xs
xsm
sm
md
lg

เกมพยาบาท ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เกมพยาบาท ตอนที่ 20

ในบ่อนเสี่ยเป้า

เกษณีย์ลุกพรวดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเหวี่ยงสุดๆ 
“นี่เสี่ยโกงเกษใช่มั๊ยคะ”
“อ้าว...ทำไมคุณเกษพูดอย่างนั้นล่ะครับ”
“ก็เกษเสียๆๆ เสียจนหมดตัวแล้วเนี่ย เสี่ยต้องตุกติกอะไรแน่ๆ เลยใช่มั๊ย”
“ใจเย็นๆ เสียแค่ไม่กี่แสน จะโมโหทำไม คนอื่นเค้าเสียกันเป็นล้านๆ เค้าก็ยังเสี่ยงต่อเลย”
“ไม่เอาแล้ว...พอ...เลิก เกษไม่เล่นแล้ว”
เกษณีย์หยิบกระเป๋าถือจะเดินไป
คมกับเดชเข้ามาขวางเกษณีย์ไว้
“จะไปไหน เสี่ยยังคุยกับคุณไม่จบ คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ชั้นจะกลับ หลีกไป”
“ไหนบอกว่าจะเล่นเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ผมไง ทำไมเบี้ยวกันอย่างนี้ล่ะ”
“วันนี้เกษมือไม่ขึ้น เอาไว้จะกลับมาใหม่”
“คุณต้องกลับมาเพราะผมไม่ชอบให้ลูกหนี้หายหน้าหายตาไปนาน จนผมต้องทวง”
“เกษกลับมาแน่ ไม่ต้องกลัวจะหนีหนี้หรอก”
เกษณีย์เดินออกไป
“จะปล่อยไปเหรอครับเสี่ย” คมถาม
“เดี๋ยวมันก็กลับมา ชั้นมั่นใจ”

อำภามาหาฉัตรชบาที่ห้องเพื่อจะมาคุยเรื่องศรุตขอหมั้น
อำภาเคาะประตูเรียกฉัตรชบา
“ชบา เปิดประตูให้แม่หน่อย”
อำภาผิดสังเกตเห็นเงียบไป หมุนลูกบิดพบว่าห้องไม่ได้ล็อก จึงเปิดเข้าไปในห้อง
“ชบา”
อำภาเห็นตู้เสื้อผ้าถูกเปิดทิ้งไว้รีบเข้าไปดู เห็นเสื้อผ้าบางส่วนหายไป
“แย่แล้ว”

ทางด้านศรุต นั่งคิดทบทวนที่ฉัตรชบาปฎิเสธการขอหมั้น
สักพักมีสายเข้า อำภาโทร.มา ศรุตรับสาย
“สวัสดีครับคุณป้า”
อำภาคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอนฉัตรชบา
“แย่แล้วศรุต ชบาหายไปไหนก็ไม่รู้ โทร.ไปก็ติดต่อไม่ได้ แถมเอาเสื้อผ้าไปด้วย ป้าว่าท่าทางไม่ดีแน่ จะทำยังไงดี”
ศรุตแอบหวั่นใจ
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณป้า มือถือของชบาอาจจะแบตหมดก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะลองโทร.ดูอีกที ได้เรื่องยังไงแล้วผมจะโทร.บอกคุณป้านะครับ”
ศรุตกดวางสาย แล้วลองกดโทร.หาฉัตรชบา เสียงสัญญาณบอกว่าปิดเครื่อง
“ถึงกับปิดเครื่องเลยเหรอ”

ฉัตรชบาจอดรถอยู่ แล้วหยิบมือถือเครื่องเก่าจะโทร. นึกได้ว่าปิดเครื่องเพื่อหนีทุกคน เลยหยิบมือถืออีกเครื่องที่ซื้อมาใหม่
“ฮัลโหล ปราณเหรอ นี่เราชบาเองนะ ปราณอยู่เมืองไทยหรือว่าไปบินที่ไหน ...เมืองไทยเหรอ...โอเคๆ เดี๋ยวเราไปหานะ...พอดีมีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
ฉัตรชบาวางสายแล้วขับรถต่อไป รถคฑาขับตามมา

คฑาขับรถอยู่ กดโทร.หาอัคคี
“ฮัลโหลคุณอัคคี คุณชบาท่าทางจะขับลงใต้ครับ”
“ชบาไปคนเดียวหรือเปล่าครับ”
“คนเดียวครับ”
“ถ้างั้นคุณรีบตามเธอไปอย่าให้คลาดสายตาเลยนะครับ”
“โอเคครับ แค่นี้นะครับ”
คฑาวางสายแล้วขับรถตามฉัตรชบาไป

อัคคีวางสายแล้วนึกถึงฉัตรชบา
“คิดจะหนีเหรอ...ฉัตรชบา”
อัคคีหักรถเลี้ยวเพื่อไปตามเส้นทางเดียวกับฉัตรชบา

