xs
xsm
sm
md
lg

เงาเสน่หา ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เงาเสน่หา ตอนที่ 10

นิสานั่งรอพงศธรอยู่ในห้อง จู่ๆ รู้สึกคลื่นไส้เหมือนจะอาเจียนขึ้นมา แต่พยายามกลั้นไว้ อรชุมากลับมาพร้อมถาดแก้วชาร้อนในมือ

“ชาร้อนมาแล้วค่ะ ชามิ้นต์เลยนะคะ ห๊อมหอม”
นิสารับแก้วชามา พอได้กลิ่นแทบวางไม่ทัน คลื่นไส้หนักขึ้นจนทนไม่ไหว
“ชั้นขอตัวก่อนนะคะ”
นิสาคว้ากระเป๋าพุ่งออกประตูไปโดยไว
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอคะ ไม่รอแล้วเหรอคะ”
นิสาวิ่งออกนอกห้องไปแล้ว

ด้านธีรภาพขับมอเตอร์ไซค์มา คุยโทรศัพท์กับเจนไวย์ด้วยบลูทูธไปด้วย
“เออ จะถึงแล้ว รู้แล้วว่าเข้ากะ ไม่ได้ลืม”
นิสารีบร้อนเดินมาตามทางในตึก พยายามฝืนไม่ให้อ้วก เมื่อออกมาหน้าตึกเกือบชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์ของธีรภาพ
“ว้าย”
“เฮ้ย” ธีรภาพเบรกจอดอย่างแรงรีบเปิดหมวกกันน็อคออก
“คุณ”
ธีรภาพดีใจยิ้มแก้มแทบแตก
ร่างนิสาโงนเงน ค่อยๆ ร่วงเป็นลมไป
“อ้าว คุณ” ธีรภาพวิ่งไปรับ

พงศธรเดินหน้าเครียดกลับมาที่ห้องทำงาน อรชุมารีบวางโทรศัพท์แล้วลุกมาหา
“คุณพงศ์คะ”
“ครับ”

ธีรภาพอุ้มนิสามาวางที่เก้าอี้มุมหนึ่งตรงล็อบบี้หน้าฟร้อนต์
“คุณครับ คุณนิสาครับ” ธีรภาพพยายามตบแก้มเรียกสติเบาๆ “คุณนิสา”
ธีรภาพมองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร
“เอาไงดี ไปโรงพยาบาลแล้วกัน”
ธีรภาพจะอุ้มนิสาขึ้นแต่มือพงศธรเข้ามาปัดมือธีรภาพออกไป
“ผมจัดการเอง”
ธีรภาพอธิบาย “เธอเป็นลม ผมจะพาไปโรงพยาบาล”
“ผมจัดการเองได้ ขอบคุณมาก”
ธีรภาพสะดุดหู “จัดการ คุณรู้จักเธอเหรอ”
พงศธรย้อนเอาว่า “ถามว่าผมรู้จักเธอมั้ยงั้นเหรอ”
“ใช่ ผมอยากรู้ว่าคุณจะจัดการในฐานะอะไรไม่ทราบ” ธีรภาพของขึ้น
พงศธรจ้องหน้า “ในฐานะที่เธอเป็นคนรักของผม”
ธีรภาพอึ้งไปเลย
“ชัดเจนนะครับ หรือต้องรอให้เธอฟื้นมายืนยัน”
ธีรภาพไม่ตอบโต้ใดๆ
พงศธรอุ้มนิสาออกไป ธีรภาพยืนอึ้ง
“คนรักงั้นเหรอ”

นิสานอนหมดสติอยู่บนเตียงตรวจ หมอบอกกับพงศธรว่า
“อาการของคนตั้งครรภ์น่ะครับ”
พงศธรตกใจ “ตั้งครรภ์เหรอครับ”
“ครับ คนไข้อยู่ในสภาวะตั้งครรภ์ อาการที่เกิดขึ้นเป็นผลข้างเคียง แต่คนไข้ค่อนข้างแพ้มาก อาการเลยเกิดขึ้นเร็ว”
พงศธรถามย้ำ “คุณหมอแน่ใจนะครับว่าเธอกำลังท้องจริงๆ”
“แน่ใจสิครับ คุณกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ดูแลภรรยาให้ดีๆ นะครับ หมอจะให้ยาแก้แพ้ไปด้วย ทานเวลามีอาการนะครับ”
หมอออกจากห้องไปแล้ว พงศธรหันมามองนิสารู้สึกดีใจวูบแรก แต่ในหัวคิดประหวัดไปถึงสิ่งที่วิริยาเสนอให้
“ชั้นชอบ push คนค่ะ” หล่อนเดินอ้อมมาโอบเก้าอี้พงศธรไว้ “ชั้นบินแต่เฟิร์สคลาส มีทุกอย่างพร้อม ยังขาดก็แค่ กัปตัน” วิริยายังโน้มหน้ามาพูดใกล้ๆ หูอีกว่า
“ชั้นบอกวิธีทำคุณหมดแล้ว ถ้ายังเป็นนักล่า ถ้ายังอยากล่าความสมบูรณ์แบบ ก็ลงมือเถอะค่ะ เหยื่ออยู่ตรงหน้าคุณแล้ว จะต้องรออะไร”

