MGR Online - รวบแล้ว! เขยโหดแทงพ่อตาแม่ยายตาย อดีตเมียเผยเรื่องอืดไม่คืบหน้าหนีคดี 13 ปีได้ มีญาติเป็นบิ๊ก ตร. ในจังหวัดเชียงราย ปมเหตุเลิกราอดีตสามี โมโหร้าย ทุบตีขอมีเพศสัมพันธ์ ร่ำไห้ขอบคุณสื่อ - ตร.
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 15.30 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย น.ส.รัชนก บุญทาทอง น.ส.รัชฎาพร บุญทาทอง บุตรสาวของ นายจำลอง บุญทองทา และ นางบัว บุญทองทา ที่ถูกนายกฤษณะชัย จันทราศรี อดีตสามี น.ส.รัชฎาพร ซึ่งเป็นเภสัชกร ใช้มีดแทงพ่อตาแม่ยายเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 26 ม.ค. 2548 ที่ผ่านมา เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) หลังคดีผ่านไป 13 ปี ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า หลังจากทราบข่าว ตนได้สั่งให้ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.5) ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามจับกุม จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีเข้ามาในพื้นที่ กทม. ล่าสุด ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ว่า เมื่อเวลา 14.00 น. สามารถจับกุม นายกฤษณะชัย จันทราศรี อายุ 51 ปี ชาว จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 23/2548 ลงวันที่ 26 ม.ค. 2548 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ได้ในท้องที่ สน.ดอนเมือง และขณะเดียวกัน ล่าสุด ศาลจังหวัดเชียงราย ได้อนุมัติหมายจับ น.ส.ยุพิน ปานลอยวงค์ อายุ 28 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี ลูกจ้างของนายกฤษณะชัย ตามหมายจับที่ 217/2560 ลงวันที่ 22 มิ.ย. 2560 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยล่าสุดสามารถจับกุมได้ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
น.ส.รัชฎาพร กล่าวว่า ตนอยู่กินกับ นายกฤษณะชัย สามีเป็นเวลา 2 ปี ระหว่างนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร ก่อนที่สามีจะเริ่มโมโหร้าย พยายามขอมีเพศสัมพันธ์ตลอด และทุบตีตน จนทนไม่ไหว จึงขอเลิก แต่กลับถูกข่มขู่ว่าถ้าเลิกจะถูกฆ่าทั้งครอบครัว ตนจึงหนีออกมาอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ กระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งในงานศพอดีตสามีก็ยังโทรศัพท์มาข่มขู่ ว่า ตำรวจไม่มีทางจับได้ ซึ่งเรื่องราวผ่านมากว่า 12 - 13 ปี แต่ทางคดีกลับไม่มีความคืบหน้า ทราบว่า พี่เขยของนายกฤษณะชัย เป็นตำรวจใหญ่ในจังหวัดเชียงรายขณะนั้นด้วย ประกอบกับน้องชายอดีตสามี ก็เป็นครูในโรงเรียนที่น้องสาวเรียนอยู่ ทำให้ตนรู้สึกไม่ปลอดภัยตลอดเวลา
ด้าน น.ส.รัชนก กล่าวว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ขณะที่ นายกฤษณะชัย ก่อเหตุฆ่าบิดาและมารดา โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 01.40 น. ปี 2548 ขณะนั้นตนอายุเพียง 15 ปี โดยคืนนั้น ตนเห็นกับตาตัวเองขณะที่นายกฤษณะชัยกำลังใช้มีดจ้วงแทงพ่อและแม่อยู่ โดยมารดาร้องบอกให้ตนเองหลบหนีไป จึงรอดมาได้ แต่ถึงแม้จะรอดมาได้ ก็ต้องอยู่ในสภาพหวาดระแวงตลอดเวลา ต้องกินยาระงับประสาท ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา
นายกฤษณะชัย ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยวันเกิดเหตุไม่ได้ตั้งจะลงมือฆ่าผู้เสียชีวิต ทั้ง 2 คน แต่ด้วยปัญหาที่สะสมมากับ น.ส.รัชฎาพร อดีตภรรยา จึงชักชวน น.ส.ยุพิน ซึ่งเป็นลูกจ้างซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดปากเสียงและใช้อาวุธมีดที่นำติดตัวไป ลงมือโดยไม่รู้ตัว และหลบหนี จนกระทั่งปี 2554 ได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ สน.ดอนเมือง ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ขายอาหารตามสั่ง และเปิดร้านขายของชำใช้ชีวิตกับภรรยาใหม่ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป
"ตอนนั้นเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนั้นไม้รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป หลังก่อเหตุ 2 ปี ก็สำนึกผิดมาโดยตลอด และคิดว่า ครอบครัวผู้เสียหายจะให้อภัยแล้ว แต่พอมีข่าวออกมาทราบว่า ครอบครัวผู้เสียหายอยู่อย่างทุกข์ทรมานมาตลอด 13 ปี จึงรู้สึกสงสาร และอยากให้ครอบครัวผู้เสียหายอภัยและอโหสิกรรมให้ ซึ่งการอโหสิกรรมก็ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะพ้นผิด แต่การให้อภัยคือสิ่งที่จะทำให้พ้นทุกข์และเขาจะมีชีวิตที่มีความสุขตลอดไป การเอาผมไปประหารก็ไม่ได้ช่วยอะไร แต่การให้อภัยต่างหากที่จะทำให้พ้นทุกข์"นายกฤษณะชัย กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วิรัช สุมนาพันธุ์ รองผบก.ภ.จว.เชียงราย ระบุว่า ตลอด13 ปีที่ผ่านมา ตำรวจได้พยายามติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาโดยตลอด แต่ที่ไม่สามารถจับกุมตัวได้ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีการเคลื่อนไหว ทางทะเบียนราษฎร์ตั้งแต่ปี 2547 และย้ายถิ่นฐานหลบหนี รวมถึงการตรวจสอบทางโทรศัพท์มือถือก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากผู้ต้องหาใช้โทรศัพท์สาธารณะในการข่มขู่พยาน แต่คดีนี้ ตำรวจได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปตั้งแต่ปี 2548 แล้ว และหลังจับกุมตัวได้ผู้ต้องหาทั้งสองก็ให้การรับสารภาพ จึงเตรียมคุมตัวกลับไปดำเนินคดีที่จังหวัดเชียงรายในวันพรุ่งนี้ รวมถึงชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพและคุมตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงราย พร้อมคัดค้านการประกันตัว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่ามีผู้มีอิทธิพลเข้ามาให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาจนไม่สามารถจับกุมตัวได้ พ.ต.อ.วิรัช ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และเชื่อว่าจะมีผู้ให้การช่วยเหลือ เนื่องจากตนเองทำงานเป็นข้าราชการตำรวจในพื้นที่มานานกว่า 33 ปี แต่หากตรวจสอบพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชากระทำการเช่นนั้นจริงก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาโดยไม่ละเว้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทราบข่าวการจับกุมคนร้ายได้ น.ส.รัชฎาภร กับ น.ส.รัชนก ต่างโผเข้ากอดกันและร่ำไห้ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้สื่อข่าวที่ช่วยนำเสนอข่าวจนสามารถจับกุมคนร้ายได้ หลังเกิดเหตุ 13 ปี คดีไม่คืบหน้า ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวและถูกข่มขู่มาโดยตลอด ขณะนี้รู้สึกสบายใจขึ้นที่สามารถจับกุมคนร้ายได้