เกสรเปิดประตูห้องนอนเกษณีย์เข้ามา เห็นลูกสาวกำลังลองเครื่องเพชรอยู่
“ทำไมยังไม่กลับไปบ้านโน้นอีก แกจะมาอยู่แต่ที่นี่ไม่ได้นะ กลับไปเดี๋ยวนี้”
“ก็เกษบอกแล้วไงว่าเกษไม่สบายใจ อยู่ที่โน่นแล้วเกษเครียด เข้าใจกันหน่อยสิคะ”
“แกไปทำชั่วอะไรไว้ล่ะถึงอยู่ที่นั่นไม่ติด กลัวความชั่วมันจะรั่วออกมารึไง”
“เกษไม่ได้ทำอะไรนะคะ ก็แค่อยากพักสบายๆบ้าง”
“สบายด้วยการเอาเครื่องเพชรชั้นมาเล่นแบบนี้เหรอ ใครอนุญาต”
“ของคุณแม่ก็เหมือนของเกษนั่นแหละค่ะ ยังไงๆ วันหนึ่งมันก็ต้องเป็นของเกษอยู่แล้ว จะหวงไปทำไมล่ะคะ”
“แต่มันยังไม่ใช่วันนี้”
เกสรริบเครื่องประดับเก็บลงกล่องจนหมด
“คุณแม่คะ เกษแค่ลองเล่นๆ จริงจังไปป่ะคะ”
“ชั้นไม่ไว้ใจแก”
“แต่ไว้ใจนังสายพิณ”
“สายพิณมันคนซื่อ ส่วนแก..ชั้นรู้สันดานแกดี ต่อไปนี้ห้ามมายุ่งกับเครื่องเพชรชั้นอีก แล้วก็เตรียมตัวให้พร้อม ชั้นจะพาแกกลับไปบ้านโน้น”
“ก็บอกแล้วไงว่าเกษไม่อยากไป”
“ไม่อยากก็ต้องไป แกเป็นเมียคุณฉัตรนะ ทำตัวแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นมาแย่งไปกินกันพอดี เก็บของแล้วตามชั้นลงไปข้างล่าง เร็วๆ เข้า”
เกสรหอบเครื่องเพชรออกไป เกษณีย์กระฟัดกระเฟียดด้วยความไม่พอใจ

“ฮึ่ย...ใครอยากกลับไปกันล่ะ”

อำภาร้อนใจเรื่องฉัตรชบา โทรหาลูกชาย

“ตาฉัตร ทำยังไงกันดีล่ะลูก น้องหนีออกจากบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้ แม่เป็นห่วงน้องจะแย่อยู่แล้ว”

ฉัตรชนกคุยโทรศัพท์กับอำภา
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณแม่ ทำไมคุณแม่ถึงคิดว่าชบาจะหนีออกจากบ้านล่ะครับ ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ”
“ก็พอดีตาศรุตมาขอหมั้นชบา ชบาไม่ยอมรับหมั้นแล้วก็หายตัวไปนี่แหล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นเพราะเรื่องศรุต คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะพยายามติดต่อน้องเอง”
“ได้เรื่องแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะ แม่ล่ะร้อนใจไปหมดแล้วเนี่ย”
“ครับคุณแม่”

อำภาร้อนใจนั่งไม่ติดอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“ทำไมทำแบบนี้นะชบา”
คนใช้เข้ามาบอกอำภา
“คุณคะ มีแขกมาค่ะ”
“ใครกัน”
“คุณเกษกับคุณแม่เธอน่ะค่ะ”
“คุณเกสรมางั้นเหรอ”

อำภาต้อนรับเกสร ส่วนเกษณีย์ทำหน้าเบื่อๆ
“สวัสดีค่ะคุณพี่”
“สวัสดีค่ะคุณเกสร มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“พาลูกเกษมาส่งค่ะคุณพี่ ที่กลับไปอยู่บ้านซะหลายวันก็เพราะต้องไปช่วยดูแลดิฉันตอนที่ป่วยน่ะค่ะ ตอนนี้ดิชั้นหายดีแล้วก็เลยพามาส่งคืนคุณพี่ค่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้ไปเยี่ยม ดิฉันต้องไปดูแลคุณฉกาจที่โรงพยาบาลค่ะ แต่เห็นคุณเกสรหายป่วยแข็งแรงขึ้นก็ดีใจด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ ดิฉันก็ขอให้คุณฉกาจหายไวๆเหมือนกันนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เกษณีย์รำคาญที่ทั้งสองคุยกัน
“เกษขอตัวไปพักก่อนนะคะ เกษเพลีย”
อำภาบอก
“เชิญตามสบายเลยจ้ะ บ้านนี้ก็เหมือนบ้านหนูเกษน่ะแหละ”
เกษณีย์ลุกออกไป
“คุณพี่คะ ที่มาวันนี้ไม่ได้มาแค่ส่งยายเกษอย่างเดียวหรอกค่ะ”
“อ้าว...แล้วมีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“คือว่าธุรกิจที่ทำอยู่มีปัญหาน่ะค่ะคุณพี่ ต้องหาเงินด่วนมาเคลียร์ ก็เลยนึกถึงคุณพี่”
เกสรหยิบกล่องเครื่องเพชรออกมาเปิดให้ดู
“เพชรน้ำงามชุดนี้เป็นของเก่าแก่ประจำตระกูลค่ะ ฝีมือช่างสุโขทัย งานประณีตมาก”
อำภาดูเครื่องเพชร
“เพชรน้ำงามจริงๆ ซะด้วย ฝีมือช่างโบราณนี่ละเอียดอ่อน ละเมียดละไมจริงๆหาที่ติไม่ได้เลยค่ะ”
“ดิฉันอยากจะขอให้คุณพี่เก็บไว้ จะไปเอ่ยปากกับคนอื่นก็ไม่ไว้ใจ เครื่องเพชรโบราณชุดนี้ ดิฉันอยากให้อยู่กับคนที่คู่ควรมากกว่าดิฉันค่ะ”
“จะเอามาจำนำกับดิฉันงั้นเหรอ”
“แหม...คุณพี่คะ อย่าเรียกว่าจำนำเลยค่ะ เรียกว่าสมบัติผลัดกันชมดีกว่า ดิฉันฝากคุณพี่ดูแลสักพักแล้วจะมาไถ่คืนนะคะ”
“เท่าไหร่คะ”
“สามล้านค่ะ”
“นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นคุณเกสร ดิฉันไม่ช่วยจริงๆนะคะ”
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณพี่ที่เมตตาดิฉันกับลูก”