พงศธรดึงความคิดกลับมา เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันดุดันของศักดิ์ชายถามขึ้น หันไปหาช้าๆ
“หรือคุณจะไม่รับผิดชอบ”
ศักดิ์ชายมองจ้องพงศธรที่เอาแต่เหม่อลอยไปถึงไหน ตั้งแต่มาส่งนิสาที่บ้าน
“ว่ายังไงล่ะคุณพงศธร” ศักดิ์ชายเสียงดังขึ้น
พงศธรรู้สึกตัวสะดุ้งนิดๆ “ครับ ว่าไงนะครับ”
“ในเมื่อสาเค้าท้อง ผมหวังว่าคุณจะทำตามหน้าที่ที่ต้องทำ”
“รอให้นิสารู้สึกดีขึ้นก่อนแล้วเราค่อยแพลนกันนะครับว่าจะทำยังไงต่อไป”
ศักดิ์ชายเริ่มไม่พอใจ “เรื่องแบบนี้ต้องวางแผนด้วยเหรอครับ ผมว่าคุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร ยังไง นอกเสียจากว่า คุณคิดจะไม่ทำตามที่มันควรจะเป็น”
“ผมรับผิดชอบแน่นอนครับ ไม่ต้องห่วง”
ศักดิ์ชายโกรธกรุ่นๆ “ทำไมถึงพูดว่ารับผิดชอบ หรือคุณเห็นว่ามันเป็นความผิดพลาด คุณถึงต้องรับผิดชอบ”
“ผมกับสา เรารักกัน สิ่งที่เกิดขึ้นแค่เร็วกว่าที่เราคิด แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วผมก็พร้อมจะ...” พงศธรเกือบจะหลุดปากไปว่า “รับผิดชอบ” แต่หยุดปากไว้ทัน “พร้อมจะดูแลทุกอย่างครับ”
ศักดิ์ชายพอใจขึ้นมาหน่อยๆ “ใช่ มันต้องใช้คำว่าดูแล ไม่ใช่รับผิดชอบ”
“ครับ”
พงศธรหน้าเครียดจนศักดิ์ชายมองออก
“สีหน้าคุณ ไม่เหมือนคนที่กำลังจะเป็นพ่อคน”
“ยังไงเหรอครับ”
“แต่ผมเข้าใจ มันเป็นเรื่องผิดแผน ผิดไปจากสิ่งที่คุณวางไว้” ศักดิ์ชายพูดนิ่งๆ
พงศธรร้อนตัว “คุณลุงทราบเหรอครับว่าผมวางแผนอะไรไว้”
“คนในวัยคุณจะมีอะไร นอกจากความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน”
พงศธรนิ่งไป โดนแทงใจดำจังๆ
“คนสมัยนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ”
พงศธรโดนแทงใจอีกฉึก
“ไม่ว่าต่อจากนี้ไป แผนของคุณจะเป็นยังไง ผมขอให้คุณรักษาสัญญาที่จะไม่ทำให้ลูกสาวคนต้องเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว หวังว่าคุณจะไม่ผิดสัญญา”
“ครับ”
พงศธรเครียดหนักเลย นิสาฟื้นแล้วเดินออกมาสมทบด้วยหน้าตาอันอ่อนแรง
“คุยอะไรกันอยู่คะ ดูเครียดกัน”
“คุณพงศ์กำลังจะกลับ ส่งคุณพงศ์แทนพ่อด้วย”
“ค่ะ”
“งั้นผมลาล่ะครับ”
พงศธรไหว้ลาแล้วลุกเดินออกไป นิสาตามไปส่งที่หน้าบ้าน พงศธรจับมือนิสาไว้
“เอาไว้คุณดีขึ้นแล้วเราค่อยคุยกันเรื่องนี้นะ”
“ค่ะ”
“ฝันดีนะครับ”
พงศธรกอดนิสาแล้วเดินไปขึ้นรถ ขับออกไป นิสามองตามไปจนลับตา ก่อนเดินกลับเข้ามาในบ้าน
“ดูแฟนตัวเองไว้ให้ดี คุยกันให้ดี ให้ชัดเจน” ศักด์ชายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มีอะไรรึเปล่าคะพ่อ ทำไมพ่อซีเรียสจัง”
“พ่อเป็นห่วงเราน่ะแหละ พงศธรอาจจะเป็นคนรักที่ดี รักเรามาก แต่เค้าก็รักตัวเองมากเช่นกัน”
“แล้วไม่ดีเหรอคะ เค้าผิดเหรอคะที่รักตัวเอง”
“ไม่ผิดหรอก ถ้ามันไม่มากเกินไปจนทำให้ใครต้องเสียใจ”
นิสามองพ่อด้วยความงุนงง
“เชื่อคำพ่อ ดูพงศธรให้ออก ดูให้ขาด จะได้ไม่ตัดสินใจอะไรพลาด”

