บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน* (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
6
“โดนฟ้องอย่างนี้เราจะเป็นยังไง คงขอยอมความไม่ได้หรอกนะเจ้าคะ”
รุริโกะถามด้วยความวิตกกังวลทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันหายสะอื้น
หยาดน้ำตาที่อาบใบหน้าสะท้อนแสงสลัวดูงามน่าพิศวง
“นี่แหละคือตัวปัญหา ที่ท่านเจ้ากรมขอพบพ่อเป็นส่วนตัวก็เรื่องนี้แหละ ท่านบอกว่าได้พยายามไกล่เกลี่ยให้ยอมความ บอกว่าเรื่องแค่นี้น่าจะตกลงกันได้ ไม่ต้องฟ้องร้องให้พ่อต้องเสียชื่อเสียงในสังคม แต่หมอนั่นยืนกรานว่ามันเสียหายมาก หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมถอนคำฟ้อง นอกจากพ่อจะมาพบและขอโทษมันต่อหน้า ท่านเจ้ากรมเองก็สงสัยเหมือนกันว่ามันมีอะไรกับพ่อหนักหนา แต่ก็หว่านล้อมให้พ่อข่มใจยอมมันเสียเพื่อรักษาหน้าตา เกียรติยศในสังคมเอาไว้ ทางฝ่ายอัยการก็บอกว่าเป็นคดีเล็กน้อยที่ตกลงกันได้ ไม่ควรแก่การยื่นฟ้องถึงขั้นศาล”
เสียงพูดของบิดาที่ต่ำลึกมาตั้งแต่ต้นนั้น พอถึงจุดนี้กลับเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด
“รุริ ลูกคิดดูซิว่าคนอย่างพ่อจะไปก้มหัวขอโทษไอ้หมอนั่นให้มันหยามน้ำหน้าได้หรือ ถ้าต้องทำอย่างนั้นฆ่าพ่อให้ตายเสียดีกว่า แต่ถ้าพ่อไม่ยอมมันก็ไม่ยกฟ้อง และเมื่อถูกดำเนินคดีเรื่องมันก็จะแดงขึ้นมาเป็นที่โจษขานกันไปทั่ว รุริจะพลอยอับอายขายหน้าที่มีพ่อเป็นคนขี้โกงยักยอกของของคนอื่น ไหนจะต้องถูกถอดยศปลดออกจากสภาขุนนาง ฐานะทางสังคมของพ่อต้องถึงคราวล่มสลายแหลกรานไม่เป็นชิ้นดีก็คราวนี้ ลองคิดดูซิรุริ...ไปไหนมาไหนคนเขาจะซุบซิบหัวเราะเยาะหยันกันว่า ดูนั่นซิท่านคะระซะวะที่เขาลือกันว่าเที่ยงตรงที่สุดในสภาขุนนาง กลายเป็นอย่างนั้นไปแล้ว พ่อทนอายไม่ได้แน่และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตายไปเสียให้พ้น ๆ รุริ...ลูกคงเข้าใจความรู้สึกของพ่อดี ที่พ่อตัดสินใจตายเสียดีกว่าทนเผชิญหน้ากับความอับอายอย่างนั้น”
รุริโกะนั่งนิ่งฟังคำของบิดาราวกับรูปสลักหิน เพลิงโทสะที่คุกรุ่นอยู่ทั่วร่างเมื่อครู่ก่อนกลับเย็นเยียบราวน้ำแข็ง
“พ่อตายเสียคนหนึ่ง เจ้านั้นคงจะคลายความแค้น และชื่อเสียงของพ่อก็จะไม่แปดเปื้อน พ่อจึงตัดสินใจไถ่คืนเกียรติศักดิ์ทางสังคมจากมือไอ้มารร้ายด้วยเลือดเนื้อของตัวเอง รุริ...ไม่ใช่ว่าพ่อไม่ได้คิดถึงลูกหรอกนะ ไม่ลืมเลยว่าลูกมีพ่อเป็นที่พึ่งคนเดียวในโลกนี้ แต่พ่อไม่มีทางเลือกจริง ๆ เมื่อคิดว่าจะต้องตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อฉล กลายเป็นผู้ร้ายเช่นเดียวกับหัวขโมย เช่นเดียวกับโจรปล้นทรัพย์สินคนอื่น พ่อไม่มีทางเลือกจริง ๆ แล้วลูกเอ๋ย”
คำพูดของบิดาราวกับถูกบีบคั้นออกมาจากดวงใจที่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส
“แต่พอได้ยินเสียงลูกกรีดร้องที่หน้าประตู มือที่จับมีดกระชับอยู่มันเกิดชาดิกไม่ไหวติงขึ้นมาเสียเฉย ๆ ไม่เคลื่อนไหวดังใจ พ่อตัดไม่ขาด พ่อจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้งลูกไว้ผจญโลกลำพังคนเดียวได้อย่างไร ถึงใจจะสั่งแต่มือมันไม่ทำตาม นาทีนั้นเองที่พ่อรู้เป็นครั้งแรกว่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกนั้น ยิ่งใหญ่กว่าเกียรติศักดิ์ หน้าตาทางสังคม เหนือสมบัติพัสถานใด ๆ ในโลก พ่อคิดได้แล้วว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูก พ่อรู้แล้วว่าถึงไม่มียศศักด์สมบัติพัสถาน แค่มีรุริอยู่ข้าง ๆ พ่อก็มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป คิดขึ้นมาตอนนี้พ่อเสียดายมากที่ทำไม่ดีกับโคอิชิ ทำให้พี่ชายของลูกต้องหุนหันออกจากไปอย่างนั้น พ่อคงกลายเป็นนักโทษคดีโจรกรรมในไม่ช้า แต่รุริอย่าทิ้งพ่อไปอีกคนนะลูก”