“เดี๋ยวชั้นจะเขียนเช็คให้ พร้อมเมื่อไหร่ก็มาเอาคืนไปล่ะกันนะคะ ของพวกนี้ดิชั้นมีเยอะแล้ว ไม่อยากได้เพิ่มหรอก แต่ถือว่าช่วยๆ กัน”
“ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ”
เกสรยิ้มหวานแล้วแอบซ่อนร้าย
อำภาลุกไปหยิบสมุดเช็ค และลงมือเขียนเช็คให้
เกสรรีบเปลี่ยนเครื่องเพชรเป็นของปลอมทันที อำภาเดินกลับมาพร้อมเช็ค ส่งเช็คให้
“นี่ค่ะ”
“ขอบคุณคุณพี่ที่ช่วยเหลือดิชั้น ดิชั้นซึ้งใจมากค่ะ”

ที่บันได เกษณีย์แอบดูอยู่

เกสรเดินออกมาจากในบ้าน เจอเกษณีย์มาดักรออยู่ พูดประชดขึ้น

“เอาเครื่องเพชรปลอมมาหลอกจำนำเหรอคะ”
“แกอย่าพูดไป ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเป็นของปลอม”
“แล้วถ้าเค้าเกิดจับได้ขึ้นมา คุณแม่จะแก้ตัวว่ายังไงคะ”
“ไม่มีทางจับได้ ชั้นมั่นใจ แกอยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องกลับไปบ้านโน่น แล้วก็คอยส่งข่าวชั้นเรื่องเครื่องเพชรด้วย ชั้นจะกลับล่ะ”
“ถ้าเค้าจับได้เรื่องใหญ่นะคะคุณแม่ แล้วก็อย่าพาดพิงมาถึงหนูนะคะ เพราะหนูไม่เกี่ยว”
“ก็ยุให้มันเก็บใส่เซฟไว้สิ อย่าให้มันใส่ออกไปให้ใครเห็น แค่นี้ทำให้ชั้นไม่ได้รึไง”
“หนูไม่อยากติดคุกในข้อหาสมรู้ร่วมคิด”
“แต่แกต้องทำ แกเป็นลูกชั้น แกต้องทำ”
เกสรเดินออกไป เกษณีย์มองตามไปเช็งๆ
“ซวยขึ้นมาก็ตัวใครตัวมันนะคะคุณแม่”

ฉัตรชบาขับรถมาจอดหน้าบ้าน ปราณ หนุ่มสจ๊วตหน้าตาดี เพื่อนเก่าของฉัตรชบาออกมาต้อนรับ
“ไม่เจอกันตั้งแต่เรียนจบ คิดถึงจังเลย”
“คิดถึงเหมือนกัน”
“มาคนเดียวเหรอ”
“อื้อ”
“ดีนะยูมาวันนี้ ถ้ามาพรุ่งนี้ก็ไม่เจอนะ เราจะบินเมกาตั้งเจ็ดวันแน่ะ ไปเข้า
ไปคุยกันในบ้านดีกว่า”
ปราณช่วยยกกระเป๋าของฉัตรชบาเข้าไป รถของคฑาเข้ามาจอดห่างออกไป
คฑาที่อยู่ในรถถ่ายรูปทั้งคู่เดินเข้าบ้านไป แล้วกดมือถือโทรหาอัคคี
“พบจุดหมายปลายทางแล้วครับ เดี๋ยวผมแชร์โลเกชั่นไปให้”

อัคคีเปิดดูโลเกชั่นที่ส่งมา
“หัวหินงั้นเหรอ”