พงศธรกลับจากบ้านนิสา เดินเข้ามาในตึกคอนโด เจอวิริยานั่งรออยู่ที่โซฟาในล็อบบี้
“กลับดึกนะคะ”
“คุณวิริยามีอะไรรึเปล่าครับ”
“ชั้นมาทำงานของชั้นต่อให้เสร็จน่ะค่ะ”
ถัดมา สองคนออกมานั่งคุยกันที่มุมร่มรื่นริมสระว่ายน้ำคอนโด
“คุณคิดยังไงกับข้อเสนอของชั้นคะ”
“ข้อเสนออะไรครับ”
“ชั้นยังขาดกัปตันไงคะ”
พงศธรนิ่งคิด เงียบไปจนวิริยาแปลกใจในท่าที
“มีอะไรมาขัดขวางการล่าของนักล่ารึเปล่าคะ”
“ไม่มีครับ ถึงมีก็ขวางไม่ได้”
“ดีค่ะ ชั้นชอบคนที่มีสัญชาตญาณนักล่า รอยัลแอร์ไลน์เป็นเหยื่อที่ดี คุ้มกับการล่า เอ็นจอย นะคะ”
“ครับ”
พงศธรหน้าเครียดเพราะเรื่องนิสาท้อง
“แล้วเราจะบินไปด้วยกัน”
วิริยายื่นมือมาขอจับมือ พงศธรไม่จับตอบ
“ขอผมเคลียร์บางอย่างก่อน” เขาเน้นคำตอนท้าย “ผมจะล่าเมื่อผมพร้อม”

ที่ออฟฟิศวิศวกรและทีมช่าง ธีรภาพเข้างานกะดึด นั่งเหม่อช่วงพัก ในหัวคิดถึงแต่คำพูดของพงศธร
“ถามว่าผมรู้จักเธอมั้ยงั้นเหรอ”
“ใช่ ผมอยากรู้ว่าคุณจะจัดการในฐานะอะไรไม่ทราบ”
“ในฐานะที่เธอเป็นคนรักของผม”
ธีรภาพอึ้งตะลึงตะไล
“ชัดเจนนะครับ หรือต้องรอให้เธอฟื้นมายืนยัน”
มีนาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ยื่นหน้ามาตะโกนใส่หน้าธีรภาพซะดัง
“ตื่นๆๆๆๆ”
ธีรภาพสะดุ้งเฮือก
“หลับในรึไง เพิ่งจะเที่ยงคืนเองนะ อีกนานกว่าจะได้นอน”
มีนาเป่าลมใส่หน้าธีรภาพ
“อย่ามากวนได้มั้ย จะเสียงดังไปไหนเนี่ย หนวกหู”
“เอ้า แล้วมาเหวี่ยงใส่เรื่องไรอ่ะ นี่ก็แค่จะปลุก”
“ไม่ต้องปลุก ไม่ได้หลับ ต่อให้อยากหลับก็หลับไม่ลง” ธีรภาพบ่นๆ
มีนายิ่งง “ทำไมอ่ะ”
“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่ต้องยุ่งได้ปะ”
“นี่ไม่เด็ก” มีนาดึงเสื้อธีรภาพเซ้าซี้ “บอกมาก่อน”
ธีรภาพสะบัดตัวออก “บอกว่าอย่ามายุ่ง”
ธีรภาพเดินออกไปด้วยสีหน้าเหวี่ยงๆ
“เป็นบ้าอะไรมาเหวี่ยงใส่เนี่ย”

อีกฟาก จอคอมพ์เปิดโปรไฟล์รูปธีรภาพค้างอยู่ กรเกียรตินั่งมองภาพถ่ายครอบครัว เขา เปรมจิต และวิริยาในกรอบรูปบนโต๊ะ หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีตนานมา
ตอนนั้นกรเกียรติพาเปรมจิตกลับมาจากโรงพยาบาล เปรมจิตอุ้มลูกที่ร้องดังโยเยไว้ในอ้อมอก ส่วนกรเกียรติหิ้วกระเป๋าข้าวของตามมา เปรมจิตนั่งลงป้อนนมลูกในห้องโถง
“โอ๋ลูกแม่โอ๋ หิวเหรอจ๊ะลูก”
“ผมว่าหน้าแกมาทางผมนะ”
“ลูกสาวเหมือนพ่อโบราณเค้าว่าดีนะคะ”
พ่อแม่ผลัดกันโอ๋ลูก บรรยากาศดูอบอุ่น
คนางค์แอบดูอยู่ที่ประตูทางหลังบ้าน ร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเสียง สุดท้ายเดินออกไปเงียบๆ