ใบหน้าผ่องใสขึ้นด้วยความรู้สึกรักใคร่ใยดี ความรักที่มีต่อลูกดูเหมือนจะช่วยให้ชายผู้สูงศักดิ์หลุดพ้นออกมาจากห้วงลึกแห่งความทุกข์ทรมานได้บ้าง
7
คำพูดแสดงความรักของบิดาสะเทือนใจรุริโกะอย่างยิ่ง ความสะเทือนใจนั้นยิ่งกระพือโหมเพลิงแค้นและชิงชังที่มีต่อนายโชดะให้ลุกโชนร้อนแรงขึ้นไม่รู้ว่ากี่เท่าตัว ร้อนแรงจนแทบจะทำให้เสียสติ
“ท่านพ่อคิดดีแล้วหรือเจ้าคะที่จะยอมทนทรมานกับอำนาจเงินของเจ้าคนชั่วช้า ยอมก้มหัวให้กับกฎหมายที่เข้าข้างคนเจ้าเล่ห์ที่วางกับดักท่านพ่ออย่างไร้ยางอายอย่างนั้น ยอมง่าย ๆ หรือเจ้าคะ”
รุริโกะพูดเสียงกร้าว ผิดกับเด็กสาวที่นุ่มนวลน่ารักคนเดิมราวกับคนละคน
“แต่รุริ ถึงคนใจร้ายมันจะมีเล่ห์เหลี่ยมทั้งล่อทั้งชนแค่ไหน แต่ถ้าพ่อสุขุมรอบคอบพอเรื่องมันก็จะไม่เป็นอย่างนี้ พ่อผิดเต็มตัวที่ทำอะไรไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่อยู่ในฐานะผู้มีหน้าที่รักษากฎหมายเองอย่างนี้”
“ไม่ค่ะ รุริไม่คิดอย่างนั้น” เด็กสาวเถียงเสียงแข็ง
“แผนอุบาทที่ยอกย้อนซ่อนเงื่อนแบบนั้นของนายโชดะ ไม่ว่าใครก็ติดกับดักได้ง่าย ๆ ดูอย่างนายคิโนะชิตะที่ท่านพ่อไว้ใจนั้นเป็นไร ยังถลำเข้าไปให้คนใจชั่วซื้อไปด้วยอำนาจเงินแล้วใช้ให้มาล่อท่านพ่อเข้าไปติดกับมันได้ ถ้าประเทศเรามีกฎหมายที่ยุติธรรมจริง ๆ นายโชดะนั่นแหละควรจะถูกลงโทษมากกว่า ลูกอยากสาปแช่งกฎหมายที่กลายเป็นเครื่องมือของคนชั่วอย่างนายโชดะ ให้มีอันเป็นต้องพินาศไปโดยเร็ว”
ใบหน้างามของเด็กสาวบึ้งตึง นัยตาทั้งคู่เป็นประกายร้อนแรงไปด้วยความเคียดแค้นจนแทบจะลุกเป็นไฟ
“ท่านพ่ออย่าท้อแท้ไปเลยนะเจ้าคะที่โดนเจ้าคนเจ้าเล่ห์ฟ้องร้องเอาอย่างนั้น เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด อย่าไปยอมแพ้คนพันธุ์อย่างนั้น ลูกผู้ชายจริง ๆ เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก”
รุริโกะขึ้นเสียงกราดเกรี้ยว บิดาที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นานเอ่ยขึ้นเชิงปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน
“แต่รุริ กฎหมายมีไว้สำหรับจัดการกับคนกระทำความผิด นายโชดะถึงจะทำอะไรเลวร้ายแต่ถ้าไม่ทำอะไรผิดกฎหมายก็เดินเชิดหน้ายืดอกได้สบาย ผิดกับพ่อที่จนแต้มขนาดต้องเอาของที่คนรู้จักฝากเอาไว้ไปเข้าโรงจำนำ ซึ่งมันผิดกฎหมาย กฎหมายไม่ลงโทษคนจิตใจชั่วร้ายน่ารังเกียจอย่างนายโชดะ แต่ลงโทษคนที่ทำผิดอย่างเป็นรูปธรรม การกระทำผิดอย่างเป็นรูปธรรมอย่างพ่อ ลูกต้องเข้าใจ”
“แต่ถ้ากฎหมายไม่คุ้มครองคนประสงค์ดีอย่างนี้ ลูกก็ไม่หวังพึ่งกฎหมายอีกต่อไป ลูกจะลงโทษนายโชดะด้วยพลังของลูกเอง ลูกจะทำให้คนใจร้ายคนนี้สำนึกถึงความชั่วร้ายของตัวเองด้วยพลังของลูกเอง”
รุริโกะใส่อารมณืเผ็ดร้อนทุกคำพูด
“เราต้องให้ชายคนนี้ได้รับบทเรียนว่าอำนาจเงินไม่สามารถบันดาลได้ทุกสิ่งทุกอย่าง สอนให้รู้ว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งที่อำนาจเงินไม่สามารถบังคับให้เคลื่อนไหวตามใจได้ ลูกไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าศาลพิพากษาให้ท่านพ่อมีความผิดนายโชดะจะคิดยังไง แต่ลูกอยากให้นายนั่นรู้ว่าโลกเรานี้ยังมีความยุติธรรมที่มีอำนาจเหนือกฎหมาย”
เด็กสาวพูดจ้องหน้าบิดาเขม็งพลางพูดด้วยเสียงเฉียบขาดหนักแน่น
“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอให้ท่านพ่อตัดใจว่ารุริคนนี้ไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้เป็นหน้าที่ลูกจัดการเอง”
ดวงตาของรุริโกะฉายแววแกร่งกร้าวราวเหล็กกล้าแสดงถึงการตัดสินใจเด็ดเดี่ยว บิดาตามความคิดของลูกสาวจึงมองหน้าลูกสาวสุดที่รักอย่างฉงน
“ท่านพ่อคอยดูเถิด รุริจะเป็นอย่างยูดิธ หญิงแกร่ง ผู้พิชิตจอมทัพ คอยดูนะเจ้าคะ”
8
“นางยูดิธ ?”