ภายในบ้านพักตากอากาศที่ตบแต่งสไตล์โมเดิร์น ปราณวางกระเป๋าฉัตรชบาลงบนโต๊ะ ก่อนเอ่ยถาม
“ดื่มอะไรดี ไวน์ซักแก้วมั้ย”
“ได้”
ปราณรินไวน์ใส่แก้วสองใบแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะรับแขก ส่งแก้วไวน์ให้ฉัตรชบารับไป
“ไม่ได้เจอกันนานเลย เราก็มัวแต่บิน ยูล่ะ เป็นไงบ้าง”
“เราไม่ค่อยดีน่ะ”
“ไม่ดียังไง”
ฉัตรชบาเงียบๆ ไป
“เล่ามาเถอะ เพื่อนกันนะ จะต้องอายอะไร”
“เราไม่เข้าใจตัวเองน่ะ”
“ยังไง”
“เราเจอผู้ชายคนนึง เขาเกลียดเรามาก เกลียดครอบครัวเรา”
“แล้ว”
“เราก็ควรจะเกลียดเขา เกลียดในสิ่งที่เขาทำ แต่...”
“ยูกลับไม่เกลียดเค้าใช่มั๊ย”
“รู้ได้ยังไงอ่ะ”
“ดูหน้าก็รู้แล้ว”
“เราควรทำยังไงดีอ่ะ เราต้องเกลียดเค้าสิมันถึงจะถูก”
“ทำตามที่ใจบอกเถอะยู อย่าไปฝืนมันเลย”
“ปราณจำศรุตได้มั๊ย”
“ศรุต” ปราณทำท่าคิดๆ “อ๋อ...คนที่ไปเรียนต่อเมกาใช่มะ”
“ใช่ คนนั้นแหละ”
“แล้วเค้ามาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”
“เค้ามาขอเราแต่งงาน”
“จริงดิ”
“อื้อ”
“แล้ว”
“เค้าก็ดีทุกอย่างนะ แต่เราก็หนีเค้ามานี่ไง”
“โธ่เอ้ย...ถึงว่าสิ อยู่ๆทำไมถึงขอมาที่นี่ ที่แท้ก็หนีแต่งงานนี่เอง”
“เรายังไม่ได้รับปากแต่งงานกับเค้านะ เค้าแค่มาสู่ขอเรา แต่เราไม่ได้ตอบตกลง”
“คนที่ควรเกลียดก็ดันไม่เกลียด คนที่ควรรักก็ดันไม่รัก ซับซ้อนริงๆนะชีวิตยู”
“เราควรจะทำยังไงดี”
“เฮ้อ...เราก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เรื่องของหัวใจคนมันพูดยากนะยู เอางี้มั๊ย พรุ่งนี้เช้าเราต้องไปบิน ยูพักที่นี่ให้สบายใจก่อน ค่อยๆ คิด อาจจะเจอทางออกที่ไม่มีใครต้องเจ็บช้ำหรือเสียใจเลยก็ได้”
“ขอบคุณนะ”
“ยินดีเสมอครับ แต่ยูอยู่คนเดียวได้แน่นะ”
“อยู่ได้สิ ไม่ต้องห่วง”
“โอเค...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สู้ๆนะ”
ฉัตรชบายิ้มให้เพื่อน

“ขอบคุณมาก”

ต่อมา ... ฉัตรชบาวางกระเป๋าแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง

“ปลอดภัยแล้วชบา ปลอดภัยแล้ว”
ฉัตรชบาหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย

จิดาภาหน้าตาตื่นเข้ามาในบริษัทฉัตรชนก
“คุณชบาหายไปเหรอคะ”
“ใช่ จนป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้เลย”
“แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไรครับคุณจิ”
“คือมีเรื่องหนึ่งที่ชั้นยังไม่ได้บอกคุณน่ะค่ะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“คืออัคคีเค้าขอให้นักสืบติดตามคุณชบาค่ะ”
“นักสืบงั้นเหรอ”
“นักสืบคนนั้นเค้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของชั้นเองค่ะ”
“หมายความว่าตอนนี้เค้าก็ยังตามอยู่”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ พี่คฑาน่าจะรู้ว่าคุณชบาอยู่ที่ไหน”
“งั้นคุณรีบติดต่อเค้าด่วนเลยครับ ผมต้องรู้ให้ได้ว่าชบาอยู่ที่ไหน แล้วปลอดภัยหรือเปล่า”
จิดาภากดมือถือหาคฑา
“พี่คฑาคะ จิมีเรื่องสำคัญจะถามค่ะ”

คฑารับสายจากจิดาภา
“ว่ายังไงครับน้องจิ”
“เรื่องคุณชบาน่ะค่ะ คุณชบาหายตัวไป พี่คฑาทราบมั๊ยคะว่าเธออยู่ที่ไหน”
“ทราบสิครับ คุณอัคคีให้พี่ตามตัวคุณชบาตลอด แต่พี่คงบอกน้องจิไม่ได้นะครับ เพราะคุณอัคคีเค้าไม่อยากให้ใครรู้”
“หมายความว่ายังไงคะ เป็นฝีมือของอัคคีเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ คุณชบาเธอมาคนเดียว คุณอัคคีกำลังตามมา”
“คุณชบาอยู่ที่ไหนคะ”
“พี่บอกไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะครับ”
คฑาวางสายไป
“พี่คฑา เดี๋ยวสิคะ”
“เค้าว่าไงบ้าง”
“พี่คฑารู้ว่าคุณชบาอยู่ที่ไหน ส่วนอัคคีกำลังตามไปที่นั่น แต่เค้าบอกเราไม่ได้ว่าสองคนนั้นอยู่ที่ไหนค่ะ”
“ทำไมถึงบอกไม่ได้”
“เพราะอัคคีเป็นคนว่าจ้างพี่คฑาให้ติดตามคุณชบา ถ้าเค้าบอกเรา โดยที่อัคคีไม่อนุญาต อาจจะผิดจรรยาบรรณได้ค่ะ”
“ผมไม่สนจรรยาบรรณของใครทั้งนั้น ผมต้องรู้ให้ได้ว่าชบาอยู่ที่ไหน และนายอัคคีตามชบาไปทำไม”