กรเกียรติดึงตัวเองออกมา มองรูปธีรภาพที่หน้าจอนิ่งๆ
“ยังไม่สายเกินไปที่พ่อจะชดใช้ให้กับลูก ยังไม่สาย”
กรเกียรติครุ่นคิดมีไอเดียชดใช้ในใจแล้ว เปรมจิตเปิดประตูเข้ามา กรเกียรติรีบปิดหน้าจอ
“ทำไมยังไม่นอน นี่ดึกมากแล้วนะคะ”
“ผมต้องทำงาน”
“พูดถึงเรื่องงาน อีกไม่นานคุณก็ต้องวางมือ ให้ยายวิวรับช่วงต่อ คุณน่าจะเริ่มปล่อยๆ ให้ลูกดูแลบ้าง”
“วิวยังต้องใช้เวลาอีกมาก”
“ก็ถ้าไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้ เมื่อไหร่ลูกจะพร้อมกันล่ะคะ”
“ธุรกิจสายการบินแข่งขันสูง ประสบการณ์ก็ต้องสูงด้วย”
“คุณพูดเหมือนจะไม่ให้โอกาสลูก”
“ผมแค่ต้องรอเวลาให้แกพร้อม”
“แล้วมันเมื่อไหร่กันล่ะคะ”
“เรื่องนั้นไม่มีใครตอบได้ นอกจากแกจะพิสูจน์ตัวเอง จนผมพอใจ”
“ถ้าอย่างนั้น ระหว่างนี้ชั้นคงต้องหูตากว้างหน่อย ยายวิวเป็นเป้าหมายที่ดี สำหรับพวกไล่ล่าความสำเร็จ พวกต่ำๆ ที่หาโอกาสไต่เต้าขึ้นที่สูง”
“จะว่าเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก ในเมื่อลูกสาวเราเป็นฝ่ายเริ่ม”
“คุณรู้เหรอคะว่าชั้นหมายถึงใคร”
“คนที่คุณกลัว ไม่น่ากลัวเท่าลูกสาวคุณเองหรอก”
เปรมจิตนิ่งไป
“ผมจะดูแลเรื่องงาน เรื่องอื่นคุณดูแลเองก็แล้วกัน จะได้ถูกใจ”
“ชั้นดูแน่ ชั้นไม่ปล่อยให้ปลิงตัวไหนคิดมาเกาะยายวิวได้เป็นอันขาด ชั้นรู้จักวิธีกำจัดปลิงดีอยู่แล้ว คุณก็น่าจะรู้”
เปรมจิตเดินหน้าบูดออกไป
กรเกียรติพูดกับตัวเองว่า “คนที่ถูกคุณกำจัด ไม่ใช่ปลิงเสมอไปหรอก”

ฝ่ายคนางค์นอนไม่หลับห่วงลูกชาย พลิกตัวมาพบว่าสีหน้าเครียดมาก
“ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย”

ธีรภาพเช็คระบบเครื่องจากมอร์นิเตอร์ เงยหน้ามองเครื่อง แต่นึกไปถึงนิสาตอนอยู่โฮมสเตย์ป้าด้วยกัน

ที่หน้าบ้านพัก มีกองไฟสำหรับผิงไฟติดอยู่ นิสานอนไม่หลับเดินกะเผลกในชุดนอนแบบเกาหลี ออกจากห้องเงียบๆ มานั่งผิงไฟ ค่อยๆ หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทร.หาพงศธรแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ หิมะเริ่มตกปรอยๆ ไกด์สาวเห็นก็ยิ้มได้ ยกมือรองหิมะอย่างเหงาๆ จนได้ยินเสียงของธีรภาพพูดขึ้น
“นอนไม่หลับเหรอครับ หรือว่ากลัวผม”
“มันแค่แปลกที่...”
ธีรภาพบอกว่า “แปลกคน”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น”
ธีรภาพมองโทรศัพท์มือถือในมือของนิสา ขณะลงมานั่งข้างๆ ตัดสินใจเอ่ยถาม
“มีคนรอคุณอยู่ที่เมืองไทยเหรอครับ”
นิสาเงียบจนธีรภาพรู้สึกผิด เหมือนตัวเองไม่มีมารยาท
“ผมขอโทษ ผมไม่มีเจตนาอย่างนั้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
นิสาหาทางเลี่ยง พอดีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าท่ามกลางหิมะแล้วอุทานออกมาเป็นภาษาเกาหลีว่า
“พระจันทร์เต็มดวง”
“หา...” ธีรภาพงง
นิสารู้ตัวเลยรีบพูดอธิบาย
“อ๋อ พระจันทร์เต็มดวงในคืนหิมะแรกน่ะค่ะ มันเป็นความเชื่อของคนเกาหลี ว่าถ้า เราเห็นพระจันทร์ในคืนหิมะแรก ชีวิตจะพบแต่ความสุข”
พร้อมกับว่านิสาลุกเอาผ้าเช็ดหน้าในเสื้อออกมาผูกที่ต้นไม้หน้าบ้าน ธีรภาพมองตามด้วยความสงสัย
“จะไม่เหงาเดียวดาย เพราะอย่างน้อย ตัวเราก็มีพระจันทร์เป็นเพื่อน”
“อืม”
ธีรภาพลุกเดินตามนิสามาที่ใต้ต้นไม้ เขาเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองผูกไว้ข้างๆ ผ้าผืนนั้นของนิสา
“งั้น...ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณด้วยได้ไหม” เขาทอดเสียงนุ่ม
นิสามองธีรภาพด้วยความประทับใจ ก่อนจะหยุดสายตาที่ผ้าเช็ดหน้าทั้งสองผืนที่ผูกติดใกล้ๆ กัน
“ก็เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่ค่ะ”
ธีรภาพมองผ้าเช็ดหน้า แล้วเข้าใจในความหมาย
“นั่นสินะ” ธีรภาพหัวเราะหึๆ
สองคนยิ้มให้กัน มองผ้าเช็ดหน้า มองพระจันทร์ มองหิมะ ดูโรแมนติกและน่ารักไปอีกแบบ

ธีรภาพดึงตัวเองกลับมา ถอนใจหน้าเศร้า อกหักยับเยิน
“คงเป็นได้แต่เพื่อนสินะ”