บิดาผู้สูงศักดิ์ทวนคำอย่างคนไม่เข้าใจความหมายโดยสิ้นเชิง
“ใช่เจ้าค่ะ รุริคิดจะทำตัวเหมือนนางยูดิธ สาวชาวยิวแสนสวยผู้เก่งกล้าคนนั้น”
“หมายความว่าอย่างไรรึ”
บิดาถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ที่ปั่นป่วนเมื่อครู่ก่อนสงบลงมากแล้ว
“ที่รุริบอกว่าจะเป็นเหมือนนางยูดิธก็เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะรับคำขอแต่งงานของนายโชดะเจ้าค่ะ”
เสียงของรุริโอะมีกังวานเยือกเย็น เข้มแข็งเหมือนน้ำแข็งอันเย็นเฉียบ
“ฮะ...อะไรนะ” บิดาอุทานเสียงลั่น ตกตะลึงตัวแข็งเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมาทั้งตัว
“ท่านพ่อ รุริขอร้องให้ท่านพ่อคิดเสียว่ารุริไม่มีตัวตนอีกต่อไป ปล่อยให้ลูกทำตามใจตัวเองเถิด อย่าได้ซักถามเลย”
อารมณ์เด็กสาวเริ่มร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง
“บ้าไปรึเปล่า” บิดาตวาดเสียงลั่น แต่หางเสียงยังแฝงความอาทร
“อย่าคิดอะไรบ้า ๆ นะรุริ เรื่องของลูกสาวที่ขายตัวเพื่อช่วยพ่อแม่ยามยากลำบากน่ะมันโบราณเต็มที ลูกกำลังคิดทำอะไรที่บ้ามาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนฉลาดอย่างลูกจะมาคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้ รุริอยากช่วยพ่อจนทนไปอยู่กับผู้ชายที่โสโครกราวกับหมูเกลือกกลั้วอยู่ในปลักโคลนตมอย่างนั้น แค่คิดก็ขนลุกแล้วลูกเอ๋ย นี่รุริคิดว่าพ่อเป็นคนอับจนสิ้นคิดถึงกับยอมให้ลูกอุทิศตัวช่วยเหลือให้พ้นความยากลำบากได้ง่าย ๆ อย่างนั้นรึ พ่อคนนี้ไม่มีวันยอมให้เจ้าเสียเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวเพื่อช่วยรักษาเกียรติยศชื่อเสียงเอาไว้ ทำไมรุริถึงคิดอะไรบ้า ๆ อย่างนี้ ไม่เหมือนกับลูกสาวคนเดิมที่เฉลียวฉลาดทันคนของพ่อเลย”
บิดาพูดเป็นเชิงดุและดูเหมือนจะใจเสียเอามาก ๆ แต่รุริโกะไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย
“ท่านพ่ออย่าเข้าใจผิดนะเจ้าค่ะ ที่ท่านพ่อพูดมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่เหตุผลที่รุริตัดสินใจครั้งนี้ รุริตั้งใจที่จะสั่งสอนคนจิตใจชั่วร้ายใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือคนนั้นต่างหาก วายร้ายนั่นนอกจากจะใช้ช่องว่างทางกฎหมายแสวงหาผลประโยชน์สร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองแล้ว ยังใช้กฎหมายล่อให้คนดี ๆ มีจรรยาบรรณตกหลุมพลางที่มันวางไว้อีก รุริจะต้องลงโทษให้มันทุกข์ทรมานแสนสาหัส นอกจากจะเป็นการแก้แค้นให้ครอบครัวเราแล้ว ยังตั้งใจจะลงโทษมันเพื่อสังคมและมวลมนุษย์อย่างที่กฎหมายเอื้อมมือเข้าไปจัดการมันไม่ถึงด้วย รุริไม่ได้คิดตื้น ๆ แค่อุทิศตนไถ่ถอนความทุกข์ทรมานแทนท่านพ่อเท่านั้นหรอกนะเจ้าคะ”
รุริโกะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นสะท้อนความมั่นใจและความอุดมปัญญาสมกับความเป็นสตรีสมัยใหม่มีการศึกษาที่จิตใจอาจหาญไม่แพ้บุรุษ
“ความตั้งใจของรุริฟังดูสมเหตุสมผล แต่ที่บอกว่าจะลงโทษไอ้คนใจชั่วด้วยการแต่งงานกับมันนั้น พ่อไม่เข้าใจว่ามันจะเป็นการล้างแค้นให้ตระกูลเรายังไง”
“การแต่งงานเป็นเพียงวิธีที่ลูกจะใช้ลงโทษและแก้แค้นชายใจชั่วให้มันเจ็บปวดทุกข์ทรมานทีละน้อย ๆ ไปเรื่อย ๆ อย่าได้มีความสุขสงบอีกต่อไป”
รุริโกะเหยียดตัวตรง นัยตาแวววาวราวกับจะประทุเป็นดวงไฟออกมา