เวลาเดียวกัน เกษณีย์เดินลงบันไดมาเจออำภากำลังจะออกจากบ้าน
“มาพอดี แม่ก็คิดว่าหนูหลับอยู่”
“เปล่านี่คะ”
“งั้นไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนแม่หน่อย ผลสแกนสมองของคุณพ่อออกมาแล้ว จะได้ถามกันให้รู้เรื่องว่าเมื่อวานนี้คุณพ่อต้องการจะบอกอะไรกันแน่”
เกษณีย์ตกใจกับข่าวของฉกาจ
“ ไปกันเถอะจ้ะ”
“ค่ะๆ”
เกษณีย์จำต้องตามอำภาออกไป

อำภากับเกษณีย์เดินเข้ามาในห้องพักคนไข้
“ผลสแกนสมองออกมาแล้วนะครับ” หมอบอก
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
“สมองของคนไข้สมบูรณ์ดีไม่มีอะไรผิดปกติครับ”
“แล้วเรื่องความทรงจำล่ะคะ”
“ความทรงจำก็ปกติสบายใจได้ครับ หมออยากให้คนไข้พักที่นี่เพื่อดูอาการอีกสักระยะแล้วค่อยกลับบ้านนะครับ”
“ค่ะ”
“หมอขอตัวก่อนนะครับ”
หมอกับพยาบาลออกไป อำภารีบจับมือฉกาจ
“ปลอดภัยแล้วนะคะคุณ ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ”
ฉกาจมองมาที่เกษณีย์ แล้วตัดสินใจไม่พูดอะไร
“เมื่อวานนี้คุณจำได้มั๊ยคะว่าคุณพูดว่าอะไร”
ฉกาจส่ายหน้า
“คุณชี้ไปที่หนูเกษ แล้วเหมือนจะบอกว่าหนูเกษเป็นคนทำ มันไม่จริงใช่มั๊ยคะ คุณคงเพิ่งจะฟื้น ก็เลยสับสน”
ฉกาจตัดสินใจไม่พูดอะไร
“ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณฟื้นมาแบบนี้ เราจะได้เอาผิดนายอัคคีซะที ปล่อยให้ลอยนวลมานานแล้ว ได้เวลาเข้าคุกซักที”
เกษณีย์สมใจ
“ไม่...อัคคี...ไม่”
“คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ”
ฉกาจเหลือบตามองเกษณีย์แต่ไม่พูดอะไร
“ว่ายังไงคะ”
“อัคคี...ไม่”
“แต่ว่า”
เกษณีย์แทรก
“เกษว่าให้คุณพ่อท่านพักก่อนเถอะค่ะ ไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมใหม่”
“พักผ่อนเยอะๆนะคะคุณ”

ฉกาจหลับตาลง เกษณีย์เครียด ไม่ไว้ใจฉกาจ เกษณีย์แกล้งวางมือถือทิ้งไว้ที่โต๊ะหัวเตียง

อำภาเดินมากับเกษณีย์ในบริเวณทางเดินในโรงพยาบาล

“ทั้งสมองทั้งความทรงจำปลอดภัย ค่อยโล่งใจหน่อย”
“ค่ะคุณแม่”
“แต่แม่ก็ยังคาใจอยู่ว่า เมื่อวานพอคุณฉกาจเห็นหน้าหนูเกษทำไมถึงตกใจ ชี้หน้าราวกับว่าหนูเกษเป็นคนทำ”
“เมื่อวานท่านเพิ่งจะฟื้น อะไรๆยังไม่เข้าที่เข้าทางมั้งคะ และที่สำคัญวันที่ คุณพ่อท่านตกบันได เกษก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ท่านคงจะสับสนว่าเกษเป็นคนทำมั้งคะ”
อำภาคิดตาม
“ก็อาจจะใช่นะ”
เกษณีย์แสแสร้ง
“นึกแล้วก็น่าน้อยใจนะคะ เกษทราบค่ะว่าคุณพ่อไม่ชอบเกษมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เกษไม่คิดว่าคุณพ่อจะยังโกรธยังเกลียดเกษถึงขั้นหาว่าเกษทำร้ายท่าน ทั้งๆที่เกษเป็นห่วงท่าน”
“อย่าน้อยใจไปเลย คุณฉกาจอาจจะเข้าใจหนูเกษผิด รอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ คนคิดดีทำดีต้องได้ดีซิจ๊ะ”
“ค่ะคุณแม่” เกษรีย์นึกได้ “เกษว่าเราโทรบอกคุณฉัตรดีกว่านะคะว่าผลการตรวจของคุณพ่อเรียบร้อยดีแล้ว”
“ดีเหมือนกัน ตาฉัตรจะได้ไม่กังวลใจ”
เกษณีย์เปิดกระเป๋า
“อุ้ย...เกษลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องคุณพ่อน่ะค่ะ เดี๋ยวเกษกลับไปเอาก่อนนะคะ”
“ได้จ๊ะ...งั้นแม่ไปรอที่รถนะ”
“ค่ะคุณแม่”
เกษณีย์เดินกลับไปที่ห้องฉกาจ