รุ่งเช้า วิริยาเดินเข้ามาในห้องทานอาหาร พบเปรมจิตนั่งจิบกาแฟอยู่
“พ่อเค้าไปแล้วนะ”
วิริยาแปลกใจแต่ไม่ติดใจ “ทำไมไปเร็วจัง นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะคะ”
“เห็นว่างานยุ่งงานเยอะ”
“งั้นวิวไปก่อนนะคะ”
วิริยาออกไป
“นี่ก็รีบอีกคนหนึ่งแล้ว จะไปทำงานหรือทำอะไรกันแน่”

มีนาหลับอยู่ที่มุมหนึ่งในออฟฟิศ ธีรภาพหลับคาโต๊ะ มีเก้าอี้อีกตัวลากมารองขาไว้ กรเกียรติเข้ามาหาใกล้ๆ พูดขึ้นเบาๆ
“พ่อ” กรเกียรตินึกกระอักกระอ่วน “ฉันขอโทษนะ...ฉันขอโทษ”
กรเกียรติลูบผมธีเขาๆ ก่อนลุกออกไป ธีรภาพรู้สึกงัวเงีย แต่ไม่รู้ตัว
เจนไวย์เอะอะโวยวายเข้ามา ไม่พบร่างท่านประธานแล้ว
“ตื่นๆๆ ตื่นๆๆ กะเช้ามาแล้วเว้ย ตื่นกลับบ้านไปนอนไป”
มีนางัวเงียตื่นขึ้นมา ธีรภาพลุกขึ้นนั่ง เจนไวย์วางถุงลงตรงหน้าพร้อมแก้วกาแฟสองใบ
“อเมริกาโนของแก ส่วนลาเต้ของนาง กินเสร็จแล้วไสหัวกลับบ้านไป”
มีนารีบคว้าแก้วกาแฟมากิน
“เป็นไง เมื่อคืน มีอะไรตื่นเต้นมะ”
“มีแต่คนเหวี่ยงๆ”
เจนไวย์งง “ใครวะ”
“โน่นไง” มีนาพยักพเยิดไปที่ธีรภาพ
เจนไวย์แปลกใจ “ไอ้ตี้เนี่ยนะเหวี่ยง”
“อื้อ”
เจนไวย์หันมาถามธีรภาพ “มีไรเปล่าวะตี้”
“ไม่มี” ธีรภาพลุกขึ้น “ไปละ”
เจนไวย์ไม่ยอม “อ้าว เฮ้ย มาเคลียร์กันก่อนดิ”
“ก็บอกว่าไม่มี ขี้ฟ้อง”
ธีรภาพชี้หน้ามีนาแล้วออกไป เจนไวย์มองตามแล้วหันมาหามีนา
“ตกลงมันเหวี่ยงจริง”
“ก็จริงอ่ะดิ ตอนโทร.หายังดีอยู่เลย แต่พอมาถึงก็เป็นบ้าไปเลย หงุดหงิด อารมณ์เสีย แล้วก็ไม่พูดไม่จา เงียบมาก...หน้าเครียดมาก ถามคำตอบคำ”
“จริงดิ”
“อื้อ”
“มันต้องมีปัญหาอะไรแน่ หรือว่ามันห่วงแม่”
“แม่โอเคแล้ว ไม่ใช่เรื่องแม่หรอก ต้องเป็นเรื่องอื่น”
“เรื่องไรวะ”
เจนไวย์คิดไม่ตกแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

เช้านี้ พอลิฟต์เปิดให้พงศธรออกมาที่ล็อบบี้คอนโด เจอวิริยานั่งรออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“คุณวิริยา”
“คุณพ่อท่านเรียกประชุมแต่เช้าน่ะค่ะ วิวเลยซื้อกาแฟมาฝาก”
วิริยาส่งแก้วกาแฟมาให้
“หวังว่าวิวเดาถูกนะคะว่าคุณชอบดื่มอะไร”
“ผมดื่มอะไรก็ได้ครับ ขอบคุณมาก อันที่จริง...”
วิริยาแทรกขึ้นทันที “วิวอยากเจอคุณน่ะค่ะ”
“แต่เดี๋ยวเราก็ต้องเจอกันที่ออฟฟิศอยู่แล้วนี่ครับ”
“แต่ที่ออฟฟิศ วิวทำแบบนี้ไม่ได้”
พร้อมกับว่าวิริยาโขมยหอมแก้มพงศธรอย่างรวดเร็ว
“มอร์นิ่งค่ะ”
พงศธรอึ้งไป ยอมรับว่าเขารู้สึกดีๆ
“รีบไปเถอะค่ะ”
วิริยาเดินนำออกไป พงศธรตามไปอย่างอึ้งๆ
“คุณเก็บค่ากาแฟแพงนะครับ” เขาจงใจบอกว่าแก้มของเขาราคาแพงมาก
วิริยาหันกลับมา “แต่คุณก็ยินดีจ่ายไม่ใช่เหรอคะ”
จากนั้นวิริยาเดินยิ้มย่องออกไป พงศธรอดยิ้มออกมาไม่ได้กับความเปรี้ยวของวิริยา
“ร้ายกาจจริงๆ”
พงศธรเดินตามออกไป