“ท่านพ่อเจ้าคะ คัมภีร์ใบเบิ้ลบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคโบราณก่อนคริสตกาลเอาไว้เรื่องหนึ่งที่รุริประทับใจมาก เรื่องมีอยู่ว่าครั้งหนึ่งโฮโรเฟอร์เนสจอมทัพผู้มีใจโหดเหี้ยมราวปีศาจจากขุมนรกที่เรืองอำนาจอยู่ในสมัยนั้นยกทัพมาล้อมเมืองอันเป็นที่อยู่อาศัยของชาวยิว ผู้คนในเมืองต่างตื่นตระหนกเสียขวัญกันไปทั่ว เพราะแผ่นดินใดที่จอมทัพผู้นี้กรีฑาทัพผ่านล้วนถูกย่ำยีแหลกรานย่อยยับ ผู้คนถูกเข่นฆ่าทารุณกรรมหากไม่มีใครหนีรอดไปได้ก็เป็นอันว่าสิ้นชาติทุกแห่งไป ท่ามกลางภาวะวิกฤติถึงขีดสุดนั้นเอง สาวน้อยผู้งดงามน่ารักเป็นที่สุดของหมู่บ้านได้ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์งดงามเท่าที่จะหาได้ เชิดชูรูปทรงให้งามสง่าเป็นที่ต้องตาต้องใจชายยิ่งนัก พาสาวใช้คู่ใจติดตัวไปคนเดียวออกเดินทางจากบ้านเกิดเข้าไปยังค่ายทหารของโฮโรเฟอร์เนสที่ตั้งล้อมเมืองอยู่เป็นชั้นเชิงลึกลับซับซ้อนน่าหวาดกลัวไปทุกย่างก้าวจนถึงถ้ำเสือ ขณะที่จอมทัพใจโหดหลงเสน่ห์นางผู้ยอมพลีพรหมจรรย์เป็นเครื่องสังเวยนั้นเองนางก็จ้วงแทงด้วยมีดทีเดียวขาดใจตาย สาวงามผู้ยอมเสียสละพรหมจรรย์อันเป็นสิ่งหวงแหนเทียบเท่าชีวิตของสตรีเพื่อพิทักษ์ชีวิตผู้คนและพรหมจรรย์ของเหล่าสตรีในบ้านเกิดไม่รู้กี่หมื่นกี่พันคนผู้นี้ คือยูดิธ หญิงแกร่งผู้พิชิตจอมทัพ ที่ลูกตั้งใจจะดำเนินรอยตามเจ้าค่ะ”
9
ภาพของหญิงแกร่งกล้าหาญผู้สังหารพิชิตจอมทัพโหดร้ายป่าเถื่อนราวกับถูกเลี้ยงมาด้วยน้ำนมของสัตว์เดียรฉานในขุมนรกด้วยสองแขนอันอ่อนระทวยราวไร้ซึ่งพลกำลังนั้นประทับอยู่ในใจรุริโกะราวกับถูกจารึกไว้ด้วยคมเหล็กแหลม
“ลูกตัดสินใจแล้วว่าจะต่อสู้กับมารร้ายคนนี้ให้รู้ดีรู้ชั่วกันไป เหมือนกับที่ยูดิธพิชิตจอมทัพโฮโรเฟอร์เนส”
จิตใจของรุริโกะฮึกเหิมร้อนเร่า ราวกับว่าวิญญาณของสาวน้อยผู้แกร่งกล้าในยุคเมื่อกว่าสองพันปีได้กลีบมาเกิดอีกครั้งในร่างของสาวศตวรรษที่ยี่สิบที่ญี่ปุ่นแห่งนี้
ทว่าบิดาเยือกเย็นขึ้นมากแล้ว ผู้สูงศักดิ์กล่าวเนิบ ๆ หวังหว่านล้อมเพื่อยับยั้งอารมณ์ร้อนแรงของลูกสาว
“รุริ ลูกอย่าตัดสินใจทำอะไรขณะที่อารมณ์กำลังพลุ่งพล่านอย่างนั้น การจะมาอุทิศพรหมจรรย์ที่ผู้หญิงหวงแหนที่สุดในชีวิตกับเรื่องเช่นนี้มันไม่บังควรอย่างยิ่ง การเสียสละเพื่อคนหลายหมื่นหลายพันคงเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญก็จริงอยู่ แต่นี่จะเอาตัวเข้าแลกเพียงแค่ต้องการแก้แค้นไอ้คนสารเลวให้เจ็บปวดทุกข์ทรมาน พ่อว่าไม่มีอะไรบ้าบอไปกว่านี้อีกแล้ว เลิกคิดบ้า ๆ เสียทีเถิดรุริ พ่อขอร้อง”
“แต่ ท่านพ่อเจ้าขา” ริริโกะเถียงทันควัน
“ท่านพ่อเองก็เคยประนามว่านายนั่นเป็นคนไม่รู้จักพอ สังคมปัจจุบันนี้อำนาจเงินเป็นใหญ่ ต่อให้เป็นคนต่ำช้าแค่ไหน ขอให้มีเงินเสียอย่างใคร ๆ ก็ยกย่องยิ่งใหญ่ราวกับจักรพรรดิก็ไม่ปาน ท่านพ่อเรียกเขาว่าสัตว์นรก และไอ้สัตว์นรกตัวนี้แหละที่ใช้อำนาจเงินคุกคามท่านพ่อผู้สูงศักดิ์ของรุริให้ต้องมานั่งทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้
ศัตรูที่เป็นคู่ต่อสู้ของรุริไม่ใช่นายโชดะ โชเฮ แต่รุริกำลังต่อสู้กับความเลวร้ายของสังคมปัจจุบันที่แสดงออกมาในมนุษย์ที่ชื่อโชดะ โชเฮต่างหาก ต่อสู้กับสังคมที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอำนาจเงิน ไม่มีทั้งความยุติธรรม ความดีงาม ความถูกทำนองคลองธรรม ไร้ศีลธรรมจรรยาทั้งสิ้น ต่อสู้กับอุดมการณ์ที่ว่ามีเงินอย่างเดียวสามารถทำอะไร ๆ ทุกอย่างได้ตามใจ ลูกอยากทำลายวงจรอุบาทนี้ให้แหลกรานไปกับมือ ท่านพ่อคอยดูแล้วกัน”
รุริโกะต่อปากต่อคำกับบิดาซึ่งนิ่งฟังอยู่เงียบ ๆ ด้วยเสียงดังกังวานโดยไม่คำนึงว่าควรต้องวางตัวให้สมกับเป็นกุลสตรีมีตระกูล
“ท่านพ่อเจ้าคะ ที่ยูดิธต้องเสียสละพรหมจรรย์ครั้งนั้นก็เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำให้จอมทัพปีศาจ โฮโรเฟอร์เนสตายใจ นางไม่อาจประมาทใช้ทางเลือกอื่น แต่รุริมั่นใจเจ้าค่ะว่าจะพิชิตชายใจร้ายใจดำคนนี้ด้วยการเป็นภริยาแต่ในนาม ขอให้ท่านพ่อตัดใจลืมเสียว่าเคยมีลูก ส่งรุริไปอยู่กับนายโชดะเสียในสามเดือนหกเดือนนี้เถิด รุริจะทรมานจิตใจชายคนนี้ให้เจ็บปวดแหลกสลายไปกับมือ แทนที่จะใช้มีดแหลมคมทางให้ขาดใจไปทีเดียวอย่างนางยูดิธทำกับโฮโรเฟอร์เนส ท่านพ่อคอยดูเถิด”
