด้วย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พักให้หายเหนื่อยก่อน”
“พี่ไม่เหนื่อยค่ะ พี่หิวมากกว่า ใจคอน้องจ๋าจะให้พี่อดตายคาห้องเหรอ”
“ก็จ๋ากำลังจะไปตามอาจีกับนายนั่นมากินพร้อมกันอยู่นี่ไงคะ”
“เราไปหาอะไรง่ายๆ กินกันก่อนดีไหมคะ ถ้ารออีกนาทีเดียวกระเพาะพี่ต้องเป็นรูแน่ๆ”
“รออีกแป๊บนึงนะคะ จ๋าปล่อยให้อาจีไปกับนายวิษธรสองคนไม่ได้”
สรัชแปลกใจ “ทำไมไม่ได้ล่ะคะ เข้าเป็นหุ้นส่วนกันทำงานด้วยกันบ่อยๆ อยู่แล้ว”
“พี่เอ้ไม่เข้าใจ” ภัทร์ธีราว่า
“น้องจ๋าก็อธิบายให้พี่เข้าใจสิคะ”
“จ๋าไม่มีเวลามาอธิบาย”
เสียงไลน์ดังขึ้น ภัทร์ธีรากดดูด้วยสีหน้าแปลกใจจนสรัชสงสัย
“มีอะไรเหรอคะ”

สรัชกับภัทร์ธีราวิ่งหน้าตาตื่นลงมาที่หน้าโรงแรม เห็นจิรดาเข็นรถพานรินทร์ลงมาจากรถ
“อาริน มาได้ยังไงคะเนี่ย”
“มาเซอร์ไพรส์น้องจ๋าไง” นรินทร์บอก
สรัชมองหา งงว่าใครขับรถมาให้ จิรดายิ้มบอกว่า
“พวกเรามากันแค่สองคนค่ะ คุณรินเป็นคนขับรถมาเอง”
“ขับเอง” สรัชไม่อยากเชื่อ
“คุณรินใช้มือควบคุมกับอุปกรณ์พิเศษที่ติดตั้งมากับรถน่ะค่ะ” จิรดาอธิบาย
“อ๋อครับ”
“ปกติอารินก็เคยขับออกไปข้างนอกบ้างค่ะ เวลาอยากไปลุยเดี่ยวเพราะเดี๋ยวนี้หลายๆ ที่ก็มีทางสำหรับรถเข็นแล้ว” ภัทร์ธีราเสริม
“เก่งจังครับ”
“ไม่คิดว่าคนพิการอย่างอา จะทำอะไรแบบคนปกติได้ล่ะสิ นี่มาเที่ยวกันแต่ไม่มีใครชวนอาเลยสักคน ทิ้งอาให้อุดอู้อยู่ในบ้านคนเดียว อาก็อยากมาเที่ยวกับหลานบ้างนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ อาริน น้องจ๋าแค่เป็นห่วงน่ะค่ะ”
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ขออาเที่ยวด้วยคนได้ไหม”
ภัทร์ธีรายิ้มกว้าง “ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ น้องจ๋าดีใจมากๆ เลยค่ะ ที่อารินมาได้”
“ใช่ครับ คนเยอะๆ สนุกดี”
จิรดายิ้มให้นรินทร์อย่างรู้กัน ที่ทุกอย่างสำเร็จตามแผน

ภาพที่วิษธรกอดกับพรพจีถูกส่งเข้ามาในไลน์อรดีพร้อมแชร์โลเคชั่นโรงแรมธารา สระบุรี ม่ายสาวหันมาชวนน้องสาวทันที
“ยา ไปสระบุรีกัน”
“ก็ดีนะ ยาก็อยากไปเหมือนกัน แล้วไปวันไหนดีล่ะ”
“วันนี้”
“อืม ไปสิคะ ฮะ วันนี้ ทำไมรีบร้อนนัก นี่มันเที่ยงกว่าแล้วนะพี่”
“ฉันจะไปหาคุณวิษธร”
“หาคุณวิษธรอ่ะนะ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้มั้ง”
“จะไปหรือไม่ไป ไม่อย่างนั้นฉันจะไปคนเดียว”
“ไปก็ไปค่ะ พี่ดี้ไม่ได้มีปืนหรือมีดใช่ไหม”
“ฉันจะเอาไปทำไมยะ”
“ไม่รู้สิคะกันไว้ก่อน”
“ไปเก็บของได้แล้ว เร็วเข้า”
“เดี๋ยวๆ บอกแม่ก่อนสิพี่ดี้”
“เธอไปบอกเอง ฉันจะรีบเก็บของ”

อรดีรีบร้อนไปขึ้นรถ อิชยาตามไปอย่างจำใจ

อ่านต่อ ตอนที่ 8

#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น