ธีรภาพจอดมอเตอร์ไซค์ คนางค์รีบออกมาดู
“ทำไมไม่นอนพักล่ะครับแม่ อย่าบอกนะว่ารอผมทั้งคืน”
“ก็แม่เป็นห่วง”
“ผมต่างหากล่ะครับที่ต้องเป็นห่วงแม่ เดี๋ยวเราไปหาหมอกันนะ”
“แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องไปหรอก ตี้กินข้าวเช้าแล้วไปนอนพักเถอะ”
“ผมจะนอนหลับก็ต่อเมื่อแม่ยอมเล่าให้ผมฟังก่อน ว่าเมื่อวานท่านมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมท่านถึง เหมือนรู้จักแม่ด้วย ผมไม่เข้าใจ”
คนางค์ถอนใจ
“มันก็แค่เรื่องบังเอิญน่ะตี้” คนางค์นึกขมขื่นในใจที่ต้องโกหกลูกชาย “ทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น”

ด้านวิริยากับพงศธรนั่งประชุมอยู่กับกรเกียรติในห้องท่านประธาน
“อู่ซ่อมบำรุงอากาศยานของเราจะเปิดได้เร็วที่สุดปีหน้า อันนี้เป็นผลงานของหนูที่พ่อภูมิใจ” กรเกียรติยิ้มชื่นชมลูกสาว “แต่ระหว่างนี้ เราต้องรีบหาคนที่จะมาช่วยเสริมทีมเดิม เพื่อดูแลเครื่องบินทั้งหมดของเราได้”
“ก็ไม่น่ามีปัญหานี่คะ ผอ.ฝ่ายซ่อมบำรุงหรือ ชิฟออฟเอ็นจีเนียร์เราก็มีพร้อม”
“นอกจากทีมเดิม พ่ออยากให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทีมมากกว่า” กรเกียรติว่า
“เห็นด้วยค่ะ”
กรเกียรติกำชับกับพงศธร “สร้างจุดนี้ให้เป็นจุดแข็งของเราให้ได้ ผมต้องการฝีมือทั้งหมดจากคุณ”
“ครับ”
“ถ้าคุณทำสำเร็จ แบรนด์ของรอยัลแอร์ไลน์ทั้งหมด ผมจะยกให้คุณดูแล”
“ผมจะพิสูจน์ตัวเองครับ” พงศธรรับหนักแน่น
กรเกียรติบอกกับวิริยาว่า “ส่วนเราก็ดูแลเรื่องแมเนจเม้นต์ไป ทำงานคู่ไปกับสายมาร์เก็ตติ้ง สร้างแบรนด์รอยัลแอร์ไลน์ ให้ขึ้นเป็นแบรนด์ในใจท็อปทรีของเอเชียให้ได้”
วิริยากะพงศธรรับเอาคำ “ค่ะ” / “ครับ” พร้อมกัน
“แล้วเรื่องคนที่จะมารันงานทีมเสริมฝ่ายซ่อมอากาศยานมองใครไว้เป็นพิเศษรึยังคะ”
“ก็พอเล็งตัวเอาไว้แล้ว แค่กำลังหาวิธีแจ้งให้ทราบโดยไม่ระคายเคืองคนเก่าๆ เท่านั้น” กรเกียรติหันมาทางพงศธร “มาร์เก็ตติ้งก็ต้องช่วยดันคนที่ผมเลือกด้วยนะ ถ้าทำได้ ผมอยากให้โปรโมทเค้าให้เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ เป็นเลือดใหม่ของเราที่ทุกคนต้องจับตามอง”
“น่าอิจฉาจังนะคะ จะถูกโปรโมทซะขนาดนั้น ต้องสำคัญมากแน่ๆ เค้าเป็นใครเหรอคะ”
หากรู้ว่าเขาเป็นใครรับรองวิริยาไม่ยิ้มขนาดนี้แน่

สายแล้ว คนางค์เตรียมทำกับข้าวอยู่ในครัว ธีรภาพเดินหัวยุ่งเข้ามา
“ทำไมตื่นเร็ว เข้ากะอดนอนมาทั้งคืน น่าจะนอนต่ออีกซักหน่อยนะ”
“ตื่นแล้วล่ะครับ”
“หิวมั้ย อยากกินอะไรล่ะ”
“ขอแค่กาแฟดีกว่าครับ”
ธีรภาพเดินไปชงกาแฟ ถามเรื่องคาใจขึ้นมา
“เอ่อ แม่ครับ แล้วตกลงวันนั้น ท่านประธานเค้ามาอยู่ที่บ้านเราได้ยังไงกันล่ะครับ”
“เอ่อ...ก็บอกแล้วไงว่าแค่เรื่องบังเอิญ”
“บังเอิญยังไงล่ะครับ”
คนางค์เล่าความจริงครึ่งๆ “แม่ออกไปข้างนอก เจอแท็กซี่จะปล้นเอาน่ะสิ แม่ลงรถแล้ววิ่งหนีไปตัดหน้ารถท่านเข้า ท่านคงเห็นใจ เลยมาส่ง ก็แค่นั้น”
“ทำไมแม่ไม่บอกเรื่องนี้กับผมเลย แล้วแม่เป็นอะไรรึเปล่าครับ ไอ้แท็กซี่มัน ทำอะไรแม่รึเปล่า”
“ไม่ทันได้ทำหรอกแม่หนีลงมาได้ซะก่อน”
ธีรภาพบ่นขำๆ “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับ คนตั้งมากตั้งมาย รถเป็นแสนเป็นล้าน แม่ดันมาเจอรถท่านประธานเข้า”
“ก็แค่เรื่องบังเอิญน่ะ ถ้าเลือกได้แม่คงไม่อยากให้เป็นท่านหรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
คนางค์พูดเป็นนัย “ต่างคนต่างอยู่ก็ดีอยู่แล้ว”
“แม่พูดเหมือนคนไม่ถูกกัน” ธีรภาพอดสงสัยไม่ได้ พูดทีเล่นทีจริง “ไปมีเรื่องกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”
มือถือธีรภาพดังขัดขึ้น เขาหยิบมาดู
“ไอ้เจนโทรมาแล้ว”
ธีรภาพรับสายเดินออกไปพร้อมแก้วกาแฟ
“เออ ตื่นแล้ว มีอะไรวะ”
คนางค์มองตามไปสีหน้าเศร้าสร้อยพูดกับตัวเองเบาๆ
“เรื่องน่ะมันจบไปแล้ว อย่าให้มีใครรื้อฟื้นอีกก็พอ”