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
6
“โดนฟ้องอย่างนี้เราจะเป็นยังไง คงขอยอมความไม่ได้หรอกนะเจ้าคะ”
รุริโกะถามด้วยความวิตกกังวลทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันหายสะอื้น
หยาดน้ำตาที่อาบใบหน้าสะท้อนแสงสลัวดูงามน่าพิศวง
“นี่แหละคือตัวปัญหา ที่ท่านเจ้ากรมขอพบพ่อเป็นส่วนตัวก็เรื่องนี้แหละ ท่านบอกว่าได้พยายามไกล่เกลี่ยให้ยอมความ บอกว่าเรื่องแค่นี้น่าจะตกลงกันได้ ไม่ต้องฟ้องร้องให้พ่อต้องเสียชื่อเสียงในสังคม แต่หมอนั่นยืนกรานว่ามันเสียหายมาก หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมถอนคำฟ้อง นอกจากพ่อจะมาพบและขอโทษมันต่อหน้า ท่านเจ้ากรมเองก็สงสัยเหมือนกันว่ามันมีอะไรกับพ่อหนักหนา แต่ก็หว่านล้อมให้พ่อข่มใจยอมมันเสียเพื่อรักษาหน้าตา เกียรติยศในสังคมเอาไว้ ทางฝ่ายอัยการก็บอกว่าเป็นคดีเล็กน้อยที่ตกลงกันได้ ไม่ควรแก่การยื่นฟ้องถึงขั้นศาล”
เสียงพูดของบิดาที่ต่ำลึกมาตั้งแต่ต้นนั้น พอถึงจุดนี้กลับเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด
“รุริ ลูกคิดดูซิว่าคนอย่างพ่อจะไปก้มหัวขอโทษไอ้หมอนั่นให้มันหยามน้ำหน้าได้หรือ ถ้าต้องทำอย่างนั้นฆ่าพ่อให้ตายเสียดีกว่า แต่ถ้าพ่อไม่ยอมมันก็ไม่ยกฟ้อง และเมื่อถูกดำเนินคดีเรื่องมันก็จะแดงขึ้นมาเป็นที่โจษขานกันไปทั่ว รุริจะพลอยอับอายขายหน้าที่มีพ่อเป็นคนขี้โกงยักยอกของของคนอื่น ไหนจะต้องถูกถอดยศปลดออกจากสภาขุนนาง ฐานะทางสังคมของพ่อต้องถึงคราวล่มสลายแหลกรานไม่เป็นชิ้นดีก็คราวนี้ ลองคิดดูซิรุริ...ไปไหนมาไหนคนเขาจะซุบซิบหัวเราะเยาะหยันกันว่า ดูนั่นซิท่านคะระซะวะที่เขาลือกันว่าเที่ยงตรงที่สุดในสภาขุนนาง กลายเป็นอย่างนั้นไปแล้ว พ่อทนอายไม่ได้แน่และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตายไปเสียให้พ้น ๆ รุริ...ลูกคงเข้าใจความรู้สึกของพ่อดี ที่พ่อตัดสินใจตายเสียดีกว่าทนเผชิญหน้ากับความอับอายอย่างนั้น”
รุริโกะนั่งนิ่งฟังคำของบิดาราวกับรูปสลักหิน เพลิงโทสะที่คุกรุ่นอยู่ทั่วร่างเมื่อครู่ก่อนกลับเย็นเยียบราวน้ำแข็ง
“พ่อตายเสียคนหนึ่ง เจ้านั้นคงจะคลายความแค้น และชื่อเสียงของพ่อก็จะไม่แปดเปื้อน พ่อจึงตัดสินใจไถ่คืนเกียรติศักดิ์ทางสังคมจากมือไอ้มารร้ายด้วยเลือดเนื้อของตัวเอง รุริ...ไม่ใช่ว่าพ่อไม่ได้คิดถึงลูกหรอกนะ ไม่ลืมเลยว่าลูกมีพ่อเป็นที่พึ่งคนเดียวในโลกนี้ แต่พ่อไม่มีทางเลือกจริง ๆ เมื่อคิดว่าจะต้องตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อฉล กลายเป็นผู้ร้ายเช่นเดียวกับหัวขโมย เช่นเดียวกับโจรปล้นทรัพย์สินคนอื่น พ่อไม่มีทางเลือกจริง ๆ แล้วลูกเอ๋ย”
คำพูดของบิดาราวกับถูกบีบคั้นออกมาจากดวงใจที่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส
“แต่พอได้ยินเสียงลูกกรีดร้องที่หน้าประตู มือที่จับมีดกระชับอยู่มันเกิดชาดิกไม่ไหวติงขึ้นมาเสียเฉย ๆ ไม่เคลื่อนไหวดังใจ พ่อตัดไม่ขาด พ่อจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้งลูกไว้ผจญโลกลำพังคนเดียวได้อย่างไร ถึงใจจะสั่งแต่มือมันไม่ทำตาม นาทีนั้นเองที่พ่อรู้เป็นครั้งแรกว่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกนั้น ยิ่งใหญ่กว่าเกียรติศักดิ์ หน้าตาทางสังคม เหนือสมบัติพัสถานใด ๆ ในโลก พ่อคิดได้แล้วว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูก พ่อรู้แล้วว่าถึงไม่มียศศักด์สมบัติพัสถาน แค่มีรุริอยู่ข้าง ๆ พ่อก็มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป คิดขึ้นมาตอนนี้พ่อเสียดายมากที่ทำไม่ดีกับโคอิชิ ทำให้พี่ชายของลูกต้องหุนหันออกจากไปอย่างนั้น พ่อคงกลายเป็นนักโทษคดีโจรกรรมในไม่ช้า แต่รุริอย่าทิ้งพ่อไปอีกคนนะลูก”