เกษณีย์เปิดประตูกลับเข้ามาอีกครั้ง
เกษณีย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองหน้าฉกาจนิ่ง
“ท่าทางจะนอนไม่สบายนะคะ น่าจะต้องใช้หมอนอีกสักใบ”
เกษณีย์หยิบหมอนขึ้นมา
ฉกาจส่ายหน้ากลัวตาย
“ไม่...ไม่”
เกษณีย์จะเอาหมอนปิดหน้าฉกาจแต่ยังไม่ทันได้ลงมือ หมอกับพยาบาลก็เข้ามาพอดี
“ขอวัดความดันคนไข้หน่อยนะคะ”
“อ๋อ...เชิญเลยค่ะ กำลังจะกลับพอดี”
ก่อนจะเดินออกไป เกษณีย์สบตากับฉกาจ พูดเบาๆกับตัวเอง
“คราวหน้าแกไม่รอดแน่…ไอ้แก่”
เกษณีย์ออกไป

ปราณเอากระเป๋าของตัวเองใส่ท้ายรถ
“อยู่คนเดียวได้แน่นะ”
“ได้ซิ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว”
“แถวนี้ไม่ค่อยมีบ้านคน เงียบหน่อยนะ อย่ากลัวล่ะ”
“ไม่กลัวหรอก อยากอยู่เงียบๆ พอดี”
“ดีแล้ว...อยู่กับตัวเองแล้วค่อยๆ คิดหาทางออกนะ บินกลับมาหวังว่าจะได้ฟังข่าวดีนะ”
“ก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน”
“โอเค งั้นไปก่อนนะ เดี๋ยวตกเครื่อง”
“บินปลอดภัยนะ”
“ครับผม”

ปราณขับรถออกจากบ้านไป ฉัตรชบาปิดประตูรั้วแล้วเดินออกไป

ฉัตรชบาออกมาเดินเล่นที่ชายหาดตามลำพัง นึกไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ศรุตมาบอกว่า
“คุณพ่อ คุณแม่ผมท่านอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทย ผมเลยถือโอกาสเอาตัวเองเป็นเถ้าแก่มาสู่ขอชบาด้วยตัวเองครับ และถ้าคุณพ่อคุณแม่ผมกลับมาเมื่อไหร่ ผมจะให้
ท่านมาสู่ขอชบาอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ”
อำภายิ้มแย้มต้อนรับ หันไปถามฉัตรชบา
“ว่ายังไงชบา ศรุตเค้าเอาจริงแล้วนะ เราน่ะพร้อมรึยัง”
“ศรุตคะ ชบาคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้ว”
“ผมก็คิดว่าคุณจะฟังคำขอร้องของผม ยอมให้ผมได้ดูแลชีวิตคุณ”
“แต่ว่าชบา...”
ศรุตพูดแทรกขึ้น
“คุณจะรังเกียจผมไปถึงไหน”
“ชบาไม่ได้รังเกียจศรุต แต่ก็ไม่ได้...”
“งั้นก็ให้โอกาสผมเถอะนะ ผมขอร้องล่ะ” ศรุตส่งแหวนให้ “ให้โอกาสผมได้รักคุณ ดูแลคุณ ผมสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้”
ฉัตรชบาร้องไห้ปาดน้ำตา
“ขอโทษนะศรุต ชบาขอโทษจริงๆ”

คืนนั้น ฉัตรชบากลับเข้ามาไขประตูหน้าบ้านพักตากอากาศของปราณ แต่โดนอัคคีเข้ามาล็อกตัวไว้จากด้านหลัง
“คิดเหรอว่าจะหนีพ้น”
“นายอัคคี นายมาได้ยังไง”
“เข้าไปคุยกันข้างใน”
อัคคีดันตัวฉัตรชบาให้เข้าบ้านไปแล้วรีบปิดประตู

ฉัตรชบาสะบัดตัวหลุดออกจากอัคคี
“ใครอนุญาตให้นายเข้ามา ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ไป”
“ชั้นบอกให้ออกไป”
“ทำไมผมต้องเชื่อคุณ อุตส่าห์ตามมาตั้งไกล จะไล่กันง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ”
“แล้วนายจะตามมารังควานชีวิตชั้นอีกทำไม”
“ผมเนี่ยนะรังควานชีวิตคุณ”
“ใช่”
“ผัวตามมาหาเมียเนี่ยนะรังควาน”
อัคคีกอดฉัตรชบา ฉัตรชบาขัดขืน
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ปล่อยชั้น”
“ไม่ปล่อย ที่นี่บ้านใคร”
“ไม่เกี่ยวกับนาย”
“มีใครอยู่บ้าง”
“นายมายุ่งอะไรด้วย”
“ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่นะ นอกจากเราสองคน”
“นายไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่ กลับไปซะ”
“ทำไมต้องไล่ด้วย หรือว่านัดใครไว้”
“ชั้นไม่ได้นัดใคร ชั้นขับรถมาตั้งไกล ไม่ได้ต้องการให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับชั้น ชั้นอยากอยู่คนเดียว อยากคิดอะไรคนเดียว แค่นี้...นายทำให้ชั้นไม่ได้เหรอ ชั้นขอมากไปเหรอ”
อัคคีอึ้งๆ ไป
“ถ้าชั้นรู้ว่านายจะตามชั้นอย่างนี้ รู้ว่าชีวิตชั้นไม่มีอิสระอะไรแล้ว ชั้นก็ควรจะตอบตกลงแต่งงานกับเค้าไป ไม่จำเป็นต้องปฏิสธเค้าเลย”
“คุณว่าอะไรนะ แต่งงาน อย่าบอกนะว่าจะแต่งกับไอ้ศรุต”
“ใช่ เขามาขอชั้นแต่งงาน”
“ไม่ได้นะ คุณจะไปแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้”
“เพราะคุณเป็นเมียผม เป็นผู้หญิงของผม”
“แต่นายไม่ได้รักชั้น ไม่เคยรักชั้นเลยแม้แต่นิดเดียว”
“รู้ได้ยังไงว่าไม่ได้รัก”
“นายแค่แสดงความเป็นเจ้าของชีวิตชั้น คุกคามชีวิตชั้น สิ่งที่นายทำเค้าไม่ได้เรียกว่าความรัก”
“งั้นผมจะทำให้ดูว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”
อัคคีเข้ามาอุ้มฉัตรชบาไป