ประยงค์เดินเข้ามาหายื่นช่อดอกมะลิให้นิสา
“เลิฟยูนะ”
นิสาได้กลิ่นแล้วเกิดคลื่นไส้ วิ่งไปห้องน้ำทันที ประยงค์เซ็งมาก
“ขนาดนั้นเลยเหรอนิสา ความรักของบอสมันน่าคลื่นไส้ขนาดนั้นเลยเหรอทำไม ทำไมนิสาถึงสองมาตรฐาน ทำไมทำกับบอสอย่างนี้”
“ลงทุนหน่อยสิคะบอส นิสาเค้าได้แต่ดอกไม้ฝรั่งๆ จากแฟน อย่างกากๆ ก็กุหลาบ แล้วนี่อะไร ซื้อมาจากสี่แยกไหนเนี่ย”
“เออ แต่จะว่าไป ช่วงนี้ดอกไม้ก็ขาดๆ หายๆ นะ ส่งบ้างไม่ส่งบ้าง มันยังไงกันเนี่ย” ประยงค์หมายถึงดอกไม้จากพงศธร
“ก็ความรักเค้าแน่นแล้ว ไม่ต้องคอนเฟิร์มแล้ว” มัทรีว่า
“จริงปะเนี่ย”
“บอสทำใจเถอะ โลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับหน้าตาอย่างบอสแล้วล่ะค่ะ”
ประยงค์มองค้อนตาคว่ำ “ปลาร้าๆๆๆ แล้วหล่อนมี”
“อ้ะมีสิ เอ็กโซติกขนาดนี้ มีที่ยืนอยู่แล้ว” นางบอก
“กล้าพูด”
“แกลมๆ คูลๆ อย่างแมสซี่ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ไปเกาหลีเที่ยวนี้ กลมกลืนสุดๆ อ่ะ เบื่อจะคุย”
“ถามชั้นก่อนคุยด้วย ว่าชั้นอยากฟังมั้ย”
ประยงค์เชิดใส่แล้วเข้าห้องทำงานไปเลย ในจังหวะเดียวกับที่นิสาเดินออกมาจากห้องน้ำหน้าตาเซียวๆ
“โอเคมั้ยอ่ะ”
“โอๆ”
“มะลิเดี๋ยวนี้มันชอบแช่ฟลอมาลีนแล้วฉีดน้ำหอม ได้กลิ่นแล้วจะอ้วกเนอะ” มัทรีบ่นบ้า
“อื้อๆ” นิสายิ้มๆ ไปตามเรื่อง
แมสซี่ยื่นกล่องข้าวให้
“ซื้อแกงไตปลามา กินด้วยกันนะ”
นิสาได้กลิ่นแกงไตปลาเต็มๆ เกิดคลื่นไส้ขึ้นมาวิ่งไปอ้วกอีกครั้ง
มัทรีประหลาดใจมาก “เฮ้ย เป็นไรเนี่ย เหม็นขนาดนั้นเลยเหรอ” นางยกขึ้นดมแล้วรู้แจ้ง “อ่า เอ็กโซติก”
พงศธรเดินเข้ามาในออฟฟิศ มัทรีเห็นยิ้มทัก
“คุณพงศ์ มาหานิสาเหรอคะ วันนี้นางเป็นอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวอ้วก เดี๋ยวอ้วก”
พงศธรยิ้มๆ ทักตอบ
นิสาเดินหน้าเซียวออกมา
“นิสา ให้คุณพงพาไปหาหมอเลยนะ อ้วกแล้วอ้วกอีก ไม่ปกตินะเธอ”
มัทรีลุกเดินเข้าไปด้านใน นิสาเดินเข้ามาหาพงศธร
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“คือว่า...เรามีเรื่องต้องคุยกันครับ ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
“มีร้านกาแฟอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เองค่ะ”
“งั้นไปครับ”
นิสารู้สึกหน้ามืดๆ วิงเวียนศีรษะนิดๆ แต่ฝืนตามพงศธรออกไป