ใบหน้าผ่องใสขึ้นด้วยความรู้สึกรักใคร่ใยดี ความรักที่มีต่อลูกดูเหมือนจะช่วยให้ชายผู้สูงศักดิ์หลุดพ้นออกมาจากห้วงลึกแห่งความทุกข์ทรมานได้บ้าง
7
คำพูดแสดงความรักของบิดาสะเทือนใจรุริโกะอย่างยิ่ง ความสะเทือนใจนั้นยิ่งกระพือโหมเพลิงแค้นและชิงชังที่มีต่อนายโชดะให้ลุกโชนร้อนแรงขึ้นไม่รู้ว่ากี่เท่าตัว ร้อนแรงจนแทบจะทำให้เสียสติ
“ท่านพ่อคิดดีแล้วหรือเจ้าคะที่จะยอมทนทรมานกับอำนาจเงินของเจ้าคนชั่วช้า ยอมก้มหัวให้กับกฎหมายที่เข้าข้างคนเจ้าเล่ห์ที่วางกับดักท่านพ่ออย่างไร้ยางอายอย่างนั้น ยอมง่าย ๆ หรือเจ้าคะ”
รุริโกะพูดเสียงกร้าว ผิดกับเด็กสาวที่นุ่มนวลน่ารักคนเดิมราวกับคนละคน
“แต่รุริ ถึงคนใจร้ายมันจะมีเล่ห์เหลี่ยมทั้งล่อทั้งชนแค่ไหน แต่ถ้าพ่อสุขุมรอบคอบพอเรื่องมันก็จะไม่เป็นอย่างนี้ พ่อผิดเต็มตัวที่ทำอะไรไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่อยู่ในฐานะผู้มีหน้าที่รักษากฎหมายเองอย่างนี้”
“ไม่ค่ะ รุริไม่คิดอย่างนั้น” เด็กสาวเถียงเสียงแข็ง
“แผนอุบาทที่ยอกย้อนซ่อนเงื่อนแบบนั้นของนายโชดะ ไม่ว่าใครก็ติดกับดักได้ง่าย ๆ ดูอย่างนายคิโนะชิตะที่ท่านพ่อไว้ใจนั้นเป็นไร ยังถลำเข้าไปให้คนใจชั่วซื้อไปด้วยอำนาจเงินแล้วใช้ให้มาล่อท่านพ่อเข้าไปติดกับมันได้ ถ้าประเทศเรามีกฎหมายที่ยุติธรรมจริง ๆ นายโชดะนั่นแหละควรจะถูกลงโทษมากกว่า ลูกอยากสาปแช่งกฎหมายที่กลายเป็นเครื่องมือของคนชั่วอย่างนายโชดะ ให้มีอันเป็นต้องพินาศไปโดยเร็ว”
ใบหน้างามของเด็กสาวบึ้งตึง นัยตาทั้งคู่เป็นประกายร้อนแรงไปด้วยความเคียดแค้นจนแทบจะลุกเป็นไฟ
“ท่านพ่ออย่าท้อแท้ไปเลยนะเจ้าคะที่โดนเจ้าคนเจ้าเล่ห์ฟ้องร้องเอาอย่างนั้น เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด อย่าไปยอมแพ้คนพันธุ์อย่างนั้น ลูกผู้ชายจริง ๆ เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก”
รุริโกะขึ้นเสียงกราดเกรี้ยว บิดาที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นานเอ่ยขึ้นเชิงปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน
“แต่รุริ กฎหมายมีไว้สำหรับจัดการกับคนกระทำความผิด นายโชดะถึงจะทำอะไรเลวร้ายแต่ถ้าไม่ทำอะไรผิดกฎหมายก็เดินเชิดหน้ายืดอกได้สบาย ผิดกับพ่อที่จนแต้มขนาดต้องเอาของที่คนรู้จักฝากเอาไว้ไปเข้าโรงจำนำ ซึ่งมันผิดกฎหมาย กฎหมายไม่ลงโทษคนจิตใจชั่วร้ายน่ารังเกียจอย่างนายโชดะ แต่ลงโทษคนที่ทำผิดอย่างเป็นรูปธรรม การกระทำผิดอย่างเป็นรูปธรรมอย่างพ่อ ลูกต้องเข้าใจ”
“แต่ถ้ากฎหมายไม่คุ้มครองคนประสงค์ดีอย่างนี้ ลูกก็ไม่หวังพึ่งกฎหมายอีกต่อไป ลูกจะลงโทษนายโชดะด้วยพลังของลูกเอง ลูกจะทำให้คนใจร้ายคนนี้สำนึกถึงความชั่วร้ายของตัวเองด้วยพลังของลูกเอง”
รุริโกะใส่อารมณืเผ็ดร้อนทุกคำพูด
“เราต้องให้ชายคนนี้ได้รับบทเรียนว่าอำนาจเงินไม่สามารถบันดาลได้ทุกสิ่งทุกอย่าง สอนให้รู้ว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งที่อำนาจเงินไม่สามารถบังคับให้เคลื่อนไหวตามใจได้ ลูกไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าศาลพิพากษาให้ท่านพ่อมีความผิดนายโชดะจะคิดยังไง แต่ลูกอยากให้นายนั่นรู้ว่าโลกเรานี้ยังมีความยุติธรรมที่มีอำนาจเหนือกฎหมาย”
เด็กสาวพูดจ้องหน้าบิดาเขม็งพลางพูดด้วยเสียงเฉียบขาดหนักแน่น
“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอให้ท่านพ่อตัดใจว่ารุริคนนี้ไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้เป็นหน้าที่ลูกจัดการเอง”
ดวงตาของรุริโกะฉายแววแกร่งกร้าวราวเหล็กกล้าแสดงถึงการตัดสินใจเด็ดเดี่ยว บิดาตามความคิดของลูกสาวจึงมองหน้าลูกสาวสุดที่รักอย่างฉงน
“ท่านพ่อคอยดูเถิด รุริจะเป็นอย่างยูดิธ หญิงแกร่ง ผู้พิชิตจอมทัพ คอยดูนะเจ้าคะ”
8
“นางยูดิธ ?”