“ปล่อยนะ นายจะทำอะไรชั้น ปล่อย”

อัคคีวางตัวฉัตรชบาลงบนเตียงแล้วคร่อมทับไว้

“นายจะทำอะไรชั้น ปล่อย...ชั้นบอกให้ปล่อย”
“ผมจะทำให้คุณรู้ว่าความรักมันเป็นยังไง”
อัคคีจูบฉัตรชบาอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน
“นี่น่ะเหรอวิธีแสดงความรักของนาย”
“ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น”
อัคคีถอดเสื้อออก ฉัตรชบาจะหนี แต่อัคคีกอดไว้อย่างนุ่มนวล
“อย่าหนีผมไปไหนอีกนะ ผมรักคุณมากรู้ตัวมั๊ย ฉัตรชบา”
อัคคีจูบฉัตรชบา ฉัตรชบาตอนแรกๆก็ขัดขืนแต่สุดท้ายก็ค่อยๆ โอนอ่อนตาม
“ปล่อยชั้น”
“โอเค”
อัคคีทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
“งั้นผมขอนอนกอดจนเช้าได้มั๊ย นะ..ขอร้องล่ะ”
ฉัตรชบาทำหน้าไม่เชื่อ แต่ในใจนั้นหวั่นไหวไปกับสิ่งที่อัคคีทำ
“ผมไม่ขืนใจคุณหรอก มันไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชาย ไม่ใช่การแสดงความรัก”
อัคคีกอดฉัตรชบาไว้กับอก ลูบผมฉัตรชบาเบาๆ
“ที่ผมตามคุณมาก็เพราะผมรักคุณนะ”
“รักเหรอ...นายรักชั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่รู้สิ”
“นายต้องแค้นชั้นไม่ใช่เหรอ”
“มันทั้งรักทั้งแค้น ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน คุณล่ะ คิดยังไงกับผม”
“ชั้นควรจะเกลียดนาย”
“แล้ว”
ฉัตรชบาไม่ตอบแต่พลิกตัวหันหลังให้ อัคคีตามมากอดไว้อย่างทะนุถนอม
“นี่คือคำตอบสินะ ไม่เป็นไร ผมรักคุณข้างเดียวก็ได้”
ฉัตรชบาร้องไห้ด้วยความสับสนในใจ

คืนเดียวกัน ทางด้านอำภาเดินกระวนกระวายเป็นห่วงฉัตรชบา
“จนป่านนี้น้องยังไม่ติดต่อมาเลย จะให้แม่เชื่อได้ยังไงว่าน้องปลอดภัย”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ ชบาปลอดภัยแต่เค้าแค่ไม่อยากให้เรารู้ว่าอยู่ที่ไหน”
“แล้วทำไมจะรู้ไม่ได้ ทำไมต้องปิดบังด้วย แม่ไม่เข้าใจ”
“ก็คุณแม่เล่นยอมให้ศรุตมาสู่ขอหมั้นหมายโดยไม่ถามชบาก่อน ชบาก็ตกใจสิครับ แล้วถ้าชบาจะโกรธก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ชบามีสิทธิ์โกรธนะครับ”
“แต่ศรุตเค้ารักชบามากนะ จะหาผู้ชายที่ยอมรับชบาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ อย่าลืมสิ”
“ผมว่าปล่อยชบาไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะครับ ถ้าไม่อึดอัดใจมาก ชบาคงไม่ทำถึงขนาดนี้ ปล่อยน้องไปก่อนเถอะครับ อย่าตามไปบังคับใจอีกเลย เพราะขืนทำแบบนั้นมากๆ ก็เท่ากับเราบีบให้ชบาไปจากเรานะครับ”
ฉัตรชนกลุกออกไป
อำภาพึมพำกับตัวเอง
“จะปล่อยไปได้ยังไง ถ้านายอัคคีมันเอาตัวไปอีก จะทำยังไง”

ฉัตรชบาหลับไปแล้ว อัคคีค่อยๆ เอาแขนที่กอดไว้ออก ลุกขึ้นเบาๆ ห่มผ้าให้ฉัตรชบาแล้วเดินออกจากห้องไป ฉัตรชบาลืมตาขึ้น