พงศธรจับมือนิสาจูงข้ามถนนหน้าออฟฟิศแฮปปี้โคเรียกันไป จู่ๆ นิสาเวียนหัวหน้ามืดแต่พงศธรไม่รู้จนนิสาเซจะล้ม ปล่อยมือจากพงศธร จนเขาหันกลับมาถาม
“เป็นอะไรครับ”
“นิสาหน้ามืดน่ะค่ะ เหมือนจะเป็นลม”
“คงเพราะแพ้ท้อง จับมือผมไว้นะ”
พงศธรจับมือนิสาข้ามต่อไป จังหวะหนึ่งมีรถแล่นตรงมาด้วยเร็วมาก พงศธรหยุดรอ ในหัวคิดถึงคำพูดกรเกียรติ
“ถ้าคุณทำสำเร็จ แบรนด์ของรอยัลแอร์ไลน์ทั้งหมด ผมจะยกให้คุณดูแล”
ตามมาด้วยคำพูดวิริยา “ชั้นบินแต่เฟิร์สคลาส มีทุกอย่างพร้อม ยังขาดก็แค่...กัปตัน”
“ชั้นบอกวิธีทำคุณหมดแล้ว ถ้ายังเป็นนักล่า ถ้ายังอยากล่าความสมบูรณ์แบบ ก็ลงมือเถอะค่ะ เหยื่ออยู่ตรงหน้าคุณแล้ว จะต้องรออะไร”
พงศธรดึงตัวเองออกจากความคิดคำนึง
รถแล่นเข้ามาใกล้แล้ว พงศธรเครียดจัด มือจับมือนิสาอยู่ ในความคิดชั่ววูบนั้นเหมือนเขาคิดจะปล่อยมือนิสาให้รถชน รถแล่นใกล้จะถึงรอมร่อ นิสาซวนเซจะล้มลง เสียงบีบแตรดังสนั่น ปลุกให้พงศธรตัดสินใจกระชากมือนิสาให้ตามตนมาได้อย่างเฉียดฉิว นิสาโผเข้ากอดคนรักไว้จากด้านหลัง พงศธรกอดกุมแขนนิสาไว้แน่น
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่มีวันทิ้งคุณ”
สีหน้าพงศธรขัดแย้งกับคำพูด
นิสาซบหน้าลงกับแผ่นหลังของคนรัก อดคิดถึงคำพูดพ่อขึ้นมาไม่ได้
“พงศธรอาจจะเป็นคนรักที่ดี รักเรามาก แต่เค้าก็รักตัวเองมากเช่นกัน”
“แล้วไม่ดีเหรอคะ เค้าผิดเหรอคะที่รักตัวเอง”
“ไม่ผิดหรอก ถ้ามันไม่มากเกินไป จนทำให้ใครต้องเสียใจ”
นิสาหลับตาลงพึมพำเบาๆ
“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะพ่อ”

บาริสต้ากำลังอวดลีลาชงกาแฟเก๋ๆ อันน่าตื่นตาอยู่หลังเคาน์เตอร์ นิสากับพงศธรนั่งอยู่ด้วยกันตรงโต๊ะริมกระจก นิสานั้นร่าเริงพูดถึงอนาคตไม่หยุด
“สาเลือกชื่อๆ ไว้ให้ลูกแล้วนะคะ เลือกเผื่อไว้ทั้งชื่อผู้ชายผู้หญิง พวกชื่อมงคลก็ดูไว้นะคะ แต่ต้องขึ้นกับวันที่แกเกิดด้วย”
พงศธรยิ้มรับเอาคำนิดๆ หากดูดีๆ จะพบว่าเขาเครียดมากเอาการ
“ส่วนเรื่องงานแต่งงาน คงต้องให้ยายมัทช่วย เราเคยมีลูกทัวร์เป็นเจ้าของเวดดิ้งสตูดิโอค่ะ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี หรือเราจะไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันที่เกาหลีดีคะ คงออกมาสวยน่าดู สารู้จักช่างภาพฝีมือดีคนหนึ่ง เค้าเคยเป็นลูกทัวร์ของเรา เค้าน่าจะ...”
พงศธรพูดแทรกขึ้น “สา...”
นิสามองฉงน “พงมีอะไรหรือเปล่าคะ”
พงศธรก้มหน้าหลบสายตา นิสาเริ่มรู้สึกความผิดปกติของชายคนรัก
“พงศ์...พงศ์อยากจะบอกอะไรสาหรือเปล่าค่ะ”
พงศธรยังนิ่งเงียบ สับสน ไม่กล้าสบตา
“พงศ์อย่าบอกนะคะว่า...”
พงศธรโพล่งบอกทันที “เรายังมีลูกไม่ได้”
นิสาอึ้ง แทบไม่เชื่อหู “คะ คุณว่าอะไรนะคะ”
“ผมยังไม่พร้อม”
นิสาเสียงสะท้าน “ทำไมล่ะคะ ทำไม”
พงศธรแทรกขึ้น “รวมทั้งเรื่องแต่งงานด้วย มันจะยังไม่เกิดขึ้น”

นิสาอึ้งไปเลย น้ำตาหยดแหมะ

อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น