บิดาผู้สูงศักดิ์ทวนคำอย่างคนไม่เข้าใจความหมายโดยสิ้นเชิง
“ใช่เจ้าค่ะ รุริคิดจะทำตัวเหมือนนางยูดิธ สาวชาวยิวแสนสวยผู้เก่งกล้าคนนั้น”
“หมายความว่าอย่างไรรึ”
บิดาถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ที่ปั่นป่วนเมื่อครู่ก่อนสงบลงมากแล้ว
“ที่รุริบอกว่าจะเป็นเหมือนนางยูดิธก็เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะรับคำขอแต่งงานของนายโชดะเจ้าค่ะ”
เสียงของรุริโอะมีกังวานเยือกเย็น เข้มแข็งเหมือนน้ำแข็งอันเย็นเฉียบ
“ฮะ...อะไรนะ” บิดาอุทานเสียงลั่น ตกตะลึงตัวแข็งเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมาทั้งตัว
“ท่านพ่อ รุริขอร้องให้ท่านพ่อคิดเสียว่ารุริไม่มีตัวตนอีกต่อไป ปล่อยให้ลูกทำตามใจตัวเองเถิด อย่าได้ซักถามเลย”
อารมณ์เด็กสาวเริ่มร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง
“บ้าไปรึเปล่า” บิดาตวาดเสียงลั่น แต่หางเสียงยังแฝงความอาทร
“อย่าคิดอะไรบ้า ๆ นะรุริ เรื่องของลูกสาวที่ขายตัวเพื่อช่วยพ่อแม่ยามยากลำบากน่ะมันโบราณเต็มที ลูกกำลังคิดทำอะไรที่บ้ามาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนฉลาดอย่างลูกจะมาคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้ รุริอยากช่วยพ่อจนทนไปอยู่กับผู้ชายที่โสโครกราวกับหมูเกลือกกลั้วอยู่ในปลักโคลนตมอย่างนั้น แค่คิดก็ขนลุกแล้วลูกเอ๋ย นี่รุริคิดว่าพ่อเป็นคนอับจนสิ้นคิดถึงกับยอมให้ลูกอุทิศตัวช่วยเหลือให้พ้นความยากลำบากได้ง่าย ๆ อย่างนั้นรึ พ่อคนนี้ไม่มีวันยอมให้เจ้าเสียเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวเพื่อช่วยรักษาเกียรติยศชื่อเสียงเอาไว้ ทำไมรุริถึงคิดอะไรบ้า ๆ อย่างนี้ ไม่เหมือนกับลูกสาวคนเดิมที่เฉลียวฉลาดทันคนของพ่อเลย”
บิดาพูดเป็นเชิงดุและดูเหมือนจะใจเสียเอามาก ๆ แต่รุริโกะไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย
“ท่านพ่ออย่าเข้าใจผิดนะเจ้าค่ะ ที่ท่านพ่อพูดมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่เหตุผลที่รุริตัดสินใจครั้งนี้ รุริตั้งใจที่จะสั่งสอนคนจิตใจชั่วร้ายใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือคนนั้นต่างหาก วายร้ายนั่นนอกจากจะใช้ช่องว่างทางกฎหมายแสวงหาผลประโยชน์สร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองแล้ว ยังใช้กฎหมายล่อให้คนดี ๆ มีจรรยาบรรณตกหลุมพลางที่มันวางไว้อีก รุริจะต้องลงโทษให้มันทุกข์ทรมานแสนสาหัส นอกจากจะเป็นการแก้แค้นให้ครอบครัวเราแล้ว ยังตั้งใจจะลงโทษมันเพื่อสังคมและมวลมนุษย์อย่างที่กฎหมายเอื้อมมือเข้าไปจัดการมันไม่ถึงด้วย รุริไม่ได้คิดตื้น ๆ แค่อุทิศตนไถ่ถอนความทุกข์ทรมานแทนท่านพ่อเท่านั้นหรอกนะเจ้าคะ”
รุริโกะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นสะท้อนความมั่นใจและความอุดมปัญญาสมกับความเป็นสตรีสมัยใหม่มีการศึกษาที่จิตใจอาจหาญไม่แพ้บุรุษ
“ความตั้งใจของรุริฟังดูสมเหตุสมผล แต่ที่บอกว่าจะลงโทษไอ้คนใจชั่วด้วยการแต่งงานกับมันนั้น พ่อไม่เข้าใจว่ามันจะเป็นการล้างแค้นให้ตระกูลเรายังไง”
“การแต่งงานเป็นเพียงวิธีที่ลูกจะใช้ลงโทษและแก้แค้นชายใจชั่วให้มันเจ็บปวดทุกข์ทรมานทีละน้อย ๆ ไปเรื่อย ๆ อย่าได้มีความสุขสงบอีกต่อไป”
รุริโกะเหยียดตัวตรง นัยตาแวววาวราวกับจะประทุเป็นดวงไฟออกมา