อัคคีล้มตัวลงนอนบนโซฟายาว ห่มผ้าให้ตัวเองแล้วหลับไป
ฉัตรชบาเดินออกมาดูเงียบๆ เห็นเข้าก็นึกแปลกใจพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“นายกำลังจะบอกกับชั้นว่านายเป็นสุภาพบุรุษงั้นเหรอ”

ในห้องนอน ฉัตรชนกหลับไปแล้ว เกษณีย์พลิกตัวขึ้นแล้วออกจากห้องไปเงียบๆ

อำภากลุ้มใจที่ฉัตรชบาหายไปนอนไม่หลับ จึงมานั่งสวดมนต์อยู่ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา เกษณีย์เข้ามาแอบดู ยิ้มร้าย ก่อนถอยออกไปเงียบๆ

เกษณีย์เข้ามาในห้องนอนอำภา ลงมือค้นหาของมีค่า เปิดลิ้นชักเจอสร้อยมุกกับเครื่องประดับหลายชิ้น เกษณีย์รีบคว้าใส่กระเป๋า
เสียงฉัตรชนกดังขึ้น
“ทำอะไรน่ะคุณเกษ”
เกษณีย์หันมา
“คุณฉัตร”
“นั่นคุณเกษกำลังขโมยของของคุณแม่เหรอ”
“เกษเปล่านะคะ”
“เปล่ายังไง ผมเห็นกับตา คุณเกษทำแบบนี้ทำไม”
“เกษไม่ได้ทำ”
เกษณีย์รีบเดินไปที่ประตู แต่ฉัตรชนกขวางไว้
“จะไปไหน มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
“เกษไม่พูดอะไรทั้งนั้น เกษไม่ใช่ขโมย เกษไม่ได้ทำ”
เกษณีย์แทรกตัวหนีออกจากห้องวิ่งลงบันไดไป
“คุณเกษ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ คุณเกษ”
ฉัตรชนกรีบตามลงไป อำภาออกมาจากห้องพระ
“เกิดอะไรขึ้น เสียงเอะอะโวยวายลั่นบ้าน”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรครับคุณแม่”

ฉัตรชนกปฏิเสธเพื่อปกป้องเกษณีย์ไว้ก่อนแล้วรีบลงบันไดตามไป

เกษณีย์รีบเปิดประตูวิ่งออกไป ฉัตรชนกตามออกมา มองไปไม่เห็นเกษณีย์แล้ว

“คุณเกษ หายไปไหนนะ”
ฉัตรชนกกลับเข้าไปในบ้าน เกษณีย์ค่อยๆ ออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งหนีไป

ฉัตรชนกโทรหาเกษณีย์ แต่สัญญาณปิดเครื่อง
“ทำไมถึงทำแบบนี้”

เกษณีย์กลับเข้าบ้านมา
“คุณแม่ คุณแม่อยู่ไหนคะ คุณแม่”
เกษณีย์ตามหาเกสรไปทั่วๆ บ้านแต่ไม่เจอ
“หายไปไหนของเค้านะ”
มือถือของเกสรที่ถูกวางไว้ดัง เกษณีย์รับสาย
“ฮัลโหล”

เสี่ยเป้านั่งอยู่ที่เบาะหลังกับเกสรที่ถูกมัดปิดปากไว้ คมเป็นคนขับรถ เสี่ยเป้าคุยโทรศัพท์กับเกษณีย์
“ผมเตือนแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าเป็นหนี้ผม มันอันตราย”
“ก็เกษบอกแล้วไงคะ ว่าเดี๋ยวเกษก็หาเงินมาใช้เอง ไม่ได้คิดจะโกงซะหน่อย”
“แค่คำพูดมันไม่มีเครดิตพอหรอก ของอย่างนี้มันต้องมีตัวประกัน”
“ตัวประกันอะไร หมายถึงอะไร”
เสี่ยเป้ากระชากผ้าปิดปากเกสรออก เกสรกรี๊ดออกมาทันที
“เกษ ช่วยแม่ด้วย ช่วยแม่ด้วยเกษ”
เสี่ยเป้าเอาผ้าปิดปากเกสรอีกครั้ง
“คุณแม่ แกจะทำอะไรแม่ชั้น”
“ไม่ทำอะไรหรอก แค่เอามาอยู่ด้วยระหว่างรอเงินจากแกยังไงล่ะ”
“อย่าทำอะไรแม่ชั้นนะ”
“งั้นก็รีบหาเงินมาคืนผมสิ”
“ให้เวลาชั้นหน่อยสิ เงินมันไม่ได้หาง่ายๆ นะ ปล่อยตัวแม่ชั้นก่อน แล้วชั้นจะหาเงินไปคืน”
“ไม่ได้หรอก นั่นไม่ใช่วิธีของผม”
“แต่ชั้นไม่มีเงิน”
“งั้นก็เอาตัวเองมาแลกสิ แลกได้ทั้งต้นทั้งดอกเลยนะ กล้ามั๊ยล่ะ”
เกษณีย์สะพรึง เสียงเสี่ยเป้าวางสายไป

“เอาตัวเองไปแลกเนี่ยนะ....นี่ชั้นต้องยอมเป็นเมียแกงั้นเหรอ”

อ่านต่อตอนที่ 21
กำลังโหลดความคิดเห็น