“ท่านพ่อเจ้าคะ คัมภีร์ใบเบิ้ลบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคโบราณก่อนคริสตกาลเอาไว้เรื่องหนึ่งที่รุริประทับใจมาก เรื่องมีอยู่ว่าครั้งหนึ่งโฮโรเฟอร์เนสจอมทัพผู้มีใจโหดเหี้ยมราวปีศาจจากขุมนรกที่เรืองอำนาจอยู่ในสมัยนั้นยกทัพมาล้อมเมืองอันเป็นที่อยู่อาศัยของชาวยิว ผู้คนในเมืองต่างตื่นตระหนกเสียขวัญกันไปทั่ว เพราะแผ่นดินใดที่จอมทัพผู้นี้กรีฑาทัพผ่านล้วนถูกย่ำยีแหลกรานย่อยยับ ผู้คนถูกเข่นฆ่าทารุณกรรมหากไม่มีใครหนีรอดไปได้ก็เป็นอันว่าสิ้นชาติทุกแห่งไป ท่ามกลางภาวะวิกฤติถึงขีดสุดนั้นเอง สาวน้อยผู้งดงามน่ารักเป็นที่สุดของหมู่บ้านได้ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์งดงามเท่าที่จะหาได้ เชิดชูรูปทรงให้งามสง่าเป็นที่ต้องตาต้องใจชายยิ่งนัก พาสาวใช้คู่ใจติดตัวไปคนเดียวออกเดินทางจากบ้านเกิดเข้าไปยังค่ายทหารของโฮโรเฟอร์เนสที่ตั้งล้อมเมืองอยู่เป็นชั้นเชิงลึกลับซับซ้อนน่าหวาดกลัวไปทุกย่างก้าวจนถึงถ้ำเสือ ขณะที่จอมทัพใจโหดหลงเสน่ห์นางผู้ยอมพลีพรหมจรรย์เป็นเครื่องสังเวยนั้นเองนางก็จ้วงแทงด้วยมีดทีเดียวขาดใจตาย สาวงามผู้ยอมเสียสละพรหมจรรย์อันเป็นสิ่งหวงแหนเทียบเท่าชีวิตของสตรีเพื่อพิทักษ์ชีวิตผู้คนและพรหมจรรย์ของเหล่าสตรีในบ้านเกิดไม่รู้กี่หมื่นกี่พันคนผู้นี้ คือยูดิธ หญิงแกร่งผู้พิชิตจอมทัพ ที่ลูกตั้งใจจะดำเนินรอยตามเจ้าค่ะ”
9
ภาพของหญิงแกร่งกล้าหาญผู้สังหารพิชิตจอมทัพโหดร้ายป่าเถื่อนราวกับถูกเลี้ยงมาด้วยน้ำนมของสัตว์เดียรฉานในขุมนรกด้วยสองแขนอันอ่อนระทวยราวไร้ซึ่งพลกำลังนั้นประทับอยู่ในใจรุริโกะราวกับถูกจารึกไว้ด้วยคมเหล็กแหลม
“ลูกตัดสินใจแล้วว่าจะต่อสู้กับมารร้ายคนนี้ให้รู้ดีรู้ชั่วกันไป เหมือนกับที่ยูดิธพิชิตจอมทัพโฮโรเฟอร์เนส”
จิตใจของรุริโกะฮึกเหิมร้อนเร่า ราวกับว่าวิญญาณของสาวน้อยผู้แกร่งกล้าในยุคเมื่อกว่าสองพันปีได้กลีบมาเกิดอีกครั้งในร่างของสาวศตวรรษที่ยี่สิบที่ญี่ปุ่นแห่งนี้
ทว่าบิดาเยือกเย็นขึ้นมากแล้ว ผู้สูงศักดิ์กล่าวเนิบ ๆ หวังหว่านล้อมเพื่อยับยั้งอารมณ์ร้อนแรงของลูกสาว
“รุริ ลูกอย่าตัดสินใจทำอะไรขณะที่อารมณ์กำลังพลุ่งพล่านอย่างนั้น การจะมาอุทิศพรหมจรรย์ที่ผู้หญิงหวงแหนที่สุดในชีวิตกับเรื่องเช่นนี้มันไม่บังควรอย่างยิ่ง การเสียสละเพื่อคนหลายหมื่นหลายพันคงเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญก็จริงอยู่ แต่นี่จะเอาตัวเข้าแลกเพียงแค่ต้องการแก้แค้นไอ้คนสารเลวให้เจ็บปวดทุกข์ทรมาน พ่อว่าไม่มีอะไรบ้าบอไปกว่านี้อีกแล้ว เลิกคิดบ้า ๆ เสียทีเถิดรุริ พ่อขอร้อง”
“แต่ ท่านพ่อเจ้าขา” ริริโกะเถียงทันควัน
“ท่านพ่อเองก็เคยประนามว่านายนั่นเป็นคนไม่รู้จักพอ สังคมปัจจุบันนี้อำนาจเงินเป็นใหญ่ ต่อให้เป็นคนต่ำช้าแค่ไหน ขอให้มีเงินเสียอย่างใคร ๆ ก็ยกย่องยิ่งใหญ่ราวกับจักรพรรดิก็ไม่ปาน ท่านพ่อเรียกเขาว่าสัตว์นรก และไอ้สัตว์นรกตัวนี้แหละที่ใช้อำนาจเงินคุกคามท่านพ่อผู้สูงศักดิ์ของรุริให้ต้องมานั่งทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้
ศัตรูที่เป็นคู่ต่อสู้ของรุริไม่ใช่นายโชดะ โชเฮ แต่รุริกำลังต่อสู้กับความเลวร้ายของสังคมปัจจุบันที่แสดงออกมาในมนุษย์ที่ชื่อโชดะ โชเฮต่างหาก ต่อสู้กับสังคมที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอำนาจเงิน ไม่มีทั้งความยุติธรรม ความดีงาม ความถูกทำนองคลองธรรม ไร้ศีลธรรมจรรยาทั้งสิ้น ต่อสู้กับอุดมการณ์ที่ว่ามีเงินอย่างเดียวสามารถทำอะไร ๆ ทุกอย่างได้ตามใจ ลูกอยากทำลายวงจรอุบาทนี้ให้แหลกรานไปกับมือ ท่านพ่อคอยดูแล้วกัน”
รุริโกะต่อปากต่อคำกับบิดาซึ่งนิ่งฟังอยู่เงียบ ๆ ด้วยเสียงดังกังวานโดยไม่คำนึงว่าควรต้องวางตัวให้สมกับเป็นกุลสตรีมีตระกูล
“ท่านพ่อเจ้าคะ ที่ยูดิธต้องเสียสละพรหมจรรย์ครั้งนั้นก็เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่สามารถทำให้จอมทัพปีศาจ โฮโรเฟอร์เนสตายใจ นางไม่อาจประมาทใช้ทางเลือกอื่น แต่รุริมั่นใจเจ้าค่ะว่าจะพิชิตชายใจร้ายใจดำคนนี้ด้วยการเป็นภริยาแต่ในนาม ขอให้ท่านพ่อตัดใจลืมเสียว่าเคยมีลูก ส่งรุริไปอยู่กับนายโชดะเสียในสามเดือนหกเดือนนี้เถิด รุริจะทรมานจิตใจชายคนนี้ให้เจ็บปวดแหลกสลายไปกับมือ แทนที่จะใช้มีดแหลมคมทางให้ขาดใจไปทีเดียวอย่างนางยูดิธทำกับโฮโรเฟอร์เนส ท่านพ่อคอยดูเถิด”